collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44060 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                ๓. ยึดมั่นในทิฐิของตนเองจึงปิดปังจิตญาณอันแท้จริง  ( สวีหมิงติ่ง เจี่ยงซือ )     
   
         ในอีกด้านหนึ่ง ข้าพเจ้าก็คิดว่าทั้งชีวิตอยู่ในอาณาจักรธรรม บุญกุศลและผลงานของข้าพเจ้าก็มีไม่น้อยได้ทุ่มเทอุทิศให้เบื้องบนและนักธรรมอาวุโสมาโดยตลอด เพราะเหตุใดเบื้องบนและนักธรรมอาวุโส จึงไม่รู้ว่าข้าพเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ? นักธรรมผู้น้อยของข้าพเจ้าล้วนแต่ปืนป่ายขึ้นมาบนหัวของข้าพเจ้าแล้ว ปีนป่ายขึ้นไปสูงกว่าข้าพเจ้าแล้วจะไม่ให้ข้าพเจ้าร้อนรนได้อย่างไร ?ดังนั้นความคาดหวังที่มีต่อลาภยศชื่อเสียงข้าพเจ้าเองจะวางไม่ลงปลงไม่ตก แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่กล้าบอกับนักธรรมอาวุโส ข้าพเจ้ายึดติดเป็นอย่างมากจริง ๆ เหตุใดข้าพเจ้าบำเพ็ญมาทั้งชีวิต แต่เบื้องบนและนักธรรมอาวุโสก็ยังไม่ยกระดับให้เป็นเตี่ยนฉวนซือ เสียทีและเมื่อยิ่งยึดติดมาก จิตใจก็ยิ่งเลวร้าย นิสัยอารมณ์ก็ยิ่งแปลก จึงล่วงเกินผิดใจกับญาติธรรมเป็นจำนวนมาก
         หลังจากนั้น ลูกชายของข้าพเจ้าได้เป็นถันจู่เจ้าตำหนักพระ ข้าพเจ้าจึงบรรยายธรรมอยู่แต่ที่พุทธสถานของลูกชาย หากมีอาณาจักรธรรมอื่น หรือพุทธสถานอื่นมาเชิญให้ข้าพเจ้าไปบรรยาย ข้าพเจ้าก็จะตอบปฏิเสธไม่ไปบรรยายแน่ ๆ จึงปิดกั้นตนเองด้วยเหตุอย่างนี้รวมทั้งที่นักธรรมอาวุโสกับเตี่ยนฉวนซืออยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ไปทั้งสิ้น มีเพียงบางครั้งบางโอกาสที่จะไปนั่งที่บ้านญาติธรรมแต่ว่าใจธรรมของข้าพเจ้าเองนั้นก็ยังมั่นคงยืนหยัดอยู่
          เมื่ออายุได้ ๖๑ ปี จึงป่วยหนักแล้วลาจากโลกนี้ไป เมื่อละกายสังขารแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองคงมรรคผลพร้อมพูนแน่ ๆพระอาจารย์จี้กงคงมาพาวิญญาณกลับสู่พระนิพพาน และได้เข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรม แต่เมื่ออยู่ที่ด่านตรีเทพพิทักษ์มหาราชกลับไม่ผ่านการทดสอบ จึงถูกตีให้ไปยังคุกสวรรค์
          ในวันคารวะเคลื่อนศพของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นนักธรรมอาวุโสและเตี่ยนฉวนซือ นำพาญาติธรรมมากมายมาปักธูปคารวะศพ ข้าพเจ้าละอายแก่ใจเป็นอย่างยิ่งและก็ซาบซึ้งเป็นอย่างมากด้วยเพราะตอนยังมีชีวิตอยู่ข้าพเจ้ายังบำเพ็ญนิสัยอารมณ์ได้ไม่ดีพอยังคงมีนิสัยอารมณ์ร้าย ๆ แปลก ๆ อยู่ แต่ก็ยังตำหนิโทษกล่าวนักธรรมอาวุโสและเตี่ยนฉวนซือ ยังคงไม่พอใจกับสภาพรอบตัวรวมทั้งไม่พอใจต่อการวางแผนจัดการของคนอื่น รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก รู้ว่าตัวเองยังบำเพ็ญได้ไม่ดี ยังปฏิบัติได้ไม่ดี ตอนมีชีวิตอยู่ยังบำเพ็ญได้ไม่สมบูรณ์
          ที่คุกสวรรค์นั้นรอคอยพวกเราไปรายงานตัวทุกเวลา ตอนนี้ข้าพเจ้าได้ลิ้มรสความทุกข์ ทุกอย่างของคุกสวรรค์แล้วอยู่ที่คุกสวรรค์บำเพ็ญได้ยากกว่า ในขณะที่ยังมีกายสังขารอยู่ ดังนั้นทุกท่านควรคิดให้รอบคอบชัดเจน ในตอนนั้นข้าพเจ้าคิดว่าได้รับวิถีธรรมและบำเพ็ญธรรมแล้วเมื่อละกายสังขารคงสามารถกลับคืนสู่พระนิพพานและเสวยมรรคผลได้แน่นอนไม่คาดคิดว่าบำเพ็ญยังไม่ดี ระดับจิตใจยังไม่สูงส่งพอ จึงทดสอบเคียวกรำในคุกสวรรค์ ยังดีที่ข้าพเจ้าสามารถรักษาปณิธานสองข้อใหญ่ (ชิงโขว่-ชิงชิว )เอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์คงไม่อาจคาดคิดได้เลย ดังนั้นบำเพ็ญธรรมจะไม่ระมัดระวังไม่ได้
          เมธีทั้งหลาย พวกท่านเป็นพวกที่โชคดีที่สุด มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาสอนสั่งกล่อมเกลาชี้แนะตักเตือนได้ทุกเวลา แต่ในสมัยของข้าพเจ้านั้นการที่จะกราบขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทานอักษรพระโอวาทในกระบะทราย หรือแสดงบุญญาธิการไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับทิพย์ญาณแสดงธรรม ดังนั้นพวกท่านจะต้องสำนึกในพระคุณ ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าละอายแก่ใจ จึงไม่ควรที่จะพูดอะไรมากนัก และก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรจึงจะสมบูรณ์ดีงาม ในตอนนี้ข้าพเจ้าระมัดระวังคำพูดคำจาของตนเองมาก นั่นเป็นเพราะตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้ระมัดระวังคำพูดคำจามากนัก มักจะพูดจาผิดพลาดเสมอ ๆ ดังนั้นตอนนี้จะพูดจาอะไร ข้าพเจ้าก็จะคิดก่อนว่ามันถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ? ดังนั้นคำพูดที่ข้าพเจ้าได้พูดไปหากมีสิ่งใหนท่อนใดไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งก็ขอให้เมธีทั้งหลายโปรดอภัยให้ด้วย
         เฮ้อ !! ประตูเปิดประตูตายของ เราสักกี่คนที่รู้แจ้ง สักกี่คนที่เข้าใจ พวกท่านควรที่จะรู้ว่าบำเพ็ญธรรมนั้น จะต้องยึดหลักธรรมบำเพ็ญจริง การจะนำบุญกุศลมาปูลาดหนทางกลับคืนสู่เบื้องบนนั้นไม่ใชเรื่องง่าย ทุกคนล้วนแต่พูดถึงการผู่ตู้ แต่การผู่ตู้ที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แค่ตีเกราะเคาะระฆัง หรือพร่ำบ่นสวดมนต์หรือแค่ตั้งมณฑลพิธีวอนขอโชควาสนา หรือแค่ฉุดโปรดวิญญาณผีแต่ต้องฉุดช่วยปลดปล่อยเวไนยสัตว์คนเดิมทั้งสามโลก ให้หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิดพ้นจากทะเลทุกข์ได้สิ้นเชิง ฉุดช่วยให้ได้เข้าสู่วิถีแห่งการพ้นเกิดพ้นตายอุทิศบุญกุศลอันแท้จริงให้กับเวไนยสัตว์คนเดิมทั้งสามโลก ให้สรรพชีวิตเหล่านั้นได้รับบุญกุศลจริงเพื่อพ้นจากความทุกข์ได้
         หวังว่าเมธีทั้งหลาย จะกริ่งเกรงรอบคอบในการบำเพ็ญของตนเปลี่ยนแปลงแก้ไขนิสัยอารมณ์ของตนให้ดี ๆ กำจัดจิตใจที่ไม่ดีของตนทิ้งไปให้ได้ ข้าพเจ้ากลัวว่าจะพูดผิดพลาดอีก กลัวว่าเบื้องบนจะลงโทษผู้บำเพ็ญต้องบำเพ็ญคุณธรรมปาก รวมถึงข้อปลีกย่อยเล็กน้อยก็ต้องรอบคอบระวังด้วย ข้าพเจ้าจะไม่ขอรบกวนเวลาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก ขอบพระคุณเบื้องบนที่เมตตา ขอบคุณเฉียนเหยินนักธรรมอาวุโสที่เมตตา อนุญาตให้ข้าพเจ้ามาปรากฏกายที่พุทธสถานแห่งนี้ ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้บอกเล่าถึงความไม่ดีของตนเองในขณะมีชีวิตอยู่ ให้ทุกท่านได้ฟังกัน หวังว่าทุกท่านจะรู้ตื่นเตือนตนประพฤติปฏิบัติตนและบำเพ็ญตนให้ดี ๆ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

        ๓.  ยึดมั่นในทิฐิของตนเอง จึงปิดบังจิตญาณอันแท้จริง


       พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง

ไม่รู้พระโองการฯของอาจารย์
ปฏิบัติงานธรรมไปก็ไร้ประโยชน์
  ไม่บ่มเพาะคุณธรรมภายใน
แม้สร้างบุญภายนอกไปก็ไร้ประโยชน์
       ไม่รู้จักจิตญาณเดิมของตน
       ถึงนั่งสมาธิไปก็ไร้ประโยชน์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
           
             ไม่รู้จักถนอมบุญวาสนาตัวเองจึงถูกขังคุกสวรรค์     ( หลินชิงฮวา เจี่ยงซือ )

        ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุในปณิธาน ซึ่งถูกขังอยู่ในคุกสวรรค์ ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความยิ่งใหญ่ของพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตาสงสาร กราบขอบพระคุณพระแม่องค์ธรรมที่ทรงเมตตากรุณาเป็นอย่างมากที่ได้ให้ข้าพเจ้า ""หลินชิงฮวา"" ได้มาปรากฏกายบอกเล่าถึงเหตุปัจจัยช่วงหนึ่งให้กับทุกท่านได้ฟัง ในวันเฉลิมฉลองแห่งพระแม่องค์ธรรมในวันนี้ และเพื่อเตือนใจพี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่าอย่าได้เดินตามอย่างข้าพเจ้า
         ข้าพเจ้า  ""ชิงฮวา"" แซ่ ""หลิน"" เป็นคนซั่งไห่ (เซี่ยงไฮ้) ได้ติดตามบำเพ็ญปฏิบัติธรรมกับเตี่ยนฉวนซือ เป็นเจี่ยงซือคนหนึ่งและเป็นถันจู่ของตำหนักพระแห่งหนึ่งด้วย ข้าพเจ้าได้กินเจและฝึกหัดพุทธระเบียบกับบิดามารดาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากบิดามารดาเป็นอย่างมาก ทุก ๆ เรื่องก็ได้บิดามารดาเป็นธุระจัดการให้ ตัวเองเป็นเหมือนกับคุณหนู อยู่ที่บ้านพี่ชายก็รักข้าพเจ้า ยอมข้าพเจ้าทุกอย่าง ทำให้ข้าพเจ้าสบายไปทุกเรื่อง จึงได้ศึกษาอริยธรรมอย่างสบาย ๆ และได้เป็นเจี่ยงซือประกาศธรรมแทนฟ้า และยังได้รับความเมตตาจากเบื้องบนให้เป็นถันจู่ แต่ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักถนอมรักษาเอาไว้ และยิ่งไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มักจะวางท่าเขื่องยโสโอหังกับเจี่ยงซือ - ถันจู่ อื่น ๆ เสมอ ๆ มักจะออกคำสั่งให้ญาติธรรมเป็นธุระจัดการงานต่าง ๆ ให้ หากพบเจอกับผู้ที่ไม่ถูกโฉลกข้าพเจ้าก็จะด่าว่าเสียงดัง จึงมักจะทอสอบจนญาติธรรมร่วงหล่นไปด้วย ความที่ข้าพเจ้าเป็นคนหัวไว ปฏิกิริยาตอบสนองไวและพูดจาคล่องแคล่ว ฉะฉาน สามารถพูดธรรมะได้ ตอนหลังจึงได้รับความเมตตาจากเตี่ยนฉวนซือ ยกระดับให้เป็นเจี่ยงซือ ได้ติดตามอยู่ข้างกาย เตี่ยนฉวนซือปฏิบัติแพร่ธรรมไปทั่วทุกแห่งประกาศธรรมแทนฟ้าอยู่ได้ ๔ - ๕ ปี จากการที่ข้าพเจ้าพูดธรรมะได้และอายุก็ยังไม่มากนัก จึงได้รับการชมเชยและให้ความสำคัญจากเตี่ยนฉวนซือเป็นอย่างยิ่ง ได้ติดตามช่วยงานธรรมกิจอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวใหญ่น้อยทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็จะยื่นมือเข้าไปจัดการ รู้สึกกว่าตัวเองช่างน่าเลื่อมใสจนเกิดความยโสอวดดีขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เมื่อประสบกับเรื่องราวที่ไม่ถูกใจเป็นไปตามความคิดของตนเอง ข้าพเจ้าก็จะระเบิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันที จะใช้อำนาจบาตรใหญ่ด้วยความอวดดื้อถือดี ไม่เข้าใจหลักแห่งการสนองรับเบื้อบสูง - นำพาเบื้องล่าง มักจะเป็นเหมือนเวลาอยู่ที่บ้านที่เป็นคุณหนูใหญ่ อยากจะโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้ทดสอบให้ญาติธรรมตกหล่นไปไม่น้อย ทุกครั้งเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไปสารภาพผิดและยอมรับผิดกับเตี่ยนฉวนซือ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีก นิสัยอย่างเดิม ๆ ก็มีขึ้นมาอีก
          มีอยู่ครั้งหนึง พี่สะใภ้ของข้าพเจ้ากำลังอยู่ไฟหลังคลอดลูก ข้าพเจ้าจึงออกคำสั่งให้ญาติธรรมมาช่วยปัดกวาดทำความสะอาดทั้งภายในภายนอกบ้านสกุลหลินของข้าพเจ้า โดยไม่ได้คิดว่าผิดพลาดแถมยังพูดกับญาติธรรมเหล่านั้นว่า" นี่เป็นโอกาสให้พวกเธอได้เจริญปณิธานแรงกายเป็นทาน" ข้าพเจ้าไม่ชัดเจนเรื่องทางโลกและทางธรรม รวมทั้งไม่รักษาสามบริสุืธิ์และสี่เที่ยงตรง จึงถูกศิษย์พี่องค์ประธานคุมสอบสามโลกจดบันทึกไว้ทุกข้อทุกตอน ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าที่ทำไปนั้นจะเป็นการกระทำที่ผิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ประทับทรงบอกกล่าวชี้แนะข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ากลับพาลโกรธเอาเสียดื้อ ๆ และได้บอกกับญาติธรรมว่าเรื่องที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาพูดนั้นเป็นเรื่องไม่จริง
         ข้าพเจ้าศรัทธาติดตามปฏิบัติงานธรรมอยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือทุก ๆ วันไปทั่วสารทิศโดยไม่คิดหยุดพัก เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าจึงโมโหด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างลับ ๆ แต่ในใจก็ละอายไม่เป็นสุขนัก ตอนดึกสงัดจึงได้แอบมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าโต๊ะพระ แล้วพูดต่อพระแม่องค์ธรรมด้วยน้ำตานองหน้าว่า จากนี้ไปจะบำเพ็ญให้ดีและจะไม่ทำผิดอีก แต่ก็พูดไปอย่างนั้นสองสามครั้ง หลอกลวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยไม่ได้กระทำจริงอย่างที่ได้พูดไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

               ๒.  ไม่รู้จักถนอมบุญวาสนาตัวเองจึงถูกขังคุกสวรรค์   ( หลินชิงฮวา  เจี่ยงซือ )

         ตอนที่ข้าพเจ้าอายุ ๒๒ ปี ด้วยว่าเตี่ยนฉวนซือเหน็ดเหนื่อยจึงได้ช่วยดูแลจัดการเงินส่วนรวมให้ แต่ทุกครั้งที่นำเงินส่วนรวมไปใช้จะไม่เคยรายงานให้เตี่ยวฉวนซือและเฉียนเหยินได้รับทราบด้วยเหตุนี้จึงผิดต่อเรื่อง "เงินทองไม่ชัดเจน" โดนศิษย์พี่ ฯ จดบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด ตอนนี้ไม่มีกายสังขารแล้วจึงถูกคิดบัญชีอย่างละเอียดทุกข้อไป
         ถึงตอนนี้แล้วข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าในตอนนั้นได้ตั้งปณิธานใหญ่ว่า จะช่วยเหลือพระศรีอาริย์บรรพจารย์ปรกโปรดสามโลกเบื้องบนจึงเมตตาให้ข้าพเจ้ามาเกิดในครอบครัวที่มั่งทีศรีสุข เพื่อบำเพ็ญได้อย่างราบรื่นสบาย ๆ ข้าพเจ้าไม่เพียงไม่รู้จักทนุถนอมแต่ยังเกิดความยโสโอหังด้วย ให้ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเงินทองใช้จ่ายอย่างสะดวก ข้าพเจ้าจึงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าข้าพเจ้าผิดไป ปณิธานตนเองยังไม่บรรลุโชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเบื้องบนและบารมีคุณของพระอาจารย์ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ถูกตีให้ตกไปสู่นรกภูมิ แต่ก็ได้นำข้าพเจ้าไปยังคุกสวรรค์
          ด้วยเหตุที่บิดามารดาของข้าพเจ้า ให้วัตถุทานทรัพย์เป็นทานอยู่เสมอ ๆ บุญกุศลเหล่านั้นได้แผ่มาถึงข้าพเจ้า เป็นเพราะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระแม่องค์ธรรมและพระอาจารย์จี้กงเมตตาสงสารข้าพเจ้า จึงได้มาปรากฏกายเล่าความเป็นมาของตนเองในวันเฉลิมฉลองพระแม่องค์ธรรมในวันนี้ เพื่อให้ศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายได่รู้ว่าอย่าได้เป็นอย่างข้าพเจ้าเด็ดขาดต่อปณิธานที่ตนเองได้ตั้งไว้จะต้องจดจำและรักษาให้ดี
          การบำเพ็ญปฏิบัติธรรมนั้นต้องก้าวย่างกระทำจริงอย่าได้เป็นคนยโสโอหังและใช้อำนาจบาตรใหญ่จะต้องรักษาทำตามหลัก""เคารพอาจารย์เทิดทูนงานธรรม"" และ ""สนองรับเบื้องสูงนำพาเบื้องล่าง"" ให้ดี ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ นิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายจะต้องกำจัดทิ้งให้ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นเมื่อไม่มีกายสังขารแล้ว ค่อยมาตีอกชกหัวก็จะสายเกินการณ์ แก้ไขไม่ได้อีกแล้ว ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารศิษย์ด้วย ที่คุกสวรรค์นั้นทั้งหนาวทั้งร้อนทรมานจริงๆ เลย ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารให้ศิษย์ได้มีโอกาสเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ศิษย์จะบำเพ็ญให้ดีได้อย่างแน่นอน ศิษย์จะไม่กล้ามีจิตใจและวาจาที่ผยองลำพองอีกแล้ว ขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสารนำพาศิษย์กลับคืนสู่พระนิพพานด้วยเถิด  ศิษย์ไม่อยากอยู่ที่คุกสวรรค์อีกแล้ว ศิษย์ไม่อยากอยู่ที่นั้นอีกแล้ว ที่คุกสวรรค์นั้นมันแสนจะทรมานมันแสนจะทุกข์ทนเหลือเกิน
           เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ ๒๔ ปี ในใจก็คิดว่าเส้นทางการบำเพ็ญธรรมนั้นช่างอ้างว้างโดดเดี่ยว จึงได้ไปบอกกับเตี่ยนฉวนซือว่าจะไปแต่งงานมีครอบครัว ไม่เช่นนั้นถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก ข้าพเจ้าจะต้องประสาทกินแน่ ๆ เนื่องจากทนไม่ได้กับจิตใจที่อ้างว้างโดดเดี่ยว จึงได้แต่งงานกับเจี่ยงซือผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่งงานไปได้สามปีแล้ว แต่นิสัยอารมณ์อย่างเดิม ๆ ของข้าพเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้ากับสามีจึงทะเลาะขัดแย้งกันเสมอ ๆ ในที่สุดจึงอย่าขาดจากกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             
              ๓.  ไม่รู้จักถนอมบุญวาสนาตัวเองจึงถูกขังคุกสวรรค์   ( หลินชิงฮวา  เจี่ยงซือ )

         ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าก็มองเยื่อใยสัมพันธ์ลูกหญิงชายอย่างจืดจางวางเฉย และเมื่อพระอาจารย์ได้ประทับทรง ข้าพเจ้าจึงได้บอกกับพระอาจารย์ว่า แต่นี้ไปข้าพเจ้าจะรักษาปณิธาน ไม่กล้าที่จะโลเลสองจิตสองใจอีกแล้ว จะบำเพ็ญหล่อเลี้ยงจิตญาณให้ดีรวมทั้งสำนึกผิดในสิ่งที่แล้ว ๆ มา ตั้งแต่นั้นมาญาติธรรมก็ได้เห็นว่าข้าพเจ้ามีใจนึกแก้ไขสิ่งผิดจริง ๆ ต่างจึงให้ความเห็นอกเห็นใจข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักสำนึกพระคุณ จึงเริ่มนิสัยเดิม ๆ ที่วางท่าเขื่องใหญ่โตกับเจี่ยงซือ - ถันจู่ทั้งหลาย และยังบอกกับญาติธรรมทั้งหลายอีกว่า "ฉันเป็นมือซ้ายขวาอยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือดังนั้นพวกเธอ ถันจู่ทั้งหลายจะต้องฟังคำสั่งของฉัน"ข้าพเจ้าเองยังเกียรติคร้านกับการส่งผ้าเช็ดมือให้กับญาติธรรม เกียจคร้านในการทำความสะอาดตำหนักพระพุทธสถาน และนำสิ่งของที่ญาติธรรมทำบุญมา เอามาเป็นของส่วนตัวหรือส่งมอบให้กับคนอื่น ๆ ไป ข้าพเจ้าได้ใช้ชีวิตที่ทำผิดแล้วผิดอีกอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งอายุ ๓๖ ปี ได้ปะทะกับอากาศเย็นโดยไม่ทันระวังจึงเจ็บป่วยและลาจากโลกนี้ไป
         เมื่อละกายสังขารแล้ว วิญาญาณของข้าพเจ้าก็ล่องลอยไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะไปยังที่แห่งใด ? ตอนหลังจึงถูกศิษย์พี่ฯนำพาวิญญาณไปยังคุกสวรรค์ มือเท้าของข้าพเจ้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง คุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระอาจารย์จี้กง กราบขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสาร ด้วยว่าตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้เจริญปณิธานที่ตั้งเอาไว้ และไม่รู้ที่จะบำเพ็ญขัดเกลาตนเองทำผิดต่อหลัก ""สามบริสุทธิ์"" และ ""สี่เที่ยงตรง""" รวมทั้งไม่ได้กำจัดทิ้งซึ่งนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลาย ด้วยเหตุเหล่านี้เองจึงต้องถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์ ในวันนี้ ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชา ให้เข้ามาปรากฏกายยังตำหนักพระนี้เพื่อบอกเตือนกับศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่า จะต้องกำจัดนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายให้สิ้นไป อย่าได้ยึดติดกับทิฐิความคิดเห็นของตนเองไม่เช่นนั้น เมื่อถึงเวลาพิพากษาความของสามโลก ความผิดทุกข้อทุกตอนไม่มีทางที่จะเล็ดรอดหายไปได้จึงอย่าได้ทำตามข้าพเจ้า
         บำเพ็ญธรรมแล้ว หากไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงนิสัยอารมณ์ที่คุกสวรรค์ย่อมมีคนเป็นของพวกท่านด้วย หากตั้งปณิธานแต่ไม่ไปเจริญบรรลุปณิธานก็ยากที่จะกลับคืนพระนิพพานบ้านเดิมได้อย่างแน่นอนเป็นเพราะความระเริงเหลิงใจในตอนแรกไม่เชื่อว่าหลักของฟ้านั้นแจ่มชัด เบื้องบนรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างคิดแต่เพียงว่าข้าพเจ้าตั้งปณิธานกินเจแล้ว พูดธรรมะก็ได้ และยังเป็นเจี่ยงซือติดตามอยู่ข้างกายเตี่ยนฉวนซือ แล้วจะกลับคืนสู่เบื้องบนไม่ได้หรืออย่างไร เพียงเพราะข้าพเจ้ามีจิตใจอย่างนี้อยู่เสมอ ๆจึงทดสอบญาติธรรมตกหล่นไปตัวเองก็ยังผิดในเรื่อง ""ทางโลกทางธรรมชัดเจน"" กับทั้งผิดต่อหลัก""สามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง""ก่อบาปสร้างกรรมมากมาย ในวันนี้ได้มาปรากฏกายข้าพเจ้าจึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรได้อีก ทุกสิ่งอย่างที่เป็นไปนี้ก็มีสาเหตุมาจากผิดบาปของข้าพเจ้าเอง จึงสมควรยอมรับด้วยตนเอง
         เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งมี แต่กลับไม่รู้พากเพียรบำเพ็ญขัดเกลาจิตญาณ ไม่รู้จักประหยัดอดออม กลับกลายเป็นว่าชอบที่จะกินแต่เกียจคร้านที่จะทำ ใช้จ่ายเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่าย ตัวเองมีภาระเป็นถึงเจี่ยงซือ เมื่อขึ้นแท่นบรรยายก็จะบอกกับผู้อื่นว่า เงินทองต้องชัดเจนต้องกระทำตามหลักสามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง ต้องบำเพ็ญอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ตัวเองกลับทำผิดทุกๆเรื่อง ทุก ๆอย่างเสียเอง
          ข้าพเจ้าสำนึกขอขมาด้วยความจริงใจ ข้าพเจ้าวอนขอให้พระอาจารย์เมตตาสงสาร ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสปรากฏกายบอกเล่าเหตุได้สร้างและผลที่ได้รับของตนเอง หวังว่าศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ในเมื่อทุกคนได้รับรู้อนุตตรธรรมวิถีแล้วเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยจึงยิ่งต้องจับฉวยรักษาโอกาสที่ตนเองยังมีกายสังขารอยู่ บำเพ็ญใจหล่อเลี้ยงญาณให้ดี ๆ ปฏิบัติตามหลักสามบริสุทธิ์สี่เที่ยงตรง อย่าได้ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและพระอาจารย์จี้กงต้องประทับทรงครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตักเตือนสั่งสอนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่อาจปลุกมโนสำนึกอันดีงามให้ตื่นขึ้นมาได้ กลับผิดแล้วผิดอีก ผิดต่อไปเรื่อย ๆ จนเมื่อไม่มีกายสังขารแล้วค่อยมาตีอกชกหัวเช่นนี้ย่อมสายเกินการณ์ไปแล้ว
          หวังว่าทุกท่านจะได้นำเรื่องราวของข้าพเจ้าเป็นข้อเตือนใจจะได้ไม่ผิดพลาดตาม รักษาโอกาสที่ดีนี้เอาไว้ การพิพากษาสามโลกนั้นไม่ตกหล่นผิดไปแม้แต่นิดเดียวและศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายจะต้องยกระดับคุณธรรมความประพฤติของตนเองให้สูงส่งอย่าได้ก่อบาปสร้างกรรมอย่างเลอะเลือนกันอีกเลย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
         
                ๑. จิตใจไร้เมตตากรุณายากที่จะสำเร็จในมรรคผล    ( หวังจี๋ เตี่ยนฉวนซือ )
         
         กราบขอบพระคุณพระแม่องค์ธรรม พระอาจารย์ และศิษย์พี่ที่เมตตานำพาข้าพเจ้ามายังพุทธสถานแห่งนี้ ข้าพเจ้า""หวังจี๋""คิดว่าตังเองเป็นเตี่ยนฉวนซือ ช่างเป็นเกียรติและโชคดีที่จะสามารถกลับคืนพระนิพพาน ไฮ !!ต้องถอนหายใจจริง ๆ ข้าพเจ้าเคยมีจิตเมตตากรุณาจะฉุดช่วยสามโลก เตี่ยนฉวนซือมากมายภายใต้การนำพาของเฉียนเหยิน เป็นเพราะงานธรรมกิจยิ่งปฏิบัติยิ่งกว้างขวาง จึงแบ่งเขตกันรับผิดชอบดูแล เพราะข้าพเจ้ารับโองการสวรรค์ค่อนข้างเร็ว แค่อายุ 27 ปี ก็รับพระโองการสวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือแล้วจึงได้ติดตามปฏิบัติแพร่ธรรมกับเฉียนเหยินก่อนผู้อื่น ไปบุกเบิกแพร่ธรรมยังสถานที่ต่าง ๆ มีบุคคลากรจำนวนมาก ด้วยเหตุที่เฉียนเหยินเมตตากรุณา จึงให้เตี่ยนฉวนซือทั้งหลายแบ่งเขตกันรับผิดชอบดูแล จะได้ส่งเสริมสนับสนุนเวไนย์สัตว์ทั้งหลายได้ง่ายขึ้น แต่ใจของข้าพเจ้าไม่ราบเรียบปกติ เพราะเหตุใดนักธรรมผู้น้อยที่ข้าพเจ้าส่งเสริมในตอนแรกเริ่ม เฉียนเหยินจึงจัดแบ่งให้ไปอยู่กับเตี่ยนฉวนซือท่านอื่น ๆ ผู้ที่เป็นมือซ้ายขวาติดตามอยู่กับข้าพเจ้านั้น ล้วนแต่เป็นเจี่ยงเอวี๋ยนผู้ฝึกบรรยายใหม่ ๆ ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงเกิดความไม่พอใจ ไม่พอใจที่เหตุใดนักธรรมอาวุโสไม่ยุติธรรม ไม่พอใจเตี่ยนฉวนซือทั้งหลาย ที่เหตุใดจึงมาแย่งชิงเอานักธรรมผู้น้อยของข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าจึงกำชับกับนักธรรมผู้น้อยที่ข้าพเจ้าดูแลว่า ไม่อนุญาตให้ไปยังพุทธสถานที่เตี่ยนฉวนซือท่านอื่นดูแลรับผิดชอบอยู่ ถ้าหากพวกเขาจะไปที่พุทธสถานเหล่านั้นจริง ๆ ข้าพเจ้าก็จะไม่ดูแลพวกเขาแล้วข้าพเจ้าใช้พระโองการสวรรค์ที่มีอยู่ บังคับกดดันนักธรรมผู้น้อยเหล่านั้น ข้าพเจ้าจะดำหนิด่าว่าผู้ที่ค่อนข้างใหม่ ด่าว่าว่าพวกเขาปฏิบัติหน้าที่กันอย่างไม่มีประสบการณ์ ทำงานอย่างลวกหยาบขอไปที ไม่ได้จัดสรรเวลามาอยู่ร่วมงานกับข้าพเจ้า ข้าพจ้าจึงเกิดความโมโหไม่พอใจอยู่เสมอ ระเบิดอารมณ์อยู่บ่อย ๆ ความไม่พอใจแต่ละอย่างเกิดขึ้นจิตใจมืดมัวไร้แสงสว่าง ผู้ที่เห็นข้าพเจ้า""หวังเตี่ยนฉวนซือ"" ในใจก็จะมีความเกรงกลัว ข้าพเจ้าอายุยังไม่มาก ในใจก็ไร้ซึ่งความเมตตาแล้ว เหมือนกับปีศาจร้ายที่ใครเห็นใครก็กลัว มีแต่คนถอยห่างไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนแรกข้าพเจ้าไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ กลัวข้าพเจ้า แต่คิดไปว่าที่คนอื่น ๆ มีกิริยาอาการเช่นนั้น คงเป็นเพราะเคารพในความยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้า""หวังเตี่ยนฉวนซือ""แน่ ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้แต่กระหยิ่มใจอยู่เงียบ ๆ ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้ฟังคำบอกกล่าวของมือซ้ายขวาของข้าพเจ้าว่านักธรรมผู้น้อยมากมายพูดกันว่า""หวังเตี่ยนฉวนซือเข้มงวดเคร่งครัดเกินไป"" พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ข้าพเจ้าจึงได้พูดกับมือซ้ายขวาไปว่า""ไม่เป็นไร ขอให้เชิญผู้ที่มีปัญหามาพบกับข้าพเจ้าได้"" มือซ้ายขวาของข้าพเจ้าไม่กล้าพูดตรง ๆ ว่านิสัยอารมณ์ของข้าพเจ้าไม่ดี ใบหน้าไม่มีแววแห่งความเมตตากรุณาอยู่เลย จึงทำให้นักธรรมผู้น้อยไม่กล้าเข้าใกล้ ทุกครั้งที่ทำงานอะไรก็ตามข้าพเจ้าจะตำหนิข้อผิดพลาดของนักธรรมผู้น้อยอย่างรุนแรง ทำให้นักธรรมผู้น้อยต่างหวาดกลัวไปตาม ๆกัน ที่ข้าพเจ้าไม่พอใจเป็นที่สุดคือบุคคลากรในอดีตของข้าพเจ้าติดตามอยู่กับเตี่ยนฉวนซือท่านอื่น ๆ ข้าพเจ้ายังสั่งนักธรรมผู้น้อยว่า ข้าพเจ้าไม่อนญาตให้ไปศึกษาหลักธรรมที่พุทธสถานที่เตี่ยนฉวนซือท่านอื่นดูแลรับผิดชอบอยู่ ความยึดติดยึดมั่นแต่ละอย่างจึงทำให้ผู้อื่นพลาดโอกาสแต่ละครั้ง ๆ ไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
               ๒. จิตใจไร้เมตตากรุณายากที่จะสำเร็จในมรรคผล  ( หวังจี๋ เตี่ยนฉวนซือ )

        จนกระทั่งอายุได้ ๗๓ ปี ข้าพเจ้าจึงละกายสังขาร พระแม่องค์ธรรมรู้อยู่แล้วว่าในขณะที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่นั้น ในใจมีแต่ความแบ่งแยกเธอเขาเราฉัน ไม่มีใจปฏิบัติธรรมเพื่อส่วนรวม มักจะเกิดความโมโหไม่พอใจอยู่บ่อย ๆ ไม่พอใจที่เฉียนเหยินไม่ยุติธรรม ในตอนนั้นเป็นเพราะนักธรรมอาวุโสจะเสริมส่งข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ จึงเกิดความไม่พอใจขึ้นเสมอ ๆ เมื่อละกายสังขารตอนอายุ ๗๐ กว่าปี เบื้องบนก็ยังเมตตาให้ร่างกายของข้าพเจ้าอ่อนนุ่มดังสำลี เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของนักธรรมผู้น้อยของข้าพเจ้าเองเมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้น ต่างก็ดีใจกันใหญ่และพูดกันว่า ""หวังเตี่ยนฉวนซือร่างกายอ่อนนุ่มดังสำลีกลับคืนสู่เบื้องบน เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นถึงความสูงส่งล้ำค่าของวิถีธรรม"" พวกเขาคิดว่าหนึ่งร้อยวันให้หลัง วิญญาณของข้าพเจ้าจะมาผูกบุณสัมพันธ์ในกระบะทรายจึงได้กราบขอให้เฉียนเหยินได้เมตตา ให้เรียนเชิญวิญญาณของข้าพเจ้ามาผูกบุญสัมพันธ์ด้วย
         มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์ได้ประทับทรงมาบอกว่า ให้ช้าอีกสักหน่อย ให้ถัดออกไปก่อน สาเหตุเพราะข้าพเจ้า""หวังจี๋""ยังอยู่"ด่านสอบอารมณ์" ของสามด่านเก้าทวาร บุญภายนอกและกุศลภายในยังไม่สมบูรณ์พูนพร้อม ไม่กล้าที่จะบอกกล่าว ให้กับนักธรรมผู้น้อยได้รับรู้ ด้วยความเมตตาของพระอาจารย์ ที่ได้ให้ข้าพเจ้ายังเหลือหน้าเหลือตาอยู่บ้าง ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าบำเพ็ญศึกษาธรรม อย่าได้บำเพ็ญความสัมพันธ์ของคน จะต้องอาศัยใจที่เมตตากรุณา และยุติธรรมดีงามมาปฏิบัติช่วยงานสามโลก เบื้องบนจึงจะช่วยเหลือ นักธรรมผู้น้อยจึงจะได้ก้าวเดินตามพวกเราไปในมหาธรรมอันสว่างไสว อย่าได้มีความไม่พออกพอใจพุทธสถานอาณาจักรธรรมเป็นของพระแม่องค์ธรรม จงอย่าได้แบ่งแยก เธอ เขา เรา ฉัน นั่นเป็นเพราะเฉียนเหยินเมตตา จึงได้แบ่งเขตกันเพื่อให้ง่ายแก่การรับผิดชอบดูแล และยังได้กล่อมเกลานำพาผู้ลุ่มหลงได้มากขึ้นอีก จะต้องมีเมตตาและปัญญาเห็นธรรม ส่งเสริมธรรม อย่าได้แบ่งเราแบ่งเขา ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุปัจจัยหนุนนำทั้งนั้น ให้พวกเขาได้เข้าใจชัดเจนในหลักธรรมจะได้อุทิศเพื่อธรรมะ จะได้ปฏิบัติธรรมให้เบื้องบน จะได้เป็นสะพานเชื่อมให้เวไนยสัตว์ เหยียบย่างกลับคืนสู่เบื้องบนได้ ทุกสิ่งก็เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพวกเขาเหล่านั้น อย่าได้ขัดขวางการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมของผู้อื่น แต่จะต้องส่งเสริมดูแลพวกเขาให้ดี ๆ
         ศิษย์พี่เมตตาให้ข้าพเจ้า ได้มาบอกเล่าความจริงทุกสิ่งทุกอย่างจึงขอให้พระอาจารย์เมตตา นำพาข้าพเจ้าไปบำเพ็ญขัดเกลาที่พุทธาลัยได้ในเร็ววัน รอคอยกันให้ดี ๆ เอาเฉียนเหยินเป็นแบบอย่างให้ดี ๆ ขอให้เตี่ยนฉวนซือเมตตา ขอให้เมธีน้องพี่ชายหญิงทั้งหลายเมตตา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ประจักษ์หลักฐานสภาพความเป็นจริงในสามด่าน

มนุษยธรรมไม่บรรลุต้องขัดเกลาอยู่ที่จิ่วหยังกวน  ( เลี่ยวอี๋ซิน เจี่ยงซือ )

         ข้าพเจ้า"เลี่ยวอี๋ซิน" เป็นเจี่ยงซือวิ่งเต้นช่วยงานธรรมอยู่ ๑๕ ปี ได้รับวิถีธรรมเมื่ออายุ ๒๕ ปี ข้าพเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญพรหมจรรย์คนหนึ่ง ละกายสังขารตอนอายุได้ ๔๐ ปีได้วิ่งเต้นอยู่ในอาณาจักรธรรม ๑๕ ปี นักธรรมอาวุโสได้บ่มเพาะข้าพเจ้าให้โอกาสข้าพเจ้า ให้การอบรมสั่งสอนข้าพเจ้า แต่เป็นเพราะจิตใจของข้าพเจ้าสับสนวุ่นวาย จิตใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้จงรักภัคดีและกตัญญูอย่างเต็มที่ จึงไม่ผ่านการทดสอบเกี่ยวกับ "คุณสัมพันธ์ห้า -- คุณธรรมแปด"
คุณสัมพันธ์ห้า คือ ๑.พ่อกับลูกมีความชิดเชื้อกัน ๒.เจ้าผู้ครองแคว้นกับขุนนางมีมโนธรรมอันดีต่อกัน ๓.สามีกับภรรยามีการแบ่งหน้าที่กันทำ ๔.พี่กับน้องมีลำดับขั้นกันและกัน ๕.เพื่อนกับเพื่อนมีสัจจะต่อกัน
คุณธรรมแปด คือ ๑.กตัญญู ๒.พี่น้องปรองดอง ๓.จงรักภัคดี ๔.มีสัจจะ ๕.จริยธรรม  ๖.มโนธรรม ๗.สุจริตธรรม ๘.ละอายและเกรงกลัวต่อบาป
          จึงต้องไปอยู่ที่ "ด่านจิ่วหยังกวน" ถูกทดสอบเรื่องคุณธรรมแปด ข้าพเจ้าจะบรรยายธรรมตลอดทั้งวันประกาศธรรมแทนฟ้าไปทุกที่ สักกี่คนที่เข้าใจว่าอนุตตรธรรม (ธรรมของฟ้า) ก็คือจะต้องปฏิบัติมนุษยธรรม (ธรรมของคน)ด้วย ขัาพเจ้าวิ่งช่วยงานธรรมอยู่ภายนอกทุก ๆ วัน ทอดทิ้งบิดามารดาไว้เพียงลำพัง ไม่ได้ถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ทุกข์สุขของพวกท่าน ไม่ได้ส่งเงินให้พวกท่านได้ใช้ ในช่วง ๑๕ ปี ที่ได้ไปทั่วสารทิศโดยไม่เคยถดถอย ได้ฉุดช่วยพี่น้องชายหญิงและผู้มีบุญสัมพันธ์ให้ขึ้นเรือธรรมทุกขณะมีแต่จิตใจที่ประกาศธรรมแทนฟ้า ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะได้บรรยายธรรมะแต่สิ่งที่บรรยายไปกลับเป็นแค่หลักว่างเปล่า มนุษยธรรมไม่ได้ปฏิบัติให้สมบูรณ์ต่อบิดามารดา
           ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวให้พวกท่านได้รับรู้ ต่อเพื่อนฝูงข้าพเจ้าก็ได้แต่ปฏิบัติแพร่ธรรม จึงขาดการติดต่อส่งข่าวกันดังนั้นเรื่องมนุษยธรรมจึงยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องฝึกหัดคุณธรรมที่ด่านจิ่วหยัง เบื้องบนตัดสินว่าข้าพเจ้าปฏิบัติคุณธรรมแปดได้ไม่สมบูรณ์ ถึงแม้จะสมบูรณ์ทางอนุตตรธรรม แต่มนุษยธรรมกลับไม่สมบูรณ์ดีงาม
           ในวันนี้ได้มาถึงพุทธสถาน เบื้องบนเมตตาตอนที่อายุได้ ๔๐ ปี ข้าพเจ้าได้รับพิษจากยาที่รับประทาน ซึ่งไม่ได้เป็นการตั้งใจฆ่าตัวตาย เบื้องบนตรวจสอบแล้วว่า ข้าพเจ้าไม่มีชื่อในนรกภูมิ จึงได้นำข้าพเจ้าไปยังสามด่านเก้าทวาร จะต้องไปทุก ๆด่าน ยังดีที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติมาแต่ว่ามนุษยธรรมยังไม่สมบูรณ์ที่สามด่านเก้าทวาร จึงทดสอบข้าพเจ้าประเมินคะแนนในข้อกตัญญู -พี่น้องปรองดอง - จงรักภัคดี - มีสัจจะ เพียงมีชื่อว่าเป็นเจี่ยงซือ ดำเนินงานธรรมไปทั่ว แต่ไม่ได้ฉุดช่วยบิดามารดาเมื่ออยู่ต่อหน้าพระอาจารย์ ข้าพเจ้ากล่าวว่าในชาตินี้จะขอกตัญญูต่อพระแม่องค์ธรรม พระอาจารย์เคยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า "หลักมนุษยธรรมควรทำให้สมบูรณ์ พ่อแม่พี่น้องก็ควรฉุดช่วยนำพา" ข้าพเจ้าได้กล่าวว่าบิดามารดายึดมั่นถือมั่นมากเกินไป พวกพี่น้องก็ไม่เข้าใจ พวกเขาไม่มีรากบุญและปัจจัยหนุนนำ ในช่วง ๑๕ ปีของข้าพเจ้า ก็ได้นักธรรมอาวุโสอบรมสอนสั่ง ข้าพเจ้ามีนักธรรมอาวุโส มีอาณาจักรธรรมข้าพเจ้าจึงละทิ้งครอบครัวไปและยังคงคิดว่า ที่ทำเช่นนี้จะสามารถสร้างบุญกุศลที่มากมายได้และจะมีมรรคผลที่ใหญ่ขึ้นเป็นเพราะข้าพเจ้าทุ่มเทใจทั้งหมดให้กับอาณาจักรธรรม ถึงบิดามารดาจะไม่ได้รับวิถีธรรมก็ไม่เป็นไรทั้งบรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคน ขอเพียงแค่ข้าพเจ้าบรรลุธรรมทุกคนก็จะได้กลับคืนเบื้องบนแน่นอน
         ใครจะรู้ว่าต้องไปถูกทดสอบคุณธรรมแปดอยู่ที่ด่านจิ่วหยัง ต้องมาวิเคราะห์ตัดสินเรื่องความหมายของคุณธรรมแปด ท่านขุนพลได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า "กตัญญู พี่น้องปรองดอง จงรักภัคดี มีสัจจะ นั้นเจ้าทำไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เจ้าจะต้องไปบำเพ็ญเคี่ยวกรำอยู่ที่สถานบำเพ็ญขัดเกลา ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีบุญกุศลอยู่แต่ก่อน แต่เจ้าก็ควรจะรู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ที่ฟูมฟักเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าด่าว่าพ่อแม่ยึดมั่นถือมั่นเกินไป เจ้าด่าว่าพี่น้องของเจ้าไม่มีรากบุญและปัจจัยหนุนนำเจ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่กล้าทำสิ่งใด ๆ จึงผิดพลาดต่องานของฟ้า และยังผิดพลาดต่อการเวลาของฟ้าอีกด้วย
          ขณะยังมีชีวิตอยู่ในช่วง ๑๕ ปี นั้นข้าพเจ้าไปบรรยายธรรมทุกหนแห่ง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากนักธรรมอาวุโสทั้งหลาย พวกท่านทนุถนอมรักใคร่ข้าพเจ้าเป็นเกียรติเป็นศรีของข้าพเจ้า และด้วยความที่เป็นผู้บำเพ็ญพรหมจรรย์จึงวางตัวสูงส่งกว่าใคร ๆ มีความยโสโอหังอยู่บ้างหลักมนุษยธรรมก็ไม่ได้ทำอย่างสมบูรณ์
          ดังนั้นจึงถูกทดสอบเรื่องคุณธรรมแปดอยู่ที่สามด่านเก้าทวาร ข้าพเจ้าจึงขอเตือนศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้งหลายว่า การบำเพ็ญธรรมนั้นอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ควรปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมให้สมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นเมื่อกลับคืนไปแล้ว ทุกๆคนทุกๆที่ก็จะวิพากษ์วิจารณ์ หากบำเพ็ญธรรมแล้วแต่ไม่ได้ก้าวย่างกระทำจริง ไม่ได้ปรนนิบัติเลี้ยงดูบิดามารดา ไม่ได้ฉุดช่วยพวกท่านให้ขึ้นเรือธรรม ถ้าไม่เคารพบิดามารดาแล้วจะไปเคารพใคร ? ด้วยเหตุที่ความคิดของข้าพเจ้าเอนเอียงผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้ต้องรับทุกข์อยู่ที่สถานบำเพ็ญขัดเกลา เมธีทั้งหลายถ้าพวกท่านมีความตั้งใจ อาจใช้ความศรัทธาฉุดช่วยนำพาบิดามารดาได้ อย่าได้ด่าว่าบิดามารดายึดติดเกินไปถึงบิดามารดาจะไม่กระจ่างแจ้งต่อหลักธรรม แต่ผู้ที่เป็นลูกก็ไม่ควรที่จะมีความคิดอย่างที่กล่าวมานี้ ไม่เช่นนั้นก็จะนำมาซึ่งกรรมปากถ้าผิดพลาดต่อการเวลาของฟ้า ก็จะเป็นเช่นเดียวกับข้าพเจ้า
          ข้าพเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนและบารมีคุณพระอาจารย์ ยังดีที่ไม่ถูกทวงหนี้เวรกรรมจากหลาย ๆชาติที่ผ่านมาในช่วง ๑๕ ปีนี้ เบื้องบนเมตตาสงสารให้ข้าพเจ้าได้เบิกเปิดญาณทวารหนึ่งจุดนั้น เพียงแต่เรื่องคุณธรรมแปด ข้าพเจ้าไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ในวันนี้พระแม่องค์ธรรมเมตตา พระอาจารย์เมตตา จึงให้ข้าพเจ้ามาปรากฏกายที่พุทธสถานแห่งนี้ เพื่อบอกกล่าวตักเตือนผู้บำเพ็ญทั้งหลาย พวกท่านควรจะสมบูรณ์ด้านมนุษยธรรม เพื่อจะได้สำเร็จอนุตตรธรรม
หากมนุษยธรรมไม่สมบูรณ์ แล้วจะบรรลุอนุตตรธรรมได้อย่างไร
อย่าได้ให้ผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากละกายสังขารไปแล้ว
บำเพ็ญธรรมต้องเต็มกำลังกายใจ อย่าได้อวดดื้อถือดี  อย่าได้ยโสโอหัง

          ข้าพเจ้าบอกกล่าวด้วยถ้อยความง่าย ๆ ขัางหลังยังจะมีนักธรรมอาวุโสอีกหลายท่านข้าพเจ้าจึงไม่ขอรบกวนเวลาอีก ขอบพระคุณในพระคุณของพระแม่องค์ธรรม หวังว่าศิษย์พี่น้องชายหญิงทั้้งหลายที่ได้บำเพ็ญธรรม คุณธรรมทั้งแปดจะต้องทำให้พร้อมสรรพ ถึงแม้จะอุทิศตนเพื่องานธรรม แม้จะไม่ได้กตัญญูอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ก็ต้องเป็นห่วงเป็นใยบิดามารดาด้วย อย่าได้ให้คนบนโลกพูดถึงความไม่ดีของเรา เพราะจะเป็นการใส่ร้ายทำลายมหาธรรม บาปเวรกรรมของเราเองก็จะมีไม้น้อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 3/09/2553, 11:45 โดย ติ๊กน้อย »

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”