collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57765 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        ร้อยขันติ   

                เจ็ดสิบแปดขันติ  :   เตือนให้หยุดฟ้องร้อง

        มีวันหนึ่ง มีคนสองคนมาหาที่บ้าน คนหนึ่งชื่อ อึ้งเส้า อีกคนชื่อ ลี่กัง ทั้งสองพากันมาหากงอี้เพื่อขอคำปรึกษา กงอี้เชิญคนทั้สองนั่งลง แล้วก็ถามถึงความประสงค์ที่มาหา  นายอึ้งเล้าพูดว่า ฉันปล่อยเงินให้นายคังทังกู้ไป 5 พันอีแปะ วันนี้ไปขอทวงเงินนายคังทังไม่ให้แถมยังถูกด่ากลับมา โชคดีที่นายลี่กังช่วยห้ามเอาไว้ ถ้าไม่คงถูกตีแน่ ๆ ฉันคิดจะไปฟ้องศาล คุณลี่ยินดีจะไปเป็นพยานช่วยฉัน จึงมาขอคำชี้แนะจากท่าน กงอี้ว่า ถ้าเป็นข้าก็จะไม่ฟ้องร้อง แต่ที่ถูกต้องเรียมหาผู้ใหญ่บ้านไปช่วยเจรจา ไม่จำเป็นต้องไปผูกเวร และก็ไม่ต้องไปใช้จ่ายที่ศาลไม่ต้องไปวิ่งเต้น  นายลี่กังก็พูดต่อว่า ความเห็นกงอี้ใช้ไม่ได้ปล่อยกู้แถมถูกด่า ไม่ฟ้องศาลทำไมต้องอ่อนข้อแบบนี้ กงอี้ว่า ท่านยอมช่วยเหลืออึ้งเล้าเป็นพยานใช่ไหม นายกังว่า ฉันยอมเหน็ดเหนื่อยไม่ยอมให้เอาเปรียบ กงอี้ถามต่อว่าต้องใช้เงินหรือไม่ นายกังว่า คำนวนดูต้องใช้เงิน 2 หมื่นอีแปะ กงอี้ถามว่า แล้วนายกังยอมช่วยเหลือเงินหรือไม่ นายกังว่า กงอี้พูดแบบบัณฑิต เพียงแต่เป็นพยานเท่านั้น มีที่ไหนจะช่วยเหลือเงิน กงอี้รู้จักนายกังดีว่าเป็นคนที่ชอบยุยงให้เขาฟ้องร้องกัน เป็นการทำลายครอบครัวชาวบ้าน จึงเรียกนายเล้าออกมาพูดกันข้างนอกบ้านว่า วันข้างหน้าค่อยมาพูดให้ชัดเจน อย่ารีบก่อคดี ว่าแล้วทั้งนายอึ้งและนายลี่ก็แยกย้ายกันกลับไป ระหว่างทางนายลี่ก็พยายามยุแยงว่านั่นว่านี่ บอกให้นายอึ้งไปฟ้องร้องให้ได้ นายอึ้งกลับมาถึงบ้านก็เตรียมเหล้ายาปลาปิ้งมาเลี้ยงนายลี่ ระหว่างกินเหล้าก็พยายามรบเร้าให้นายอึ้งเล้าไปฟ้องร้องให้ได้ หลังจากกินเหล้าหมดแล้วก้กลับไป ภรรยานายเล้าบอกว่า อย่าไปฟังคำพูดของนายลี่ นายลี่กังมีปัญหามาตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบก่อคดีจนบ้านแตก ตอนนี้ก็อายุกว่าหกสิบแล้ว มีลูกชาย 5 คนก็ตายหมด มีลูกสวา 3 คนก็ตายเรียบ ตลอดชีวิตชอบผิดประเวณี ชอบยุยงชาวบ้านก่อคดีความ ตอนนี้ลำพังตัวคนเดียวก็ลำบาก หากินโดยให้ชาวบ้านฟ้องร้องกัน บุตรชายนายอึ้งเล้าก็ปรามพ่อ บุรชายคนโตมาหากงอี้ที่บ้านเพื่อขอความเห็น กงอี้ว่า ข้าเตือนพ่อเจ้าให้ยุติเรื่องนี้ หนี้ต้องค่อย ๆ เอาคืน พ่อเจ้าเชื่อฟังคำของลี่กังไม่เชื่อฟังคำของข้า ข้าจะอ่านกลอนคดีความให้เจ้าฟัง

ฟ้ากำเนิดฉันต้องมีประโยชน์             ทำไมไม่่พึ่งตนเองไปทำ
อาชีพต่าง ๆ ต้องเร่งฝึกฝน               ที่แผกไปทำร้ายคนนั้นชั่ว
ไม่คล้อยตามโลกระเบียบดี               ยอมลดตัวต่ำชื่อเสีย
วางแผนทำลายคนให้ย่อยยับ            ปากกามีดจิ้มป่วยชีวิต
เพียงหวังหาเงินจากกองกรรม           เป็นทางดับความเจริญลูกหลาน
ไม่รับผิดชอบบุญคุณพ่อแม่เลี้ยง        เสียชาติเกิดมาชีวิตหนึ่ง
คนดีไม่เหมือนคนชั่วแกร่ง               ฟ้าคุ้มครองคนดีให้ร่ำรวย
คิดแล้วก็มีแต่ฟ้าเบื้องบน                เตือนเจ้ายุยงคนเข้าใจที่ดี
ผิดไปแล้วแก้ไขเป้นปราชญ์อริยะ       จึงจะได้เป็นผู้ถูกนับว่าคนดี 
ถ้าไม่แล้วตวัดลิ้นด้วยความโลภ         ก็จะทุกข์เข็ญตลอดชีวิตเอย

        พออ่านจบก็เอากลอนคดีของคนโบราณส่งให้ลูกชายนายเลังกลับให้พ่ออ่าน ลูกชายกลับถึงบ้านก็นำออกให้พ่ออ่าน บทหยุดก่อความว่า ในโลกนี้เคราะห์มาจากคดีความ เกิดขึ้นเนื่องจากติดตาม เจอคนอยากฟ้องร้องด้วยความโกรธ คนข้าง ๆ คอยหาโอกาสยุยง ตกสู่กงนรกไม่รู้สึกตัว เมื่อเรื่องเข้าศาลแล้วยิ่งหนักถูกพนักงานทั้งสอบทั้งสวนทั้งจับขู่ตะคอก ถูกขังหน่วงเหนี่ยวไม่ได้กลับบ้าน เสียหายเสียเวลาทำไร่ไถนา ส่วนใหญ่ธุรกิจถูกคดีพังทลาย ชีวิตก็พลอยดับสูญ ถึงแม้จะชนะคดี จิตดีงามของตนมีประโยชน์อันใด อายุขัยใช่ว่าจะมีมากนัก แค่พริบตาก็แค่ความฝันหนึ่ง พออ่านจบนายอึ้งเล้าผู้เป็นพ่อก็ทอดถอนใจว่า ดีนะที่กงอี้สะกิดใจให้ตื่น ถ้าไม่แล้วพวกเราคงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของลี่กังเป็นแน่ ขณะเดียวกันนั้น บุตรชายคนที่ 2 ของอึ้งเล้าก็เข้ามาบอกว่านายลี่กังตกน้ำยังหาศพไม่เจอ ทั้งพ่อแม่ลูกต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า ธรรมแห่งฟ้าชัดแจ้ง นี่ก็เป็นคำเตือนของกงอี้ไม่ให้ก่อคดีฟ้องร้อง เป็นขันติที่ 78 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

หยุดฟังเขายุแหย่ให้ฟ้องร้อง             เขาหมายปองทรัพย์สินก็ไม่ได้
มองเห็นเหตุผลกระจ่างวางใจ            เจริญได้ไม่ตรากตรำแสนเข็ญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                 เจ็ดสิบเก้าขันติ  :   กงอี้ถูกด่าไม่ถือสา

        กล่าวคือ กงอี้มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ เฮ้งไจ่ปัง หลังจากร่ำรวยขึ้นก็ให้คนหนึ่งชื่อ อึ้งย่งตี๋ มีความแค้นกับเขา จึงมาหากงอี้ พูดจาใส่ร้ายเขาว่านายไจ้ปังรวยมาด้วยเงินสินบน กงอี้ว่า การสอบไล่ได้นั้นมีปัจจัยหลายอย่าง 1 ความสัมพันธ์  2 ดวงชะตา 3 ฮวงจุ้ย 4 บุญ 5 การศึกษา การได้มาด้วยติดสินบนนั้น ตั้งแต่โบราณมาถือว่าเป็นการทำลายคุณธรรมชื่อเสียงบารมี เธอไม่ควรตำหนิติเตียนชื่อเสียงของคนอื่นเขา ย่งตี๋ชี้หน้ากงอี้ว่า ท่านญาติดีกับเขาจึงช่วยเขาปกปิดเธอพูดว่าปกปิดเธอก็ไปให้สินบนซื้อมา ฉันก็ช่วยปกปิดให้เธองัยเล่า ย่งตี๋ร้องลั่นว่า ท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีอำนาจมิเป็นการรังแกข้ามากไปหน่อยหรือ เชื่อว่านานไปท่านต้องล้มละลาย ต้องได้รับคดีถึงแก่ชีวิต ดูซิว่าล้มละลายจะลำบากแค่ไหน  ลูกบ้านกงอี้ได้ยินพูดจาไม่สวยจะเข้ามาตีย่งตี๋ กงอี้ห้ามเอาไว้ ย่งตี๋โกรธมากรีบกลับออกไป เขาไปหานายเง้าเจ็กเล้ง และพูดเรื่องการติดสินบนของนายเฮ้งไจ้ปัง โดยหารู้ไม่ว่าเง้าเจ็กเล้งกับเฮ้งไจ้ปังเป็นญาติกัน เลยถูกเง้าเจ็กเล้งไล่ตี ลูกชายเล็ก ๆ คนหนึ่งถูกอึ้งย่งตี๋แตะตาย จึงมีเรื่องถึงศาล ศาลสั่งเนรเทศอึ้งย่งตี๋ไปอยู่ถิ่นทุรกันดาร แต่อึ้งย่งตี๋เป็นบุตรโทนมีแม่ชราวัย 80 จึงไม่มีผู้เลี้ยงดูมารดา แม่ของอึ้งย่งตี๋ได้ข่าวว่าบุตรชายถูกทำโทษจึงรีบรุดมาหากงอี้ กงอี้จึงช่วยขอร้องต่อศาลว่า เป็นลูกโทนไม่มีผู้เลี้ยงดูแม่ ศาลจึงยินยอม แต่ต้องมีผู้ค้ำประกันจึงยอมปล่อย แม่ชราของอึ้งย่งตี๋ก็ขอร้องให้กงอี้ช่วยค้ำประกันออกมา กงอี้สอนว่า คนเราต้องเก็บความชั่วของตนให้ความดีปรากฏ ไม่ควรกล่าวหาใคร เธอต้องระมัดระวังพระเจ้าบุ้นเซียงว่า อย่าทำลายชื่อเสียงคนอื่น ย่งตี๋จึงว่า ถ้ายอมฟังวาจาทานแต่แรก ก็ไม่ต้องมีเคราะห์หนักปานนี้ จากนี้ไปจะแก้ไขปรับปรุงเป็นคนดี นี่คือกงอี้ถูกด่าแล้วไม่ถือสายังช่วยเหลืออีก เป็นขันติที่ 79 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ทำลายชื่อเขาต้องรับโทษนั้น             ผู้ดื้อรั้นฆ่าตัวตายกี่มากน้อย
การได้เสียฟ้ากำหนดเรียบร้อย            อย่าได้คอยใส่ร้ายเขาเท่าหาเคราะห์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                     แปดสิบขันติ  :   เตือนให้คืนเงินที่เก็บได้

        มีอยู่วันหนึ่ง คนงานของกงอี้เก็บผ้าถุงที่ข้างทางได้ห่อหนึ่ง ภายในมีห่อเงินอยู่มัดหนึ่ง เขาบอกกงอี้ว่าเขาเก็บเงินได้ กงอี้ว่า เงินที่สูญเสียมักเกี่ยวกับชีวิตคนควรที่กลับไปที่เก็บได้แล้วรอคอยคนทำหาย จะได้ไม่ต้องทำให้ชีวิตคนลำบาก คนงานไม่ยอม เขาพูดว่่าไม่ได้ขโมยมา เขาเก็บได้ก็เหมือนฟ้าประทานให้ อย่างไรเสียก็ไม่ยอมคืนให้ กงอี้ว่า คนที่ดวงชะตามีก็รวยได้ แม้ไม่ได้เงินจำนวนนี้ก็รวยได้ คนที่ต้องจน แม้มีเงินนี้ก็จนอยู่ ผู้ที่เก็บเงินได้แล้วคืนให้ มีบุญกุศลมาก ก้จะร่ำรวยได้นาน หากไม่ให้ แม้ร่ำรวยก็จะถูกลบชื่อทิ้ง คนที่ควรรวยก็ยากจนข้นแค้น คนที่ยากจนก็เท่ากับรนหาเคราะห์ ถ้าเธอคืนให้เขาได้ก็เป็นผู้สร้างบุญ ต่อไปก็จะร่ำรวยตลอด คนงานว่า เจ้านายมีเงินก็คืนให้ได้ อย่างไรฉันก็ไม่ยอมให้ กงอี้ก็โกรธว่า ข้าจะเอาเงินแลกเท่ากันให้ ข้าจะแลกไปคืนเขา ทั้งห่อผ้าก็เอามาคืนด้วย คนงานยอมแลกให้พร้อมทั้งขอลาออก ข้าแลกทุกอย่างมาแล้ว ทำไมเจ้าไม่อยู่ทำงานว่าแล้วคนงานก้หันหน้าออกไป กงอี้นำเอาห่อผ้าไปรอที่ข้างทาง เห็นนางหนึ่งยืนอุ้มลูกร้องไห้อยู่ กงอี้จึงเข้าไปถามนางว่าร้องไห้ทำไม นางก็ว่า เมื่อเช้านี้นางผ่านมาแถวนี้ ระหว่างทางให้ลูกกินนม จึงวางห่อผ้าแล้วลืมทิ้งไว้ ข้างในมีเงินอยู่มัดหนึ่ง กงอี้ถามว่าเงินนี้จะเอาไปทำอะไร นางว่าสามีนางออกไปค้าขายอยู่ข้างนอก ยังไม่กลับมา ที่บ้านพ่อแม่สามีกำลังหนาวป่วย อาการหนักมาก นอนลุกไม่ขึ้นมา 3 วันแล้ว ฉันเกรงจะไม่ไหว ฉันจึงเอาทองหยองไปที่บ้านแม่แลกเงินมาให้มัดหนึ่ง คิดว่าจะเอาเตรียมซื้อโลงและงานศพ นางว่าบ้านยากจนสิ้นหนทาง นอกจากตายเท่านั้น กงอี้จึงหยิบห่อผ้าจากอกออกมา เอาห่อเงินให้นางดู นางพูดว่าใช่แล้ว  กงอี้ถามจนได้ความชัด แล้วก็คืนเงินให้ไป นางถามว่าท่านชื่อเสียงเรียงไร กงอี้ว่าชื่อจางกงอี้ นางจึงว่าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว วันนี้ยังคืนเงินมาให้อีก ไม่มีอะไรตอบแทนบูญคุณ ขอกราบท่านรับเป็นลูกสาวบุญธรรมได้ไหม โปรดอย่าปฏิเสธ ว่าแล้วก็ไปกราบท่านกงอี้เป็นพ่อบุญธรรม กงอี้ว่าก็ขอฝากบุตรสาวบุญธรรมว่า ฉันเห็นเธอเหมือนลูกสาวตนเอง ขอมอบโอวาทแก่เจ้าให้กลับบ้านกตัญญู ประหยัดใช้จ่าย อย่าขืนสามี ให้สงบเสงียมเจียมตน นางตอบรับว่าข้าจะเชื่อฟังคำแล้วก็ลาจากไป ผ่านไป 3 วัน ก็มีคนมารายงานว่าบ้านคนงานคนนั้นเกิดไฟไหม้หมดทั้งหลัง มีผู้ชาย 1 หมู 1 ที่ถูกไฟคลอกตาย กงอี้ได้แต่ถอนใจว่า ไม่น่าเลย  เพราะเขาไม่เชื่อฟังคำข้า ข้าตักเตือนแล้ว เคราะห์จึงมาถึง นี่คือกงอี้ยอมแลกเงิน เป็นขันติที่ 80 ต่อมาภายหลังคนก้แต่งกลอนให้

อาศับบุญบารมีนี้ดูเถิดหนา             แม้คนเลียตาก็สว่างได้
ให้เงินสงสารสะใภ้ดีมีใจ               ให้ชื่อลือไกลเป็นกิตติศัพท์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                 แปดสิบเอ็ดขันติ  :   กงอี้สอนฮูหยิน

        กล่าวคือบ้านของกงอี้รับเลี้ยงทาสไว้ 5 คน เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ จนกระทั่งโตจนอายุได้ 16 - 17 ปี พวกบ่าวชอบทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ แต่กงอี้ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตั้งฮูหยินก็ค่อยว่ากล่าวตักเตือนอยู่เสมอ แต่พวกบ่าวก็ไม่เชื่อฟัง มีอยู่วันหนึ่งกงอี้ไม่อยู่บ้าน พวกบ่าวก็ทะเลาะกันอีก ตั้งฮูหยินได้ยินก็เรียกพวกเขามาที่ห้องโถง สั่งให่คุกเข่าแล้วถามไถ่เอาความ ฮูหยินเอาไม้ตีไปคนละหลายที ก็พอดีกงอี้กลับมาได้ยินเสียงร้องไห้ดังลั่น จึงรีบสาวเท้าเข้ามายังห้องโถง เห็นพวกบ่าวร้องไห้ ในนั้นมีบ่าวคนหนึ่งมีเจ็บแขนซ้ายยกไม่ไหว เห็นมีรอยซ้ำ ฮูหยินเชิญให้สามีนั่งนำน้ำชามาให้ แล้วก็พูดกับกงอี้ว่า พวกบ่าวชอบทะเลาะกันบ่อย ๆ ทั้งนี้เพราะได้ของที่หนักเบาไม่เท่ากัน  ก็จะพูดจาเย้ยหยันไม่ใช้เหตุผล ฉันเลยโมโหตีสั่งสอน แล้วก็หันมาสอนพวกบ่าวไพร่ พวกเจ้าเป็นลูกของคนดี เนื่องจากพวกเจ้ายังเล็กยังไม่เติบโตพอ พ่อแม่พวกเจ้าจึงมอบมาให้ข้าเพื่อสอนทำงาน จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าก็พยายามเลี้ยงดูพวกเจ้าด้วยดี มิใช่จะใช้แรงงานแต่อย่างเดียว แต่เพราะพวกเจ้าชอบทะเลาะเบาะแว้งเถียงเอาชนะกัน ฮูหยินก็เลยโกรธ พวกบ่าวต่างขอบคุณแล้วพูดว่า ต่อไปจะไม่ทำอีก แล้วกงอี้ก็สั่งให้ออกไป กงอี้จึงหันมาสอนฮูหยินว่า มีแต่ให้อภัยและชี้นำพวกเขาในทางดีเท่านั้น ไม่ควรตีพวกเขาให้บาดเจ็บ แล้วก็อ่านโศลกบทคนสมัยก่อนขายลูกว่า

เลี้ยงลูกสาวดุจนกหงส์             ปีข้าวยากหมากแพงได้กี่อัฐิ
โชคดีก็เตือนให้รักตัว               ไม่สู้อยู่ข้างกายแม่
น้ำตาเลือดหลั่งจนแห้ง             เปื้อนเสื้อบนกายฉัน
กรรมสัมพันธ์อดีตยังไม่สิ้น         ดุจฝันวิญญาณคืนกลับ

        พูดจบฮูหยินก็ขอบคุณสามี กงอี้ว่ามีบ่าว 3 คนอายุ  16 - 17  คงต้องให้แต่งงานได้ มีบ่าวชาย 2 คน ก็โตพอจะแต่งงาน ท่านสามีมีเหตุผล ต่อไปฉันจะไม่โกรธบ่าวอีก นี่คือกงอี้ให้อภัยบ่าว เป็นขันติที่ 81 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

รักสงสารคุ้มครองให้เมตตา             กรุณาต่อบ่าวไพร่ดุจลูกตน
คุณธรรมสามีภรรยารู้กมล               รับภาระเสมือนลูกตนหาคู่ครอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ร้อยขันติ   

              แปดสิบสองขันติ  :   มัธยัสถ์ซาบซึ้งคน

        กล่าวคือ บุตรคนโตของกงอี้ไปสอบเข้าราชการได้ กลับมาบ้านบรรดาญาติมิตรอยากมาแสดงความยินดี กงอี้เตรียมพูดดักคอไว้ขอให้รอคอยไว้ขอให้รอคอยไว้ก่อน เวลาเนิ่นนานไปก็ไม่เห็นจัดงานสักที วันหนึ่งกงอี้ไปงานเลี้ยงเพื่อนบ้าน เมื่อเจอหน้าบรรดาญาติมิตร ต่างต่อว่ากงอี้ว่าดูหมิ่นญาติมิตรต้องการประหยัด กงอี้จึงพูดกับพวกเขาว่า ท่านญาติมิตรผู้ทรงเกียรติ โปรดสงสารข้าเถิด บ้านขัดสนไม่พร้อม ญาติมิตรก็ว่า ถ้าไม่มีเงินจริงพวกเราต่างยินดีช่วยเหลือ เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ท่าน กงอี้ว่า นับว่าโชคดีที่ทุกคนมีน้ำใจ ข้าไม่กล้าทำตามตอนนี้ ได้พวกท่านให้ความสงสารรักใคร่ ข้าผู้มีบุญน้อยยอมรับความอัปยศ ข้าหมาน้อยปัญญาหยาบ โชคดีแต่แรกจริงแล้วไม่อวดอำนาจอิทธิพลกลัวจะได้รับโทษ ญาติมิตรพากันหัวเราะเยาะไม่หยุด ก็ให้มีคนแซ่หยางคนหนึ่งชื่อเคียม พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า พวกท่านฟังผู้คงแก่เรียนสักนิดเพื่อให้เหมาะกับวาจาของท่านกงอี้ ที่ยอมอัปยศอดสู ที่ว่าโชคดีแต่แรกมีความหมายลึกซึ้ง ผู้ที่สามารถวิเคราะห์ให้เข้าใจได้ย่อมมีความเจริญในภายภาคหน้า ตัวอย่าง ตัวข้าผู้มีทรัพย์น้อยนิดแต่ทำตัวไฮโซ มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ชอบยืนติดดิน รักษาหน้าตา มีแต่ชื่อจอม
ปลอม เที่ยวหยิบยืมเงินทอง ในที่สุดก็ต้องขายที่นา เพราะหวังกินดีอยู่ดี ไม่ถนอมเงินรักข้าว ทั้งเที่ยวเสพสุรุ่ยสุร่าย เวลาทำบุญก็ขี้เหนียว ความเมตตากรุณามีหรือใครจะเทียบเคียงกงอี้ได้ กงอี้รีบพูดเสริมทันทีว่า ท่านว่าอย่าได้สุร่ยสุร่าย เตือนให้ข้าอย่าทำอะไรฟุ่มเฟือย เครื่องนุ่งห่มไม่ให้เกินเลย อารมณ์ให้เงียบสงบ
บุญจะได้เพิ่มพูน จากนั้นมา ทุกคนต่างก็รู้จักพอเพียงมีมัธยัสถ์ นี่คือความมัธยัสถ์ของกงอี้ เป็นที่ซาบซึ้งคน คือขันติที่ 82 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

รู้จักพอคือพอเพียงทันที               มนุษย์สัมพันธ์เหมาะสมดีไม่เสียหาย
เย่อหยิ่งสุรุ่ยสุร่ายมักล่มสลาย         ครอบครัวสบายด้วยสั่งสมบุญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                แปดสิบสามขันติ  :   อบรมด้วยความดี

        กล่าวคือ กงอี้ไปเจอผู้สอนหนังสือคนหนึ่งชื่อ เท้าชี้มิ้ง จึงได้สนทนากัน ชี้มิ้งกล่าวขึ้นว่า รู้สึกชื่นชมนับถือท่านมานาน วันนี้โชคดีเหมือนจอกแหนลอยมารู้จัก กงอี้ว่า ตาสีตาสาบ้านนอกคนหนึ่งชื่อเสียงจอมปลอมดังไปข้างนอก มาเยี่ยมทำให้เหนื่อยเปล่า ชี้มิ้งว่า มหาบุรุษมีเก้าความคิด เชื่อว่าท่านก็ไม่น้อยกว่าเก้า กงอี้ว่า มุ่งหมายอริยคัมภีร์ มุ่งมั่นให้เป็นตัวอย่าง ข้านั้นแค่คนเลี้ยงสัตว์ จะมีอะไรเหมาะสม ชี้มิ้งว่า ท่านจางก็เหมือนบุรุษพบท่านหนำจื้อ กงอี้ฟังแล้วก็โกรธว่า ท่านพูดงามนัก ทำไมจึงได้ลบหลู่อริยปราชญ์ ท่านลองคิดดู อริยเจ้ามีคุณเสมอฟ้าดิน ธรรมของท่านแทงตลอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน เบื้องบนตั้งแต่ระดับเสนาบดีเรื่อยไปจนถึงระดับล่าง คือประชาราษฏร์ มีใครบ้างจะไม่ได้รับบุญคุณจากท่าน ท่านก็ได้เรียนคัมภีร์ของปราชญ์มา ทั้งยังอาศัยอริยปราชญ์หาเลี้ยงชีพ ทำไมจึงเอาอริยปราชญ์มาเปรียบเทียบกับคนเล่า เคยได้อ่านสูตรกำเอ่งเพียน ของท่านเหลาจื่อไหม การลบหลู่ นินทาปราชญ์อริยะ เป็นการทำลายคุณธรรม ให้ย้อนมาสำรวจตน การว่าเหมือนท่านขงจื่อพบท่านหนำจื้อนั้น ท่านจื่อหลูไม่พอใจ ท่านจึงพูดสบถว่า "ฟ้ากดทับเอย" ดังนั้น คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้คนสอน "วิถีใจแกร่ง" อาศัยสิ่งนี้มาตักเตือน โลกนี้คนเรียนหนังสือมีมาก มีทั้งรุ่งเรืองมีทั้งตกต่ำ ที่รุ่งเรืองเพราะสั่งสมบารมีให้ปรากฏ ที่ตกต่ำเพราะยังไม่นอบน้อม มีลิ้นคะนองปาก ทิ้งขว้างคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ให้ยุติการกระทำ ทิ้งหนังสือไม่เหลือพรหมลิขิตตอบสนอง ไม่กล่อมเกลาคนดื้อโง่ เสเพลเสพกามหลอกลวงผู้หญิง สะสมทับถมนานวัน เพราะฉะนั้นต้องทนลำบากเก็บตัว  เจริญรุ่งเรืองยาก กินอยู่ลำบาก เหล่านี้ล้วนไม่รู้หนทางใหม่ ใจที่ล่วงเกินไม่รู้สึกตัว ถ้าหากสามารถกลับตัว เวลามีจำกัด เพราะฝ่าฝืน คนเรียนหนังสือเป็นโรคสภาพนี้กันมาก ทำไมไม่หยุดสัก 2 - 3 ปี มันร้ายแรงขนาดนี้ ทั้งนี้เพราะดูแคลนสิ่งนี้ เมื่อชี้มิ้งฟังจบเหงื่อแตกท่วมตัวพูดว่า ทีท่านชี้แนะ ศิษย์ผิดไปมาก ขอกราบไหว้ท่านกงอี้เป็นอาจารย์ แล้วจะทำแต่ความดี พอถึงปีที่ 3 เขาก็สอบเข้ารับราชการได้ เมื่อกลับมาก็รีบมาที่บ้านกงอี้เพื่อขอบคุณที่สั่งสอนชี้แนะ แล้วจึงกลับไปบ้าน นี่คือกงอี้อบรมคนด้วยความดี เป็นขันติที่ 83 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

เตือนคนรู้ระเบียบมีกาละ             อีกเทศะแก้ไขที่อวดเก่ง
อริยพจน์ควรเคารพยำเกรง          อย่างข่มเหงจะร่วงสู่เหวอเวจี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           ร้อยขันติ   

                     แปดสิบสี่ขันติ  :   ถูกถ่มน้ำลายไม่ถือโกรธ

        บ้านตระกูลโง้วที่อยู่ใกล้เคียง อาและหลานต่างทะเลาะแย่งชิงสมบัติ ตัวหลานไม่ยอมวิ่งมาหากงอี้ กงอี้ก็ตักเตือนตัวหลานว่า ท่านจูจื้อกล่าวไว้ว่า "พี่น้องอาหลาน แบ่งมากได้น้อย" ตัวหลานฟังแล้วรู้สึกตัวเลิกแย่ง ตัวอาก็มาหากงอี้เหมือนกัน พอได้ยินวาจาที่กงอี้ตักเตือนหลาน ก็ยังไม่ทันได้พบหน้ากงอี้ก็กลับไป ในใจก็ให้คลางแคลงกงอี้ มีอยู่วันหนึ่ง ตัวอาก็ได้พบกับกงอี้ที่บ้านแถวนั้น ก็ถือโอกาสถ่มน้ำลายรดหน้ากงอี้  กงอี้ไม่เช็ดออกปล่อยให้มันแห้งเองเหมือนไม่รู้สึก คนแซ่โง้วถ่มน้ำลายถึง 3 ครั้ง กงอี้ก้ปล่อยวางทำเฉย นายโง้วก็กลับมาคิดแล้วพูดว่า "คนเขายกย่องกงอี้เป็นผู้มีความอดทนผ่อนปรนเหนือคนอื่น" บัดนี้ได้ประจักษ์กับตนเอง ชื่อเสียงไม่ใช่หลอกลวง ข้าเองผู้ทำผิด จึงไปขอร้องกงอี้ให้อภัย กงอี้ว่า เธอไม่มีเรื่องอะไรทำผิดต่อข้า นายโง้วจึงขอให้กงอี้สั่งสอนเรื่องการแบ่งแยกครอบครัวให้ยุติธรรมดีหรือได้เปรียบดี กงอี้รู้ความมุ่งหมายดีจึงท่องกลอนที่คนสมัยก่อนแต่ง เรื่องแบ่งแยกบ้าน ว่า

การแบ่งครัวเสมอภาคดีที่สุด          เอาเปรียบคือไม่รุ้จุดด้อย
กุศลบรรพชนสงสารผู้ได้น้อย         ก็จะคอยแบ่งบุญใครเหมาะสม

        นายโง้วกล่าวต่อ เข้าใจในโอวาทอย่างลึกซึ้ง ข้าอาหลานแบ่งครัวกัน ข้าเป็นผู้ได้เปรียบ ได้ฟังปิยะวาจาจากท่านแล้วข้ากับหลานต้องแบ่งเท่ากันถึงจะดี แล้วก้เรียนเชิญท่านกงอี้ไปที่บ้าน นี่คือกงอี้ถูกถ่มน้ำลายไม่ถือโกรธจนซาบซึ้งคน เป็นขันติที่ 84 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

รองรับคนด้วยความจริงใจ                  เศร้าหลีกไกลห่างทุกข์ด้วยสงสาร
น้ำลายถ่มหน้าสอนมักน้อยบุญไพศาล   แบ่งเสมอกับอาหลานปรองดอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          ร้อยขันติ   

                   แปดสิบห้าขันติ  :   แซ่ทั้ง อยากขายมรดก

        กล่าวคือ บ้านใกล้กันมีชายคนหนึ่งอยู่คนเดียว ชื่อ ทั้งไจ้เลี้ยง เพราะยากจนก็จะเอาทรัพย์สินที่เป็นมรดกค่าประมาณ 100 ชั่ง มาค้ำประกันขอยืมเงิน 80 พัน อีแปะ  ส่งดอกปีละข้าว 3 เจี๊ยะ 2 ถัง ตลอดหลายปีมากงอี้ไม่เคยได้รับดอกเต็มเลย พอดีฝนแล้งก็ไม่มีดอกส่ง นายไจ้เลี้ยงก็มาบอกกงอี้ของเงินอีก 20 พันอีแปะแล้วจะยกทรัพย์สินให้ทั้งหมด จะได้ย้ายไปหากินที่อื่น กงอี้จึงตักเตือนว่า เกิดเป็นคนต้องอดออมสร้างครอบครัว แล้งก็ไม่นาน กงอี้จึงยกเรื่องโบราณให้ไจ้เลี้ยงฟังว่า ใครบ้างไม่อยากมีเงินบ้าง ทำอย่างไรได้มีกี่คน ใครบ้างไม่อยากมีทรัพย์สิน ทำอย่างไรได้รักษาได้มีกี่คน บ้านร่ำรวยด้วยสั่งสมบุญมา ทำอย่างไรได้อย่างใจอยู่ที่มือ อันธพาลรีดไถอิทธิพลทำไม่ได้ กงอี้ใช้ปิยวาจาเป็นเพื่อนดี จึงยอมปล่อยเงินให้เขาอีก ตั้งใจแกล้งยืมเอาเงินเขา ตั้งใจหลอกลวงเอาไปเล่นพนัน ตั้งใจเอาไปดื่มสุรา เคล้านารี ใช้แผนต่าง ๆ นา ๆ เช่นพวก 18 มงกุฏ มีแต่ข้าใคร่ครวญในคืนสงบ พวกนี้จะร่ำรวยได้นานหรือ ฟ้าควบคุมจะร่ำรวยมีเวลา ภายหลังผลตอบสนองรู้หรือไม่ พอท่องจบก็พูดกับไจ้เลี้ยงว่า ดอกผลยืดไปก่อน ให้เธอไว้ใช้กิน  ให้ขยันไถหว่าน  ย่อมมีปีเก็บเกี่ยวงาม ขายมรดกไม่ดีแน่ ตกงานง่ายสร้างงานยาก รักษาได้สำเร็จก็เป็นธรรมต่อบรรพชน นายไจ้เลี้ยงรู้สึกเข้าใจกลับบ้านไป ทำงานจริงจัง ต่อมาก็มีเงินพอใช้ นี่เพราะกงอี้สงสารคนจน เป็นขันติที่ 85 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

จนตรอกบังเกิดจิตฟ้า             เตือนคนรักษามรดกไว้
โบราณมีคติสอนใจ               ทรัพย์สินใช้ใจหาได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ร้อยขันติ   

                แปดสิบหกขันติ  :   ยังประโยชน์แก่คน ปลดเปลื้องแค้น

        กงอี้มียา "ขนานเอก" สามรถช่วยคนเจ็บป่วยได้มีนายคนหนึ่ง แซ่เงี้ยม ชื่อ เกี้ยวใช้ บ้านยากจน มีบุตรสาวคนหนึ่งอายุ 20 ปี ป่วยหนักมาเป็นแรมปีจวนจะตายแล้ว คิดจะใส่ร้ายกงอี้ จึงได้มาหากงอี้เพื่อขอยาไปรักษาลูกสาว กงอี้ให้ไปชุดหนึ่ง พอกินไปได้ครึ่งชุดก็เสียชีวิต วันรุ่งขึ้น ขณะที่หญิงคนนั้นตาย ก็มีนายเนี้ยเจ็กเสียง กำลังคุยกับกงอี้เรื่องเวรกรรม ก็เห็นเกี้ยงใช้มาถึงบ้านกงอี้แล้วพูดว่า อาศัยท่านให้ยาเม็ดฆ่าคน พอกินก็ตาย กงอี้ว่า ทำไมพูดแบบนี้ คนใช้ยาจำนวนหลายคน รักษาก็หายมากมาย นายเกี้ยงใช้ว่า ลูกสาวข้ายาของท่านฆ่าตาย เนี้ยเจ็กเสียงพูดว่า ได้ยินว่าลูกสาวท่านป่วยมานานแล้ว จะมาโทษยาได้อย่างไร นายเกี้ยงใช้ว่าข้าจะหามมาให้กับกงอี้ กงอี้ว่ายาเม็ดยังเหลืออยู่หรือไม่ นายเกี้ยงใช้ว่ายังเหลือครึ่งหนึ่ง กงอี้ว่าเธอกลับไปเอาที่เหลือมา นายเกี้ยงใช้กลับไปเอายา เนี้ยเจ็กเสียงก็พูดว่า คน ๆ นี้ไม่มีน้ำใจ เขาจะให้ร้ายกับท่าน กงอี้ว่า คงมีทางออก ชั่วไม่นานเกี้ยงใช้ก็นำยามาให้แก่กงอี้ กงอี้ว่า เธอว่ายาของข้ามีพิษ ข้าก็จะเอายามาทดสอบ ถ้าหากกินแล้วตายฉันจะชดใช้ชีวิตลูกสาวเธอ นายเกี้ยงใช้ว่า ท่านไปทดสอบ ข้าจะเอาโลงศพ ไม่ทดสอบข้าก็จะเอาโลงศพ นายเนี้ยเจ็กเสียงฟังแล้วพูดว่า ฟังสภาพเธอพูด ถ้าไม่มีโลงศพไม่ยอมเลิก เกี้ยงใช้ว่า ถ้าไม่มีโลงศพก็จะพูดว่ายาพิษ นายเจ็กเสียงว่าพูดอย่างนี้ก็ดีทำตามจิตฟ้า แม้จะไม่มีโลงศพก็พูดไม่่ได้ว่ายามีพิษ กลายเป็นทำลายการแพทย์ กงอี้คิดอยู่นานก็พูดว่า ให้มาเอาโลงศพได้ นายเกี้ยงใช้ดีใจว่า ขอบคุณมาก ๆ โลงศพนี้ประมาณ 2 พันอีแปะ เมื่อยกโลงศพไปแล้ว กงอี้ก็ยังกังวลใจว่าเรื่องนี้ถูกใส่ร้าย วันหลังให้ยาใครต้องระมัดระวังมีตัวอย่างเคยมาแล้วก็จะไม่ถูกใส่ร้ายอีก เจ็กเสียงว่า มีคติพจน์ว่า พบเรื่องหนึ่งก็ฉลาดเรื่องหนึ่ง แล้วก็พูดว่านายเงี้ยมเกี้ยงใช้ ลูกตายก็กล่าวหายากงอี้มีพิษแบบนี้ไม่ดี เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน คนในบ้านเกี้ยงใช้ก็เจ็บป่วยกันทุกคน แม้แต่ความยยังไม่มีคนเลี้ยงจนอดตาย งานในนาก็ไม่มีคนทำ จึงวานคนให้มาหากงอี้เพื่อขอยา คนในบ้านไม่ยอมให้ กงอี้ว่ายังประโยชน์แก่ผู้อื่น ยังจะมีความแค้นส่วนตัวอีกหรือ ว่าแล้วก็ให้ยาเขาไป พอได้ยาโรคก็หายกันทั้งบ้าน นายเกี้ยงใช้จึงพูดกับคนอื่นบ่อย ๆ ว่า บุญคุฯต้องตอบแทน ข้าขอเป็นพยานว่า ท่านกงอี้ให้ประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยปลดเปลื้องความแค้น เป็นขันติที่ 86 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้ว่า

ให้ประโยชน์คนเรื่องประหลาดมาก        ให้ยาปลดทุกข์ยากยังให้โลงแถม
สั่งสมบุญที่สุดไม่เป็นเรื่องแซม            บุญคุณตอบแทนปล่อยตามธรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                      ร้อยขันติ   

             แปดสิบเจ็ดขันติ  :   ตั้งไหน้ำชาถูกตีแตก

        บ้านของท่านกงอี้อยู่ติดถนนใหญ่ มีผู้คนเดินผ่านไปมามาก พอถึงฤดูร้อนจะมีคนมาดื่มน้ำชากันมาก กงอี้จึงตั้งไหน้ำชาเพื่อให้คนดื่ม แต่ไม่รู้ว่าไหชาถูกใครตีแตก ก็ได้แต่ตระเตรียมไหใบใหม่ไปทดแทน ก็ยังถูกตีแตกอีก  เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 3 ครั้ง กงอี้ก็ไม่ถือสา เพียงต้องการให้คนไปมาได้ประโยชน์ก็พอ ได้แต่ค่อยตระเตรียมใบใหม่  วันหนึ่ง ทันใดก็มีเด็กชายข้างบ้าน แซ่เอี้ย ชื่อ เพ้า วิ่งมาหากงอี้ ขอร้องให้ช่วยเหลือคุ้มครองหน่อย เขาพูดว่าบิดาควบคุมเข้มงวดทนไม่ได้ กงอี้ว่าพ่อเจ้าตีเจ้าทำไม เอี้ยเพ้าตอบว่า ไม่มีสาเหตุ กงอี้ว่า มีอย่างนี้ด้วยหรือ  ขณะนั้น พ่อของเอี้ยเพ้าก็ถือไม้ตะพตเข้ามา มองเห็นเจ้าเพ้าอยู่ต่อหน้ากงอี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น กงอี้ว่า ตีลูกมีความผิดอะไร  พ่อเอี้ยตอบว่าลูกไม่รักดี กล้าทำผิดกับนายท่าน เพราะลูกน้อยตีไหชาของท่านแตกจึงต้องตี กงอี้ว่า แม้จะตีไหชาของข้าแตกก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าไม่ถือสาลูกน้อยของเธอหรอก นายเอี้ยว่า ขอความกรุณาของท่านเมตตาข้าด้วย กงอี้ว่า ปกติข้าตั้งไหชาให้คนอื่นดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว ฟ้าใช้ให้ลูกน้อยของเธอมาตีแตก หมายความว่าฟ้าได้เตือนข้าให้มีใจมั่นคง ว่าแล้วก็พูดโศลกให้ฟังว่า

ตั้งไหชาเรื่องเล็กยังไม่มั่นคง             ฟ้าให้ลูกข้างบ้านมาตักเตือนข้า
ถ้าบำรุงให้คนอื่นชุ่มชื่นปากคอ           ข้าก็จะระมัดระวังหวนกลับคิด
ข้าให้ทานน้ำชามานานแล้ว               เตือนพ่อลูกให้กลับไปด้วยกัน
ต่างให้เมตตากตัญญูสอนธรรม           อย่าเป็นเพราะข้ามาถกเถียงกัน

        นี่ด้วยกงอี้ให้ทานน้ำชา เป็นขันติที่ 87 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ตรวจสอบความประสงค์คนมา             เมื่อกลไกมาจึงเข้าใจถึงฟ้า
สอนแนะเขาจากทานน้ำชา                บอกให้มีเมตตากตัญญู

Tags: