collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 86013 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองนรก 

                              คำอนุโมทนา

               ของพระจอมศาสดาจารย์อรหันต์กษิติครรภ์

        อันว่าหนทางสู่สวรรค์มีคนเดินโหรงเหรง นรกไม่มีประตู แต่คนมุ่งกันเข้าแออัด ชาวโลกผู้ไม่ยอมอยู่ในสันโดษต่างพากันเกาะขาผู้มีอำนาจศักดิ์ใหญ่ลุ่มหลงอยู่ในห้วงเหวแห่งสุรานารีทะเลแห่งความทุกข์เวิ้งว้างกว้างขวาง ผู้พลัดตกลงไปนั้นมากมาย จึงทำให้ผู้คนในแดนนรกล้นหลาม เสียงร่ำไห้เซ็งแซ่สะท้านสู่สวรรค์ ข้าพเจ้าคุมนรกทั้ง 10  ขุม  เมื่อมองเห็นผู้ตกทุกข์ต้องรับความทรมานมากมายก่ายกองเช่นนี้ ยากที่จะนิ่งดูดาย ทุกชีวิตใน 3 แดน  มิวิญญาณเดิมมาจากแหล่งเดียวกัน  สืบแต่บุพกาลมา เนื่องจากมิสามารถตัดความใคร่ออกเสีย จึงทำให้การเกิดการตายติดต่อสัมพันธ์กันมาตลอด ทางแห่งเวียนว่ายตายเกิดทุรกันการ เปลวไฟแผดเผา แม้มีความปรารถนาจะทำให้แดนนรกว่างเปล่าลง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถจะกอบกู้ช่วยเหลือมวลชนให้พ้นทุกข์ได้โดยทั่วถึงท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ได้แผ่พระความกรุณาปราณีอันใหญ่ยิ่ง ทรงห่วงใยชาวโลกทั้งหลาย จึงได้มีเทวโองการโปรดเกล้าให้ สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง แห่งเมืองไถ่ตง แต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ให้ท่านพระอรหันต์จี้กง นำพาวิญญาณของหยางเซิงไปท่องยมโลก ทุกแห่งที่ไปเยี่ยมชมล้วนได้รับการต้อนรับขับสู้จากกรมกองต่าง ๆ ได้พูดคุยสังสรรค์กับท่านยมบาลและพัศดี

        โดยได้ท่องไปตามแดนนรก ซึ่งอันมีสภาพเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน นำเรื่องราวมาเขียนเป็นหนังสือขึ้น อันเป็นตำนานมีค่าเปรียบเสมือนทองคำสมที่จะเป็นหลักบรรทัดฐานแห่งการสั่งสอนอบรมประดาผู้ที่มีจิตใจคดโกงไร้เหตุผล ผู้ที่ทำชั่วละเมิดกฏหมายบ้านเมือง ได้รับผลตอบสนองตามดังเงาตามตัว ในหนังสือเล่มนี้มีพยานหลักฐานให้ตรวจสอบได้อย่างจะแจ้งแจ่มชัด หวังว่าผู้ที่ได้อ่านมาแล้วคงมีความรู้สึกเหมือนโดนตีศรีษะ ตื่นตาตื่นใจ จนได้ความนึกคิดรู้ผิดรู้ชอบขึ้น สำนึกได้ในราตรีกาลที่สงัดเงียบ ให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เพื่อที่จะมิต้องตกลงในแดนนรก หลังจากตายลงแล้วต้องได้รับการลงโทษจากพวกยมทูต  หากว่ายังทำเป็นหูทวนลมต่อคำพูดของอาตมาแล้ว เวลานั้น จะร้องแรกแหกกระเชอก็จะไม่มีทางจะช่วยได้อีก แล้วก็จงอย่าหาว่าพระอรหันต์ เทวดาไม่มีความปราณีเลย

        เนื่องในวาระที่หนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  จะอนุโมทนาทำการจัดพิมพ์เป็นเล่มอยู่ในขณะนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ลงมายังสำนัก กล่าวอนุโมทนาไว้ 2-3  ประโยคดังกล่าวข้างต้นนี้ และหวังว่าหนังสือเล่มนี้เมื่อปรากฏต่อสายตาแล้ว ชาวโลกจะได้รับการช่วยเหลือกอบกู้ให้พ้นทุกข์โดยทั่วถึง ในแดนนรกจะว่างเปล่าไร้ผู้คน ทำให้ทั้งพิภพเป็นแดนสวรรค์ สิ่งนี้แหละคือยอดปรารถนาของอาตมา

        พระอรหันต์กษิคิครรภ์  ลงประทับทรงที่สำนักเซี้ยเฮ้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง

                                  ลงวันที่  19  พฤษภาคม  พ.ศ. 2521 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 เที่ยวเมืองนรก 

                                  คำอนุโมทนา

                                พระกวงเฮงฮูจื้อ

                      ประธานสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง   ประทับทรง

        สำนักเราได้เปิดการบรรยายธรรม ด้วยการรับประทับทรง และพิมพ์แจกหนังสือธรรม ตำนานธรรมเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะปิดกั้นกระแสกามราคะอันไหลเชี่ยว ทำการเหนี่ยวรั้งคลื่นลมที่เลวร้ายลงทุก ๆ ขณะจิต ซึ่งก็ได้รับผลแห่งความสำเร็จมาอย่างน่าพอใจ แม้ว่าได้พิมพ์แจกหนังสือธรรมะปลอบเตือนชาวโลกอย่างแพร่หลายกว้างขวางมาโดยตลอดเวลาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ว่าสำหรับจิตใจของมนุษย์อันดื้อรั้นนั้น ยังมิอาจมีพลังอันเฉียบขาดที่จะยับยั้งพอ ท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ทรงตระหนักในพระทัยถึงการนี้ จึงได้ตัดสินพระทัยในขณะที่มีการประชุมในเบื้องบนสวรรค์ ตกลงให้เลือกเฟ้นสำนักรับประทับทรงที่สุจริตบริสุทธิ์ โดยที่ประกอบด้วยสภาพการณ์ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อเทพเจ้า ทั้งผู้คนในสำนักที่มีความสนิทสนมกลมเกลียว สมัครสมานกัน และเป็นสำนักที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความสะดวกในการท่องนรกแต่งหนังสือ โดยเผยเอาความจริงของนรกให้ชาวโลกได้รู้ได้เห็น จึงจะสามารถปลอบเตือน และหันเหจิตใจผู้คน ทำการปิดกั้นกระแสคลื่นลมที่เสื่อมทราม ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างฉับพลันทันตาเห็น

        หลังจากการเลือกเฟ้นแล้ว สำนักเราซึ่งได้รับเกียรติให้รับภาระนี้  ข้าพเจ้ามีความประหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง โดยเหตุว่าการท่องนรกแต่งหนังสือไม่เหมือนกับการรับประทับทรงบรรยายธรรมโดยทั่วไป หากว่าได้เกิดความพลาดพลั้งในขณะที่รับประทับทรง หรือนายหยางเซิงเกิดมีความเสียสมาธิขึ้น ก็จะทำให้ภาระใหญ่ยิ่งอันนี้ล่มสลายลงในทันที  ซึ่งเป็นการขัดต่อเทวโองการและโทษฐานนั้นหนักหน่วงมาก อันเป็นที่ยำเกรงของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย หากแต่ว่าเรามิอาจจะขัดขืนต่อคำสั่งจากสวรรค์ได้ จึงน้อมรับพระราชโองการด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด นับแต่วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2519  ที่ได้รับมอบเทวโองการเป็นต้นมา ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายตั้งจิตที่มั่นคงแน่วแน่คอยรับเสด็จวันกำหนดรับประทับทรงต่างก็ได้มารวมกันอย่างสงบเงียบในสำนัก นายหยางเซิงต้องถือศีลกินเจคอยต้อนรับอยู่จนกว่าท่านอรหันต์จี้กงเสด็จมา จึงนำเอาวิญญาณที่ออกจากร่างตรงไปยังยมโลก ทำการเก็บข้อมูลต่าง ๆ  เง็กฮื้อทงจื้อจะอยู่ในสำนักเพื่อทำการถ่ายทอดสภาพความเป็นจริงนั้น ๆ เช่น การได้ตอบพระอรหันต์กับมนุษย์ การสนทนาพาทีในขณะที่อยู่ในแดนนรก ได้ทำการเขียนออกเป็นตัวอักษรโดยทันทีทันใด จึงได้จัดแต่งเป็นหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ขึ้น

        ตลอดเวลา 2 ปี ที่ผ่านมานี้ได้ท่องไปในแดนนรกอย่างทั่วถึง หนังสือเล่มนี้จึงได้สำเร็จลง ข้าพเจ้ามีความปลาบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง หนังสือเล่มนี้มีค่าเหลือที่จะประมาณได้ ซึ่งนับแต่สำนักเราได้ทำการรับประทับทรงบรรยายธรรมเป็นต้นมา ที่สิ้นเปลืองเวลามากที่สุด เป็นหนังสือที่ได้ผลในการปลอบเตือนจิตใจชาวโลกได้ดีที่สุดเล่มหนึ่ง ควรแก่การจะเทิดทูนถนอมไว้ เมื่อหนังสือเล่มนี้ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกแล้ว นรกอันมืดทึบจะเปล่งปลั่งด้วยรัศมี จึงอยากให้ผู้คนในภิภพทั้งหลาย ที่มีบุญได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ต่างได้หลุดพ้นออกจากห้วงเหวแห่งความทุกข์ ก้าวขึ้นสู่แดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์เทอญ

                              ประธานแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง

                                       พระกวงเฮง

                        ลงวันที่  19  พฤษภาคม   พ.ศ. 2521     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               เที่ยวเมืองนรก 

                              คำอนุโมทนาของ

                          กุมารเทพ   เง็กฮือทงจื้อ

               กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ  ลงประทับทรงกล่าวว่า   :

                              ฟ้าประทานพจน์วิเศษดุจเข็มทิศ
                      อำมหิตเป็นนิจใช่อำพลาง
                      หากกลับใจนรกนั้นจะปิดทาง
                      สำนึกตัวกลับใจประเสริฐจริง

        ชาวโลกมักจะเห็นความดีความชอบในด้านเสพสุขทางวัตถุ ดูหมิ่นในด้านอบรมศึกษาทางจิตใจ ศีลธรรมเมื่อถูกทอดทิ้งละเลยแล้ว การก่อการลักขโมย ล้างผลาญฆ่าแกงข่มขืนกระทำชำเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่หยุดยั้ง  เมื่อจะยับยั้งแก้ไขเหตุร้ายอันไม่มีวันจะยุติลงได้ จึงควรเริ่มกระทำการอบรมทางศีลธรรม โดยให้บรรยายถึงความเป็นจริงแห่งการตอบสนองจากเหตุและผล ดวงวิญญาณนั้นไม่ได้สูญสลายและไม่ใช่เรื่องเท็จ โชคลาภวาสนาและภัยพิบัต  มิได้เกิดขึ้นโดยปราศจากเหเตุผล แต่อยู่ที่การกระทำดีหรือความชั่วของมนุษย์เอง ถ้าหากตัวเราก่อกรมทำเข็ญในตอนมีชีวิตอยู่ เมื่อตายลงแล้วดวงวิญญาณ ก็จะต้องรับโทษที่ตนได้ก่อขึ้นไปเอง ต้องตกเข้าไปในทางชั่วร้าย รับการฝึกอบรมจากการเวียนว่ายตายเกิด นี่แหละคือต้นกำเนิดแห่งการเกิดขุมนรกขึ้น

        วิญญาณของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง จึงสามารถท่องไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสบายอารมณ์ได้ เนื่องจากขณะนี้สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง แห่งเมืองไถ่ตงได้รับเทวโอกางให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ข้าพเจ้าได้รับเกียรติในหน้าที่ให้ใช้ "ทิพยเนตรถ่ายทอดความจริง" จึงกราบรับโดยดุษฏี ในขณะเงียบสงัดของราตรีกาลแห่งการรับประทับทรง ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงมานำพาวิญญาณของคุณหยางเซิง ไปท่องชมนรกทุกขุม ในขณะที่ทำการสนทนากับวิญญาณโทษ ข้าพเจ้าจะใช้ทิพยเนตรเก็บเอาเสียงและภาพของเขา ถ่ายทอดออกทันที โดยอาศัยร่างของเขานั่นแหละที่ได้ถือพู่กันไว้ในมือ เขียนออกเป็นตัวอักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วน จึงมีข้อความสนทนาโต้ตอบจากแดนนรกแล้วคัดลอกแต่งเป็นหนังสือ เพื่อเป็นการปลอบเตือนกล่อมเกลาชาวโลก

        ความอ่อนไหวพิศดารในการนี้ มีผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสรุมล้อมสังเกตุการณ์อยู่รอบด้าน ล้วนได้เปล่งคำอุทานว่าหาที่ดูมิได้อีกแล้ว ต่างเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้านั้นมีจริงพึงเชื่อถือได้ แต่ผู้ที่ยังมิได้ชมด้วยสายตาของท่านเองก็อาจจะเชื่อได้ แต่ไม่สู้จะสนิทนัก เนื่องจากเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นชาวโลกทั้งหลายว่า สวรรค์นั้นได้อยู่บน "ดวงจิต"  ของตัวท่านเอง  เมื่อท่านหลอกลวงจิตใจอันดีงามของตัวท่านเองแล้ว ท่านยังมีความ "สุขใจ" ที่จะพักอาศัยในสวรรค์ได้อีกหรือ?.  ผู้ที่ทำความชั่วไว้แล้ว เมื่อตอนสำนึกตัวได้ ทุกครั้งจึงเกิดความตำหนิติเตียนตัวเองอย่างขมขื่นทรมานจิตใจ ขณะนั้นแหละภาพแห่งนรกได้บังเกิดขึ้นในใจท่านแล้ว แต่ว่านรกคือที่คุมขังผู้กระทำความผิด เป็นที่ซึ่งมวลมนุษย์ไม่พึงปรารถนา หรือบางคนจะเห็นเป็นบ้านเดิมของท่านเอง?. มนุษย์เราถือกำเนิดมาจากสวรรค์  บนสวรรค์จึงเป็นแหล่งพำนักพักพิงเดิมของท่าน ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่ง จงอย่าเร่ร่อนอยู่ในห้วงแห่งการเกิดตาย และต้องตกลงไปในทางเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

        อาศัยในโอกาสที่หนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะคลอดออกสู่ตลาดในขณะนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ให้พู่กันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ขยายความตามที่ทิพยเนตรได้เห็นมาเป็นเวลาร่วม 2 ปีในแดนนรก ที่มีสภาพเต็มไปด้วยความอเนจอนาถทรมาน หวังว่าผู้อ่าน เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลงแล้ว การกระทำและความประพฤติของท่านทั้งหลายจะขาวสะอาดหมดจดปราศจากด่างพล้อย จะไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์แห่งนรกหลงเหลืออยู่อีก จึงจะไม่เป็นการเสียแรงที่ข้าพเจ้าได้อุตสา่ห์ติดตามถ่ายทอดมาตลอด

                             กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ  แห่งพรหมปราสาท

                                  วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองนรก                   

                  เทพเลขาลงประทัพทรง   ประกาศว่า 

                  เมื่อวันที่ 19  พฤษภาคม  พ.ศ. 2521

                                 คำบรรยาย

        1.  หนังสือเล่มนี้ได้แต่งขึ้น  โดยเทวโองการท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ แม้ว่าสำนวนนั้นจะเป็นคำพูดพื้น ๆ ง่าย ๆ  แต่ทีเนื้อหาที่เปี่ยมท้นด้วยหลักธรรมความจริง ซึ่งเป็นตำนานอันวิเศษล้ำเลิศ ที่จะอบรมบ่มนิสัยบำเพ็ญธรรมอย่างดีเยี่ยม   

        2.  หากปรากฏว่ามีตัวอักษรใดที่ขาดตกหรือผิดเพี้ยนบ้าง ซึ่งเป็นความสับเพร่าในการคัดลอก ผู้อ่านจงอย่าดูหมิ่นสบประมาทเป็นอันขาด

        3.  ตำนานเล่มนี้ได้สูญสิ้นพลกำลังและจิตใจของเทพเจ้าและมนุษย์อย่างใหญ่หลวง จึงได้ประสบความสำเร็จจนจัดพิมพ์เป็นเล่มขึ้น ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีเต็ม ในตำนานเล่มนี้ได้เปิดเผยความลี้ลับแห่งยมโลก แนวทางการลงโทษแห่งแดนนรกได้ประกาศให้ทราบอย่างแจ่มแจ้ง ชอบที่เป็นเสียงระฆังเพื่อคอยกล่อมโลก และเป็นตำนานที่หาได้ยากยิ่งในระยะเวลานับหมื่น ๆ ปีที่แล้วมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่มวลมนุษย์ควรจะอ่าน ควรจะถนอม ควรจะเข้าใจ  และควรที่จะบำเพ็ญด้วย

        4.  ตำนานเล่มนี้ได้รับความร่วมมือจากแดนสวรรค์ ยมโลก  และชาวมนุษย์  จึงสามารถเขียนแต่งให้สำเร็จลงได้ซึ่งมีความดีความชอบร่วมกันด้วย ดังนั้น  เมื่อผู้ใดได้พิมพ์แจกแม้จะเพียงเล่มเดียวจะต้องได้รับความสนองตอบในทางดี  3  แดนด้วย 

        5.  คำประกาศิตจากท่านจินกวาน ประดาที่พิมพ์แจกตำนานเล่มนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้ได้กอบกู้ผู้คน ไม่ว่าจะพิมพ์เอง หรือช่วยพิมพ์หรือช่วยเรี่ยไรเงินเป็นค่าพิมพ์  บรรยาย  หรือช่วยเผยแพร่  ล้วนได้รับอนุมัติให้ลดหย่อนผ่อนโทษที่ตัวเองได้ก่อไว้ในปางก่อน หากสะสมความชอบนี้ได้เต็มขั้นแล้ว จะได้ขึ้นสู่สวรรค์รับความสุขสบายกาย โดยถือเอาความดีที่สร้างสมไว้ในการนี้

        6.  บรรดาที่มีความประสงค์อยากได้อายุยืน หรือหวังในการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ หรือขจัดโรคภัยไข้เจ็บ หรือแก้อาถรรพณ์ในการจองเวรจองกรรมหรือบำเพ็ญธรรม หรือลบล้างบาปที่ตัวสร้างไว้ หรือจะช่วยกอบกู้บรรพบุรุษให้พ้นภัยพ้นทุกข์ หรือประสงค์จะมีความสุขเมื่อตัวเองได้ตายลงไป เมื่อได้ตั้งอธิษฐานจะพิมพ์แจกตำนานเล่มนี้แล้วล้วนต้องได้รับตามความประสงค์นั้น ๆ ทั้งนี้ ควรจุดธูปต่อหน้าเทพเจ้า หรือต่อหน้าวัดวาอารามศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ หรืออยู่ที่กลางแจ้งแล้วให้อธิษฐานตามที่ประสงค์ เทพเจ้าจะได้ไปทูนให้ทันที มีการสนองตอบอย่างทันใจด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างไร

        7.  ตำนานนี้สถิตอยู่แห่งใดแห่งนั้นย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสากลโลกให้การคุ้มครอง เมื่ออ่านแล้วต้องเก็บไว้  ณ  ที่ ๆ สะอาดห้ามทำให้เปรอะเปื้อนสกปรก ผู้ที่ดูหมิ่นกล่าวร้ายต่อตำนานเล่มนี้ หรือขัดขวางการเผยแพร่ จะต้องตกเข้าในนรกตลอดกาล ซึ่งนับว่าเป็นโทษที่ให้อภัยไม่ได้ หวังว่าชาวโลกทั้งหลายจงกลับเข้าไปในทางธรรม และจงคิดรอบคอบถ้วนถี่เทอญ.         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       เที่ยวเมืองนรก

                               นำเที่ยวเมืองนรก ทั่ว 10 ขุมนรก

                           ครั้งที่ 1  วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน  พ.ศ. 2519

                                    เที่ยวภูเขาหัวใจชมถ้ำนรก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จมาแล้วตรัสในบทกลอนความว่า

        อันสวรรค์        นรกนั้น                อยู่ในใจ
บุญบาปใคร             ล้อมจิตตน            มุ่งใฝ่หา
ค่ำคืนนี้                  พระจี้กง               จะนำพา 
ให้อยางเซิง            เที่ยวลอยไป         บนดอกบัว

อรหันต์จี้กง  :  เจ้าหยางเซิง  คืนนี้เราไปเที่ยวเมืองนรก  เจ้ามีความรู้สึกอย่างไร ?.

หยางเซิง    :  กระผมต้องกราบขอบพระคุณในความมหากรุณาจากสวรรค์ก่อนใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ท่านได้กรุณาให้โอกาสกระผม ไปเที่ยวชมเมืองนรก กระผมมีความรู้สึกปรีดาอันหาที่เปรียบมิได้

อรหันต์จี้กง  :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  อันขึ้นตรงต่อสวรรค์ทักษิณ ซึ่งมีศิษย์สาวกทั้งหลายต่างบำเพ็ญตนพากเพียรในการสร้างบุญกุศล ชักจูงผู้ลุ่มหลง จำหน่ายแจกจ่ายตำรับการกุศลอย่างมากมายมหาศาล เพื่อให้มวลมนุษย์ท่องอ่าน กุศลบุญแผ่คลุมทั่วพิภพ  ดังนั้นท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ จึงได้ประทานบัญชาให้แต่หนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อที่จะเปิดเผยความจริงแห่งขุมนรก อันที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้ ศิษย์ผู้ร่วมสำนักคนอื่น ๆ ยังมิได้เคยเที่ยวชมมาก่อน เมื่อเจ้าได้ไปเห็นมาแล้วจงนำไปเผยแพร่อบรมแก่ชาวโลกทั้งหลาย เมื่อก่อนเจ้าก็เคยฝึกฝนในเรื่องการประทับทรง ขณะนั้นอาตมาได้จุติมาสั่งสอน เลยทำให้เราทั้งสองกลายเป็นอาจารย์กับศิษย์จนกระทั่งถึงทุกวันนี้   และวันนี้  สวรรค์ท่านได้โปรดให้เราแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ก็เพราะรู้ว่าท่านมีอุปนิสัยใจคอที่ซื่อสัตย์ เที่ยงตรง  ของอาตมาสามารถชักนำชาวโลกไปในทางที่ถูกที่ชอบยิ่งนัก และกระตุ้นเตือนให้สร้างแต่บุญกุศล  เอาละ..... บัดนี้เราเริ่มออกเดินทางได้แล้ว

หยางเซิง  :  ขอขอบพระคุณ น้อมรับคำสั่งสอนของท่านอาจารย์  กระผมเคยได้ยินมาว่าการท่องเมืองนรกนั้นต่างก็ขี่เทพอาชาหรือโดยสารไปในดอกบัว แล้วไฉนอาจารย์จึงสั่งให้เดินเท้าเปล่าเล่า ?.

อรหันต์จี้กง  :  ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ๆ เจ้าหยางเซิงเอ๋ย  อันทางไปนรกนั้นน่ะจะเป็นทางดีได้อย่างไร ๆ แล้วคิดจะเหาะเหินเดินอากาศด้วยฤา ?. ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกลมาก ไปไหนก็ต้องนั่งรถเก๋ง เจ้าคิดจะขับบ้างหรือ ?.  อันที่จริงนั้น นรกไม่มีทางเข้า มนุษย์นั้นต่างหากที่พาตัวเข้าไปเอง อย่าเพ้อฝันไปเลย เมื่อผ่านพ้นทางทุรกันดารแล้วจึงสามารถขึ้นสู่สวรรค์

หยางเซิง  :  กระผมว่าอาจารย์ท่านคล้ายเมาเหล้าในยามนี้

อรหันต์จี้กง  :  ความจริงก็ดื่มมาบ้างแล้ว  ในเมื่อฉันรู้แจ้งเห็นจริงต่อสรรพสิ่งของมวลมนุษย์แล้ว ซึ่งจิตใจของคนน่าสะพรึงกลัวมากนัก ยากที่จะชักจูงให้ตลอดรอดฝั่งได้ ทำให้ฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งก็เลยอาศัยสุรายาเมา เพื่อกลบเกลื่อน ฉันว่าเจ้าก็ควรดื่มเสียบ้างให้รู้แล้วรู้รอดไป ให้มันเมาดับจิตไปเสียเลย

หยางเซิง  :  กระผมดื่มเหล้าไม่เป็น  ท่านอาจารย์ล้อเล่นเก่งจังเลย

อรหันต์จี้กง  :  เอาละ เวลามีจำกัดฉันจะเสกบัวช่อหนึ่ง เพื่อเป็นยานพาหนะเดินทางของเรา

หยางเซิง  :  ท่านอาจารย์มีอิทธิฤทธิ์ล้นฟ้า พอเสกคาถาจบบัวขาวช่อหนึ่งก็โผล่ขึ้น แต่ว่าเท้ากระผมไม่สะอาดพอ ไม่กล้าเหยีบย่ำขึ้นบนดอกบัว

อรหันต์จี้กง  :  หากว่าจิตใจเจ้าสะอาดพอแล้ว ก็ไม่เป็นปัญหาอันใด คำสุภาษิตท่านกล่าวไว้ว่า "ดอกบัวนั้นเติบโตจากตมเลน แต่ก็ไม่มีสิ่งเปรอะเปื้อนติดอยู่เลย"

หยางเซิง  :  ถ้างั้น กระผมก็ลองเสี่ยงดูสักครั้ง กระผมนั่งลงเรียบร้อยร้อย จะไปทางไหนกัน

อรหันต์จี้กง  :  ปิดตาของเจ้าทั้งสองข้างเสีย ฉันจะนำเที่ยวแล้วล่ะ

หยางเซิง  :  ขอรับ กระผม

อรหันต์จี้กง  :  เจ้าลืมตาได้แล้ว

หยางเซิง  :  ที่นี้คือแห่งหนตำบลใด ?. ทำไมตรงหน้ามีภูเขาสูงชันลูกหนึ่ง และบนผนังหินนั้นมีตัวอักษรว่า "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ส่องแสงแพรวพราวตระการตา

อรหันต์จี้กง  :  ภูเขานั้นแหละชื่อ  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  เดินขึ้นไปบนภูเขาก็จะเป็นประตูสวรรค์ เจ้าเห็นบ้างไหมข้างภูเขานั้นมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง มองดูมืดมิดไม่จรดก้นถ้ำ ถ้ำนี้แหละคือ  "ถ้ำนรก"  ชาวโลกผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ซื่อตรง เมื่อสิ้นลมปราณแล้วก็จะได้ขึ้นสู่ภูเขานี้  ถ้าหากเป็นคนจิตใจชั่วร้ายทำเวรสร้างบาป เมื่อตัวตายแล้ววิญญาณล่องลอยมาถึง ณ ที่นี้  เมื่อเห็นตัวหนังสือ "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ที่ส่องแสงระยิบระยับ นันย์ตามักจะเบิกออกยาก ในขณะที่ไม่ทันจะตั้งตัว ก็ต้องตกลงไปในถ้ำนรกอันลึกล้ำนั้น ดังนั้น นักปราชญ์โบราณ ท่านจึงกล่าวไว้ว่า "จิตเป็นทั้งสวรรค์และเป็นทั้งนรก"  ล้วนขึ้นอยู่กับความรู้สึกผิดชอบบุญบาปวูปหนึ่งเท่านั้นเอง

หยางเซิง  :  ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง คนเราจะเลีอกไปทางสวรรค์หรือทางนรกก็ย่อมได้ คนจะเป็นเทวดาเป็นผีก็ได้

อรหันต์จี้กง  :  คืนนี้ เวลาจำกัดมาก เราเที่ยวชมเท่านี้ก่อน รีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเสีย

หยางเซิง  :  ขอรับ  กระผม

อรหันต์จี้กง  :  ปิดตาเร็ว  มิฉะนั้นตาของสามัญปุถุชนจะทนต่อลมเย็นที่เชือดเฉือนโชยมาได้ยาก

หยางเซิง  :  ขอรับ  กระผม  ลมจัดมาก กระผมทนไม่ไหวแล้ว

อรหันต์จี้กง  :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองนรก

          ครั้งที่ 2  วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2519

                      ตอนเที่ยวสระน้ำสบายใจ

                            สู่แดนต่อแดน

                   ระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอนความว่า

       มณีวาว                  เดิมสถิต                  บนสวรรค์
เกิดพลาดพลั้ง                 สู่ดินดาล                  เคล้าโคลนตม
ครั้งเห็นแจ้ง                   ปลงสังขาร               ละโสมม
ปัญญาข่ม                     จิตเปี่ยมท้น              สัจธรรม     

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง เตรียมตัวท่องเมืองนรกได้

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ  วันนี้กระผมได้ไปเมืองเจียงฮ่วย และเพิ่งกลับมา รู้สึกอ่อนเพลีย ใคร่จะขอนอนพัก กระผมว่าวันหลังค่อยไปนะครับ !

อรหันต์จี้กง   :  เจ้านะเกียจคร้านมาก ผู้บำเพ็ญธรรมเมื่อตรากตรำลมฟ้าเพียงเล็กน้อยก็เกิดความท้อ แล้วจะหวังบรรลุธรรมได้อย่างไร ?.

หยางเซิง   :  กระผมจะต้องขอกราบประทานอภัยจากท่านอาจารย์ด้วย กระผมจะเร่งปรุงสติตามท่านอาจารย์ไป

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัว อย่าเปิดตา... เอาละ ลืมตาได้ ลงจากดอกบัวได้แล้ว

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ วันนี้ไฉนจึงพากระผมมาทางนี้ ตรงข้างหน้ามีบ่อน้ำใหญ่บ่อหนึ่ง น้ำในบ่อใสสะอาด ไร้คลื่นลม น้ำเป็นสีฟ้า และมีตัวหนังสือ ปรากฏความว่า "สระน้ำสบายใจ"

อรหันต์จี้กง   :  วันก่อนท่องนรก เนื่องจากเจ้าเป็นปุถุชนธรรมดา นันย์ตาสามัญชนจึงมองเห็นสรรพสิ่งได้น้อยมาก วันนี้อาตมาพาเจ้ามายังที่นี้ ต้องการให้เจ้าลงไปในสระน้ำ เพื่อชะล้างสิ่งราคีทำให้ตาสามัญชนกลายเป็นทิพยเนตร จึงสามารถมองทะลุปรุโปร่งในแดนนรก

หยางเซิง   :  กระผมว่าน้ำในสระใสเย็นจัดมาก และวันนี้ก็เป็นฟดูใบไม้ร่วง กระผมกลัวความเย็นเกรงจะเป็นหวัด ไม่กล้าลงอาบ

อรหันต์จี้กง   :  ท่องนรกแต่กลัวหนาว !  ผลักให้เจ้าลงไปเลย

หยางเซิง   :  ช่วยด้วย !!!! กระผมว่ายน้ำไม่เป็น อาจารย์ท่านทำให้คนตายแล้ว ! โอย.....

อรหันต์จี้กง   :  ให้เจ้าลงไปแซ่สัก 2 - 3 นาที เพื่อกระตุ้นให้ตื่นขึ้น

นายพลคุมสระ   :  นมัสการท่านอาจารย์ กระผมขอต้อนรับพระคุณท่าน เมื่อครู่นี้ท่านอาจารย์ผลักปุถุชนผู้หนึ่งลงไปในสระ มิทราบว่าท่านมีความประสงค์อันใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ท่านนายพลหารู้ไม่ว่า ชาวโลกทุกวันนี้ ล้วนเมามายลุ่มหลง ราคีเต็มกาย สูญสิ้นไปซึ่งวิญญาณอันผ่องใสปราดเปรื่องแห่งนิสัยดั้งเดิม วันนี้อาตมาผลักปุถุชนผู้นี้ลงไปในสระน้ำ ความหมายก็คือ ชำระล้างราคีที่เปรอะเปื้อน "มุณีจินดา" เพื่อให้แสงที่เจิดจ้าจรัสขึ้นอีกครั้งหนึ่ง           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               เที่ยวเมืองนรก

          ครั้งที่ 2  วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2519

                      ตอนเที่ยวสระน้ำสบายใจ

                            สู่แดนต่อแดน

                   ระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอนความว่า

       มณีวาว                  เดิมสถิต                  บนสวรรค์
เกิดพลาดพลั้ง                 สู่ดินดาล                  เคล้าโคลนตม
ครั้งเห็นแจ้ง                   ปลงสังขาร               ละโสมม
ปัญญาข่ม                     จิตเปี่ยมท้น              สัจธรรม     

นายพลคุมสระ   :  เช่นนี้แล้ว กระผมจะรีบช่วยกู้เขาขึ้นมาโดยด่วน มิฉะนั้นหากนานเกินควรอาจช่วยไม่ทัน

อรหันต์จี้กง   :  เร็วเข้า ! หากว่าจมลงก้นสระก็จะเกิดความยุ่งยากมาก

นายพลคุมสระ   :  ช่วยขึ้นมาแล้วครับ แต่เขาได้หยุดการหายใจไปแล้ว มิทราบว่าท่านจะช่วยเหลือแก้ไขได้ประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เรื่องเล็ก เมื่อชะล้างราคีแล้วก็ย่อมจะฟื้นคืนชีพได้ อาตมาจะใช้พัดโบกเพียงครั้งเดียวก็จะฟื้นคืนชีพมาทันที ดูอาตมาแสดงอภินิหาร.....

นายพลคุมสระ   :  ลืมตาขึ้นทั้งสองข้างแล้ว

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ไฉนจึงผลักกระผมลงไปในสระ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ชาวโลกล้วนแต่ติดนิสัยชอบให้ผลักดัน เออ..... กรุณามากแล้วนะ เหตุผลของเจ้ายังมีอีกมากมายก่ายกอง แต่อาตมาไม่มีอารมณ์ในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณต่อคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ เวลานี้กระผมมีความรู้สึกสดชื่นสบายทั่วร่างกาย ผู้ที่แต่งกายแบบนายพลคือผู้ใด ?. 

อรหันต์จี้กง   :  ท่านผู้นี้คือนายพลผู้คุมสระ มีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำนี้  ผู้ที่มิได้รับคำสั่งจะลงไปอาบไม่ได้ สระน้ำนี้คือ บ่อน้ำทิพย์  นอกจากเทวดาสามแดนลงสรงได้แล้ว บุคคลอื่น ๆ ล้วนห้ามลงอาบ วันนี้เจ้ามีบุญแล้วนะ

นายพลคุมสระ   :  วันนี้ท่านอาจารย์พาปุถุชนผู้นี้มายังที่นี้มิทราบว่ามีธุระปะปังประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ในเมืองไถ่ตง แห่งโลกมนุษย์ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก"  ให้ฉันพาหยางเซิงผู้นี้มาท่องยมโลก เพราะเหตุยังไม่สิ้นกลิ่นไอแห่งปุถุชนยากแก่การมองทะลุปรุโปร่งในเมืองนรก ก็เลยพามาชะล้างในนัยน์ตาในสระน้ำสบายใจ เพื่อที่สะดวกในการท่องชม

นายพลคุมสระ   :  ขอประทานโทษ !  ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง

อรหันต์จี้กง   :  เวลาไม่ค่อยมี เราศิษย์อาจารย์จะรีบไปท่องเมืองนรก ลาก่อนท่านนายพล  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  ขณะนี้เราจะไปทางใดครับ ท่านอาจารย์ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องถาม เมื่อถึงที่แล้วจะรู้เอง รีบปิดตาทั้งสองข้าง.....ลืมได้แล้ว ลงจากดอกบัวได้

หยางเซิง   :  ถนนสายนี้ทำไมไม่ราดยางมะตอย พายุทรายฟุ้งเต็มท้องฟ้า ทำให้เดินกะโผลกกะเผลก

อรหันต์จี้กง   :  นี้แหละคือ แดนต่อแดนระหว่างมนุษย์กับผี

หยางเซิง   :  โอ้โฮ !!  ทางโน้นมีคนมาเยอะแยะ ล้วนแต่ร้องห่มร้องไห้กระจองอแง !

อรหันต์จี้กง   :  นั่นคือวิญญาณของคนที่ตายแล้ว เพิ่งมาถึงเมืองนรก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีหอสูง มีตัวอักษรว่า "แดนต่อแดนระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก"  ที่นี้เป็นแห่งหนตำบลใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละคือ แดนต่อแดนแห่งมนุษย์โลกกับยมโลก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีตึกแถวสองตึก เราไปเยี่ยมชมกันเถิด

อรหันต์จี้กง  :   ได้ รีบไปกัน

หยางเซิง   :  ตึกเหล่านี้ล้วนเขียนว่า "กรมทะเบียน"  แบ่งเป็นแผนกที่ 1  ที่  2  ประมาณสิบกว่าห้อง

อรหันต์จี้กง   :  เราไปสังสรรค์เยี่ยมชมเถิด

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับคุณหยางเซิง ผู้ทรงเอก แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง จากเมืองไถ่ตงที่มาเยี่ยมเยือน ในวันที่ 15 เดือน 8 ได้รับพระบรมราชโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ทราบว่าสำนักท่านจะแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  และจะมาสำรวจเที่ยวชมให้ละเอียด

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเวลาหมดลงแล้ว วันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมกันใหม่

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ได้ครับ เชิญขอรับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง เราเตรียมกลับสำนักเถิด  ออกไปขึ้นดอกบัว  ปิดตาทั้งสองข้าง   

หยางเซิง   :  ขอรับ  กระผม.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว   หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                     เที่ยวเมืองนรก

                 ครั้งที่ 3  วันพฤหัสบดีที่  16  กันยายน  พ.ศ. 2519

                   ตอน ท่องแดนต่อแดนระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก

                             เยี่ยมชมหอทะเบียนเมืองนรก 

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน  ความว่า 

        พุทธนที                ไร้คลื่น                  ผงธุลี
ตัดราคี                          ทางสวรรค์             ที่จิตไซร้
วันเวลา                         ดั่งจรวด                เคลื่อนผ่านไป
วุ่นวายใจ                       หกทางเกิด            แสนอนาจหนอ

อรหันต์จี้กง   :  เตรียมตัวไปท่องนกกันเถอะ

หยางเซิง    :  ขอรับบัญชา  กระผมขึ้นนั่งบนดอกบัวและได้ปิดตาแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เริ่มเดินทางได้..... เอาละ ลงจากดอกบัวเถิด

หยางเซิง   :  ไฉนทางนี้จึงมีฝูงชนเดินกันขวักไขว่ ล้วนเป็นชาวโลก พวกเขามาที่นี่เพื่อทำการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี้คือ แดนติดต่อระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก ชนเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณหลุดลอยมา กำลังจะไปรายงานตัวต่อยมโลก อย่าถามอะไรให้มากเรื่องเลย อาตมาจะพาเจ้าไปกรมทะเบียน (อธิบดี)  เจ้ามีปัญหาสงสัยอันใดก็ถามได้เลย โดยไม่ต้องเกรงใจ

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ขอน้อมต้อนรับท่านอาจารย์กับคุณหยางเซิง เชิญข้างใน วันก่อนนี้บกพร่องในการต้อนรับ ต้องขอประทานอภัยด้วย เชิญนั่งขอรับ เนื่องจากวันก่อนนั้นเวลาจำกัด จึงไม่สามารถแจ้งหน้าที่การงานหอนี้ให้ทราบได้ มิทราบว่าท่านหยางเซิงจะมีปัญหาข้อสงสัยอันใด ?.

หยางเซิง   :  ขอทราบว่า "แดนต่อแดนมนุษย์โลกกับยมโลก" เป็นสถานที่เช่นใด ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  "แดนต่อแดนมนุษยโลกกับยมโลก" สถานที่ ที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางของมนุษยโลกกับยมโลก ค่อนข้างจะใกล้เขตยมโลก  เมื่อผู้คนในมนุษยโลกตายลง จะต้องผ่านเข้ามาทางนี้แจ้งต่อกรมทะเบียน  เพื่อเปลี่ยนแปลงทะเบียนจากมนุษยโลกเข้าไว้ที่นี่ เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ได้สร้างบุญกุศล ก็จะมีกุศลเทพนำพาเข้าไปเยี่ยมชมเมืองนรก  หากเป็นผู้ไร้บุญกุศลก็มีภูตผี "ขาวดำ"  สองตนคุมตัวส่งเข้าไปในประตูผี มอบให้ขุที่หนึ่งชำระโทษต่อไป

หยางเซิง   :  คนในมนุษย์โลกที่แท้ มีทะเบียนบ้านกี่แห่ง ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  คน ๆ หนึ่งมีสามทะเบียน
"ทะเบียนเดิม"    อยู่บนสวรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมถือปฏิสนธิแห่งวิญญาณเดิม  นับได้ว่าเป็นทะเบียนแท้   
"ทะเบียนฝาก"   ปรากฏอยู่ในมนุษยโลก
"ทะเบียนแยก"   เก็บไว้ในแดนนรก

        ฉะนั้น เมื่อคนตายลงแล้ว  ผู้ที่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้บุญกุศลก็ถือว่าสู่นรก จึงไม่ใช่ว่าขึ้นสวรรค์  แดนนรกนั้นก็คือคุกตะรางของมนุษยโลก เป็นสถานที่ลงโทษทัณฑ์ผู้มีความผิด ซึ่งไม่ใช่บ้านเดิมของชาวโลก เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนต้องประพฤติธรรมบำเพ็ญศีล เพื่อมุ่งที่จะกลับคืนสู่สวรรค์บ้านเมืองเดิมของตน

หยางเซิง   :  คนในเมืองมนุษย์ตายลง มักจะเห็นว่าลูกหลานของผู้ตาย เผากระดาษเงินกระดาษทองที่ปลายเท้าผู้ตาย มีความหมายประการใด ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  เมื่อวิญญาณของผู้คนหลุดพ้นออกจากร่างกาย ในขณะนั้น คล้ายกับละเมอเพ้อฝัน เวิ้งว้างหวิวหวือ ไม่สามารถประคองตนเอง แม้ว่าจะมียมทูตนำทาง แต่ทายาททางแดนมนุษย์เกรงว่าบรรพบุรุษจะลำบากในการท่องเดินทางที่มืดมนในยมโลก  จึงได้เผากระดาษเงินกระดาษทอง เพื่อเป็นค่าเบิกทาง  จุดตะเกียงส่องแสงเพื่อให้เดินได้สะดวก  นับได้ว่ามีความกตัญญูน่าสรรเสริญมาก และมีความคิดที่รอบคอบ แต่ทางนรกไม่ต้องการค่าผ่านทาง จึงผ่านไปได้เอง หากว่าตอนมีชีวิตอยู่เป็นคนใจดำอำมหิต เพียงจะอาศัยตะเกียงดวงสองดวง ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้

หยางเซิง   :  ปัจจุบันวิทยาศาสตร์เจริญมาก ระดับการครองชีพก็สูงขึ้น  บางรายเมื่อบรรพชนตายลง ลูกหลานก็ใช้กระดาษตบแต่งก่อเป็นตึกรามบ้านช่องหรือทำเป็นทีวีสี  พัดลม  รถเก๋ง  โซฟาร์  เตียงสปริงต่าง ๆ ล้วนเป็นอุปกรณ์ชั้นสูง เพื่อมอบให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับนำไปใช้สอย  มิทราบว่าของเหล่านี้นำไปใช้ในแดนนรกได้หรือไม่ ?.           

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”