collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 86053 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย   

วิญญาณโทษ   :  เอาครับ
เนื่องจากผมได้เกิดในครอบครัวที่ั่มั่งคั่งมากอยู่ดีกินดีทุกอย่างคบค้ากับพวกจิ๊กโก๋อย่างสนิทสนมแบบเพื่อนฝูง กินแล้วไม่ค่อยจะทำการทำงาน ชอบไปมั่วอยู่ค๊อฟฟี่ช็อฟ ไปมั่วหยอกเย้ากับพวกผู้หญิงโสเภณี หรือพวกจิ๊กี๋หญิงใจแตก รวมพวกกันสุมหัสเสพสุข พ่อแม่จะตักเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ในที่สุดโดนตัดขาดความสัมพันธ์ทางบ้าน โดยถูกประกาศไว้ในหนังสือพิมพ์ ตัดการเป็นพ่อเป็นลูกกัน จากนั้นผมก็พกความแค้นนั้นอยู่ในใจไม่ยอมกลับเข้าบ้านอีก ก็เลยตะเวณเที่ยวไปทุกหนทุกแห่งเข้าเป็นพวกของสังคมมืด รับการชักชวนเสี้นมสอนจากเพื่อนวายร้ายทั้งหลาย เรียนจบวิชาขโมยลักทรัพย์ มักจะอยู่บนรถประจำทางหรือท่ารถสถานที่ต่าง ๆ แสดง "มือเซียน" (ล้วงกระเป๋า) 

พัศดี   :  ไอ้เวร  ห้ามพูดจาละเมิดเทพ - พุทธ ที่ยื่นออกไปนั้นเป็น "มือผี" ต่างหาก

วิญญาณโทษ   : 
ทำการล้วงกระเป๋าลักทรัพย์มาเรื่อย ตอนหลังมาคิดได้ว่า ทำเช่นนี้ได้เงินน้อย จนก้าวถึงขั้นเข้าไปลักขโมยทรัพย์สินในบ้านพักหรือในแฟลต ชั่วชีวิตนั้น ได้ทรัพย์สินมาเป็นล้าน ครั้งหนึ่งในขณะที่ทำการลักทรัพย์นั้นเกิดเรื่องแตกขึ้น ถูกชาวบ้านไล่ต้อน เคราะห์ร้ายโดนจับไปดำเนินคดี ถูกศาลตัดสินจำคุกส่งไปทำโทษที่เรือนจำ เมื่อพ้นโทษออกจากคุก ก็ไม่สำนึกกลับตัวล้างเท้าล้างมือเสีย ยังแอยขโมยตามอาชีพเก่า เมื่ออายุได้ 41 ปี เนื่องจากเสพสุรานารีมากเกินควร เลยเกิดมะเร็งถึงแก่ความตาย ในระหว่างป่วยไข้ต้องใช้เงินทองของตัวเองรักษา เพื่อนฝูงในสังคมมืดนั้นเห็นว่าผมไม่มีความสามารถใด ๆ แล้วจึงไม่เข้ามาแยแสด้วย ดังนั้นจึงตรอมใจตาย เมื่อตายลงก็ถูกนายทหารหัวควายม้าคุมมายังนรกโดนเฆี่ยนตีตลอดทาง  ตอนหลังูกตัดสินเข้ามาอยู่คุกนี้จึงรู้ว่าตนถูกตัดอายุขัยไป 9 ปี เป็นการสนองตอบจากความชั่วโดยแท้ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

พัศดี   :  เมื่อแกสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว หากว่าตอนพ้นโทษออกจากคุกแล้วรู้จักสำนึกตัวใหม่ ทำตัวเป็นพลเมืองดี สร้างกุศลชดใช้เวรบาปที่ก่อไว้ จะไม่ต้องถูกหักอายุขัย และตกลงในนรกรับการทรมาน แกน่ะไม่เพียงแต่ผิดฐานขโมยลักทรัพย์ ยังผิดฐานอกตัญญูซึ่งเป็นโทษใหญ่อีกด้วย ยมบาลท่านตัดสินให้แกมาอยู่คุกนรกนี้ 32 ปี โทษฐานนี้พอที่จะให้แกชดใช้กรรมอยู่แล้ว วิญญาณโทษตนที่ 2 รีบสาธยายบาปเวรที่สร้างไว้ในเมืองมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งชาวมนุษย์ฟังโดยเร็ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย   

วิญญาณโทษ 2   :  ฉันทำการค้าเครื่องเหล็กและเครื่องอะไหล่กลไกต่าง ๆ
ในแดนมนุษย์ เริ่มต้น 2 - 3 ปี ด้วยความอดทนขยันหมั่นเพียรมีผลกำไรได้เงินทองไม่น้อย ต่อมาค่อย ๆ หัดเล่นการพนันและดื่มเหล้าเที่ยวหาความสุข เที่ยวหาผู้หญิงนางบำเรอนอกบ้าน รับเลี้ยงเมียน้อยอยู่หลายคน ส่วนเมียหลวงไม่มีทางรู้ได้เลย ดังนั้นการหมุนเวียนทางการเงินจึงค่อย ๆ ฝึดลง ต่อมาเพื่อที่จะปรับค่าใช้จ่ายให้สมดุล จึงสั่งซื้อสินค้าวัสดุจำนวนมากจากโรงงาน 2 แห่งโดยเขียนเช็คไว้ให้เป็นจำนวนเงินมหาศาล แล้วก็เอาเครื่องเหล็กเครื่องกลนั้นไปขายที่ต่างถิ่นด้วยราคาต่ำ ๆ เป็นพิเศษ ในธนาคารคงเหลือยอดเงินเพียงนิดเดียว เสร็จแล้วก็หลบหนีหายตัวไป บรรดาเจ้าหนี้เมื่อได้เวลาเก็บเงินตามใบสั่ง ก็เก็บเงินไม่ได้  จึงรู้ว่าโดนเช็คสปริงเสียแล้ว แห่กันมาคิดบัญชีกับฉัน และฟ้องร้องไปยังศาลสถิตยุติธรรมตำรวจก็ประกาศจับตัวไปทั่วทุกทิศ ต่อมาจึงโดนจับตัวได้ขณะอยู่บ้านญาติแห่งหนึ่ง ส่งตัวไปดำเนินคดี เพราะเหตุว่าฉันฝากเงินไว้กับเพื่อนหญิงคนหนึ่ง เมื่อหลุดพ้นจากการจองจำออกมา การดำเนินชีวิตก็ยังสุขสมบูรณ์มาก แต่ว่าพวกเจ้าหนี้ล้วนผูกใจเจ็บแค้นด่าฉัน"ไอ้ชาติชั่ว  ไอ้ขี้โกง  ใจอำมหิต"  6 ปีก่อนฉันตายลงด้วยโรคหัวใจ ถูกนายทหารหน้าควาย - ม้า คุมตัวส่งไปขุมที่ 2 แห่งแดนนรก ฉอกังอ๊วง ดุด่าว่าฉันโกงเงินค่าสินค้าของชาวบ้าน หากินทางสกปรกไร้ศีลธรรม ตัดสินให้ตกเข้าไปอยู่ใน "แดนนรกอุจจาระ - ปัสสาวะ" รับการลงโทษ เมื่อหมดโทษแล้ว จึงย้ายมาขุมที่ 4 ในปัจจับันนี้แหละ โหงวกัวอ๊วงว่าฉันจ่ายเช็คหลอกลวงเขา มือทั้งสองข้างเป็นต้นเหตุแห่งกรรมชั่วนั้น ๆ  ทำลายให้ร้ายผู้อื่นมากมาย ตัดสินเข้าอยู่ใน "นรกน้ำร้อนลวกมือ" 10 ปี  รับเลี้ยงเมียน้อย ความประพฏติไม่เหมาะสมนั้น  ต้องตัดสินลงโทษอีกต่างหากยมบาลท่านยังบอกอีกว่า เมื่อรับการลงโทษทุกกรรมทุกกรณีเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องส่งไปหมุนเวียน "เวียนไปเกิดครั้งที่ 1 เป็นมนุษย์มีร่างกายพิการแต่มีความสามารถฝีมือดีโดยกำเนิด  ไปรับจ้างจากเจ้าหนี้ หาเงินให้เขา ตนเองเพียงมีข้าวกินพอยังชีพเท่านั้น เพื่อชดใช้หนี้ในชาติก่อน เวียนไปเกิดครั้งที่ 2 ไปเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งมีเงิน แต่เงินนั้นได้มาโดยไม่สุจริต เกิดมาก้ไม่แข็งแรงอมโรคมากหลาย ต้องเสียเงินทองหาหมอรักษาแม้จะมั่งมี แต่ต้องกินยาทุกวัน หมอผู้นั้นคือเจ้าหนี้แต่ชาติก่อน เป็นหมอประจำพิเศษเพื่อที่จะเรียกคืนหนี้ที่ค้างชำระ นี้แหละคือการสนองตอบของคนรวยที่ไม่มีเมตตาธรรมประการหนึ่งละ  ประการที่สองคือ เมื่อไปโกงกินเงินของคนอื่น ต้องสนองตอบด้วยการกินยาใช้หนี้ เหตุและผลสนองรับต่อกันต่างลบล้างกันไป " ชาวโลกที่ทำการค้าขายต้องยึดมั่นในศีลธรรมแห่งการค้าขาย เงินที่ได้มาจากใจหินชาตินั้นไม่อาจตกทอดไปถึงมือลูกหลานได้ ดังตัวอย่างฉันนี้เป็นต้น

พัศดี   :  ไอ้เวร ทำการค้าไม่มีศีลธรรม เครื่องโลหะก็จะกลายเป็นละอองดินในที่สุด คดโกงเงินทองผู้อื่น  ชาติหน้าต้องจ่ายคืนพร้อมต้นและดอกเบี้ย แล้วยังพลอยให้คนรุ่นหลังด่างพร้อยเสียชือเสียงไปด้วย ลูกหลานจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไรเล่า วิญญาณโทษที่พูดเรื่องครู่นี้เป็นเรื่องจริง เหตุและผลสนองตอบรับกันไม่มีการผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย  ตามความสำรวจในกรมกองยมโลก พวกเจ้าหนี้ในชาติก่อนล้วนมีผลบุญกุศล ชาติหลังจึงได้เวียนไปทวงหนี้สินที่ตกค้างคืนมา เหตุและผลของโลกมนุษย์เป็นการวนเวียนมาตอบสนองกัน มีความละเอียดอ่อนไหวมากคล้ายกับข่ายใยแมลงมุมเชื่อมต่อเนื่องกัน ทุกสิ่งทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกันแล้ว ล้วนยากที่จะรอดพ้นจากการตอบสนอง ชาวโลกควรถือเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ อย่าได้ใจร้ายต่อไป การกระทำทุกกรณีที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย แต่ตนเองได้รับผลประโยชน์นั้น ล้วนแต่เป็นการก่อเวรสร้างกรรมทั้งสิ้น ก็น่าเห็นใจชาวโลกส่วนใหญ่มักจะพบเจอแต่สิ่งอุปสรรคกีดขวางแล้วมาถอนใจบ่นกันว่ามนุษย์นั้นมีกรรมเวรหนักหนา

อรหันต์จี้กง   :  เพราะว่าเวลาดึกมาแล้ว ข้า ฯ ว่าดูคู่วิญญาณโทษ 2 ตนก็พอแล้ว

หยางเซิง   :  ก็ดีครับ ขอถามท่านพัศดีอีกนิดเถิดว่าปัจจุบันนี้ในแดนมนุษย์มีคดีปปล้นทรัพย์ บางรายถูกตัดสินให้ยิงเป้า เมื่อถูกยิงเป้าไปแล้วไม่ทราบว่าไปขุมขังอยู่ ณ แห่งใด

พัศดี   :  เกี่ยวกับวิญญาณโทษที่ถูกประหารแล้วนั้นได้ขังอยู่ที่อื่น ที่มีการลงโทษร้ายแรงกว่าคุกนี้อีก วันอื่นจะพาท่านไปตรวจเยี่ยมอีกครั้ง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารทุกท่านที่ให้การชี้แจงแนะนำ เราเตรียมตัวกลับสำนักแล้วโอกาศหน้าพบกันใหม่

อรหันต์จี้กง   :  ออกมาเร็ว รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด .....

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

อรหันต์จี้กง   : 
ชีวิตคนเต็มไปด้วยความดีใจ  ขุ่นข้องใจ  เศร้าใจ  สุขใจ  และความระทม  หรรษา  พลัดพราก  อยู่ร่วมกัน  พูดไปแล้ว  การบำเพ็ญ   
ธรรมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนักหรอก ต้องรักษาจิตให้มั่นคง ควรทุ่มเทปฏิบัติสักระยะหนึ่ง โดยมิใช่ว่าพูด ๆ แล้วก็จะสำเร็จต้องมีการปฏิบัติทางศีลธรรมที่แท้
จริงเป็นพื้นฐานแห่งหลักธรรม มิเช่นนั้นแล้วจะพูดอย่างน้ำไหลไฟดับก้เท่ากับดอกไม้ร่วงสู่ธารน้ำ (ที่ไหลไปตามเรื่อง) ปลุกจิตให้ศรัทธาและพลังใจมิขึ้น             
เลย วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ไฉนท่านอาจารย์จึงถอนหายใจอยู่ร่ำไป

อรหันต์จี้กง   :  จิตใจที่แตกต่างกันของมนุษย์ จึงเปล่งวาจาที่แตกต่างกันออกมา บ้างว่าลูกบ๊วยแห่งนี้มีรสเค็ม  บ้างก็ว่ามีรสหวาน  บ้างก็ว่ามีรสขม  พูดเอาจนหนทางใหญ่ที่กลมกลืนนั้น  หมุนเคว้งคว้างไปหมดทำให้คนหูตาฝ้าฟางยุ่งเหยิง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ! 

หยางเซิง   :  อะฮ้า ! ผู้อยู่ในบรรพชิตควรปลงเสียบ้างเถิด ขอให้กุมแก่นกลางนั้นให้มั่นคงก็แล้วกัน มันจะโยเยยอบแยบอย่างไรก็ช่างมันเถิด แล้วก็จะสบายอกสบายใจเอง

อรหันต์จี้กง   :  นับว่าเจ้ายังปราดเปรื่องฉลาดมาก ฉันนะเกือบจะหลงตกลงในห้วงเหวแห่งวิญญาณหลงเสียแล้ว ณ บัดนี้พอจะนับได้ว่ามีหนทางสายใหญ่ที่โชติช่วงแล้ว อย่าได้คุยอะไรมากเลย รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ  ลงจากดอกบัวไปเยี่ยมชมเถิด

หยางเซิง   :  พัศดีและนายทหารทั้งหลายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้าพเจ้าคือศิษย์สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งมาเยี่ยมชมคุกของท่านในวันนี้ ขอได้ให้การชี้แจงด้วย

พัศดี   :  ท่านทั้งสองมิต้องแสดงความคารวะ คุกนี้คือ "แดนแทงปากนรกน้อย" อยู่ในความปกครองของขุมที่ 4  เนื่องจากได้รับคำสั่งจากท่านยมบาล ทราบว่าท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งจะมาเยี่ยมชมคุกนี้ ในวันนี้หากการต้อนรับที่มีบกพร่องแล้ว ขอได้ให้อภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ท่านพัศดีมิต้องถ่อมตัว เราศิษย์อาจารย์ท่องนรกตามโองการแต่งหนังสือ วันนี้มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอท่านพัศดีและนายทหารให้ความสะดวกด้วย เพื่อให้หยางเซิงได้เยี่ยมชม

พัศดี   :  ขอรับคำบัญชา เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเยี่ยมชมสภาพการณ์ของการลงโทษวิญญาณโทษได้

หยางเซิง   :  บนประตูคุกเขียนไว้ว่า "แดนแทงปากนรกน้อย" กระผมว่าคงจะทรมานมากเหลือที่จะกล่าวนะ

พัศดี   :  ตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน อย่าเสียเวลาเลย             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

หยางเซิง   : 
ไม่ผิดตามที่คิดจริง ๆ แหละ เสียงคร่ำครวญร่ำไห้ในคุกปานแก้วหูจะแตก ยมทูตกำลังใช้เหล็กปลายแหหลมคมอันหนึ่ง แทงปากของผู้ถูกมัดติดกับเสาอย่างทารุณโหดร้าย ราวกับว่าจะทำให้คนตายคามือเลยทีเดียว วิญญาณโทษที่โดนแทงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน การทำโทษชนิดนี้คล้ายกับการฆ่าหมูโดยใช้แรงคนฆ่า มิทราบว่าพวกนั้นต้องโทษประการใดบ้าง จึงถูกทำโทษรุนแรงเช่นนี้ ?

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะปลดออกมาสัก 2 - 3 ตน ท่านจะทราบโดยละเอียดจากการซักถามของท่านเอง

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีมาก

พัศดี   :  สั่งวิญญาณโทษตนนี้ให้สาธยายความผิดของตัวเองตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงฟัง

วิญญาณโทษ   :  ปากฉันเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว ก่อนหน้านี้ได้สารภาพต่่อหน้ายมบาลมาแล้ว ไฉนจึงให้ฉันพูดอีกเล่า?

อรหันต์จี้กง   :  อาตมาอยู่ที่นี่ จะบิณฑบาตจากเธอ หรือว่าเธอจะไม่ยอมให้ทานงั้นหรือ?.

พัศดี   :  ท่านผู้นี้คืออรหันต์จี้กง ได้มาท่องนรกตามโองการ หากเจ้าไม่สารภาพโดยเร็วมีโทษขัดขืนพระราชโองการ โทษนั้นเจ้าจะรับไม่ไหว นรก "อาปี" (โลกันตร์) เจ้าอยากไปไหม ?.

วิญญาณโทษ   :  พระรูปนี้ที่แท้คือท่านอรหันต์จี้กงเอง เมื่ออยู่แดนมนุษย์ก็เคยได้ยินชื่อเสียงท่านมาแล้ว ฉันควรตายเสียจริง ๆ ขอท่านอาจารย์โปรดให้อภัยด้วยเถิด ฉันจะสารภาพการทำบาปในแดนมนุษย์อย่างหมดเปลือกดังนี้ เมื่อฉันอยู่ในโลกมนุษย์ เพราะเหตุว่ามีสุ้มเสียงดีพอ มีพรสวรรค์ในการร้องเพลง ก็เลยไปร้องเพลงตามภัตตาคาร  โรงละครบ่อย ๆ ยังเคยรับจ้างโรงงานผลิดยาไปแสดงตามที่ต่าง ๆ มากหลาย ชีวิตในอาณาจักรเสียเพลงนั้น เพื่อสนองตามรสนิยมของผู้ฟังก็เลยแต่งเพลงลามกเองร้องเอง ก็บ่อยครั้งหรือแสดงบทบาทชั่วช้าสามานย์เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมข้างเวทีอย่างกึกก้อง ตบไม้ตบมมือชอบอกชอบใจเป็นการใหญ่  เนื่องจากเพลงที่ร้องไปนั้น ไม่สุภาพ เมื่อตายลงแล้วยมบาลตัดสินลงโทษว่า ชีวิตทั้งชีวิตของฉันไม่ชอบร้องเพลงรักชาติ หรือเพลงปลุกใจคน  หรือเพลงกล่อมเกลาอบรมจิตใจมนุษย์ ที่ร้องไปนั้นล้วนเป็นเพลงที่ทำให้เสื่อมเสียประเพณีอันดีงาม ที่หยาบช้าชั้นต่ำ ๆ ทั้งนั้น  ให้โทษทางสังคมที่มีประเพณีอันดีงาม  เลยตัดสินให้ตกเข้ามาอยู่ใน "นรกแทงปาก" 10 ปี ทุกวี่ทุกวันโดนเหล็กเจาะแทงปาก มีความทุกข์ทรมานอย่างพูดไม่ออก ตอนอยู่เมืองมนุษย์ ความเป็นอยู่เละเทะเหลวแหลกยังต้องรับโทษทางอื่นอีก เมื่อหมดโทษพ้นคุกไปต้องถูกส่งไปแห่งอื่นทำโทษอีก ทั้งนี้เป็นคำบอกเล่าจากพัศดี จะสำนึกผิดในขณะนี้มันก็สายไปเสียแล้ว ขอให้นักร้องที่อยู่ในโลกมนุษย์ จงอย่าร้องแต่เพลงรักใคร่ที่แสนจะเร้าโลมอารมณ์เท่านั้น ให้ร้องเพลงที่มีความหมายมากขึ้น มิเช่นนั้น เมื่อตายลงแล้วปากที่ร้องออกมานั้นล้วนเป็น "เพลงโหยหวานคร่ำครวญ" หมดแหละ
 
พัศดี   :  ขอฝากไปยังนักร้องในแดนมนุษย์
ให้ร้องเพลงปลุกระดม ใจรักชาติ อย่าร้องแต่เพลงรำพึงรำพันระหว่างหญิงชาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสื่อมเสียของสังคม  สร้างเวรปากที่กว้างใหญ่ไพศาลจนตกลงนรก ... สั่งวิญญาณโทษตนที่ 2 ให้เล่าความจริงในการทำผิดระหว่างที่มีชีวิตอยู่ให้ท่านหยางเซิงฟัง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 25  วันที่  25  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนแทงปากนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

          ไม่ยับยั้ง     วจีกรรม           ก่อคลื่นลม
เสียดอารมณ์          คนสิ้นคิด          ควรงดเสีย
คำมุสา                 เที่ยวพ่นทั่ว      ต้องจนจิต
ชั่วชีวิต                คุยโอ้อวด        ไร้สรรเสริญ

วิญญาณโทษ   :  ปากฉันเจ็บปวดจัง ยังมีน้ำเลือดหยดอยู่เลย 
นึกถึงตอนเป็นมนุษย์อยู่นั้น มีนิสัยชอบอยู่นอกบ้าน เมื่อแต่งงานแล้วมักจะทะเลาะกับสามี พูดออกมาทีไรล้วนเป็นคำแช่งด่า จนกระทั่งถึงฟ้าดินและมักจะทะเลาะกับหญิงใกล้เรือนเคียง ความชั่วที่ร้ายที่สุดก็คือมักจะใช้วาจายุยงผู้อื่น ทำให้ชาวบ้านเกิดความระหองระเหงขึ้นในครอบครัว มีรายหนึ่งที่อยู่บ้านใกล้กัน เนื่องจากเคยทะเลาะกับฉัน เพื่อที่จะแก้แค้นมันฉันจึงปล่อยข่าวสร้างความเท็จขึ้นว่า "เมียเขาไปมีชู้กับชายคนนั้น ๆ  นัดพบกันที่ตรงนั้นตรงนี้ ฉันไปเห็นมากับตา" จากหนึ่งก็แพร่ออกไปเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในครอบครัว และเคยยุแหย่จนคู่สมรสต้องแยกอย่ากัน นอกนั้นที่ใช้ปากพูดเท็จให้ร้ายผู้อื่นอีกมากราย เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้ตกมาอยู่ "นรกแทงปาก" 8 ปี แล้วยังมีโทษอื่นอีก ฉันก็ไม่คิดจะพูดมากแล้วหละ

พัศดี   :  เอาละ ! ไอ้ปากเสียของแกนั้นทำเวรมามากพออยู่แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เวลาก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเตรียมกลับสำนักเถอะเจ้าหยางเซิง เจ้ายังมีข้อสงสัยอะไรอีกไหม ?

หยางเซิง   :  ลองให้วิญญาณโทษตนนั้นเล่าเรื่องที่ทำความชั่วไว้ในเมืองมนุษย์อีกทีนะครับ

พัศดี   :  รีบสารพภาพต่อท่านหยางเซิง ที่แกได้ทำบาปตอนอยู่ในโลกมนุษย์

วิญญาณโทษ   :  ผมตอนมีชีวิตอยู่นั้น เนื่องจกบิดาสำเร็จทางแพทย์ ใช้พวกสมุนไพรรักษาโรคโดยเฉพาะ ผมเห็นบิดาประกอบยารักษาโรค ก็มีความรู้อยู่บ้าง เมื่อบิดาตายลงแล้ว มีคนไข้มาให้รักษา ผมก็พูดว่า "บิดาข้าฯก่อนตายได้สอนและมอบ "ตำราลับของตระกูล" ให้กับข้าหมด" ไม่ว่าจะเป็นโรคประหลาดยากเย็นชนิดไหน ล้วนรักษาได้ชนิด "ยาถึงโรคหาย"  แต่ทว่าตัวยานั้นล้วนเสาะหามาจากภูเขาที่ลึกล้ำมาก หายากยิ่งนักเป็นยาพิศดารมีค่าสูงมาก คนไข้ก็คิดว่าเป็นความจริง ผมก็เลยขายยาในราคาสูงมาก บางคนก็ให้ผมรักษาจนหายป่วย บางคนจ่ายค่ายาแล้ว โรคไข้กลับหนักลงไม่มีผลเลย หากว่าคนเขาถามถึงตำราลับของยาสมุนไพรนั้น ผมมักจะไม่เปิดเผย โดยบอกกล่าวตำราลับจากต้นตระกูลห้ามเผยให้ผู้อื่นรู้  เพื่อที่ให้ผู้อื่นจ่ายเงินเป็นค่าขึ้นครู ในชีวิตทั้งชีวิตได้เงินทองมาไม่น้อย หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้ว ยมบาลท่านไม่ปราณีเลย ตัดสินให้ผมเข้ามาอยู่นรกนี้รับโทษทัณฑ์ จะสำนึกตัวก็สายเสียแล้ว

พัศดี   :  อาศัยลิ้นสามนิ้วอันกลับกลอกของแก ขยับปากแต่ละครั้งล้วนอ้างว่าเป็น "ตำราลับของตระกูล" แกไม่รู้หรือนั่นเพียง "ตำราลับจากพ่อ" เท่านั้น แม้ว่าแกจะมีความดีที่ช่วยเหลือชาวโลกอยู่บ้าง แต่เรียกร้องราคาสูงเกินควรเสียจรรยาแพทย์ จึงตัดสินแกมีความผิด บรรดาชาวมนุษย์ที่เก็บตำราลับจากต้นตระกูลควรเปิดเผยออกเพื่อช่วยเหลือผู้คน ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือหาเงินหรือคุยอ้างยาสมุนไพรเป็นยาสรรพคุณสูงราคาแพง มิเช่นนั้นปาก (ลิ้น)จะสร้างเวร "นรกแทงปาก" ก็จะมีส่วนให้แหละ

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย เราขอลาแล้วละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ให้การชี้แจงและให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านทั้งสอง หากไม่รังเกียจเชิญมาเที่ยวชมใหม่อีกครั้ง

หยางเซิง   :  ขอบคุณมากครับ 

อรหันต์จี้กง   : 
ขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์รีบเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  บรรดาที่ชอบพูดเท็จ และลับหลังชอบหาเรื่องยุแหย่ หรือผู้หญิงที่ไม่รู้จักพูดคำอ่อนหวานนุ่มนวลนั้น หรือทำลายล้างทำให้การสมรสพินาศลง หรือลับหลังชอบแช่งด่าผู้ใหญ่นั้น ควรระวังตัวเป็นพิเศษ หากไม่สำนึกกลับตัว ต่อไปก็จะเป็นผีใน "นรกแทงปาก" เช่นกัน ชาวโลกถ้าพูดคำว่า "ขอบคุณครับ  ขอประทานโทษ" เสมอ ๆ เคราะห์กรรมจะจากไป โชคลาภจะเข้ามาเยืือน สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                       เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

อรหันต์จี้กง   :  เวลาท่องนรกในวันนี้
ได้เวลาแล้วเจ้าหยางเซิง รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าคือ "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" บนประตูคุกได้เขียนบ่งไว้แล้ว พัศดีและนายทหารได้ออกมาต้อนรับเราแล้ว ขอแสดงความเคารพต่อท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย ข้าพเจ้านายหยางเซิงผู้เป็นศิษย์ได้ตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอได้โปรดให้ความสะดวกด้วยเถิด

อรหันต์จี้กง   :  อาตมาพาหยางเซิงมายังคุกของท่านในวันนี้มาตามเทวโองการให้แต่งหนังสือ เนื่องจากปัจจุบันนี้ศีลธรรมโลกมนุษย์ตตกต่ำมาก นิยมแต่วัตถุเลยขาดการบำเพ็ญปลูกฝังจิตใจใฝ่ทางธรรม ต่างละโมบต่อทรัพย์สินเงินทอง โดยไม่เลือกที่จะหามาโดยวิธีใด ๆ ทั้งสิ้นขอให้ได้เงินมาก็แล้วกัน ก็ไม่มีการคำนึงถึงทำนองคลองธรรมและจิตสำนึกที่ดีงาม ?. ที่พูดว่า "จิตสำนึก ที่ดีงามนั้นไม่มีราคาค่างวด"นั้นเป็นที่น่าอนาทใจยิ่ง เนื่องจากสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่จงแห่งชมพูทวีปได้รับเทวโองการ รับการประทับทรงประกาศธรรม เพื่อที่จะกู้คืนจิตใจที่เสื่อมทรามลงของผู้คน สร้างแต่งหนังสือธรรมเป็นการปลอบเตือนชาวโลก มีผลงานที่โชติช่วงรุ่งโรจน์มาก จึงได้รับคำชมเชยจากท่าน "เง็กเสียงอ๊วงตี่  โดยประทานเทวโองการให้แต่ง"เที่ยวเมืองนรก" เป็นกรณีพิเศษ  ให้อาตมาพานายหยางเซิงท่องชมยมโลก เก็บเอาความจริงในนรกไปเผยแพร่ให้ชาวโลกรับทราบ วันนี้มาเที่ยวชมคุกของท่าน ขอได้ให้ความชี้แนะด้วย

พัศดี   :  ท่านอาจารย์พูดได้หนักแน่นมาก ท่านทั้งสองตรากตรำลำบาก การรับเทวโองการแต่งหนังสือนั้น เข้าใจดีโดยตลอด เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปตรวจชมภายในเถิด

หยางเซิง   :  พวกยมทูตช่างทารุณเสียจริง ๆ ใช้มีดอันคมกริบตัดฟันมือนักโทษให้ขาดลง แต่ละคนหวีดร้องเสียแหบแห้ง แต่ร่างกายถูกมัดติดอยู่กับหลัก จึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้

พัศดี   :  คุกนี้คือ  "แดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย" ยมทูตใช้มีดตัดฟันเอ็นบนมือของนักโทษให้ขาดก่อน แล้วก็แทะเอาเนื้อติดกระดูกนั้นออก โยนให้พวก "สุนัขเหล็ก" กิน ต่อจากนั้นจึงแทะกระดูกมือให้ขาด การรับโทษชนิดนี้ทรมานยิ่งนัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

หยางเซิง   :  กระผมเห็นแต่ละวิญญาณโทษ 
ล้วนถูกลงโทษจนมีอาการสลบไสล สุนัขดำที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขบกัด เนื้อมือที่ถูกขูดออก สุนัขในโลกมนุษย์มักจะหากินแทะกระดูกก้างปลาตามใต้โต๊ะ แต่สุนัขที่กินเนื้อคนเพื่อยังชีพนั้น ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย ขอถามท่านพัศดีว่าสุนัขดำเหล่านี้มาจากแห่งใด?

พัศดี   :  พวกนี้เรียกว่า "สุนัขเหล็ก" มีเฉพาะในยมโลกเจาะจงกินแต่เนื้อมนุษย์ยังชีพ เพราะเหตุว่ามันไม่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์  จึงเรียกว่า "สุนัขเหล็ก"  หากเป็นสุนัขของโลกมนุษย์ก็มีวิญญาณจิตผ่องใสมาก ดูแลเฝ้าบ้านและซื่อสัตย์ต่อมนุษย์ ปัจจุบันชาวโลกมักจะเลี้ยงสุนัขที่มีชื่อเสียงราคาแพง ความเป็นอยู่ก็เหมือนกับมนุษย์จนขนาดนอนร่วมกับเจ้าของผู้เลี้ยง แต่สุนัขในแดนนรกมีความแตกต่างกันมาก เพื่อที่จะลงโทษผู้ไร้จิตใจของมนุษย์ ที่ไม่มีศีลธรรม ดังนั้นในยมโลกจึงเลี้ยง "สุนัขเหล็ก" เพื่อกินเนื้อของมันอันนี้เป็นการ "สนองตอบ" ที่เรียกว่า "ใจหมา" นั้นก็คืออันนี้แหละ

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีพูดเข้าทีมาก มนุษย์ที่ไม่มีจิตใจซื่อสัตย์และคุณธรรมแล้ว เลวยิ่งกว่าสุนัขนี้อีก ดูพวกวิญญาณโมษที่โดนทำโทษอย่างน่าเวทนานี้ มิทราบว่าทำผิดในโทษฐานใด ๆ

อรหันต์จี้กง   :  ฉันจะใช้พัดโบกให้ 2 - 3 ตนตื่นขึ้น เพื่อสะดวกในการให้ตนเองเล่าเรื่องบาปที่สร้างไว้ ดูข้าฯแสดงความปาฏิหาริย์...

หยางเซิง   :  แต่ละตนฟื้นคืนสติขึ้นมาจริง ๆ ด้วย กลับคืนตัวเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แล้ว

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะปลด 3 ตนออก ให้สารภาพต่อท่านหยางเซิง เพื่อลงพิมพ์ใน "เที่ยวเมืองนรก" ให้วิญญาณโทษตนนี้รีบสารภาพบาปกรรมที่ทำไว้ในแดนมนุษย์มีอะไรบ้าง จึงตกลงมายังคุกนี้รับการรับโทษ

วิญญาณโทษ   :  ฉันจะพูด ฉันจะพูด  ช่างทุกข์ทรมานเสียจริง ๆ แต่ลูกหลานของฉันไม่รู้ว่าฉันมาถูกทรมานที่ยมโลก คิดว่าตายแล้วก็แล้วกันไปตอนฉันมีชีวิตอยู่นั้นทำการค้าขายผัก ด้วยความโลภอยากได้เงินมาก ก็เลยเล่นลูกไ้บนตาชั่ง เช่นชั่งหนึง (ของจีนมีสิบหกตำลึง) ก็ชั่งให้เพียง 12 ตำลึง ต่าง ๆ นานา ในชีวิตการค้าขายมีการ "ลักตัดน้ำหนัก" เสมอ ๆ แม้ว่าเคยได้ยินผู้คนพูดว่า การค้าขายควรตั้งอยู่ในทางยุติธรรมสุจริต ลักตัดไปครึ่งชั่ง ชาติหน้าต้องชดใช้ให้ 8 ตำลึง  แต่ฉันก็ถือว่าเป็นลมโบกโชยผ่านหูเท่านั้น ไม่มีการสำนึกในจิตที่เป็นธรรมแม้แต่น้อย หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้ววิญญาณตกลงมายังยมโลก ต่อหน้ากระจก (กรรม)  วิเศษฉายเอาความทุจริต ปรากฏมาอย่างชัดแจ้งแจ่มใส ถูกยมบาลขุมที่ 4 ตัดสินให้ตกเข้า "นรกตัดเอ็นแทะกระดูก" มีกำหนด 10 ปี ทุก ๆ วันโดนทำโทษจากการตัดเอ็นแทะกระดูก มือทั้งสองข้างโดนยมทูตเฉียนตัดดังผักปลา จะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่แดนมนุษย์ต้องค้าขายโดยสุจริตมีคุณธรรม อย่าเห็นแก่ได้เล็กได้น้อยชั่งตวงไม่ยุติธรรม  แดนนรกจะลงโทษอย่างหนักมิผ่อนคลายอภัยให้ยมบาลท่านเกลียดคนชนิดนี้ยิ่งนัก จึงลงโทษเป็นพิเศษ ยมทูตก็ไม่ปราณี เมื่อสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว

พัศดี   :  ใครใช้ให้แกเล่นลูกไม้ในตาชั่งเล่า ?. เวลานี้แดนนรกให้ยมทูตช่วยซ่อมความป่วยไข้ของมือทั้งสองข้างของแกแล้วล่ะ ให้ตนที่ 2 รีบเล่าเรื่องของตนเองที่ทำการไม่สุจริตในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้งแดนมนุษย์ฟัง

วิญญาณโทษ   :  ขอรับคำบัญชา เนื่องจากฉันอยู่ในแดนมนุษย์ มีฐานะความเป็นอยู่ไม่สู้ดี และก็ไม่ได้รับการศึกษาด้วย ก็เลยยึดอาชีพรับซื้อของเก่า แต่ละวันขี่สามล้อเก่า ๆ คันหนึ่ง เที่ยวออกรับซื้อของโบราณ  เศษเหล็ก  เศษกระดาษไปทุกทิศ เพราะเหตุเคยได้ยินพวกเดียวกันพูดว่า จะรับซื้อพวกเศษทองเหลือง  ของเก่า  ถ้าซื้อตามน้ำหนักจริงแล้ว จะมีผลกำไรน้อย ต้องเล่นลูกไม้บนตาชั่ง  คือเล่นกลกับตาชั่ง เวลาชั่งคนนอกเห็นว่าถูกต้องแล้ว แต่ว่าหากเป็นของหนัก 10 ชั่ง เวลาชั่งฉันชั่งเพียง 7 ชั่งเท่านั้น ผู้ขายของเก่ามักจะไม่เกี่ยงงอนอะไรมากนัก ขอให้ขายได้ก็แล้วกัน  ในชีวิตโกงตาชั่งเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน  เมื่อตายลงแล้ว ยมบาลท่านโกรธมากด่าว่าฉันรับซื้อของเก่าไม่ยุติธรรมเสียศีลธรรมด้านการค้า ขณะนี้ถูกตัดสินให้อยู่ในคุกนี้ 15 ปี ถูกทำโทษทุกวัน โดยถูกพวกยมทูตรังแกข่มเหงสบประมาท ความทุกข์ยากนั้นไม่อาจพูดได้ ขอเชิญท่านหยางเซิงแห่งเมืองมนุษย์ ช่วยขอความเมตตาลดโทษแทนฉันด้วยเพื่อจะได้พ้นทุกข์โดยเร็ว ขอกราบละครับ

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ เมื่อมันได้พูดความจริงแล้ว ดูสารรูปที่น่าสมเพช เสื้อผ้าขาดวิ่นรุ่งริ่ง กระผมว่าอภัยให้มันบ้างเถิด

อรหันต์จี้กง   :  เรารับเทวโองการแต่งหนังสือเรื่องอื่น ๆ ไม่ควรไปเกี่ยวข้อง ให้พัศดีจัดการก็แล้วกัน 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 26  วันที่  4  เมษายน  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนตัดเอ็นแทะกระดูกนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  : 

              ทำการค้า        ให้ใหญ่โต        กำไรดี
ไม่กดขี่                         ไม่คดโกง        เจริญได้
การพนัน                        ผิดศีล            นั้นจริงไซร์
เสียหรือได้                    ไม่พึงกล่าว       เป็นถาวร

พัศดี   :  ตอนมีชีวิตมือไม่สะอาด
เวลานี้ก็น่าจะให้ยมทูตถลกหนัง ตัดเอ็นแทะกระดูก อันนี้มิได้เกี่ยวกับซื้อขาย แต่เป็นการตัด (เส้น) เอ็นปวดแสบ ลูกผู้ชายทำผิดแล้วต้องกล้ารับโทษซิ อย่ามาขอร้อง เปลี่ยนตนที่ 3 รีบเล่าเรื่องขาดศีลธรรมของแกในเมืองมนุษย์ให้้ท่านหยางเซิงฟัง เพื่อสะดวกในการตีพิมพ์ในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะได้เตือนพวกนักการพนันแห่งโลกมนุษย์

วิญญาณโทษ   : 
ตอนอีฉันอยู่เมืองมนุษย์ สามีอีฉันรับราชการ มีตำแหน่งที่ไม่ต่ำต้อยนัก  เมื่อสามีไปทำงาน ลูก ๆ ก็ไปโรงเรียนกันหมด อยู่บ้านว่าง ๆ หญิงข้างบ้านก็มาชวนไปเล่นไพ่ แรกเริ่มนั้นอีฉันเล่นไม่เป็น หล่อนก็สอนวิธีเล่นให้ จึงค่อย ๆ เรียนรู้เล่นไพ่นกกระจอก และแล้วการเล่นการพนันทุกชนิดล้วนเล่นได้คล่องแคล่วมาก ถึงแม้ว่าจำนวนเงินที่ได้เสียกันไม่มากมายนัก แต่จากนั้นก็หลงใหลอยู่กับโต๊ะการพนันออกจากบ้านไปเล่นไพ่ตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีเวลาอบรมดูแลบุตรธิดา หรือบ้านช่อง สามีได้ปลอบห้ามตักเตือนอยู่เสมอ ๆ ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ดังนั้นในครอบครัวจึงเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นเป็นประจำ 4 ปีก่อน อิฉันป่วยตายลงด้วยโรคหัวใจวาย ตกถึงยมโลกแล้ว ท่านยมบาลตัดสินให้มารับโทษในคุกนรกนี้  เหลืออีกครึ่งปีจะได้พ้นออกจากคุก ขอเตือนสตรีในโลกมนุษย์ ต้องรักษาศีลธรรมแห่งสตรี  ต้องดูแลบ้านช่อง  อย่าทำตามแบบอิฉันนี้ เมื่อตายลงไปแล้วไม่ต้องมารับโทษในที่แห่งนี้มือทั้งสองข้างต้องถูกตัดเฉือน จึงโทษตัวเองทำไม่ดี ในขณะที่มีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง

พัศดี   :  แม่บ้านในครอบครัวลืมหน้าที่ ไปเที่ยวนอกบ้านทั้งเล่นการพนัน ทำให้สังคมเสื่อมเสีย เนื่องจากยังไม่มีการฉ้อฉลลวงหลอกและยึดการพนันเป็นอาชีพ ยมบาลท่านจึงตัดสินโทษเธอในสถานเบา

หยางเซิง   :  ขอชมท่านพัศดี ส่วนพวกนักเลงพเนจรที่อาศัยเปิดบ่อนการพนัน เปิดเล่นเฉพาะแต่ต้มตุ๋นโกงกิน ไม่ทราบว่าไปทำการลงโทษยังแหล่งใด

พัศดี   :  นั่นมิได้อยู่ในความควบคุมของคุกนี้ ต้องส่งไปยังขุมที่ 7 ในยมบาลไท้ซัวอ๊วงลงโทษหนัก  ขอเตือนชาวโลกบรรดาที่มีความประพฤติดังกล่าวข้างต้น ต้องสำนึกกลับตัวกลับใจทันที และพิมพ์แจกหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ปลอบเตือนชาวโลก แล้วโทษนั้นก็จะลบล้างลงได้ ตายลงแล้วก็มิต้องมารับโทษที่คุกนี้

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเวลาดึกแล้ว เราเตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ได้ให้คำชี้แจงเรา จะกลับสำนักแล้วล่ะ ขอลาก่อน

พัศดี   :  มิต้อง   ขอส่งท่านทั้งสองกลับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงรีบออกจากคุกเร็ว เตรียมขึ้นบนดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านกลับได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”