มีผลบุญ ข้อมูลใส พิจารณาให้ไม่สับสน
ขาดกุศล ผลสอบชัด ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น
ตอนที่ 4
ซึ้งคำกลอน ซ่อนความนัย ให้พิจารณ์
เรื่องเก็บงาน หมากรุกวาง อย่างแยบยล
(ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)
อู้เอวี๋ยน : ศิษย์โง่เก็บคำถามข้อหนึ่งในใจมานาน ไม่ทราบจะขอคำชี้แจงได้หรือไม่ขอรับพระอาจารย์
พระอาจารย์ ฯ : ศิษย์เมธี หนังสือบันทึกการท่องเที่ยวนี้ เพื่อแก้ข้อข้องใจ เพื่อให้ผู้บำเพ็ญเร่งคืนสู่สัจธรรม มีข้อสงสัยถามได้เลย
อู้เอวี๋ยน : เรียนถามท่านเทวมาตย์ เหตุใดในสถานเตรียมการแห่งนี้ เห็นมีแต่เจ้าหน้าที่เซียนที่สรวมใส่เครื่องแต่งกายแบบจีนโบราณทั้งนั้น ศิษย์เคยเห็นในหนังสือบุญอื่น ๆ เทวดานางฟ้าชาวสวรรค์ที่วาดไว้ไม่ใช่แบบนี้ ใช่หรือไม่ว่ามนุษย์ไม่ว่ายุคสมัยบ้านเมืองใด เมื่อได้บรรลุมรรคผลแล้ว ล้วนแต่จะสวมเครื่องแต่งกายลักษณะนี้ หรือเป็นกำหนดของเบื้องบน
เทวมาตย์ : ฮะฮ่า อู้เอวี๋ยน ถามได้แยบคาย เชื่อว่ายังมีคนไม่เข้าใจเรื่องนี้อีกมาก เราจะถือโอกาสแก้ข้อสงสัย ในคัมภีร์กล่าวไว้ "ธรรมารมณ์เกิดแต่จิต สภาวะดับด้วยจิต" หรือ "รูปเปลี่ยนไปตามจิต สภาวะเปลี่ยนไปตามจิต" อู้เอวี๋ยน เจ้าได้รับผลสะท้อนจากความทรงจำ เจ้าเคยเห็นมาก่อนแล้วได้ปลูกฝังรูปลักษณ์ของเทพเทวาไว้ในจิตสำนึกมาแล้ว รูปลักษณ์จึงเป็นไปตามจิตปรากฏเป็นลักษณะจีนโบราณ หนังสือบุญที่วาดภาพไว้แต่ไรมา ก็ได้รับผลสะท้อนมาอย่างนี้เหมือนกันเจ้าเคยดูผลงานของดังเต้ใช่ไหม ทำไม จอตรกรรม วรรณกรรม ของชาวตะวันตก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงฉลองพระองค์ในรูปแบบของชาวตะวันตก แท้จริงก็คือความรู้สึกที่เกิดแบ่งแยกในใจของเขาเอง ด้วยทิฐิยึดมั่น ต่างได้หลงผิด ยึดติด "รูปลักษณ์" ไปโดยไม่รู้ตัว ธรรมะเป็นอสังขตะไร้ณุปลักษณ์ แต่เกิดรูปลักษณ์ต่าง ๆ สนองรับเหตุปัจจัยนั้น ๆ ได้ เทพเทวาพระพุทธาทั้งหลาย จึงไม่เคยเจาะจงแก้ไขทัศนคติของผู้ใด ธรรมะมิใช่คำพูด ทุกแนวทางการบำเพ็ญจะบรรยายแต่พอเหมาะเพื่อหวังผลฉุดช่วยแปรเปลี่ยนผู้คนเท่านั้น อู้เอวี๋ยน จึงอย่าได้เข้าใจผิดเป็นอันขาดว่าเจ้าหน้าที่เซียนใน "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" ล้วนเป็นชาวจีน จิตญาณไม่ได้แบ่งแยกชนชาติกาลเวลา จิตญาณเบาใสที่บรรลุสู่ภาวะหนึ่งได้ กายทิพย์จะเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่จิตกำหนดตามความเหมาะสม อู้เอวี๋ยน เจ้าคงเคยได้ยินว่าพระพุทธะมีสามกาย (ตรีจีวร) หากเข้าใจความแยบยลของธรรมกาย สัมโภคกาย และนิรมานกาย แล้ว ก็จะเข้าใจความเป็นจริงในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
อู้เอวี๋ยน : ขอบพระคุณพระเทวมาตย์ที่ได้ไขข้อกังขา แท้จริงเป็นเพราะตนเอง นัยน์ตาอารมณ์ติดรูปลักาณ์ ภาวะจิตยังไม่กลมกลืน จึงได้กราบเรียนถามคำถามโง่ ๆ น่าขันเช่นนี้ อับอายยิ่งนัก ละอายใจ ละอายใจ
พระอาจารย์ ฯ : ศิษย์รัก อย่าได้ตำหนิตนเองเลย ความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่เรียนไม่ถามต่างหากที่น่าอาย ท่านขงจื้อกล่าวว่า "สิ้งที่รู้คือสิ่งที่รู้ สิ้งที่ไม่รู้คือสิ่งที่ไม่รู้อันเป็นความรู้" ชาวโลกมักจะรู้ครึ่งไม่รู้ครึ่ง แล้วอวดีตีฝีปากหลอกตัวเอง หลอกผู้อื่น บำเพ็ญธรรมไม่ใช่บำเพ็ญ "งามหน้า" แต่อยู่ที่การรับผิดชอบอย่างซื่อสัตย์ที่ตนมีต่อตนเอง