ภูเขาหนีซิวที่งดงาม 5
รถม้าจอดที่เชิงเขาด้านตะวันออกของภูเขาหนีซิว สูเหลียงเฮ่อรีบกระโดดลงจากรถม้า มาประคองเจิงจ้ายลงจากรถอย่างทะนุถนอม หลังจากทั้งสองได้จัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ต่างนำสิ่งของเครื่องเซ่นที่จัดเตรียมไว้ปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขา ระหว่างทางได้เห็นตนสนเบียดชะลูดเป็นแนวไพร ทิวทัศน์เขียวชะอุ่มชุ่มขจี หยดน้ำที่เกาะติดบนใบหญ้าได้ต้องแสงอุษาจนเปล่งประกายดุจเม็ดอัญมณีสีรุ้งไปทั่วทุ่ง ภาพภูเขาหนีซิวที่ต้องใจ ได้ทำให้ทั้งสองลืมความต่างลืมความเหน็ดเหนื่อยจากการป่ายเขาไปเสียสิ้น ครั้นทั้งสองเดินถึงไหล่เขา ได้เห็นศาลเทพารักษ์แห่งหุบเขา ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ้งกว้างที่ปูลาดด้วยดอกไม้ป่าเหลืองอร่าม ทุ่งกว้างสีเหลืองได้ถูกปะแชมด้วยหญ้าอ่อนที่มีความอ่อนนุ่ม ดุจพรมสีเขียวผืนใหญ่ นกน้อยต่างแข่งขันประชันเพลงบนต้นไม้ ผีเสื้อดูเหมือนจะออกมารำร่ายไปกับจังหวะเพลงแห่งสกุณา ทัศนียภาพอันงดงามเหล่านี้ ได้ทำให้เจิงจ้ายถึงกับอุทานออกมาด้วยความประทับใจว่า "ช่างเป็นสวรรค์บนแดนดินโดยแท้" ครั้นสูเหลียงเฮ่อได้ยินก็อดขำเสียมิได้ เพราะเขารู้สึกว่าภรรยาที่ยังสาวของตนคนนี้ยังติดความไร้เดียงสาของเด็กอยู่ สูเหลียงเฮ่อได้เข้าประคับประคองภรรยาของตนเดินตรงไปยังศาลเจ้าอย่างทะนุถนอม ทั้งสองต่างช่วยกันจัดส่งเครื่องเซ่นอย่างปราณีต แล้วจึงอธิษฐานขอพรประทานบุตรจากเทพารักษ์ด้วยความศรัทธา หลังจากกราบไหว้ขอพรเสร็จ ทั้งสองต่างเดินลัดเลาะลงเขาตามทางเดิม และขึ้นรถกลับบ้านท่ามกลางายัณห์สมัยด้วยความสำราญใจ
ตั้งแต่ได้กลับจากขอพรที่ภูเขาหนีซิวแล้ว เจิงจ้ายก็เปลี่ยนเป็นคนที่ร่าเริงสดใส อาหารการกินก็ทานได้มากยิ่งกว่าเก่า ร่างกายจึงอ้วนท้วนแข็งแรงขึ้นอย่างมากมาย เหมันตฤดูของปีนั้น เจิงจ้ายได้ตั้งครรภ์สมดังที่ใจปรารถนามานาน และทุกครั้งที่นางนึกถึงความรู้สึกของการเป็นมารดา จิตใจก็จะเปลี่ยนล้นด้วยความหวานชื่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ส่วนหนึ่งก็อดเป็นห่วงเสียมิได้ว่าลูกที่อยู่ในครรภ์ จะเป็นคนพิการเช่นเมิ่งผีหรือไม่ และทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ เจิงจ้ายก็จะยิ่งดูแลเอาใจใส่เมิ่งผีมากขึ้นเป็นพิเศษ ตอนนั้น เมิ่งผี มีอายุห้าขวบบริบูรณ์ นางจึงเริ่มสอนให้รู้จักตัวหนังสือ สอนให้รู้จักการละเล่นทุกอย่าง ทั้งนี้เพื่อให้เมิ่งผีมีความสนุกสนานและลดปมด้อยในจิตใจให้จางลง สิ่งเหล่านี้ที่เจิงจ้ายได้ทำก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่สูเหลียงเฮ่อและมารดาบังเกิดเกล้าของเมิ่งผีเป็นอย่างมาก เขาทั้งสองจึงต่างเฝ้าอธิษฐานให้เจิงจ้ายประสบแต่ความสุขความเจริญอยู่เสมอ เวลาครบกำหนดคลอดใกล้เข้ามาทุกที สูเหลียงเฮ่อและแม่ของเมิ่งผี ต่างสาละวนกับการตระเตรียมจนจ้าละหวั่น และบ่อยครั้งที่ซือซื่อก็มาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน เนื่องจากสูเหลียงเฮ่อทราบดีว่าภรรยาของตนชอบทิวทัศน์ที่ภูเขาหนีซิว จึงได้ตัดสินใจปลูกกระท่อมหลังน้อยที่เชิงเขาหนีซิวขึ้น หลังก่อสร้างเสร็จแล้วก็ได้ขับรถม้าส่งเจิงจ้ายไปที่นั่นในวันต่อมา เจิงจ้ายรู้สึกผูกพันกับที่นี้มากเป็นพิเศษ เวลานั้นตรงกับฤดูใบไม้ผลิ รอบเชิงเขาหนีซิวจึงปกคลุมด้วยดอกเบญจมาศป่าเหลืองสุกลูกหูลูกตา เจิงจ้ายรู้สึกปลาบปลื้มปิติจนถึงกับลืมตัวว่ากำลังจะเป็นแม่คนในไม่ช้า เพราะความสวยงามแห่งธรรมชาติที่ยังมิได้ผ่านการเจียระไน ได้เป็นมนต์ขลังที่ทำให้เจิงจ้ายหลงใหลไปอย่างไม่รู้ตัว