แรงปณิธานกับแรงบาปเวร
ตอนที่ 5
แจกแจง "หอผิดบาป"
ผู้น้อยได้เห็นข้อความเหล่านั้นแล้ว เกิดอาการดีใจผยองตนขึ้นมาทันที คิดว่า "ที่แท้บุญกุศลของเราไม่น้อยแล้ว มิน่าเล่า พระองค์จอมชันษาฯจึงช่วยชีวิตเรา" แน่นอน นี่เป็นความคิดของคนตาบอด เพียงแค่คิดเท่านั้น พระองค์จอมชันษาฯก็รับทราบทันที พระองค์เรียกว่า "เจ้าออกมานี่ ออกมานี" ก่อนหน้านี้ ผู้น้อยจะก้มศรีษะเหลือบดูพระองค์จอมชันษาฯ ตลอดเวลา แต่พอเห็นผลบุญบารมีของตนเองแล้วชักลืมตัว จึงเงยหน้ายืดไหล่ พระองค์โปรดว่า "อย่าดีใจไป เห็นบ้านหลังตรงข้ามนั่นไหม" ที่ดูอยู่ตรงหน้าขณะนี้คือ หอบุญกุศลรูปทรงเสลี่ยงเจ้า สูงกว่าโต๊ะพระขนาดใหญ่ฟุตกว่า แต่ที่พระองค์ให้ดูหอตรงข้ามนั้น เป็นสิ่งปลูกสร้างสูงสามชั้น สีดำ ชั้นหนึ่งของหอดำ ยกระดับสูงขึ้นไปอีก (เหมือนอาคารต่อเติม) เท่ากับความสูงของอาคารทางโลกอีกสามชั้นและอีกสามชั้น ฉะนั้น หอดำสามชั้นจึงเท่ากับเก้าชั้นของเรา พระองค์จอมชันษา ฯโปรดว่า "ในหอนี้ บันทึกโทษผิดบาปในการปฏิบัติบำเพ็ญของผู้ที่ได้รับธรรมะแล้ว" พระองค์โปรดว่า "เจ้าก็เข้าไปดูเสียด้วย" ผู้น้อยกลัวมาก คิดว่า "เราทำอะไรไปบ้างหนอ... ทำไมจึงมีโทษผิดบาปมากมายอย่างนี้" เข้าไปชั้นที่หนึ่ง เป็นบันทึกเกี่ยวกับ "เทียนมิ่ง"
ข้อหนึ่ง "ตั้งปณิธาน ไม่บรรลุปณิธาน" เช่น มาตั้งปณิธานที่สถานธรรม (มาบนบาน) จะบริจาคเพื่อตนเองหรือบริจาคเพื่อสถานธรรม ทุกคนทำการอุทิศส่วนกุศลทำเป็น โดยมีแต่ปณิธาน ไม่มีการกระทำจริง เบื้องบนก็จะจดว่า "ตั้งปณิธาน ไม่สำเร็จปณิธาน" ยังมีอีกคือ "ปณิธานพล่อย ๆ" พูดเล่นไปตามเพลง เช่น "นำพามารับธรรมะ หนึ่งร้อยคนไม่มีปัญหา" ตั้งปณิธานแล้วจะต้องไปทำจริง ๆ ให้ได้หนึ่งร้อยคน จึงว่าบางอย่างพูดพล่อย ๆไม่ได้ เราตั้งปณิธานพล่อย ๆ แต่เบื้องบนบันทึกไว้จริง ๆ ถ้าเราจะไม่ทำตามนั้นก็ต้องหาทางบอกกล่าวต่อเบื้องบนเอง เราไปชักชวนคน คน ๆ นั้นยอมรับว่าจะมารับธรรมะ แต่สุดท้ายเราไม่ได้นำพาเขามา อย่างนี้เราก็มีผิดบาป ในเรื่องนี้ ผู้น้อยเห็นความผิดใหญ่สองกรณีคือ
1. คนคนนี้รับปากว่าจะมารับธรรมะ แต่พลาดจากวาระบุญ ข้าง ๆ ชื่อของเขา มีชื่อคนอื่น ๆ อีกประมาณห้าร้อยกว่าคน (เขาพลาดวาระบุญ เพราะเราไม่ได้ไปนำพาเขามา) มีหมายเหตุว่าห้าร้อยกว่าคนนี้ จะถึงวาระบุญได้รับธรรมะ ครั้งหน้าเมื่ออีกสิบชาติต่อไป
2. อีกคนหนึ่งที่พลาดจากบุญวาระรับธรรมะ ข้าง ๆ ชื่อของเขาก็มีรายชื่อหนึ่งพันกว่าคน มีหมายเหตุว่า หนึ่งพันกว่าคนเหล่านี้ จะถึงวาระบุญได้รับธรรมะครั้งหน้าเมือ่อีกสามสิบชาติต่อไป
ทั้งสองรายนี้ ผู้น้อยได้พูดจากับเขาไว้อย่างมั่นเหมาะ คิดว่าไม่ยาก เสร็จธุระแล้วพาเขามารับธรรมะ ทุกอย่างโอเค แต่ผลสุดท้าย พอผู้น้อยหายป่วยแล้วไปหาเขาปรากฏว่า เขาทั้งสองตายไปก่อนหน้านี้ คนหนึ่งประสบอุบัติเหตุจากรถชน อีกคนหนึ่งเป็นมะเร็งตายจากยาเสพติด คนนี้อีกสามสิบชาติจึงจะได้มารับธรรมะ คนที่เกิดอุบัติเหตุจะต้องอีกสิบชาติ ผู้น้อยไม่รู้ว่าเขาตายเสียแล้ว ไม่ทันได้เพิ่มพูนบุญปัจจัยแก่เขา เมื่อถึงเวลาบุญจะได้รับธรรมะอาจเป็นไปได้ว่า ขณะเดียวกัน เวรกรรมตามมาทวงก็ได้ประชิดติดตัวแล้วพร้อมกัน เมื่อเวรกรรมที่ร่วมกันกระทำมาถึงคราวจะเก็บล้าง เหตุนั้นจะเป็นไปได้หลายอย่าง ทั้งไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว อุทกภัย จี้ปล้น อุบัติเหตุเรื่องรถ เรื่องถนน พร้อมที่จะกวาดล้างผู้ร่วมเวรกรรมหมู่ไปพร้อมกัน ฉะนั้น จึงมีเหตุบันดาลใจให้ใคร่ับวิถีธรรมบำเพ็ญ เหตุนี้ เราทุกคนจึงต้องรีบไปสกัด ไปฉุดช่วยนำพาใคร ๆ ให้ได้รับธรรมะ โดยเฉพาะยุคกาลนี้ เป็นวาระของบาปเวรประดังมา ผิดจากบุญวาระนี้แล้ว ไม่รู้จะต้องรอไปอีกกี่ชั่วคน หนึ่งชั่วคนหนึ่งชาติ หนึ่งชาติคือสามสิบปี สิบชาติ สามร้อยปี สามร้อยปีภายหลัง จะได้พบการปรกแผ่แพร่ธรรมอย่างนี้อีกหรือไม่ จะได้พบคน ๆ นี้อีกหรือไม่ เป็นเรื่องยาก รับรองไม่ได้ ถ้าสามสิบชาติ เก้าร้อยปี หนึ่งพันปียิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย จึงต้องรีบรักษาโอกาส