collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44029 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คุกตะกร้าไม้ใผ่

     อุปมาดั่งการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำสุดท้ายย่อมว่างเปล่า ในคุกสวรรค์นั้นมีทัณฑสถานหลายแห่ง มีคนต่างๆ นานา ที่ถูกจองจำกักขัง เช่น คนที่ผิดต่อปณิธาน คนที่ผิดศีล ฯลฯ คนบำเพ็ญที่ผิดศีลควรทำอย่างไรดี ?ก่อนอื่นต้องดูว่ามีจิตสำนึกขอขมามากแค่ใหน? มีความผิดบาปมากน้อยเท่าไหร่ ? ใช่ว่าฟ้าเบื้องบนจะละเลยในคุณงามความดีที่เจ้าเคยสร้างสมมาก็หาไม่ บุญกุศลก็ส่วนบุญกุศล ก็ต้องมอบมรรคผลให้เจ้า แต่ความผิดบาปต้องชำระสะสางให้สิ้นก่อนเท่านั้นเอง

     อะไรคือ "ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำสุดท้ายย่อมว่างเปล่า" ก็คือผู้บำเพ็ญที่ปฏิบัติบำเพ็ญมาตลอดชีวิต แต่เป็นการบำเพ็ญอย่างหลับหูหลับตา เลอะ ๆ เลือน ๆ ทำไปก็รั่วไหลไป ด้านหนึ่งได้กินเจแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งก็ฆ่าไก่ ด้วยด้านหนึ่งฉุดช่วยคน แต่อีกด้านหนึ่งก็ขายเนื้อหมู คนประเภทที่ว่านี้ต้องมาสิ้นสุดลงเอยที่นี่แน่นอน หากจะถามว่าเขาบำเพ็ญได้ดีหรือไม่นั้น ? เชื่อว่าเขาบำเพ็ญได้ดีไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องเช่นกัน นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างเท่านั้น

     โทษทัณฑ์อย่างนี้คือ การมีสระน้ำหนึ่งสระทุกคนจะได้รับตะกร้าที่ทำจากไม้ไผ่กันคนละหนึ่งใบ ให้ไปตักน้ำในสระเพื่อถ่ายไปยังอีกสระหนึ่งที่ว่างเปล่า อย่างนี้จะทำอย่างไรดี ? ให้เจ้าทำดูได้หรือเปล่า ? ใชัตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำไม่สามารถรองรับน้ำไว้ได้ใช่หรือไม่ ? น้ำในตะกร้าที่ตักจะรั่วไหลออกไปหมดใช่หรือเปล่า ?การบำเพ็ญธรมก็เช่นกัน อารมณ์อุปนิสัยไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไข ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ถึงจะไม่มีความผิดบาปร้ายแรง แต่ก็ได้สะสมความผิดบาปเล็ก ๆน้อย ๆ ก็ไม่แตกต่างอะไรกัน กรณีอย่างนี้ต้องมาฝึกฝนเคี่ยวกรำที่นี่

แล้วจะฝึกฝนเคี่ยวกรำอย่างไร ?

     ก็เรียกให้เอาตะกร้าไม้ไผ่ไปตักน้ำ ตักจนบาปหนี้เวรกรรมทั้งหมดถูกลบล้างไป เมื่อบาปหนี้เวรกรรมลบล้างจนสิ้นตะกร้าก็จะตักน้ำได้เองโดยปริยาย น่าอัศจรรย์จริง ๆฟังเข้าใจหรือไม่ ?นั่นก็หมายความว่าบุญกุศลของเจ้าได้ปรากฏแล้วในที่สุด แม้ตะกร้าไม้ไผ่ก็สามารถรองรับน้ำได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับคนที่บาปกรรมไม่มาก ทัณฑสถานที่ว่านี้ไม่ใช่อยู่ในถ้ำแต่อยู่นอกถ้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12/10/2553, 19:59 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
10 : คุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง-คุกแบกทราย
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 4/08/2553, 13:29 »
คุกแบกทราย

        "คุกแบกทราย"
มีการลงทัณฑ์กันอย่างไร? ดูเหมือนกับการที่มีบาปกรรมสูงเยี่ยงภูเขา ซึ่งสร้างขึ้นโดยการทับถมของเม็ดทรายที่มีจำนวนมากมายประมาณไม่ได้ ความผิดบาปของเจ้าในที่นี้หมายถึงการไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ เวลาเตี่ยนฉวนซือบอกว่า"เราจะไปปฏิบัติงานธรรมกี่โมง ๆ..."เจ้าตอบว่า ครับ - ค่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปตามที่รับปากคำไว้ คนอื่นให้เจ้าช่วยทำอะำไร เจ้าล้วนตกปากรับคำ แต่สุดท้ายก็เสียสัตย์ผิดคำพูด อย่างนี้ที่เรียกว่าขาดความรับผิดชอบ เบื้องบนจะคอยจดบันทึกไว้ กลับไปแล้วค่อย ๆ ให้เจ้าได้แบกรับ แบกจนเม็ดทรายบนภูเขานี้หมดไปจึงจบสิ้น เจ้าก็จะได้สวมใส่เสื้อผ้าใหม่ซึ่งสวยงาม รอคอยเวลาไปเป็นเทพเซียน อย่างนี้ฟังเข้าใจหรือไม่ ? เรื่องราวบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เบื้องบนล้วนจดบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน

         คนอื่นเขาว่าเจ้าอย่างไรทำไมเจ้าจึงไม่ฟัง เจ้าควรจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข คนอื่นเขาว่าเจ้าไม่ถูกต้อง เจ้าก็ต้องสำนึกขอขมาเข้าใจหรือไม่ ? วันนี้เจ้าเป็นเจี่ยงซือ ก็ควรบรรยายธรรมให้คนอื่นฟัง อย่าได้อำพรางเก็บเนื้อเก็บตัวถ้าอำพรางเก็บเนื้อเก็บตัว ที่เบื้องบนได้ประทานโองการให้กับเจ้าไป ก็ไม่มีความหมายแล้วใช่หรือไม่ใช่อย่างนี้ ?

          เป็นถึงเตี่ยนฉวนซือแต่ไม่ออกมาปฏิบัติงานธรรม ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับบ้าน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน กวาดบ้านถูเรือนหรือไปหาเงินหาทองนอกบ้าน ไปทำการทำงานอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าทั้งหลายฟังเข้าใจหรือเปล่า ?

          เบื้องบนประทานหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า แต่เจ้ากลับไม่ไปกระทำตามหน้าที่ ความผิดบาปหนี้ไม่ธรรมดาเข้าใจหรือเปล่า ? เจ้าทั้งหลายได้แบกรับภาระหน้าที่หรือไม่ ? แบกรับหน้าที่อะไร ? ไม่แบกรับหน้าที่แล้วจะกลับคืนไปได้อย่างไร ?สิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธะอริยะเจ้า ล้วนตั้งมหาปณิธานกันทั้งนั้นเช่นเดียวกันหากเจ้าไม่ก่อคุณธรรมใหญ่และยิ่งไม่ได้แบกรับภาระหน้าที่แล้วจะกลับคืนไปได้อย่างไร ? หรือจะเป็นปุถุชนคนธรรมดาต่อไป นี่เป็นโทษทัณฑ์ที่หนักมาก ๆ พวกเจ้าอย่าได้เห็นว่า ทรายเป็นแค่ของเล็ก ๆ ที่จริงแล้วมันหนักมาก แต่จะเบาหรือหนักนั้นก็ต้องดูที่ใจของพวกเจ้าแต่ละคนเองอีกด้วย                                      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2553, 09:29 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
11 : คุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง-คุกอบฟืน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 4/08/2553, 13:52 »
คุกอบฟืน
        
         คุกอบฟืน อบฟืนอะไรหรือ ? ก็อบฟืนเปียกนั้นเอง ขังเจ้าไว้ภายในด้วยอุณหภูมิที่ต่ำสุด ๆ หนาวเหน็บมาก ๆ เมื่ออากาศหนาวเหน็บต้องทำอย่างไร ? ก็ต้องเอาฟืนจึงจะอบอุ่นใช่หรือไม่ ?เมื่อจุดไฟติดแล้วจึงจะอบอุ่นได้นะ แต่เนื่องจากในอดีตเคยสร้างความผิดบาป ฉะนั้นฟืนทั้งเปียกทั้งแฉะไปหมด ทำให้ไฟไม่สามารถจุดติดได้ เมื่อใดไฟไม่ติดก็ต้องหนาวไปพลางสั่นไปพลาง อย่างนี้เจ้าเข้าใจหรือเปล่า ? การลงโทษอย่างนี้จะเบากว่าการลงโทษอื่น ๆ เพียงแค่หนาวเหน็บเท่านั้น เมื่อบาปกรรมหมดสิ้นก็สามารถไปเป็นสิ่งศักด์สิทธิ์ได้ ฟังอย่างนี้เข้าใจไหม ? จะลองสัมผัสรสชาติดูหรือเปล่า ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2553, 09:30 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
12 : คุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง-คุกกบร้อง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 4/08/2553, 22:26 »
คุกกบร้อง
      
       จะพูดต่ออีกสักอย่างก็คือ เจี่ยงซือ เตี่ยนฉวนซือ หรือนักธรรมอาวุโสบางส่วน ทั้งนี้ไม่ว่าจะสามารถบุกเบิกงานธรรมออกไปได้หรือไม่ หรือว่าจะมีนักธรรมผุ้น้อยเท่าไร ล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น คือที่ชอบนินทากล่าวหาสายธรรมอื่น ชอบตำหนิติเตียนคนอื่น ศาสนิกชนในศาสนาทั้งห้าที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น หรือศาสนาอื่น ๆ กรณีที่ว่านี้อย่าให้ฉันจับได้หากจับได้เจ้าก็จะตกที่นั่งลำบากแน่นอน เพราะจะจับคนประเภทนี้ทั้งหมดมาไว้รวมกันในสระน้ำขนาดใหญ่ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่เพียงลำพัง แต่แท้ที่จริงแล้วได้กลายเป็นกบตัวหนึ่งได้แต่ร้องๆเคยได้ยินเสียงกบร้องหรือเปล่า กบได้แต่ร้องๆ อย่างไม่หยุด ร้องจนเจ็บไปทั้งปาก ร้องจนลำคอแสบ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต้องร้องต่อไปเรื่อย ๆ ร้องจนปากฉีก ลำคอก็เลือดออก ถึงกระนั้นก็ยังต้องทนความเจ็บปวดร้องต่อไป นี่เป็นโทษทัณฑ์อย่างหนึ่ง เป็นเพราะชอบวิจารณ์คนอื่น บาปกรรมนี้หนักกว่าทั่วๆไป เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ถึงเขาจะมีบุญกุศลก็ตาม ถึงเขาจะส่งเสริมคนก็จริงแต่ทว่าเขาส่งเสริมเฉพาะนักธรรมผู้น้อยของเขาส่งเสริมเฉพาะคนที่เขาได้ฉุดช่วยมาเท่านั้น ส่วนญาติธรรมที่คนอื่นส่งเสริมกลับไปลบล้างทำลายเขา ญาติธรรมที่เตี่ยนฉวนซืออื่นถ่ายทอดธรรมให้ เขาจะบอกว่าเตี่ยนฉวนซือนั้นไม่มีพระโองการณ์สวรรค์ งานธรรมที่นักธรรมอาวุโสคนอื่นดำเนินปฏิบัติ ก็จะไม่ยอมให้นักธรรมผู้น้อยของตนมาใกล้ชิดหรือศึกษาธรรมอย่างนี้ไม่ได้

        เหมือนกับสมัยก่อนในยุคของพระศาสดาทั้งห้าที่สาวกของพระพุทธศาสนากับศิษย์ของศาสนาเต๋า ต่างแข่งขันซึ่งกันและกันอย่างนี้ก็ไม่ได้ ทั้งหมดนี้ต้องไปสำนึกขอขมาที่คุกสวรรค์กันทั้งสิ้น ปัจจุบันทุกคนล้วนมีกายสังขาร จึงไม่รู้ว่าจะพิจารณาบาปบุญคุณโทษอย่างไร ?แต่รอดูเมื่อเจ้าละกายสังขารซิ บางคนก็ตั้งปณิทานลงมาในโลกได้เจริญปณิธานต้านภัยกลับคืนขึ้นไป ฉะนั้นทุกคนตัองปฏิบัติงานธรรม โดยอิงมโนธรรมสำนึก หากชอบนินทา กล่าวหาคนอื่น ว่าไม่มีพระโองการณ์สวรรค์งานธรรมที่คนอื่นปฏิบัติไม่ได้ผล พูดแต่ว่าตนเองดีที่สุด และพูดว่าคนอื่นไม่ถูกต้องอย่างนี้ก็แย่แน่ ๆ  รอเมื่อเจ้ามาที่คุกสวรรค์บาปก็ชำระล้างไม่หมด ต้องไปเที่ยวเยี่ยมเยียนทีละถ่ำทีละคุกค่อย ๆ รับกรรมทีละอย่าง ๆ อย่างนี้เจ้าทั้งหลายฟังเข้าใจหรือเปล่า ?

        คำพูดของฉันเหล่านี้ ต้องถ่ายทอดออกไป เพื่อให้ญาติธรรมนักธรรมอาวุโส เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้เข้าใจและนำไปพูดบอกกล่าวคนอื่นต่อ ๆไปอีก นี่จึงจะเป็นเจตนาของพระแม่องค์ธรรม อย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือเปล่า ถ้าเข้าใจ เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็ต้องไปตักเตือนคนอื่น ๆที่มีญาติธรรมเก่า ๆ หลายคนที่ตั้งปณิธานกินเจไป ล้วนกลับทุศีลแตกเจ หรือผิดต่อปณิธาน บำเพ็ญพรหมจรรย์ที่เคยตั้งไว้ หรือผู้ที่ถดถอยออกจากอาณาจักรธรรม ผู้ที่เมื่อก่อนอุทิศตนเพื่องานธรรม แต่กลับปัจจุบันไม่ได้อุทิศตนนั้น หรือผู้ที่ในอดีตเคยฉุดช่วยคนอื่นมาและได้ปฏิบัติงานธรรมมาบ้างแต่ปัจจุบันตัวเองกลับแอบอยู่ที่บ้านไม่ยอมออกมา พวกเจ้าจะต้องไปตามหาพวกเขาให้พวกเขาได้ออกมาช่วยงานอีกอย่างนี้ฟังเข้าใจหรือไม่ ? ถ้าหากตอนนั้นไม่ทำไม่ปฏิบัติเมื่อกลับคืนไปแล้ว ย่อมต้องทุกข์แน่ ๆ

         มีวิญญาณเดิมของผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่ง ที่ถูกตีเข้าคุกสวรรค์แล้ว แต่ว่ากายสังขารของเขาคนนั้น ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกเขาเองไม่รู้แต่ว่าจะมีอาการคือ เหม่อลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคือไร้ซึ่งสติปัญญาและยังมีอาการหนึ่งคือนอนไม่หลับหมายถึงความไม่ปกติของเส้นประสาท ไม่เป็นตัวของตัวเองบ้าง มีคนมากมายที่มีอาการเหล่านี้แต่เขาไม่รู้เรื่องกลับเข้าใจผิดคิดไปว่าตัวเองตรากตรำทำงานมากเกินไปซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่มีอาการอย่างนี้ แล้วยังต้องถูกตีไปคุกสวรรค์ ดังนั้นเจ้าทั้งหลายอย่าได้นำไปพูดตามอำภอใจ ต้องระมัดระวังคำพูดนี่เป็นเพียงตัวอย่างอาการที่ให้พวกเจ้าได้เห็นเจ้าจะต้องรู้จักแยกแยะพินิจพิจารณา ผู้บำเพ็ญธรรมทุก ๆคนก็เหมือนกันในตอนนี้ไม่มีปัญญาและไม่เป็นตัวของตัวเองเจ้ากรรมนายเวรก็จะอาศัยโอกาสตามติดประชิดตัวเข้ามา คนที่เป็นแแบบนี้ก็จะหน้าสงสาร อย่างนี้พวกเจ้าฟังกันรู้เรื่องไหม ? จะวิเคราะห์แยกแยะกันได้หรือเปล่า ?

         ยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเดรัจฉานที่มีทั้งเขาทั้งขน ประเภทนี้จะทำอย่างไร ? ประเภทดังกล่าวนี้วิญญาณเดิมไม่ได้เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์คน แต่เมื่อกลับไปสู่พระนิพพานแล้ว ก็จะเปลี่ยนมาเป็นรูปลักษณ์เดิมของดวงดาวเทพสถิตต่าง ๆ คุมขังเอาไว้

         ในปัจจุบันนี้ยุคสามปลายกับป์มีพุทธะอุบัติลงมาและก็มีมารมาจุติเช่นกัน ไม่ได้บอกว่าพวกเจ้าเป็นมาร แต่ฉันพูดถึงมารที่อยู่ในวงการธรรม ฉันกำลังพูดถึงบางคนที่มีอารมณ์อุปนิสัยที่ก้าวร้าวเวลาทำงานก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานอย่างนี้เจ้าเข้าใจไหม ?

          อย่าได้รับผลกระทบจากผู้อื่น ปัจจุบันนี้มีนักธรรมอาวุโสหลาย ๆท่านทยอยกันกลับคืนเบื้องบนไปแล้ว ขัางหลังยังมีนักธรรมผู้น้อยจำนวนหนึ่งได้เริ่มต้นแย่งชิงพระโองการณ์สวรรค์กันเคยได้ยินเรื่องของท่านเว่ยหล่างพระสังฆปรินายกสมัยที่ ๖ ของจีนหรือไม่ ? ใช่หรือไม่ใชว่าผู้คนจำนวนมาก ต้องการแย่งชิงพระโองการณ์สวรรค์ไปจากพระองค์ (สัญลักษณ์คือ บาตร และจีวร) แต่ว่าคนเหล่านั้นสามารถแย่งชิงเอาไปได้หรือไม่ ? ในปัจจุบันนี้วงการธรรมกำลังวุ่นวายสับสนกันอยู่ แถมยังมีคนพูดว่า "ไม่ต้องปฏิบัติงานธรรมแล้ว มนุษย์ภูมิสิ้นสุดการถ่ายทอดเพียงเท่านี้ อนุตตธรรมถ่ายทอดถึงแค่นี้เท่านั้นไม่มีพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว....."

          ในสมัยก่อน พระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิงของพวกเจ้าได้กล่าวว่า "ยุคสามวาระท้ายปลายกัป ปรกโปรดฉุดช่วยทั้งสามโลก"ฉุดช่วยปรกโปรดใครบ้าง ? (เบื้องบนฉุดช่วยเทพเทวาชั้นเทวภูมิ เบื้องกลางฉุดช่วยคนบุญในมนุษยภูมิและเบื้องล่างฉุดช่วยวิญญาณในนรกภูมิ ) ในเมื่อพวกเจ้าพูดได้ก็ต้องรู้จักไปตักเตือนคนอื่นเช่นกันได้ไหม ?

          ในปัจจุบันนี้ มีพุทธบุตรคนเดิมได้ตั้งปณิธานจากคุกสวรรค์ ลงมายังโลกโลกีย์เพื่อบำเพ็ญมรรคผลอีกครั้ง พวกเจ้าได้ร่วมบุญสัมพันธ์กับฉันมาก่อนหรือเปล่า ?บางคนในที่นี่มาจากคุกสวรรค์ ฉันรู้จักพวกเจ้าดีแต่ว่าพวกเจ้าไม่รู้จักฉันเองต่างหาก ตอนนี้เพียงมาบอกกล่าวตักเตือนพวกเจ้า จงอย่าเสียทีที่ได้เกิดมาอีกไม่เช่นนั้นเมื่อกลับคืนไปก็จะถูกกักขังยิ่งนานกว่าเดิมอีก ถึงเวลานั้นคงยุ่งแน่ ๆ หนทางคืนกลับสู่เบื้องบนจะผ่านด่านของฉันไปคงลำบากแน่ ๆ ฉันดีดลูกคิดเป็น(คิดเล็กคิดน้อย) และคิดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียด้วย พวกเจ้าไม่เหมือนกับฉัน พวกเจ้าต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ต้องคอยกังวลเรื่องปากเรื่องท้อง จากนั้นจึงค่อยหันมาสนใจพระพุทธะ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของชาวโลกนั่นเอง นอกจากนี้ยังต้องดูแลภรรยาและลูกๆ รักษาทรัพย์ของตระกูลและยังต้องหางานหาเงิน ถึงสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็น แต่เจ้าก็ต้องรู้จักสร้างบุญกุศล รู้จักให้ทรัพย์เป็นทานอย่างนี้ดีไหม ?เพียงแต่พวกเจ้าบำเพ็ญฝึกฝนตนอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอแล้วฉันได้เปิดเผยความลับสวรรค์มามากต่อมากแล้ว หากเปิดเผยความลับสวรรค์มากไป ก็ต้องถูกกักขังที่คุกสวรรค์เหมือนกันตัวเองยังต้องถูกขังเลยน่าขำไหม ? ที่จริงแล้วไม่น่าขำเลย เพราะก็มีพุทธะที่ตั้งปณิธานลงมาหนุนนำงานธรรม ลงมาผูกบุญสัมพันธ์ซึ่งเป็นพระบัญชาของพระแม่องค์ธรรม แต่หากอริยกิจที่ได้รับมอบหมายมาทำได้ไม่ดี เมื่อกลับคืนไปก็ต้องถูกกักขังเช่นกัน ต่อให้เป็นพุทธะก็เถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2553, 09:32 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
อุโมงค์จองจำเทพเซียน

        อุโมงค์จองจำเทพเซียน มีไว้กักขังจองจำเทพเซียน ในคุกสวรรค์ก็มีสถานที่กักขังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน เช่น แปดเซียน มหาเทพอื่น ๆ พระโพธิสัตว์ หรือพระอรหันต์ บางองค์ถูกผูกมัดเอาไว้บางองค์ทำความผิดด้วยความไม่ระมัดระวัง พุทธะบางองค์รับประกันแทนคนบนโลก รับประกันอย่างไร ? พระองค์บอกว่า "เขา(คนบนโลกทำความ-ผิดมาสามครั้งแล้ว)" พระองค์จึงวอนขอให้พระแม่องค์ธรรม ประทานโอกาสอีกครั้งให้กับคนคนนั้น พระองค์จะขอรับประกันเอง ถ้ารับประกันไม่สำเร็จจะต้องเป็นอย่างไร ? มีเพียงกักขังเท่านั้น พระองค์ต้องรับผิดแทนคนคนนั้นเองอย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? พวกเจ้าลงมายังโลกโลกีย์ ก็มีพระพุทธะมากมายรับประกันแทนพวกเจ้าเหมือนกันฟังเข้าใจหรือไม่ ? ก็เหมือนกับผู้ค้ำประกันนั่นเองบนโลกก็นิยมเรื่องอย่างนี้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของคนคนหนึ่งอาจารย์ของเจ้าก็รับประกันแทนเจ้าแล้ว ถ้าหากไม่ได้กลับคืนไปจะทำอย่างไร ? ไม่มากก็น้อย ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับประกันให้กับพวกเจ้าใช่หรือไม่ เมื่อมีใจบำเพ็ญธรรมก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฉุดช่วยปลดปล่อยให้พวกเจ้า ช่วยให้พวกเจ้ากำจัดความทุกข์ยากลำบากอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?ดังนั้นไม่ใช่ว่าทำดีตอนยังมีกายเนื้ออยู่บนโลก เมื่อกลับคืนไปแล้วจึงค่อยถูกกักขัง ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำผิดมายังคุกสวรรค์ที่ฉันดูแลอยู่ พระองค์เหล่านั้นเต็มใจที่จะถูกกักขัง

        นี่ไม่ใช่กำลังฤทธิ์ของฉัน ทุก ๆ พระองค์ล้วนเท่าเทียมเสมอกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างเคารพกันและกัน ต่างยอมรับเลื่อมใสกันและกัน ต่างเรียนรู้กันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปทำไปด้วยกันและกัน

        ตัวอย่างเช่น ฉันเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แก่ ๆ องค์หนึ่ง ก็ไม่อาจดูถูกดูแคลนสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์น้อย ๆได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์น้อย ๆเหล่านั้น ถ้าได้บำเพ็ญอีกก็ย่อมสำเร็จเป็นพระพุทธะได้เช่นกันด้วยว่าทิพยญาณเหมือนกันล้วนแบ่งญาณมาจากพระแม่องค์ธรรมทั้งนั้น ทุกคนทุกองค์ต่างเป็นพี่น้องร่วมพระแม่องค์ธรรมเดียวกัน อย่าได้มัวเปรียบเทียบว่ากำลังฤทธิ์ของใครผู้ใดแกร่งกล้ามากมายกว่าักัน หรือว่าบำเพ็ญมานานกว่า เจ้าเป็นนักธรมอาวุโสเมื่อสำเร็จธรรมแล้วพวกเจ้ามากมายหลายคน ก็มีเขาสองเขางอกออกมา ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่วิเศษแล้ว ดังนั้นยิ่งบำเพ็ญนานวันยิ่งไม่ควรที่จะมีความผิดพลาดโทษบาปหนัก ยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องสว่างไสวยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องจิตใจดีงามยิ่งบำเพ็ญยิ่งต้องมีเมตตากรุณา ยิ่งบำเพ็ญยิ่งใบหน้าต้องผ่องใส

        หากรู้ว่าตัวเองบำเพ็ญได้ไม่ดี ยังพอเยียวยาได้ผล หยุกยายังพอใช้ได้ผล แต่ถ้าคิดว่าตนเองบำเพ็ญได้ดีแล้ว ผู้ที่อวดอ้างวางท่ายโสอวดดีเช่นนี้ก็ไม่อาจช่วยได้แล้ว ทุกคนล้วนมีรากบุญในการสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์พวกเจ้าจึงต้องเรียนรู้ฝึกฝนให้ดี อย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? เจ้าอย่าได้พูดว่า "ใบหน้าของฉันถูกแสงแดดแผดเผาจึงหมองคล้ำไป" ไม่ใช่เช่นนี้แน่ ฉันดูที่แสงญาณของพวกเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ดูที่ผิวหน้า หากว่าใครก็ตามผิวหน้าหมองคล้ำก็ไม่ใช่ว่าคนคนนั้นบำเพ็ญได้ไม่ดีอย่าได้ดูถูกดูแคลนเขา บำเพ็ญธรรมหากว่างได้ ปลงได้ตกสักนิดก็ย่อมบำเพ็ญได้อย่างไม่มีการทดสอบและอุปสรรคแล้วเป็นไปตามเหตุปัจจัยธรรมชาติ ไม่ใช่บำเพ็ญได้ง่ายกว่าหรอกหรือ ? หากว่าอันนี้ก็จะเอา อันนั้นก็ต้องการไม่ต้องพูดเลย เพราะคงบำเพ็ญอย่างยากลำบากแน่ ๆ จะบำเพ็ญธรรมด้วยและจะดูแลครอบครัวด้วย จะดูแลทั้งทางโลกและทางธรรมไปพร้อมกันนั้นเป็นเรื่องยาก เรื่องใหญ่ของชีวิตจิตญาณจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนทำมาหากินนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

         เวลาเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว เปรียบแค่ชั่วกระพริบตา แค่ชั่วกระพริบตาเดียวคนก็ลาจากโลกไปแล้ว ต้องเปลี่ยนร่างใหม่กันแล้ว ถ้าไม่บำเพ็ญกลับคืนเบื้องบน ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น มีพุทธบุตรเดิมมากมายถูกกักขังอยู่ที่คุกสวรรค์ มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ที่นั่นมีบางส่วนต้องแบ่งญาณมายังโลก มีร่างกายปฏิบัติบำเพ็ญในโลก พวกเจ้าจึงต้องไปฉุดช่วยนำพาพวกเขา ทำให้พวกเขาเดินมาสู่หนทางที่ดีงามให้ได้ ฉันไม่หวังให้พวกเจ้าเดินเข้าไปสู่คุกสวรรค์ แต่ต้องสำเร็จในบุญกุศลและได้รับมรรคผลมีอริยฐานะ จึงจะถูกต้อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13/10/2553, 09:35 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
อุโมงค์ก้อนหิน

          ขอพูดถึงอีกสถานที่หนึ่ง ผู้ที่จิตใจไม่ค่อยบริสุทธิ์ ถ้าไม่เพราะนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีมีอยู่มากมายก็เป็นเพราะไม่ผ่องแผ้ววิสุทธิ์ในอารมณ์เจ็ด ตัณหาหก นั่นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างชาย - หญิงยังละวางไม่ได้ เยื่อใยระหว่างสามีภรรยา ก็หลีกหนีกันไม่ได้ ใครที่เป็นอย่างที่กล่าวมานี้เมื่อกลับคืนไปก็ต้องถูกอบ ถูกอบอย่างไร ? นั่นคือใช้ไฟอุ่น ๆ ค่อย ๆ สุมอบ วิญญาณที่นั่งอยู่ในอุโมงค์ก้อนหิน จิตใจจะต้องวิสุทธิ์ผ่องใสหากสงบลงมาไม่ได้ ก้อนหินนั้น ก็จะร้อนขึ้นจนลวกพองเข้าให้ อุโมงค์ทั้งอุโมงค์ก็จะร้อนระอุขึ้นมา อบอ้าวมาก ร้อนจนเหงื่อกาฬแตกอยากจะหนีก็หนีไปไม่ได้ ก้อนหินทั้งหมดนั้นร้อนมาก หากว่าความคิดสงบลงได้แล้ว ไม่มีความคิดเหลืออยู่อีกแล้ว ก้อนหินนั้นก็จะเย็นขึ้นมาได้เอง ถ้ามีความคิดเกิดขึ้นอีก ไม่ผ่องแผ้วดีงามอีก ก็แย่แล้วล่ะ!
          ในคุกสวรรค์ของเบื้องบนนั้น จะมีมายาภาพแปรเปลี่ยนไปมาตัวอย่างเช่น สาวงามหรือเทพธิดามาแกล้งยั่วยวนวิญญาณ เหล่านั้นล้วนเป็นมายาภาพไม่ใช่สิ่งจริง เป็นสิ่งมาทดสอบ วิญญาณเหล่านั้นจะหยุดก็ต่อเมื่อไม่มีจิตใจเกิดขึ้นมาอีก จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะโดนทดสอบเหมือนกัน พวกเจ้าจะไม่รีบเร่งบำเพ็ญกันหรืออย่างไร ? ไม่เช่นนั้นเมื่อกลับคืนไปก็จะโดนเหมือนกัน จะบำเพ็ญเพิ่มเติมนั้นก็ยากที่จะรับไหว
           นี่คือพวกที่ผ่าน "สามด่าน เก้าทวาร "กันไม่ได้ ยิ่งไปถึงคุกสวรรค์ยิ่งลำบากกว่าอีกอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? ดีแล้ว  ฉันคงต้องลาจากไปแล้ว ฉันจะรอคอยพวกเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เอาละ พวกเจ้าแต่ละคนรีบเร่งก้าวเดินกันเถิด สร้งบุญเจริญปณิธานกันให้ดี ๆ นะ

พระโอวาทพระพุทธบรรพจารย์เทียนหยาน

ผลสำเร็จในภายหน้า
มิใช่ขึ้นอยู่กับอาณาจักรธรรมใหญ่หรือเล็ก
ไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าสร้างตำหนักพระน้อยใหญ่ไว้กี่แห่ง
ยิ่งไม่ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบจำนวนญาติธรรมของกันและกัน
แต่อยู่ที่...บำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้
ยึดมั่นรักษาในปณิธานและศีล
ไม่โลภฟุ้งระเริง ไม่ได้แย้งแก่งแย่ง
นำจิตใจที่กลมกลืนสมาน
ไปสำเร็จภาระศักดิ์สิทธิ์ของตัวเจ้าเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2553, 17:17 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        พระโอวาทท่านผู้เฒ่าคุณฟ้า  (๒)
        
        ที่คุกสวรรค์          มีการลงทัณฑ์           หลายหลากวิธี
        ธรรมหมื่นวิถี        ล้วนเกิดจากใจ           ไม่ใช่สิ่งอื่น
        หากตัดยึดมั่น       ละวางลงได้               มรรคผลได้ชื่น
        เสรีเริงรื่น            ที่แดนนิพพาน            หมื่นแปดร้อยปี    

        ครั้งที่แล้วพูดถึงคุกสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง ในตอนนี้จะพูดถึงชั้นที่สอง ฉันน่ารักมาก แล้วก็แก่่แล้วด้วย ทำไมฉันจึงรักใคร่เอ็นดูพวกเจ้านี่ย่อมมีสาเหตุ อะไรคือสาเหตุเหล่านั้น ? นั่นเป็นเพราะว่าฉันเองกับพระอาจารย์จี้กงของพวกเจ้าเป็นดวงธรรมญาณเดียวกัน ดังนั้นเมื่อฉันได้เห็นพวกเจ้า ก็เหมือนได้เห็นลูกเห็นหลานของตนเอง พระแม่องค์ธรรรมเมตตาให้ฉันได้ดูแลควบคุมคุกสวรรค์ จึงหวังว่าศิษย์ที่ยังบำเพ็ญไม่ดีของฉันเหล่านี้ ได้่ผ่านการตักเตือนกล่อมเกลาจากฉันแล้ว จึงจะเจริญก้าวหน้า มีอนาคตอันสดใส เข้าใจหรือไม่ ?
                                  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2553, 17:17 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ถ้ำวายุสายฝน

        "ถ้ำวายุสายฝน"
เป็นทัณฑสถานแห่งหนึ่ง ทุก ๆ คุก ก็จะมีถ้ำย่อย ๆ พุทธบุตรที่ทำความผิดบาปล้วนต้องไปเคี่ยวกรรม บำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำ หนึ่งคนต่อหนึ่งถ้ำพอดิบพอดี ขนาดของถ้ำไม่กว้างและไม่แคบเกินไปแต่คนที่อยู่ข้างในต้องถูกลงทัณฑ์เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
         ถ้ำเหล่านี้เอาไว้กักขังนักธรรมอาวุโสเก่า ๆ นักธรรมอาวุโสทั่วไป เตี่ยนฉวนซือ และญาติธรรมเก่า ๆ เหล่านี้กลัวว่านักธรรมผู้น้อยของตนจะถูกผู้อื่นแย่งไป ทั้ง ๆที่เป็นเตี่ยนฉวนซือที่เปิดสถานธรรมเหมือนกัน แต่กลับไม่ให้คนอื่นเข้ามา เนื่องจากกลัวว่าญาติธรรมของตนจะถูกคนอื่นส่งเสริมแล้วแย่งเอาไปแท้ที่จริงแล้วนี่เป็นความเห็นแก่ตัว และมีทิฐิเอนเอียงนั่นเอง บางคนอาจจะกลัวอาณาจักรธรรมปั่นป่วน กลัวว่าพระบรรพจารย์ปลอมหรือพระจี้กงปลอมจะมาสร้างความวุ่นวายในอาณาจักรธรรม แต่ว่าบางคนมีความยึดมั่นถือมั่นในใจมาก
         คนที่มีจิตเมตตากรุณานั้น เบื้องบนย่อมรับรู้ แต่ถ้าในใจไร้ความเมตตากรุณา เบื้องบนก็รับรู้เช่นกัน ดังนั้นผู้ที่ต้องมารับโทษที่คุกวายุสายฝนนี้ก็เป็นเพราะว่า กลัวว่านักธรรมผู้น้อยของตนจะถูกคนอื่นแย่งเอาไปจึงยื้อแย่งบุญกุศลในใจคิดว่าตัวเองฉุดช่วยคนหนึ่งมารับธรรมะก็เป็นบุญกุศลของตน นักธรรมผู้น้อยของฉันพาคนมารับธรรมะสิบคนก็เป็นนักธรรมผู้น้อยของฉันอีกเช่นกัน บวกเข้าไปก็ได้สิบเอ็ดคนอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่า อย่างนี้ยิ่งบวกก็ยิ่งมาก บุญกุศลยิ่งรวมกัน ก็ยิ่งแยะยิ่งใหญ่
          ที่จริงแล้วเบื้องบนไม่ได้จดแค่ผลบุญหรอก เพราะเบื้องบนคำนวนเอาจาก"คุณธรรมในใจ " ความเมตตากรุณาที่มีอยู่ในจิตใจ สามารถช่วยให้เจ้าหลุดพ้นไปจากพันธนาการของธาตุทั้งห้า นี่จึงจะเป็น"กุศลที่แท้จริง" ผู้ที่จิตใจยังถูกธาตุทั้งห้พันธนาการผูกมัดอยู่ คนประเภทนี้บำเพ็ญธรรมย่อมไม่ประสพความสำเร็จ หากพวกเจ้าเจอคนประเภทนี้ ต้องรู้จักตักเตื่อนชี้แนะ อย่าให้เขาทำผิดไปมากกว่านี้ เพราะเมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้วก็จะต้องเอาบุลกับบาปมาเปรียบเทียบกัน เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะได้แต่ถูกจับไปจองกักขัง
           ผู้ที่มีความยึดมั่นถือมั่นเกินไป หรือเป็นผู้ที่มีบาปกรรมหนักหนา ภายในถ้ำวายุสายฝนนั้นจะมีลมหนาวพัดมาทิ่มแทงเข้ากระดูก ลมกับฝนมาเหมือนกับเข็มไม่มีผิดเพี้ยน ได้ทิ่มแทงเข้าไปทุก ๆ อณูขุมขน เจ็บปวดทรมานไปถึงหัวใจเพื่อให้เขาทั้งหลายได้รู้ตื่น ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้อีก เพราะเขาทำให้คนอื่นต้องตกสู่นรกอเวจี ตัดรากปัญญาของคนอื่น นี่เป็นบาปมหันต์อย่างยิ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2553, 17:20 โดย ติ๊กน้อย »

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”