collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 30952 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

พระอาจารย์ ฯ  :  มิต้องคารวะ ขอจงพุทธสำราญ เซียนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่างทำงานของท่านไปอย่าได้รบกวนงานรับผิดชอบของท่าน ด้วยการมาเยือนของเราเลยเราอาจารย์กับศิษย์มีเทวมาตย์นำชมแล้ว ด้วยสนองงานพระโองการอยู่ไม่มีเวลาสนทนากับท่านได้ ขออภัยจริง ๆ

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน เธอดูนี่เป็นสมุดบันทึก "เงาใจ" ของผู้บำเพ็ญในทุกศาสนาทั่วโลกเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าเป็นศิษย์สาวกในศาสนาใด ที่นี่จะมีความบันทึกเป็นไปในการบำเพ็ญของผู้นั้น เพียงแต่บำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรม และรู้แจ้งหนทางตรง ครั้งมีชีวิตก็ปฏิบัติมนุษย์ธรรมถูกต้อง เหล่านี้ล้วนจัดอยู่ใน "บัญชีญาณสมบูรณ์"  แต่หากผู้บำเพ็ญใดยังมีจิตใจบกพร่อง เช่น ผยองตน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีทิฐิแบ่งแยก เหล่านี้ แต่ละหน่วยปกครองที่นี่ก็จะจำแนกผู้นั้นไปตามเหตุและผลของกรรมในสามชาติ ตามศาสนาที่ผู้นั้นยึดถือพร้อมทั้งแนวทางดำเนินชีวิต แล้วจัดการทดสอบ เสริมส่ง ชักนำหรือฉุดจูง จากเหตุและผลนั้น ๆ  รวมความก็คือเพื่อให้จิตใจของผู้นั้นรู้แจ้งอย่างแท้จริงในภาวะเดิมอันสมบูรณ์ของตน เนื่องจากเหตุและผลแห่งกรรมของแต่ละคนในอดีตชาติต่างกัน สภาพที่ประสบจึงต่างกันช่วงเวลาบรรลุแจ้งจะเร็วขึ้น ด้วยการ "ปลูกเนื้อนาบุญ ผูกบุญสัมพันธ์ สร้างกุศลจิตกุศลกรรม ในทางตรงกันข้าม คือเนิ่นนานช้าลง เพราะเหตุสร้างกรรมชั่วบาปเวรหรือละทิ้งจิตใจที่ใฝ่ธรรม จึงขอเตือนชาวโลกผู้บำเพ็ญ อย่าได้มีความคิดว่าจะเล็ดลอดไปพ้น "ภัยพิบัติและวาสนาไม่มีประตู อยู่ที่ตนต่างหาช่องทาง" เบื้องบนธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมโดยแท้  เหตุและผลกรรมจะถูกบันทึกอย่างซื่อตรงตามการกระทำของผู้นั้น  แม้ว่า พระอนุตตรธรรมมารดาจะโปรดเมตตาจะช่วยญาณเดิมกลับคืนไปให้ได้ แต่ยังคงต้องให้เป็นไปตามเหตุและผลแห่งกรรมของผู้นั้น แล้วตามด้วยการจัดวางชี้นำเท่านั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณท่านเทวมาตย์ ที่ไขความลับฟ้าเพื่อสาธุชน บัดนี้เป็นโอกาสที่เบื้องบนโปรดสามโลกเพื่อเก็บงานอย่างกว้างขวาง จึงได้สดับข่าวดีจากสวรรค์ แต่การจะกลับคืนบ้านเดิมอันวิมุติ จะอาศัยพระทัยเมตตาจากฟ้ามาฉุดช่วยทั้งหมดไม่ได้ จะต้องอาศัยตนเองฝึกฝนจริงเป็นหลัก ถอนรากโคลนเหตุผลกรรมในอดีตชาติ หมั่นสร้างบุญทานคุณความดีผูกบุญสัมพันธ์กับธรรมะให้มั่นคง เช่นนี้ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" จึงจะจัดเตรียมให้เหล่าเวไนย ฯ ได้พบพระวิสุทธิอาจารย์ และถึงบุญวาระรู้แจ้งในเร็ววัน

พระอาจารย์ ฯ  :  สัทธรรมไม่เข้าข้างใคร คุณงามมีไว้ก็ได้ส่งหนุน  ตั้งแต่โบราณจนบัดนี้ สัจธรรมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาสภาวะ เพียงแต่วิธีฉุดช่วยกล่อมเกลาสอดคล้องไปตามการอันควร จึงมีคำกล่าวว่า "เวลาเคลื่อนย้าย ทางธรรมเปลี่ยนไปจะไม่ทอดถ่าย แม้มิใช่บุคคลอันควร" หวังว่าชาวโลกผู้บำเพ็ญ อย่าได้ชอนเข้าปลายเขาควาย  อย่าได้เปรียบเทียบสูงต่ำ ก่อเรื่องผิดใจ นินทาว่าร้าย แต่จะต้องตั้งใจเจาะลึก เข้าสู่เนื้อแท้อันเป็นหัวใจของจิตญาณซึ่งอยู่ในชั้นในสุด ของประตูธรรม ดังคำกล่าวว่า "อนุตตรสัทธรรมอันล้ำลึก ใคร่สำนึกความหมายในตถตา" นี่คือสัทธรรมที่ผู้บำเพ็ญควรรู้แจ้งอย่างยิ่งโดยแท้

อู้เอวี๋ยน  :  เอ๊ะ บนผนังมีโคลงกลอนแขวนอยู่หลายผืนเขียนตัวบรรจงเรียบร้อย ไม่ทราบผู้น้อยจะขออ่านและบันทึกลงในหนังสือได้หรือไม่ขอรับ

เทวมาตย์  :  โคลงกลอนบนผนัง เป็นปริศนาว่าด้วยชะตาฟ้าในยุคนี้ หากมิใช่เป็นผู้สนองพระโองการฟ้ามาเยือน เราจะมิให้ได้พบเห็น อาศัยพุทธสัมพันธ์ในคืนนี้ อนุญาตให้กลอนปริศนาแพร่หลายสู่โลกมนุษย์พร้อมกับหนังสือบันทึกท่องพุทธาลัยได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

อู้เอวี๋ยน  :  บทกลอนที่อยู่ทางซ้ายเขียนไว้ว่า ประมาณความหมายตามตัวอักษรคือ :
                  1. ตาชั่งมังกรล้นหลามสามธารก็แปรผัน
                  2. คนไม่ผิดสันดานจะไม่เลยผ่านเรือเมตตา
                  3. ขุนพลสวมหมวกยศ โกรธแค้นแล่นถลา
                  4. พบกันชั่วยามระกา ปากทวารมีสองลูกปืน

            ประมาณความหมายในปริศนาธรรมคือ :
1. เมื่อกระแสพุทธะล้นหลากออกจากจิต ใจที่กระเจิงกับอดีต ปัจจุบัน  อนาคต (สามสายธาร) ก็เปลี่ยนไปเป็นสัมมาปัญญาสายเดียว
2. ผุ้ใดไม่หลงผิดคิดชั่วร้าย จะไม่เลยผ่านเรือเมตตาที่เบื้องบนส่งมารับ
3. ยุคนี้ภัยพิบัติและหมู่มารกำลังสังหารตามล่า
4. ได้พบวิถีธรรมใกล้ค่ำแล้ว ซึ่งจิตของตนยังเป็นอินกับหยาง มืดสว่างไปตามอารมณ์เหมือนสองลูกปืนยิงตัวเอง

        ปริศนาที่ค้นพบในตัวอักษรคือ :  พระพุทธะ (ขณะมีชีวิต) พระอาจารย์  ถัดไปมีหมายเหตุกำกับว่า  "คำกลอนแฝงความนัย ปกครองธรรมจักกรวาลหมื่นแปดร้อยปี "  ผนังข้างขวาก็มีกลอนอีกหลายผืน ความว่า

พระฯ  กงฉัง ง้างศรหนึ่ง ถึงสามโลก      ( นิ้วหนึ่งของพระอาจารย์ชี้ตลอดถึงสามโลก )
พระ ฯ อัคคี  ปลอดจรัส  แดนศักดิ์สิทธิ์   ( พระภาคก่อนของพระอาจารย์ืพระอัคคี )
หยกเม็ดงาม  ใครถามหา  ค่าควรคิด      ( จุดญาณทวารอันประมาณค่าบ่มิได้ )
ใครชมชิด  ซื้อหาไว้  ไม่หลงทาง         ( ใครรับไว้ได้หลุดพ้น )
คันเอย  ศรแกร่ง  ธนูยาว                   ( งานใหญ่ภาระหนัก )
"เรียบ"  เอา  ใจกลาง  ฐานรุ่งเรือง        ( เสมอภาค  สัจจะวิริยะ  เจริญไกล )
ดวงกลม  ส่องโลก  หยกร้อยจูง           ( เป็นดวงอาทิตย์ส่องโลก  โน้มนำความดีเหมือนหยกร้อยไว้เป็นสาย )
คนสูง  ละกาม  ไม่หยามตน               ( คนที่เป็นพุทะะย่อมละกาม ไม่ทำร้ายตนเอง )

        ปริศนาที่ค้นพบในตัวอักษรคือ จาง - กวง - ปี้ - พุทธะ (พระนามพระภาคหลังของพระพุทธจี้กง พระอาจารย์ ) ข้าง ๆ ก็หมายเหตุไว้อีกว่า "คำกลอนแฝงความนัย หมายถึงพระวิสุทธิอาจารย์ในโลก"  อักษรในคำกลอนแบบลึกซึ้ง อู้เอวี๋ยนเกิดมาปัญญาทึบ เข้าไม่ถึงความนัย ขอท่านเทวมาตย์ได้โปรดเมตตาชี้แจง

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน ถ่อมตัวนัก บทกลอนที่แขวนไว้ข้างผนังซ้ายขวา ล้วนเผยความลับฟ้า และพระวิสุทธิอาจารย์ เชื่อว่าผู้ได้รับวิถีธรรมจริงแล้ว จะกระจ่างได้หากเอาใจใส่พิจารณา  ประจักษ์หลักฐานในวันนี้ เพียงเพื่อให้ผู้บำเพ็ญได้เข้าใจว่า การได้พบพระวิสุทธิอาจารย์เป็นโชคดีถึงสามชาติ ทั้งอดีตได้บำเพ็ญมา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์โง่เก็บคำถามข้อหนึ่งในใจมานาน ไม่ทราบจะขอคำชี้แจงได้หรือไม่ขอรับพระอาจารย์

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์เมธี หนังสือบันทึกการท่องเที่ยวนี้ เพื่อแก้ข้อข้องใจ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญเร่งคืนสู่สัจธรรม มีข้อสงสัยถามได้เลย

อู้เอวี๋ยน  :  เรียนถามท่านเทวมาตย์ เหตุใดในสถานเตรียมการแห่งนี้ เห็นมีแต่เจ้าหน้าที่เซียนที่สรวมใส่เครื่องแต่งกายแบบจีนโบราณทั้งนั้น ศิษย์เคยเห็นในหนังสือบุญอื่น ๆ เทวดานางฟ้าชาวสวรรค์ที่วาดไว้ไม่ใช่แบบนี้ ใช่หรือไม่ว่ามนุษย์ไม่ว่ายุคสมัยบ้านเมืองใด เมื่อได้บรรลุมรรคผลแล้ว ล้วนแต่จะสวมเครื่องแต่งกายลักษณะนี้ หรือเป็นกำหนดของเบื้องบน

เทวมาตย์  :  ฮะฮ่า  อู้เอวี๋ยน ถามได้แยบคาย เชื่อว่ายังมีคนไม่เข้าใจเรื่องนี้อีกมาก เราจะถือโอกาสแก้ข้อสงสัย ในคัมภีร์กล่าวไว้ "ธรรมารมณ์เกิดแต่จิต สภาวะดับด้วยจิต" หรือ "รูปเปลี่ยนไปตามจิต สภาวะเปลี่ยนไปตามจิต"  อู้เอวี๋ยน เจ้าได้รับผลสะท้อนจากความทรงจำ เจ้าเคยเห็นมาก่อนแล้วได้ปลูกฝังรูปลักษณ์ของเทพเทวาไว้ในจิตสำนึกมาแล้ว รูปลักษณ์จึงเป็นไปตามจิตปรากฏเป็นลักษณะจีนโบราณ  หนังสือบุญที่วาดภาพไว้แต่ไรมา ก็ได้รับผลสะท้อนมาอย่างนี้เหมือนกันเจ้าเคยดูผลงานของดังเต้ใช่ไหม ทำไม จอตรกรรม วรรณกรรม ของชาวตะวันตก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงฉลองพระองค์ในรูปแบบของชาวตะวันตก แท้จริงก็คือความรู้สึกที่เกิดแบ่งแยกในใจของเขาเอง ด้วยทิฐิยึดมั่น ต่างได้หลงผิด ยึดติด "รูปลักษณ์" ไปโดยไม่รู้ตัว ธรรมะเป็นอสังขตะไร้ณุปลักษณ์ แต่เกิดรูปลักษณ์ต่าง ๆ สนองรับเหตุปัจจัยนั้น ๆ ได้ เทพเทวาพระพุทธาทั้งหลาย จึงไม่เคยเจาะจงแก้ไขทัศนคติของผู้ใด  ธรรมะมิใช่คำพูด ทุกแนวทางการบำเพ็ญจะบรรยายแต่พอเหมาะเพื่อหวังผลฉุดช่วยแปรเปลี่ยนผู้คนเท่านั้น อู้เอวี๋ยน จึงอย่าได้เข้าใจผิดเป็นอันขาดว่าเจ้าหน้าที่เซียนใน "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" ล้วนเป็นชาวจีน จิตญาณไม่ได้แบ่งแยกชนชาติกาลเวลา จิตญาณเบาใสที่บรรลุสู่ภาวะหนึ่งได้ กายทิพย์จะเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่จิตกำหนดตามความเหมาะสม  อู้เอวี๋ยน เจ้าคงเคยได้ยินว่าพระพุทธะมีสามกาย (ตรีจีวร) หากเข้าใจความแยบยลของธรรมกาย สัมโภคกาย  และนิรมานกาย แล้ว ก็จะเข้าใจความเป็นจริงในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณพระเทวมาตย์ที่ได้ไขข้อกังขา แท้จริงเป็นเพราะตนเอง นัยน์ตาอารมณ์ติดรูปลักาณ์ ภาวะจิตยังไม่กลมกลืน จึงได้กราบเรียนถามคำถามโง่ ๆ น่าขันเช่นนี้ อับอายยิ่งนัก ละอายใจ ละอายใจ

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์รัก อย่าได้ตำหนิตนเองเลย ความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่เรียนไม่ถามต่างหากที่น่าอาย  ท่านขงจื้อกล่าวว่า "สิ้งที่รู้คือสิ่งที่รู้ สิ้งที่ไม่รู้คือสิ่งที่ไม่รู้อันเป็นความรู้" ชาวโลกมักจะรู้ครึ่งไม่รู้ครึ่ง แล้วอวดีตีฝีปากหลอกตัวเอง หลอกผู้อื่น  บำเพ็ญธรรมไม่ใช่บำเพ็ญ "งามหน้า" แต่อยู่ที่การรับผิดชอบอย่างซื่อสัตย์ที่ตนมีต่อตนเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

เทวมาตย์  :  พระโอวาทพระบรรพพุทธาแน่แท้นัก คนบำเพ็ญในยุคนี้ ผิดด้วยเรื่องยังไม่ประจักษ์แต่มักแอบอ้างกันมาก หวังว่าเมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้ว จะได้สำนึกแก้ไขเด็ดขาด ให้ใฝ่หาความเป็นจริงจากสัจจะ อนุตตรธรรมอย่างแท้จริง อย่าได้พูดตามกัน หรือชอบวิจารณ์อันเป็นการสร้างกรรมปาก

พระอาจารย์ ฯ  :  คืนนี้มาเยือนสถานที่ของท่าน เป้นพระมหากรุณาธิคุณ เบื้องบนทรงโปรดโดยแท้ ขอท่านเทวมาตย์ ได้โปรดอธิบายความหมายของการ "เก็บงาน" (โซวเอวี๋ยน) โดยละเอียด เพื่อบันทึกในหนังสือท่องพุทธาลัยเอาไว้เตือนใจชาวโลกด้วย

เทวมาตย์  :  น้อมรับพระบัญชาพระบรรพพุทธา ข้าพเจ้าจะแนะนำโดยละเอียดเท่าที่รู้ เพื่อชักนำจิตใจชาวโลกผู้บำเพ็ญ ในคัมภีร์อิ้งเจี๋ยจิง จารึกไว้ว่า "เมื่อโลกเบิกฟ้าสว่างแจ้ง ก็ได้กำหนอดทศพุทธ (พระพุทธเจ้าสิบพระองค์) ปกครองแพร่คำสอน (พระพุทธเจ้าเจ็ดพระองค์แรกทรงทำหน้าที่ปกครองพัฒนาจิตใจชาวโลก สามพระองค์สุดท้ายเก็บงานเก็บธรรมญาณ ที่บำเพ็ญสมบูรณ์แล้ว)  ก่อนกำเนิดโลก ในจักรวาลปรากฏธาตุคละเคล้าเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น ไม่มีชื่อ ต่อมา ธาตุคละเคล้านั้นก็กระจายแยกตัวออกจากกัน เริ่มมีฟ้าดินอย่างชัดเจน (กำเนิดกาลของโลกแต่ระยะ อาศัยสอบสองนักษัตรเป็นเครื่องหมายในการนับ) เริ่มกำหนดกาลชวด  บรรยายกาศภายนอกที่ห่อหุ้มธาตุธาตุคละเคล้ากลุ่มใหญ่นั้นเริ่มกระจายเรียกว่า " เบิกฟ้า "  กำหนดกาลที่สองคือฉลู เริ่มพื้นฐานความมั่นคงของ " แผ่นดิน "  กำหนดกาลที่สามคือขาล เป็นกาล " กำเนิดมนุษย์ "  คนเดิมจึงได้ลงมาในโลก ปลูกฝังรากฐาฯมนุษย์ชาติ  ครั้งนั้น มนุษย์เป็นเพียงสัตว์โลกชาวป่าโง่เขลาไม่แตกต่างจากสัตว์ ไม่อาจปกครองโลก มีคนจึงเหมือนไม่มีคน โลกจึงไม่เป็นโลก จนกระทั้ง กำหนดกาลที่สี่คือ เถาะ เบื้องบนจึงส่งพุทธบุตรลงมาปกครองโลก 

- ปฐมพุทธา   ลงมาเกิด ณ ทิศใต้ พระนามว่า " ซื่อไ้อ้ฝอ " ปกครองธรรมกาล อยู่ หกพันปี   
- ทุติยพุทธา  ลงมาเกิด ณ ทิศเหนือ พระนามว่า " เซิงอวี้จื่อ " ปกครองธรรมกาล อยู่ สี่พันแปดร้อยปี
- ตติยพุทธา  ลงมาเกิด ณ ทิศตะวันออก พระนามว่า " เจี่ยซันซุน " ปกครองธรรมกาล อยู่ สามพันเจ็ดร้อยยี่สิบปี
- จตุตถพุทธา ลงมาเกิด ณ ทิศตะวันตก พระนามว่า " อิ่วฉังเกิง " ปกครองธรรมกาล อยู่ เจ็ดพันแปดสิบปี
- เบ็ญจพุทธา ลงมาเกิด ณ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พระนามว่า " คงกู่เสิน " ปกครองธรรมกาล อยู่ ห้าพันสองร้อยแปดสิบสี่ปี
- ฉัฐพุทธา ลงมาเกิด ณ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ พระนามว่า " หลงเอี่ยซื่อ "  ปกครองธรรมกาล อยู่ ห้าพันห้าร้อยสิบหก
- สัตมพุทธะ ลงมาเกิด ณ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พระนามว่า " จี้เทียนฝอ " ปกครองธรรมกาล อยุ่ ห้าพันแปดร้อยปี

        หลังจากเจ็ดพระพุทธาแล้ว สามพระพุทธามาเก็บงาน  พุทธาลัย แห่งนี้ก็ได้กำเนิดขึ้นสนองรับกำหนดกาล

- พระทีปังกรพุทธเจ้า  อัฐมพระพุทธาสนองวาระใน "ธรรมกาลยุคเขียว" เป็น "ธรรมกาลแรก" ที่เริ่มเก็บงาน เปิดงานชุมนุมพระอริยะ โบกขรณี ปกครองธรรมกาลอยู่ หนึ่งพันห้าร้อยปี
- พระศากยะพุทธเจ้า  นว-มพระพุทธา สนองวาระใน "ธรรมกาลยุคแดง" เก็บงานในธรรมกาลที่สอง เปิดงานชุมนุมพระอริยะ คิชฌกูฏ  ปกครองธรรมกาล อยู่ สามพันปี
- พระเมตเตยยะพุทธเจ้า ทศ-มพระพุทธา สนองวาระใน "ธรรมกาลยุคขาว " เก็บงานในธรรมกาลที่สาม เปิดชุมนุมพระอริยะนาคะประทีป (นาคะภัทระหลงฮว๋า) ปกครองธรรมกาล อยู่ หนึ่งหมื่นแปดร้อยปี

        เมื่อถึงกำหนดกาลมะแม ก็สิ้นสุดวาระการปกครองโลกครบถ้วน  กำหนดกาลวอก เก็บญาณเดิมคืนไป  กำหนดกาลระกา มนุษย์โลกคืนสู่ความว่างเปล่า  กำหนดกาลจอ เทวโลกคืนสู่ความว่างเปล่า  จนถึงกำหนดกาลกุน  โลกจักรวาลกลับคืนสภาพเป็นธาตูคละเคล้าอลวน  ครบรอบกำหนดโคจรในหนึ่งธรรมกา (  หนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยปี )  ขณะนี้ เป็นกำหนดกาลมะเมีย คาบเกี่ยวกับมะแม พระศากยะนวพระพุทธาเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว วิถีธรรมสุดท้ายกำลังถ่ายทอดสู่ชาวโลก ด้วยเหตุที่ชาวโลกมิได้รับสัทธรรมนำพา อีกทั้งใจคนเสื่อมทรามลงทุกวัน คุณธรรมสูญสิ้นปรากฏความวุ่นวายให้เห็นมาช้านาน พุทธาลัยนี้จึงรับสนองพระโองการเบื้องบน เหล่าเทพพรหมก็ขะมักเขม้น วุ่นกันทั้งวันทั้งคืน เพื่อเตรียมงานที่ทศ-มพุทธาพระเมตเตยยะจะเสวยอายุกัปล์ในกำหนดกาลสุดท้ายนี้อันเป็นการลุล่วงพระภาระอันศักดิ์สิทธิ์ ในการปกครองโลกเสร็จสิ้นแล้ว ตามกำหนดครบถ้วนสิบพระพุทธาบริบูรณ์  ฉะนั้น เทพเทวาประจำดวงดาว จึงต่างลงมาเกิดกายในโลก พระพุทธะ เซียนทั้งหลาย ก้เยี่ยมเยือนชาวโลกด้วยพระองค์เอง ทั้งหมดก็เพื่องานใหญ่พระศรีอาริย์เก็บงานสามโลกในครั้งสุดท้ายนี้  จึงหวังว่าชาวโลกจะเข้าใจกำหนดกาล  กำหนดกาลนี้ นอกจากจะสืบทอดไฟธูปของพระบรรพจารย์แต่ละสมัยต่อไป ยังจะต้องถ่ายทอดเสียงสวรรค์ เพื่อให้พี่น้องร่วมพระแม่องค์ธรรมในโลกได้ร่วมรับพระมหากรุณาธิคุณจากเบื้องบน มุ่งสู่งานใหญ่นาคะประทีป (หลงฮว๋า)  ( นี้ก็คือความหมายอันศักดิ์สืทธิ์สูงส่งของการบุกเบิกแพร่ธรรม )

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณพระเทวมาตย์ที่ได้โปรดชี้แนะ สำหรับความหมายของการ " เก็บงาน " ศิษย์โง่ยังคงเลอะเลือน เข้าใจไม่ชัดเจน หวังว่าจะได้โปรดอธิบายเพิ่มเติม

เทวมาตย์  :  สาธุ อู้เอวี๋ยนถามปัญหาได้เหมาะแท้ ในเมื่อเราได้รับสนองพระโองการให้เป็นผู้ไขปัญหาก็จะต้องอธิบายให้เข้าใจ  " เก็บงาน " ก็คือทำให้ทุกอย่างบรรลุสู่ภาวะจริงแท้ดีงามสมบูรณ์กลมกลืน  ธรรมกาลนี้เบื้องบนกำหนดสิบพระพุทธาแพร่ธรรมคำสอน โดย เจ็ดพระพุทธาปกครองพัฒนาจิตใจชาวโลกสามพระพุทธาเก็บงาน เป็นความครบถ้วนสมบูรณ์ของหนึ่งธรรมกาลที่ดำเนินไปตามกำหนดกาลของฟ้า จึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่พระศรีอาริย์จะเก็บงานครั้งสุดท้าย อีกประการหนึ่ง การเก็บงานก็คือรวมการแบ่งแยกให้เป็นเอกภาพ (ประทับลัญจกรเหอถง)
- แปรเปลี่ยนความโหดร้ายให้เป็นสมานฉันท์  แปรความสับสนวุ่นวายให้สงบสุข
- แปรความทุกข์ยากให้เกษมสานต์   
- แปรความจนยากขาดแคลนให้อุดมสมบูรณ์ 
- เก็บแขนงที่แยกออกเป็นหมื่นสายให้คืนสู่ความเป็นหนึ่งกำเนิดเดียวกัน
- ขจัดความลุ่มหลงให้คงเหลือแต่สัจธรรม
- ตัดมิจฉาให้สัมมาปรากฏ
- กวาดล้างคนชั่วเหลือแต่คนดี
        ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานชุมนุมโบกขรณีของพระทีปังกรพุทธเจ้า ชุมนุมคิชฌกูฏ ของพระศากยะพุทธเจ้า หรือ ชุมนุมนาคะประทีปของพระเมตเตยยะก็ตามสัจธรรมที่ถ่ายทอดล้วนเป็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่วิธีการสนองรับเหตุปัจจัยและแบบอย่างขอภาระกิจแห่งกำหนดเวลานั้นต่างกันเท่านั้น  พระพุทธาเก้าพระองค์ได้ผ่านไปแล้ว เหลือแต่พระพุทธาแห่งอนาคตกาลที่สืบต่อธาตุแท้แห่งพุทธจิตเดียวกันของพระพุทธาทั้งหลาย จะมาปรกโปรดฉุดช่วยอย่างทัวถึงและเก็บงานอันเป้นพระภาระอันยิ่งใหญ่ให้สำเร็จลุล่วงในครั้งนี้
-  สำหรับมนุษย์ชาติ การเก็บงานก็คือการแปรคนพันล้านให้เป็นคนบ้านเดียวกัน (ลัญจกรเหอถง) แปรโลกวุ่นวายไม่สงบให้เป็นเอกภาพ  แปรโลกสกปรกทุกข์ยากให้เป็นสุขาวดีแดนวิสุทธิ์ 
- สำหรับศาสนานับหมื่นพัน การเก็บงานก็คือรวมเอาสัญชาติ ภาคพื้นถิ่นอาศัย เผ่าพันธุ์ลัทธินิกาย ฯลฯ ให้สมานฉันท์
        นั่นก็คือไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างลัทธินิกาย  ศาสนา  จิตใจ  และสัจธรรม  เมื่อพระเมตเตยยะอุบัติในโลกปัจจุบันตามกำหนดกาล พระองค์ก็เท่ากับพระภาคของพระศาสดาทั้งห้านั่นเอง 
- พุทธศาสนิกชนจะเห็นว่าพระเมตเตยยะพระพุทธเจ้า
- สาวกของศาสนาเต๋า และศาสนาปราชญ์ จะเห็นว่าเป็นจอมปราชญ์เหลาจื้อ  ขงจื้อ  มาโปรดใหม่
- คริสต์ ศาสนิกชน ก็จะเชิดชูว่าเป็นพระเยซูเจ้ากลับมาอีกครั้ง
- มุสลิมทั้งหลาย ก็จะเห็นว่าเป็นพระมูฮัมมัดกลับชาติมาเกิด
        เช่นนี้ ศาสนิกชนของแต่ละศาสนาก็ยังคงรักษาภาษา แบบแผน และ วิธีการปฏิบัติเดิมทางศาสนาของตนไว้ แต่ทุกคนก็ร่วมกันยึดถือพระปณิธานและสัจธรรมของพระเมตเตยยะเป็นสรณะ 
- สำหรับสามโลก ไม่ว่า่โลกมนุษย์ เทวโลก หรือยมโลก ผู้คน  เทพเทวา และวิญญาณผี ที่ได้รับการฉุดช่วย สามารถจะได้รับอนุตตรธรมคุณบรรลุมรรคผลไปสู่งานชุมนุมพระอริยะนาคะประทีป (หลงฮว๋า) พบพระ (พระเมตเตยยะ) สดับพระธรรมเทศนาร่วมกันทั้งสิ้น
- สำหรับตัวบุคคล คนระดับยานที่สาม ในกำหนดกาลเก็บงานนี้ จะเก็บใจบาปให้เป็นใจบุญ เก็บมิจฉาทัศนะให้เป้นสัมมาทัศนะ  เก็บโมหะจริตให้เป็นจริงใจ  ให้ภาวะจิตของความเป็นคนกลมกลืนตรงต่อมนุษย์ธรรม เพียบพร้อมคุณธรรมทางโลกให้คู่ควรกับอนุตตรธรรม  คนที่รากฐานสูงส่ง จะรู้เห็นพุทธะภาวะตนจากการเก็บงาน มิได้ยึดถือทั้งรูปและว่าง ไม่ละคายชั่วไม่ยึดติดความดี ไม่กล้ำกรายมิจฉาสมาธิ และไม่ลำพองในสัมมาทิฐิ ไม่เกิดโมหะจริตและไม่ใฝ่หาความจริงใจ รู้ภาวะจิตเดิมแท้แห่งตน ณ บัดนั้น   รู้แจ้งชาตินี้และรู้แจ้งทุกชาติภพ จะไม่ลุ่มหลงอีกตลอดไป ไม่เพียงแต่จะเป็นเมล็ดพันธุ์ของธรรมจักรในธรรมกาลหน้า แต่จะเป้นในทุกธรมกาล อีกทั้งจะกอบกู้โลกให้พ้นภัย เจริญเมตตาแผ่บารมี กลมกลืนอยู่ในไตรรัตน์อย่างแท้จริงร่วมอยู่ในธรรมธาตุ บรรลุสู่ภาวะ  "เมื่อสำแดงจะครอบคลุมทุกสารทิศ  เมื่อแฝงเร้น จะสนิทมิดชิด " อันเป็นธรรมกายเช่นเดียวกับตถตา  อู้เอวี๋ยน เจ้ายังจำคำบรรยายทัศนียภาพการเก็บงานครั้งใหญ่ของฟ้าดินใน "พระโอวาทอนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ" ได้ไหม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

อู้เอวี๋ยน  :  จำได้ขอรับ ไม่ทราบเป็นท่อนนี้ใช่หรือไม่่
                           "..........             ..........             ..........
                            ..........              ..........             ..........
                           เมื่อหักล้างหนี้       ไม่มีกรรมแล้ว       ทั่วทั้งสามภพ
                           จะเริ่มกำหนด         ยุคขาวคงมั่น       ตั้งแต่นั้นมา

                         @ จะกวาดให้พ้น     คนเลวชั่วร้าย      เหลือไว้คนดี
                             แปรเปลี่ยนโลกนี้  จากทะเลทุกข์    ปลูกเป็นกุมุท
                             ให้โลกโลกีย์       เป็นแดนพุทธะ   สะอาดบริสุทธิ์
                             ให้ได้ชื่นสุข        อย่างพระพุทธะ   ระยะสี่พันปี

                        @  ห้าวันลมเย็น        สิบวันฝนฉ่ำ        นำสู่โลกเหยา
                             พุทธะอริยเจ้า       ฉุดช่วยหญิงชาย  ได้สมใจหวัง
                             พระศรีอริยะ         ประทับทิพย์อาสน์  ประกาศประทาน
                             ใครสร้างบุญบาร    แต่งตั้งมอบหมาย   เป็นไปตามบุญ

                        @  พุทธบุตรหลุดพ้น     จากทะเลทุกข์     ร่วมขึ้นฝั่งกัน
                             ลูกรักเทียนหยาน     นำพาคนเดิม       มากราบพระแม่ ฯ
                             ..........                ..........            ..........
                             ..........                ..........            ..........             

เทวมาตย์  :  ฮะฮา  ถูกต้อง   ในสัจคาถาพระศรีอริย์ก็จารึกไว้ว่า
                                 "...จอมเทพสถิตประจำดวงดาวทั่วท้องฟ้าต่างลงโลกา
                                  เซียนห้าฝ่ายทุกชั้นพร้อมกันลงจากปราสาทสวรรค์
                                  ยมบาลประจำเมืองทุกทิศร่วมตรวจสอบยืนยัน
                                  ทิพย์กุมารสื่อสาร (เป้าซื่อหลิงถง) พิจารณ์แน่ชัด
                                  ตรีเทพพิทักษ์มหาราช (ซันกวนเต้าตี้) เมตตาลงทะเบียน
- เบื้องบนได้นิรโทษโปรดสัตว์ พระพุทธเมตตา ปลดเปลื้องทุกข์ ฉุดช่วยโลก นำพระบริวารมาเปิดจิตนำญาณสาธุชน
- แปดพระมหาวัชรมาปกป้องกายธรรม
- พระโพธิสัตว์สี่พระองค์ทรงช่วยเวไนย เร่งนำสามสิบหกพระองค์จอมทัพกับบริวาร
- ห้าร้อยพระพิทักษ์ศักดิสิทธิ์เร่งติดตาม ชูช่วยพระศรีอาริย์บรรลุมหาวิถีอนุตตร ฯ คุ้มครองญาณเดิมบุตรสวรรค์ให้ศานติ   
- สัทธะพระผู้สว่าง (จิต) เป็นจอมทัพ พระพักตร์เขียวพระเกศาแดงสำแดงบุญญฤทธิ์ ยกธงดำขึ้นบดบังตะวันเืดือน เหนือศรีษะดาระดาดดวงดาวเจ็ดสีวิเศษ
- พระเดชานุภาพเป็นจอมทัพผุ้นำทางทิศเหนือ กวาดล้างหมู่มารประกาศกำลังพล ฉุดช่วยคนเดิมบุตรธิดาสวรรค์แสงอัคคีสู่ปฐพีแปรเป็นละอองดิน
- พญานาคทั้งสี่คาบสมุทร มาร่วมช่วยงานธรรม ต่างเหินเมฆมงคลทะยานฟ้า
- สิบทิศทหารฟ้าคุ้มครองพุทธบาท อารักษ์พระเมตเตยยะประสบผล...
        จากนี้จะเห็นได้ว่าการเก็บงานครั้งใหญ่ สะเทือนไปทั่วสามโลก ฉะนั้น การเก็บงานนาคะประทีป (หลงฮว๋า) ครั้งนี้ เป็นงานขั้นสุดท้ายในธรรมกาลนี้โดยแท้สายทองที่ญาณเดิมจะยึดถือกลับคืนบ้านเดิม หากจะบรรยายด้วยอักษร เกรงว่าแม้จะชุมนุมฟ้าดินจนสะเทือนเลือนลั่น ผีสางเทวดาน้ำตาตกก็ยังไม่อาจบรรยายเหตุการณ์สักหนึ่งหรือสองส่วนได้

พระอาจารย์ ฯ  :  ใช่แล้ว การ  " เก็บงาน " เป็นที่ยึดถือพึ่งพิงของเหล่าเวไนย เห็นชีวิตในทะเลทุกข์อันเวิ้งว้างของชาวโลกปัจจุบันภัยพิบัติไม่ขาดสาย ล้วนเกิดจากใจคนขาดความกลมกลืน หากจะแปรเปลี่ยนทะเลทุกข์ ให้เป้นแดนวิสุทธิ์ จะต้องอาศัยพระปณิธานที่จะกอบกู้โลกของพระเมตเตยยะพุทธเจ้าแห่งอนาคตกาลจริง ๆ

เทวมาตย์  :  สุขาวดีอันกลมกลืนสมบูรณ์อันเป็นแดนวิสุทธิ์ในโลก ใครเลยไม่ใฝ่ฝัน แต่ใครเลยที่พร้อมด้วยคุณสมบัติ ที่จะเข้าไปอยู่ในดินแดนวิเศษนั้น ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับมนุษย์เอง จะสามารถเก็บงานตัวเองให้กลมกลืนหรือไม่เสียก่อน ใครก็ตามที่ไม่อาจเก็บงาน (กลมกลืนคืนสู่สภาวะวิสุทธิ์) ของตนได้จะต้องถูกกำจัดออกไปอยู่นอกข่ายการเก็บงานใหญ่และจมปลักสู่การเวียนว่ายในชีววิถีหกตลอดไป จึงมีแต่เก็บความกลมกลืนของตน ละนิสัยอารมณ์ความเคยชินไม่ดี ปฏิบัติคุณธรรม รักษาคุณความดีในหน้าที่ มีเบญจธรรม ตรงต่อมนุษย์ธรรม ซื่อสัตย์กตัญญูไม่บกพร่อง ไม่ด้อยเมตตาธรรมความสัตย์จริงเป็นเกณฑ์ สงบเยือกเย็นและอ่อนโยน จึงจะสอดคล้องกับการเก็บงานใหญ่ของฟ้าดิน จึงจะอยู่ได้ในแดนวิสุทธิ์ ของโลกและอยู่ร่วมกับพระแม่องค์ธรรม

อู้เอวี๋ยน  :  เพียงความคิดต่างกัน ก็ก่อผลต่างกันใหญ่หลวง ถึงเพียงนี้ ผู้คนในยุคปัจจุบันแม้วิทยาศาสตร์จะเจริญไกล ชีวิตทางวัตถุจะก้าวหน้าสะดวกสบาย แต่เรื่องเกิดแก่เจ็บตายก็ยังเป้นปัญหาที่ปัญญาของมนุษย์ยังเอาชนะไม่ได้ ภัยธรรมชาติเช่น ลมมรสุม พายุฝน น้ำท่วม แห้งแล้ง ร้อนจัด กระแสลมหนาว โรคระบาด อดอยาก แผ่นดินไหว ฯลฯ ยังคงเป็นทุกข์ภัยที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่โบราณมา  โดยเฉพาะโลกของเราตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมาได้เข้าสู่"ยุคน้ำแข็ง" ลมฟ้าอากาศแปรปรวนมาก ปัญหาดาวพระเคราะห์โคจรคลาดเคลื่อน ความเปลี่ยนแปลงของจุดดับในดวงอาทิตย์เหล่านี้ล้วนนำความวิตกและคุกคามมนุษย์ชาติอย่างไม่มีทางต่อสู้ได้เลย ปัญหาการอยู่ร่วมกันของคนในสังคของมนุษย์ ที่ต้องแก่งแย่งกันเพื่อความอยุ่รอด ยิ่งปรัชญาว่าด้วยลาภยศ อรรถประโยชน์นำหน้ามา กำลังใจในคุณธรรมแตกสลาย ความทุกข์ร้อนในกายใจแสดงความรุนแรงทวีคูณขึ้น เช่น การถูกควบคุมบังคับ การแย่งชิง ประทุษร้าย คุมขัง ขับไล่ กวาดต้อนย่ำยีบีทา เข่นฆ่า จากพราก เคียดแค้น ชิงชังใส่ร้ายป้ายสี อิจฉาริษยา รังเกียจเดียดฉันท์ ยะโสโอหัง วิตกร้อนรน โลภมากฟุ้งซ่าน เคว้งคว้างเลื่อนลอย อดอยาก หนาวร้อน เจ็บป่วย แก่เฒ่า ทรุดโทรม พิกลพิการ กำพร้าว้าเหว่ ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนเป็นความทุกข์ที่มนุษย์ต้องยอมรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  กฏแห่งกรรมไม่พลาดแม้แต่น้อย ความทุกข์ต่าง ๆ ของมนุษย์สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ทั้งสิ้น เบื้องบนโปรดเมตตาสงสาร พระศรีอาริย์จึงโปรดลงเก็บงาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงลงมาเกิดกาย ถ่ายทอดวิถีธรรม ฉุดช่วยแปรเปลี่ยนโลกให้พ้นทุกข์ สังคมที่ดีงาม เกษมสานต์ สมบูรณ์ ก็คือแดนวิสุทธิ์ในโลก เป็นความหวังร่วมกันของมนุษย์ชาติทุกยุคสมัย   เรามิใช่จะไปจากโลกตรงหน้า เพื่อค้นหาแดนวิสุทธิ์แห่งอื่น  แต่จะสร้างโลกมนุษย์ให้เป้นแดนวิสุทธื์ ด้วยการแก้ไขหมอกควัญอุบาทว์ที่กระจายปกคลุมขณะนี้  แก้ไขทะเลทุกข์ไร้ของเขตในโลก เสริมสร้างคุณธรรมขึ้นมาใหม่ โดยมนุษย์เป็นผู้ชำระจิตญาณตนเอง  การที่พระศรีอาริย์เก็บงานตามกำหนดกาล เป็นเสียงสวรรค์และความหวังของมนุษย์ชาติ และเป็นศูนย์รวมที่ยึดเหนี่ยวของทุกชีวิตโดยแท้จึงหวังว่าศิษย์เมธีแห่งยุคขาว จะเข้าใจในภาระสำคัญที่ตนแบกรับกันไว้ทุกคน ซึ่งเป็นแสงสว่างเป็นที่ฝากฝังของชีวิตน้อยใหญ่  ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเป็นแบบอย่างที่ดีของความจงรักซื่อสัตย์กตัญญูเมตตา มโนธรรมสมบูรณ์สัตย์จริง เมตตาทุกขณะ จึงจะไม่ผิดต่อโอกาสที่ได้พบสัจธรรม เพื่อบรรลุปณิธาน ร่วมช่วยงานปกครองธรรมกาล  คืนนี้ค่ำแล้ว  เราขออำลาก่อนขอบคุณท่านเทวมาตย์ที่ช่วยงานบันทึกท่องเที่ยวเต็มที่และเพิ่มเติมอรรถรสล้ำค่าไว้

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์กราบขอบพระคุณท่านเทวมาตย์ ที่เมตตาชี้ชัด ขอกราบลาเพียงนี้

เทวมาตย์  :  เป็นหน้าที่ มิต้องขอบคุณ ขอน้อมส่ง

พระอาจารย ฯ   :  อู้เอวี๋ยน หลับตาขึ้นอาสน์บัว... ถึงตำหนักพระ วิญญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม ยี่สิบแปดเทพสถิตประจำดวงดาวพร้อมกัน ติดตามคืนยังเบื้องบน 
 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก       

        สองคนรวมใจ        ร่วมอยู่คู่กาย         ในพระพุทธา        (สองคนคือกายสังขารกับญาณชีวิตตน)
คุ้มครองกายา                ด้วยแปดคุณงาม    มุ่งทางธรรมะ
ดาวเคลื่อนครรลอง          ผองชีวิตได้          เติบใหญ่ดาษดะ
อยู่โลกียะ                    ไม่ประเปื้อนได้      แน่ไซร์ญาณเดิม
                                                                                                                                                    เราคือ
        พระเทพสถิตทั้งยี่สิบแปด
น้อมสนองพระแม่บัญชา              มาตำหนักพระ             ได้กราบคารวะ
พระแม่ทรงสำราญ                    จึงหันหาศิษย์               ขณะนี้มีอริยกิจ
ให้ต่างสงบ                             ครบถ้วนพุทธระเบียบ      อย่าได้เอ็ดอึง
เราจะคุ้มครองตำหนักพระ            จะไม่กล่าวมากไป
                                                                                                                                             ฮวา   ฮวา   พัก
        ภูเขาหนันซัน        อยู่ยง  คงมั่น        ดังพระชันษา ฯ      (หนันจี๋เซียน - อง)
อดกลั้นอุรา                  ใจเบาเร่าร้อน        ผ่อนพักแปดลม     (ลมโทสะทั้งแปด)
คนไม่คุมใจ                  ปล่อยให้บ้าคลั่ง     ดั่งคลื่นถาโถม
กายสงฆ์นำโน้ม             สำรวมรู้จุด            ดุจไร้เดียงสา
                                                                                                                                                   เราคือ
        พระสงฆ์วิปลาส             แห่งหนานผิง             เทียนหยานพระอาจารย์เจ้า
สนองพระโองการ                  สู่พุทธสถาน               กราบคารวะ
พระแม่ ฯ แล้ว                     หยิบหยกพู่กัน             จำนรรจ์ต่อศิษย์

        บันทึกท่องพุทธาลัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หวังไว้เป็นสำคัญ ยุคขาวสัจธรรมจะถือจะถือโอกาสบันทึกแพร่ไป ใครมีคุณงาม มีบุญสัมพันธ์ พบสิ่งล้ำค่าเทพย์คนต้องใช้ ชีวิตเลือดใจ ผนึกคำสัตย์จริง หวังผู้บำเพ็ญ พิจารณ์จงดี บันทึกคืนนี้ นาทีมาถึง อู้เอวี๋ยนสงบใจ ตามพระอาจารย์ไป ย่างขึ้นอาสน์บัว
                                                                                                                                           
                                                                                                                                                ฮา   ฮา   พัก 

        (เดิมที) หมื่นศาสนามาจากหลักธรรม กำเนิดเดียวกัน (ภายหลัง) แบ่งลัทธิฝ่าย แนวสายหลายชั้น ผันจากธรรมชาติ อนุตตรเป็นอสังขตะ ฯ อิสระว่างเปล่า สายทองเส้นเดียว เกี่ยวโยงสามโลก ตั้งแต่บรรพกาล เทพย์คนร่วมหนึ่งซึ่งสัจธรรมเดียว พระอริยปราชญ์ ประกาศสัจธรรมนำแต่โบราณไม่ได้หายผ่านจากการกินอยู่แม้ชั่วครู่ยาม ตาสียายสา ล้วนรู้ดีว่า " สัจธรรม คือชีวิต จิตแท้ดั้งเดิม " แม้ขั้นสูงสุดบรรลุอริยะ สัจธรรมไม่เปลี่ยน ภาวะนั้นเพียงลุ่มลึกตื้นเขินวิเศษแท้จริง ตริตรึกนึกยุ่งมุ่งรู้ธรรมยาก เพียรไปเพราะอยากหวังผลตามมาเป็นมิจฉาเอนเอียง ตั้งแต่โบราณ แม้ไม่มีอาจารย์ จะไม่กล่าวขานเรื่องจิต (จะต้อง) สนองพระโองการตามกำหนดกาล อาจารย์ถ่ายทอด จึงได้รู้กัน พันลี้ดันดั้นตามหาอาจารย์ผ่านทุกข์หนักหนา หมื่นลี้แสวงหา รหัสคาถาช่างน่าสงสาร ร้อยรายไม่เคยจะประสบผล เพราะยังไม่ถึง ซึ่งกำหนดกาล ได้แต่บำเพ็ญ ค่อยเป็นค่อยไป ให้บุญสัมพันธ์ เข้าฌาณนั่งนิ่ง ยากจะรู้จริง จิตญาณของตน ไม่มีสักคนรู้วิเศษสุดอนุตตร ฯจริง ครั้งนั้น อาตมา (พระสงฆ์จี้กง) ไซร์ ก็หน่ายนั่งภาวนา สงฆ์เจ้าอาวาสฟาดกล่างแสกหน้า บริภาษว่า " ลืมความเป็นมา จะกลับคืนไป ไม่รู้หนทาง " เพียงนิ้วหนึ่งชี้ ทันทีอาตมา ก็รู้แจ้งพลัน ปิติสุขสันต์ แสร้งทำวิปลาส เที่ยวล้อชีวิต อุทิศพาตน สงเคราะห์ทั่วไป จวบจนบัดนี้ ผู้คนยังสดุดี เล่าขานกันต่อมา ใครเลยเข้าใจ จิตตนนั้นไซร์ คือพระพุทธา นิ้วหนึ่งนำพา ให้พ้นเวียนว่ายได้ฌาณแท้จริง พุทธะแท้ ๆคือพุทธเป็น ๆ คนไม่รู้จัก กลับยึดถือหลัก มิจฉาแนวทาง ฟาดฟันตัวเองบัดนี้ถึงกาล กำหนดถ่ายทอดสัจธรรมจริง แพร่งพรายทุกสิ่ง คำพูดล้ำค่า ประพันธ์บันทึก กำหนดแน่ชัด ธรรมจักรวาล ฐานที่สิบแปด (พระธรรมาจารย์เทียนหยานสนองพระโองการปกครองธรรมจักรวาลเป็นสมัยที่สิบแปดสุดท้ายในยุคนี้้)  สองเก้า ตั้งฐาน เป็นงานปฏิรูป ความหมายลึกล้ำ (เป็นยุคปฏิรูปสามโลกเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งใหม่หมด) ประพันธ์บันทึก ท่องพุทธาลัย แจ้งในโป้ยก้วย (โป้ยก้วย เปรียบดังโปรแกรมคอมพิวเตอร์โบราณได้ปรากฏแสดงข้อมูลนี้ไว้แล้ว) หวังต่างเข้าใจ ในตารางนิ้ว นาบุญของตน (ตรงจุดญาณทวาร) ที่เป็นไปได้ ก็ด้วยวาระ ชะตาชีวิต ทุกอย่างวางเกณฑ์ เป็นกำหนดกาล พิจารณ์ให้ชัด ความหมายยุคขาว ทำความเข้าใจ ให้หมั่นสำนึก ตรึกรู้ใจฟ้า แล้วมาร่วมงาน จักรวาลธรรม
                                                                                                                                                 ฮา   ฮา   พัก               

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก     

        พุทธพจน์ถ่ายทอดวิถีธรรมตอนหนึ่งว่า " ขั้นสุดท้ายแต่กาลก่อนมิกล่าวอ้าง ผู้กระจ่างจะบอกกล่าว ณ ที่นี้ ผู้ด้อยปัญญาให้รู้ทางกลับบ้านเดิม เกิดมาตายไม่เห็นได้ตรงหน้า ณ บัดนี้ (ม่อโฮ่วอี้เจา  สีอุ้ยเอี๋ยน  หมิงเหยิน ไจ้ฉื่อซู้อี้ฟัน  อวี๋ฟูซือเต๋อหวนเซียงเต้าเซิงไหลสื่อชวี่เจี้ยนตังเฉียน) คำว่า " สุดท้าย " คือท้ายที่สุด หมายถึง กำหนดที่ทศพุทธปกครองศาสนา ได้ล่วงพ้นมา เก้าพระพุทธาแล้ว คงเหลือแต่พระองค์ที่สิบ คือ พระเมตเตยยะจะเก็บงานนาคะประทีป บัดนี้กำหนดชะตาของฟ้าดิน ดำเนินมาถึงช่วงมะเมียคาบเกี่ยวกับมะแม สิ้นกำหนดกาลมะเมียแล้ว ช่วงรวบรัดเก็บงาน (เก็บเกี่ยว) กระชั้นอยู่ตรงหน้า พระแม่จึงโปรดบัญชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแสดงพระภาคสู่โลกา ปรากฏพระบุญญา ฯ วิ่งเต้นซอกซอนฉุดช่วยคนเดิมขึ้นธรรมนาวา รอเวลามุ่งนาคะประทีป นั่นคือ ได้พบพระสดับธรรม บรรลุมรรคผล  จิตตุปบาทศรัทธาเบื้องบนของพระศรีอาริย์ก็คือ " เมตตาสมาธิ "  จากนับไม่ถ้วนกัปล์จนบัดนี้ สมบูรณ์ผลตามเหตุปัจจัยรังสีเมตตา จึงแผ่พลาครอบคลุมถึงสามโลก สำเร็จผลในกำหนดกาลมะแม แผ่บารมีให้โลกนี้เป็นเอกภาพ โลกมนุษย์เป็นวิสุทธิแดนดินให้จิตญาณที่มีบุญสัมพันธ์ ประจักษ์อนุตตรขันติธรรม บรรลุอรหัตผล พ้นการเกิดตาย ได้อิสระอย่างแท้จริง
- " กำหนดกาลมะแมนี้ จึงเป็นโลกของผู้บรรลุมรรคผล มิใช่สมัยบำเพ็ญเหตุเบื้องต้นของชนสามัญ "  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กำหนดกาลมะแม ชาวโลกที่มีธรรมจะจรรโลงคุณงาม ผู้ไม่มีธรรมและขาดคุณงามจะอยู่ไม่ได้
- "เมื่อถึงกำหนดกาลระกา เป็นเวลาเริ่มเก็บมนุษย์ ไม่มีสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญได้อีก จึงมีแต่กำหนดมหันตภัยครั้งสุดท้าย ในช่วงคาบเกี่ยวกันระหว่างมะเมียมะแมนี้เท่านั้นที่เหมาะแก่การบำเพ็ญที่สุด และสร้างบุญบรรลุปณิธานให้ทันโอกาสได้
        บัดนี้ หัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายระหว่างความเป็นความตาย (จะล่วงพ้นหรือตกต่ำ เป้นครั้งสุดท้ายที่ได้รับการฉุดช่วย เป็นบุญวาระโอกาสพิเศษ ที่จะรอดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)  พระอนุตตร ฯ มารดา ได้โปรด ครั้งสำคัญหย่อนเรือลงมา เพียงขึ้นสู่เรือธรรมกาลยุคขาว  ได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์ สัจธรรม บำเพ็ญปฏิบัติ ศรัทธามั่นคง ไม่ย่อยั่นจริงใจอย่างเต็มที่ ก็จะได้พบพระ สดับพระธรรม ประจักษ์มรรคผลในงานชุมนุมพระอริยะนาคะประทีป ในกำหนดกาลที่สามนี้อย่างแน่นอน  คำว่า " หมิงเหยิน " หมายถึง ผู้ถ่องแท้ในไตรรัตน์ที่ได้ถ่ายทอดสัจธรรมอย่างแท้จริง  ความหมายของพุทธพจน์ในพิธีตอนนี้ หมายความว่า " เป็นครั้งสุดท้ายของการฉุดช่วยอย่างกว้างขวางทั่วไป และการเก็บงานซึ่งเป็นงานใหญ่ พระพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อนมิเคยตรัสไว้ บัดนี้เป็นมหันต์ภัยสุดท้ายในยุคสาม ณ ที่นี้ " ผู้กระจ่าง " (ขณะที่ทำพิธีถ่ายทอดฯ) จะได้ประกาศขานไข ให้หญิงชายผู้ด้อยปัญญารู้จักหนทางกลับคืนอนุตตร ฯ บ้านเดิม เกิดมาจากไหนตายไปที่ใด ณ ตรงหน้านี้ คือ จิตอันจะรู้กระจ่างอย่างหมดสิ้น " คำว่า " ม่อโฮ่วอี้เจา " หมายความว่า การฉุดช่วยสามโลกเพื่อเก็บงานครั้งนี้ เป็นบุญวาระที่เบื้องบนได้โปรดประทานให้เป็นครั้งสุดท้าย หากเสียโอกาสไป ก็จะต้องเป็นธรรมกาลหน้า เบื้องบนเบิกดิถีเก็บงานใหม่ จึงจะมีโอกาส  ลองคิดดูว่าระยะเวลายาวนานที่จะต้องผ่านการเวียนว่ายตายเกิดเปลี่ยนโฉมหน้า ใครหรือ กล้ารับรองว่าธรรมกาลหน้าเมื่อเบื้องบนโปรดฉุดช่วยเก็บงาน เราจะได้เกิดมาเป็นคนอีก และ ได้พบพระวิสุทธิอาจารย์  จะเห็นได้ว่า " บุญวาระสุดท้าย " นี้สำคัญเพียงไร และบุญวาระสุดท้ายนี้ อาศัยอะไรทำให้ทุกชีวิตวิญญาณในสามโลกพ้นจากการเวียนว่ายในชาติกำเนิดสี่และภูมิวิถีหกต่อไป และการฉุดช่วยเก็บงานยิ่งจะต้องอาศัยอะไรทำให้สำเร็จได้  "มิใช่อื่นไกลเลย ทั้งหมดนี้อาศัยผลบุญบารมีแห่งมหาเมตตาปณิธานของพระเมตเตยยะนั่นเอง  การถ่ายทอดไตรรัตน์สัจธรรมของพระอาจารย์ อีกทั้งสัจจะพงศาธรรม สัจจะพระโองการ ล้วนได้มาจากทศพุทธปกครองศาสนาที่เบื้องบนกำหนดไว้ทั้งสิ้น "  ยิ่งกว่านั้น พลานุภาพในการฉุดช่วยแปรเปลี่ยนโลกโลกีย์ก็เผยแผ่ออกไปได้ด้วยพระโองการจากเบื้องบนและพระมหาปณิธานแห่งพระเมตเตยยะโดยแท้  " สำหรับการถ่ายทอดสัจวิถีแห่งจิตนั้น คือคบไฟธรรมะ ที่พระพุทธะอริยะพระบรรพจารย์ แต่ละสมัยส่งต่อกันมา สิ่งซึ่งยึดถือนั้นล้วนเป็นหนึ่งเดียว เป็นสิ่งซึ่งทุกคนมีอยู่คือ "ภาวะความเป็นจริงของจิตภาวะสัจพุทธะในตน" นั่นเอง  ฉะนั้น คนที่มีรากบุญขั้นสูงยิ่ง เมื่อได้รับถ่ายทอดสัจธรรม ชี้พลันก็จะสำนึกรู้พลัน สำนึกรู้พลันก็จะบรรลุพลันมิพักต้องบำเพ็ญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก     

        สำหรับคนที่มีรากบุญระดับขั้นที่สาม ได้รับถ่ายทอด พลันก็บำเพ็ญทันที ก็ผูกบุญสัมพันธ์พบพระสดับธรรม ประจักษ์มรรคผลกับพระเมตเตยยะ ไม่ถูกผูกมัดอยู่กับสามโลกพ้นจากบรรยายกาศทั้งห้า ของโลกทันที แม้มิใช่ฉุดช่วยเพื่อชีวิตน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน ให้พ้นจากชาติกำเนิดสี่และภูมิวิถีหก เก็บไว้เป็นพันธุ์มนุษย์ในโลกของธรรมกาลต่อไป เหตุไฉน จึงร้อนถึงพระเมตเตยยะ พุทธะอริยเจ้าทั้งหลายในอดีต อีกทั้งศิษย์สาวกศาสนาปราชญ์เหลาจื้อและศาสนาพุทธ ซึ่งบรรลุไปแล้วให้กลับลงมาร่วมช่วยงานแพร่ธรรมนี้ด้วย  เราพระอาจารย์ก็เพื่อโปรดสัตว์เก็บงานด้วยวิถีธรรมสุดท้ายนี้ จึงได้พร้อมกับพระโพธิสัตว์จันทรปัญญา (เอวี้ยฮุ่ยผูซ่า ) นำเอาไตรรัตน์สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าในอดีตกาลถ่ายทอดต่อมาเฉพาะพระองค์ เปิดเผยสู่ชาวโลก  ครั้งนี้ มีผู้ศึกษาธรรมไม่น้อยที่ไม่เข้าใจคุณวิเศษของไตรรัตน์สัจธรรมจากพระอนุตตร ฯ พระโองการ  ไม่รู้หลักญาณสัจธรรมของวิถีแห่งจิตที่หาได้ยาก ยิ่งไม่เข้าใจพระมหาเมตตาปณิธานของพระเมตเตยยะพระบรรพจารย์จึงต่างอวดอ้างหลักการบำเพ็ญอันแยบยลของตนหรือติดปากถึงการบำเพ็ญชีวิตจิตญาณพร้อมกัน บ้างเอาแต่นั่งนิ่งภาวนา ทั้งอ้างว่าจะต้องบำเพ็ญอย่างนี้้  จะต้องปฏิบัติตามวิธีการอย่างนี้ ซึงไม่ณุ้ว่าหมื่นพระธรรมขันธ์นั้นเสมอกัน จะต่างกันที่ความสะดวกในการโน้มนำเท่านั้น  ดังนั้น จึงมักจะมีการวิจารณ์แนวทางการศึกษาของผู้อื่นด้วยความเห็นอันจำกัดเฉพาะตน หรือสำคัญว่าวิธีการบำเพ็ญของตนเท่านั้นที่ถูกต้องแน่นอน สามารถบรรลุจุดสูงสุดได้ ส่วนการบำเพ็ญของคนอื่น อ้อมไกลและผิดทาง บ้างก็วาดฝีปากถกเถียงกัน ยกตนข่มท่าน อนิจจา เหตุที่ผู้บำเพ็ญเหล่านี้เป็นเช่นนี้ นอกจากความอวดดีและสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ความสำนึกรู้ไม่สมบูรณ์กลมกลืน กว้างใหญ่และเข้าใจต่อกำหนด การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลของฟ้าดินไม่ถ่องแท้พอแล้ว ยังมิได้ศึกษาให้ลึกซึ้งถึงเหตุปัจจัยอันยิ่งใหญ่ที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติในกาลนี้อีกด้วย ต่างเข้าใจแต่เพียงว่า พระเมตเตยยะเป็นพระพุทะเจ้าจากหมื่นพันพระองค์หนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระอาจารย์ในกำหนดกาลนี้ และต่างเข้าใจแต่เพียงว่า วิถีแห่งธรรมกาลยุคขาวเป็นวิถีธรรมหนึ่งในหมื่น ๆ พระธรรมขันธ์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นวิถีที่ไม่โปรดถ่ายทอด แม้มิใช่การสมควร  มิใช่บุคคลอันควรได้รับ แต่เป็นวิถีธรรมที่อุบัติตามกาลกำหนด เช่นนี้จึงได้สดับแล้วก็ละทิ้งไป หรือยากแก่การเข้าถึงได้ หวังว่า ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวของพระอาจารย์จะได้เข้าใจถึงคุณวิเศษแห่งวิถีธรรมยุคขาว เกิดความเชื่อโดยแท้ด้วยจิตเสมอภาค เผยแผ่ข่าวดีจากสวรรค์ในบุญวาระสุดท้ายนี้ให้ไพศาล

                                                                                                                                                ไฮ   พัก

        ..... อู้เอวี๋ยน ขึ้นนั่งบัลลังก์บัวให้ดี คืนนี้เราจะไปเยี่ยม " ทิพย์ตำหนักตรีเทพย์ "  ทัศนาเหตุการณ์จริง ในการตรวจสอบไตรรัตน์จากพุทธบุตรคนเดิมเพื่อเป็นกระจกเงาให้ความกระจ่างแก่ผู้บำเพ็ญ   

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์เตรียมพร้อมแล้วขอรับ พระอาจารย์ได้โปรดออกเดินทางได้... อาสน์บัวได้ลอยขึ้นสู่ขอบฟ้าตามพระบัญชาชี้นิ้วของพระอาจารย์ รวดเร็วปานลูกธนูฝ่าอากาศ  ณ เบื้องหน้าไกลโพ้น เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เมฆละเลื่อมหลากสีรายรอบขอบภูเขา เมฆหมอกก็ปกคลุมเป็นเชิงชั้น ต้นไม้ใบหญ้าหนาทึบชะอุ่มงามก่ำเขียว เป็นเทือกเขาแดนมงคลอันศักดิ์สิทธิ์  ได้ยินนกร้องประสานเสียง ได้สัมผัสลมเย็นแผ่วพัด ทำให้สดชื่นเบิกบานใจยิ่งนัก มองดูหุบเขาข้างหน้าเห็นปราสาทตำหนักเก๋งทิพย์เทวาคารมากมาย จุดประทีปโคมไฟสว่างไสว แพรพราว

พระอาจารย์ ฯ  :  ข้างหน้า คือทัศนียภาพของภูเขา "ซุ่ยอุ๋ย"  อู้เอวี๋ยน ลงจากอาสน์บัวตามอาจารย์มา...

อู้เอวี๋ยน  :  มีท่านผู้หนึ่งกำลังเดินตรงมา รูปร่างสูงสง่า สรวมเกราะคาดดาบครบครัน     

ทิพยมาตย์  :  ผุ้น้อย กราบคารวะพระบรรพจารย์  ด้วยพระบัญชาจากพระมหาราช จึงล่วงหน้ามาต้อนรับพระองค์ และนักบุญอู้เอวี๋ยน ได้โปรดเข้าพักผ่อนในพระตำหนักสักครู่

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                                   โลกสามบาปบุญคุณครบ
                                   วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                                   รูปภพสูงต่ำตามกรรม

                                            ตอนที่ 5

                              ตรวจสอบไตรรัตน์     จิตวิญญาณเดิม
                        เสริมคัดหยกหิน             จริยะสูงยิ่ง
                        พุทธะระเบียบ               ไป่เทียบล้ำลึก     

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน เข้าตำหนักในให้สำรวมระวัง เคารพนบนอบและจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย... ว่าแล้ว ทั้งสามก็ดำเนินสู่พระตำหนัก... เมื่ออู้เอวี๋ยนแหงนมองก็ต้องตะลึงในความโอฬารความวิจิตรพิศดาร พระตำหนักตระหง่านงามนี้ ด้านหน้ามีป้ายกระดานแผ่นมหึมาจารึกชื่อเป็นอักษรสี่ตัวว่า "พระตำหนักตรีเทพ " (ซันกวนเป่าเตี้ยน) ด้วยสีทองอร่าม สองข้างยังมีกลอนคู่ความว่า
                       ยืนยงพลานุภาพคุณงาม
                       โลกสามบาปบุญคุมครบ
                       วัฏจักรเวียนไปไม่จบ
                       รูปภพสูงต่ำตามกรรม         
        ภายในพระตำหนัก เงียบสงัดสบายตา เหล่าเทพกร เทวะเจ้าหน้าที่ต่างนั่งทำงานกันขะมักเขม้น       

ทิพย์มาตย์  :  พระเทวบดีที่ประทับนั่งอยู่โต๊ะกลาง ทำหน้าที่รับสาร " ใบคำขอ " (เปี่ยวอุ๋น) ที่ถวายเจตจำนงค์ขอรับวิถีธรรม ซึ่งสาธุชนคนเดิมถวายขึ้นมา
-  เทพกร ทางโต๊ะซ้ายมือ ทำหน้าที่นำคนเดิมไปยัง "สถานตรวจสอบกำหนดบาปบุญ"  แต่ละวิมานเขตุ ในเก้าเก้าด่านจื่อหยัง 
- พระองค์ทางโต๊ะขวามือ  ทำหน้าที่รับรายงานบันทึกบาปบุญของผู้บำเพ็ญทั้งสามโลก
        เมื่อ ทิพย์มาตย์กล่าวจบ เจ้าหน้าที่ชาวสวรรค์ทั้งหมดในตำหนัก เมื่อเห็นพระบรรพจารย์มาเยือน ต่างก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงต้อนรับพระบาทพร้อมกับกล่าวทักทายว่า "พระบรรพจารย์ทรงสำราญ"  เมื่อน้อมคารวะต่อกันแล้ว อู้เอวี่ยน เงยหน้าขึ้นก็เห็นเหนือประตูตำหนักกลางมีแผ่นป้ายสีทองเขียนเป็นสง่าจารึกอักษรสี่คำว่า "สอบชัดสารพัดกรรม" (หมิงฉาวั่นสู) บนผนังซ้ายขวาก็แขวนแผ่นภาพคำกลอนไว้อีกหลายแผ่น ซึ่งไม่มีเวลาพอที่จะพิจารณาอ่านได้ทั้งหมด พระองค์ทิพย์มาตย์นำหน้าพาอู้เอวี๋ยนติดตามพระอาจารย์จากตำหนักที่หนึ่งเข้าสู่ตำหนักที่สอง พลันก็เห็นแผ่นป้ายสีทองระยับงามสง่าจารึกอักษรสี่คำความว่า : "ตรวจสอบญาณเดิม" (เอวี๋ยนหลิงเข่าเจิ้ง) กลอนคู่ที่ประดับอยู่สองข้างมีความว่า ...
                         ดูหลักฐานอ่านป้าย        ถามไถ่รู้ธรรมจำเท่าใด
                         ยืนยันถูกต้องได้           กำหนดหมายให้สั้นยาว
        พระตำหนักนี้โอ่งโถง กว้างยาวนับได้หลายวา ตรงกลางห้องมีโต๊ะหยกตั้งอยู่ ซ้ายขวายังมีโต๊ะอีกหลายตัว เทพกร ประทับเป้นสง่าก้มหน้าทำงานกัน มือถือแส้ด้ามหยกทรงชุดเพ้ายาว สวมมาลาประณีตเป็นระเบียบ เมื่อเห็นพระบรรพจารย์ ต่างก็ลุกจากโต๊ะออกมาคารวะต้อนรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยนเจ้าลืมเสียแล้วว่าให้เคร่งจริยา เมื่อมาถึง อย่าเอาแต่ยืนงง รีบมาคารวะพระเทวบดีเสีย

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ผู้น้อยกราบคารวะพระเทวบดีทรงเกษม ขอได้โปรดอภัยที่ผู้น้อยหละหลวมจริยา

เทวบดี  :  อู้เอวี๋ยน มิต้องมากจริยา วันนี้เจ้ารับสนองพระโองการไม่ครั่นคร้ามติดตามพระอาจารย์มาบันทึกประพันธ์บททองเพื่อฉุดผองเวไนย เราจึงต้องให้กำลังใจ วันใดที่หนังสือเสร็จสรรพ บุญกุศลของเจ้าจะเหนือคณานับทีเดียว

ทิพย์มาตย์  :  ตำหนักนี้ทำหน้าที่ตรวจสอบไตรรัตน์จากคนเดิมที่ได้รับธรรมแล้ว ขอพระบรรพจารย์และอู้เอวี๋ยน ได้โปรดพักอยู่ ณ ที่นี่สักครู่ เพื่อทัศนาดูการเก็บงานญาณเดิม และตรวจสอบไตรรัตน์ เพื่อบันทึกบททองท่องเที่ยว คงจะดี               

Tags: