collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 39951 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

วิญญาณหญิง  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ กราบท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ 

ดิฉันเป็นเจ้าตำหนักพระขณะมีชีวิตอยู่                ได้ช่วยจิตผู้คนแพร่นำทางธรรมา
เพียงน้อยนิดผิดพลาดหมิ่นศาสนา                    ผิดกฏฟ้าจึงถูกขับจากอาสน์บัว

        เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันเป็นชาวอำเภอเฟิงเอวี๋ยน ฐานะร่ำรวยสุขสมบูรณ์ตั้งแต่น้อย พ่อแม่พี่น้องก็โปรดปราณมาก ส่งเสียให้ดิฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัยพอเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง จึงได้รู้จักกับผู้จัดการอีกบริษัทหนึ่งด้วยเรื่องการค้า เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีและความประพฤติดี เราคบกันมานานและเข้าใจกันมาก เขาเป็นศิษย์ยุคขาวที่มีคุณสมบัติพร้อมทีเดียว ดิฉันได้รับการชี้แนะปรัชญาชีวิตจากเขาเสมอจนเข้าใจความหมายของชีวิต  ครั้งหนึ่ง  เขาพาดิฉันไปพุทธสถานกราบรับวิถีธรรมได้ไตรรัตน์ เนื่องจากดิฉันมีการศึกษาดี นักธรรมอาวุโสเห็นคุณค่า จึงนำพาให้ดิฉันเข้าร่วมชั้นศึกษาธรรมต่าง ๆทำให้ปัญญาธรรมแตกฉานไม่น้อย จากนั้น ดิฉันก็เข้าสุ่วงการธรรมไม่ถอย หลังจากแต่งงาน ดิฉันต้องลาออกจากบริษัทมาดูแลบ้านเลี้ยงลูก และต่อมาก็สร้างตำหนักพระในครัวเรือนตน ด้วยความเพียรดำเนินงานธรรม เรือธรรมะเล็ก ๆ ที่บ้านก็แพร่ธรรมเป็นการใหญ่ฉุดช่วยคนบุญมากมายให้ละชั่วกลับตัวเป็นคนดี เป็นเพราะดิฉันยังไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงหัวใจในหมื่นพระธรรมขันธ์ จึงยึดถือผิด ๆ ว่า วิีธรรมของยุคขาวสูงส่งที่สุด เป็นสัจธรรมหนทางอันกว้างใหญ่แท้จริงพร้อมกับดูหมิ่นศาสนาอื่น ๆ  "ฟ้ามีเมฆลมแปรปรวนเกินเดาคาด"     "คนมีวาสนาเคราะห์กรรมค่ำเช้า"  ชีวิตไม่กี่สิบปี ล่วงเลยไปชั่วพริบตา ในปีนั้น ดิฉันอายุสี่สิบเก้า อยู่ ๆ ก็ป่วยหนักเสียชีวิต ซึ่งคิดว่าวิญญาณจะมุ่งสู่เบื้องบนประจักษ์มรรคผลได้กราบพระแม่องค์ธรรม แต่ท่านเจ้าที่ใหญ่มารับวิญญาณของดิฉันบอกว่า "เมื่อมีชีวิต แม้เจ้าจะถึงพร้อมด้วยทรัพย์เป็นทาน วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกายเป็นทาน บุญกุศลดังภูเขาสูง ความมุ่งมั่นต่อธรรมะไม่ถดถอย แต่เหตุที่ยังไม่อาจรู้แจ้งในจิตภาวะเดิมแห่งตน  ไม่เข้าใจถึงถ่องแท้สัจธรรมเสมอภาคในหมื่นพระธรรมขันธ์ จิตพุทธะในตนจึงยังไม่กลมกลืน จึงได้แต่นำเจ้าไปส่งยัง "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" เพื่อรอการทดสอบในขั้น "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ต่อไป  ฉันจึงได้รู้สำนึกว่า แท้จริงใจฟ้าสูงส่งและเมตตาเป็นที่สุด ยุติธรรมที่สุด แต่กว่าจะสำนึกก็สายเสียแล้ว

พระอาจารย์ ฯ   :  ศิษย์เมธาอย่าโศกเศร้า ดูสามชาติที่แล้วที่เจ้าได้บำเพ็ญมา กุศลผลบุญมากมาย เชื่อว่าจะผ่านการทดสอบจาก "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ไปสู่ "พุทธาลัย" เพือสดับพระโอวาทจากพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้

อู้เอวี๋ยน  : 
             หนึ่งก้าวถลำ             สำนึกเสียใจ             สายไปไม่ทัน
            อยากกลับหันหลัง      โศกศัลย์อาดูร           สูญสิ้นโอกาส
            ชาวโลกทั้งหลาย       ใคร่ย้ำหลักธรรม        อย่าซ้ำผิดพลาด
            ยืนตรงองอาจ           หยัดดังเสาธง           คงแบบอย่างงาม

        พี่นักธรรมหญิง ญาติธรรมที่พากเพียรอย่างท่านมีไม่มาก คำพูดมีค่าดังหยกทองของท่าน แสดงว่าจิตใจของท่านรู้ซึ้งในมโนธรรมแล้ว ขอให้ได้ไปสู่ "พุทธาลัย" ได้รับการชำระจิตใจด้วยน้ำอมฤต แล้วบังเกิดปณิธานใหญ่ร่วมช่วยงานธรรมจักรวาลใหญ่ครั้งนี้เถิด

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  ชายหนุ่มที่ปิดหน้าอยู่หลังประตูรีบออกมาเล่ารายละเอียดของการบำเพ็ญเมื่อครั้งมีชีวิต เพื่อช่วยการบันทึกกล่อมเกลาชาวโลกด้วย

วิญญาณชาย  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ ศิษย์คนบาปละอายใจเหลือเกิน ชั่วชีวิตไม่ได้เห็นความสำคัญของสัจธรรม ศิษย์ไม่มีหน้าจะกราบพระอาจารย์เลย

อู้เอวี๋ยน  :  บัดนี้ เบื้องบนทรงโปรดให้สร้างหนังสือ "บันทึกท่องพุทธาลัย" เพียงแต่ท่านเล่าความเป็นจริงทั้งหมดเพื่อเตือนใจคนรุ่นหลัง ก็จะเป็นมหากุศลได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

วิญญาณชาย  :  ครั้งมีชีวิต กระผมอยู่อำเภอโต่วหนัน เป็นลูกชาวบ้านชนบทยากจน กำพร้าแม่ตั้งแต่เล็ก พ่อต้องทำงานหนักเลี้ยงครอบครัว จึงขาดความเอาใจใส่การศึกษาของลูก ๆ  พอจบชั้นประถมแล้ว กระผมก็ไปรับจ้างเป็นเด็กฝึกงานที่โรงงาน พอโตขึ้นก็คบเพื่อนนักเลง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ร่วมกลุ่มมั่วสุมหาความตื่นเต้นแสบทรวงเล่น ไม่ใช่ดื่มเหล้าก้เล่นการพนัน เที่ยวซ่องตีรันฟันแทง ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่นึกละอายใจ กลับคิดว่าเป็นนักเลงใหญ่ชายฉกรรจ์  วันหนึ่ง บังเอิญได้พบชายชราท่านหนึ่งใกล้บ้าน ท่านเตือนให้ประพฤติดี อย่าทำตัวตกต่ำอย่างนี้  จากนั้นท่านก็พยายามใช้วิธีการต่าง ๆ มาชักจูงส่งเสริม นานเข้ากระผมก็เกิดความรู้สึกเคารพท่านเหมือนพ่อโดยไม่รู้ตัว ความประพฤติของผมก็ค่อยดีขึ้น เมื่อชายชราเห็นพฤติกรรมของผมเปลี่ยนแปลงดีขึ้น ก้พากระผมไปพุทธสถาน แล้วกระผมก้ได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์สัจธรรมโดยไม่รู้อะไร เพราะจิตใจของกระผมยังลิงโลดอยู่ กราบพระวันนั้นแล้ว ก็ไม่ได้กลับไปศึกษาอีกเลย ไม่นาน ชายชราก็หมดอายุตายไป กระผมรู้สึกหมดที่พึ่งทันที จึงกลับไปสนิทสนมกับเพื่อนชั่วอีก และประพฤติเลวยิ่งกว่าเก่า  คืนหนึ่ง กระผมกินเหล้าแข่งกับเพื่อน เมามากจนใบหน้าร้อนผ่าว หูอื้อตาลาย แต่ยังกำแหงบึ่งจักรยานยนต์เต็มที่จะกลับโรงงาน  ระหว่างทางจึงพุ่งเข้าชนรถบรทุกสิบล้อที่ขับสวนมาอย่างจัง ตายคาที่ มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นวิญญาณมาปรากฏตัวที่นี่แล้ว เมื่อยล้าหมดแรง นัยน์ตาไม่กล้าสู้แสง ได้ยินเจ้าหน้าที่ที่นี่พูดว่า "กระผมแม้จะได้รับถ่ายทอดจุดเครื่องหมายจากพระวิสุทธิอาจารย์ แต่บาปมาก บุญไม่มี เห็นทีจะผ่านด่านการทดสอบ "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" ได้ยาก จะต้องให้ยมทูตพาไปไต่สวนตัดสินที่ยมโลก" พระอาจารย์ขอรับได้โปรดเมตตาช่วยกระผมด้วย

พระอาจารย์ ฯ  :  "ฟ้าวิปริตยังเลี่ยงได้     แต่ทำบาปไว้ไม่รอดชีวิต"   เนื่องจากบรรพบุรูษของเจ้าสร้างบุญแฝงไว้เล็กน้อย ทำให้เจ้าได้รับวิถีธรรมจริง แต่เสียดายที่เจ้าไม่เห็นคุณค่า ปิยะวาจาว่าขัดหู บัดนี้ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว อาจารย์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้ หวังว่าคำสารภาพของเจ้า จะเกิดผลเป็นอุทาหรณ์ช่วยชาวโลกได้อย่าเข้าใจผิดว่าเมื่อได้รับไตรรัตน์แล้ว ทำผิดคิดร้าย ยังจะพ้นเวียนว่ายตายเกิดได้ รู้ไว้เถิดว่านัยน์ตาฟ้าละเอียดถี่ถ้วนนักที่สุดของที่สุดคือทำเองได้รับผลเอง ใครก็รับแทนไม่ได้ เจ้าเป็นตัวอย่างชัดเจน ได้บันทึกในหนังสือ ก็ได้หนึ่งคะแนนบุญ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่เจ้ามาก

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เจ้าหนู ทำไมอายุน้อย ๆ ก็มาเป็นวิญญาณผีที่นี่ ช่วยเล่าความเป็นมาเมื่อครั้งที่มีชีวิตในโลกให้ฟังสักหน่อยเพื่อประโยชน์ในการพิมพ์หนังสือ

วิญญาณเด็ก  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ กราบคารวะท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ สวัสดีนักธรรมพี่ กระผมอายุเก้าปี เกิดอยู่ที่เมืองไทเป ทั้งครอบครัวเป็นศิษย์ยุคขาว พอเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ก็อุ้มกระผมไปพุทธสถานรับไตรรัตน์ ทุกคนในบ้านกินเจ และมีจิตศรัทธาต่อธรรมมาก พ่อ - แม่ ของกระผมแต่งงานมานานไม่มีลูกจึงจุดธูปไหว้พระขอลูกทุกวัน ชาติก่อน กระผมเป็นเจ้าหนี้ของพ่อแม่  แต่พระโพธิสัตว์กวนอิมได้โปรดชี้นำจิตให้เลิกอาฆาตและ และประทานให้มาเกิดเป็นลูกของพ่อแม่ เพื่อลบล้างเหตุและผลกรรมที่จะต้องตอบสนองกัน อีกประการหนึ่งก็เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลในการวิงวอนขอลูก ประการที่สอง ให้กระผมมีโอกาสรับวิถีธรรม เป็นการสิ้นสุดเหตุปัจจัยเกี่ยวเนื่องกันอย่างสมบูณ์  พ่อแม่ให้กำเนิดกระผมแล้วก็ยิ่งศรัทธายิ่งขึ้น สร้างบุญมากมาย เบื้องบนจึงโปรดประธานลูกชายคนที่สองไว้สืบสกุล ผลกรรมของกระผมสิ้นสุดเืมื่ออายุเก้าปี อาศัยเหตุจมน้ำเพื่อละกานสังขาร พ่อแม่ไม่เข้าใจในหลักธรรมนี้จึงเสียใจมากเป็นธรรมดา อาจจะโกรธเคืองโทษฟ้าโทษคนบ้าง รอไว้เมื่อครบร้อยวันแล้ว กระผมจะกลับไปอาศัยร่างทรงบอกกล่าวเหเตุและผล กรรมนี้ให้ทราบโดยละเอียด วันนี้เมื่อมาถึง "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" เบาสบายจริง ๆ เพราะไม่มีอะไรแปดเปื้อน ขอบพระคุณพระมหาบารมีพระอาจารย์ หวังว่าชาวโลกจะเห็นคุณค่าพุทธสัมพันธ์ที่วิถีธรรมช้ายตรงได้มาโปรดถึงครัวเรือน อย่าหน่ายหนีธรรมะ ให้จบสิ้นเหตุและผลกรรมที่ทำไว้ในดอีดชาติ บำเพ็ญให้ใจสว่าง เห็นจิตตนกลับคืนสู่ภาวะเดิิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์และท่านเซียนฯ ได้โปรด ใน "ห้องพักวิญญาณผู้รับวิถีธรรม" นี้ ล้วนแต่วิญญาณที่ได้รับถ่ายทอดไตรรัตน์สัจธรรมเมื่อครั้งชีวิตอยู่ หมายความว่าวิญญาณใดก็ตามที่พระวิสุทธิอาจารย์ได้ชี้จุดนี้ให้จะต้องมารายงานตัวที่นี่ก่อนทั้งนั้น แล้วจึงไปรับการทดสอบต่าง ๆ จากด่าน "เก้าเก้าจื่อหยังกวน" ใช่หรือไม่ขอรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  ไม่ใช่  ในไตรรัตน์สัจธรรม (ซันเป่าเจินฉวน) ได้ครอบคลุมไปถึงโองการสัจธรรม (เทียนมิ่งเจินฉวน) สืบเนื่องไปถึงพงศาสัจธรรม (เต้าถ่งเจินฉวน)และแฝงความนัยของวิถีแห่งจิตอันเป็นสัจธรรม (ซินฝ่าเจินฉวน) สำหรับคนที่มีพื้นฐานบุญบารมีขั้นสูง เมื่อได้ฟังความหมายอันแยบยลของไตรรัตน์ ฉับพลันใจก็จะสว่างเห็นแจ้งภาวะจิต ประจักษ์ในสถานภาพแห่งจิตของตน พ้นจากการเวียนว่ายในสามโลก เขาผู้นั้นก็จะเป็นอิสระไปสู่พุทธเกษรได้ทุกระดับ จึงไม่ต้องมารายงานตัวที่นี่ อีกทั้งศิษย์ของเรามีพื้นฐานบุญบารมีดี ชั่วชีวิตตนอุทิศเพื่องานธรรมะ พุทธบุตรที่บุญกุศลสมบูรณ์พร้อมเมื่อทิ้งกายสังขาร เทพบุตร เทพธิดาน้อยก็จะอันเชิญฉลององค์ (เสื้อคลุมและสายคาดหยก) เชิญธงเป็นขบวนกองวงมโหรีประทับเกี้ยว (เสลี่ยง) หรือเหินเมฆมาเชื้อเชิญไปสู่เทวาลัย "จิ่วหยังปากั้วเอวี้ยน" เพื่อพักฟื้นระยะหนึ่ง จากนั้น จึงเชื้อเชิญต่อไปยังพุทธาลัย (เทียนฝอเอวี้ยน) ให้เสวยวิมุติสุขรออยู่จนกว่าจะถึงวันเก็บงานรวบรวมญาณบริสุทธิ์เข้าร่วมชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋าก็คือเซียนใหญ่ทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งไม่ต้องมารายงานตัวที่นี่ คืนนี้ ค่ำแล้ว ขอบคุณท่านเชียนที่ติดตามท่องเที่ยวเพื่อให้ความสะดวกในการบันทึกเรื่องราว เราขออำลาเพียงเท่านี้

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  น้อมส่งพระบรพพุทธา ฯ ขอส่งอู้เอวี๋ยน

พระอาจารย์ ฯ  :  ถึงตำหนักพระแล้ว วิญญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม ท่านเทพสถิตประจำดวงดาวทั้งยี่สิบแปดอยู่คุ้มครองตำหนักพระ (ระหว่างที่พระอาจารย์นำญาณของอู้เอวี๋ยนออกไป) ลำบากนักแล้ว โปรดตามเรากลับเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

        นันย์ตาสอง        ซ่อนความนัย        ตรงใจกลาง
"โป๊ยก้วย" วาง            อยู่ข้างใน            ใจจึงเกิด
ดาวหนึ่งส่อง              ประคองฉาย          ให้พราวเพริด
ท่านล้ำเลิศ                เป็นหลักมั่น           ญาณทั้งมวล
                                                                                                                                                     เราคือ
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว
กราบสนองพระโองการพระแม่ ฯ สุ๋พุทธสถาน กราบคารวะแล้วจึงหันมาหาเหล่าเมธา อริยกิจวันนี้ เคร่งครัดท่วงที ต่างทำหน้าที่คุ้มครองตำหนัก เราจะไม่พูดมากไป
                                                                                                                                                  ฮา   ฮา   พัก
        ฟ้าครามใส        ไกลหมื่นลี้        มีจิตผ่อง
ลอยละล่อง                เป็นอิสระ         วิเมลือง
ด้วยฟูเฟื่อง                คุณงามสูง        ได้มุ่งสรวง
จึงลุล่วง                    พุทธเกษร        เจตน์จิตตน
                                                                                                                                                      เราคือ
        เทียนหยาน พระอาจารย์ของเจ้า
วันนี้กราบสนองพระโองการสู่พุทธสถาน กราบคารวะพระแม่จงทรงพระเกษมสำราญแล้ว จึงพบกับศิษย์ต่อไป ด้วยธรรมะนำพา มาบันทึกบททอง ใจตนกับฟ้าสอดคล้อง พร้อม "จอมทัพพิทักษ์" ตำหนักนี้  อู้เอวี๋ยนสงบจิตตามอาจารย์ขึ้นฐานบัว
                                                                                                                                                   ฮา   ฮา   พัก
        ด่านใดใด        มิใช่ด่าน        วิเศษทวาร
ชี้จุดพลัน                จันทร์ฉายแสง  แหล่งกำเนิด
รู้จิตตน                   ภาวะว่าง        อันล้ำเลิศ
แม้มิเกิด                 อวิชายึดติด     จิตว่างกว้างไกล
       
        ทุกคัมภีร์        ที่ออกเสียง     เลียบเคียงธรรม     (มิใช่ธาตุธรรมในตน)
ยึดมือกำ                ยึดลัญจกร      ยิ่งจรจาก            (แม้ลัญจกรก็ไม่ให้ยึด) 
ผู้มีฐาน                  บุญบารใหญ่    รู้หมายชัด
มหาสัทธ์               พุทธะตน        ค้นพบพลัน

        หนึ่งนิ้วนำจิต        ชิดชมพุทธะ        ประจักษ์ในตน
ไม่ต้องคิดค้น               ตถตาแท้            แน่ชัดเป็นนิด
ทวารวิเศษ                  จักษุนิพพาน        ผ่านตาถึงจิต
คัมภีร์สกิด                   สะเทือนหูพลัน     รู้ญาณสัจธรรม

        ลัญจกรคือฐาน      สังขารร่างกาย      ให้ไว้ยืนยัน
ไตรรัตน์พร้อมกัน           มั่นกายวาจาใจ      ได้ร่วมสมาน
ประตูพุทธะ                 จะมุ่งวิถี               สี่หมื่นแปดพัน        (พระธรรมขันธ์)
ทุกทางร่วมกัน             สู่จุดเมตตา            พาเผยแผ่ไป     

        ทุกวิถีทาง        ต่างแสวงหา        การนำพาง่าย
ให้เหมาะกายใจ         จริตต่างต่าง         สร้างเพื่อเสริมส่ง
อนุตตรวิถี                 ไม่มีแบ่งชั้น        แยกกันขึ้นลง
ถ่อมใจรู้ปลง              น้อมนบยินดี       ไม่มีวิจารณ์

        ใครยึดถือมั่น        แก้กันให้หลุด        ผ่านจุดตลอด          (จากจุดญาณทวารถึงนิพพาน)
ยุคขาวโปร่งปลอด          ต่างชื่นชมได้         ดีใจถ้วนหน้า
ผู้รู้สัจจริง                    ไม่นิ่งหลงฟัง          พรั่งพรูวาจา
รู้ภาระว่า                     หน้าที่ช่วยงาน        ยุคกาลแพร่ธรรม
                                                                                                                                                     ไฮ   พัก   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

        ในคัมภีร์วัชรญาณสูตรจารึกไว้ว่า "ผู้ใดเห็นเราด้วยรูป วอนเราด้วยเสียง ผู้นั้นดำเนินมิจฉาปฏิปทา ไม่อาจเห็นตถาคต"  ในลังกาวตารสูตร จารึกไว้ว่า "ใดใดที่รู้ได้ด้วยวาจา ล้วนมิใช่สัจธรรม" ในคัมภีร์คุณธรรม (เต้าเต๋อจิง) จารึกบทต้นว่า "ที่กล่าวอ้างได้มิใช่ธรรมะ ที่กล่าวนามได้มิใช่นามจริง" ในคัมภีร์ทางสายกลาง (จง - อยง) ก็จารึกไว้ว่า "รูปเสียงอันสามารถแปรเปลี่ยนใจคนได้ นั่นคือปลายเหตุ ธรรมะซึ้งฟ้าค้ำจุนไว้ ปราศจากเสียง ปราศจากกลิ่น เป็นที่สุดแห่งรูปนามทั้งปวง" รวมความจากพระธรรมคัมภีร์ทั้งสามศาสนา ล้วนแต่ชี้ให้ชาวโลกรู้ว่าวาจาหรืออักขระใด ๆ ล้วนเป้นเพียงสัญลักษณ์ เครื่องหมายเป็นสื่อให้เท่านั้น หาใช่ธาตุแท้ไม่ จึงทำความเข้าใจได้ว่า "ทุกมรรควิถีไม่มีธาตุแท้จิตภาวะตน และล้วนคืนสู่ว่างเปล่า" บัดนี้ศิษย์สูงด้วยปัญญาทั้งหลายชอบแต่จะคิดค้นคำไขชอบทะยานทางไกล บ้างเน้นหนักให้แตกฉานประวัติการถ่ายทอดพงศาธรรมแท้ หรือมุ่งความสำคัญให้แก่สัจจะพระโองการ  มุ่งหน้าเจาะจงค้นคว้า จึงตกทะเลคัมภีร์ห้าศาสนาโดยง่าย อีกมักจะมองข้ามประจักษ์พยานหลักฐาน ขาดการปฏิบัติจริงต่อไตรรัตน์สัจธรรม ต่อความหมายแท้จริงแยบยลของความเป็นตถตา (พระยูไล) จึงเป็นเหตุให้ทิ้งต้นกำเนิดที่มาใฝ่หาปลายก้อย จมอยู่กับอักขระคำสอนจนถอนตัวไม่ขึ้น อันที่จริงหมื่นพันคัมภีร์ล้วนเป็นเพียงคำบรรยายชักนำตามจิตสำนึก ซึ่งมีสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่ขาดหายแม้เส้นใยในจิตภาวะดังทะเลของทุกคน เพียงแต่ศิษย์เมธีจะทำความเข้าใจให้รู้แจ้งถึงธาตุแท้ของไตรรัตน์ในใจตน รู้จักคุมจิตสำรวมใจในชีวิตประจำวัน ก็จะกลมกลืนกับธาตุธรรมเช่นคำที่ว่า "ธรรมารมณ์เกิดแต่จิต และดับด้วยจิต" ฉะนี้  สำหรับคนปัญญาระดับกลางและต่ำมักจะเหมือน "กล้อมแกล้มกลืนพุทรา" ไม่ศึกษาให้ละเอียดถึงความหมายอันแท้จริงในไตรรัตน์  บ้างจดจ่ออยู่กับญาณทวาร  บ้างยึดมั่นในรูปนามของไตรรัตน์  บ้างหลงติดในอภินิหาริย์ของไตรรัตน์  ดูหมิ่นคัมภีร์ปิฏก ยกตนออกหากจากธรรมธาตุของจิตอันเท่าเทียมกัน สร้างกรรมรับกรรม  ตกอยู่ในกองทุกข์ของมิจฉาทิฐิ บำเพ็ญอย่างโดดเดี่ยว ถือดีในวงแคบเฉพาะตน พึงรู้ไว้ว่าคัมภีร์ปิฏกของห้าศาสนาล้วนเผยเมตตาจิตฟ้าเสริมสร้างธรรมะบุคลากร เช่นเดียวกับไตรรัตน์สัจธรรมวิถีแห่งจิต ซึ่งแม้อาจจะต่างกันด้วยนามรูป แต่ความหมายอันแท้จริงก็คือ "ไตรรัตน์สัจธรรม" นั่นเอง  ศิษย์เมธีทั้งหลายหากแม้เจ้าเข้าถึงลึกซึ้งในคัมภีร์ปิฏกของห้าศาสนา ก็จะยิ่งสำนึกรู้ความละเอียดประณีตอันกว้างใหญ่รายรอบของ "ไตรรัตน์สัจธรรม" ในยุคขาว

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน คืนนี้เราจะไปเยี่ยม "สถานเตรียมการเก็บวิญญาณสมบูรณ์"  กัน ในเวลานั้น จะมีพระเทวินทร์แสดงธรรมจะเปิดประตูใหญ่หัวใจฟ้าเก็บงานสมบูรณ์ ศิษย์เมธีเจ้าจะต้องสำรวมกายใจ อย่าได้เผลอไผล

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์น้อยรับบัญชาพระอาจารย์ มิกล้าหละหลวม

พระอาจารย์ ฯ  :  สาธุ ฯ  ได้เวลาแล้ว ขอรบกวนยี่สิบแปดดาวเทพสถิต ได้กวดขันดูแลตำหนักพระ เราทั้งสองจะออกเดินทาง

อู้เอวี๋ยน  :  หอสูงสีแดงเบื้องหน้าคือ "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" ที่เราได้มาเยือนเมื่อคืนก่อนใช่ไหมขอรับ

พระอาจารย์ ฯ  :  ใช่แล้ว  ความจำของศิษย์ไม่เลวเลย เนื่องจากเวลาและพระโองการกำหนดไว้ คืนนี้เราจะไม่หยุด ณ ที่นี้ "สถานเตรียมการเก็ยญาณสมบูรณ์" ยังห่างจากนี้อีกครึ่งลี้ ศิษย์เมธีรีบสงบจิตติดตามอาจารย์มา

อู้เอวี๋ยน  :  การเก็บงานเป็นเรื่องใหญ่ในสามโลก ไม่ทราบว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รับสนองเก็บงานฟ้าดินจะโอ่อ่าโอฬารเพียงใดหรือขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

พระอาจรย์ ฯ  :  แท้จริงสัทธรรมเป็นอสังขตะไร้รูปลักษณ์ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" ได้ก่อตัวขึ้นจากสัจจพลานุภาพของฟ้าดินเพื่อสนองรับกำหนดกาล ภายในที่ทำการเต็มไปด้วยเหล่าเซียนชาวฟ้า แยกลัทธิกายรับสนอง  เตรียมงาน  สร้างแผนงาน  แนะแนว  จัดส่งผู้บำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรมในทุกศาสนา เพียงแต่ผู้บำเพ็ญได้รู้แจ้งจิตตน ไม่ว่าศาสนาใด ล้วนจะได้ลงทะเบียน ณ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" สำหรับคนที่พาตนและผู้อื่นให้พ้นเวียนว่าย ถึงวันเก็บงานเมื่อใด ย่อมได้ร่วมงานชุมนุมพระอริยะหลงฮว๋า สดับเทศนาจากพระศรีอาริย์ บรรลุมรรคผลพ้นเวียนว่าย

อู้เอวี๋ยน  :  ตำหนักใหญ่ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มีลักษณะเหมือนวัดโบราณในโลกมนุษย์ บนหลังคามีมังกรสีเขียวพันอยู่  มีนกเซียนหลายหลากจับเกาะ เสาคานบานผนังมีภาพสีลายนูน กลิ่นหอมกรุ่นโชยมาไม่ขาดสาย ทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในพลานุภาพของดินแดนวิสุทธิ์  เหนือทวารตำหนักกลาง เห็นแผ่นป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามขวาง จารึกอักษรด้วยพู่กันจีนโฉบเฉี่ยวดังหงษ์ร่ายมังกรบิน เส้นแกร่งแรงตวัด ลักษณะเฉิดฉาย ได้ความว่า "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" (โซวเอวี๋ยนโฉวเป้ยชู่)  สองข้างประตูตำหนักยังมีกลอนคู่จารึกไว้ว่า 

                                       อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า             หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน   
                                       ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน            เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

นับเป็นที่พึ่งพาของญาณทั้งหลาย เป็นเหตุปัจจัยครั้งใหญ่ที่เวไนยต่างมุ่งหวังทีเดียว

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สงบใจ เทวมาตย์ กำลังออกจากตำหนักตรงมา อย่าลืม พุทธจริย อย่าได้เสียกิริยา

เทวมาตย์  :  กราบคารวะ พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน ทรงพระสำราญ  คืนนี้ ข้าพเจ้าผู้โง่เขลา รับบัญชาทำหน้าที่เฝ้ารับพระองค์ผู้สนองงานพระโองการฟ้าอยู่ ณ ที่นี้เพื่อนำมาชมสถานที่ทำการ อีกทั้งไขข้อข้องใจแด่อู้เอวี๋ยน ตามพระประสงค์เบื้องบน ฝ่ายงานต่าง ๆ ก็กำลังรอน้อมรับท่านทั้งสอง โปรดตามข้าพเจ้าเข้าสู่ภายใน

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อย กราบคารวะองค์เทวมาตย์ ความโง่เขลาของศิษย์ประการใด ขอได้โปรดชี้แนะ

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน ถ่อมตัวเกรงใจยิ่งแล้ว (ขณะสนทนา ทั้งสามดำเนินพลางผ่านพระตำหนักเข้าไป อู้เอวี๋ยนเห็นแต่ละองค์แต่งเครื่อง เซียนทั้งนั้น ภายในตำหนักโอ่โถงสงบเงียบ โต๊ะเก้าอี้เรียงรายเป็นระเบียบ บนโต๊ะทำงานมีสมุดบัญชีซ้อนเป็นตั้งสูง เซียนเจ้าหน้าที่ต่างก้มหน้าสาละวนวุ่นมากกับการตรวจสอบหลักฐาน พลันได้ยินเสีบง "กราบพระบรรพพุทธา" พร้อมกัน อู้เอวี๋ยนจึงรู้ตัวจากภวังค์)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

พระอาจารย์ ฯ  :  มิต้องคารวะ ขอจงพุทธสำราญ เซียนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่างทำงานของท่านไปอย่าได้รบกวนงานรับผิดชอบของท่าน ด้วยการมาเยือนของเราเลยเราอาจารย์กับศิษย์มีเทวมาตย์นำชมแล้ว ด้วยสนองงานพระโองการอยู่ไม่มีเวลาสนทนากับท่านได้ ขออภัยจริง ๆ

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน เธอดูนี่เป็นสมุดบันทึก "เงาใจ" ของผู้บำเพ็ญในทุกศาสนาทั่วโลกเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าเป็นศิษย์สาวกในศาสนาใด ที่นี่จะมีความบันทึกเป็นไปในการบำเพ็ญของผู้นั้น เพียงแต่บำเพ็ญจริงตามหลักสัจธรรม และรู้แจ้งหนทางตรง ครั้งมีชีวิตก็ปฏิบัติมนุษย์ธรรมถูกต้อง เหล่านี้ล้วนจัดอยู่ใน "บัญชีญาณสมบูรณ์"  แต่หากผู้บำเพ็ญใดยังมีจิตใจบกพร่อง เช่น ผยองตน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีทิฐิแบ่งแยก เหล่านี้ แต่ละหน่วยปกครองที่นี่ก็จะจำแนกผู้นั้นไปตามเหตุและผลของกรรมในสามชาติ ตามศาสนาที่ผู้นั้นยึดถือพร้อมทั้งแนวทางดำเนินชีวิต แล้วจัดการทดสอบ เสริมส่ง ชักนำหรือฉุดจูง จากเหตุและผลนั้น ๆ  รวมความก็คือเพื่อให้จิตใจของผู้นั้นรู้แจ้งอย่างแท้จริงในภาวะเดิมอันสมบูรณ์ของตน เนื่องจากเหตุและผลแห่งกรรมของแต่ละคนในอดีตชาติต่างกัน สภาพที่ประสบจึงต่างกันช่วงเวลาบรรลุแจ้งจะเร็วขึ้น ด้วยการ "ปลูกเนื้อนาบุญ ผูกบุญสัมพันธ์ สร้างกุศลจิตกุศลกรรม ในทางตรงกันข้าม คือเนิ่นนานช้าลง เพราะเหตุสร้างกรรมชั่วบาปเวรหรือละทิ้งจิตใจที่ใฝ่ธรรม จึงขอเตือนชาวโลกผู้บำเพ็ญ อย่าได้มีความคิดว่าจะเล็ดลอดไปพ้น "ภัยพิบัติและวาสนาไม่มีประตู อยู่ที่ตนต่างหาช่องทาง" เบื้องบนธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมโดยแท้  เหตุและผลกรรมจะถูกบันทึกอย่างซื่อตรงตามการกระทำของผู้นั้น  แม้ว่า พระอนุตตรธรรมมารดาจะโปรดเมตตาจะช่วยญาณเดิมกลับคืนไปให้ได้ แต่ยังคงต้องให้เป็นไปตามเหตุและผลแห่งกรรมของผู้นั้น แล้วตามด้วยการจัดวางชี้นำเท่านั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณท่านเทวมาตย์ ที่ไขความลับฟ้าเพื่อสาธุชน บัดนี้เป็นโอกาสที่เบื้องบนโปรดสามโลกเพื่อเก็บงานอย่างกว้างขวาง จึงได้สดับข่าวดีจากสวรรค์ แต่การจะกลับคืนบ้านเดิมอันวิมุติ จะอาศัยพระทัยเมตตาจากฟ้ามาฉุดช่วยทั้งหมดไม่ได้ จะต้องอาศัยตนเองฝึกฝนจริงเป็นหลัก ถอนรากโคลนเหตุผลกรรมในอดีตชาติ หมั่นสร้างบุญทานคุณความดีผูกบุญสัมพันธ์กับธรรมะให้มั่นคง เช่นนี้ "สถานเตรียมการเก็บญาณสมบูรณ์" จึงจะจัดเตรียมให้เหล่าเวไนย ฯ ได้พบพระวิสุทธิอาจารย์ และถึงบุญวาระรู้แจ้งในเร็ววัน

พระอาจารย์ ฯ  :  สัทธรรมไม่เข้าข้างใคร คุณงามมีไว้ก็ได้ส่งหนุน  ตั้งแต่โบราณจนบัดนี้ สัจธรรมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาสภาวะ เพียงแต่วิธีฉุดช่วยกล่อมเกลาสอดคล้องไปตามการอันควร จึงมีคำกล่าวว่า "เวลาเคลื่อนย้าย ทางธรรมเปลี่ยนไปจะไม่ทอดถ่าย แม้มิใช่บุคคลอันควร" หวังว่าชาวโลกผู้บำเพ็ญ อย่าได้ชอนเข้าปลายเขาควาย  อย่าได้เปรียบเทียบสูงต่ำ ก่อเรื่องผิดใจ นินทาว่าร้าย แต่จะต้องตั้งใจเจาะลึก เข้าสู่เนื้อแท้อันเป็นหัวใจของจิตญาณซึ่งอยู่ในชั้นในสุด ของประตูธรรม ดังคำกล่าวว่า "อนุตตรสัทธรรมอันล้ำลึก ใคร่สำนึกความหมายในตถตา" นี่คือสัทธรรมที่ผู้บำเพ็ญควรรู้แจ้งอย่างยิ่งโดยแท้

อู้เอวี๋ยน  :  เอ๊ะ บนผนังมีโคลงกลอนแขวนอยู่หลายผืนเขียนตัวบรรจงเรียบร้อย ไม่ทราบผู้น้อยจะขออ่านและบันทึกลงในหนังสือได้หรือไม่ขอรับ

เทวมาตย์  :  โคลงกลอนบนผนัง เป็นปริศนาว่าด้วยชะตาฟ้าในยุคนี้ หากมิใช่เป็นผู้สนองพระโองการฟ้ามาเยือน เราจะมิให้ได้พบเห็น อาศัยพุทธสัมพันธ์ในคืนนี้ อนุญาตให้กลอนปริศนาแพร่หลายสู่โลกมนุษย์พร้อมกับหนังสือบันทึกท่องพุทธาลัยได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              มีผลบุญ     ข้อมูลใส     พิจารณาให้ไม่สับสน
                           ขาดกุศล       ผลสอบชัด   ภัยพิบัติครั้งนี้หนีไม่พ้น   

                                           ตอนที่ 4

                              ซึ้งคำกลอน     ซ่อนความนัย     ให้พิจารณ์
                          เรื่องเก็บงาน        หมากรุกวาง       อย่างแยบยล

             (ในคำกลอนอันลึกซึ้งได้ซ่อนความนัยให้ณุ้ขั้นตอนแผนการเก็บงานยุคนี้ไว้)

อู้เอวี๋ยน  :  บทกลอนที่อยู่ทางซ้ายเขียนไว้ว่า ประมาณความหมายตามตัวอักษรคือ :
                  1. ตาชั่งมังกรล้นหลามสามธารก็แปรผัน
                  2. คนไม่ผิดสันดานจะไม่เลยผ่านเรือเมตตา
                  3. ขุนพลสวมหมวกยศ โกรธแค้นแล่นถลา
                  4. พบกันชั่วยามระกา ปากทวารมีสองลูกปืน

            ประมาณความหมายในปริศนาธรรมคือ :
1. เมื่อกระแสพุทธะล้นหลากออกจากจิต ใจที่กระเจิงกับอดีต ปัจจุบัน  อนาคต (สามสายธาร) ก็เปลี่ยนไปเป็นสัมมาปัญญาสายเดียว
2. ผุ้ใดไม่หลงผิดคิดชั่วร้าย จะไม่เลยผ่านเรือเมตตาที่เบื้องบนส่งมารับ
3. ยุคนี้ภัยพิบัติและหมู่มารกำลังสังหารตามล่า
4. ได้พบวิถีธรรมใกล้ค่ำแล้ว ซึ่งจิตของตนยังเป็นอินกับหยาง มืดสว่างไปตามอารมณ์เหมือนสองลูกปืนยิงตัวเอง

        ปริศนาที่ค้นพบในตัวอักษรคือ :  พระพุทธะ (ขณะมีชีวิต) พระอาจารย์  ถัดไปมีหมายเหตุกำกับว่า  "คำกลอนแฝงความนัย ปกครองธรรมจักกรวาลหมื่นแปดร้อยปี "  ผนังข้างขวาก็มีกลอนอีกหลายผืน ความว่า

พระฯ  กงฉัง ง้างศรหนึ่ง ถึงสามโลก      ( นิ้วหนึ่งของพระอาจารย์ชี้ตลอดถึงสามโลก )
พระ ฯ อัคคี  ปลอดจรัส  แดนศักดิ์สิทธิ์   ( พระภาคก่อนของพระอาจารย์ืพระอัคคี )
หยกเม็ดงาม  ใครถามหา  ค่าควรคิด      ( จุดญาณทวารอันประมาณค่าบ่มิได้ )
ใครชมชิด  ซื้อหาไว้  ไม่หลงทาง         ( ใครรับไว้ได้หลุดพ้น )
คันเอย  ศรแกร่ง  ธนูยาว                   ( งานใหญ่ภาระหนัก )
"เรียบ"  เอา  ใจกลาง  ฐานรุ่งเรือง        ( เสมอภาค  สัจจะวิริยะ  เจริญไกล )
ดวงกลม  ส่องโลก  หยกร้อยจูง           ( เป็นดวงอาทิตย์ส่องโลก  โน้มนำความดีเหมือนหยกร้อยไว้เป็นสาย )
คนสูง  ละกาม  ไม่หยามตน               ( คนที่เป็นพุทะะย่อมละกาม ไม่ทำร้ายตนเอง )

        ปริศนาที่ค้นพบในตัวอักษรคือ จาง - กวง - ปี้ - พุทธะ (พระนามพระภาคหลังของพระพุทธจี้กง พระอาจารย์ ) ข้าง ๆ ก็หมายเหตุไว้อีกว่า "คำกลอนแฝงความนัย หมายถึงพระวิสุทธิอาจารย์ในโลก"  อักษรในคำกลอนแบบลึกซึ้ง อู้เอวี๋ยนเกิดมาปัญญาทึบ เข้าไม่ถึงความนัย ขอท่านเทวมาตย์ได้โปรดเมตตาชี้แจง

เทวมาตย์  :  อู้เอวี๋ยน ถ่อมตัวนัก บทกลอนที่แขวนไว้ข้างผนังซ้ายขวา ล้วนเผยความลับฟ้า และพระวิสุทธิอาจารย์ เชื่อว่าผู้ได้รับวิถีธรรมจริงแล้ว จะกระจ่างได้หากเอาใจใส่พิจารณา  ประจักษ์หลักฐานในวันนี้ เพียงเพื่อให้ผู้บำเพ็ญได้เข้าใจว่า การได้พบพระวิสุทธิอาจารย์เป็นโชคดีถึงสามชาติ ทั้งอดีตได้บำเพ็ญมา

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”