collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57738 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ  
 
              สี่สิบแปดขันติ  :  สอนให้คนซาบซึ้งพระคุณแม่

        กงอี้จะไปเยี่ยมเพื่อนข้างนอก ระหว่างทางพบหญิงกลางคนนางหนึ่งกำลังร้องไห้  ข้าง ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเอะอะโวยวาย กงอี้จึงเข้าไปถาม คุณนายทำไมร้องไห้อยู่ข้างทางอย่างนี้ นางเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า นายท่านไม่รู้อะไร ความทุกข์ยากของอีฉันพูดไม่ออก กงอี้ว่า มีอะไรเจ็บแค้นก็พูดความจริงออกมาให้ฟัง นางก็ชี้มาที่ชายหนุ่มว่า คนนี้เป็นลูกชายของอีฉัน ตอนอายุแค่  5 ขวบก็เสียพ่อไป บ้านก็ยากจนต้องทนลำบากมากมาย เลี้ยงลูกจนอายุได้ 13 ปี   ที่บ้านมีที่ดินปลูกข้าวได้แค่ 8 ถังเท่านั้น ฉันต้องไปตัดหญ้ามาขาย รับจ้างทำรองเท้าบ้าง เย็บเสื้อผ้าบ้าง เพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงชีพ  ก็เอาลูกคนนี้ไปช่วยเลี้ยงวัวที่บ้านแซ่จิวได้ 2 ปี โดยไม่ได้เงิน เพียงแค่แลกข้าวกินเท่านั้น วันนี้ก็มาทำงานที่บ้านแซ่ตั้ง เป็นคนงานระยะยาว ปีหนึ่งได้เงิน 5 พวง ปีที่แล้วเบิกเงินมาแค่ 800 อีแปะมาให้ฉัน บังเอิญปีนี้ฉันป่วยบ่อย ไปทำงานไม่ไหว ไม่มีเงินกินข้าว จึงมาหาลูกชายขอเบิกเงินสักสี่ร้อยอีแปะ ลูกมันจึงทะเลาะกับอีฉัน มีคนบอกให้ฉันฟังว่า ลูกมันไม่รักดี ได้เงินมาก็ไปเที่ยวผู้หญิง ครั้งแรกอีฉันไม่เชื่อ  ดูสภาพแล้วน่าจะเป็นเรื่องจริง นายท่านลองดูซิว่าลูกอกตัญญูคนนี้ใช่คนหรือไม่ กงอี้ว่าข้าเห็นเธอก็หน้าตาดี ถึงแม้จะเป็นคนใช้แรงงาน แต่ก็ดูเป็นคนฉลาด เกรงแต่ว่าจะไม่มีคนชี้แนะ ชายหนุ่มก็ถามว่า นายท่านเป็นใคร  กงอี้ว่าคนเขาเรียกฉันว่า  จางกงอี้
ถามหน่อยว่าเธอชื่อแซ่อะไร  เขาตอบว่าแซ่เฮ้ง  ชื่อเจ็งทั้ง  กงอี้ว่า แม่เธอบ่นว่าทุกข์ลำบาก เธอรู้หรือเปล่า เจ็งทั้งหน้าแดง ไม่ตอบ กงอี้จึงพูดอย่างจริงจังว่า ภายใต้ฟ้าดินนี้พ่อแม่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นคนไม่รู้จักกตัญญูพ่อแม่ ไม่คิดว่าพ่อแม่มีใจรักลูกเพียงใด อุ้มท้อง 10 เดือน ลำบาก
สุดแสน เลี้ยงนม 3 ปี หนื่อยไม่รู้ปานไหน วางแผนเลี้ยงดูต่าง ๆ นา ๆ  ลำบากขนาดไหนก็เพื่อลูกน้อยกับครอบครัว แม่เธอยังเป็นหญิงหม้ายยิ่งยากลำบากกว่าต้องอดออมใช้จ่าย ทั้งยังต้องรักษาความเป็นกุลสตรี ต้องมีความสงบสุขจึงนับเป็นหญิงดี เธอทำไมจึงใจไม้ไส้ระกำทำสิ่งเลวทราม ขาดหลักมนุษยธรรม กล้าต่อปากต่อคำกับแม่ คนสมัยก่อนว่า พ่อแม่ให้กำเนิดกายเทียมเท่าฟ้า เธอกล้าที่จะถือดีกับฟ้าหรือ ลองดูตัวอย่างซิ ที่ว่าราชาขุนนางนั้นมีใครบ้างที่ไม่กตัญญูเป็นพื่นฐาน คนที่ร่ำรวยอายุยืน มีหรือที่ไม่บ่มเพาะคุณธรรม  เจ็งทั้งพูดว่า ฉันไม่เคยเรียนหนังสือ และก็ไม่มีคนสั่งสอน วันนี้ได้ฟังวาจาของท่านฉันผิดไปแล้ว กงอี้ว่า อันความชั่วทั้งหลายเสพกามเลวร้ายที่สุด อันความดีทั้งมวลกตัญญูเป็นเลิศ เธอดูคนที่กตัญญูจะร่ำรวยมีศักดิ์   เสพกามชาวบ้านมักไม่มีลูกสืบสกุล อายุสั้น  กรรมตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว คนดีมีเคราะห์ก็พ้นแก้ไขเป็นคนดีได้ เป็นพื้นฐานของคนข้อแรก เจ็งทั้งจึงคุกเข่าขอโทษแม่   และขอบคุณกงอี้ที่สั่งสอนจากนี้ไปจะไม่เดินทางชั่ว  ช่วย้หลือแม่เต็มที่ ต่อมาเขาก็เป็นลูกกตัญญู  นี่คือกงอี้สอนคนให้ซาบซึ้ง เป็นขันติที่ 48 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

ความกตัญญูไม่กี่คำพูด             ทำให้ลูกอกตัญญูกลับใจได้
ฟ้าคุ้มครองหากตั้งใจแก้ไข         วาจากงอี้ไซร์ดุจเซียนทอง  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14/06/2011, 20:05 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ   

                สี่สิบเก้าขันติ  :  ถูกตีไม่ถือโกรธ  สอนละกามราคะ

        วันหนึ่ง  เพื่อนนักเรียนแซ่เอี้ยตั้งใจมาหากงอี้ที่บ้าน กงอี้ก็เชิญเขาเข้ามานั่งในห้องหนังสือ คุยกัยถึงเรื่องเก่า ๆ  ตอนหลังนาย้อี้ย่ฮี่ยงจิ่งก็พูดว่า เพื่อนเกลอเข้าใจธรรมะลึกซึ้ง อยากขอให้สอนเรื่องการระงับกามารมณ์ ข้ายังไม่เคยล่วงเกินหญิงอื่น  แต่พอข้ามองดูผู้หญิงก็เกิดกามารมณ์ขึ้นแล้วมาลงที่ภรรยา  ซึ่งก็ไม่สามารถกดข่มอารมณ์ทางเพศลงได้ ไม่รู้ว่าตนเองมีอุปสรรคอะไร ขอให้เพื่อนเกลอสอนวิธีการใช้ข้าสักหนึ่งวิธี กงอี้หัวเราะแต่ไม่พูด นายเฮี่ยงจิ่งก็ลุกมาข้างหน้ากงอี้แล้วต่อยไปหมัดหนึ่งพร้อมพูดว่า ร้องขอแต่ไม่พูดแถมยังหัวเราะอีก กงอี้รีบให้เพื่อนนั่งลง แล้วก็เริ่มพูดถึงการเสพกามว่า ทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย การที่จะไม่ให้เกิดอันตรายนั้นต้องใช้ศีลธรรม เมื่อเห็นผู้หญิงชาวบ้านก็ให้คิดว่าเป็นพีสาวหรือน้องสาว หากหญิงมีอายุมากก็คิดว่าเป็นคุณแม่ ถ้าเป็นเด็กก็นึกเสียว่าเป็นลูกสาว ผู้อาวุโสสอนให้ละกามมีกลอนว่า
       
        คนสวยใครก็ชอบงามโสภา             พระเจ้าฟ้าจักข่มเหงไม่ได้
        หญิงอื่นอันหาควรเสพกามไม่          เมียฉันไซร์อย่าได้มาแตะเลย

        วิธีการนี้เป็นการละการล่วงของกาม และยังมีข้อห้ามการเสพเกินขอบเขต  กลอนว่า
 
        ไฟราคะลุกให้คิดถึงหญิงอาย             คนตายหนอนไซไม่เหมือนคน
        มือไม้เน่าเหม็นกลิ่นเหลือทน             หมดกมลรักหลงรูปโฉมตรู

        นี่ก็คือวิธีขจัดมารรูปโฉม เฮี่ยงจิ่งฟังแล้วก็รีบขอบคุณกงอี้ที่ให้ปิยะวาจาสอนสั่ง จึงรีบขออภัยที่ล่วงเกิน นี่คือกงอี้สอนคนให้ละความใคร่
อยากในกาม เป็นขันติที่ 49   ต่อมาคนแต่งกลอนให้

รู้จักระงับไม่เสพกามมั่ว             ใจคิดชั่วใคร่เสพมีวิธี
ให้คนดูที่นี่เหมือนพระชี้            กงอี้บอกวิธีน่าเลื่อมใส

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ 

                  ห้าสิบขันติ  :  บริจาคโลงศพครูประจำบ้าน

        กงอี้ได้จ้างครูสอนประจำบ้านนายเซงข่วย แซ่ตั้ง  ให้ค่าตอบแทนสูง แต่ครูตั้งเป็นผู้ที่มีความอบรมไม่พอ นิสัยไม่หนักแน่น ขั้เกียจทำการสอน เป็นผู้ไม่รับผิดขอบต่อหน้าที่ กงอี้ก็พยายามอดทนมาโดยตลอดไม่คิดถือสา ครูตั้งก็เสียนิสัย ในที่สุดก็เสียศักดิ์ศรีผู้คงแก่เรียน พอถึงสิ้นปีกงอี้ก็หยุดจ้างแล้วหาคนใหม่ ครูตั้งกลับไปถิ่นเดิม แล้วพยายามหาโรงเรียนเข้าสอน อยู่ไปไม่ถึงปีก็ถูกเจ้าของโรงเรียนเอาเรื่อง มีการฟ้องร้องถึงอำเภอ ครูตั้งแพ้คดีข้อหาทำลายศาสนา จากนั้นว่าทุกแห่งก็ถือว่าครูตั้งเป็นคนเลว ไม่มีโรงเรียนไหนรับเป็นครู เขามักพูดกับคนอื่นว่าอยากไปสอนตามบ้านอีกสักครั้งหนึ่ง มีคำกล่าวว่า วาสนาไม่มีสองหน ภัยเคราะห์ไม่มาครั้งเดียว ปีถัดมาเกิดภัยแล้ง ครูสอนประจำบ้านก็ไม่มีใครจ้าง อีกทั้งเจ็บป่วย ไม่มีจะกินจึงตายลง ไม่มีคนเหลียวแล กงอี้เห็นแก่ว่าเคยมาทำงานที่บ้านจึงหาซื้อโลงศพและฝังให้ นี่ด้วยกงอี้เป็นผู้ให้ความสำคัญครูประจำบ้าน เป็นขันติที่ 50  ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ดี  ดี  ชั่ว  ชั่ว  สนองยุติธรรม             ทำดีขึ้นทำชั่วตกไม่มีเยื่อใย
ศักดิ์ศรีมีได้ด้วยใจภักดีไว้                 คัมภีร์หรือทำให้ผู้เรียนสีย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ   

            ห้าสิบเอ็ดขันติ  :  ถูกด่าไม่ถือสาพ้นความ

        วันหนึ่ง  กงอี้นั่งรถม้าไปเที่ยวนอกเมืองทางตะวันตก พบลูกชายแซ่อวง ชี้หน้าด่าทอส่งเดช บ่าวจะเข้าไปตี แต่กงอี้ห้ามไว้แล้วบอกว่าแล้วแต่ดวงชะตา อย่าไปก่อกรรมเลย วันรุ่งขึ้น นายอวงก็มาที่กงอี้เพื่อจะซื้อข้าวสารเงินเชื่อ บ่าวไพร่จึงเล่าเรื่องเมื่อวานให้นายอวงจึงมาขอโทษกับกงอี้ แต่ไม่คาดคิดลูกนายอวงก็ไปด่าส่งเดชคนแซ่อึ้งบ้านทางทิศใต้ เขาจึงถูกตีบาดเจ็บ กลับบ้านตกกลางคืนก็ตายลง นายอวงจึงไปฟ้องร้องต่อศาล บ้านข้างเรือนเคียงต่างโดนข้อกล่าวหาหมดยกเว้นกงอี้ นี่ก็เพราะกงอี้ไม่ได้ตอบแม้ถูกด่า เป็นขันติที่ 51 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

คนทั่วไปถูกด่าใครยอมบ้าง             คงตอบโต้หาเหตุอ้างให้ชัดแจ้ง
อันเคราะห์ภัยคนแส่หาฤทธิ์สำแดง     กงอีไม่แสร้งถือสาสบายแฮ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ร้อยขันติ   

                ห้าสิบสองขันติ  :  คนเอาเปรียบถูกลงโทษ

        กล่าวคือ กงอี้ซื้อโคจากคนแซ่เฮ้ง 1 ตัว  ด้วยเงินจำนวนหนึ่งพันสองร้อยอีแปะ โดยจ่ายเงินหมดแล้ว  กงอี้นำโคไปเลี้ยงได้ 2 เดือนนายเฮ้งก็ถูกคนเขายุแหย่ว่าโคตัวนี้ควรมีราคาสองพันอีแปะ  นายเฮ้งจึงนำเอาเงินมาคืนให้กงอี้แล้วจะนำโคคืน ชาวบ้านต่างว่ามีเหตุผลอะไร ค้าขายผ่านไปนานแล้วจะมีเรื่องนี้ได้อย่างไร กงอี้ก็ยอมให้นายเฮ้งนำโคกลับไป ชาวบ้านต่างหัวเราะว่ากงอี้อ่อนแอ นายเฮ้งนำโคกลับไปได้ 5 วัน โคเกิดเป็นโรคตายลง นายเฮ้งก็นำโคมาชำปหละเนื้อขาย  นายอึ้งสัมกอ ก็ไปรายงานกับทางการว่านายเฮ้งฆ่าโคไถ่นา ขณะนั้นทางการมีกฏหมายห้ามฆ่าโคไถ่นา  นายเฮ้งกลัวความไม่ยอมไป ก็ไปไหว้วานคนไปเสียเงินเสียทองไปกว่าสามพันเพื่อเลิกล้างคดีนี้ ชาวบ้านรู้เรื่องนี้เขาก็รู้สึกประหลาดใจ มักว่ากงอี้มีพระคุ้มครอง นี่เพราะกงอี้ยอมคนจึงได้ประโยชน์  เป็นขันติที่ 52 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ยอมให้คนไม่ใช่เรื่องแออ่อน             ยอมปรนผ่อนเขาเจอเรื่องคดีเป็น
ตอบแทนลงทษแบ่งชัดเจน               ฟ้ามีธรรมเด่นเสมอภาคกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     ร้อยขันติ 

              ห้าสิบสามขันติ  :  อดทนไม่ก่อคดีได้โชค

        กล่าวคือ  กงอี้มีนาข้าวซึ่งมีคันนากั้นติดกับนาของคนแซ่กังกับแซ่เฮ้ง  แต่นาของกงอี้อยู่ถัดหลังไป เนื่องจากเกิดฝนแล้ง คนแซ่กังกับเฮ้ง จึงปรึกษากันไม่ให้กงอี้ปล่อยน้ำเข้านา โดยบอกกับคนงานกงอี้ว่า ถ้าหากเจ้านายของท่านต้องการน้ำเข้านา  แต่ละปีจะต้องจ่ายค่าน้ำผ่านนาของข้าทั้งสองคนเป็นข้าวคนละหนึ่งเจียะ เราจึงจะยอมปล่อยน้ำให้  คนของกงอี้จึงแจ้งให้เจ้านายทราบว่า คนสองแซ่ต้องการค่าน้ำผ่านนา ทำแบบนี้ผิดระเบียบ ถ้าพวกเขาขวางมา เราก็ไปแจ้งความเอาไหม กงอี้จึงบอกกับคนงานว่า "ผ่อนปรน เมื่อเขาขวางย่อมมีฟ้า ก่อคดีไม่พ้นนาบุญแห้งแล้ง สู้ขุดบ่อเก็บน้ำไม่เปล่าแรง มีน้ำใช้ไม่แห้งบุญอยู่ครบ"  แล้วกงอี้ก็เรียกคนงานไปขุดบ่อน้ำในที่นาของตน คนแซ่กังและเฮ้งเกิดเหม็นหน้ากันก็เกิดภัยแล้งขึ้น ก็เกิดแย้งน้ำรื้อคันกั้นนาจนเกิดตีกันขึ้นได้รับบาดเจ็บ จึงเกิดแจ้งความฟ้องร้องกล่าวหากันขึ้น ทั้งสองแซ่ฟ้องร้องเป็นคดีกันนานเป็นปี จนหมดเงินตาม ๆ กัน จึงเอานาขายให้กงอี้ นี่คือความอดทนของกงอี้ที่ไม่ก่อคดีจึงได้หมด เป็นขันติที่ 53 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

พื้นใจสว่างไสวมีสติ             ตลอดชีวิตมีอิสระเสรี
อารมณ์ปรองดองสามัคคี       เป็นทุนที่มั่งคั่งดุจได้จากฟ้า       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ     

         ห้าสิบสี่ขันติ  :   ส่งเสริมคนให้บำเพ็ญมนุษย์สัมพันธ์

     หมู่บ้านที่ห่างออกไป 40 ลี้ มีนถือศีลเจชื่อหง้อเซ้ง แซ่ปึง คนผู้นี้กินเจปฏิบัติธรรมมีความก้าวหน้ามากอยู่ แต่เนื่องจากยังมีพ่อแม่พี่น้องที่ยังมิอาจสิ้นความสัมพันธ์ กงอี้ก็ยังรู้จักคนนั้นดี วันหนึ่งเขามาเยี่ยมกงอี้ กงอี้ก็ต้อนรับเขามานั่งด้านในของโถงบ้าน หาน้ำชามาต้อนรับ เมื่อดื่มชากันจนเสร็จแล้ว หง้อเซ้งจึงเอ่ยขึ้นว่า ได้ยินกิติศัพย์การประกอบกุศลของท่านมานานแล้ว ทั้งยังอดทนต่อสิ่งที่ทนได้ยาก จึงมาขอคำชี้แนะเป็นพิเศษ กงอี้จึงพูดว่า ท่านผู้สมถะอยู่กระท่อมในป่าเขา เหตุใดจึงต้องเหน็ดเหนื่อยฝ่าฝุ่นลมมาถึงที่นี่ ทั้งยังวาจาหนักแน่นปานนั้น หง้อเซ้งกล่าวว่า ด้วยข้าปฏิบัติธรรมมาหลายขวบปีจึงรู้ซึ้งในพุทธธรรม จึงอยากมาเชิญท่านให้ร่วมปฏิบัติบำเพ็ญธรรมด้วยกันจักได้บรรลุมรรคผล ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กงอี้ว่า เจริญพร เจริญพร แต่ถ้าไม่รู้จักการปฏิบัติพุทธธรรมให้บรรลุมรรคผล จะเริ่มปฏิบัติอย่างไร ช่วยกรุณาอธิบายให้ละเอียด หง้อเซ้งว่า ให้เริ่มถือศีลเจก่อนร้อยวัน สวดมนต์ทำวัตร งดฆ่าสัตว์ ปลดปล่อยชีวิต แล้วก็แสวงหาธรมาจารย์ชี้แนะ เก็บยาเคี้ยวโอสถเก้ารอบหมุนสามรอบคืน เมื่อบารมีเต็มสมบูรณ์ เมื่อสาส์นฟ้ามาถึงก็ถอดรูปลอยสู่สวรรค์ บรรลุมรรคผล กงอี้ว่า ฟังท่านพูดมานี่คือมหาธรรมฟ้าปางก่อน เป็นวรธรรมแห่งญาณสูงสุด ตั้งแต่สงไขกัปอันไกลโพ้น ที่เริ่มต้นมีหนึ่งพุทธะถ่ายทอดธรรมสู่โลก ไม่ใช่ใคร ๆ จะได้รับฟังและก็ไม่ใช่คนรุ่นข้าจะสามารถเข้าใจถึงสรรพสิ่งได้ ดังนั้น 72 ปราชญ์ของท่านขงจื่อก็ได้รับการถ่ายทอดธรรมเพียงเอกธรรมมรรคเท่านั้น มีท่านจื่อก้งที่เข้าถึงอนุตตรธรรม (เทียนเต้า) ท่านเองก็เคยได้ยินธรรมนั้นมาก่อน ที่จริงนับว่าโชคดีมาก แต่ควรจะหมดภาระทางโลกเสียก่อน มนุษย์ธรรมไม่บกพร่อง คุณธรรมแปดรักษาได้มั่น ขจัดสุรา รูปโฉม สมบัติ อารมณ์ ตัดขากโลก โกรธหลงความรัก  จากมนุษย์ธรรมแล้วบำเพ็ญอนุตตรธรรม (เทียนเต้า) จึงจะสามารถสำเร็จเป็นเซียนเป็นพุทธะ ถ้าหากเอาแต่กินเจสวดมนต์แต่ไม่ปฏิบัติความหมายในพระสูตร บิดามารดาไม่กตัญญู ที่ชายไม่นับถือถึงแม้จะถือศีลเข้าใจธรรมะ ข้าก็ยังเกรงว่าจะถูกฟ้าลงโทษอาจตกนรกอเวจี โบราณกล่าวว่า ศาสนาทั้งสามเดิมที่ไม่แตกต่างกัน ต้องเริ่งจากความกตัญญูเป็นรากฐาน มนุษย์คนใดหากไม่มีความกตัญญู เอาแต่ถือศีลเจแล้วเมื่อไรจะสำเร็จเป็นพุทธะ ถ้าคิดตามที่ว่ามาคนที่ได้ฟังธรรมกับคนที่ยังไม่เคยฟังธรรม ก็ควรที่จะทำธุระทางโลกให้หมดก่อนแล้วฟังโอการฟ้า ถ้าไม่เช่นนั้น แม้จะนั่งสมาธิจนเบาะรองนั่งขาดก็เปล่าประโยชน์ ข้าขอให้ท่านเคารพในวาจานั้น อย่าได้ดูแคลน หง้อเซ้งว่าตามท่ท่านพูดมา หากปฏิบัติตามหลักของท่านขงจื่อก็เพียงพอแล้ว เหตุใดในสมัยโบราณไม่ทำลายพุทธะและเต๋าทั้งสองศาสนาเสียเล่า กงอี้ว่าหยูมีวินัยสาม  พุทธมีไตรรัตน์ เต๋าก็มีสามแปร มีหลักการเหมือนกัน แต่ทำไมข้าจึงเริ่มจากหยูเล่า ก็เพราะว่าอันความดีทั้งหลายไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่ากตัญญู ทั้งปราชญ์ เซียนและพุทธะทั้งหลายแต่โบราณก็ดำเนินตามมนุษย์สัมพันธ์นี้ หากท่านสามารถเข้าถึงความเมตตาของพุทธะ ความสงบของเต๋า การบ่มจิตของหยู แล้วหวนคืนสู่หลักกตัญญู นั่นคือ มนุษย์ธรรมสมบูรณ์ อนุตตรธรรมก็ประจักษ์ได้เอง แล้วเหตุใดต้องละทิ้งใกล้ไปคว้าเอาไกล พระเจ้าเหวินตี้ว่าตอบแทนคุณทั้งสี่ ปฏิบัติธรรมของสามศาสนาทำให้ใจนี้ตรง การเป็นคนต้องรู้จักเวลาที่เหมาะสม จะได้ไม่เป็นการหน้าไหว้หลังหลอก หากพ่อแม่สิ้นไปหมดแล้ว ลูก ๆ แต่งงานหมดแล้ว เข้าหาธรรมก็เหมาะสม ต่อไปก็สีบหาธรรมาจารย์ หาเพื่อนหาความรู้บำเพ็ญปฏิบัติตามบุญสัมพันธ์ เป็นแนวทางดำเนินอันหนึ่ง ก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งคนรุ่นหลังสมบูรณ์ ถ้าหากยังไม่หมดภาระทางโลกแล้วออกบวช มีหรือที่พุทธะจะคุ้มครองบุตรอกตัญญู เมื่อหง้อเซ้งฟังจบก็พูดว่า ได้ท่านสั่งสอนทำให้ข้ารู้สึกละอายใจมาก มีหรือจะไม่ทำตามยิ่งจะทำตามด้วยความปิติยินดี ปฏิบัติมนุษย์ธรรมสมบูรณ์ ต่อมาก็บรรลุมรรคผล นี่ด้วยกงอี้ส่งเสริมคนให้บำเพ็ญมนุษย์ธรรมแล้ว บำเพ็ญธรรมได้มรรคผล เป็นขันติที่ 54 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ศาสน์ทั้งสามมีหลักธรรมเหมือนกัน             มนุษย์นั้นต้องบำเพ็ญหลักมนุษย์ธรรม
ในที่สุดเขาก็บำเพ็ญจนสำเร็จธรรม             ผังไล้สวรรค์ทางธรรมบรรลุถึง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

        ห้าสิบห้าขันติ   :   สอนภรรยาด้วยความสบาย

     ภรรยาของกงอี้คือตั้งฮูหยิน เห็นกงอี้ปฏิบัติต่อคนเกินเลยหมดเงินไปมากมาย ทำให้เบื่อหน่ายกังวลใจ มีอยู่วันหนึ่ง ูหยินจึงพูดกับกงอี้ว่า ท่านสามีควรทำใจให้เข้มแข็ง ทำตัวอ่อนแอคนก็รังแกเอา ถ้าใช้จ่ายโดยประหยัดก็จะไม่ล้มละลาย ทำไมท่านสามีจึงอดทนผ่อนปรนไม่ประหยัดการใช้สอยเลย กงอี้ว่า ศรีภรรยาที่กล่าวมายังไม่เข้าใจหลักธรรม มีคำกล่าวว่า คนเลวคนกลัวฟ้าไม่กลัว คนดีคนรังแกฟ้าไม่รังแก ขอให้ศรีภรรยาลองคิดดูจะเอาอย่างคนหรือจะเอาอย่างฟ้า ฮูหยินตอบว่าบาวไม่รู้ความหมาย กงอี้ว่า ถ้าเอาอย่างคนก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำผิดกฏหมาย วางอำนาจข่มเหงคน ทำเรื่องเสื่อมเสียเป็นทางหายนะผลตอบสนองเร็ว ๆ ตกอยู่กับตนเอง ถ้าช้าก็ตกอยู่กับลูกหลาน แล้วจะงามละหรือ สำหรับข้าแล้ว ข้าอยากให้เขารังแกเป็นการสร้างกุศลอย่างลับ ๆ เพราะฉะนั้นจึงมักพูดกันว่าทุก ๆ คนล้วนฟ้าดินให้ชีวิตเป็นประชาสวรรค์เสมอภาคกัน ควรที่จะเข้าใจถึงความใจดีของฟ้าที่ให้ชีวิต เพื่อสนองคุณฟ้า ไม่แย่งชิง ไม่ถืออำนาจ อดทนผ่อนปรนให้มากเตือนให้สั่งสมบุญ ก็จะไม่ลำบากแ่ต่จะสำเร็จยิ่งใหญ่ เป็นคนง่ายกว่าเพียงแต่ทำสามอย่าง คือตามพ่อ ตามสามีและตามบุตร และรู้ธรรมสี่ ธรรมสี่ประการของผู้หญิงคือ การพูด การทำงาน การแต่งหน้า และคุณธรรม จะเป็นชั้นต่ำหรือมีศักดิ์ศรีงามเท่านั้น สำหรับผู้ชายยากกว่ามาก มี อบอุ่น ดีงาม นบนอบ ประหยัด ผ่อนปรน ธรรมห้าประการ คือ ดู ฟัง พูด และกระทำ เป็น 4 คติ สั่งสมบุญ กุศลมีเมตตารับภาระบ้านทำงาน ถ้าบ้านยากจนก็ให้ประหยัดเป็นหลัก บ้านร่ำรวยก็ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย ต้องบริจาคไม่บริจาคฟ้าไม่ยอม ควรสะสม ไม่สะสมก็จนทั้งชาติ ดังนั้นในอุดมศาสตร์กล่าวว่า การสำเร็จตนปกครองเมืองใต้หล้ามีสันติภาพ ล้วนมีกฏกำหนด ทำไมไม่ประหยัดเป็นธรรม ฮูหยินกล่าวว่า ถ้าหากท่านสามีไม่อธิบาย บ่าวก็ไม่เข้าใจ นี่ก็คือการสอนภรรยาของกงอี้ เป็นขันติที่ 55 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

มีอารยธรรมเป็นปราชญ์ปรัชญา             คุณธรรมแต่งหญิงเป็นศรีเรือน
เขียนเป็นเรื่องให้โลกไว้เป็นเพื่อน         คอยเตือนรุ่นหลังสืบทอดไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               ร้อยขันติ

         ห้าสิบหกขันติ  :  ยอมให้กล่าวหาว่าขโมยเงิน

     วันหนึ่งขณะที่กงอี้จะไปทำงาน แลเห็นมีคนหนึ่งนอนอยู่ข้างถนน จึงเดินเข้าไปใกล้ตัว พอดีเขาตื่นตกใจ พอผงกหัวขึ้นดูแล้วก็ถลันเข้ามาจับกงอี้ไว้ กงอี้พูดว่ามาจับข้าไว้ทำไม คนนั้นจึงพูดว่า ท่านขโมยเอาเงินของข้าไปตอนที่ข้าเมาหลับ แล้วคว้าเอาเงินที่ร้อยเป็นพวงที่สะพายอยู่บนบ่าไป ทั้งสองจึงเกิดแย่งชิงกันไม่เลิก มีคนเดินเข้ามาหาแล้วถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งสองคนจึงไปที่ทำการชุมชนพร้อมกัน ผู้ดูแลก็ถามคนเมาสุราก่อนว่า เงินของท่านมีเท่าไร  เขาตอบว่า บ้านข้ามี 8 ชีวิต จนยากเข็ญ จึงไปที่บ้านของอากู๋ เพื่อหยิบยืมเงินพันอีแปะ เพื่อหาซื้อของบริโภค ก็ให้บังเอิญเมาหลับอยู่ข้างถนน ไม่คิดว่าคนนี้จะมาเอาเงินของข้าไป ผู้ดูแลถามต่อว่า เงินของเจ้าร้อยด้วยอะไร เขาตอบว่า ร้อยด้วยเชือกปอ ผู้ดูแลหยิบเงินขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเชือกปอจริง ๆ ด้วย ถึงแม้จะพูดถูก และข้ารู้จักท่านกงอี้เป็นอย่างดี ท่านเป็นสุภาพบุรุษ กงอี้ชิงพูด ข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษและก็รู้จักความหมายของผลประโยชน์นี้ดี เขากล่าวหาข้าแต่ข้าให้สาบานได้ ก็ให้พอดีนึกถึงคำพูดในบทธรรมะว่า ช่วยคนยามฉุกเฉินเหมาะสมที่สุด ผู้ดูแลว่า ท่านผู้เข้าใจธรรมรู้ระงับตัดตอน กงอี้หันมาถามผู้สูญทรัพย์ว่า ชื่อแซ่อะไร เขาตอบว่า แซ่อวง ชื่อเซี้ยงอัง ที่บ้านมี  8 คน กินอยู่ลำบาก ถ้าหากคนทางบ้านรู้ว่าเขาเมาสุราแล้วทำเงินหาย คงจะทะเลาะกันวุ่นวายเกรงว่าเรื่องจะบานปลาย ข้าให้เงินเขาไปก็แล้วกัน ให้เขาดีกับคนทั้งบ้าน ชาวบ้านก็พากันพูดว่า ท่านกงอี้เป็นสุภาพบุรุษผู้เปี่ยมด้วยการุณยธรรมจริง ๆ อวงเซี้ยงอังหยิบเงินแล้วจากไป กงอี้ว่า ข้าคิดจะเอาเงินมาซื้อลูกหมูก็เลยต้องงดไป ชาวบ้านพากันหัวเราะแล้วแยกย้ายกันไป ถัดไปอีกชุมชนหนึ่งมีคนตีกัน แล้วถูกจับมาที่สำนักงานชุมชน คนหนึ่งชื่อก๊วยฉิก อีกคนก็ชื่อว่า เอี้ยป้อ  ก๊วยฉิกก็เล่าว่า ข้ากับเอี้ยป้อเดินมาด้วยกันที่ชุมชนแรก แลเห็นข้างทางมีคนเมานอนอยู่ แถมมีเงินอยู่พวงหนึ่งด้วย นายเอี้ยป้อก้มลงไปหยิบเงินแล้วพูดกับข้าว่า จะแบ่งให้ข้าเท่า ๆ กัน แต่เอี้ยป้อเอาไปแล้วก็ไม่ยอมแบ่งจึงเกิดทะเลาะกันขึ้น เอี้ยป้อก็แย้งว่าข้าเป็นคนเก็บได้ ผู้ดูแลโกรธมาก ไอ้หมาสองตัวนี้ขโมยเงินเขามา แล้วทำให้จางกงอี้ถูกใส่ความ ต้องสูญเงินไปเปล่า ๆ  ก็เป็นเพราะเอ็งสองคนอันธพาลแย่งชิงกันในตลาด แล้วก็สั่งให้ผูกมัดสองคนไว้ แล้วเรียกคนหนึ่งให้ไปเชิญท่านจางกงอี้มาที่ทำการ เจ้าพนักงานมาถึงบ้านกงอี้ก็รายงานว่า ผู้ดูแลได้จับคนที่ขโมยเงินได้แล้ว ขอเชิญท่านรีบไป กงอี้บอกแก่เจ้าพนักงานว่า ข้าทำให้ผู้ดูแลเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องของข้า  ข้าควรไปขอบคุณท่านด้วยตนเอง  แต่ข้ามีธุระติดพัน ไม่สามารถไปตามคำสั่งได้ จึงต้องรบกวนเจ้าพนักงานให้ช่วยรายงานผู้ดูแลด้วย เจ้าพนักงานจึงรายงานให้ผู้ดูแลว่า ท่านกงอี้ไม่สามารถมาได้ ฝากขอบคุณมาถึงท่าน ผู้ดูแลจึงเรียกนายก๊วย นายเอี้ย มาถามว่า เอ็งทั้งสองจะให้ข้าส่งไปที่อำเภอหรือจะให้ลงโทษ ทั้งสองตอบว่า ยินดีรับโทษ  ผู้ดูแลจึงพิพากษาลงโทษเอี้ยป้อว่า เอ็งแอบขโมยเงินขณะที่เขาเมาหลับ ให้ลงโทษปรับเงิน 5 พวง ก๊วยฉิกเอ็งเห็นแก่ได้อยากได้ส่วนแบ่งปรับเงิน  2  พวง  จะนำเงินเหล่านี้ไปปรับปรุงซ่อมแซมถนน แล้วป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ความคดี นั่คือ กงอี้ ยอมให้กล่าวหาไม่ตอบโต้ เป็นขันติที่ 56 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ยอมรับกล่าวหาไม่ตอบโต้             กงอี้เมตตาโอ้ใจกว้างขวางนัก
ผู้ดูแลยุติธรรมโทษปรับหนัก          ปิดประกาศจักให้รู้ระบือนาม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   ร้อยขันติ  

           ห้าสิบเจ็ดขันติ  :  ช่วยคนชัดแจ้ง  รางวัลคุณธรรมล้ำ

        กล่าวคือมีเพื่อนคนหนึ่งแซ่อวง  ชื่อเหลา  มีบุตรสาวคนเดียวชื่อซิ้วเจ็ง ได้หมั้นกับคนแซ่เฮ้ง ชื่อ กิม  ซิ้งเจ็งเพิ่งจะมีอายุได้  16 ปี ยังไม่ทันแต่งงาน มารดาก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว มีแต่บิดาที่อายุใกล้ 60 เกิดล้มป่วยเป็นเวลา 3 เดือน ยังไม่หาย ฐานะก็ยากจน ซิ้วเจ็งต้องออกไปตัดหญ้าขายและดูแลบิดาที่ป่วยไปด้วย มีความลำบากมาก มีอยู่วันหนึ่ง ซิ้วเจ็งก็ได้มาขายหญ้าให้กับกงอี้ จึงเล่าเรื่องของเธอให้กงอี้ฟัง น้ำตาไหลนองหน้าเหมือนฝนที่พรั่งพรูลงมา กงอี้ได้ฟังแล้วก็เกิดใจเมตตาจนอดทนไม่ไหว จึงช่วยเหลือเงินไปสองพันอีแปะ กับข้างสารอีก 5 ถัง ทั้งยังสอนซิ้วเจ็งได้ระมัดระวังถนอมตัว เช้าเย็นให้จุดธูปไหว้พระ สำนึกผิดวิงวอนขอให้ลดอายุขัยของตนเพื่อเพิ่มอายุบิดา พระศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองให้บิดาก็จะหายป่วย ให้นำเงินนี้ไปใช้จ่ายโดยให้กับผู้ใหญ่ช่วยซื้อของใช้ทั้งยังนำโอวาทของคนโบราณที่สั่งสอนให้กตัญญู รักษาความบริสุทธิ์ ซิ้วเจ็งน้ำตาอาบน้ำก้มลงกราบ แล้วก็หยิบเงินเอาไว้ ก็ให้บังเอิญมีคนแซ่อื้อ ชื่อซิ่ว ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเขา เขาเห็นซิ้วเจ็งหน้าตาหมดจด ขณะที่ซิ้วเจ็งถือเงินออกนอกบ้าน นายอื้อซิ่วก็เดินตามหลังมา พร้อมทั้งพูดจาลามกจะข่มขืน แต่หารู้ไม่ว่าซิ่วเจ็งมีจิตใจเข้มแข็งดุจเพชร จึงด่าตอบโต้ไป  อื้อซิ่วเห็นโอกาสไม่ให้ แต่ก็ยังมีใจคอโหดเหี้ยม จึงไปที่บ้านของเฮ้งกิม กล่าวหากงอี้เอาเงินปิดปาก ซิ้วเจ็งที่มีสัมพันธ์ลับ เฮ้งกิมได้ฟังแล้วก็ไม่คิดจะตบแต่งกับซิ้วเจ็ง จึงให้แม่สื่อไปหาดูหญิงอื่น ต่อมาภายหลังอวงเหลาหายป่วยจึงเร่งรัดให้ทางฝ่ายเฮ้งจัดแต่งงาน ฝ่าวเฮ้งพูดจาว่าให้จนเสียหาย อวงเหลาจึงไปฟ้องศาล ศาลจึงจับเฮ้งกิมมาสอบสวน ว่าทำไมจึงไม่ตบแต่ง เฮ้งกิมจึงพูดว่าได้ยินอื้อซิ้วเล่าว่า จางกงอี้เอาเงินซื้อตัว อวงซิ้วเจ็ง เพราะมีความสัมพันธ์ลับ ศาลจึงให้นำตัวอื้อซิ่ว กับ อวงซิ่วเจ็ง มาสอบสวน สั่งโบยอื้อซิ่ว 40 ที เพื่อให้พูดความจริง จึงเล่าความจริงว่า กงอี้ให้เงินให้ข้าวสาร และสั่งสอนซิ่วเจ็งให้รักตัว ให้จุดธูปภาวนา รักษาบิดาให้หายโดยเร็ว ไม่มีเรื่องสัมพันธ์ลับ ซิ้วเจ็งจึงพูดขึ้นว่า นายอื้อซิ่วเห็นฉันถือเงินออกมาก็ตามหลังมา พูดจาลวนลามต่าง ๆ นา ๆ ฉันจึงเอามีดที่ตัดหญ้าจดไว้ที่คอหอย ถ้าเขาจะลวนลามฉันก็จะเอามีดตัดคอตาย อื้อซิ้วเห็นท่าไม่ดีจึงหลีกไป ท่านจางกงอี้เป็นผู้มีพระคุณกับเราสองชีวิต บริจาคทั้งเงินและข้าวสืบต่ออายุของเราทั้งสอง ถ้าเขาไม่ช่วยเรา ๆ คงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นพระเจ้าของเราสองพ่อลูก จะไม่มีวันลืมพระคุณ เมื่อศาลฟังความเสร็จก็โกรธมาก สั่งให้ลากลิ้นมาตัด เลือดนองพื้นจนตาย พ่อของเฮ้งกิม ชื่อเฮ้งเจี่ยเซียะ ได้ยินเรื่องก็ไม่สอบสวนให้ลงโทษตี 20 ที แล้วมีคำสั่งให้เฮ้งกิมเตรียมธูปเทียนให้แต่งงานต่อหน้าศาล ทางศาลได้มอบรางวัลให้จางกงอี้เป็นอักษร 4 ตัวว่า "คุณธรรมส่งเสริมสองครอบครัว" นี่คือกงอี้ช่วยเหลือชัดแจ้ง จึงได้รางวัล ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

คุณธรรมส่งเสริมสองครอบครัว             หนึ่งครอบครัวได้รับเหนือแผ่นดิน
คนชั่วถูกลงโทษให้ตัดลิ้น                    ชีวิตสิ้นตายเป็นผีวิบากกรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/06/2011, 09:41 โดย jariya1204 »

Tags: