collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวเมืองสวรรค์  (อ่าน 36522 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                 ครั้งที่ 5

                    ชมมหาวิสุทธิปราสาท ฟังธรรมจาก

                        พระศาสดาแห่งเต๋า อีกครั้ง

                     วันที่ 22 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        พุทธจิตอยู่ที่ภูผาจิต                  มิต้องคิดหาจากใคร
ภูผาจิตอยู่ที่ใจ                                ในอกเจ้าควรพินิจ
ทุกทุกคนมีเจดีย์                              ที่สถิตบนภูผาจิต
บำเพ็ญเพียรใช้ความคิด                      เพ่งดูจิตเฝ้าติดตาม     

พระศาสดาเจ้า   :  การปฏิบัติแม้จะมีวิธีร้อยแปด แต่จุดหมายปลายทางก็คือ แดนสวรรค์อันสงบสุข ดังนั้นก่อนที่จะปฏิบัติ ควรเข้าใจถึงหลักของมหาสัทธรรมเสียก่อน  จะได้ไม่เสียเวลาปฏิบัติไปเปล่า ๆ สูญเสียพละกำลังในการเดินทางผิด น่าเสียดายมิใช่น้อย การปฏิบัติธรรม ข้อแรก ต้องมีบุญบารมี ผู้ไม่มีบุญก็ไม่รู้จักธรรม เมื่อไม่รู้ธรรม ก็จะตกอยู่ท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยว จะไปหาที่ใดเป็นที่หยุดยืนได้เล่า แต่ธรรมก็มีการผันแปรอยู่เสมอ ผู้ที่ไม่รู้จักการผันแปรของสวรรค์นั้น แม้จะมีบุญบารมี ก็ไม่อาจบรรลุธรรมได้ ดังเช่น รู้จักทางที่จะไปที่นั่น แต่ไม่รู้ว่ารถที่จะไปจะออกกี่โมง เมื่อคนมาถึงท่ารถ รถก็ออกไปแล้ว นั่นก็เหมือนคนมีบุญบารมี แต่ไม่รู้จักการแปรเปลี่ยนของสวรรค์ ก็จะสูญเสียแรงงานไปเปล่า ๆ ก็ยังไม่เข้าสู่กระแสธรรมได้ เมื่อรู้จักการแปรเปลี่ยนของสวรรค์ ก็จะทำให้เรารู้จักการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมไม่ยุ่งยากอะไร  เพียงต้องคอยระวังทุกฝีก้าว หากไม่ระมัดระวังจะเกิดอุบัติเหตุได้ ผู้อยู่ในระหว่างปฏิบัติธรรม จะไม่ยอมให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย หากมีการขัดต่อระเบียบวินัย ถ้าไม่โดนปรับโทษ ก็จะมีอันตรายถึงชีวิต ยามปกติที่ทำบุญทำประโยชน์สร้างกุศล เปรียบเสมือนหนึ่งเติมน้ำมันตามรายทาง ในที่สุดก็จะไปถึงจุดหมาย พวกที่ทำบาปก่อเวร ก็เหมือนกับขวางลำชนแหลก ก็ตายอยู่บนถนนทางเดียว ไม่มีโอกาสที่จะไปถึงธรรมได้ ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมพึงระมัดระวังให้มาก

หยางเซิง   :  ทางศาสนาเต๋า ถือการปฏิบัติธรรมถึงขั้นสามบุปผาชูช่อ  ห้าธาตุสามัคคี (ซำฮวยจูเต้ง  โหงวขี่เชี่ยวง้วน) เป็นจุดสุดยอดสำเร็จเป็นเทพทอง มิทราบว่าปฏิบัติอย่างไร ?.

พระศาสดาเจ้า   :  เทพเต๋า ถือว่า  "เทพทอง"  เป็นสิ่งสูงสุด นั่นคือ เทพทองอันไร้ขอบเขตมีเกิดไม่ดับ ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิด  ดังนั้น  สามบุปผาชูช่อ  ห้าธาตุสามัคคี  จึงเป็นการฝึกขั้นสูงสุด  หากยังไม่บรรลุถึงขั้นนี้ ก็ไม่อาจเข้ามาอยู่ในแดนสวรรค์เทพทองอันไร้ขอบเขตได้ ข้าฯจะอธิบายสามบุปผาชูช่อ ห้าธาตุสามัคคี ให้ฟังดังนี้

                        สามบุปผาชูช่อ  (ซำฮวยจูเต้ง) 

บุปผาชน  (หนั่งฮวย) ฝึกพลังแห่งพรหมจรรย์ให้กลายเป็น  ธาตุ 
         มนุษย์นั้นเกิดจากอสุจิ  ดังนั้น  อสุจิจึงเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด  ผู้ปฏิบัติธรรมต้องทำใจให้ว่างในช่วงล่าง ตัดความกำหนัดในกามออก อสุจิไม่รั่วไหล เมื่ออสุจิเต็มเปี่ยม ก็ไม่มีความยินดีในกามแล้ว บุปผผาตะกั่วก็เกิดขึ้น 

บุปผาธรณี  (ตี่ฮวย)  ฝึกธาตุให้กลายเป็น  สติ   
          มนุษย์นั้นมีชีวิตอยู่ได้ก็อาศัยอากาศธาตุ ต้องทำให้จิตว่างในช่วงกลาง ไม่มีการหวั่นกลัว ไม่มีการโกรธแค้น อากาศธาตุจึงจะสงบราบเรียบ หนทางจะปลอดโปร่ง ธาตุในช่วงกลางจะอิ่มเอิบ จึงไม่อยากจะกินอาหาร บุปผาเงินจึงเกิดขึ้น

บุปผาสวรรค์  (เทียนฮวย)  ฝึกพลังสติให้คืนสู่  ความว่าง
        เมื่อ อสุจิ อากาศธาตุ เต็มเปี่ยม หากขาดสติก็เหมือนร่างกายไม่เปล่งปลั่ง คน ๆ นั้นก็ไม่มีชีวิต ดังนั้น พลังสติเป็นประธานการฝึก ขณะที่ใจว่างในช่วงบนไม่ติดไม่ยึด สติก็จะสมบูรณ์เต็มที่ ไม่ง่วงนอน ตื่นอยู่ตลอด เหมือนสำรอกเปลือกออก สู่ความว่างเปล่า กลับคืนสู่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า นั่นคือบุปผาสวรรค์เกิดขึ้นแล้ว

                         ห้าธาตุสามัคคี  (โหงวขี่เชี่ยวง้วน)

1.  หัวใจเป็นที่อยู่ของจิต   ภพหลังเป็นจิตรู้อารมณ์  ภพก่อนอ่อนน้อม ว่างจากการเศร้าโศก สติจึงมั่นคง ธาตุไฟจากทิศใต้จึงเข้าร่วม
2.  ตับเป็นที่อยู่ของวิญญาณ   ภพหลังเป็นวิญญาณท่องเที่ยว ภพก่อนมีเมตตาว่างจากการหรรษา วิญญาณจึงมั่นคง  ธาตุไม้จากทิศตะวันออกจึงเข้าร่วม
3.  ม้ามเป็นที่อยู่ของธัมมารมณ์   ภพหลังเป็นธัมมารมณ์หลง ภพก่อนมีสัจจะ ว่างจากกามตัณหา ธัมมารมณ์จึงมั่นคง ธาตุดินจากทิศศูนย์กลางจึงเข้าร่วม
4.  ปอดเป็นที่อยู่ของเจตสิก   ภพหลังเป็นกุศลเจตสิก  ถพก่อนมีความซื่อสัตย์ ว่างจากโทสะ เจตสิกจึงมั่นคง ธาตุทองจากทิศตะวันตกจึงเข้าร่วม
5.  ไตเป็นที่อยู่ของอสุจิ  ภพหลังเป็นอสุจิขุ่น ภพก่อนมีปัญญา ว่างจากความสุข พรหมจรรย์จึงมั่นคง  ธาตุน้ำจากทิศเหนือจึงเข้าร่วม

        ข้อความข้างบนคือ สามบุปผาชูช่อและห้าธาตุสามัคคี  ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นต้องรวมธาตุจากห้าทิศ แปรสามบุปผาเป็น ไตรวิสุทธิ์  จึงจะคืนสู่ถิ่นอันไร้ขอบเขต ให้บรรลุถึงสภาพที่กลมกลืนโดยตลอด แต่การบำเพ็ญนั้นไม่ยากอะไรเลย  ให้รักษาพรหมจรรย์  ธาตุ  และสติไว้  ปฏิบัติตามหลักมีเมตตา  สัจจะ  มารยาท (อ่อนน้อม)  ซื่อสัตย์  และเจริญปัญญา  ให้ละว่างจาก  โศกเศร้า  หรรษา  ตัณหา  โทสะ  และความสุข  แล้วภาวะจิตก็จะเป็นอิสระ  ได้รับมรรค - ผล กลายเป็น  เทพทอง  หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า  บุคคลคน ๆ หนึ่งสามารถบำเพ็ญตนเจริญสติ  เพื่อตนเองปราศจากความผิดใด ๆ สามารถที่จะไปไหน ๆ โดยอิสระเสรี ถึงแม้จะมีกฏหมายสักหมื่นข้อ ก็ไม่สามารถเอาผิดจากเขาได้ ก็เหมือนสามารถหลุดพ้นจากสามภพ   หลุดพ้นจากห้าธาตุ  ซึ่งก็เป็นไปตามความหมายของสามบุปผาชูช่อ  ห้าธาตุสามัคคี  สามบุปผากับห้าธาตุ คือ  พลังจิตเจริญขึ้น สติตั้งมั่นเป็นหนึ่ง  ด้วยพลังอันนี้สามารถที่จะทะยานขึ้นสู่ฟ้าหรือแทรกแผ่นดิน  เทพ - เทวา ก็ไม่อาจขวางกั้น เป็นมรรคผลนิพพานที่สูงสุด เป็นเทพทองในแดนนิพพาน

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณ  ที่ศาสดาเจ้าทรงบรรยายธรรม กระผมยังมีคำถามอีกข้อหนึ่ง ทำไมนอกมหาปราสาทนี้ จึงยังมีควายเขียวเขาเดี่ยว ความเป็นมาเป็นอย่างไร จะกรุณาเล่าให้ฟังได้ไหม ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                 ครั้งที่ 5

                    ชมมหาวิสุทธิปราสาท ฟังธรรมจาก

                        พระศาสดาแห่งเต๋า อีกครั้ง

                     วันที่ 22 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        พุทธจิตอยู่ที่ภูผาจิต                  มิต้องคิดหาจากใคร
ภูผาจิตอยู่ที่ใจ                                ในอกเจ้าควรพินิจ
ทุกทุกคนมีเจดีย์                              ที่สถิตบนภูผาจิต
บำเพ็ญเพียรใช้ความคิด                      เพ่งดูจิตเฝ้าติดตาม   

พระศาสดาเจ้า   :  เจ้าใคร่อยากรู้  ข้าฯก็จะเล่าพอสังเขป  เมื่อครั้งเล่าจื้อขี่ควายเขียวผ่านด่านฮ่ำก๊กกวง  เพื่อไปดปรดกษัตริย์ทางทิศตะวันตก ซึ่งชาวโลกก็รู้ประวัติดี  ข้าฯ ได้อวตารไปเกิดเป็นเล่าจื้อในประเทศจีน  ประเทศจีนสร้างชาติด้วยเกษตรกรรม และใช้ความไถนา ดังนั้น ข้าฯขี่ควายเขียวปรากฏกายช่วยชาวโลก การที่ข้าฯ อวตารเป็นเล่าจื้อ ประกาศธรรมช่วยชาวโลก ขี่ควายเขียวผ่านด่านฮ่ำก๊กกวง ถ่ายทอด  "เต้าเต็กเก็ง"  เป็นอักษรห้าพันคำให้นายด่านชื่อ  "อีฮี้"  และไปดปรดกษัตริย์ทางทิศตะวันตก คือประเทศอินเดียในปัจจุบันนี้แหละ  ดังนั้น ประชาชนชาวอินเดียจึงรู้จัก วัว  ควาย  คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็สืบเนื่องมาจากประการฉะนี้  มนุษย์ทุกวันนี้ใช้นมวัวเลี้ยงทารกให้โตขึ้นมา เกินครึ่งหนึ่งใช้นมสดจากวัว  นมผงนั้นผลิตขึ้นจากนมวัวทั้งนั้น  ทั้งนี้เพราะการชุบเลี้ยงของคนได้เสื่อมลง จึงใช้นมวัวแทน เมื่อใช้ดื่มกินเป็นเวลานานเข้าจึงติดนิสัยวัวมากขึ้น และจิตใจคนก็หลงในภพหลังเสียด้วย และเกิดอยู่บนแผ่นดินสีเหลือง จากควายสีเขียวแปรเปลี่ยนเป็นวัวสีเหลือง  มิน่าเล่าจิตแห่งธรรมจึงไม่เหมือนกัน ทำให้จิตใจเพี้ยนไป จึงหวังว่า เมื่อฟังธรรมจากข้าฯแล้ว คงนึกถึงบุญคุณของวัว - ควายบ้าง รักษาศีลเป็นขั้น ๆ ไป จึงจะได้สนองน้ำใจข้าฯ  ที่ได้อวตารมาช่วยเหลือชาวโลก แล้วไฉนควายตัวนี้จึงมีเขาอันเดียวนั้น แสดงว่าธรรมของข้าฯ  มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ไม่ว่าบนสวรรค์หรือใต้ฟ้า

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณ ที่ศาสดาแห่งเต๋าได้เปิดเผยวรพจน์ เนื่องจากเวลาดึกแล้ว อาตมาจำต้องพาหยางเซิงกลับสำนัก ต้องขอกราบลาก่อน

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณ ที่พระศาสดาเจ้าประทานวรพจน์อันมีค่า เนื่องจากเวลาหมดแล้ว กระผมต้องตามพระอาจารย์กลับสำนัก ขอนมัสการกราบลา

พระศาสดาเจ้า   :  หวังว่า  ทั้งสองคงได้มาอีก

อรหันต์จี้กง   :  หากมีบุญบารมีคงได้มาอีก

พระศาสดาเจ้า   :  มีคำสั่ง ให้เทพเต๋าตั้งแถวสั่งแขก

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

อรหันต์จี้กง   :  มนุษย์ทุกผู้ทุกนามล้วนรักชอบดอกไม้ ที่สวยสดงดงาม แต่ว่าดอกไม้นั้นไม่สามารถบานอยู่ได้ถึงร้อยวัน กลับมาดูนางฟ้าโปรยดอกไม้บนสรวงสวรรค์ จะไม่มีการร่วงโรยตลอดทั้งสี่ฤดู และไม่มีการหยุดในวันตรุษสารทด้วย โดยปราศจากความร่วงโรย คนเราต่างชอบอากาศบริสุทธิ์ แต่ฝุ่นละอองแห่งโลกีย์หนาแน่นขึ้นทุก ๆ วัน  จึงต้องฝืนใจสูดมันเข้าไป เมื่อฝนทิพย์โปรยปราย แผ่นดินกลับชุ่มชื้น จิตใจสดใสอารมณ์ก็เย็นสบาย ปรากฏการณ์ 2 อย่าง มันแยกให้เห็นอย่างชัดเจนมาก คือ ธาตุที่เบาและสะอาดได้ลอยขึ้นเบื้องบน กลายเป็นฟ้า ส่วนธาตุที่หนักและขุ่นจะตกลงเบื้องล่างแข็งตัว กลายเป็นดิน หวังว่าผู้คนในโลกจงรักษาจิตญาณให้ผ่องใส แผ่วเบา  สลัดทิ้งซึ่งสิ่งขุ่นข้องหมองใจ จึงจะสามารถลอยขึ้นสู่แดนนิพพานเพื่อที่จะไม่ต้องตกลงไปยังขุมนรก  เจ้าหยางเซิง เตรียมตัวออกเดินทางได้ วันนี้จะต้องไปชมสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้ ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า เมื่อกี้ท่านกล่าวคำว่า  "ทัศนศึกษา"  กระผมรู้สึกว่ามีความหมายมาก ท่านอาจารย์จะอธิบายความมุ่งหมาย ของอักษร 2 ตัวนี้ ได่ไหมครับ

อรหันต์จี้กง   :  ฮาฮ้า !  พอเจ้าพูดถึงคำว่า  "ทัศนศึกษา"  สองคำนี้ ไฟในสำนักเกิดดับลงกระทันหันเลยกลายเป็น  "ทัศนมืด" มันมีความหมายจริง ๆ นะ

หยางเซิง   :  อันนี้เป็นเพราะเหตุใดมิทราบ

อรหันต์จี้กง   :  ข้าฯ รู้ก่อนที่ใจเจ้าจะเคลื่อนไหวแล้ว  เพื่อที่จะสั่งสอนพวกศิษย์ในสำนักให้รู้สึกตัว จึงแสดงอภินิหารทำให้ไฟฟ้าดับ 15 วินาที อันนี้ ประกอบด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่นัก ตอนที่ไฟฟ้าดับ ข้าฯเห็นศิษย์แต่ละคนเหลียวหน้าแลหลังกันเลิกลั่ก คิดจะหาแสงสว่าง จึงไปหยิบเอาเทียนมาวางไว้ข้างถาดทราย อยากจะดูให้ชัดเจนว่า ที่กำลังเขียนอยู่นั้นเป็นตัวอักษรอะไร นี่แหละว่า  "ทัศนศึกษา"  (เห็นชัดแจ้ง , เห็นความสว่าง)  ดังนั้น  คำว่า "ทัศนศึกษา" คือ มองไปข้างหน้าที่มีความสว่าง ทัศนาทิวทัศน์ธรรมชาติ ทุกวันนี้โลกมีวิทยาการก้าวหน้า ผู้คนทั้งหลายต่างถือโอกาสไปทัศนาจรยังที่ต่าง ๆ ที่ใกล้ก็ทัศนศึกษาในประเทศ ที่ไกลก็ไปต่างประเทศ แต่ไม่รู้ว่าไปทัศนศึกษาจริง ๆ หรือเปล่า  ฮา้ฮ้า  บ้างก็ไปแหล่งเริงโลกีย์  เพื่อทัศนศึกษาในห้องมืด  อาตมาว่าเขากำลังทำการ  "ทัศนมืด"  ชาวโลกทุกวันนี้ใฝ่หาแต่สีสัน รูปโฉมต่าง ๆ หารู้ไม่ว่า ทิวทัศน์บนสรวงสวรรค์นั้นงดงามกว่าทิวทัศน์ในโลกมนุษย์เป็นหมื่น ๆ เท่า แล้วเหตุไฉนจึงไม่คิดไปเยือนด้วยเล่า  วันนี้ ข้าฯจะพาหยางเซิงไปยังปราสาททวิมานซึ่งไม่ใช่  "ไฟหิ่งห้อย"  ส่องเพื่อ  "ทัศนศึกษา"  นะ

หยางเซิง   :  นั่นเป็นบุญของผม ที่กลายเป็นนักทัศนาจรไปแล้ว ! 

อรหันต์จี้กง    :  ใช่แล้ว !  คราวหน้า เจ้าจะได้นำมนุษยชาตินับหมื่น ๆ มาที่นี่ ดั่งค้นพบแผ่นดินใหม่

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เราต้องรีบรุดหน้าไป  ภูเขาจิตทะลุถึงพุทธจิต จากมนุษยโลกทะลุถึงแดนสวรรค์ ขอเพียงมีจิตคิดฝึกธรรม ก็สามารถบรรลุสัทธรรมได้  ตอนนี้เรามาถึงวรวิสุทธิปราสาทสวรรค์ไร้เขต เพื่อเข้าพบท่านพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  หยางเซิงเจ้าเตรียมตัวเข้านมัสการ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม !  มาถึงที่นี่จิตไม่อาวรณ์มนุษยโลก รู้สึกเบาลอยอย่างสบาย ข้างหน้ามีหอสูงตระหง่านเทียมฟ้า ทั้งสี่ด้านก็มีอาคารห้อมล้อมแสงทองสาดส่องหอทองปราสาทหยก สร้างด้วย  แก้ว  แหวน  เพชร  นิล  จินดา  ต่างกับการก่อสร้างด้วยดินไม้  เหล็ก คอนกรีต ในโลกมนุษย์ ตื่นตาตื่นใจจนไม่สามารถจะบรรยายถึงความโอ่อ่าสง่างามได้หมดสิ้น บุปผาสวรรค์โปรยปรายไม่ขาดสาย ฝนทิพย์ก็ปะพรมพรำ ๆ สนเขียวชอุ่มงามสะพรั่ง ไม่ปรากฏมีบรรยายกาศแห่งความโศกเศร้า ทุกข์ทรมานดั่งเมืองมนุษย์ นกกระเรียนขนขาวผ่องยืนพักอยู่บนต้นไม้ มัจฉาสวรรค์เวียนแหวกผุดว่ายในสระโบกขรณี ธรรมชาติงามวิจิตรพิสดาร จนชวนให้หลงใหลลืมโลกมนุษย์ ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ เหตุไฉน จึงมีรัศมีสีทองเปล่งประกายระยิบระยับตลอดเวลารอบพระวิสุทธิปราสาท โดยไม่มีหยุดหย่อนเลย ?.

อรหันต์จี้กง   :  อ๋อ... อันนี้ก็คือ ขณะนี้ท่านพระรัตนญาณวิสุทธิเทพ กำลังบรรยายธรรมให้เจ้าอยู่นะซิ  แสงเหล่านี้คือ  แสงแห่งฟ้าบันดาล 36  และธรณีพิฆาต 72  ที่ได้หมุนเวียนสอดส่องในสากลโลก เรารีบเข้าไปคารวะท่านพระญาณรัตนวิสุทธิเทพกันเถอะ

หยางเซิง   :  บรรดาเทพเต๋า ต่างยืนเรียงแถว  2 ข้างทาง ประหนึ่งคอยต้อนรับเราอยู่

เทพเต๋า   :  ยินดีต้อนรับ ท่านพระอรหันต์๗ี้กง และนายหยางเซิง  ท่านพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ ขอเชิญท่านทั้งสองให้เข้าไปพบได้

หยางเซิง   :  พอย่างเท้าเข้าสู่ภายในปราสาท ณ บัลลังก์กลางห้องโถงใหญ่ มีพระผู้ทรงธรรม หน้าตาแฝงไว้ด้วยความเมตตา รอบ ๆ พระวรกายมีรัศมีเปล่งออกมา  ผินพระพักตร์มายังเรา พลางแย้มพระสรวลส่งให้... กราบคารวะ  ท่านพระญาณรัตนวิสุทธิเทพ  ข้าน้อยได้รับเทวโองการ ติดตามอาจารย์ให้มาเที่ยวสวรรค์เพื่อแต่งหนังสือ วันนี้ ได้มีโอกาสมายังไตรวิสุทธิสวรรค์ ขอความกรุณาให้ พระญาณรัตนวิสุทธิเทพประทานธรรมสักครั้ง

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  ท่านทั้งสองมิต้องคารวะ  ขอเชิญนั่งตามสบาย !  เทพเต๋า ! รีบบริการน้ำอมฤต

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณ  ท่านเทพมีความกรุณาอย่างมาก   กระผมรู้สึกกระดาก ไม่กล้ารับ ! 

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้ อาตมานำลูกศิษย์มาถึงพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท  ขอท่านเทพช่วยชี้แนะเพื่อจะได้ตื่นจากความหลงงมงาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  เป็นการถูกต้องแล้ว ที่สำนักของท่านรวมพลังทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ ทำการกอบกู้ชี้แนะอย่างจริงจังเพื่อเผยแพร่พระสัทธรรม และขยายศาสตร์ของท่านขงจื้อ ทั้งหลักธรรมแห่งพุทธศาสตร์ด้วย เพื่อทำการกอบกู้ชาวโลก มีความดีความชอบใหญ่หลวงนัก เมื่อได้มาถึงอนุตตรวิสุทธิปราสาทในวันนี้  ข้าฯ จะมอบคัมภีร์ญาณรัตนวิสุทธิมรรคให้   อันข้าฯ ได้สถิตอยู่ใน ไตรวิสุทธิสวรรค์นี้ เป็นผู้รักษากฏแห่งธรรม  กฏในโลกมนุษย์ก็ไม่พ้นไปจาก  36 กฏ แห่งฟ้าบันดาล  และ 72 กฏ แห่งธรณีพิฆาต ซึ่งวิทยาคมทั้งหมดนี้ ผู้คนในโลกนี้ยังไม่มีใครจะรู้ได้อย่างครบถ้วน เพราะเหตุว่าจิตใจของมนุษย์ส่วนใหญ่โหดเหี้ยม อันตราย  หากได้วิทยาคมแล้วมักจะประพฤติในทางชั่ว ไม่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ข้อบังคับของสวรรค์  ที่ให้รักษาศีลบำเพ็ญธรรมเพื่อใช้วิทยาคมนี้ช่วยเหลือชาวโลก  ดังนั้น  ในปัจจุบันนี้การโปรดมนุษยโลก ซึ่งเน้นในทางธรรมมากกว่าทางวิทยาคม  ผู้ที่มีวิทยาคมมักจะไม่ฝึกอบรมบำเพ็ญจิต  แต่กลับหลงไปในทางอุบาทว์ จึงทำให้วิทยาคมขาดหายจากโลกมนุษย์  ทั้งนี้  ก็เนื่องจากข้าฯ ได้รับคืนมาในวันปราสาทนี้แล้ว 36 กฏ แห่งฟ้าบันดาล  และ 72 กฏแห่งธรณีพิฆาต  คือ  วิทยาคมที่รวบรวมสรรพสิ่งอันไม่มีที่สิ้นสุด  ทุก ๆ กฏจะคืนสู่ต้นสังกัด ก็อยู่ที่จิตใจเท่านั้น ดังนั้น ข้าฯจึงได้ถ่ายทอดวิชาจิตวิทยาให้แก่หยางเซิงสักบทหนึ่ง จะได้ใช้มันตามชอบใจ  เนื่องจากข้าฯ ต้องการจะกอบกู้วิญญาณกลับถิ่นเดิม จึงได้ถือโอกาสนี้บรรยายธรรม  อันว่าสามภพนั้นนับว่าศาสนาเต๋ามีความลึกล้ำที่สุด เป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่เป็นเพราะจิตใจของผู้คนไม่บริสุทธิ์ดังเช่นคนโบราณ  พลอยทำให้วิทยาคมของเต๋าดับลงไปเอง เพราะหวั่นเกรงว่า พวกที่มีจิตใจไม่ซื่อตรงเอาไปใช้ในทางทำลายคน ข้าฯจึงได้ถอนเอาวิทยาคมของเต๋าคืน แล้วได้ประทาน  "วิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี่ อันแยบคาย"  ลงไปให้ใช้แทน  ทั้งนี้เป็นการใช้วิทยาศาสตร์เข้าเสริมให้สมบูรณ์ขึ้น ในที่นี้  ข้าฯจะบอกชื่อตามกฏ 36 กฏ ฟ้าบันดาล  และ 72 กฏ ธรณีพิฆาต  ดังต่อไปนี้

                     36  กฏ ฟ้าบันดาล
1.  หมุนเวียนธรรมชาติ                  2.  สว่างมืดกลับกัน                  3.  เคลื่อนย้ายดวงดาว

4.  คืนดวงอาทิตย์กลับสวรรค์          5.  เรียกลม - ฝน                     6.  ธรณีสั่นสะเทือน

7.  เหาะเหินเดินอากาศ                 8.  เสกน้ำให้เป็นดิน                  9.  แสงทองส่องทั่วปฐพี

10.  กลบน้ำกวนทะเลปั่นป่วน        11.  ขี้ดินเป็นเหล็ก                  12.  หายตัวในธาตุทั้งห้า

13.  หกเกราะประตูกล                 14.  สามารถรู้อนาคต               15.  เคลื่อนหิน  ทลายภูเขา

16.  ตายแล้วฟื้นคืนชีพได้             17.  ตัวลอยไปที่อื่นได้             18.  เก้าทหารพักเพื่อคืนชีพ

19.  ชักจูงให้วิญญาณปรากฏ        20.  ปราบเสือเผด็จมังกร           21.  เสริมฟ้าตากแดด

22.  ทลายภูเขาถมทะเล              23.  ขี้หินเป็นทอง                   24.  ยืนตรงไม่พบเงา

25.  ย้ายครรภ์เปลี่ยนรูป              26.  ให้เล็กหรือใหญ่สมใจ          27.  ทำให้ดอกไม้บานทันที

28.  พลังสติต้านธาตุ                  29.  มองทะลุผนังได้                 30.  คืนไฟกลับลม

31.  มือกาอัศนีทั้งห้า                 32.  ย่อดิน - ดำในน้ำ               33.  ทรายร่อนหินบิน

34.  หอบภูเขาข้ามทะเล             35.  เสกถั่วเป็นทหาร               36.  เจ็ดธนูติดหัวตะปู

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

                          72 กฏ  ธรณีพิฆาต

1.  ติดต่อกันได้        2.  ขับเทพเจ้า        3.  แบกภูเขา         4.  กักน้ำ        5.  ยืนลม

6.  ทำหมอก          7.  ทำให้ฟ้าแจ้ง      8.  ทำฝน              9.  นั่งบนไฟ   10.  ดำน้ำ

11.  กั้นตะวัน       12.  ขี่ลม              13.  ต้นหิน            14.  พ่นไฟ       15.  กลืนดาบ

16.  เก็บแสง      17.  เทพเจ้าเดิน      18.  เดินบนน้ำ        19.  แยกไม้      20.  แยกกาย

21.  หายตัว      22.  ต่อหัว              23.  กายมั่นคง        24.  ฆ่ามาร      25.  เชิญเทวดา

26.  ตามวิญญาณ   27.  เก็บวิญญาณ  28.  เรียกเมฆ         29.  เก็บจันทรา  30.  ขนส่ง

31.  สมรสในฝัน    32.  ทำให้แยกสลาย  33.  ฝากไม้         34.  ตัดสายน้ำ    35.  สะเดาะเคราะห์

36.  หลบภัย       37.  เหลืองขาว         38.  วิชาดาบ       39.  ปิดให้ทาย   40.  ดำดิน

41.  ดาราศาสตร์  42.  ตั้งแนวรบ          43.  ปลอมรูป       44.  พ่นให้ละลาย 45.  ชี้ให้ละลาย

46.  แยกศพ      47.  ย้ายภาพ             48.  เรียกให้มา     49.  ลอยล่อง      50.  ชุมนุมสัตว์

51.  เรียกใช้นก  52.  กักธาตุ              53.  พลังมหาศาล   54.  ทะลุหิน       55.  เกิดแสง

56.  ปกปิดอาภรณ์    57.  ชักจูง        58.  รับประทาน       59.  หลีกเลี่ยง    60.  โดดพ้นภูเขา

61.  หัวหงอก         62.  ขึ้นรอก       63.  คืนน้ำ        64.  นอนบนหิมะ        65.  ตากแดด

66.  เล่นลูกกลม      67.  น้ำมนต์      68.  รักษาด้วยยา   69.  รู้เวลา            70.  รู้จักภูมิศาสตร์

71.  อดอาหาร        72.  บวงสรวงแก้บน

        ในสมัยนั้น 36 กฏ ฟ้าบันดาล มีสิ่งที่เป็นไปแล้วดังนี้ คือ
1. คนโบราณสามารถทำให้สว่างเป็นมืด ทำให้มืดกลับสว่าง เดี๋ยวนี้มีไฟฟ้า กลางคืนก็ทำให้สว่าง เช่น ตลาดกลางคืนคึกคัก กลางวันไม่ค่อยมีคน

2. คนโบราณสามารถเหาะเหินเดินอากาศ  เดี๋ยวนี้  ก็นั่งเครื่องบินเดินอากาศ เป็นวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไป 

3. คนโบราณมีวิธี แยกย้ายดวงดาว คนสมัยนี้ก็เปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนไตได้ อาจใช้ของสุนัข หรือ ลิง  มาเปลี่ยนให้คนได้ อันนี้คือหลักการแยกย้ายดวงดาว

4. คนโบราณเขาหายตัวในธาตุได้ ปัจจุบันก็คือ การหายตัวในธาตุต่าง ๆ ได้ เช่น หายตัวในธาตุน้ำ โดยเรือดำน้ำ ธาตุทองก็มีเครื่องไอพ่นทำขึ้น

5. คนโบราณสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต ปัจจุบันมนุษย์มีเครื่องเรด้าร์  สามารถรู้ตำแหน่งของเครื่องบิน ข้าศึก หรือรู้เรือดำน้ำที่จะลอดเข้ามาได้ สามารถรู้การเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ  โดยเครื่องมือวิทยาศาสตร์

6. คนโบราณสามารถลอยตัวไปที่ไหน ๆ ก็ได้ สมัยนี้มีเครื่องบิน รถไฟฟ้า ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว

7. คนโบราณสามารถทะลายภูเขา ถมทะเลได้ สมัยนี้ก็มีระเบิด ๆ ภูเขา นำไปถมทะเลได้

8. คนโบราณปราบเสือเผด็จมังกร คนสมัยนี้ใช้แส้ไฟฟ้าสยบเสือมังกร

9. คนโบราณมีฤทธิ์มองทะลุผนังได้   สมัยนี้มีโทรทัศน์ ส่งภาพเป็นพัน ๆ ไมล์ ตอนนี้เหมือน  "คนพันตา"  แล้วมีโทรศัพย์ฟังได้ไกลเป็นหมื่น ๆ ไมล์ ก็เหมือนคน  "หูทิพย์" แล้ว

10. คนโบราณเสกถั่วให้เป็นทหารได้ สมัยนี้สร้างลูกระเบิดเพียงลูกเดียว พอระเบิดก็กระจายเป็นหลาย ๆ ชิ้น ก็เหมือนเสกถั่ว พิษสงร้ายแรงมาก

        ทั้งหมดนี้เปรียบเทียบโบราณกับปัจจุบัน ให้ดูว่าเหมือนใน  36 กฏ ฟ้าบันดาลอย่างไร                               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/12/2554, 22:46 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองสวรรค์

                                 ครั้งที่ 6

                ชมพระอนุตตรวิสุทธิปราสาท (เซี่ยงเชงเก็ง) ฟังธรรมของ

                      พระญาณรัตนวิสุทธิเทพ (เล่งป้อเทียนจุง)

                          วันที่  29 กรกฏาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนว่า

        บุปผาสวรรค์บานบน                  ฝนทิพย์ปลุกผู้ล่มหลง
ผู้ใฝ่ธรรมสุขสมปอง                           แผ่นดินทองผ่องสดศรี
พุทธศักดิ์สิทธิ์ที่                               ตะวันตกมีเสรี
วรปราสาทขับดนตรี                          กล่อมพระวิสุทธิเทพ

                              ตัวอย่าง  72 กฏ ธรณีพิฆาต

1. ยืนลม     ปัจจุบันได้แก่ เครื่องปรับอากาศ พัดลม

2. ทำหมอก      ปัจจุบันได้แก่ ทำน้ำแข็งแห้ง

3. ขอฝน     ปัจจุบันได้แก่ ทำฝนเทียม

4. ดำน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ ประดาน้ำ

5. เดินบนน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ สกีน้ำ  สกีน้ำแข็ง

6. เชิญเทพเจ้า     ปัจจุบันได้แก่ การทรงเจ้า

7. เก็บจันทรา     ปัจจุบันได้แก่ ถ่ายเป็นภาพยนต์ แล้วเอามาฉายใหม่

8. ขนส่ง     ปัจจุบันได้แก่ลิฟท์ ส่งสินค้า ไปรษณีย์

9. กักน้ำ     ปัจจุบันได้แก่ เขื่อนกั้นน้ำ

10. ปลอมรูป     ปัจจุบันได้แก่ตกแต่ง เสริมสวย

11. เคลื่อนภาพ     ปัจจุบันได้แก่ภาพยนต์ โทรทัศน์ 

12. เรียกให้มา     ปัจจุบันได้แก่ ควบคุมทางไกล

13. พลังมหาศาล     ปัจจุบันได้แก่ มือกล มนุษย์หุ่นยนต์

14. ทะลุหิน     ปัจจุบันได้แก่ เครื่องเจาะหิน ระเบิดหิน

15. เกิดแสง        ปัจจุบันได้แก่ แบตเตอร์รี่ หลอดไฟฟ้า

16. รักษาทางยา     ปัจจุบันได้แก่ การแพทย์แผนปัจจุบัน

17. รู้เวลา     ปัจจุบันได้แก่ นาฬิกา

18. รู้ภูมิศาสตร์     ปัจจุบันได้แก่แผนที่ เข็มทิศ

        ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างสำหรับ 72 กฏ ธรณีพิฆาต ที่ปัจจุบันเรียนรู้ได้  ทั้ง 36 ฟ้าบันดาล และ 72 ธรณีพิฆาต ล้วนเกิดจากธาตุที่ดีและเลวของฟ้า - ดิน อย่างเช่น การให้มาเกิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ หากเอาสิ่งค้นพบไปใช้ในทางที่ดีก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าใช้ในทางที่เลว ก็จะทำลายมนุษยชาติเช่น ระเบิด  ใช้ระเบิดเขาได้  สร้างถนน มนุษย์ก็ได้ประโยชน์มหาศาล ถ้านำมาทำสงคราม ก็จะเป็นผลร้ายต่อมนุษย์ เช่น ปัจจุบันมีปืนใหญ่ จรวด อีกไม่นานดาวพิฆาตจะมาเกิด ควรจะรู้เอาไว้ว่า ใจคนน่ะไม่โบราณ ใจคนจะดลให้ฟ้าดินบันดาล ให้ดาวพิฆาตมาเกิดในแดนมนุษย์ ถึงแม้ว่า มนุษยชาติจะสามารถหาความสุขความสำราญอย่างไม่มีขอบเขต ก็ตาม ชีวิตของมนุษย์ก็มีอันตรายอยู่ทุกขณะจิต อันนี้ หาใช่เป็นความไม่ปรานีของสวรรค์ก็หาไม่ สาเหตุแท้จริงเกิดจากอกุศลจิตของมนุษย์นี่เอง ดังนั้น หวังว่ามนุษย์จะฟังคำของข้าฯ รีบปล่อยวางใจเพชฌฆาต เพื่อไม่ให้ไอพิฆาตระเบิดขึ้น อันเป็นสาเหตุให้มนุษย์ทำลายตนเอง จนทำให้สถานการณ์ของโลกเกิดการปั่นป่วนปรวนแปร  ถ้าหากมนุษย์มีจิตใจสร้างกุศล ปลูกฝังวิญญาณแห่งสันติภาพ ก็เหมือนวิทยาการของโลกได้เจริญรุดหน้า ก็ดุจดั่งสวรรค์ได้สร้างความสุขเสมอหน้ากันทั่วพิภพ วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า โลกมนุษย์ก็เหมือนแดนสวรรค์ ผู้คนก็สามารถไป ๆ มา ๆ ได้โดยอิสระ  การกินอยู่อาศัยพร้อมพรั่ง ก็เหมือนชีวิตของอรหันต์  เทพดา  สิ่งเหล่านี้เป็นการ  "โปรดสัตว์"  ของสวรรค์  นั่นแล

หยางเซิง   :  กราบขอบพระคุณท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ ที่เปิดเผยความจริง  รู้สึกเป็นบุญคุณมหาศาลดีกว่าอ่านหนังสือถึงสิบปี  ความจริงแล้วเหตุการณ์ของโลกปัจจุบันนี้ ก็เป็นไปตามการจัดวางของท่านอย่างแยบคาย ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  อัศจรรย์ ! อัศจรรย์ !   เราเห็นจะต้องลาก่อนแล้ว

หยางเซิง   :  กราบนมัสการลา ท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ

ญาณรัตนวิสุทธิเทพ   :  มีคำสั่งให้เทพเต๋าจัดแถวส่งแขก

เทพเต๋า   :  ขอส่งท่านทั้งสอง กลับสำนัก 

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพ และเหล่าเทพเต๋า ... กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง   :  เซี่ยเฮี้ยงตึ้ง  ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/12/2554, 23:46 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คง     สัทธรรมห่อไว้        บรรจุในจิต
คา     นิ่งสงบเงียบ         สว่างแพร้ว
สะ     อาดยิ่งส่องลุ         พื้นต่ำ แลเห็น
วรรค์  ใหม่ชาติหน้าแล้ว    นิ่งน้ำชโลมกายฯ

โลกสังคมมั่วฟุ้ง                  หลงใหล เสพติด
สักครู่ประด๋าวได้                 ทุกข์แน่
บำเพ็ญบ่มจิตไซร์               สงบ ทรงฌาน
รู้แก่นสัทธรรมแท้               ผ่องแผ้ว วิญญาณฯ

                                  เที่ยวเมืองสวรรค์

                                      ครั้งที่ 7

                  เที่ยวไตรวิสุทธิคงคา   ฟังธรรมจากหลวงปู่คงคา

                            วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง กล่าวเป็นกลอนความว่า

        ไตรวิสุทธิ์สี่ตรง                  ฤทธิ์ดำรงเดชารุ่งเรือง
ห้าธาตุสามัคคี                           พลีเคลื่อนธรรมจักรสถิต
น้ำไฟผสานติด                           เป็นนิมิตแดนศักดิ์สิทธิ์
บำเพ็ญธรรมฝนจิต                      พิชิตขึ้นสู่สวรรค์

อรหันต์จี้กง   :  ไตรวิสุทธิ์ นั้นคือ วรสูญญตวิสุทธิ์  อนุตตรวิสุทธิ์  ธรณีวิสุทธิ์  และมนุษย์วิสุทธิ์  พระคัมภีร์เต๋ากล่าวว่า สวรรค์เป็นหนึ่งจะสดใส  ธรณีเป็นหนึ่งจะสงบ  มนุษย์เป็นหนึ่งจะศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นจึงรู้ได้ว่า  ไตรวิสุทธิ์ เป็นหลักธรรมของมหาสัทธรรม  วันนี้ ข้าฯจะพาศิษย์ไปเที่ยวชมไตรวิสุทธิ์  ฟังศาสดาคัมภีร์ ไตรวิสุทธิ์บรรยายธรรม อันว่าไตรวิสุทธิ์เป็นพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยดึกดำบรรพ์ ผู้มีวิทยาคมจะเขียนยันต์จะต้องอันเชิญไตรวิสุทธิเทพเสียก่อน คือ ต้องเขียนเครื่องหมายสามหยักบนตัวยันต์ก่อน  อันว่า สี่ตรง ก็คือ  กายตรง  ใจตรง  วาจาตรง  การประพฤติตรง คนเราควรต้องมีสี่ตรง จึงจะสามารถบรรลุธรรม  ดังนั้น  สี่ตรง  จึงเป็นบันไดขึ้นสู่สวรรค์ คนที่จะเรียนวิทยาคมข้างใต้ของยันต์จึงต้องเขียน  สี่ตรง  เพื่อเน้นถึง สี่ตรง (กาย ใจ วาจา ความประพฤติ)  เมื่อทุกส่วนตรง เทพที่ตรงจึงจะลงประทับ เพื่อเขียนยันต์ อานุภาพรุนแรงไม่มีเทียบ จุดใหญ่ ๆ ที่สำคัญเช่นนี้ผู้คนมักไม่รู้ การใช้ยันต์นั้น ข้าฯจะไม่พูดมาก รอสักพักจะเชิญให้ท่านญาณรัตนวิสุทธิเทพเป็นผู้บรรยายละเอียด หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัว เตรียมไปท่องสวรรค์เพื่อแต่งหนังสือเถอะ

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม !  ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้ ...

อรหันต์จี้กง   :  นั่งนิ่งบนบัวอาสน์ บุปผาจิตเบิกบาน หลงกิเลสในทะเลทุกข์ เมื่อความสุขหมดลง ภัยพิบัติก็จะผุดขึ้น ความหรูหราครื้นเครงในโลกมายานี้ เมื่อไรจึงจะรู้สึกสำนึกหนอ ?.  บนเกาะสวรรค์เทวภูมินี้จัดตั้งสำนักทรง เทพ พุทธ ต่างลงประทับทรงสอนสัทธรรมเพื่อโปรดมนุษยโลก

หยางเซิง   :  คำกล่าวไม่กี่ประโยคนี้  ช่างมีความหมายยิ่งนัก !

อรหันต์จี้กง   :  คำง่าย ๆ แต่ความหมายลึก จับปลาในน้ำตื้น สิ้นเปลืองแรงน้อย  ไม่สบายกว่ารึ ?.

หยางเซิง   :  ที่ตื้น ๆ มีแต่ปลาตัวเล็ก ๆ  มันจะไม่มักน้อยไปหน่อยหรือ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ฮาฮ้า !  คันเบ็ดเล็ก ๆ จะตกปลาตัวใหญ่ ๆ เกรงว่าจะไม่ได้ปลา คนกลับจะถูกปลาฉุดลงทะเล  เพราะฉะนั้นเมื่อน้ำลึกมาก ปลาจึงอยู่ลึกมาก คิดแล้วมันไม่คุ้มกันหรอก

หยางเซิง   :  พูดมีคติ !  เอ้อ !  ฉับพลันข้างหน้า ทำไมมีแม่คงคากว้างใหญ่อยู่สายหนึ่ง ?. น้ำใสจนไม่มีที่ติ ดูเหมือนแบ่งแยกเป็นสามสาย ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือ  "ไตรวิสุทธิคงคา"  อยู่เหนือสวรรค์  33 ชั้น  หรือเรียกอีกชื่อว่า  "คงคาสวรรค์"  ที่เห็นนี้เป็นตอนต้น ดังนั้น น้ำจึงใสแลดูระยิบระยับ วันก่อนเราเหินผ่านไป ดังนั้นเจ้าจึงไม่เห็นทิวทัศน์แถบนี้ วันนี้ได้มาที่นี่ก็จะเห็นได้เต็มตา !

หยางเซิง   :  แม่น้ำสายนี้ ขวางกั้นทางไปของเรา เราจะข้ามไปได้อย่างใด

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”