collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72397 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 7 วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2519

                       ตอน ท่องโรงซ่อมพระสูตร

             ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า  :

        พระชีพรามห์        ลวงผู้คน        หารายได้
ผลสุดท้าย                  ต้องรับกรรม    ที่ทำชั่ว
ถูกลงโทษ                 ให้สวดมนต์     ในห้องมัว
ร้องเสียงขรัว               ทั่วหน้ากัน      ท่านจงฟัง 

อรหันต์จี้กง   :  ขอเตือนเหล่าพระชีพรามห์ในแดนมนุษย์  การสวดมนต์ท่องพระธรรมสามารถบำเพ็ญธรรมบรรลุธรรม แต่ว่าจะอาศัยสวดมนต์เพื่อยังชีพ ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หนังสือตัวเดียวหรือประโยคเดียวจะลักตัดบทหรืออ่านผิดไม่ได้  มิเช่นนั้นแล้วไม่เพียงแต่ไม่สามารถสะเดาะเคราะห์กรรมให้ผู้อื่น ตนเองนั่นแหละ กลับจะได้รับเคราะห์กรรม เมื่อตายลงแล้ว ต้องตกเข้ามายังโรงซ่อมพระสูตรท่องเพิ่มเป็นร้อยตลบ

นายทหาร   :  เมื่อเป็นวันต้นของปักษ์ (คือข้างขึ้น 1 ค่ำ) กับ ข้างแรม 1 ค่ำ  พุทธ เต๋า สองจอมศาสดาได้นำลูกศิษย์เสด็จมาตรวจสอบและสั่งสอนให้ท่องอ่านให้ถูกต้องตามพระสูตร ชาวโลกก่อเวร พลอยพาให้เทพอรหันต์ต้องเสด็จลงสู่แดนนรกเพื่อช่วยกอบกู้ชักจูงท่านเทพยดาและอรหันต์มีความกรุณาปราณีเปี่ยมท้น ชาวโลกทั้งหลายควรที่จะรู้สึกตัวบ้าง สิ่งละอันพันละน้อยของเมืองมนุษย์จะไม่สามารถรอดพ้นจากโทษทัณฑ์แห่งยมโลกไปได้

หยางเซิง   :  ข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้ว ขอบคุณมากที่ท่านได้ให้การแนะนำชี้แจง

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าจะสอบถามจากนักบวชผู้นี้ได้ ว่าไฉนตนเองต้องมายังที่นี้ ?.

หยางเซิง   :  ขอรับ กระผม ขอเรียนถามท่านนักธรรมอาวุโส ไฉนท่านจึงมายังที่นี้ ?.

นักบวช   :  โปรดอย่ากล่าวคำว่านักธรรมอาวุโสเลย ฉันเพียงแต่เป็นนักบวชผู้โพกผ้าแดงในแดนมนุษย์รับทำ  "กงเต็ก"  ซึ่งเป็นอาชีพของฉันทำการนำส่งวิญญาณ หรือ  "ตีเมือง" (รบเร้าให้เปิดประตูเมืองผี)  เช่นเมื่อผู้คนตายลงแล้ว เนื่องจากฉันมีพื้นความรู้ต่ำ ดังนั้น ตำราธรรมบางตอนอ่านไม่เข้าใจเลย เพียงแต่ส่งเสียงตามจังหวะฆ้อง กลอง  ชาวบ้านก็ไม่ทราบว่าฉันสวดอะไรบ้าง บางครั้งก็รีบเร่งเพราะเวลาจำกัด สวดทีเดียวควบสองหน้าไปเลย ให้พ้นจากหน้าที่ไป มีเงินเข้ากระเป๋า แล้วผู้ตายจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่ ไม่เคยคำนึงถึง เมื่อฉันตายลงแล้วโดนยมทูตคุมเข้าไปขุมที่ 1 ถูกตัดสินให้มาอยู่โรงซ่อมพระสูตร อยู่มาเป็นเวลา 1 ปี กับ 1 เดือนแล้ว ในชีวิตที่ผ่านมา ลักตัดบทคำสวดมากมาย ดังนั้นจึงต้องถูกทรมานจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่สามารถซ่อมสำเร็จนัยน์ตาก็ซ้ำเหลือที่จะทน เมื่อซ่อมเพิ่มเติมชดเชยพระสูตรเสร็จแล้ว อาจต้องถูกส่งไปยังขุมที่ 2 พิจารณาโทษก็เพราะว่าการกระทำเมื่อครั้งอยู่เมืองมนุษย์ ให้โทษแก่ผู้อื่น มาบัดนี้รู้สึกตัวก็สายไปเสียแล้ว  ขอให้ท่านได้โปรดไปบอกเล่าต่อพวกอาจารย์เต๋าในเมืองมนุษย์ด้วยว่าควรปฏิบัติในทางที่ดีที่ชอบ มิเช่นนั้นแล้วก็จะเหมือนตัวฉันเองนี้แหละ ที่ต้องอาศัยผู้อื่นกอบกู้ชักจูงให้พ้นทุกข์

หยางเซิง   :  พราหมณ์ผู้นี้น่าสงสารมาก ท่านอาจารย์จะช่วยกอบกู้ให้พ้นทุกข์ได้ไหมครับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ทำเองรับเอง กรรมสนองกรรม ตอนอยู่แดนมนุษย์มันมีความสุขมาก เวลานี้ก็ให้มันได้รับความทุกข์บ้าง อย่าได้ใส่ใจต่อเรื่องไร้สาระเลย เราได้รับโองการมาท่องชมนรก เจ้ามิควรสอบถามเกี่ยวข้อง นี่เป็นกฏแห่งยมโลก เวลาใกล้จะหหมดลงแล้ว เตรียมตัวกลับสำนัก ขอขอบคุณท่านนายทหารมาก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านนายทหาร ท่านพราหมณ์ทั้งหลาย จงหมั่นอบรมฝึกฝนไว้เถิด !

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัวเร็ว... ถึงสำนักแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

             ครั้งที่ 8  วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519

                       ตอน  ท่องเมืองผีตายโหง

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอน มีความว่า  :

        แปดสองแปด       สิบห้าค่ำ        เดือนทรงกลด
ในนรก                       ใครสงสาร       วิญญาณทุกข์
แม้จะฆ่า                     ตัวตาย           ใช่พ้นทุกข์
กลับถูกรุก                   ให้รับกรรม       ในเมืองผี   

อรหันต์จี้กง   :  ปีนี้มีวันเพ็ญเดือนแปดสองหน ตั้งแต่ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนเต็มแล้ว วันเวลาไหลผ่านไปอย่างรีบเร่งเหมือนสายน้ำ หวังผู้คนได้ตื่นขึ้นจากความละเมอหลง พระจันทร์เต็มดวงมีไม่บ่อยครั้งนัก ปีไหนเล่าจะเจอสองวันเพ็ญเดือนแปดอีก (คือวันไหว้พระจันทร์ของชาวจีน)  ชาวโลกสามารถสนทนาภายใต้แสงจันทร์มีความสุขสดชื่นอักโข กลับมามองดูในแดนนรกที่มืดมิด ไม่เห็นดาวเห็นเดือน วิญญษณผีร่ำไห้ร้องโหยหวนคร่ำครวญ ทำให้คนมิอาจทนดู เจ้าหยางเซิง เตรียมท่องนรก

หยางเซิง   :  ขอน้อมรับคำบัญชา !  เวลาผ่านพ้นไปเร็วเหลือเกิน ระหว่างเวลาหนึ่งเดือนนี้ หนังสือเรื่องเที่ยวเมืองนรก ยังทำไม่ได้ 10 เปอร์เซ็นต์เลย กระผมเกรงว่างานใหญ่ชิ้นนี้ จะทำการสำเร็จยาก

อรหันต์จี้กง   :  ขอให้มีความจริงใจบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า  "จิตใจแน่วแน่  ฟ้าดินทลาย"  เจ้ามีจิตใจที่มั่นคงถาวรอยู่แล้ว ประตูนรกทั้ง 10 ขุม จะเปิดออกเองให้เจ้าได้รู้เห็นตลอด จะไปหวั่นไหวอันใด ?. รีบขึ้นดอกบัวเร็ว... ! 

หยางเซิง    :  ได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านเริ่มเดินทางได้ครับกระผม

อรหันต์จี้กง   :  ..... ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ที่มาวันนี้น่ะ  คือ  "เมืองผีตายโหง"  หรือครับ ?. ข้างหน้าประตูเมืองปิดอยู่ ด้านบนมีตัวอักษรว่า  "เมืองตายโหง"  จะเข้าไปเยี่ยมชมหรือครับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้แหละจะเยี่ยมชม  "เมืองผีตายโหง"  ตามข้าฯ เข้าเมืองไปเถิด

หยางเซิง   :  ประตุเมืองทำไมจึงปิด เราจะเข้าไปได้อย่างไร ?.

อรหันต์จี้กง   :  ประตูเมือง ๆ นี้ เป็นประตูอัตโนมัติ เหมือนดังประตูอัตโนมัติตามห้างสรรพสินค้าแห่งเมืองมนุษย์ บรรดาวิญญาณตายโหงถูกยมทูตมายังที่นี่ เพราะเหตุว่าตายโดยไม่ปรกติ กลุ่มควันแห่งความเคียดแค้นไม่สูญสลาย เมื่อกลุ่มควันแคว้นมาปะทะที่หน้าประตู ประกอบด้วยประตูมีการสนองรับ ก็จะเปิดออกโดยปริยาย ทุกสิ่งทุกอย่างในยมโลกสืบเนื่องมาจากการกระทำของแดนมนุษย์แล้วแต่จิตที่จะตอบสนอง ฉันใช้พัดโบกเพียงทีเดียว ประตูก็จะเปิดออกเอง

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์มีฤทธิ์เดชอภินิหารสูงส่งมาก !  พัดเล่มนี้ผมขอเอาไปในแดนมนุษย์ แสดงความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารให้ชาวโลกดูเป็นขวัญตา !

อรหันต์จี้กง    :  เจ้าอย่าได้ริอ่านเกิดความคิดวิปริต เมื่อเกิดความคิดวิปริตก็มักจะผจญมาร  (คือมีมารมาผจญ)  ผู้บำเพ็ญธรรมไม่ควรแสวงหาสิ่งปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ ถ้าผู้บำเพ็ญธรรมสุขกายสบายใจ วัน ๆ ไม่มีเรื่องจุกจิกรบกวน จิตใจก็ผ่องแผ้วชื่นบาน ก้เท่ากับ  "เทวดาองค์น้อย ๆ " อยู่แล้ว จะเอาพัดเล่มนี้ไปโบกเกิดเพิ่มความยุ่งยากเปล่า !

หยางเซิง    :  ขอรับ กระผม !  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอน กระผมรู้สึกกระดากใจยิ่ง ข้างหน้ามีคนขบวนหนึ่งกำลังเดินมาเป็นใครกันครับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  นั่นคือ ข้าราชบริพารผู้รักษาเมืองผีตายโหง และนายทหาร เตรียมการต้อนรับ

ข้าราชฯ   :  ขอน้อมรับท่านจี้กง และหยางเซิง  ที่มาสู่เมืองนี้ เชิญตามพวกข้าพเจ้าเข้าเมืองและตรวจเยี่ยม

นายทหาร   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์และหยางเซิง พวกข้าพเจ้าได้รับคำสั่ง ทราบว่าท่านมาเยี่ยมชมทุกขุม แต่งเป็นหนังสือเพื่อเตือนสติชาวโลก

หยางเซิง   :  ขอน้อมคารวะทุก ๆ ท่าน กระผมกับท่านอาจารย์มายังที่นี้ ขอได้โปรดให้คำแนะนำด้วย

ข้าราชฯ   :  มิกล้า เชิญลุกขึ้นเถิด ตามข้าพเจ้าเข้าเมืองกันเถิด

หยางเซิง   :  ที่นี่เสมือนคุกที่กว้างใหญ่มาก ในเมือง  "ผีตายโหง"  มีคนมากเช่นนั้นหรือ ?.

ข้าราชฯ   :  ทุกวันมีผู้ตายโหงมายังที่นี้ ข้าพเจ้าจะพาท่านชมดู ตั้งแต่ห้องขังเป็นต้นไป

หยางเซิง   :  ห้องนี้มีเด็กเล็กเป็นกลุ่ม ๆ เลือดสด ๆ เต็มหน้าตา ส่งเสียงร่ำไห้ไม่ขาดระยะ บ้างก็นอนบนพื้นดิน  น่าทุเรศ น่าสงสารมาก ไฉนจึงไม่ปล่อยให้พวกมันออกไป             

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองนรก

             ครั้งที่ 8  วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519

                       ตอน  ท่องเมืองผีตายโหง

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอน มีความว่า  :

        แปดสองแปด       สิบห้าค่ำ        เดือนทรงกลด
ในนรก                       ใครสงสาร       วิญญาณทุกข์
แม้จะฆ่า                     ตัวตาย           ใช่พ้นทุกข์
กลับถูกรุก                   ให้รับกรรม       ในเมืองผี   

นายทหาร   :   เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่ถูกทำแท้งออกของเมืองมนุษย์ เพราะเหตุว่าเป็นตัวเป็นตนแล้ววิญญาณมิได้ดับสูญ เมื่อตายแล้วต่างก็ตกมาถึงที่นี่ เนื่องจากชาวโลกไม่อยากชุบเลี้ยง หรือเกิดขึ้นมาโดยไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ส่วนมากทารกยังไม่ทันได้คลอดออกมาก็โดนรีดออกถึงแก่ความตาย ทารกคน ๆ หนึ่งก็คือชีวิตหนึ่ง เด็กที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้ เพราะเหตุว่าไม่สามารถเกิดออกมา จึงเกิดมีจิตใจที่เคืองแค้น ทำให้พ่อแม่ต้องสูญเสียเงินทองในทางลับแล้ว ยังรอคอยจนพ่อแม่ตายลงแล้วก็จะมีการรังควานอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงขอเตือนชาวโลกอย่าได้ทำแท้งตามใจมากนัก การกระทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ผิดศีลยังจะทำให้ตัณหาแห่งคาวโลกีย์โหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ ...ผู้ที่เคยทำแท้งกลับมาแล้ว จะต้องสร้างบุญสร้างกุศลให้มากขึ้น เพื่อชดเชยความผิด แล้วกฏแห่งยมโลกก็จะลดผ่อนโทษนี้ให้

หยางเซิง   :  ความจริงเป็นอย่างนี้เอง ขอเรียนถามท่านนายทหารว่า ผู้ที่ตายจากอุบัติเหตุล้วนแต่จะต้องมายัง  "เมืองตายโหง"  หรือไฉน ?.

นายทหาร   :  หาเป็นเช่นนั้นไม่ ถ้าทหารสามเหล่าทัพที่ตายลงในสนามรบ เพื่อป้องกันประเทศชาติ พลีกายเพื่อชีพที่เรียกว่า  "พลีตนเอง (ส่วนเล็ก)  เพื่อส่วนรวม (ส่วนใหญ่) แต่ไม่ต้องมายัง  "เมืองผีตายโหง"  เพื่อรับโทษทัณฑ์วิญญาณ ผู้กล้าหาญวีรบุรุษเหล่านี้ ได้รับการต้อนรับขับสู้เป็นพิเศษบ้างก็ขึ้นไปเสพสุขบนสวรรค์ บ้างก็ตามบุญของตนกลับเข้าเป็นเจ้า หรือกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ที่มีโชคลาภวาสนา ดังเช่นแดนมนุษย์ตั้ง  "ศาลเจ้าวีรบุรุษผู้ซื่อตรง"  รับการกราบไหว้จากประชาชนนับหมื่นนับแสน นี่แหละคือสนองกรรมดีของผู้มีจิตซื่อตรงอารี ดังนั้นจึงขอเตือนชาวประชาต้องซื่อสัตย์หวงแหนรักประเทศชาติ นับแต่โบราณกาลมา ผู้ที่จงรักภักดีต่อประเทศชาติ ล้วนถูกขนานนามในทางดี หอมหวนนับหมื่นนับแสนปีได้รับการเคารพกราบไหว้ตลอดกาล

หยางเซิง   :  ท่านนายทหารพูดถูกแล้ว ! 

อรหันต์จี้กง   :  ฟ้าดินท่านรักผู้ซื่อสัตย์ นับแต่โบราณกาลมาจนทุกวันนี้ ผู้กล้าหาญซื่อสัตย์ที่มีจิตใจกล้าพลีชีพเพื่อประเทศชาติสามารถทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ผีและเจ้าสะอื้นไห้ ฉะนั้นเพียงแต่มีความซื่อตรงเท่านั้น ก็ได้สำเร็จบรรลุธรรมไปมากต่อมากแล้ว !  วันนี้หมดเวลาลงแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนักเถอะ ขอลาท่านผู้ปกครองเมืองกับนายทหารทั้งหลาย

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านผู้ครองเมือง และนายทหารที่ได้ให้การชี้แจง เพราะเหตุเวลาหมดลง ขอลาก่อนละ

ข้าราชฯ   :  มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ขอท่านอาจารย์ และท่านหยางเซิงได้โปรดอภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ !  เราศิษย์ - อาจารย์จะกลับสำนัก เจ้าหยางเซิงขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง    :  กระผมนั้งเรียบร้อย ท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  น่าสมเพชชาวโลกที่โง่เง่า เอาแต่เริงโลกีย์  แต่รีดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขตนเองโดยไม่เหลียวมอง น่าสังเวชใจเป็นหนักหนา แม้พระพุทธเทวดาก็ไม่อาจจะทนดูได้ เตือนชาวโลกจงกลับใจสู่ความเมตตาธรรม การครองสุขในครัวเรือน เรื่องผัวเมียควรเป็นการสืบพันธุ์ต่อตระกูล สร้างความอบอุ่นในครอบครัว มีความสุขทางใจแสนประเสริฐเลิศล้ำกว่าความใคร่ ถนอมรักพลังกายที่มีกำจัดยกให้แก่สังคมและประเทศชาติ จงทำคุณประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์เถิด... !  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองนรก

           ครั้งที่ 9  วันอังคารที่  12 ตุลาคม  พ.ศ.  2519

                    ตอน  เที่ยวเมืองผีตายโหง  ครั้งที่ 2

          ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า  :

        แพร่สัจธรรม        นำกอบกู้        ปุถุชน
กฏสังคม                    รณรงค์          เปลี่ยนคนเรา
ทุกศาสน์รวม               เป็นหนึ่งเฝ้า    อริยเจ้า
ทุกผู้เข้า                    ฝึกฝนธรรม      ท่องนโม

อรหันต์จี้กง   :  จิตใจคนชาวโลกมุ่งสู่วิทยาศาสตร์  การพิสูจน์สิ่งที่ไม่มีตัวตน เห็นความศรัทธาทางจิตใจเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่รู้ถึงวัตถุมีวันเสื่อม แต่วิญญาณนั้นสถิตย์ผุดผ่องอยู่ตลอดกาล จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกล้วนอยู่ในความนึกคิดชั่ววูบเดียวของคนเท่านั้น สวรรค์ก็ไม่ไกลกลับใจก็พบ นรกอยู่ใกล้ ปฏิบัติธรรมจะห่างเหิน ใน  "เมืองผีตายโหง"  น่าอนาถใจยิ่งนัก  หางเซิงวันนี้เราศิษย์ - อาจารย์ เตรียมท่องนรก ทำใจให้มั่นคง รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ

หยางเซิง   :  ที่นี้วันก่อนดูเหมือนเคยได้มาแล้ว ไฉนจึงไม่ลงที่นอก  "เมืองผีตายโหง"  เลยก้าวเดียวตรงมาถึงที่นี้

อรหันต์จี้กง   :  พระพุทธท่านตรัสว่า  "สี่สิ่งต้องปล่อยวาง"  (สี่สิ่งนั้นคือ  ชาติ (เกิดขึ้น)  สถิติ (ตั้งอยู่)  อนฺยถาตฺว (เปลี่ยนแปลง)  อนิตฺยตา (ตายดับ) เป็น 4 สิ่งที่ว่างเปล่าหรือเรียกว่าจิตว่าง)  เมื่อรูปร่างว่างเปล่าไม่เที่ยงแท้ ไม่เป็นตัวตนจึงเป็นเหตุให้ประตูนรกเปิดออก เข้าออกตามใจชอบ โดยไม่มีอะไรจะกีดขวาง คราวที่แล้วพาเจ้ามาเป็นครั้งแรก ที่ให้เจ้าลงจากดอกบัวที่นอกเมือง พากันเดินทีละก้าว วันนี้เพราะเหตุเวลาจำกัด จึงตรงเข้ามายังแดนนรก หวังชาวโลกจงสำนึกรู้ตัว การบำเพ็ญธรรม ถ้าสามารถละทิ้งรูปนาม จึงเป็นการธรรมดาไม่ถูกกักกันผูกมัดในนรก ดังที่ข้าฯ สามารถเข้า ๆ ออก ๆ สะดวกสบาย

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์สั่งสอน  "พระอภิธรรมขั้นสูง"  กระผมขอน้อมรับคำสั่งสอน ข้างหน้า ผู้รักษาเมืองและนายทหารมากันแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  รีบเข้าไปทำความเคารพ.....

หยางเซิง   :  คำนับมายังท่านผู้รักษาเมืองและนายทหาร วันก่อนนั้นได้รับความแนะนำชี้แจงจากท่านรู้สึกขอบคุณเป็นที่ยิ่ง วันนี้มารบกวนอีก ขอได้โปรดให้การชี้แจงโดยละเอียดด้วย

ผู้รักษาเมือง   :  ไม่เป็นไรมิได้ เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างในตรวจเยี่ยม  "เมืองผีตายโหง" อีกครั้งเก็บเอาเหตุการลงในหนังสือธรรม เพื่อตักเตือนและชี้แนะอบรมชาวโลก

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณมากท่านอาจารย์ครับเราตามพวกเขาไปเถิด

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าไปกับผู้รักษาเมืองและนายทหารก็แล้วกัน อาตมายังมีธุระทางอื่นจะจากไปชั่วคราว

หยางเซิง   :  ท่านจะไปแห่งใด ?. แล้วประเดี๋ยวใครจะพากระผมกลับไปเล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องตื่นเต้นประสาทเครียด พอได้เวลาข้าฯก็จะกลับมาพาเจ้ากลับไปเอง

นายทหาร   :  หยางเซิง ท่านสบายใจตามข้าพเจ้าไปเถิด

หยางเซิง   :  สองห้องติดกันนี้ล้วนแต่ขังพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ บางคนผมเผ้ารุงรังยุ่งเหยิง ท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เฝ้ามองมาทางข้าพเจ้า ขอเรียนถามท่านผู้รักษาเมืองว่า  พวกนี้โดนขังเพราะเหตุใด ?.       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

           ครั้งที่ 9  วันอังคารที่  12 ตุลาคม  พ.ศ.  2519

                    ตอน  เที่ยวเมืองผีตายโหง  ครั้งที่ 2

          ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า  :

        แพร่สัจธรรม        นำกอบกู้        ปุถุชน
กฏสังคม                    รณรงค์          เปลี่ยนคนเรา
ทุกศาสน์รวม               เป็นหนึ่งเฝ้า    อริยเจ้า
ทุกผู้เข้า                    ฝึกฝนธรรม      ท่องนโม

ผู้รักษาเมือง   :  พวกนี้ล้วนมีความไม่สมหวังในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์ เลยฆ่าตัวตายด้วยการกลืนยาพิษ เมื่อตายแล้วล้วนถูกจองจำที่นี่ขอชาวโลกอย่าได้หลงในความรัก จนปิดบังสติปัญญาถึงกับฆ่าตัวตายเลย การกระทำเช่นนี้ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเป็นคู่กัน (เป็นสามี - ภรรยากัน)  ยิ่งไม่อาจมีกิ่งเกี่ยวกัน (เป็นสามีภรรยากัน) 

หยางเซิง   :  ในคุกนี้ทำไมจึงมีแต่ผู้มีอาการขาขาด มือขาดหรือหัวสมองแตก มีเลืดเปื้อนไปทั้งตัว ?. ส่งเสียงคร่ำำครวญ โหยหวน ดูแล้วรู้สึกน่าสังเวชยิ่งนัก

ผู้รักษาเมือง   :  เหล่านี้ล้วนเกิดอุบัติเหตุทางรถถึงแก่ความตายในแดนมนุษย์  หากเป็นผู้ที่ยังไม่ครบอายุขัยของตนเอง ก็ตกเป็นประเภทตายโหง วิญญาณตกมายังแดนนรกแล้ว ก็ถูกจำขังไว้ที่นี่รอจนครบอายุขัยของผู้นั้น  แล้วจึงส่งไปให้ท่านยมบาลชำระความดีหรือความชั่ว เพื่อเป็นการแสดงให้รู้กันแจ่มแจ้งว่า ไม่ว่าแดนมนุษย์หรือแดนนรกไม่มีการลำเอียงทั้งสิ้น

หยางเซิง   :  เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้ ?. โชคร้ายตายลงด้วยอุบัติเหตุทางรถก็น่าอนาจใจอยู่แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าจะไร้ความเมตตาธรรมไปแล้ว

ผู้รักษาเมือง   :  ท่านทราบเพียงผิวเผิน ไม่ทราบถึงแก่นแท้มิใช่ว่าผู้ตายโดยอุบัติเหตุ ทางรถยนต์จะมาที่นี่กันทั้งหมด บางคนมีอายุขัยครบเต็มแล้ว เพราะเหตุที่มีกรรมชั่วรอบตัว โดยอาศัยการตายจากอุบัติเหตุรถ เพื่อชำระล้างเวร ดังน้นชาวโลกมีอยู่ไม่น้อยที่เที่ยวโทษฟ้าโทษดิน หาว่าทำไมเมื่อตอนที่มีชีวิตอยู่นั้น ได้สร้างบุญกุศลกลับต้องมาตายลงใต้ล้อรถ ?. หาว่าสวรรค์ท่านอยุติธรรม !  ขอถามว่า  "หยวนหุย"  ปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรม ไฉนจึงอายุสั้นพระพุทธเจ้าท่านมุ่งแต่บำเพ็ญธรรม ไฉนมารจึงมาผจญไม่หยุดยั้ง ?.  มิใช่สวรรค์ท่านตาบอด แต่เป็นเรื่องของกรรมที่สวรรค์กำหนดไว้ เพื่อที่จะฝึกฝนอบรมจิตใจคน เรื่องอะไรกับเนื้อหนังมังสาธรรมดา แม้ตัวตนรูปร่างสลายไป แต่วิญญาณนั้นไซร์ไม่มีวันดับ

หยางเซิง   :  เมื่อมีเหตุแห่งกรรมของสามชาติกำหนดอยู่แล้ว ไฉนจึงมีการตายโหงอีก จะไม่เป็นการขัดกันเองหรือ?.  ถ้าเช่นนั้นชาวโลกก็ไม่ต้องเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรมแล้วล่ะ  ขอท่านผู้รักษาเมืองช่วยชี้แจงอธิบาย เพื่อคลายความงมงายด้วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

           ครั้งที่ 9  วันอังคารที่  12 ตุลาคม  พ.ศ.  2519

                    ตอน  เที่ยวเมืองผีตายโหง  ครั้งที่ 2

          ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า  :

        แพร่สัจธรรม        นำกอบกู้        ปุถุชน
กฏสังคม                    รณรงค์          เปลี่ยนคนเรา
ทุกศาสน์รวม               เป็นหนึ่งเฝ้า    อริยเจ้า
ทุกผู้เข้า                    ฝึกฝนธรรม      ท่องนโม

ผู้รักษาเมือง   :  เหตุแห่งกรรมของสามชาตินับเป็นระยะอันสั้นเท่านั้นเองของมนุษย์ เนื่องจากดึกดำบรรพกาลมาแล้ว ได้ผจญภัยนานาชนิด ไม่ทราบว่าจะผ่านพ้นมากี่ชาติ เหตุแห่งกรรมที่สะสมไว้ยากที่จะคณานับ ดังนั้นทางพุทธจึงกล่าวไว้ว่า  "ผลกรรมใน  3  ชาติ"  หากจะพูดถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ในปางก่อนหรือปางหลังแล้ว ก็จะเป็นชาติก่อน ชาตินี้และชาติหน้า หากแต่ชาติก่อนนั้นน่ะไม่เพียงแต่หมายถึงการเกิดในชาติก่อน หากแต่เป็นการสะสมกรรมของดวงวิญญาณจากการกระทำตัวตนของชีวิตทั้งหลาย ดังนั้นชาวโลกจึงสำคัญผิดคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ ล้วนเป็นผลที่มูลเหตุในปางก่อนสร้างไว้อันเป็นคำกล่าวที่ไม่คมคาย กลมกลืนนัก ชาติก่อนนั้นกำหนดได้เพียงเจ็ดส่วนและชาตินี้กำหนดได้สามส่วนที่เรียกว่า  "กรรมลิขิต"  ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แต่ชะตากรรมคลี่คลายได้

หยางเซิง   :  ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ชาวโลกทั่วไปมีเรื่องอะไรล้วนกล่าวถึงกรรมของชาติก่อน  ผิดถูกแยู่ที่สวรรค์ท่านกำหนดไว้ ความคิดที่บั่นทอนทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ถูกต้องเป็นที่ยิ่ง เรือนขังตรงหน้าห้องนี้ ส่งเสียงน่าเวทนาไม่ขาดสาย เป็นที่คุมขังนักโทษอะไรบ้าง ?.

ผู้รักษาเมือง   :  เหล่านี้ล้วนแต่เป็นวิญญาณโทษที่ถูกลอบฆ่าหรือฆ่าซึ่งกันและกันถึงแก่ความตาย

หยางเซิง   :  นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจนึกคิดได้ ฆ่าเขาหรือถูกเขาฆ่า จะเป็นกรรมสนองตอบ หรือสมควรตายที่ชะตาถึงฆาตแล้ว ไฉนเมื่อตายแล้วจึงตกเข้าไปอยู่ใน  "เมืองผีตายโหง"  อีกเล่า ?.

ผู้รักษาเมือง   :  เหตุผลตรงกันแน่นอน !  บ้างก็ฆ่ากันโดยกรรมสนองกรรม แต่ก็มีพวกคนที่ชาตินี้ไม่ทำบุญสร้างกุศล เกิดการพิพาท  กระทำการชั่วร้ายอย่างมหันต์ นั่นแหละคือที่มาปห่งการตายโหง ขอให้ชาวโลกจงเข้าใจเหตุอันนี้ จะอ้างว่าฉันฆ่าเขาเพราะชาติก่อนเขาเป็นหนี้ฆ่าฉันไม่ได้ สุภาษิตกล่าวไว้ว่า  "ควรระงับเวรด้วยการไม่จองเวร"  แม้จะมีการเป็นหนี้สินกัน ถ้าสามารถไม่ทวงคืน ก็จะเป็นบุญกุศลอันมหาศาล หากมนุษย์ไม่มีการเห็นแก่ตัวเอง ต่างอยู่กันโดยสันติต่อกันเปรียบเสมือนฟ้าปกคลุมและธรณีแบกรับ อย่างไม่มีที่รักมักที่ชังฉันนั้น แล้วนรกจะว่างเปล่า  ผมจะไม่เกิด  เหตุก็ไม่มีเลย  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มนุษย์ควรที่จะรู้ว่าการเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่งนัก ควรรักษาด้วยปลูกนิสัยปฏิบัติตนให้ดี หากผู้ที่มั่วผู้หญิง ก็อ้างว่าชาติก่อนเป็นหนึ้ผู้หญิง มั่วแต่เรื่องโลกีย์นั่นมิใช่เกิดจากเหตุแห่งชาติก่อน ที่เรียกว่าเป็นเหตุแห่งชาติก่อน แต่เป็นการบังเอิญไปตรงกันเข้า ถ้าเป็นผู้ตั้งใจกระทำความไม่ดีงาม ชาตินี้ก่อกรรมใหม่ขึ้นอีก ก็จะสร้างผลร้ายในชาติหน้า

นายทหาร   :  ท่านผู้รักษาเมืองพูดสมเหตุสมผลตรงตามหลักธรรมทุกอย่าง ชาวโลกควรจะเข้าใจรู้สำนึกตัว หากไม่เชื่อในเหตุผลนี้ มนุษย์ก็ไม่ต้องบำเพ็ญธรรม ก็จะบ่ายเบื่องไปว่าผู้ที่มีธาตุพื้นแห่งพุทธเทวดาจึงสามารถบรรลุธรรม หรือพูดในทำนองว่า หากฉันมีเงินสักสิบล้านแล้วก็ไม่ต้องทำงานอีก นับเป็นความคิดที่ผิด

อรหันต์จี้กง   :  ฉันกลับมาแล้ว ที่ท่านผู้รักษาเมืองและนายทหารกล่าวไว้เมื่อกี้นี้ เป็นหลักธรรมที่ถูกต้อง สามารถทำลายความลุ่มหลงของชาวโลกย้อนไปถึงวิญญาณดั้งเดิมบุพกาลที่สถิตอยู่เบื้องสวรรค์ทุก ๆ คน ล้วนเป็นพระพุทธ  เทวดา  เพราะเหตุที่ตกลงปางหลัง (คือเมืองมนุษย์)  ถูกปกคลุมห่อหุ้มด้วยธุลีไอดินทำให้วิญญาณเดิมหลงผิด ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถกลับคืนถิ่นเดิม  วันนี้สวรรค์ท่านได้ประทานธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ สั่งสอนให้ทุกคนบำเพ็ญธรรมซึ่งเป็นการเวลาที่  "สรุปเหตุแห่งกรรม"  เพื่อกลับคืนสู่จิตเดิมที่แท้จริง มวลมนุษย์อย่าได้หลงงมงายอีกเลย ผู้ที่ยอมบำเพ็ญธรรมมีส่วนจะเป็นอรหันต์  เทวดาได้  ผู้ไม่ยอมบำเพ็ญธรรมนั้น จะต้องตกลงไปสู่หนทางเวียนว่ายตายเกิดอีก จะเป็นผีหรือเทวดาก็คนนั่นแหละเป็นผู้ทำเอง มิใช่สวรรค์ท่านกำหนดไว้เมื่อดูสภาพใน  "เมืองผีตายโหง"  แล้วก็พอพิสูจน์ได้ เวลาหมดลงแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมกลับสำนัก  ขอขอบคุณผู้รักษาเมืองและนายทหารที่ช่วยเหลือในการแต่งหนังสือ และช่วยในการคลี่คลายความหลงงมงายที่ได้ให้ความจริงใน  "เมืองผีตายโหง" 

หยางเซิง   :  หลักธรรมและเหตุผลลึกซึ้งดั่งทะเล ถ้าไม่ผ่านการชี้แจงจากท่านทั้งสอง ชาวโลกล้วนไม่เข้าใจกระจ่างแจ้ง ขอท่านอาจารย์ได้โปรดสั่งสอนในเรื่องกฏแห่งกรรมอันเป็นหลักความจริง เพื่อกล่อมเกลาชาวโลกให้บำเพ็ญธรรมเป็นที่พึ้้่งในการกระทำ จดจำเป็นเข็มทิศ จึงจะแก้ความงมงายจนถึงที่สุด  (คือจนกระทั่งตายยังไม่รู้ความจริงเลย)

อรหันต์จี้กง   :  นั่คือหน้าที่ของข้าฯ เอง วันอื่นจะประกาศหลักธรรมแห่งความจริงให้มากขึ้น สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง รับเอาภาระจากสวรรค์ กอบกู้ชักจูงผู้ล่มหลงทั้งหลาย ทำให้มวลมนุษย์กลับเข้าทางธรรมที่ถูกต้องโดยพร้อมเพียงกัน และถึงขั้นบรรลุด้วย รีบเตรียมกลับสำนักเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว   หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ 2519

                                         ขุมที่ 2

                    ตอน สนทนากับเจ้ายมบาล ขุมที่ 2 "ฉอกังอ๊วง"

                                และเยี่ยมชมโรงแสดงธรรม 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จและตรัสเป็นกลอน มีความว่า  : 

        ทั้งสามโลก             ช่วยกอบกู้             เทพผีคน
เครื่องกล                        ในนรก                  ทันสมัย
แม้มนุษย์                        คิดสร้างสม            ห้องลับใน
หาพ้นไม่                        ทิพยเนตร              ราตรีกาล

อรหันต์จี้กง   :  ท่องนรกแต่งหนังสือ สูญสิ้นพลังใจทั้งเทพเจ้าและมนุษย์มากมาย เพื่อที่จะชักจูงกอบกู้ชาวโลกผู้หลงใหล ไม่คำนึงราคาค่างวดที่เรียกว่า "สร้างบุญสุดปลื้มจิต"  ศิษย์ทั้งหลายช่วยงานจนดึกดื่นเที่ยงคืน  ข้า ฯ มีความประทับใจเป็นที่ยิ่ง  การกอบกู้ชักจูงทั้วทั้ง 3 แดน  เบื้องบนกอบกู้ดวงวิญญาณ  เทพ   เบื้องล่างชักนำช่วยเหลือมวลมนุษย์ (โปรดสัตว์)   เบื้องล่างนำส่งวิญญาณผีในแดนนรก  สวรรค์และมนุษย์ต่างก็วุ่นวายในกาลนี้พร้อมกันประตูศักดิ์สิทธิ์เปิดกว้างขยายออก ธรรมะที่เที่ยงแท้จุติลงทุกแห่งหน  ผู้มีบุญได้พบธรรมะและบำเพ็ญธรรม ผู้ไม่มีบุญแม้พบพระพุทธยังหลักเลี่ยงหลบตน ทำให้ตนเองถอยห่างจากทางสวรรค์ พิจารณาดูรอบแดนมนุษย์ สำนักธรรมตั้งสอนอยู่ทั่วไป กลิ่นไอแห่งธรรมฟุ้งเต็มทุก ๆ บ้าน ในขณะที่วัฒนธรรมเฟื่องฟู ธรรมะโบราณปรากฏอีกครั้ง  ทัศนียภาพเต็มไปด้วยสิริมงคลยิ่ง วิญญาณผีในแดนนรกกำลังรอคอยความช่วยเหลืออยู่ในเวลานี้ วันนี้จะพาหยางเซิงท่องนรกเยี่ยมชมอีกรอบ เอารายละเอียดมาเปิดเผยในแดนมนุษย์ เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวท่องนรกได้แล้ว

หยางเซิง   :  กระผม เตรียมเสร็จแล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เป็นการท่องเที่ยวระยะที่ 2  ต้องตั้งใจให้ดีนะ

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา  หากมีมารยาทไม่ดีหรือบกพร่องประการใด เชิญท่านอาจารย์ติเตียนว่ากล่าวเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ไม่มีอะไรน่ะ รีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว จะได้เริ่มเดินทางไปแดนนรกแล้ว.......  เอ้า ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ข้างหน้านั้นเป็นสถานที่ใด ?. เห็นแต่ฝูงชนแออัดชุลมุน หัวควาย หน้าม้า  (เป็นทูตผีทั้ง 2 ตน)  ต่างทำการควบคุมวิญญาณผีมุ่งไปข้างหน้า

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละ คือ นรกขุมที่ 2  เรารีบเดินกันเถิด เข้าไปคำนับเยี่ยม  "ฉอกังอ๊วง" (เจ้ายมบาลขุมที่ 2)

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีคนหมู่หนึ่่งเดินมา ตรงกลางฝูงนั้นมีบุรุษร่างกายล่ำสันใหญ่แข็งแรง  นุ่งห่มเสื้อคลุมแบบโบราณเหมือนดังเสื้อคลุมในศาลเจ้าของเมืองมนุษย์ และยังส่องแสงแวววาว ท่าทีสง่างามน่าเกรงขาม ข้าง ๆ ล้วนเป็นนายทหารคล้ายให้การอารักขา

อรหันต์จี้กง   :  ท่านนี้แหละคือ  "ฉอกังอ๊วง"  เจ้ายมบาลขุมที่ 2  รีบเข้าไปแสดงคารวะเร็ว

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะท่านฉอกังอ๊วงและยมทูตทุกท่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17/02/2012, 04:09 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ 2519

                                         ขุมที่ 2

                    ตอน สนทนากับเจ้ายมบาล ขุมที่ 2 "ฉอกังอ๊วง"

                                และเยี่ยมชมโรงแสดงธรรม 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จและตรัสเป็นกลอน มีความว่า  : 

        ทั้งสามโลก             ช่วยกอบกู้             เทพผีคน
เครื่องกล                        ในนรก                  ทันสมัย
แม้มนุษย์                        คิดสร้างสม            ห้องลับใน
หาพ้นไม่                        ทิพยเนตร              ราตรีกาล

ฉอกังอ๊วง   :  อย่าต้องมีพิธีรีตองเลย ลุกขึ้นมาเร็ว ขอต้อนรับท่านอาจารย์ และหางเซิงแห่งสำนักเซี้้ยเฮี้ยงตึ้ง ที่ได้มายังสถานที่นี้ ข้าพเจ้าได้รับพระบรมราชโองการ ทราบว่าสำนักของท่านจะแต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  จะมาเยี่ยมชมนรก  10  ขุม  เมื่อครู่นี้ก็ได้รับหนังสือจากท่านอาจารย์อีก ทราบว่าจะมาเยี่ยมชมขุมนี้ในราตรีนี้ ฉะนั้นจึงได้มาทำการต้อนรับ เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าไปในปราสาท เพื่อสังสรรค์กันเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้เกียรติมาก  หยางเซิงเราตามท่านยมบาลเข้าไปในปราสาทเถิด

ฉอกังอ๊วง   :  ท่านทั้งสองเชิญนั่งพักที่ห้องรับแขกสักครู่  นายพลยกน้ำชามาถวายท่านเร็ว

หยางเซิง   :  ขอบคุณมาก  เราศิษย์ - อาจารย์มารบกวนท่านในคืนนี้ โปรดอภัยให้ด้วย ขอท่านยมบาลโปรดให้การชี้แจง และอธิบายเหตุกรณ์ของขุมที่ 2  ให้ฟังโดยละเอียดด้วย 

ฉอกังอ๊วง   :  ท่านเกรงใจเสียแล้วล่ะ ขุมของข้าพเจ้านี้นับได้ว่า เป็นสถานที่ลงทัณฑ์โดยทางการแห่งนรกสิบขุม บรรดาวิญญาณผีที่ถูกส่งมาจากขุมที่ 1ความชั่วดีนั้นทราบดีแล้วโดยละเอียด แต่ยังมีวิญญาณผีบางส่วนที่มีนิสัยดื้อด้าน เพราะเป็นนิสัยเดิมมาจากแดนมนุษย์ แม้จะเห็นว่า ที่ยมโลกได้เปิดแผลของมันแล้ว แต่ยังไม่สำนึกตัว ดังนั้น เมื่อวิญญาณตกมาถึงขุมนี้ก็จะเปิด  "สมุดตรวจแห่งยมโลก"  หากหลักฐานความชั่วร้ายที่ตนทำไไว้ ประกาศให้รู้ทุก ๆ ข้อ ถ้าอยู่ในอำนาจของขุมนี้ก็จะตัดสินให้เข้าไปยัง 16 นรกน้อย หรือนรกย่อยที่สร้างขึ้นใหม่ แห่งอื่น ๆ เพื่อรับการลงโทษ เพราะเหตุว่าในแดนมนุษย์เกิดมีการวิวัฒนาการใหม่หลายแห่งขึ้นมาบ้าง  ที่เรียกว่า  "กาลเวลาแปรเปลี่ยน กฏเกณฑ์ก็เปลี่ยนด้วย"  กฏแห่งยมโลกก็แก้ไขเพิ่มเติมตามกาลเวลาเพื่อที่จะลงโทษพวกมิจฉาชีพทั้งหลาย

อรหันต์จี้กง   :  การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์บนโลก ก็ก่อรูปบนฟ้าจะกลายเป็นภาพ เมื่อสรรพสิ่งในโลกมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลง สวรรค์และนรกจะฉายเงาปรากฏรูปนั้นออกมาทันที ฉะนั้นแล้วทุกอริยบทของชาวโลก ต้นหญ้าต้นไม้ของแดนมนุษย์ทุกต้น ฟ้าเหมือนกระจกแผ่นใหญ่ ฉายออกมาทันที ยมโลกได้รับการฉายสะท้อนจากแผ่นฟ้าอีกชั้นหนึ่ง ก็กระจ่างชัดแจ้งเช่นเดียวกัน  อย่าถือว่าวิทยาศาสตร์เจริญแล้วจะสามารถทำลายลบล้างผีสางเทวดาชาวโลกจะใช้สิ่งที่มีรูปร่างเอาชนะอรูป หารู้ไม่ว่า อรูป (ไม่มีรูปร่าง)  บัญชาครอบคลุมสิ่งที่มีรูปร่าง พระพุทธเทวดาภูติผีเทพเจ้าท่านทรงพลังอันสำคัญอยู่ในทางลับ มนุษย์นั่นแหละเป็นผู้ถูกกระทำ

หยางเซิง   :  ความจริงเป็นเช่นนี้เอง ชาวโลกล้วนพูดว่าไม่มีใครเห็นนรก หารู้ไม่ว่าฉายเป็นภาพอย่างชัดเจนต่อหน้ากระผมอัศจรรย์มาก และก็น่าเกรงขามมาก คล้ายกับว่าตัวเรานี้ ได้มาอยู่โลกอีกโลกหนึ่ง

ฉอกังอ๊วง   :  ข้าพเจ้ามีงานราชการอยู่รอบกาย ไม่สามารภรับรองพูดคุยกับท่านนานนัก จะสั่งให้นายพลพาท่านหยางเซิงตรวจเยี่ยมแต่ละขุมก้แล้วกัน

นายพล   :  น้อมรับบัญชา

หยางเซิง   :  วิญญาณผีที่อยู่หน้าปราสาทพวกนั้น บ้างก็มีคื่อคาติดอยู่บนบ่า บนมือร้อยด้วยโซ่ตรวน เปรียบเทียบแล้วก็ยังน่าทุเรศกว่านักโทษในแดนมนุษย์  ยมบาลท่านกำลังขึ้นนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี  ทุบโต๊ะตวาดเหมือนดั่งชาวนาตวาดวัวควายฉันนั้น

นายทหาร   :  เวลาจำกัดเชิญท่านหยางเซิงอย่าได้อยู่นานนักเลย รีบตามข้าพเจ้าออกไปจากปราสาทเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ไปเถิดอย่าได้ดูอีกเลย

หยางเซิง   :  ที่นี่ฝูงชนชุมนุมแต่ก็เงียบเชียบปราศจากสุ้มเสียง มันทำอะไรกันนะ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ 2519

                                         ขุมที่ 2

                    ตอน สนทนากับเจ้ายมบาล ขุมที่ 2 "ฉอกังอ๊วง"

                                และเยี่ยมชมโรงแสดงธรรม 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จและตรัสเป็นกลอน มีความว่า  : 

        ทั้งสามโลก             ช่วยกอบกู้             เทพผีคน
เครื่องกล                        ในนรก                  ทันสมัย
แม้มนุษย์                        คิดสร้างสม            ห้องลับใน
หาพ้นไม่                        ทิพยเนตร              ราตรีกาล

นายทหาร   :  ขณะนี้เป็นเวลาเทศกาลช่วยวิญญาณต่าง ๆ (กอบกู้ชัักจูงวิญญาณสามแดน)  พระกษิติครรภโพธิสัตว์  ท่านจัดตั้งโรงบรรยายธรรมตามแต่ละปราสาทบรรดาวิญญาณโทษนั้น หากยังมีพื้นฐานแห่งความดีอยู่บ้าง และเมื่อระหว่างรับการลงโทษได้แสดงความประพฤติดี ล้วนสามารถหมุนเวียนมาโรงบรรยายธรรมรับฟังพระพุทธเทวดาแสดงพระธรรม ดังนั้นจึงย่องเดินเบา ๆ อย่างระมัดระวัง ไม่กล้าส่งเสียง ท่านดูซิพวกเขากำลังเดินเข้าไปอย่างประติดประต่อ

หยางเซิง   :  ที่จริงเมืองนรกก็มีการช่วยวิญญาณผี โดยการจัดให้มีการแสดงธรรมบรรยายศีล ประหนึ่งว่ามีการตั้งสำนักทรงเจ้าบรรยายศาสตร์ในแดนมนุษย์ ผู้บำเพ็ญธรรมอยู่กับบ้านก็มีจำนวนมาก  ท่านพุทธเทวดาเมตตากรุณาเป็นที่ยิ่ง ไม่คำนึงถึงความลำบาก เสด็จลงสู่แดนมนุษย์  แดนนรก  ช่วยเหลือกอบกู้มวลชนและวิญญาณผี

อรหันต์จี้กง   :  เราตามพวกวิญญาณผีเหล่านี้เข้าไปเถิด

หยางเซิง   :  ขอรับ กระผม บนประตูใหญ่มีป้าย ๆ หนึ่่งเขียนว่า  "โรงบรรยายธรรมขุมที่หนึ่ง"  แต่ละวิญญาณผีเมื่อเข้าไปแล้วต้องไปยังห้องเล็กห้องหนึ่งซึ่งอยู่ข้าง ๆ นั้น เหมือนห้องรักษาการของโรงงานอย่างนั้น  เพื่อรายงานตัวก่อนแล้วจึงเข้าไปข้างใน

นายพล   :  นั่นเป็นที่อยู่ของนายทหารผู้คุมประตูผี มีหน้าที่ควบคุมวิญญาณผีที่เข้า ๆ ออก ๆ หากไม่ถือป้ายอนุญาตของนรกย่อยต่าง ๆ ให้มาร่วมประชุมแล้วห้ามเข้าทั้งนั้น ข้าพเจ้าจะเข้าไปแจ้งให้ทราบว่าท่านมาท่องเที่ยวเพื่อแต่งหนังสือ ท่านทั้งสองขอได้รอสักครู่ ... ข้าพเจ้าแจ้งและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปในห้องเรียน นั่งลงที่โต๊ะหน้า รอคอยท่านเทวดาเสด็จ

อรหันต์จี้กง   :  ขณะนี้พระมหาโพธิสัตว์แห่งทะเลใต้ (เจ้าแม่กวนอิม หรือ อวโลกิเตศวร) ได้เสด็จมาถึงแล้ว เจ้าหยางเซิงลงกราบรับเสด็จ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ 2519

                                         ขุมที่ 2

                    ตอน สนทนากับเจ้ายมบาล ขุมที่ 2 "ฉอกังอ๊วง"

                                และเยี่ยมชมโรงแสดงธรรม 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จและตรัสเป็นกลอน มีความว่า  : 

        ทั้งสามโลก             ช่วยกอบกู้             เทพผีคน
เครื่องกล                        ในนรก                  ทันสมัย
แม้มนุษย์                        คิดสร้างสม            ห้องลับใน
หาพ้นไม่                        ทิพยเนตร              ราตรีกาล

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม... ท่านพระมหาโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ได้เสด็จบนแท่น เตรียมบรรยายธรรมแล้ว ม้านั่งในห้องก็เหมือนตั่งม้านั่งของนักเรียนในโรงเรียนเมืองมนุษย์ มีคนประมาณสองพันคน ทุกคนล้วนมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมทรงกายบนดอกบัวซึ่งลอยเดด่นอยู่ขาวผ่องทั่วทั้งกาย พรมน้ำมนต์จากกิ่งหลิวในแจกันใสสะอาด ขอเรียนถามท่านอาจารย์ การนี้มีความหมายประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ฝนธรรมกระจายน้ำทิพย์โปรยทั่ว ผู้มีบุญก็สามารถได้รับการกอบกู้ตลอดรอดฝั่ง แสดงว่าสวรรค์ท่านมีใจเมตตา กรุณา ไม่แบ่งแยกเป็นสัตว์หรือมนุษย์ ผู้ที่ยอมหันหลังกลับ ย่อมละบาปกลับตัวใหม่ ล้วนได้รับความเมตตาพาส่งสู่ที่ชอบทั้งนั้น  นั่นคือเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม อย่าได้ถามนักเลย ฟังท่านพระโพธิสัตว์ผู้ช่วยปลดความทุกข์ยาก แสดงธรรมเถิด

พระโพธิสัตว์   :  หยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยตึ้ง เมืองไถ่ตง กับท่านอาจารย์มาร่วมการสังสรรค์ในการประชุมครั้งนี้ ฉันเบิกบานใจมาก ขอให้หยางเซิงรับฟังธรรมจากฉัน แล้วนำกลับไปแดนมนุษย์ กล่อมชักจูงผู้คนเท่าที่กำลังความสามารถจะกระทำได้ สำนักของท่านเพื่อที่จะกล่อมเกลาชักจูงผู้คน ศิษย์ทั้งหลายทุ่มเทด้วยพลังใจและพลังกายพลีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนาวาธรรม เมตตารับผู้โดยสารสัตว์โลกทุกชนิดอย่างกว้างขวางทั่วพิภพ น้ำใจนั้นน่าสรรเสริญ ต่อไปจะต้องเข้าอยู่ในตำแหน่ง "ปราชญ์เมธี"  ขอให้ดำเนินไปจนสุดความสามารถ

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบกราบขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมทีได้กรุณาตรัสสั่งสอน

หยางเซิง   :  กระผมขอกราบขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ให้คำสั่งสอนเตือน กระผมจะกลับไปบอกเล่าต่อให้ศิษย์ทั้งหลายที่ร่วมสำนักทราบ จงอย่าได้ทำให้ท่านผิดหวัง