ไขหลักจิตภาวะสัจธรรม
วัฏจักรมีหรือไม่
ในวัฏจักรในภาษาจีนใชคำว่า "หลุนหุย" "หลุน" คือวงล้อรถ "หุย" คือเวียนไปรอบวง ที่เห็นฟ้าเวียนไปรอบหนึ่ง เท่ากับแผ่นดิน (โลก) เวียนไปหนึ่งรอบ ฟ้าดินจึงเปรียบเสมือนโม่หิน ที่โม่เวียนไปบนฐานโม่ ดังนั้น จึงก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ และลมฝนเนื่องกัน นั่นคือวัฏจักรใหญ่ของฟ้าดิน ทุกวันคืน ตะวันเดือนจะเคลื่อนคล้อยผ่านฟากฟ้าไปหนึ่งรอบ ตะวันเดือนจะส่องแสงสว่างให้แก่พื้นโลกสลับกัน การเวียนไปที่ไม่หยุดยั้งนี้ ทำให้เกิดมีกลางวันและกลางคืนของโลก นั่นคือวัฏจักรเล็กระหว่างโลกกับตะวันเดือน พลังที่ก่อให้เกิดวัฏจักรของฟ้าดินตะวันเดือน และความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลก็คือ อิน - หยาง (อิน คือ พลานุภาพที่เป็นลบ เป็นความมืด เป็นความหนาวเย็น ๆ หยัง คือพลานุภาพที่เป็นบวก เป็นความสว่าง เป็นความร้อน) วัฏจักรของความเปลี่ยนแปลงคือ เมื่อถึงที่สุดของอินแล้ว หยังก็จะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อถึงที่สุดของหยังแล้ว อินก็จะตามมา เช่นเดียวกับสภาวะของขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ เมื่อขั้วโลกใต้อยู่ในมุม 36 องศา จะอยู่ในสภาวะชัดแจ้งไม่แฝงเร้น เป็นที่สุดของหยังหรือขั้วหยัง ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ก่อให้เกิดวัฏจักรของฟ้าดิน ฉะนั้น สรรพสิ่งทั้งหลาย ท่ามกลางฟ้าดิน ซึงอยู่ภายใต้ตะวันเดือน จึงตกอยู่ในวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น คนเราเกิดมาท่ามกล่างพลานุภาพอันสุขุมของฟ้าดิน เจริญเติบโตขึ้นด้วยคุณวิเศษแห่งพลานุภาพของตะวันเดือน ด้วยกายสังขารที่เป็นภาวะอิน แต่มีภาวะหยังค้ำชูเสริมสร้างอยู่ ไม่มีขณะใดเลยที่คนเราไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบคุม ของฟ้าและการรองรับของแผ่นดิน ไม่มีขณะใดเลยที่มิได้ตกอยู่ภายใต้แสงส่องของตะวันเดือน เช่นนี้แล้ว มีหรือที่จะพ้นจากวัฏจักรของโลกนี้ได้ ฉะนั้น ใครก็ตามที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอิน ผู้นั้นก็จะตกอยู่ในภาวะของอิน ผู้ใดที่ใฝ่ทางสว่างหยัง ผู้นั้นก็จะล่วงพ้นขึ้นสู่ภาวะหยังได้ ตะวันมีภาวะเป็นหยัง ดวงเดือนมีภาวะเป็นอิน ดวงเดือนปรากฏในเวลากลางคืนเป็นภาวะของอิน ที่สงบนิ่ง ผู้คนจึงต้องเข้าสู่ภาวะสงบนิ่งตามไป เมื่อตะวันพ้นขอบฟ้าเวลาเช้า เป็นภาวะของหยังที่เคลื่อนไหว ผู้คนจึงต้องเข้าสู่ภาวะตื่นตัวทำการทำงาน สรรพสิ่งที่ดำเนินชีวิตไปตามภาวะของฟ้าดิน จะจบสิ้นภาวะหยังเริ่มภาวะอิน คือเวียนไปสู่ความเป็นผีในความมืด หรือจะจบสิ้นจากภาวะอินเริ่มภาวะหยัง คือเวียนมาเกิดเป็นคนใหม่ในโลกมนุษย์ ความแยบยลของเหตุและผล ที่ทวีขึ้นหรือลดน้อยลงของพลังลบของอินหรือพลังบวกของหยัง เป็นสัจธรรมของวัฏจักรของฟ้าดิน และตะวันเดือน วัฏจักรชองชีวิตมีการเกิดหกช่องทางคือ เทพเทวา มนุษย์ อสูร เปรต เดรัจฉาน และผีนรก มีรูปกำนเิดของการเกิดสี่เหล่าคือเกิดเป็นตัวตน เกิดเป็นฟองไข่ เกิดในน้ำ และเกิดในที่อับชื้น เกิดเป็นคน มีร่ำรวยสูงศักดิ์ และยากจนต่ำต้อย เมื่อรวยถึงที่สุด ความจนจะเกิด เมื่อจนถึงที่สุด ความรวยจะเกิด เมื่อสูงศักดิ์ถึงที่สุด ความต่ำต้อยจะเกิด เมื่อต่ำต้อยถึงที่สุดความสูงศักดิ์จะเกิด สรรพสิ่งที่ถึงที่สุดของภาวะนั้น ๆ แล้ว จะแปรเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม คนเมื่อถึงที่สุดแล้ว ก็แปรเปลี่ยนเป็นสรรพสัตว์ สรรพสัตว์ก็แปรเปลี่ยนเป็นคน ชีวิตที่เกิดจากฟองไข่ ก็จะแปรเปลี่ยนไปเกิดเป็นแมลง ในที่อับชื้น ชีวิตที่เกิดจากที่อับชื้น ก็จะแปรเปลี่ยนไปเกิดเป็นชีวิตที่เกิดจากฟองไข่ วนเวียนจากเกิดเป็นตาย ตายแล้วเกิดในวัฏจักร ซึ่งจะเป็นขอบวงกว้างบ้างเล็กบ้าง ดีบ้างชั่วบ้าง คนบ้างสัตว์บ้าง เทพเทวาบ้าง ผีบ้าง อุปม่ดั่งเข็มนาฬิกาที่เวียนไปเรื่อย ๆ วัฏจักรนี้จึงเป็นหนทางกลที่ลวงให้หลงวกวน ซึ้งแม้ชายชาตรีวีรชนก็ไม่อาจตีฝ่ากรอบกรงนี้ออกไปได้ ดั่งตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ที่ว่า
" อ่านจนวัชร ฯ คัมภีร์ขาดวิ่น
ภาวนาสิ้นมหาเมตตา ฯ สูตร
ปลูกแตงผลที่ได้ยังคงเป็นแตง
ปลูกถั่วก็ได้ถั่ว
แม้มิได้รับรู้จุดนั้นจากพระวิสุทธิอาจารย์
ตราบนานเท่านานยังคงเวียนว่ายต่อไป