collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 58300 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                ร้อยขันติ   

             สี่สิบหกขันติ   :  เตือนผู้มีการศึกษาเลิกเล่นการพนัน

        กล่าวคือนางช้า ภรรยาของนายกังเซงได้มาหากงอี้ บอกว่าสามีชอบเล่นการพนัน เมื่อวานกลับจากบ่อนเสียพนัน บอกว่าจะเอาเสื้อผ้าไปจำนำ ดิฉันไม่ยอมก็จะเอามีดมาไล่ฟัน ดิฉันทนไม่ได้จึงมาหาท่านให้ช่วยสั่งสอนสามีให้เชื่อฟังด้วยเถอะ จะได้กลับตัวเป็นคนดี ดิฉันจะไม่ลืมพระคุณเลยตลอดชีวิต กงอี้ว่า สามีเธอเป็นผู้มีการศึกษา ทำไมจึงไม่เข้าใจเหตุผล นางช้าตอบว่า ดิฉันเตือนเขาก็ถูกทุบตี ไม่รู้จะไปหาใคร กงอี้ถามว่า คราวนี้ก็ไม่รู้หมดไปเท่าไร นางช้าตอบว่า หนึ่งพันเก้าร้อยอีแปะ กงอี้ว่าข้ามีงานรัดตัว ยังไม่มีเวลาไปเตือนสามีเจ้า ข้าจะให้เธอยืมเงินไปสองพันอีแปะและจดหมายฉบับหนึ่ง ให้เอาจดหมายพร้อมเงินให้กับสามีเธอ ก็คิดว่าจะรู้สำนึกและแก้ไขได้  นางช้ากล่าวว่า ดิฉันจะไม่เอาเงินเพราะกลัวจะไม่มีใช้ให้ ท่านใจกว้างเหลือเกิน กงอี้ว่า เธอเอาไปก็แล้วกัน ถ้าหากสามีเธอไม่ยอมแก้ไขเอาเงินนี้ไปใช้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจ นางช้ากราบขอบคุณแล้วกลับไป เห็นสามียังไม่หายโกรธ จึงเข้าไปพูดว่า ได้ไปที่บ้านของกงอี้ขอยืมเงินสองพันอีแปะ กงอี้ได้ถามถึงสาเหตุของการยืมเงิน ฉันจึงบอกว่ายืมไปใช้หนี้การพนัน กงอี้ยังใจกว้างเขียนจดหมายฝากมาหนึ่งฉบับ บอกให้ฉันเอาให้คุณ ว่าแล้วก็ส่งจดหมายให้ เปิดออกอ่านว่า

บริบทเรื่องผิดทางทำร้ายแรง             สอนคนสัมมามรรคไม่เฉเอียง
เที่ยวแตร่การพนันสองทางต่ำ            ขอคุณรีบหันเหความคิด
ชีวิตในโลกให้รู้จักเดินและหยุด          กราตอบสนองตามครรลอง
เสพลูกเมียเขาที่สุดทำร้ายตน           ลวงเขาเล่นพนันภัยถามหา
ฟ้าประทานโทษเสพกามและพนัน       เห็นชัดบุตรอกตัญญูเกี่ยวกัน
สูญสลายเงินทองอีกลูกเมีย              ชีวิตวอดวายถูกต้มตุ๋น
เลือกทางดีสู่สัจจะผู้มงคล                จัดระเบียบบ้านอุดมเป็นปราชญ์
ประสพเคราะห์แล้วรีบคิดกลับใจ         สู่ความดีไม่ต้องเกรงเบื้องบน
อ่านหนังสือปราชญ์เข้าใจหลักการ       ทำเหลวไหลเป็นหนี้คำครู
พ่อแม่เลี้ยงลูกลำบากเหลือหลาย        เพียงหวังให้เจริญรุ่งเรืองไกล
คนรุ่นหลังหากเสพและพนัน              เสียแรงสองผู้เฒ่าหมดจิตใจ
เตือนเธอรีบกลับใจเร็วไว                  สามารถคุ้มลูกหลานบุญกุศล

        เมื่อนายกังเซงอ่านจบ หน้าแดงกร่ำพูดกับภรรยาว่า ข้าขอสาบานว่าจะไม่เที่ยวและเล่นพนันอีก รอพรุ่งนี้เช้าจะเอาเงินไปคืนท่านจางกงอี้ขอบคุณที่ชี้แนะพระคุณใหญ่ จะทำความดีแก้ไขความไม่ดี ปรากฏว่าเขามีความเจริญประสพความสำเร็จ เป็นด้วยกงอี้เอาความสัจมาดัดคน เป็นขันติที่ 46 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

เหมือนถูกกระบองตีคนตื่น        งดเที่ยวกลางคืนเหมือนเซียนให้โอสถ
ยิ่งงดเล่นการพนันชีวิตชื่นสด     แม้ผู้อ่านก็อดเป็นสุขไปด้วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   ร้อยขันติ   

               สี่สิบเจ็ดขันติ  :  เตือนให้ปล่อยสัตว์บุญตอบสนอง

        กงอี้แลเห็นลูกของลี้ควงจับลูกนกพิราบมา 5 ตัว   กงอี้จึงจึงบอกให้เด็กน้อยปล่อยลูกนกเสีย ลูกนกถูกปล่อยไปแต่แม่นกยังถูกจับอยู่ ด้วยนายลี้ควงเป็นคนชอบกินเนื้อนกพิราบ พอได้ยินลูกน้อยเล่าเรื่องกงอี้ให้ปล่อยนกไป หลังจากนายลี้ควงดื่มสุราเมาแล้วก็มาที่บ้านกงอี้ กงอี้กำลังดูลูกนกกินอาหารอยู่จึงตะโกนด่าว่ากงอี้ เขาต้องการให้กงอี้ชดใช้ลูกนกคืน ถ้าไม่ได้ก็จะตีกงอี้ กงอี้อดทนไม่ได้ก็เลยเข้าไปปลอบโยนลี้ควงว่า ลูกนกถูกคนอื่นเอาไปแล้วจะเอาคืนได้อย่างไร นายลี้ควงเพิ่มความโกรธไม่ยอม กงอี้จึงเอาเงินหนึ่งร้อยอีแปะให้ไปจึงยอมหยุด พอลี้ควงกลับถึงบ้านก็เอากระบองตีลูกน้อยใหญ่ จนลูกน้อยถลันออกไปข้างนอกหกล้มจนขาขวาหัก ต้องหามเข้ามาในบ้าน หลังจากหายเมาแล้วเขาเสียใจมาก ลูกน้อยเจ็บหนักไข้ขึ้นสูงจนเสียชีวิต  เรื่องผ่านไปตั้งนาน วันหนึ่งนายลี้ควงก็บังเอิญพบกับกงอี้จึงถามว่า ปล่อยนกมีดีอย่างไร กงอี้ว่าฟ้าดินมีมหาบุญให้ชีวิต ในบทสนองคุณว่าไม่ทำร้ายชีวิตสี่กำเนิด ในบทมหากุศลว่า อย่าเข้าป่าดักสัตว์นก เป็นคำตรัสของพระเจ้าบุ่นตี้ มนุษย์ควรน้อมรับก็จะไม่อายุสั้น นายลี้ควงว่า ตั้งแต่แรกถ้ารู้เช่นนี้ก็ไม่กล้าที่จะทำ ก็คงไม่ถูกกรรมตามสนอง ทำให้เจ็บปวดถึงตวามผิดครั้งก่อน ต่อไปก็ปล่อยสัตว์เพื่อหวังให้บุญตอบสนอง กงอี้ถูกลบหลู่ซาบซึ้งคน แก้ผิดทำถูก เป็นขันติที่ 47 ต่อมาเขาแต่งกลอนให้

ชีวิตแม้เล็กก็ควรปล่อย             คนรู้น้อยว่าฟ้าสำคัญต่อบุญ
กรรมตามสนองชัดฟ้าไม่กุด        ไม่สดุดเพียงเร็วหรือช้าเท่านั้น     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ร้อยขันติ  
 
              สี่สิบแปดขันติ  :  สอนให้คนซาบซึ้งพระคุณแม่

        กงอี้จะไปเยี่ยมเพื่อนข้างนอก ระหว่างทางพบหญิงกลางคนนางหนึ่งกำลังร้องไห้  ข้าง ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเอะอะโวยวาย กงอี้จึงเข้าไปถาม คุณนายทำไมร้องไห้อยู่ข้างทางอย่างนี้ นางเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า นายท่านไม่รู้อะไร ความทุกข์ยากของอีฉันพูดไม่ออก กงอี้ว่า มีอะไรเจ็บแค้นก็พูดความจริงออกมาให้ฟัง นางก็ชี้มาที่ชายหนุ่มว่า คนนี้เป็นลูกชายของอีฉัน ตอนอายุแค่  5 ขวบก็เสียพ่อไป บ้านก็ยากจนต้องทนลำบากมากมาย เลี้ยงลูกจนอายุได้ 13 ปี   ที่บ้านมีที่ดินปลูกข้าวได้แค่ 8 ถังเท่านั้น ฉันต้องไปตัดหญ้ามาขาย รับจ้างทำรองเท้าบ้าง เย็บเสื้อผ้าบ้าง เพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงชีพ  ก็เอาลูกคนนี้ไปช่วยเลี้ยงวัวที่บ้านแซ่จิวได้ 2 ปี โดยไม่ได้เงิน เพียงแค่แลกข้าวกินเท่านั้น วันนี้ก็มาทำงานที่บ้านแซ่ตั้ง เป็นคนงานระยะยาว ปีหนึ่งได้เงิน 5 พวง ปีที่แล้วเบิกเงินมาแค่ 800 อีแปะมาให้ฉัน บังเอิญปีนี้ฉันป่วยบ่อย ไปทำงานไม่ไหว ไม่มีเงินกินข้าว จึงมาหาลูกชายขอเบิกเงินสักสี่ร้อยอีแปะ ลูกมันจึงทะเลาะกับอีฉัน มีคนบอกให้ฉันฟังว่า ลูกมันไม่รักดี ได้เงินมาก็ไปเที่ยวผู้หญิง ครั้งแรกอีฉันไม่เชื่อ  ดูสภาพแล้วน่าจะเป็นเรื่องจริง นายท่านลองดูซิว่าลูกอกตัญญูคนนี้ใช่คนหรือไม่ กงอี้ว่าข้าเห็นเธอก็หน้าตาดี ถึงแม้จะเป็นคนใช้แรงงาน แต่ก็ดูเป็นคนฉลาด เกรงแต่ว่าจะไม่มีคนชี้แนะ ชายหนุ่มก็ถามว่า นายท่านเป็นใคร  กงอี้ว่าคนเขาเรียกฉันว่า  จางกงอี้
ถามหน่อยว่าเธอชื่อแซ่อะไร  เขาตอบว่าแซ่เฮ้ง  ชื่อเจ็งทั้ง  กงอี้ว่า แม่เธอบ่นว่าทุกข์ลำบาก เธอรู้หรือเปล่า เจ็งทั้งหน้าแดง ไม่ตอบ กงอี้จึงพูดอย่างจริงจังว่า ภายใต้ฟ้าดินนี้พ่อแม่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นคนไม่รู้จักกตัญญูพ่อแม่ ไม่คิดว่าพ่อแม่มีใจรักลูกเพียงใด อุ้มท้อง 10 เดือน ลำบาก
สุดแสน เลี้ยงนม 3 ปี หนื่อยไม่รู้ปานไหน วางแผนเลี้ยงดูต่าง ๆ นา ๆ  ลำบากขนาดไหนก็เพื่อลูกน้อยกับครอบครัว แม่เธอยังเป็นหญิงหม้ายยิ่งยากลำบากกว่าต้องอดออมใช้จ่าย ทั้งยังต้องรักษาความเป็นกุลสตรี ต้องมีความสงบสุขจึงนับเป็นหญิงดี เธอทำไมจึงใจไม้ไส้ระกำทำสิ่งเลวทราม ขาดหลักมนุษยธรรม กล้าต่อปากต่อคำกับแม่ คนสมัยก่อนว่า พ่อแม่ให้กำเนิดกายเทียมเท่าฟ้า เธอกล้าที่จะถือดีกับฟ้าหรือ ลองดูตัวอย่างซิ ที่ว่าราชาขุนนางนั้นมีใครบ้างที่ไม่กตัญญูเป็นพื่นฐาน คนที่ร่ำรวยอายุยืน มีหรือที่ไม่บ่มเพาะคุณธรรม  เจ็งทั้งพูดว่า ฉันไม่เคยเรียนหนังสือ และก็ไม่มีคนสั่งสอน วันนี้ได้ฟังวาจาของท่านฉันผิดไปแล้ว กงอี้ว่า อันความชั่วทั้งหลายเสพกามเลวร้ายที่สุด อันความดีทั้งมวลกตัญญูเป็นเลิศ เธอดูคนที่กตัญญูจะร่ำรวยมีศักดิ์   เสพกามชาวบ้านมักไม่มีลูกสืบสกุล อายุสั้น  กรรมตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว คนดีมีเคราะห์ก็พ้นแก้ไขเป็นคนดีได้ เป็นพื้นฐานของคนข้อแรก เจ็งทั้งจึงคุกเข่าขอโทษแม่   และขอบคุณกงอี้ที่สั่งสอนจากนี้ไปจะไม่เดินทางชั่ว  ช่วย้หลือแม่เต็มที่ ต่อมาเขาก็เป็นลูกกตัญญู  นี่คือกงอี้สอนคนให้ซาบซึ้ง เป็นขันติที่ 48 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

ความกตัญญูไม่กี่คำพูด             ทำให้ลูกอกตัญญูกลับใจได้
ฟ้าคุ้มครองหากตั้งใจแก้ไข         วาจากงอี้ไซร์ดุจเซียนทอง  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14/06/2554, 20:05 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                    ร้อยขันติ   

                สี่สิบเก้าขันติ  :  ถูกตีไม่ถือโกรธ  สอนละกามราคะ

        วันหนึ่ง  เพื่อนนักเรียนแซ่เอี้ยตั้งใจมาหากงอี้ที่บ้าน กงอี้ก็เชิญเขาเข้ามานั่งในห้องหนังสือ คุยกัยถึงเรื่องเก่า ๆ  ตอนหลังนาย้อี้ย่ฮี่ยงจิ่งก็พูดว่า เพื่อนเกลอเข้าใจธรรมะลึกซึ้ง อยากขอให้สอนเรื่องการระงับกามารมณ์ ข้ายังไม่เคยล่วงเกินหญิงอื่น  แต่พอข้ามองดูผู้หญิงก็เกิดกามารมณ์ขึ้นแล้วมาลงที่ภรรยา  ซึ่งก็ไม่สามารถกดข่มอารมณ์ทางเพศลงได้ ไม่รู้ว่าตนเองมีอุปสรรคอะไร ขอให้เพื่อนเกลอสอนวิธีการใช้ข้าสักหนึ่งวิธี กงอี้หัวเราะแต่ไม่พูด นายเฮี่ยงจิ่งก็ลุกมาข้างหน้ากงอี้แล้วต่อยไปหมัดหนึ่งพร้อมพูดว่า ร้องขอแต่ไม่พูดแถมยังหัวเราะอีก กงอี้รีบให้เพื่อนนั่งลง แล้วก็เริ่มพูดถึงการเสพกามว่า ทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย การที่จะไม่ให้เกิดอันตรายนั้นต้องใช้ศีลธรรม เมื่อเห็นผู้หญิงชาวบ้านก็ให้คิดว่าเป็นพีสาวหรือน้องสาว หากหญิงมีอายุมากก็คิดว่าเป็นคุณแม่ ถ้าเป็นเด็กก็นึกเสียว่าเป็นลูกสาว ผู้อาวุโสสอนให้ละกามมีกลอนว่า
       
        คนสวยใครก็ชอบงามโสภา             พระเจ้าฟ้าจักข่มเหงไม่ได้
        หญิงอื่นอันหาควรเสพกามไม่          เมียฉันไซร์อย่าได้มาแตะเลย

        วิธีการนี้เป็นการละการล่วงของกาม และยังมีข้อห้ามการเสพเกินขอบเขต  กลอนว่า
 
        ไฟราคะลุกให้คิดถึงหญิงอาย             คนตายหนอนไซไม่เหมือนคน
        มือไม้เน่าเหม็นกลิ่นเหลือทน             หมดกมลรักหลงรูปโฉมตรู

        นี่ก็คือวิธีขจัดมารรูปโฉม เฮี่ยงจิ่งฟังแล้วก็รีบขอบคุณกงอี้ที่ให้ปิยะวาจาสอนสั่ง จึงรีบขออภัยที่ล่วงเกิน นี่คือกงอี้สอนคนให้ละความใคร่
อยากในกาม เป็นขันติที่ 49   ต่อมาคนแต่งกลอนให้

รู้จักระงับไม่เสพกามมั่ว             ใจคิดชั่วใคร่เสพมีวิธี
ให้คนดูที่นี่เหมือนพระชี้            กงอี้บอกวิธีน่าเลื่อมใส

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                    ร้อยขันติ 

                  ห้าสิบขันติ  :  บริจาคโลงศพครูประจำบ้าน

        กงอี้ได้จ้างครูสอนประจำบ้านนายเซงข่วย แซ่ตั้ง  ให้ค่าตอบแทนสูง แต่ครูตั้งเป็นผู้ที่มีความอบรมไม่พอ นิสัยไม่หนักแน่น ขั้เกียจทำการสอน เป็นผู้ไม่รับผิดขอบต่อหน้าที่ กงอี้ก็พยายามอดทนมาโดยตลอดไม่คิดถือสา ครูตั้งก็เสียนิสัย ในที่สุดก็เสียศักดิ์ศรีผู้คงแก่เรียน พอถึงสิ้นปีกงอี้ก็หยุดจ้างแล้วหาคนใหม่ ครูตั้งกลับไปถิ่นเดิม แล้วพยายามหาโรงเรียนเข้าสอน อยู่ไปไม่ถึงปีก็ถูกเจ้าของโรงเรียนเอาเรื่อง มีการฟ้องร้องถึงอำเภอ ครูตั้งแพ้คดีข้อหาทำลายศาสนา จากนั้นว่าทุกแห่งก็ถือว่าครูตั้งเป็นคนเลว ไม่มีโรงเรียนไหนรับเป็นครู เขามักพูดกับคนอื่นว่าอยากไปสอนตามบ้านอีกสักครั้งหนึ่ง มีคำกล่าวว่า วาสนาไม่มีสองหน ภัยเคราะห์ไม่มาครั้งเดียว ปีถัดมาเกิดภัยแล้ง ครูสอนประจำบ้านก็ไม่มีใครจ้าง อีกทั้งเจ็บป่วย ไม่มีจะกินจึงตายลง ไม่มีคนเหลียวแล กงอี้เห็นแก่ว่าเคยมาทำงานที่บ้านจึงหาซื้อโลงศพและฝังให้ นี่ด้วยกงอี้เป็นผู้ให้ความสำคัญครูประจำบ้าน เป็นขันติที่ 50  ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ดี  ดี  ชั่ว  ชั่ว  สนองยุติธรรม             ทำดีขึ้นทำชั่วตกไม่มีเยื่อใย
ศักดิ์ศรีมีได้ด้วยใจภักดีไว้                 คัมภีร์หรือทำให้ผู้เรียนสีย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ร้อยขันติ   

            ห้าสิบเอ็ดขันติ  :  ถูกด่าไม่ถือสาพ้นความ

        วันหนึ่ง  กงอี้นั่งรถม้าไปเที่ยวนอกเมืองทางตะวันตก พบลูกชายแซ่อวง ชี้หน้าด่าทอส่งเดช บ่าวจะเข้าไปตี แต่กงอี้ห้ามไว้แล้วบอกว่าแล้วแต่ดวงชะตา อย่าไปก่อกรรมเลย วันรุ่งขึ้น นายอวงก็มาที่กงอี้เพื่อจะซื้อข้าวสารเงินเชื่อ บ่าวไพร่จึงเล่าเรื่องเมื่อวานให้นายอวงจึงมาขอโทษกับกงอี้ แต่ไม่คาดคิดลูกนายอวงก็ไปด่าส่งเดชคนแซ่อึ้งบ้านทางทิศใต้ เขาจึงถูกตีบาดเจ็บ กลับบ้านตกกลางคืนก็ตายลง นายอวงจึงไปฟ้องร้องต่อศาล บ้านข้างเรือนเคียงต่างโดนข้อกล่าวหาหมดยกเว้นกงอี้ นี่ก็เพราะกงอี้ไม่ได้ตอบแม้ถูกด่า เป็นขันติที่ 51 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

คนทั่วไปถูกด่าใครยอมบ้าง             คงตอบโต้หาเหตุอ้างให้ชัดแจ้ง
อันเคราะห์ภัยคนแส่หาฤทธิ์สำแดง     กงอีไม่แสร้งถือสาสบายแฮ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                       ร้อยขันติ   

                ห้าสิบสองขันติ  :  คนเอาเปรียบถูกลงโทษ

        กล่าวคือ กงอี้ซื้อโคจากคนแซ่เฮ้ง 1 ตัว  ด้วยเงินจำนวนหนึ่งพันสองร้อยอีแปะ โดยจ่ายเงินหมดแล้ว  กงอี้นำโคไปเลี้ยงได้ 2 เดือนนายเฮ้งก็ถูกคนเขายุแหย่ว่าโคตัวนี้ควรมีราคาสองพันอีแปะ  นายเฮ้งจึงนำเอาเงินมาคืนให้กงอี้แล้วจะนำโคคืน ชาวบ้านต่างว่ามีเหตุผลอะไร ค้าขายผ่านไปนานแล้วจะมีเรื่องนี้ได้อย่างไร กงอี้ก็ยอมให้นายเฮ้งนำโคกลับไป ชาวบ้านต่างหัวเราะว่ากงอี้อ่อนแอ นายเฮ้งนำโคกลับไปได้ 5 วัน โคเกิดเป็นโรคตายลง นายเฮ้งก็นำโคมาชำปหละเนื้อขาย  นายอึ้งสัมกอ ก็ไปรายงานกับทางการว่านายเฮ้งฆ่าโคไถ่นา ขณะนั้นทางการมีกฏหมายห้ามฆ่าโคไถ่นา  นายเฮ้งกลัวความไม่ยอมไป ก็ไปไหว้วานคนไปเสียเงินเสียทองไปกว่าสามพันเพื่อเลิกล้างคดีนี้ ชาวบ้านรู้เรื่องนี้เขาก็รู้สึกประหลาดใจ มักว่ากงอี้มีพระคุ้มครอง นี่เพราะกงอี้ยอมคนจึงได้ประโยชน์  เป็นขันติที่ 52 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ยอมให้คนไม่ใช่เรื่องแออ่อน             ยอมปรนผ่อนเขาเจอเรื่องคดีเป็น
ตอบแทนลงทษแบ่งชัดเจน               ฟ้ามีธรรมเด่นเสมอภาคกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                     ร้อยขันติ 

              ห้าสิบสามขันติ  :  อดทนไม่ก่อคดีได้โชค

        กล่าวคือ  กงอี้มีนาข้าวซึ่งมีคันนากั้นติดกับนาของคนแซ่กังกับแซ่เฮ้ง  แต่นาของกงอี้อยู่ถัดหลังไป เนื่องจากเกิดฝนแล้ง คนแซ่กังกับเฮ้ง จึงปรึกษากันไม่ให้กงอี้ปล่อยน้ำเข้านา โดยบอกกับคนงานกงอี้ว่า ถ้าหากเจ้านายของท่านต้องการน้ำเข้านา  แต่ละปีจะต้องจ่ายค่าน้ำผ่านนาของข้าทั้งสองคนเป็นข้าวคนละหนึ่งเจียะ เราจึงจะยอมปล่อยน้ำให้  คนของกงอี้จึงแจ้งให้เจ้านายทราบว่า คนสองแซ่ต้องการค่าน้ำผ่านนา ทำแบบนี้ผิดระเบียบ ถ้าพวกเขาขวางมา เราก็ไปแจ้งความเอาไหม กงอี้จึงบอกกับคนงานว่า "ผ่อนปรน เมื่อเขาขวางย่อมมีฟ้า ก่อคดีไม่พ้นนาบุญแห้งแล้ง สู้ขุดบ่อเก็บน้ำไม่เปล่าแรง มีน้ำใช้ไม่แห้งบุญอยู่ครบ"  แล้วกงอี้ก็เรียกคนงานไปขุดบ่อน้ำในที่นาของตน คนแซ่กังและเฮ้งเกิดเหม็นหน้ากันก็เกิดภัยแล้งขึ้น ก็เกิดแย้งน้ำรื้อคันกั้นนาจนเกิดตีกันขึ้นได้รับบาดเจ็บ จึงเกิดแจ้งความฟ้องร้องกล่าวหากันขึ้น ทั้งสองแซ่ฟ้องร้องเป็นคดีกันนานเป็นปี จนหมดเงินตาม ๆ กัน จึงเอานาขายให้กงอี้ นี่คือความอดทนของกงอี้ที่ไม่ก่อคดีจึงได้หมด เป็นขันติที่ 53 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

พื้นใจสว่างไสวมีสติ             ตลอดชีวิตมีอิสระเสรี
อารมณ์ปรองดองสามัคคี       เป็นทุนที่มั่งคั่งดุจได้จากฟ้า       

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”