collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 85990 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

วิญญาณโทษ   :  บัดนี้สบายขึ้นบ้างแล้ว ขอบพระคุณพระรูปนี้ช่วยแก้ไขมาก ฉันตอนมีชีวิตอยู่นั้นมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหองมาก เพราะว่าฉันได้เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยและเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ดังนั้นจึงดูแคลนพวกคนจนและพวกมีการศึกษาน้อย ใช้อารมณ์ท่าทียะโสใส่ผู้อื่น ใช้สายตาที่ไม่ยี่หระเมินเฉยใส่ผู้อื่นเป็นประจำ เมื่ออยู่ในแดนมนุษย์แม้จะเสพสุขอย่างผู้ดีรวยเงินคบค้าสมาคมกับพวกมีอำนาจราชศักดิ์ เมื่อตายลงแล้วได้ถูกยมบาลตัดสินลงโทษโดยตัดสินว่า ฉันมีสายตาสูงเกินควร ดูถูกคนธรรมดาทั่วไป ว่าฉันเป็นคนที่เห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ ฉันมาอยู่คุกนี้ได้สองปีกับสามเดือนเศษและยังเหลือโทษอีกสองปีกว่าจึงจะพ้นโทษ แต่ว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้นยังทำความผิดอีกมาก เมื่อพ้นออกจากคุกแล้วอนาคตจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี ขอนักบุญผู้นี้ได้โปรดตักเตือนชาวโลกให้มาก ๆ หน่อย  ผู้ที่มีเงินรวยอำนาจอย่าได้เป็น "ตาสุนัขมองคนต่ำ"  ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นเป็นประจำนั้น เมื่อตายแล้วก็จะต้องรับผลเช่นเดียวดังตัวฉันแหละ เชิญท่านนักบุญช่วยขอท่านยมบาลลดโทษให้ฉันด้วย

หยางเซิง   :  ขอถามท่านนายทหาร วิญญาณโทษท่านนี้ได้ร่วมมือด้วยการบอกเล่าความเป็นไปแห่งความผิดและช่วยตักเตือนชาวโลกถือว่ามีความชอบอยู่บ้าง จะลดหย่อนผ่อนโทษให้เขาจะได้หรือไม่ประการใด ?.

นายทหาร   :  กระผมไม่มีอำนาจ

พัศดี   :  เรื่องนี้ข้าำพเจ้าจะกลับไปรายงานต่อเจ้านาย คิดว่าคงจะลดให้มันได้บ้าง แล้วพาอีกสองตนออกมาพร้อมกัน ให้สารภาพถึงเหตุการณ์ความผิดที่ตนก่อไว้

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ได้คุมสองคนใหม่ออกมาแล้ว และได้ให้น้ำมนต์ล้างสะอาดแล้ว ล้วนได้กลับเป็นอิสระกันแล้ว ให้ผู้อยู่ด้านขวานี้สารภาพการทำความผิดตอนอยู่ในโลกมนุษย์อย่างเปิดเผยก่อน ต่อท่านหยางเซิงแห่งเมืองมนุษย์

วิญญาณโทษ   :  กระผมอยู่ในเมืองมนุษย์ชอบเรื่องผู้หญิง โลกมนุษย์ในปัจจุบันนี้มีสารพัดสิ่งแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน นอกจากชอบแอบดูสาวและหญิงข้างบ้านอาบน้ำแล้ว ยังเคยถูกเพื่อนพาไปดูหนังลามก ยังที่แห่งหนึ่งภายในบ้านที่ซอมซ่อโกโรโกโส หลังจากนั้นแล้วจึงติดใจเป็นอย่างยิ่ง โดยออกค้นหาความตื่นเต้น กระตุ้นประสาทด้วยตนเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีเพื่อนชักนำพาไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยมีแม่สื่อจัดการเอานางทางโทรศัพท์มาแสดงระบำเปลือยกายมาหาความสนุก เมื่อปีก่อนนี้กระผมตายเพราะอุบัติเหตุรถ วิญญษณตกถึงยมโลกซึ่งเป็นวาระอายุขัยหมดลง จึงถูกยมบาลตัดสินให้เข้ามายัง "นรกควักตา"  แต่ละวันรับทรมานจากการควักตาอย่างเจ็บปวดยิ่ง  สภาพที่อเนจอนาถนี้ลูกหลานในแดนมนุษย์ไม่มีใครรู้ด้วยเลย จะสำนึกตัวเสียใจก็สายเสียแล้ว ขอท่านนักบุญผู้นี้เมื่อกลับไปยังโลกมนุษย์แล้วให้ประกาศตักเตือนชาวโลกทราบว่า ที่กระทำอยู่ในแดนมนุษย์นั้น อย่าคิดว่าปิดบังผีสางเทวดาได้หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้วฉายต่อกระจกกรรมวิเศษ ความเลวร้ายน่าอัปยศต่างปรากฏออกโดยสิ้นเซิง

นายทหาร   :  อ้ายแก่ไม่มียางอาย อ้ายเฒ่าตัณหากลับ ตอนอยู่ในโลกมนุษย์มีเงินติดตัวอยู่บ้างไม่รู้จักเก็บไว้ให้ดีเพื่อใช้กินในวัยชราจนหมดอายุขัย กลับไปรักชอบเรื่องต่ำช้าเจาะจงในเรืื่องลามก ลูกตาไร้ศีลธรรม ดังนั้นจึงตกลงในนรกควักลูกตาออกมาล้างให้สะอาด เปลี่ยนตัววิญญาณโทษข้างซ้ายนี้อีกคน รีบเล่าเรื่องตอนมีชีวิตอยู่ได้ทำความชั่วอะไรบ้าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

วิญญาณโทษ   :  ผมถูกตัดสินมานรกนี้ ความชั่วที่ทำไว้คือระหว่างเป็นนักเรียนอยู่ เคยทำการคดโกงด้วยกลอุบายแอบดูคำตอบของผู้อื่นและหนังสือ กับชอบอ่านหนังสือพวกลามก  ภาพโป๊  และหนังลามกต่าง ๆ เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้มาลงโทษที่คุกนี้ ผมถูกทำโทษมาครึ้งปีเศษจึงจะพ้นออกจากคุก

หยางเซิง   :  นั่นน่ากลัวเสียจริง ๆ กระผมตอนเรียนหนังสืออยู่นั้น เวลาสอบก็เคยลักดูคำตอบของผู้อื่นแต่ไม่ได้เจอครูอาจารย์จับได้ เมื่อตายแล้วต้องมาถูกลงโทษที่นี่ด้วยหรือไฉน ?.

อรหันต์จี้กง   :  การคดโกงด้วยกลอุบายก็ผิดระเบียบของโรงเรียนอยู่แล้ว แต่เจ้าไฉนจึงต้องหวาดหวั่น สวรรค์ท่านมิลงโทษผู้ที่สำนึกตัวในความผิด เจ้าได้สละตนเข้าอยู่ในสำนักทรงเจ้าทำการแพร่ธรรมช่วยมวลชน เป็นทูตแห่งสวรรค์  มีบุญกุศลยิ่งใหญ่มหาศาลเอาความดีชดเชยความเลว ย่อมไม่ต้องมาที่นี่โดยปริยาย

พัศดี   :  นายทหารรีบคุมวิญญาณโทษกลับเข้าคุกไปเร็ว มีสิ่งใดบกพร่อง ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงโปรดอภัยด้วย

หยางเซิง   :  ที่ไหนได้ ! 

พัศดี   :  บรรดาผู้คนในแดนมนุษย์ที่มีสายตาไม่บริสทธิ์ ชอบมองแต่ผู้หญิง  หนังสือลามก  หรือชอบมองคนด้วยสายตาเหยียดหยาม  และไม่ชอบหน้าเหล่านี้ เมื่อตายลงแล้วต้องตกลง "นรกควักตา"  รับการทำโทษ หากอ่าน "เที่ยวเมืองนรก"  แล้วสำนึกกลับตัวใหม่และตั้งอธิษฐานพิมพ์แจกหนังสือช่วยเหลือกอบกู้ชาวโลก เมื่อนั้นโทษทางนี้ก็จะได้ลบล้างสูญไป

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เวลาดึกมากแล้ว เราศิษย์อาจารย์จะกลับกันแล้ว ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหาร เจ้าหยางเซิงจงรีบกล่าวคำขอบคุณต่อท่านทั้งสอง และออกจากคุกเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง ขอลาละครับ

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 17  วันพฤหัสบดีที่  19  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนเหล็กขูดหน้านรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        กามตัณหา        แผ่ขยาย        อนาถนัก
โทษฐานนั้น              ร้ายแรงยิ่ง       ดุจสิงห์เสือ
ขอฝากเพื่อ                ผู้ลุ่มหลง        กามล้นเหลือ
หากไม่เบื่อ                ลดและเลิก     กรรมตามทัน

อรหันต์จี้กง   :  หนทางแห่งแดนมนุษย์ขรุขระกันดาร ผู้บำเพ็ญธรรมต้องผจญกับยักษ์มารครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ใดหนอสามารถขึ้นสู่สวรรค์โดยปราศจากการขวางกั้น ตั้งจิตใจให้แน่วแน่ แม้จะตายก็ไม่คลาย ถึงจะสังเวยพลีกายในทางธรรม แต่ดวงวิญญาณได้สถิตสู่สุดยอด ยิ่งประสบอุปสรรคยิ่งต้องพยายาม ขบกรามให้แน่น ไม่หวั่นเกรงต่อยักษ์มารทั้งหลาย ปราชญ์โบราณท่านกล่าวว่า "เห็นสิ่งแปลกประหลาด แต่ไม่รู้สึกว่าประหลาด สิ่งประหลาดนั้นก็จะดับไปเอง คือเมื่อเห็นผี แต่ไม่กลัวผี ผีนั้นจะหายตัวไปเอง"  หนทางขรุขระขวางกั้น จงชูดาบซึ่งเปี่ยมด้วยปัญญาฟันฝ่ากลุ่มเส้นไหมอันยุ่งเหยิงให้มันขาดกระจุยไปเลย  เมื่อผ่านพ้นความหนาวอันจับใจไปได้แล้ว ก็ต้องให้ดอกเหมยหอมที่จับจิตอย่างแน่นอน การท่องนรกในวันนี้เตรียมตัวได้แล้ว เจ้าหยางเซิงจงปลุกประสาทให้พร้อมเพรียง - กระฉับกระเฉงขึ้นหนทางนี้เลิศล้ำมิใช่ธรรมดา  เมื่อสามารถบรรลุถึงปลายทาง (สุดทาง) แล้ว จึงสมกับคำที่ว่า "ผู้อดทนในทางธรรม"

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้ปลอบโยนตักเตือน ต่างรู้ว่ากรรมหนักแต่ไม่แสวงบำเพ็ญเพียร ยากจะรอดพ้นจากการรังควานของพวกมารปีศาจ ขอท่านอาจารย์วางใจเถิด กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว ตามท่านอาจารย์ท่องนรก .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากออกบัวเร็ว  วันนี้เราศิษย์อาจารย์จะเที่ยวชม  "แดนนรกเหล็กขูดหน้า" 

หยางเซิง   :  อ้อ !  พัศดีกับนายทหารได้ออกมาอยู่ข้างหน้าแล้ว ขอแสดงความคารวะต่อท่านเทวทูตทั้งหลาย กระผมคือศิษย์สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง วันนี้ท่านอาจารย์ได้นำเยี่ยมชมคุกนรกของท่าน เพื่อเขียนลงในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ปลอบกล่อมกอบกู้ชาวโลกเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์แต่ละคุกแห่งยมโลกที่ลงโทษทัณฑ์ต่อพวกนักโทษ ขอท่านเทวทูตทั้งหลายได้โปรดให้ความสะดวกด้วย

พัศดี   :  ที่ไหนได้ ท่านเกรงใจมากเกินไปแล้ว มิต้องคุกเข่ารีบลุกขึ้นเถิด ขอต้อนรับท่านกับอาจารย์ที่มาเยี่ยมคุกนี้ เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปตรวจสอบภายใน

นายทหาร   :  คุกนี้คือ  "นรกเหล็กขูดหน้า"  ที่ลงโทษผู้คนในแดนมนุษย์ที่ไม่รู้จักเรื่องเหนียมอาย ไม่ถนอมรักหน้าตา (ไม่รักเกียรติ)  เชิญท่านทั้งสองรีบเข้ามา

หยางเซิง   :  ที่หน้าคุก ยมทูตหัวควายหน้าม้า ต่างคุมตัววิญญาณโทษมากหลาย มีทั้งหญิงทั้งชาย ต่างวัยต่างอายุ แต่ละคนคอพับคอตกถอนหายในระทดระทวย สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ถูกคุมอยู่ข้างประตูคุกก่อน เพื่อทำการรายงานตัว และแล้วจึงถูกคุมเข้าไปในคุกติดต่อกันไป

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องดูให้มาก รีบตามพัศดีกับนายทหารเข้าไปชมดูภายใน

หยางเซิง   :  โอ้โฮ !! เสียงตะเบ็งอย่างเจ็บปวดส่งมาจากภายในห้องขัง ... นักโทษแต่ละคนถูกล่ามติดเสาเหล็ก ยมทูตหน้าควายกำลังจัดการลงโทษ ใช้มีดเหล็กหรือมีดทองเหลืองขูดเอาผิวหน้าคนออก ราวกับว่าการขูดลอกผิวหนังหมูออกในโรงฆ่าสัตว์ฉันนั้น วิญญาณโทษแต่ละตนส่งเสียงร่ำไห้อย่างเจ็บปวดเวทนา เห็นแต่เลือดเนื้อเกรอะกรังไปหมด ส่งเสียงหวนไห้น่าสังเวช  เปรอะเปื้อนเลอะเทอะไปทั่วหน้า เมื่อผิวหนังถูกขูดออกแล้ว บนหน้าเห็นแต่เนื้อสีแดงช้ำ ๆ เละ ๆ ลักษณะทารุณมาก ขอถามท่านพัศดี พวกวิญญาณโทษเหล่านี้ทำกรรมชั่วอะไรบ้าง ?. ไฉนจึงถูกตัดสินให้มารับโทษที่นี้ ?.

พัศดี   :  มันพูดยากครับ ข้าพเจ้าจะเรียกมันออกมาสัก 2 - 3 คน ให้ท่านถามมันเองจะรู้ละเอียดกว่า

หยางเซิง   :  อย่างนี้ก็ยอดเลยครับ จะได้มีหลักฐานให้พิสูจน์ได้

นายทหาร   :  วิญญาณตนนี้ออกมาเร็ว นำเอาการทำชั่วเมื่อตอนอยู่แดนมนุษย์ สารภาพให้ชาวโลกมนุษย์หยางเซิงผู้นี้ฟัง

หยางเซิง   :  ขอถามท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ ที่ตกลงมายังคุกนรกนี้ด้วยเหตุใดมิทราบ ?. 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 17  วันพฤหัสบดีที่  19  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนเหล็กขูดหน้านรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        กามตัณหา        แผ่ขยาย        อนาถนัก
โทษฐานนั้น              ร้ายแรงยิ่ง       ดุจสิงห์เสือ
ขอฝากเพื่อ                ผู้ลุ่มหลง        กามล้นเหลือ
หากไม่เบื่อ                ลดและเลิก     กรรมตามทัน

วิญญาณโทษ   :  เพราะเหตุว่าผมกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก จึงรับการศึกษาน้อย เป็นลูกจ้างเขา รู้สึกลำบากมาก ใจก็คิดว่าสู้เปลี่ยนอาชีพเป็นขอทานดีกว่าหากสามารถขอได้บ้านละเหรียญ แต่ละวันยื่นมือขอได้ร้อยบ้าน ก็จะยังชีพได้ ไม่ต้องลงทุน งานก็เบา แต่รูปร่างผมมันล่ำสันแข็งแรง เกรงว่าผู้คนจะไม่ยอมทำทานให้ ดังนั้นจึงทำการอดอาหารสักสองเดือนก่อน แต่ละวันกินเพียงข้าวต้มกับน้ำ ร่างกายก็กลายเป็นผอมแห้ง อ่อนแอดังคาดหมาย แล้วก็ใช้ดินทรายทาหน้า ใส่เสื้อขาดวิ่น แกล้งทำ้เป็นขาเสีย (พิการ)  ออกขอเงินทั่วทุกทิศ ขอความเมตตาจากผู้คน และพร่ำพูดถึงความคับแค้นน่าสงสารของตนเองว่าไม่มีพ่อแม่พี่น้อง  ขาก็พิการ  หลายคนเขาเห็นสภาพแล้วก็สงสารให้เงิน ด้วยเหตุนี้แต่ละเดือนได้เงินถึง  4 - 5 พัน กลับไปยังบ้านแอบภูมิใจตัวเองที่ได้เงินโดยง่าย ๆ พอตกกลางคืนก็เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าใหม่ ไปดื่มกินอย่างไม่อั้น ตามเหลา ตามร้าน หรือเข้าไปหาความสุขในเขตคาวโลกีย์ และบ่อยครั้งไปดื่มกินเสพสุรายังภัตตาคาร  โรงแรม  ต่อมาใจนึกอยากได้เงินมาก ต้องเค้นขอเงินจากผู้อื่นให้มากขึ้น ถ้าให้เหรียญเดียว ถึงสามเหรียญ ก็จะไม่รับ อย่างน้อยที่สุดต้องสิบเหรียญ  จึงมีบ่อยครั้งโดนผู้ให้ทานที่ขี้เหนียวแช่งด่าเสียหายไปเลย หรือไม่ก็ไม่ให้เลย  เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้เข้ามาในคุกนี้รับการลงโทษ ทำโทษด้วยการขูดหน้านั้น เจ็บปวดทรมานยิ่งนัก จะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว

พัสดี   :  ไอ้เวร !  พูดถึงคนนี้ ชาติก่อนไม่ทำความดี เกิดมาในครอบครัวที่อับโชค โดยไม่คิดว่าอาศัยความหนุ่มแน่นแข็งแรงทำงานเลี้ยงชีพ แต่กลับแกล้งทำเป็นคนพิการ  ทำหน้าด้านไปขอกิน ผู้ที่มีความทรนงนั้น ไม่ตกถึงขั้นสิ้นไร้ไม้ตอก ใครเล่าที่จะบากหน้าไปยื่นมือของเขากิน ?. และนี่ยังทำมากกว่านี้อีก ยังถลุงเงินทองที่ได้มาจากการขอทานไปใช้ในสถานที่เริงรมญ์ด้วย ผิดอย่างฉกาจฉกรรจ์ใหญ่หลวงนััก เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ไม่รักหน้า (คือหน้าด้าน)  ตายลงแล้วก็ให้มันไม่มีหน้าไปเลย โดนทำโทษขูดหน้า ชาวโลกจงจำไว้เป็นที่เตือนใจ กลับเข้าไปในคุกโดยเร็ว !  ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณออกมาอีกคนหนึ่ง  ท่านหยางเซิงจะถามอีกก็ย่อมได้

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านนายทหารมาก ขอถามสุภาพบุรุษผู้นี้ ฉันมองดูท่านแล้วอายุก็เพียง 30 ปีเศษ ไฉนจึงตายลงตอนอายุยังน้อยเช่นนี้ ?. แล้วยังถูกตัดสินให้มาลงโทษในคุกนี้อีก ?.

วิญญาณโทษ   :  พูดแล้วเป็นที่หน้าอับอายขายหน้า ข้าผู้น้อยทำให้เสื่อมเสียถึงบรรพบุรุษด้วย เมื่อตอนฉันมีอายุ 17 - 18 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายนั้นได้นัดกับเพื่อนฝูงไปเที่ยวที่สวนสาธารณะเสมอ ๆ พบเห็นหญิงสาวก็จะต้องเข้าหยอกล้อจีบเล่น หรือกล่าวคำต่ำช้าสามานย์ โดนผู้หญิงแช่งด่า  "ไอ้จิ๊กโก๋" หรือ  "ไม่มีการศึกษา  ไอ้หน้าด้าน"  ก็บ่อยครั้ง แต่ฉันถูกด่าแล้วในใจกลับทวีความสนุกสนาน บางครั้งอยู่ที่เปลี่ยวมืด ก็ฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิง หรือพุ่งเข้าสวมกอดผู้หญิงโดยเธอไม่ทันรู้ตัว หรือบางครั้งขี่จักรยานเฉียดไปก็เอื้อมมือไปจับต้องตัวผู้หญิง และเคยข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง แม้ว่าตอนนั้นมิได้ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างขี่จักรยานอยู่ได้ใช้กลเก่าอีก คือเอื้อมมือไปทำการมิดีมิร้ายนั้น หญิงผู้นั้นร้องตะโกนลั่นขึ้น ฉันเกิดความกลัวลนลานจักรยานที่ขี่อยู่เลยตกลงไปในคูน้ำถึงแก่ความตาย ท่านยมบาลพิโรธมากหาว่าฉันไม่ละนิสัยชั่วร้ายเลยหักอายุขัยไป 10 ปี  ต่อมาก็ตัดสินให้ตกเข้ามารับความทรมานในคุกนี้ ถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 5 ปีเศษแล้ว และยังเหลือโทษอีก 13 ปี จึงพ้นจากคุก นอกนั้นยังมีความผิดอย่างอื่นอีก ต้องส่งให้ขุมอื่นพิจารณาตัดสิน เป็นเรื่องน่าอนาจใจยิ่ง ขอให้ท่านหยางเซิง (นักบุญ) ผู้นี้ทำการแทนตัวฉัน ขอร้องยมบาลลดโทษให้ฉันบ้างเถิด

พัศดี   :  อย่างพูดมาก ใครใช้ให้เอ็งประพฤติตัวเหลวแหลก ไม่สำรวมตัวในแดนมนุษย์เล่า ไม่รู้กระทั่งความเหนียมอาย  มารยาท  คุณธรรมต่าง ๆ  การบ้ากามนับเป็นสิ่งที่สุดยอดของความชั่วร้ายทั้งหลาย สมควรที่ได้โทษสนองแล้ว  เสียเวลาที่ได้ร่ำเรียนไปเปล่า ๆ ทำให้อับอายถึงพ่อแม่ เมื่อเป็นมนุษย์ไม่รักหน้า ตายแล้วก็ต้องรับการสนองแบบนี้ ส่วนโทษที่ไปข่มขืนเขา เมื่อหมดโทษทางนี้แล้ว จะส่งไปขุมอื่นลงโทษอย่างนัก นายทวาร ! รีบคุมวิญญาณนี้เข้าห้องขังไป

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว เราศิษย์อาจารย์เตรียมกลับสำนัก เจ้าหยางเซิงออกจากคุกไปกันเถอะ

พัศดี   :  สิ่งใดที่บกพร่อง ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง โปรดให้อภัยด้วย

หยางเซิง   :  มิกล้า !  ขอบคุณมากที่ท่านพัศดีและนายทหารที่ช่วยเหลือในหน้าที่แต่งหนังสือของเรา ขอลาท่านทั้งสองละ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์กลับสำนักได้แล้ว 

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 18  วันพุธที่  29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน ท่องนรกน้อยแดนแขวนหัวทิ่ม

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทั่วปฐพี        เกลื่อนตลบ        ซากศพเลือด
ไหลนองกลบ         จับเกาะ             หญ้ามากมาย
ศีลธรรม                ในครอบครัว        ถูกทำลาย
เวรกรรมร้าย           ตกทอด             สู่ลูกหลาน

อรหันต์จี้กง   :  กระแสลมหนาวโชยมา รู้สึกหนาวเป็นระลอก ๆ พวกผู้ดีมีเงินในบ้านพร้อมด้วยเครื่องทำความอุ่น บนกายก็ประดับแต่งด้วยเสื้อหนังขนสัตว์รับประทานอาหารร้อน ๆ ในหม้อ กลับมาดูในบ้านของคนจน ทั้งครอบครัวใส่เสื้อผ้ากันหนาวที่แนบบาง หนาวจนกรามกระทบเสียงดังกึก ๆ แสนที่อนาถใจชาติก่อนไม่เคยสร้างบุญไว้ ชาตินี้เลยต้องเดียวดาย เมื่อถึงหน้าหนาว ก็ขาดความอบอุ่น จึงหวังให้ชาวโลกผู้มีอันจะกินมีความเป็นอยู่สบาย จงมีเมตตาธรรมเหมือนส่งถ่านให้ในยามหิมะตก ช่วยเหลือผู้ยากจน สร้างบุญทำกุศลไว้ให้มาก ๆ ชาติหน้าจะได้รับสนองตอบด้วยโชคลาภต่าง ๆ นา ๆ มิเช่นนั้นแล้วเมื่อโชควาสนาหมดลง ชาติหน้าจะหมุนเวียนมาเกิดในครอบครัวยากจน ผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่องแลเห็นการณ์ไกล ไม่ควรที่จะไม่เตรียมการเอาไว้แต่เนิ่น ๆ  วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางเถิด ...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ เจ้าหยางเซิงลงไปเร็ว

หยางเซิง   :  อื้อฮือ !!  ข้างหน้วแว่วเสียงถวิลไห้ราวกับเพชฌฆาตกำลังมัดหมู เตรียมจะนำส่งไปโรงฆ่าในชนบทอย่างนั้นแหละ

อรหันต์จี้กง   :  อย่าพูดมากไปเลย พัสดีและนายทหารได้มาแล้ว รีบเข้าไปทำความเคารพเถิด

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะท่านพัศดีกับนายทหาร ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์มีพระราชโองการให้มาท่องนรก แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อเตือนชาวโลก ขอได้โปรดชี้แจงให้ละเอียดด้วย

พัศดี   :  มิกล้า  ได้ยินและเลื่อมใสชื่อเสียงของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งมานานนักหนาแล้ว สำนักของท่านประทับทรงบรรยายธรรม พิมพ์แจกหนังสือธรรม  คัมภีร์  โปรดเวไนยสัตว์  ช่วยกอบกู้ชาวโลก  น้ำใจอันประเสริฐที่กล่อมเกลาอบรมผู้คนนั้น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสามแดน ได้ช่วยปลอบกล่อมจนพวกที่ประพฤติเหลวไหล ผู้ลุ่มหลงกลับตัวเป็นคนดีก็ไม่น้อย ความชอบที่ช่วยเสริมกฏหมายแห่งแดนมนุษย์ที่ปกคลุมไม่ทั่วถึงนั้น ได้ผลเป็นอย่างมาก วันนี้มีบุญวาสนามาพบท่าน เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปเยี่ยมชมภายในคุกเถิด

หยางเซิง   :  ขอบคุณครับ ที่แท้ที่นี่ก็คือ  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  (คือแขวนหัวลงดินตีนชี้ฟ้า)  บนประตูได้เขียนบอกไว้แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  เราจะเยี่ยมชม  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  รีบตามพัศดีกับนายทหารเข้าไปในคุกเร็ว

หยางเซิง   :  เสียงคร่ำครวญเป็นทอด ๆ ราวกับว่าบิดามารดาตายฉันนั้น ในนั้นมีสนามกว้างบนพื้นสนามต้นหญ้าสีแดงงอดเต็มไปหมด

พัศดี   :  นี่แหละคือ  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  อยู่ในความปกครองของขุมที่ 3

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าปรากฏภาพเป็นสนามลงโทษที่มองเห็นอย่างชัดแจ้ง ในสนามกว้างติดตั้งเสาเหล็กเป็นแถว ๆ ด้านบนร้อยเอาเส้นเหล็กกล้าเต็มไปหมด วิญญาณโทษแต่ละตนถูกแขวนเอาหัวทิ่มลงบนพื้นดิน เส้นเหล็กกล้าร้อยเจาะอุ้งตีนทั้งสองข้าง หัวคนทิ่มลง บริเวณตีนเลือดสด ๆ ไหลพราก บ้างก็ร้องด้วยความเจ็บปวด บ้างก็ดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ บ้างก็มีเลือดไหลออกทางหูตาปากจมูก หยุดนิ่งไม่ไหวติง วิญญษณโทษแขวนอยู่บนราวสูง คล้ายกับตากเส้นหมี่อย่างนั้น  ขอเรียนถามท่านพัศดี ไฉนจึงมีวิญญาณโทษจำนวนมากถูกลงโทษเช่นนี้ ?.

พัศดี   :  มนุษย์ชาวโลก ทำเอาอันดับศักดิ์สิทธิ์สูงต่ำของสังคมกลับตาลปัตร ศีลธรรมเสื่อมสลาย  ดูหมิ่นก้าวร้าวครูบาอาจารย์  ไม่รู้จักสัมมาคารวะ (ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ)  ดังนั้นวิญญาณโทษที่ถูกจำขังในคุกนี้จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วิญญาณโทษที่ถูกลงโทษเลือดสด ๆ ไหลลงหยดอยู่บนพื้นดิน ก็เลยงอกต้นหญ้าสีแดง เพราะเหตุว่าเลือดนั้นสีแดงสด เมื่อนอนแช่พื้นดินเป็นเวลานาน ๆ ก้เลยงอกต้นหญ้าสีแดงขึ้นโดยธรรมชาติ เหมือนดังที่โลกมนุษย์เพาะปลูกเห็ดฟางในทุกวันนี้ เลือดของวิญญาณโทษไม่สะอาดพอ เมื่อบ่มแล้วก็เกิดงอกของชนิดนี้ขึ้น

หยางเซิง   :  กลิ่นคาวเลือดตลบกลบจมูกไปหมด ยากที่จะทนทานได้ คิดจะอาเจียนเสียเหลือเกิน

อรหันต์จี้กง   :  ทำจิตใจให้สงบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อหน้าที่การแต่งหนังสือ

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณโทษบางตนลงมา ให้มันเล่าความเป็นมาในการทำผิดว่ามีสภาพอย่างไรให้ท่านฟัง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีมาก

พัศดี   :  นายทหารเอาวิญญาณโทษที่แขวนอยู่ข้างหน้าปลดลงมาตนหนึ่ง เพื่อสะดวกในการบอกเล่าด้วยตนเองถึงเหตุการณ์ที่ได้ทำผิดต่อหน้าหยางเซิงเอง

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... ปลดลงมาแล้ว

หยางเซิง   :  ขอถามบุรุษผู้นี้ ไฉนจึงมาถูกแขวนตากลมเย็น ณ ที่นี้ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 18  วันพุธที่  29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน ท่องนรกน้อยแดนแขวนหัวทิ่ม

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทั่วปฐพี        เกลื่อนตลบ        ซากศพเลือด
ไหลนองกลบ         จับเกาะ             หญ้ามากมาย
ศีลธรรม                ในครอบครัว        ถูกทำลาย
เวรกรรมร้าย           ตกทอด             สู่ลูกหลาน

วิญญาณโทษ   :  โฮ !โฮ ! โฮ ! ฉันเจ็บปวดทรมานมาก เท้าทั้งสองข้างยืนไม่ค่อยติด เจ็บเหลือหลายถูกแขวนหัวทิ่มจนท้องไส้ทั้งหมดจะอาเจียนออกหมด ฉันอยู่เมืองไถ่หน้ำ ตอนมีชีวิตอยู่เพราะเหตุว่า อาฉันไม่มีลูก ฉันเลยถูกอารับเอาไปเลี้ยงตั้งแต่วัยเยาว์ เรียกกอาเป็นพ่อได้รับการชุบเลี้ยงจากท่าน และได้รับการศึกษาถึงชั้นมัธยม ท่านเปิดร้านสรรพสินค้าอยู่ในบ้านท่านเอง มีเด็กผู้ชายเพียงฉันคนเดียว อาจึงรักใคร่ฉันมาก ฉันมีอำนาจเต็มบริหารกิจการของบริษัททั้งหมด ต่อมาเมื่อฉันมีอายุได้ 37 ปี มีเพื่อนบ้านคนหนึ่ง บอกฉันว่าตัวฉันมิใช่ลูกที่แท้จริงของอา  ในใจจึงเกิดความคิดไม่สุจริตขึ้นมาทันที ว่าถ้าได้กลับไปอยู่ข้างตัวของบิดาบังเกิดเกล้าแล้วน่าจะดีมาก จากนั้นก็แอบขนย้ายเงินทองไปยังบ้านบิดาบังเกิดเกล้า บิดาผู้บังเกิดเกล้าก็มิได้ห้ามปรามแต่อย่างไร แล้วยุยงให้ขายเลหลังสินค้าส่วนใหญ่ในบริษัทอีกด้วย และให้เซ็นเช็คไปเป็นจำนวนมาก แล้วก็หลบหนีจากบ้านของอากลับไปอยู่กับบิดาบังเกิดเกล้าเสพสุขอย่างผู้ดีมีเงิน เมื่ออาได้รู้เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเจ็บซ้ำน้ำใจ ด่าสะบั้นหั่นแหลก เมื่อเช็คครบกำหนดเวลาสั่งจ่ายจึงไม่สามารถจ่ายให้เขาไปแม้แต่ฉบับเดียว เจ้าหน้าที่มาทวงตามหนี้ถึงบ้านกันชุลมุลกันหมด เพราะเช็คที่จ่ายไปอยู่ในนามของอา  อาถูกเร่งรัดไม่มีทางออกถึงกับฆ่าตัวตายด้วยความแค้น วิญญาณล่องไปแดนนรกไปฟ้องร้องต่อท่านยมบาล กล่าวหาโทษฉันกับบิดา ท่านยมบาลรับเรื่องไว้พิจารณา หลังจากตายไปแล้วหนึ่งปี ฉันและบิดาเกิดป่วยไข้ขึ้นพร้อมกัน ทรัพย์สมบัติใช้จ่ายหมดเกลี้ยง อาการป่วยหนักจนถึงแก่ความตาย วิญญาณตกถึงยมโลก ฉันจึงรู้ว่าโดนหักอายุขัย ยมบาลขุมที่ 3 พิโรธยิ่งนัก ตัดสินให้ฉันตกอยู่ใน  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  ได้ยินว่าบิดาบังเกิดเกล้าก็ถูกตัดสินให้เข้าไปรับโทษที่คุกอื่น

พัสดี   :  ไอ้สัตว์ทรยศ !  อาชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ไม่รู้จัดทดแทนบุญคุณ กลับมาเปลี่ยนใจในกลางทาง กลับตาลปัตร อันดับศักดิ์ศรีแห่งทำนองคลองธรรมของโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงตัดสินให้มารับโทษที่นี่  แล้วจะพูดอะไรอีก ให้ทหารคุมตัวกลับไปทำโทษ ปลดวิญญาณโทษสองตนด้านซ้ายนั้นลงเสีย ให้สารภาพต่อท่านหยางเซิงเพื่อนเขียนลง "เที่ยวเมืองนรก" 

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... เอาตัววิญญาณโทษมาแล้ว

พัศดี   :  รีบบรรยายความชั่วที่ได้ก่อไว้ต่อท่านหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง แห่งเมืองมนุษย์เสีย 

วิญญาณโทษ   :  ขณะนี้ตัวข้าพเจ้าแสนที่จะเจ็บปวดทรมาน ถูกทำโทษด้วยการแขวนเอาหัวทิ่มทุก ๆ วัน มีปากก็พูดไม่ออก นัยน์ตาทั้งสองข้างจวนจะถลนออกนอกเบ้าแล้ว ข้าพเจ้าเกิดที่เมืองไถ่ตง มีครอบครัวแล้ว ต่อมาได้รู้จักสนิทสนมกับหญิงสาวนางหนึ่ง และเกิดมีการสมสู่ได้เสียกันขึ้น จากความลับกลายมาเป็นความเปิดเผย เนื่องจากหญิงสาวผู้นั้นบิดาเสียชีวิตไปแล้ว มีเพียงมารดาที่มีอายุเพียง 40 ปีเศษ ๆ อยู่เท่านั้น รูปร่างหน้าตาก็หมดจดพอไปวัดไปวาได้ ข้าพเจ้าคอยหาโอกาสไปบ้านของเธอ ใช้วาจาอันอ่อนหวนกล่อมเกี้ยว เมื่อโดนข้าพเจ้าโน้มน้าวเร้าโลมต่าง ๆ นา ๆ  ก็เสียความเป็นแม่หม้ายที่สงวนตัวสงวนใจ ตกเป็นของข้าพเจ้าไป ไหน ๆ มันก็เป็นไปแล้วก้เลยให้มันเลยไป จึงค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องเปิดเผยขึ้น ได้เสพสุขสารพัดทุกอย่าง เพราะการหลงใหลในทางคาวโลกีย์จนถอนตัวไม่ขึ้น หลังจากนั้นเกิดอุบัติเหตุทางรถขึ้น จักรยานยนต์ที่ข้าพเจ้าขี่อยู่นั้นถูกชนจนแหลกละเอียด ตัวข้าพเจ้าสลบหมดสติไป ระหว่างสลบไสลนั้นถูกทหารหัวควายหน้าม้าเอาโซ่เหล็กล่ามตัวคุมส่งยมโลกผ่านกระจก (กรรม) วิเศษ ปรากฏร่างเดิมลักษณะอุบาทว์น่าเกลียดน่าอายเป็นยิ่งนัก ท่านยมบาลพิโรธมากตัดสินให้ตกเข้า  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  30 ปี  ขณะนี้รับโทษมาเพียง 2 ปีเศษ วันข้างหน้ายังยืดยาวมาก ไม่รู้ว่าวันไหนจึงจะพ้นทุกข์

พัศดี   :  ไอ้สัตว์ !  คนกลายเป็นไก่เป็นหมา ไม่รู้จักพ่อแม่ เรื่องบ้ากามเป็นเรื่องสุดยอดแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด การไปมั่วหญิงสาวโทษนั้นก็ไม่เบาอยู่แล้ว ยังบังอาจล่วงล้ำคืบเข้าไปอีก ทำลายแม่หม้ายที่รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทำให้แม่ลูกร่วมกันมั่วกาม โทษนี้สมควรให้ตายเป็นพันครั้ง เมื่อครบการลงโทษแล้วจะต้องตกเข้าไป  "นรกโลกันตร์"  ไม่มีวันผุดวันเกิดตลอดไป

อรหันต์จี้กง   :  ไม่รักษาวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ 5 ประการ  ทำลายศีลธรรมของชาวโลก  ถ้าไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์  ใช้คำหยาบคายต่อผู้ใหญ่  หรืออกตัญญูต่่อบิดามารดา  หรือทำให้แม่ลูกมั่วในกามเดียวกัน  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  เพียงเป็นที่ลงทัณฑ์แห่งน้อย ๆ เท่านั้น  "นรกอาปี" (นรกโลกันตร์)  จึงจะเป็นที่ฝังตัวที่แท้จริง ชาวโลกควรสำนึกตัวโดยเร็ว เพื่อที่จะไม่ต้องมาตกลงในนรกนี้ วันนี้หมดเวลาแล้ว เราศิษย์อาจารย์จะกลับละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณที่ท่านพัสดีและนายทหารให้การแนะนำมาก เราจะกลับสำนักกันแล้ว ขอลาท่านทั้งสองละ

พัสดี   :  มิกล้า สิ่งใดไม่รอบคอบ ขอท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงโปรดอภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ หยางเซิงรีบเตรียมตัวกันเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับเถิดครับ

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 19  วันเสาร์ที่  8  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        หัวมีเขา        ตัวมีขน        อมนุษย์
กรรมอุดหนุน          นำเกิด         ก่อหนทาง
สรรพสัตว์              หมุนตามกฏ   สวรรค์ร่าง
สัตว์สี่อย่าง            ฝ่าฝืนธรรม    ไร้เมตตา

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบตามฉันขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา  มิทราบว่าวันนี้จะท่องไปในทางใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่จะท่องในวันนี้ผิดกับวันก่อน ๆ เป็นอย่างมาก จะมีภาพวิวทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง จงตั้งใจตั้งสติให้ดี ๆ อย่าได้หวาดหวั่น จนต้องกระทบงานแต่งหนังสือเลย

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  กระผมได้นั่งบนดอกบัวแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้ ... เอ๊ะ !.  ไฉนเบื้องล่างมีแสงทองส่องระยิบระยับ บนศรีษะของผู้คนในบ้านก็เกิดมีรัศมีพุ่งขึ้นสู่อากาศ

อรหันต์จี้กง   :  ใครใช้ให้เจ้ารีบลืมตาเล่า ?.  อันนี้แหละ คือรัศมีธรรมที่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเปล่งบานออก และเรานั่งอยู่บนดอกบัวลอยกลางอากาศ เพราะเหตุว่าเทวดาทั้งหลายที่คุ้มครองศิษยานุศิษย์ที่ตั้งจิตสมาธิอยู่ในสำนักนั้น เมื่อธาตุลับ ธาตุแจ้ง 2 สิ่งมาบรรจบรวมกันเข้าในจุดกลาง จึงเปล่งรัศมีออกโดยปริยาย นั่นคือผลแห่งการตั้งใจมั่นคงปฏิบัติธรรมของศิษย์ทั้งหลายหล่ะ

หยางเซิง   :  ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า รัศมีบนศรีษะของผู้ร่วมบำเพ็ญทั้งหลายในสำนักจะคงอยู่โดยไม่เปปลี่ยนแปลงหรือไฉน ?. 

อรหันต์จี้กง   :  บรรดาผู้ที่ออกจากสำนักแล้ว จิตใจในธรรมไม่เสื่อมคลาย ขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญธรรม แสงรัศมีจะยิ่งเข้มขึ้น ยิ่งโชติช่วงรุ่งเรือง หากว่าออกจากสำนักไปแล้ว จิตใจธรรมเสื่อมลง โดยทำตามใจตน แอบทำอกุศล รัศมีนั้นจะกลับมืดลงหมดแสงรุ่งโรจน์ เนื่องจากอยู่ในสำนักผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่ง 3 แดน จุติสถิตลง รัศมีแห่งธรรมก็เจิดจ้าโชติช่วงเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้ามนุษย์ได้เข้าใกล้ชิดผู้ทรงธรรมหรือเข้าวัดโบสถ์เสมอ ๆ ปีศาจยักษ์มารภายนอกก็ไม่กล้ามารุกรานทำร้าย เมื่อออกจากสำนักแล้วหากทำความชั่วร้ายเสื่อมศีลธรรม  แสงแห่งดวงจิตก็จะดับลงทันทีทันใด ภูติผีนั้นกลัวความสว่างชอบความมืด ดังนั้นจึงง่ายที่จะสิงสู่ในกายมนุษย์ เหมือนกับเมื่อแสงรุ่งอรุณเริ่มส่อง ผีก็ถอยร่นไปชาวโลกตระหนักระวังให้ดี เจ้าหยางเซิงรีบปิดตาเร็ว เพื่อไปท่องชมเมืองนรก

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  ได้ปิดตาทั้งสองข้างแล้ว เชิญท่านอาจารย์รีบเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ... ถึงแล้วละ เจ้าจงรีบลงเสีย

หยางเซิง   :  ไฉนเบื้องหน้าจึงมีสัตว์พวกเป็ดไก่นกกา ชุมนุมมุ่งเดินทางไปข้างหน้าตามทางเล็กนี้เล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละคือหนทางสัตว์สี่ชนิด  เมื่อตายลงแล้วกลับคืนสู่นรกละ

หยางเซิง   :  วันก่อนมาที่นี่ เหตุใดจึงมองไม่เห็น สภาพการณ์เช่นนี้ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ก็เพราะว่าเจ้าเป็นปุถุชน ฉันเกรงว่าเจ้าจะรู้อะไรมากเกินไป จะทำให้จิตใจหวั่นไหว จึงใช้ฤทธิ์เดชนิดหน่อยใช้ "เดชพลางตา"  ปิดบังสภาพจริงของทางสัตว์สี่ชนิดที่กลับคืนสู่นรก

หยางเซิง   :  ที่แท้ท่านอาจารย์เล่นกลใน 3 ภพเสียแล้ว พวกสัตว์เหล่านี้สู่แดนนรกแล้ว ทำไมจึงต้องตกใจร้องวิ่งพล่าน ราวกับว่าถูกคนไล่ต้อนฉันนั้น ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 19  วันเสาร์ที่  8  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        หัวมีเขา        ตัวมีขน        อมนุษย์
กรรมอุดหนุน          นำเกิด         ก่อหนทาง
สรรพสัตว์              หมุนตามกฏ   สวรรค์ร่าง
สัตว์สี่อย่าง            ฝ่าฝืนธรรม    ไร้เมตตา

อรหันต์จี้กง   :  พวกสัตว์สี่ชนิดเหล่านี้เมื่อไปเกิดในแดนมนุษย์ ตอนที่ตายนั้นส่วนมากถูกฆ่าตาย ดังนั้นมันจึงหวาดกลัวแตกตื่น พอหมดธาตุแจ้งลงมาก็ถูกธาตุมืดดูดดึงเข้าไป แต่ละตนต้องกลับคืนสู่นรก เพื่อเสร็จสิ้นเวรเหตุแห่งกรรมใน 3 ชาติแล้ว สัตว์สี่ชนิดมีเวรกรรมหนักหน่อย ดวงวิญญาณมืดมัว พลกำลังอ่อนแอ เวลาตายลงไม่ต้องให้ยมทูตคุมส่ง ถูกธาตุธรณีดูดคืนโดยธรรมชาติอันนี้ ชนชาวโลกส่วนมากยังไม่เข้าใจ

หยางเซิง   :  จริงครับ เป็นเรื่องที่เพิ่งได้ยินในชีวิตนี้เป็นครั้งแรก เราจะเดินไปข้างหน้าหรือครับ

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  เราจะเดินตามพวกหัวควาย  ม้า  แพะ  และสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ไป ส่วนมากที่แยกกายเกิด เช่นสัตว์ที่เกิดในน้ำเน่าเกิดจากความชื้นรูปร่างเล็กมาก  เมื่อตายแล้วดวงวิญญาณคล้ายดินทรายถูกลมโชยจนปลิวว่อน มีความรวดเร็วมากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นไม่แจ้ง มันบินกลับโลกมาชุมนุมกัน รอคอยจนเต็มดวงวิญญาณแล้ว จะรับการตัดสินอีกที เพื่อชำระล้างเหตุแห่งกรรมในสามชาติให้เรียบร้อยไป

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้อธิบายสั่งสอน มิเช่นนั้นกระผมจะไม่ทราบอะไรเอาเสียเลย ข้างหน้าก็คือประตูผี  เหตุใดพวกวิญญาณสี่ชนิดเหล่านี้ จึงไม่เข้าไปทางประตูใหญ่ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าประตูผีให้วิญญาณมนุษย์เป็นหลักใหญ่ พวกสี่ชนิดเหล่านี้มรกรรมเวรหนักหนา จึงต้องเข้าไปทางประตูเล็กด้านสองข้าง

หยางเซิง   :  เข้าไปในประตูผีแล้ว พวกมันเหตุใดจึงไม่ไปรายงานตัวที่หอทะเบียน ?.

อรหันต์จี้กง   :  มีสถานที่แห่งอื่นจัดำ ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก เราเดินตามมันไปเถอะ ไปเร็วเข้า .....

หยางเซิง   :  โอ !  เบื้องหน้าพื้นที่เขียวขจีเหมือนสนามเลี้ยงสัตว์ ด้านซ้ายมีปราสาทหลังหนึ่ง ด้านบนเขียนไว้ว่า "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  พวกสี่ชนิดเหล่านี้ล้วนร่ำไห้และมุ่งไปรวมกลุ่มอยู่ที่นั่น สั่นหัวกราบไหว้ไปทางตำหนัก มีอาการคล้ายร้องทุกข์

อรหันต์จี้กง   :  ข้างหน้าคือ "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  บรรดาสี่ชนิดหมุนเวียนไปเกิดเพื่อรับสนองกรรมเวรที่ก่อไว้ เมื่อรับตอบจนหมดเวร หมดกรรมแล้วต้องกลับตำหนักนี้ เพื่อส่งวิญญาณคืนกลับไปเป็นตัวมนุษย์ รีบมุ่งไปหน้าตำหนักเถิด

หยางเซิง   :  หน้าตำหนักมีข้าราชการเดินออกมา 3 คน มิรู้ว่าเป็นผู้ใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เป็น พระพันปี  (ข้าราชการมีศักดิ์ถึงขั้นเจ้าหรือที่เรียกว่าอ๋อง)  และข้าราชบริพาร จงรีบเข้าไปทำความเคารพ

หยางเซิง   :  ขอแสดงคารวะต่อพระพันปี และเทวทูตทั้งหลาย

พระพันปี   :  มิต้อง ลุกขึ้นเร็ว ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งที่ได้มาเยี่ยมชมถึงตำหนักนี้

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้อาตมาพาหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งจากเมืองไถ่ตง ผู้เป็นศิษย์มาเยี่ยมชมถึงตำหนักของท่าน ขอให้พระพันปีได้โปรดให้คำแนะนำชี้แจงด้วยเถิด

พระพันปี   :  สมควรแล้ว  สมควรแล้ว  เชิญทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้ามานั่งพักสักครู่ในตำหนักเถิด

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุรพระพันปีที่ให้เกียรติเป็นอย่างสูง

พระพันปี   :  เชิญท่านทั้งสองนั่งตามสบาย นายทหารรีบเสริร์ฟน้ำชาเร็ว

หยางเซิง   :  สถานที่นี่แปลก  เปลี่ยวมาก  รู้สึกงงงันไปหมดขอพระพันปีได้โปรดอธิบายอย่างละเอียดด้วยขอรับ

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”