ร้อยขันติ
เจ็ดสิบแปดขันติ : เตือนให้หยุดฟ้องร้อง
มีวันหนึ่ง มีคนสองคนมาหาที่บ้าน คนหนึ่งชื่อ อึ้งเส้า อีกคนชื่อ ลี่กัง ทั้งสองพากันมาหากงอี้เพื่อขอคำปรึกษา กงอี้เชิญคนทั้สองนั่งลง แล้วก็ถามถึงความประสงค์ที่มาหา นายอึ้งเล้าพูดว่า ฉันปล่อยเงินให้นายคังทังกู้ไป 5 พันอีแปะ วันนี้ไปขอทวงเงินนายคังทังไม่ให้แถมยังถูกด่ากลับมา โชคดีที่นายลี่กังช่วยห้ามเอาไว้ ถ้าไม่คงถูกตีแน่ ๆ ฉันคิดจะไปฟ้องศาล คุณลี่ยินดีจะไปเป็นพยานช่วยฉัน จึงมาขอคำชี้แนะจากท่าน กงอี้ว่า ถ้าเป็นข้าก็จะไม่ฟ้องร้อง แต่ที่ถูกต้องเรียมหาผู้ใหญ่บ้านไปช่วยเจรจา ไม่จำเป็นต้องไปผูกเวร และก็ไม่ต้องไปใช้จ่ายที่ศาลไม่ต้องไปวิ่งเต้น นายลี่กังก็พูดต่อว่า ความเห็นกงอี้ใช้ไม่ได้ปล่อยกู้แถมถูกด่า ไม่ฟ้องศาลทำไมต้องอ่อนข้อแบบนี้ กงอี้ว่า ท่านยอมช่วยเหลืออึ้งเล้าเป็นพยานใช่ไหม นายกังว่า ฉันยอมเหน็ดเหนื่อยไม่ยอมให้เอาเปรียบ กงอี้ถามต่อว่าต้องใช้เงินหรือไม่ นายกังว่า คำนวนดูต้องใช้เงิน 2 หมื่นอีแปะ กงอี้ถามว่า แล้วนายกังยอมช่วยเหลือเงินหรือไม่ นายกังว่า กงอี้พูดแบบบัณฑิต เพียงแต่เป็นพยานเท่านั้น มีที่ไหนจะช่วยเหลือเงิน กงอี้รู้จักนายกังดีว่าเป็นคนที่ชอบยุยงให้เขาฟ้องร้องกัน เป็นการทำลายครอบครัวชาวบ้าน จึงเรียกนายเล้าออกมาพูดกันข้างนอกบ้านว่า วันข้างหน้าค่อยมาพูดให้ชัดเจน อย่ารีบก่อคดี ว่าแล้วทั้งนายอึ้งและนายลี่ก็แยกย้ายกันกลับไป ระหว่างทางนายลี่ก็พยายามยุแยงว่านั่นว่านี่ บอกให้นายอึ้งไปฟ้องร้องให้ได้ นายอึ้งกลับมาถึงบ้านก็เตรียมเหล้ายาปลาปิ้งมาเลี้ยงนายลี่ ระหว่างกินเหล้าก็พยายามรบเร้าให้นายอึ้งเล้าไปฟ้องร้องให้ได้ หลังจากกินเหล้าหมดแล้วก้กลับไป ภรรยานายเล้าบอกว่า อย่าไปฟังคำพูดของนายลี่ นายลี่กังมีปัญหามาตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบก่อคดีจนบ้านแตก ตอนนี้ก็อายุกว่าหกสิบแล้ว มีลูกชาย 5 คนก็ตายหมด มีลูกสวา 3 คนก็ตายเรียบ ตลอดชีวิตชอบผิดประเวณี ชอบยุยงชาวบ้านก่อคดีความ ตอนนี้ลำพังตัวคนเดียวก็ลำบาก หากินโดยให้ชาวบ้านฟ้องร้องกัน บุตรชายนายอึ้งเล้าก็ปรามพ่อ บุรชายคนโตมาหากงอี้ที่บ้านเพื่อขอความเห็น กงอี้ว่า ข้าเตือนพ่อเจ้าให้ยุติเรื่องนี้ หนี้ต้องค่อย ๆ เอาคืน พ่อเจ้าเชื่อฟังคำของลี่กังไม่เชื่อฟังคำของข้า ข้าจะอ่านกลอนคดีความให้เจ้าฟัง
ฟ้ากำเนิดฉันต้องมีประโยชน์ ทำไมไม่่พึ่งตนเองไปทำ
อาชีพต่าง ๆ ต้องเร่งฝึกฝน ที่แผกไปทำร้ายคนนั้นชั่ว
ไม่คล้อยตามโลกระเบียบดี ยอมลดตัวต่ำชื่อเสีย
วางแผนทำลายคนให้ย่อยยับ ปากกามีดจิ้มป่วยชีวิต
เพียงหวังหาเงินจากกองกรรม เป็นทางดับความเจริญลูกหลาน
ไม่รับผิดชอบบุญคุณพ่อแม่เลี้ยง เสียชาติเกิดมาชีวิตหนึ่ง
คนดีไม่เหมือนคนชั่วแกร่ง ฟ้าคุ้มครองคนดีให้ร่ำรวย
คิดแล้วก็มีแต่ฟ้าเบื้องบน เตือนเจ้ายุยงคนเข้าใจที่ดี
ผิดไปแล้วแก้ไขเป้นปราชญ์อริยะ จึงจะได้เป็นผู้ถูกนับว่าคนดี
ถ้าไม่แล้วตวัดลิ้นด้วยความโลภ ก็จะทุกข์เข็ญตลอดชีวิตเอย
พออ่านจบก็เอากลอนคดีของคนโบราณส่งให้ลูกชายนายเลังกลับให้พ่ออ่าน ลูกชายกลับถึงบ้านก็นำออกให้พ่ออ่าน บทหยุดก่อความว่า ในโลกนี้เคราะห์มาจากคดีความ เกิดขึ้นเนื่องจากติดตาม เจอคนอยากฟ้องร้องด้วยความโกรธ คนข้าง ๆ คอยหาโอกาสยุยง ตกสู่กงนรกไม่รู้สึกตัว เมื่อเรื่องเข้าศาลแล้วยิ่งหนักถูกพนักงานทั้งสอบทั้งสวนทั้งจับขู่ตะคอก ถูกขังหน่วงเหนี่ยวไม่ได้กลับบ้าน เสียหายเสียเวลาทำไร่ไถนา ส่วนใหญ่ธุรกิจถูกคดีพังทลาย ชีวิตก็พลอยดับสูญ ถึงแม้จะชนะคดี จิตดีงามของตนมีประโยชน์อันใด อายุขัยใช่ว่าจะมีมากนัก แค่พริบตาก็แค่ความฝันหนึ่ง พออ่านจบนายอึ้งเล้าผู้เป็นพ่อก็ทอดถอนใจว่า ดีนะที่กงอี้สะกิดใจให้ตื่น ถ้าไม่แล้วพวกเราคงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของลี่กังเป็นแน่ ขณะเดียวกันนั้น บุตรชายคนที่ 2 ของอึ้งเล้าก็เข้ามาบอกว่านายลี่กังตกน้ำยังหาศพไม่เจอ ทั้งพ่อแม่ลูกต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า ธรรมแห่งฟ้าชัดแจ้ง นี่ก็เป็นคำเตือนของกงอี้ไม่ให้ก่อคดีฟ้องร้อง เป็นขันติที่ 78 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้
หยุดฟังเขายุแหย่ให้ฟ้องร้อง เขาหมายปองทรัพย์สินก็ไม่ได้
มองเห็นเหตุผลกระจ่างวางใจ เจริญได้ไม่ตรากตรำแสนเข็ญ