collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44049 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
11 : คุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง-คุกอบฟืน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 4/08/2010, 13:52 »
คุกอบฟืน
        
         คุกอบฟืน อบฟืนอะไรหรือ ? ก็อบฟืนเปียกนั้นเอง ขังเจ้าไว้ภายในด้วยอุณหภูมิที่ต่ำสุด ๆ หนาวเหน็บมาก ๆ เมื่ออากาศหนาวเหน็บต้องทำอย่างไร ? ก็ต้องเอาฟืนจึงจะอบอุ่นใช่หรือไม่ ?เมื่อจุดไฟติดแล้วจึงจะอบอุ่นได้นะ แต่เนื่องจากในอดีตเคยสร้างความผิดบาป ฉะนั้นฟืนทั้งเปียกทั้งแฉะไปหมด ทำให้ไฟไม่สามารถจุดติดได้ เมื่อใดไฟไม่ติดก็ต้องหนาวไปพลางสั่นไปพลาง อย่างนี้เจ้าเข้าใจหรือเปล่า ? การลงโทษอย่างนี้จะเบากว่าการลงโทษอื่น ๆ เพียงแค่หนาวเหน็บเท่านั้น เมื่อบาปกรรมหมดสิ้นก็สามารถไปเป็นสิ่งศักด์สิทธิ์ได้ ฟังอย่างนี้เข้าใจไหม ? จะลองสัมผัสรสชาติดูหรือเปล่า ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2010, 09:30 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
12 : คุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง-คุกกบร้อง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 4/08/2010, 22:26 »
คุกกบร้อง
      
       จะพูดต่ออีกสักอย่างก็คือ เจี่ยงซือ เตี่ยนฉวนซือ หรือนักธรรมอาวุโสบางส่วน ทั้งนี้ไม่ว่าจะสามารถบุกเบิกงานธรรมออกไปได้หรือไม่ หรือว่าจะมีนักธรรมผุ้น้อยเท่าไร ล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น คือที่ชอบนินทากล่าวหาสายธรรมอื่น ชอบตำหนิติเตียนคนอื่น ศาสนิกชนในศาสนาทั้งห้าที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น หรือศาสนาอื่น ๆ กรณีที่ว่านี้อย่าให้ฉันจับได้หากจับได้เจ้าก็จะตกที่นั่งลำบากแน่นอน เพราะจะจับคนประเภทนี้ทั้งหมดมาไว้รวมกันในสระน้ำขนาดใหญ่ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่เพียงลำพัง แต่แท้ที่จริงแล้วได้กลายเป็นกบตัวหนึ่งได้แต่ร้องๆเคยได้ยินเสียงกบร้องหรือเปล่า กบได้แต่ร้องๆ อย่างไม่หยุด ร้องจนเจ็บไปทั้งปาก ร้องจนลำคอแสบ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต้องร้องต่อไปเรื่อย ๆ ร้องจนปากฉีก ลำคอก็เลือดออก ถึงกระนั้นก็ยังต้องทนความเจ็บปวดร้องต่อไป นี่เป็นโทษทัณฑ์อย่างหนึ่ง เป็นเพราะชอบวิจารณ์คนอื่น บาปกรรมนี้หนักกว่าทั่วๆไป เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ถึงเขาจะมีบุญกุศลก็ตาม ถึงเขาจะส่งเสริมคนก็จริงแต่ทว่าเขาส่งเสริมเฉพาะนักธรรมผู้น้อยของเขาส่งเสริมเฉพาะคนที่เขาได้ฉุดช่วยมาเท่านั้น ส่วนญาติธรรมที่คนอื่นส่งเสริมกลับไปลบล้างทำลายเขา ญาติธรรมที่เตี่ยนฉวนซืออื่นถ่ายทอดธรรมให้ เขาจะบอกว่าเตี่ยนฉวนซือนั้นไม่มีพระโองการณ์สวรรค์ งานธรรมที่นักธรรมอาวุโสคนอื่นดำเนินปฏิบัติ ก็จะไม่ยอมให้นักธรรมผู้น้อยของตนมาใกล้ชิดหรือศึกษาธรรมอย่างนี้ไม่ได้

        เหมือนกับสมัยก่อนในยุคของพระศาสดาทั้งห้าที่สาวกของพระพุทธศาสนากับศิษย์ของศาสนาเต๋า ต่างแข่งขันซึ่งกันและกันอย่างนี้ก็ไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องไปสำนึกขอขมาที่คุกสวรรค์กันทั้งสิ้น ปัจจุบันทุกคนล้วนมีกายสังขาร จึงไม่รู้ว่าจะพิจารณาบาปบุญคุณโทษอย่างไร ?แต่รอดูเมื่อเจ้าละกายสังขารซิ บางคนก็ตั้งปณิทานลงมาในโลกได้เจริญปณิธานต้านภัยกลับคืนขึ้นไป ฉะนั้นทุกคนตัองปฏิบัติงานธรรม โดยอิงมโนธรรมสำนึก หากชอบนินทา กล่าวหาคนอื่น ว่าไม่มีพระโองการณ์สวรรค์งานธรรมที่คนอื่นปฏิบัติไม่ได้ผล พูดแต่ว่าตนเองดีที่สุด และพูดว่าคนอื่นไม่ถูกต้องอย่างนี้ก็แย่แน่ ๆ  รอเมื่อเจ้ามาที่คุกสวรรค์บาปก็ชำระล้างไม่หมด ต้องไปเที่ยวเยี่ยมเยียนทีละถ่ำทีละคุกค่อย ๆ รับกรรมทีละอย่าง ๆ อย่างนี้เจ้าทั้งหลายฟังเข้าใจหรือเปล่า ?

        คำพูดของฉันเหล่านี้ ต้องถ่ายทอดออกไป เพื่อให้ญาติธรรมนักธรรมอาวุโส เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้เข้าใจและนำไปพูดบอกกล่าวคนอื่นต่อ ๆไปอีก นี่จึงจะเป็นเจตนาของพระแม่องค์ธรรม อย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือเปล่า ถ้าเข้าใจ เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็ต้องไปตักเตือนคนอื่น ๆที่มีญาติธรรมเก่า ๆ หลายคนที่ตั้งปณิธานกินเจไป ล้วนกลับทุศีลแตกเจ หรือผิดต่อปณิธาน บำเพ็ญพรหมจรรย์ที่เคยตั้งไว้ หรือผู้ที่ถดถอยออกจากอาณาจักรธรรม ผู้ที่เมื่อก่อนอุทิศตนเพื่องานธรรม แต่กลับปัจจุบันไม่ได้อุทิศตนนั้น หรือผู้ที่ในอดีตเคยฉุดช่วยคนอื่นมาและได้ปฏิบัติงานธรรมมาบ้างแต่ปัจจุบันตัวเองกลับแอบอยู่ที่บ้านไม่ยอมออกมา พวกเจ้าจะต้องไปตามหาพวกเขาให้พวกเขาได้ออกมาช่วยงานอีกอย่างนี้ฟังเข้าใจหรือไม่ ? ถ้าหากตอนนั้นไม่ทำไม่ปฏิบัติเมื่อกลับคืนไปแล้ว ย่อมต้องทุกข์แน่ ๆ

         มีวิญญาณเดิมของผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่ง ที่ถูกตีเข้าคุกสวรรค์แล้ว แต่ว่ากายสังขารของเขาคนนั้น ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกเขาเองไม่รู้แต่ว่าจะมีอาการคือ เหม่อลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคือไร้ซึ่งสติปัญญาและยังมีอาการหนึ่งคือนอนไม่หลับหมายถึงความไม่ปกติของเส้นประสาท ไม่เป็นตัวของตัวเองบ้าง มีคนมากมายที่มีอาการเหล่านี้แต่เขาไม่รู้เรื่องกลับเข้าใจผิดคิดไปว่าตัวเองตรากตรำทำงานมากเกินไปซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่มีอาการอย่างนี้ แล้วยังต้องถูกตีไปคุกสวรรค์ ดังนั้นเจ้าทั้งหลายอย่าได้นำไปพูดตามอำภอใจ ต้องระมัดระวังคำพูดนี่เป็นเพียงตัวอย่างอาการที่ให้พวกเจ้าได้เห็นเจ้าจะต้องรู้จักแยกแยะพินิจพิจารณา ผู้บำเพ็ญธรรมทุก ๆคนก็เหมือนกันในตอนนี้ไม่มีปัญญาและไม่เป็นตัวของตัวเองเจ้ากรรมนายเวรก็จะอาศัยโอกาสตามติดประชิดตัวเข้ามา คนที่เป็นแแบบนี้ก็จะหน้าสงสาร อย่างนี้พวกเจ้าฟังกันรู้เรื่องไหม ? จะวิเคราะห์แยกแยะกันได้หรือเปล่า ?

         ยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเดรัจฉานที่มีทั้งเขาทั้งขน ประเภทนี้จะทำอย่างไร ? ประเภทดังกล่าวนี้วิญญาณเดิมไม่ได้เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์คน แต่เมื่อกลับไปสู่พระนิพพานแล้ว ก็จะเปลี่ยนมาเป็นรูปลักษณ์เดิมของดวงดาวเทพสถิตต่าง ๆ คุมขังเอาไว้

         ในปัจจุบันนี้ยุคสามปลายกับป์มีพุทธะอุบัติลงมาและก็มีมารมาจุติเช่นกัน ไม่ได้บอกว่าพวกเจ้าเป็นมาร แต่ฉันพูดถึงมารที่อยู่ในวงการธรรม ฉันกำลังพูดถึงบางคนที่มีอารมณ์อุปนิสัยที่ก้าวร้าวเวลาทำงานก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานอย่างนี้เจ้าเข้าใจไหม ?

          อย่าได้รับผลกระทบจากผู้อื่น ปัจจุบันนี้มีนักธรรมอาวุโสหลาย ๆท่านทยอยกันกลับคืนเบื้องบนไปแล้ว ขัางหลังยังมีนักธรรมผู้น้อยจำนวนหนึ่งได้เริ่มต้นแย่งชิงพระโองการณ์สวรรค์กันเคยได้ยินเรื่องของท่านเว่ยหล่างพระสังฆปรินายกสมัยที่ ๖ ของจีนหรือไม่ ? ใช่หรือไม่ใชว่าผู้คนจำนวนมาก ต้องการแย่งชิงพระโองการณ์สวรรค์ไปจากพระองค์ (สัญลักษณ์คือ บาตร และจีวร) แต่ว่าคนเหล่านั้นสามารถแย่งชิงเอาไปได้หรือไม่ ? ในปัจจุบันนี้วงการธรรมกำลังวุ่นวายสับสนกันอยู่ แถมยังมีคนพูดว่า "ไม่ต้องปฏิบัติงานธรรมแล้ว มนุษย์ภูมิสิ้นสุดการถ่ายทอดเพียงเท่านี้ อนุตตธรรมถ่ายทอดถึงแค่นี้เท่านั้นไม่มีพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว....."

          ในสมัยก่อน พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิงของพวกเจ้าได้กล่าวว่า "ยุคสามวาระท้ายปลายกัป ปรกโปรดฉุดช่วยทั้งสามโลก"ฉุดช่วยปรกโปรดใครบ้าง ? (เบื้องบนฉุดช่วยเทพเทวาชั้นเทวภูมิ เบื้องกลางฉุดช่วยคนบุญในมนุษยภูมิและเบื้องล่างฉุดช่วยวิญญาณในนรกภูมิ ) ในเมื่อพวกเจ้าพูดได้ก็ต้องรู้จักไปตักเตือนคนอื่นเช่นกันได้ไหม ?

          ในปัจจุบันนี้ มีพุทธบุตรคนเดิมได้ตั้งปณิธานจากคุกสวรรค์ ลงมายังโลกโลกีย์เพื่อบำเพ็ญมรรคผลอีกครั้ง พวกเจ้าได้ร่วมบุญสัมพันธ์กับฉันมาก่อนหรือเปล่า ?บางคนในที่นี่มาจากคุกสวรรค์ ฉันรู้จักพวกเจ้าดีแต่ว่าพวกเจ้าไม่รู้จักฉันเองต่างหาก ตอนนี้เพียงมาบอกกล่าวตักเตือนพวกเจ้า จงอย่าเสียทีที่ได้เกิดมาอีกไม่เช่นนั้นเมื่อกลับคืนไปก็จะถูกกักขังยิ่งนานกว่าเดิมอีก ถึงเวลานั้นคงยุ่งแน่ ๆ หนทางคืนกลับสู่เบื้องบนจะผ่านด่านของฉันไปคงลำบากแน่ ๆ ฉันดีดลูกคิดเป็น(คิดเล็กคิดน้อย) และคิดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียด้วย พวกเจ้าไม่เหมือนกับฉัน พวกเจ้าต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ต้องคอยกังวลเรื่องปากเรื่องท้อง จากนั้นจึงค่อยหันมาสนใจพระพุทธะ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของชาวโลกนั่นเอง นอกจากนี้ยังต้องดูแลภรรยาและลูกๆ รักษาทรัพย์ของตระกูลและยังต้องหางานหาเงิน ถึงสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น แต่เจ้าก็ต้องรู้จักสร้างบุญกุศล รู้จักให้ทรัพย์เป็นทานอย่างนี้ดีไหม ?เพียงแต่พวกเจ้าบำเพ็ญฝึกฝนตนอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้วฉันได้เปิดเผยความลับสวรรค์มามากต่อมากแล้ว หากเปิดเผยความลับสวรรค์มากไป ก็ต้องถูกกักขังที่คุกสวรรค์เหมือนกันตัวเองยังต้องถูกขังเลยน่าขำไหม ? ที่จริงแล้วไม่น่าขำเลย เพราะก็มีพุทธะที่ตั้งปณิธานลงมาหนุนนำงานธรรม ลงมาผูกบุญสัมพันธ์ซึ่งเป็นพระบัญชาของพระแม่องค์ธรรม แต่หากอริยกิจที่ได้รับมอบหมายมาทำได้ไม่ดี เมื่อกลับคืนไปก็ต้องถูกกักขังเช่นกัน ต่อให้เป็นพุทธะก็เถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2010, 09:32 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
อุโมงค์จองจำเทพเซียน

        อุโมงค์จองจำเทพเซียน มีไว้กักขังจองจำเทพเซียน ในคุกสวรรค์ก็มีสถานที่กักขังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน เช่น แปดเซียน มหาเทพอื่น ๆ พระโพธิสัตว์ หรือพระอรหันต์ บางองค์ถูกผูกมัดเอาไว้บางองค์ทำความผิดด้วยความไม่ระมัดระวัง พุทธะบางองค์รับประกันแทนคนบนโลก รับประกันอย่างไร ? พระองค์บอกว่า "เขา(คนบนโลกทำความ-ผิดมาสามครั้งแล้ว)" พระองค์จึงวอนขอให้พระแม่องค์ธรรม ประทานโอกาสอีกครั้งให้กับคนคนนั้น พระองค์จะขอรับประกันเอง ถ้ารับประกันไม่สำเร็จจะต้องเป็นอย่างไร ? มีเพียงกักขังเท่านั้น พระองค์ต้องรับผิดแทนคนคนนั้นเองอย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? พวกเจ้าลงมายังโลกโลกีย์ ก็มีพระพุทธะมากมายรับประกันแทนพวกเจ้าเหมือนกันฟังเข้าใจหรือไม่ ? ก็เหมือนกับผู้ค้ำประกันนั่นเองบนโลกก็นิยมเรื่องอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของคนคนหนึ่งอาจารย์ของเจ้าก็รับประกันแทนเจ้าแล้ว ถ้าหากไม่ได้กลับคืนไปจะทำอย่างไร ? ไม่มากก็น้อย ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับประกันให้กับพวกเจ้าใช่หรือไม่ เมื่อมีใจบำเพ็ญธรรมก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฉุดช่วยปลดปล่อยให้พวกเจ้า ช่วยให้พวกเจ้ากำจัดความทุกข์ยากลำบากอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?ดังนั้นไม่ใช่ว่าทำดีตอนยังมีกายเนื้ออยู่บนโลก เมื่อกลับคืนไปแล้วจึงค่อยถูกกักขัง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำผิดมายังคุกสวรรค์ที่ฉันดูแลอยู่ พระองค์เหล่านั้นเต็มใจที่จะถูกกักขัง

        นี่ไม่ใช่กำลังฤทธิ์ของฉัน ทุก ๆ พระองค์ล้วนเท่าเทียมเสมอกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างเคารพกันและกัน ต่างยอมรับเลื่อมใสกันและกัน ต่างเรียนรู้กันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปทำไปด้วยกันและกัน

        ตัวอย่างเช่น ฉันเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แก่ ๆ องค์หนึ่ง ก็ไม่อาจดูถูกดูแคลนสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์น้อย ๆได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์น้อย ๆเหล่านั้น ถ้าได้บำเพ็ญอีกก็ย่อมสำเร็จเป็นพระพุทธะได้เช่นกันด้วยว่าทิพยญาณเหมือนกันล้วนแบ่งญาณมาจากพระแม่องค์ธรรมทั้งนั้น ทุกคนทุกองค์ต่างเป็นพี่น้องร่วมพระแม่องค์ธรรมเดียวกัน อย่าได้มัวเปรียบเทียบว่ากำลังฤทธิ์ของใครผู้ใดแกร่งกล้ามากมายกว่าักัน หรือว่าบำเพ็ญมานานกว่า เจ้าเป็นนักธรมอาวุโสเมื่อสำเร็จธรรมแล้วพวกเจ้ามากมายหลายคน ก็มีเขาสองเขางอกออกมา ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่วิเศษแล้ว ดังนั้นยิ่งบำเพ็ญนานวันยิ่งไม่ควรที่จะมีความผิดพลาดโทษบาปหนัก ยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องสว่างไสวยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องจิตใจดีงามยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องมีเมตตากรุณา ยิ่งบำเพ็ญยิ่งใบหน้าต้องผ่องใส

        หากรู้ว่าตัวเองบำเพ็ญได้ไม่ดี ยังพอเยียวยาได้ผล หยุกยายังพอใช้ได้ผล แต่ถ้าคิดว่าตนเองบำเพ็ญได้ดีแล้ว ผู้ที่อวดอ้างวางท่ายโสอวดดีเช่นนี้ก็ไม่อาจช่วยได้แล้ว ทุกคนล้วนมีรากบุญในการสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้าจึงต้องเรียนรู้ฝึกฝนให้ดี อย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? เจ้าอย่าได้พูดว่า "ใบหน้าของฉันถูกแสงแดดแผดเผาจึงหมองคล้ำไป" ไม่ใช่เช่นนี้แน่ ฉันดูที่แสงญาณของพวกเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ดูที่ผิวหน้า หากว่าใครก็ตามผิวหน้าหมองคล้ำก็ไม่ใช่ว่าคนคนนั้นบำเพ็ญได้ไม่ดีอย่าได้ดูถูกดูแคลนเขา บำเพ็ญธรรมหากว่างได้ ปลงได้ตกสักนิดก็ย่อมบำเพ็ญได้อย่างไม่มีการทดสอบและอุปสรรคแล้วเป็นไปตามเหตุปัจจัยธรรมชาติ ไม่ใช่บำเพ็ญได้ง่ายกว่าหรอกหรือ ? หากว่าอันนี้ก็จะเอา อันนั้นก็ต้องการไม่ต้องพูดเลย เพราะคงบำเพ็ญอย่างยากลำบากแน่ ๆ จะบำเพ็ญธรรมด้วยและจะดูแลครอบครัวด้วย จะดูแลทั้งทางโลกและทางธรรมไปพร้อมกันนั้นเป็นเรื่องยาก เรื่องใหญ่ของชีวิตจิตญาณจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนทำมาหากินนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

         เวลาเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว เปรียบแค่ชั่วกระพริบตา แค่ชั่วกระพริบตาเดียวคนก็ลาจากโลกไปแล้ว ต้องเปลี่ยนร่างใหม่กันแล้ว ถ้าไม่บำเพ็ญกลับคืนเบื้องบน ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น มีพุทธบุตรเดิมมากมายถูกกักขังอยู่ที่คุกสวรรค์ มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ที่นั่นมีบางส่วนต้องแบ่งญาณมายังโลก มีร่างกายปฏิบัติบำเพ็ญในโลก พวกเจ้าจึงต้องไปฉุดช่วยนำพาพวกเขา ทำให้พวกเขาเดินมาสู่หนทางที่ดีงามให้ได้ ฉันไม่หวังให้พวกเจ้าเดินเข้าไปสู่คุกสวรรค์ แต่ต้องสำเร็จในบุญกุศลและได้รับมรรคผลมีอริยฐานะ จึงจะถูกต้อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2010, 09:35 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
อุโมงค์ก้อนหิน

          ขอพูดถึงอีกสถานที่หนึ่ง ผู้ที่จิตใจไม่ค่อยบริสุทธิ์ ถ้าไม่เพราะนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีมีอยู่มากมายก็เป็นเพราะไม่ผ่องแผ้ววิสุทธิ์ในอารมณ์เจ็ด ตัณหาหก นั่นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างชาย - หญิงยังละวางไม่ได้ เยื่อใยระหว่างสามีภรรยา ก็หลีกหนีกันไม่ได้ ใครที่เป็นอย่างที่กล่าวมานี้เมื่อกลับคืนไปก็ต้องถูกอบ ถูกอบอย่างไร ? นั่นคือใช้ไฟอุ่น ๆ ค่อย ๆ สุมอบ วิญญาณที่นั่งอยู่ในอุโมงค์ก้อนหิน จิตใจจะต้องวิสุทธิ์ผ่องใสหากสงบลงมาไม่ได้ ก้อนหินนั้น ก็จะร้อนขึ้นจนลวกพองเข้าให้ อุโมงค์ทั้งอุโมงค์ก็จะร้อนระอุขึ้นมา อบอ้าวมาก ร้อนจนเหงื่อกาฬแตกอยากจะหนีก็หนีไปไม่ได้ ก้อนหินทั้งหมดนั้นร้อนมาก หากว่าความคิดสงบลงได้แล้ว ไม่มีความคิดเหลืออยู่อีกแล้ว ก้อนหินนั้นก็จะเย็นขึ้นมาได้เอง ถ้ามีความคิดเกิดขึ้นอีก ไม่ผ่องแผ้วดีงามอีก ก็แย่แล้วล่ะ!
          ในคุกสวรรค์ของเบื้องบนนั้น จะมีมายาภาพแปรเปลี่ยนไปมาตัวอย่างเช่น สาวงามหรือเทพธิดามาแกล้งยั่วยวนวิญญาณ เหล่านั้นล้วนเป็นมายาภาพไม่ใช่สิ่งจริง เป็นสิ่งมาทดสอบ วิญญาณเหล่านั้นจะหยุดก็ต่อเมื่อไม่มีจิตใจเกิดขึ้นมาอีก จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะโดนทดสอบเหมือนกัน พวกเจ้าจะไม่รีบเร่งบำเพ็ญกันหรืออย่างไร ? ไม่เช่นนั้นเมื่อกลับคืนไปก็จะโดนเหมือนกัน จะบำเพ็ญเพิ่มเติมนั้นก็ยากที่จะรับไหว
           นี่คือพวกที่ผ่าน "สามด่าน เก้าทวาร "กันไม่ได้ ยิ่งไปถึงคุกสวรรค์ยิ่งลำบากกว่าอีกอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? ดีแล้ว  ฉันคงต้องลาจากไปแล้ว ฉันจะรอคอยพวกเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เอาละ พวกเจ้าแต่ละคนรีบเร่งก้าวเดินกันเถิด สร้งบุญเจริญปณิธานกันให้ดี ๆ นะ

พระโอวาทพระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน

ผลสำเร็จในภายหน้า
มิใช่ขึ้นอยู่กับอาณาจักรธรรมใหญ่หรือเล็ก
ไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าสร้างตำหนักพระน้อยใหญ่ไว้กี่แห่ง
ยิ่งไม่ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบจำนวนญาติธรรมของกันและกัน
แต่อยู่ที่...บำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้
ยึดมั่นรักษาในปณิธานและศีล
ไม่โลภฟุ้งระเริง ไม่ได้แย้งแก่งแย่ง
นำจิตใจที่กลมกลืนสมาน
ไปสำเร็จภาระศักดิ์สิทธิ์ของตัวเจ้าเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2010, 17:17 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        พระโอวาทท่านผู้เฒ่าคุณฟ้า  (๒)
        
        ที่คุกสวรรค์          มีการลงทัณฑ์           หลายหลากวิธี
        ธรรมหมื่นวิถี        ล้วนเกิดจากใจ           ไม่ใช่สิ่งอื่น
        หากตัดยึดมั่น       ละวางลงได้               มรรคผลได้ชื่น
        เสรีเริงรื่น            ที่แดนนิพพาน            หมื่นแปดร้อยปี    

        ครั้งที่แล้วพูดถึงคุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ในตอนนี้จะพูดถึงชั้นที่สอง ฉันน่ารักมาก แล้วก็แก่่แล้วด้วย ทำไมฉันจึงรักใคร่เอ็นดูพวกเจ้านี่ย่อมมีสาเหตุ อะไรคือสาเหตุเหล่านั้น ? นั่นเป็นเพราะว่าฉันเองกับพระอาจารย์จี้กงของพวกเจ้าเป็นดวงธรรมญาณเดียวกัน ดังนั้นเมื่อฉันได้เห็นพวกเจ้า ก็เหมือนได้เห็นลูกเห็นหลานของตนเอง พระแม่องค์ธรรรมเมตตาให้ฉันได้ดูแลควบคุมคุกสวรรค์ จึงหวังว่าศิษย์ที่ยังบำเพ็ญไม่ดีของฉันเหล่านี้ ได้่ผ่านการตักเตือนกล่อมเกลาจากฉันแล้ว จึงจะเจริญก้าวหน้า มีอนาคตอันสดใส เข้าใจหรือไม่ ?
                                  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2010, 17:17 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ถ้ำวายุสายฝน

        "ถ้ำวายุสายฝน"
เป็นทัณฑสถานแห่งหนึ่ง ทุก ๆ คุก ก็จะมีถ้ำย่อย ๆ พุทธบุตรที่ทำความผิดบาปล้วนต้องไปเคี่ยวกรรม บำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำ หนึ่งคนต่อหนึ่งถ้ำพอดิบพอดี ขนาดของถ้ำไม่กว้างและไม่แคบเกินไปแต่คนที่อยู่ข้างในต้องถูกลงทัณฑ์เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
         ถ้ำเหล่านี้เอาไว้กักขังนักธรรมอาวุโสเก่า ๆ นักธรรมอาวุโสทั่วไป เตี่ยนฉวนซือ และญาติธรรมเก่า ๆ เหล่านี้กลัวว่านักธรรมผู้น้อยของตนจะถูกผู้อื่นแย่งไป ทั้ง ๆที่เป็นเตี่ยนฉวนซือที่เปิดสถานธรรมเหมือนกัน แต่กลับไม่ให้คนอื่นเข้ามา เนื่องจากกลัวว่าญาติธรรมของตนจะถูกคนอื่นส่งเสริมแล้วแย่งเอาไปแท้ที่จริงแล้วนี่เป็นความเห็นแก่ตัว และมีทิฐิเอนเอียงนั่นเอง บางคนอาจจะกลัวอาณาจักรธรรมปั่นป่วน กลัวว่าพระบรรพจารย์ปลอมหรือพระจี้กงปลอมจะมาสร้างความวุ่นวายในอาณาจักรธรรม แต่ว่าบางคนมีความยึดมั่นถือมั่นในใจมาก
         คนที่มีจิตเมตตากรุณานั้น เบื้องบนย่อมรับรู้ แต่ถ้าในใจไร้ความเมตตากรุณา เบื้องบนก็รับรู้เช่นกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องมารับโทษที่คุกวายุสายฝนนี้ก็เป็นเพราะว่า กลัวว่านักธรรมผู้น้อยของตนจะถูกคนอื่นแย่งเอาไปจึงยื้อแย่งบุญกุศลในใจคิดว่าตัวเองฉุดช่วยคนหนึ่งมารับธรรมะก็เป็นบุญกุศลของตน นักธรรมผู้น้อยของฉันพาคนมารับธรรมะสิบคนก็เป็นนักธรรมผู้น้อยของฉันอีกเช่นกัน บวกเข้าไปก็ได้สิบเอ็ดคนอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่า อย่างนี้ยิ่งบวกก็ยิ่งมาก บุญกุศลยิ่งรวมกัน ก็ยิ่งแยะยิ่งใหญ่
          ที่จริงแล้วเบื้องบนไม่ได้จดแค่ผลบุญหรอก เพราะเบื้องบนคำนวนเอาจาก"คุณธรรมในใจ " ความเมตตากรุณาที่มีอยู่ในจิตใจ สามารถช่วยให้เจ้าหลุดพ้นไปจากพันธนาการของธาตุทั้งห้า นี่จึงจะเป็น"กุศลที่แท้จริง" ผู้ที่จิตใจยังถูกธาตุทั้งห้พันธนาการผูกมัดอยู่ คนประเภทนี้บำเพ็ญธรรมย่อมไม่ประสพความสำเร็จ หากพวกเจ้าเจอคนประเภทนี้ ต้องรู้จักตักเตื่อนชี้แนะ อย่าให้เขาทำผิดไปมากกว่านี้ เพราะเมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้วก็จะต้องเอาบุลกับบาปมาเปรียบเทียบกัน เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะได้แต่ถูกจับไปจองกักขัง
           ผู้ที่มีความยึดมั่นถือมั่นเกินไป หรือเป็นผู้ที่มีบาปกรรมหนักหนา ภายในถ้ำวายุสายฝนนั้นจะมีลมหนาวพัดมาทิ่มแทงเข้ากระดูก ลมกับฝนมาเหมือนกับเข็มไม่มีผิดเพี้ยน ได้ทิ่มแทงเข้าไปทุก ๆ อณูขุมขน เจ็บปวดทรมานไปถึงหัวใจเพื่อให้เขาทั้งหลายได้รู้ตื่น ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้อีก เพราะเขาทำให้คนอื่นต้องตกสู่นรกอเวจี ตัดรากปัญญาของคนอื่น นี่เป็นบาปมหันต์อย่างยิ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2010, 17:20 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
ถ้ำอัสนีสายฝน

       วิญญาณบาปทุกดวงที่ถูกลงโทษทัณฑ์ จะต้องนั่งอยู่ในถ้ำ และภายในถ้ำก็จะมีเสียงอัสนีสายฟ้าฟาดดังสนั่นถ้ำที่ว่านี้ไว้รองรับคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวบำเพ็ญมากว่ายี่สิบปี ก็ยังมีอารมณ์ร้าย สามสิบปีก็ยังไม่บรรเทา ไม่มีความเมตตากรุณากับนักธรรมผู้น้อย ไม่มีความเคารพยำเกรงต่อเบื้องบน ไม่ว่าคนอื่นจะตักเตือนทัดทานอย่างไร ก็ทำเป็นหูทวนลม คนประเภทนี้จะไม่กระจ่างแจ้งในหลักธรรม ไม่มีสติปัญญาจะถูกนำมาที่ถ้ำอัสนีสายฝนนี้เพื่อลงโทษทัณฑ์
       เสียงสายฟ้าฟาดกระหึ่มกึกก้องกังวานจนแก้วหูแตกมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดทว่าเขาไม่มีกายสังขารแล้วจะรู้สึกเจ็บได้อย่างไรเล่า ? นั่นเป็นร่างญาณที่เจ็บ เพราะโลกที่ไร้รูปลักษณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นมีรูปลักษณ์ได้ แต่นั่นเป็นแค่รูปลักษณ์จอมปลอม เช่นเดียวกับหลอดไฟฟ้าที่มีแสงไฟออกมา แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับต้องมันได้ใช่หรือเปล่าได้แต่สัมผัสถึงความสว่างเมื่อแสงเหล่านั้นสาดส่องมาถึงเท่านั้นเอง
       พวกเจ้าทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ได้ทำผิดในเรื่องนิสัยอารมณ์อย่างนี้หรือไม่ ?เมื่อสักครู่นี้ที่ได้พูดไปสองอย่างพวกเจ้าได้ทำผิดกันหรือไม่ ? ถ้าหากทำผิดอย่างนั้นอยู่ ก็จะโดนพันธณาการและพาตัวไปกักขังจองจำ เอาละ ! จะให้พวกเจ้าได้มีโอกาสอยู่บ้าง เป็นเพราะพวกเจ้ายังมีกายสังขารอยู่ ยังคงมีชีวิตกันอยู่ ยังไม่ได้ตายถ้าหากตายไปแล้วก็จบกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2010, 17:19 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ถ้ำอมฤตธรรม

       ถ้ำอมฤตธรรม ดูตามรูปศัพท์ก็พอคาดเดาได้ว่า หมายถึงตอนที่มีชีวิตอยู่ชอบยึดติดกับพุทธธรรมหรือคัมภีร์
ทั้งหลายยึดแน่นในวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติตน โดยคิดว่าวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติของคนอื่นไม่ดี ตัวอย่างเช่นการบำเพ็ญ
ทุกรกิริยาที่ไม่กินไม่สวมใส่เครื่องนุ่งห่ม ไม่หลับไม่นอน ใช้ไฟเผาลนตัวเอง ฯลฯ ซึ่งการบำเพ็ญทุกรกิริยา เป็น
เพียงการเคี่ยวกรำกายสังขารเท่านั่นเองแต่หากไม่บำเพ็ญเคี่ยวกรำจิตภายใน  ไม่ตัดโลภ โกรธ หลง ทิ้งไปกลับ
คิดว่าตัวเองบำเพ็ญปฏิบัติถูกแนวทาง ถึงคำพูดของคนอื่นจะมีเหตุมีผลแต่ก็ไม่ยอมฟังคนประเภทนี้ต้องลำบากแน่ ๆ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกเคี่ยวกรำ คนเหล่านี้จะมารวมนั่งฟังธรรมะจากพระพุทธะแต่ทว่ากลิ่นเสียงกับแหลมทิ่มแทง
แก้วหู ! รู้สึกคัน ๆ รู้สึกแปลก ๆ ไม่สบายไปทั้งตัว นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ทิพย์โปรยปรายลงมาจากเบื้องบนซึ่งเมื่อ
มาติดตามตัวแล้วก็จะรู้สึกคันมาก ๆ แต่ก็ต้องนั่งฟังธรรมะต่อไปไม่เช่นนั้นจะยื่งทุกข์ทรมานกว่าเดิมและจะไม่ฟัง
ต่อก็ยิ่งไม่ได้ เพราะว่าเมื่อฟังคำคำหนึ่ง หูก็จะรู้สึกคันเป็นอย่างมาก คนประเภทนี้ก็เหมือนกับคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง
การบรรยายธรรม และก็ยังนั่งกันตามสบาย หรือไม่ก็นั่งไขว่ห้างนึกคิดเรื่องส่วนตัวอยู่
        ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งคือ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เขาก็จะไม่ชอบ ซ้ำยังหาว่าผู้อื่นพูดเกินเลยโอ้อวดหรือ
พูดส่งเดช เรื่อยเปื่อย จิตใจฟุ้งซ่าน เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับทรงแสดงธรรมก็ยังไม่ชอบฟัง และไม่ยอมฟังด้วย
คิดไปเองว่าหลักธรรมที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดนั้น เป็นคำง่าย ๆ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ผู้ที่เย่อหยิ่ง อวดดื้อถือดี หรือมัก
ใหญ่ใฝ่สูง ผู้ที่ไม่ตั้งใจฟังคำพูดนักธรรมอาวุโส หรือผู้ที่นั่งหลับเสมอ ๆ เวลาที่ฟังธรรมะอยู่ เมื่อเป็นอย่างนี้นาน
วันเข้าก็จะยื่งแปดเปื้อนมากขึ้น ๆ คนบำเพ็ญอย่างนี้จะต้องถูกจับตัวให้ไปบำเพ็ญกันต่อ อย่างนี้แล้วพวกเจ้ากลัว
หรือไม่กลัวกันล่ะ ? ในวันนี้ก็มีคนนั่งหลับตั้งหลายคน แต่ก็แค่จดบันทึกเอาไว้เท่านั้น ยังไม่ได้จับตัวไปกักขังใน
ทันที เหมือนกับเวลาที่เจ้าขับรถผิดกฏจราจร ถ้าหากผิดบ่อยครั้งสะสมกันมากๆเข้าแล้วจึงจะโดนจับไปลงโทษนั่นเอง


ถ้ำอมฤตคุณ

        ถ้ำอมฤตคุณ  พุทธบุตรที่อยู่ในถ้ำนี้ เป้นผู้ที่มีอำนาจและฐานะแต่ว่ากลับไม่ตั้งใจบำเพ็ญธรรม ไม่มีความ
เมตตากรุณาต่อนักธรรมผุ้น้อยแต่กลับใจไม้ใส้ระกำ ตัวเองคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ จิตใจไม่เที่ยงตรง แม้จะ
บำเพ็ญมานานเมื่อดูภายนอกแล้วเหมือนกับผู้มีจิตเมตตา พอลับหลังกลับนินทากล่าวหาว่าร้ายผู้อื่นซึ่งที่จริงแล้ว
ไม่ได้มีคุณธรรมอย่างที่คิด
         หลายคนถูกลักษณะภายนอกของเขาเหล่านั้นหลอกเอา เมื่อผ่านไปนานวันเข้า จึงได้เห็นโฉมหน้าที่
แท้จริงของเขาก็ถูกทดสอบจนตกหล่นไป คนประเภทนี้ที่แปลก ๆ ไม่มีคุณธรรมนิสัยอารมณ์ก็ไม่ดีใจคอโหด
ร้ายต่อผู้อื่นเห็นแก่ต้ว ก็ต้องมาถูกกักขังที่นี่เวลาถูกลงโทษทัณฑ์จะมีน้ำที่เย็นเฉียบเทลงมา หากจิตสงบอารมณ์
เยือกเย็นอุณหภูมิของน้ำก็จะอุ่นขึ้นแต่หากจิตยังขุ่นเคืองไม่พอใจ อุณหภูมิ ของน้ำก็จะเย็นยะเยือก อุณหภูมิ
ของน้ำก็จะขึ้นอยู่กับภาวะของจิตนั่นเอง เมื่อบาปกรรมมลายไปการเคี่ยวกรำจึงจะหยุด
         นอกจากที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้วยังมี "ถ้ำอมฤตธาตุทอง"   "ถ้ำอมฤตธาตุไม้"   "ถ้ำอมฤตธาตุน้ำ "
"ถ้ำอมฤตธาตุไฟ"   "ถ้ำอมฤตธาตุดิน"  นั่นก็เป็นเรื่องของธาตุทั้งห้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พระแม่องค์ธรรม
ได้มีพระบัญชาว่า "ความลับของคุกสวรรค์ในแต่ละชั้นจะต้องปิดไว้บ้างบางส่วน " เพราะอะไรจึงไม่สามารถเปิด
เผยทั้งหมด ?เพราะเมื่อพูดให้พวกเจ้าได้ฟังกัน กลับจะไม่รู้จักคุณค่า กลับจะไม่สนใจใยดีกัน    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19/08/2010, 14:08 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คุกเก็บเมล็ดถั่ว

          นั่นก็คล้ายกับเรื่องที่ซินเดอเรลล่า (หรือ ฮุยกูเหนียง)ต้องเก็บเมล็ดถั่ว แต่ก็ไม่เหมือนกับซินเดอเรลล่า
ซะทีเดียว ญาติธรรมทั่วไป เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือ รวมทั้งทุกคนที่นี่ล้วนเคยกระทำผิด คือเวลาฉุดช่วยคนได้แต่
นับหัวกันโลภในปริมาณ แต่ไม่เน้นที่คุณภาพ ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นมีความประพฤติที่ดี หรือไม่ดีถึงจะณุ้จักกันแค่ผิวเผิน
ตามท้องถนนก็ฉุดช่วยเขามาคิดแต่ว่าถ้าฉุดช่วยคนได้หนึ่งร้อยหรือสองร้อยคนก็จะมีบุญกุศลใหญ่ แต่กลับไม่ไป
ส่งเสริมสนับสนุนเขาเหล่านั้น หลังจากที่ได้ฉุดช่วยไปแล้ว เที่ยวฉุดช่วยคนทั่วไป เที่ยวผูกบุญสัมพันธ์กับใครต่อ
ใครไปทั่ว แต่ไม่ไปส่งเสริมเขาเหล่านั้น คนประเภทนี้ก็ต้องกลับไปยังคุกสวรรค์เพื่อให้ "เก็บเมล็ดถั่ว"
           แต่เมล็ดถั่วของคุกสวรรค์นั้นไม่ใช่จะเก็บง่าย ๆ อย่างที่คิดด้วยเหตุที่คนบนโลกได้กินเจและรู้จักที่จะ
สร้างบุญกุศลแล้ว ดังนั้นเบื้องบนจึงให้รับโทษทัณฑ์ที่เบากว่า ไม่ต้องถูกตัดลิ้นผ่าท้อง ควักไส้ควักพุง คุกสวรรค์
ไม่เหมือนกับนรก และทุกๆ โทษทัณฑ์ที่จัดเตรียมไว้ก็ล้วนแต่แฝงเล้นไปด้วยหลักธรรม
       สำหรับผู้ที่มีความผิดบาปหนักหน่อย จะมีเม็ดทรายปะปนกับเมล็ดถั่วเป็นกอง ๆ ดูซิว่าเจ้าจะเก็บจนถึงเมื่อไหร่?
หากว่าจิตใจของเจ้าไม่สงบเกิดอวิชชาความมืดบอดขึ้นมาคิดว่าตัวเองมีบุญกุศลมากมาย ฉุดช่วยคนเอาไว้ไม่น้อย
เมื่อกลับคืนไปต้องถูกกักขังจองจำอยู่ที่นี่เพื่อให้คอยเก็บเมล็ดถั่วแต่ที่แย่กว่านั้นก็คือกองเมล็ดถั่วจะมีสีเหมือนกับ
เม็ดทรายขึ้นมาทันที แล้วจะเก็บกันอย่างไรเล่า ? ฉะนั้นพวกเจ้าจึงต้องมีความระมัดระวัง อย่าได้ฉุดช่วยคนอย่าง
ขอไปที หรือฉุดช่วยมาแล้วก็ไม่ส่งเสริมสนับสนุน ทำให้เขาให้ร้ายทำลายธรรมะ ไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างกระจ่างชัด
ปัณหาและการทดสอบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรธรรมปัจจุบัน ก็เพราะหลายคนละโมบในบุญกุศล ฉุดช่วยคนแบบ
นับหัว เพื่อให้เตี่ยนฉวนซือดีใจ อย่างนี้ไม่ถูกต้องหลายคนไม่เข้าใจจึงได้กระทำผิด ฟังเข้าใจหรือไม่ ? หากเจ้า
ทั้งหลายมีจิตใจที่เที่ยงตรงเป็นสัมมา เมล็ดถั่วก็จะใหญ่ขึ้น ตรงกันข้าม หากเจ้ามีจิตใจที่เอนเอียงเป็นมิจฉา เมล็ดถั่ว
ก็จะยิ่งเล็กลง หนำซ้ำยังเปลี่ยนสีอีกซึ่งยากแก่การแยกแยะได้ แตที่แน่ ๆ ก็คือเจ้าต้องเก็บถั่วทุกเมล็ดให้หมด
บาปกรรมจึงจะมลายไป ดังคำกล่าวที่ว่า "หมื่นธรรมวิถีเกิดจากใจ  จากใจเกิดหมื่นธรรมวิถี"

คุกไต่บันได
        
        หนึ่งคนต่อหนึ่งบันได ต้องมีความตั้งใจปีนไต่ จากข้างล่างค่อยเป็นค่อย ๆ ไต่ แต่ไม่ว่าจะปีนจะไต่อย่างไร
ก็ยังอยู่ที่เดิม เหมือนกับขึ้นบันไดจะเลื่อนลงไปข้างล่างเรื่อย ๆ ในใจจึงหวาดหวั่นคนประเภทนี้เป็นคนที่ "
"สามวันหาปลาสองวันตากแห" สามปีห้าปีจึงจะบำเพ็ญสักครั้งหนึ่ง มีความกระตือรือร้นต่อธรรมะประเดี๋ยวประด๋าว
และเดี๋ยวก็เฉีื่อยชาเฉื่ยยเนือย ครู่หนึ่งก็ตั้งปณิธานใหญ่ อีกครู่หนึ่งก็ถดถอยไป อีกเดี๋ยวหนึ่งก็ไม่เชื่อต่อธรรมะแล้ว
        คนประเภทนี้ ย่อมไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ว่าเขาได้บำเพ็ญธรรมอยู่ เขาคิดเห็นแต่เพียงว่า
การบำเพ็ญธรรมจะช่วยคุ้มครองให้เขาอยู่เย็นเป็นสุขได้ ดังนั้นจึงได้สร้างบุญกุศลจำนวนหนึ่งเพื่อชดเชยกับความผิด
พลาดของตนเองที่จริงแล้วเขาก็เข้าใจรู้ว่าต้องบำเพ็ญแต่ว่าเขาไม่อยากจะบำเพ็ญเองดังนั้นจึงถูกกักขังที่คุกสวรรค์นี้
เมธีทั้งหลาย !!!พวกเจ้าจะโดนจับมาขังที่นี่กันหรือเปล่า ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2010, 13:59 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
คุกต้มน้ำ

        คุกต้มน้ำหนึ่งคนต่อหนึ่งเตา เอาฟืนไปเผาแต่น่าแปลกประหลาดตรงที่คนมีสภาวะจิตยังบำเพ็ญได้
ไม่ถึงพร้อม เมื่อไปถึงคุกสวรรค์นี้แล้วต่อให้จุดไฟเผาฟืนอย่างไรไฟก็จุดไม่ติด ต่อให้เผาอย่างไรก็เผาไม่
ไหม้ คนประเภทนี้ เป็นคนที่เห็นงานธรรมเหมือนเป็นการพบปะสังสรรค์ เห็นคนอื่นร่วมประกอบพิธีก็เข้าไป
ร่วมสังสสรค์ เห็นคนอื่นยื่นผ้าเช็ดมือตัวเองก็เข้าไปร่วมสนุกไม่จริงจัง ไม่เห็นงานธรรมเป็นเรื่องสำคัญ เห็น
อะไรก็อยากทำก็อยากศึกษา พอเอาเข้าจริง ๆ ไม่มีเรื่องไหนงานไหนที่ทำเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา มีความ
กระตือรือร้นแค่ห้านาทีในการงานเท่านั้น ไม่มีความคงเส้นคงวา
         เดี๋ยวก็ไปอาณาจักรธรรมโน้น เดี๋ยวก็มาสถานธรรมนี้ พักหนึ่งก็ไปศึกษากับนักธรรมอาวุโสคนโน้น
อีกสักพักหนึ่งก็หันไปศึกษากับเจี่ยงซือคนนี้  จิตใจวุ่นวายปั่นป่วน ไม่เป็นตัวของตัวเอง  ไม่ตั้งใจมุ่งมานะ
ที่จะทำงานใด ๆ คนประเภทนี้ต้องจับมายังคุกนี้ จับให้ไปต้มน้ำต้มจนน้ำเดือดพล่านและแห้งไปแล้ว
บาปกรรมจึงจะมลาย อย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ?

คุกครัวฟ้า

        คุกครัวฟ้า มีความเกี่ยวพันกับพวกเจ้า ผู้ที่อยู่ในคุกครัวฟ้านี้ก็คือ คนที่ตอนมีชีวิตกันอยู่ ได้ไปช่วยงาน
บริการผู้อื่นอยู่ตามวัดวาอารามหรือสถานธรรม มีหน้าที่หุงข้าวทำอาหาร ทำอาหารไปด้วยแล้วก็พูดคุยกันไปด้วย
ความคิดก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา เกิดความคิดไม่ตรงเป็นมิจฉา เกิดความยึดมั่นถือมั่นพูดถึงความไม่ถูกต้อง
ของคนอื่น จิตใจไม่สงบสำรวม ตัดพ้อต่อว่า ว่าคนอื่นสามารถยืนอยู่ที่แท่นบรรยายได้อย่างสง่างาม แต่ทำไม
ฉันจึงต้องมายืนเปรอะเปื้อนทำครัวอยู่ในนี้ มีกลิ่นอาหารติดตัวไม่สะอาด ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นบางคนยังคิดว่า
"พูดธรรมะได้ไม่เห็นน่าตื่นเต้นอะไรเลย เพียงแต่ฉันพูดไม่เป็นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันเองก็สามารถขึ้นไปยืน
บนแท่นบรรยายได้เหมือนกัน"
        บางคนนั้นทำงานโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่จะให้ช่วยงานอย่างอื่นก็ทำไม่เป็นเช่นกัน เชิญเขาไปช่วย
งานครัวเขาก็ไม่เอา ถึงจะทำครัวหุงหาอาหารไป ก็จะบ่นโน่นบ่นนี่ไปด้วยใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นระแวงแต่คนอื่น
อิจฉาแต่คนอื่น คนประเภทนี้ต้องจับมาขังไว้ที่นี่ ที่จริงแล้วถ้าไม่เจริญปณิธานด้วยความตั้งใจทำตามหน้าที่
ของตน ถึงจะช่วยงานธรรมอยู่ในครัวก็เป็นการสร้างบุญเจริญปณิธานเช่นกัน
        คุกนี้มีการลงโทษทัณฑ์กันอย่างไร ? คือให้คนที่หั่นผักก็หั่นผักไป คนที่หุงข้าวก็หุงข้าวไป แต่เวลาหั่นผัก
ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านนิ้วของตัวเองก็จะถูกหั่นไปด้วย หั่นไปเรื่อย ๆ จนตัวเองได้สติ เมื่อรู้สึกตัวนิ้วของตัวเองก็ถูกเฉือน
ไปแล้ว เบื้องบนได้เตรียมโทษทัณฑ์ดังกล่าวไว้เพื่ออะไร ? พวกเจ้ารู้หรือไม่ ? เพราะแหล่งที่มาของการสร้างกรรม
ของเจ้าอยู่ที่ใหน ? เบื้องบนก็จะจำลองสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ให้เจ้าได้มีโอกาสลบล้างความผิดบาป ฉะนั้นต่อไป
เมื่อช่วยงานธรรมในครัวข้างล่าง จงอย่าได้ทำอาหารไปแล้วก็บ่นโน่นบ่นนี่ไป หรือทำอาหารไปก็ครหานินทาคนอื่นไป
หรือวิพากวิจารณ์คนอื่นไป หากเป็นเช่นนี้บุญกุศลก็จะไม่กลมพร้อมสมบูรณ์ แต่ต้องถูกบั่นทอนอีกรู้หรือไม่ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2010, 13:57 โดย jariya1204 »

Tags: