collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ความรักคืออะไร ตอนที่ 2 - ตอนที่ 1  (อ่าน 17162 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ผมกำลังมีความรัก
“ ผมรักคุณมากๆ รักจนไม่สนใจอะไรอีก นอกจากเธอ รักจนข้าวก็ไม่อยากจะกิน นอนก็ไม่อยากจะนอน งานก็ไม่อยากจะทำ เงินก็ไม่มีความหมายสำหรับผม อนาคตก็ไม่สนใจ แม้แต่ชีวิตก็ไม่สนใจ นอกจากเธอแล้ว ผมไม่สนใจอะไรอีกเลยที่รัก “

ความรักมากมายขนาดนี้ นับว่าเป็นความรักมั้ย?

ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผมมีอาชีพเป็นแพทย์ ได้มีโอกาสตรวจ รักษาพยาบาล และให้คำปรึกษาแก่คนไข้ที่มีอาการป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณจากผลข้างเคียง(side effects)ของสิ่งที่คนส่วนมากเข้าใจว่าคือความรัก(Love) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รวมทั้งอนาคตที่จะต้องดับวูบลง หรือบางคนต้องสูญเสียอิสระภาพ ติดคุกติดตะราง บางคนร่างการถึงขั้นพิการไปตลอดชีวิต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องเป็นภาระแก่คนอื่นไปตลอดชีวิต บางคนกลายเป็นคนบ้าหรือวิกลจริตไป หรือแม้กระทั่งบางคนต้องสังเวยชีวิตไป เป็นเวรเป็นกรรมไปอีกกี่ภพกี่ชาติ คนไข้กลุ่มนี้มีเยอะมากๆ ขอยกตัวอย่างคร่าวๆ....

ผู้ป่วยหญิง อายุ 45ปี สถานะ สมรส อาชีพ รับราชการ
อาการเบื้องต้น:ถูกสามีทำร้ายร่างกายก่อนมาหาหมอ มีเลือดออกจากหู
ประวัติเบื้องต้น:ผู้ป่วยเล่าว่า ก่อนมาหาหมอ มีเรื่องทะเลาะกับสามี มีเรื่องหึงหวงกัน ต่างคนต่างไม่ลดละ สุดท้ายก็ตีกัน โดยฝ่ายภรรยาถูกสามีตบบ้องหูซ้ายอย่างแรง
ตรวจร่างกาย:พบว่าเยื่อแก้วหูข้างซ้ายฉีกขาดกะรุ่งกะริ่ง มีเลือดออก
การรักษา:ผ่าตัด ทำเยื่อแก้วหูเทียม

จากตัวอย่างคร่าวๆ คนไข้ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เราเรียกว่าความรักนั้น ตลอดชีวิตผมเจอมาเป็นร้อยเป็นพันคน มีทุกรูปแบบ
ความรักคืออะไร รักแบบไหนจึงไม่เป็นทุกข์ ทำไมคนจึงตกเป็นเหยื่อมันมากมายขนาดนี้ แท้จริงแล้วความรักมันมีแต่ด้านผลเสียหรือ ด้านดีก็มี มีมากด้วย ต้องทำอย่างไร?

เพื่อนๆผมทุกคนบนแฟคนี้ครับ มาช่วยกันคอมเม้นท์ครับ ผมขอเปิดบ้านผม(Time line)มาช่วยกันให้ความรู้เรื่องความรักกันนะครับ
ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร           ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร : ตอนที่ 10
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: 4/07/2556, 09:59 »
ความรักคืออะไร (ตอนที่ 10:ความรัก10มิติ: มิติที่ 2:พันธุนิยม)

..........ในบทก่อนๆ เราได้นิยามว่า ความรักคืออาการทางจิต หรือสภาวะทางจิตที่มี "อาการชอบใจผสมความยินดี ที่พร้อมกับมีความปรารถนาดีอย่างสัมมาทิฎฐิ" อาการหรือสภาวะทางจิตดังกล่าว มีเหตุปัจจัยมากมาย ไม่ใช่มีเพียง ความรักแบบหนุ่มสาว หรือที่พวกเราเวลาพูดถึงความรัก เราก็จะเหมาเอาว่า เป็นเรื่องของคน 2คน ดังที่ได้บรรยายไว้ใน มิติที่ 1 ในตอนก่อนๆ...

.....ความรักมิติที่2 คือ ความรักระหว่างสายโลหิต หรือ พ่อ-แม่-ลูก ก็ขยายขอบเขตของความรักขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง แต่ก็ยังแคบมาก มีขอบเขตอยู่แค่แวดวงสายเลือดชั้นแรกชั้นเดียวเท่านั้น ความรักที่ยังไม่แผ่กว้างออกไปมากกว่านี้ จึงเป็นความรักที่ยังอยู่ในแวดวงที่วนแคบ ไม่เป็นประโยชน์กว้างเกื้อออกไปสักเท่าไหร่...

.....โดยนัยเดียวกัน ที่เหมือนความรักในมิติที่1 ถ้ารักอย่างหลงเฉพาะแวดวงพ่อแม่ลูกนี้ ยิ่งหนักยิ่งมากเท่าใด ก็จะหวงแหนตระหนี่ถี่เหนียวเพื่อแวดวงแคบๆแค่นี้ไปตลอดชีวิต จะเผื่อแผ่ออกไปแก่ผู้อื่นหรือวงนอกได้ยาก อะไๆก็จะลำเอียงแวดวงเท่านี้ก่อนอื่นเสมอ จะสะสมทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้ให้แก่คนในวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก"เท่านี้แหละ เป็นอุดมการณ์อันเอก...

....."ความรัก" คือ ความเผื่อแผ่ แต่สำหรับความเผื่อแผ่ของคนที่มีความรักมิติที่2นี้ ไม่ว่าจะเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นแก่ใครๆ แม้แต่ญาติที่นอกไปจากวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก"แล้ว จะยังฝืนใจอยู่ ไม่มากก็น้อย จิตใจจะยังไม่ว่างสะอาดปราศจากธุลีแห่งความตระหนี่ไปได้ง่ายๆ...
.....ถ้าจะให้สละแก่ผู้นอกวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก"ก็เพราะจำนน ไม่เช่นนั้น ก็เพื่อที่จะได้ผลข้างเคียงตอบแทนอยู่ไม่มากก็น้อยเสมอ ถึงแม้จะมีบางครั้งบางเรื่องที่ได้เผื่อแผ่หรือเสียสละอย่างสะอาดปราศจากธุลีแห่งความตระหนี่แก่ผู้เป็นคนนอกวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก"อยู่บ้างก็อาจจะมีได้บ้างเป็นแน่ แต่ก็จะสะอาดหมดจดยาก หรือทำได้น้อยครั้งน้อยเรื่องเต็มที ฉะนี้แลคือ คนที่มี "ความรัก" อยู่ใน มิติที่ 2...

.....ดังนั้น "ความจริง" ในคนที่มีความรัก มิติที่2 นี้ จะพึง "ไม่เห็นแก่ตัว" ซึ่งเป็น "ความรัก" ที่แท้ ก็จะไม่เห็นแก่ตัวหรือเป็นการเสียสละ ให้ได้อย่างไร้ธุลีแห่งความตระหนี่ก็เฉพาะในวงวนระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" กันอยู่แคบๆเท่านี้ ไม่ว่าจะเสียสละวัตถุธรรมหรือนามธรรม ก็จะมีความเผื่อแผ่หรือเสียสละแก่กันและกันได้สะอาดหมดจดจริงเฉพาะในวงวนระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" กันอยู่แคบๆเท่านี้ เท่านั้น กระนั้นก็ดี แม้ระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก"นี้ก็เถอะ ก็ยังมีความตระหนี่ มีความหวงแหนแทรกปนอยู่บ้างในบางอารมณ์บางเรื่องบางราวบางครั้งบางคราว...

.....แต่ถึงอย่างไร การเผื่อแผ่ การเสียสละของคนก็ย่อมมีแก่ผู้อื่นอันนอกเหนือจากวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก"นี้อยู่บ้าง ทว่า "การให้หรือการเสียสละ" ส่วนมากของคนที่อยู่ในฐานะผู้ที่ชื่อว่ามี "ความรัก มิติที่ 2" นี้ ก็ยังไม่บริสุทธิ์สะอาดเหมือนการเสียสละแก่กันและกันของ "พ่อ-แม่-ลูก"ได้ง่ายนักหรอก หรือจะบริสุทธิ์บางครั้งบางคราวก็ในกรณีที่พิเศษจริงๆน้อยครั้งน้อยราย ซึ่งไม่มากพอที่จะทำให้ผู้อยู่ในฐานะที่มีคุณค่าสูงขึ้นอีกขั้น...

.....คงจะไม่สับสนนะว่า "การเห็นแก่ตัว"นั้นไม่ใช่ "ความรัก" "การเผื่อแผ่-การเสียสละ-การมีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น" ต่างหาก คือ "ความรัก"เพราะฉะนั้น "การเผื่อแผ่ -การเสียสละ-การมีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น" ที่มีลักษณะแคบๆวนอยู่แค่ "พ่อ-แม่-ลูก" เท่านี้ จึงเป็น "ความรัก" มิติที่ 2 ซึ่งมีลักษณะกว้างเกื้อขึ้นมาจาก "ความรัก"วงวนของ" คนคู่" หรือ "คน 2 คน " เพิ่มมามีแก่ลูก ก็เกื้อกว้างขึ้นอีกนิด สูงกว่า "ความรัก มิติที่ 1"...

.....ถึงอย่างนั้น ความรักมิติที่ 2 นี้ ก็ยังเป็นความรักขั้นที่ยังไม่สูงเลย เพราะเป็นความรักที่ยื่นยาวออกไปแค่ "พ่อ-แม่-ลูก" ซึ่งมีประโยชน์น้อยนิดต่อผู้อื่นอยู่นั่นเอง เป็นความรักที่จำกัดวงรักแคบอยู่แค่สายเลือดชั้นเดียว หรือเห็นแก่ผู้อื่นอยู่ในวงแคบแค่ "พ่อ-แม่-ลูก" เพียงเท่านี้ ความรัก มิติที่2 นี้ แม้จะเริ่มดีขึ้น แต่จัดเป็นความรักที่แผ่ออกไปเห็นแก่ผู้อื่นยังไม่ถึงไหนเลย...

.....แม้จะเผื่อแผ่แก่กันและกันในวงวนแห่งความเห็นแก่คนนั้นคนนี้ระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" นี้ก็เถอะ ก็ยังมีความซับซ้อนของความลำเอียงกันไปมาอีกนักกว่านัก เพราะว่ากิเลสในคนแต่ละคนนั่นเอง...

.....ความรัก มิติที่ 2 นี้ จึงได้ชื่อว่า "พันธุนิยม"หรือ "ปิตุปุตตานิยม"

ขอบคุณครับ

นพ.ไมตรี พิชญังกูร           ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร : ตอนที่ 11
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: 11/07/2556, 14:29 »
ความรักคืออะไร: (ตอนที่ 11 ประสบการณ์แห่งรัก)

.....หญิงโสดคนหนึ่ง ย้ายบ้านใหม่ พบว่า ข้างบ้านเป็นครอบครัวยากจน ประกอบด้วยแม่หม้ายและลูกอีกสองคน...

.....อยู่มาคืนหนึ่ง ไฟฟ้าเกิดดับ หญิงคนนั้นจึงจุดเทียนไขนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียว สักพัก มีคนมาเคาะประตู...

.....เป็นเด็กข้างบ้านนั่นเอง เด็กถามอย่างตื่นเต้นว่า "คุณน้า ในบ้านมีเทียนไขไหม?"...

.....หญิงคิดในใจ "บ้านเขาจนถึงขนาดไม่มีเทียนไขรึ ช่างหัวมันเถิด เดี๋ยวได้คืบจะเอาศอก...

.....หญิงจึงตอบเด็กแบบมะนาวไม่มีน้ำว่า "ไม่มี"...

.....ขณะที่หญิงเตรียมจะปิดประตูส่งแขก เห็นเด็กหน้าตายิ้ม "นึกแล้วว่าไม่มี" พอพูดจบ เด็กควักเทียนไข2เล่มออกจากอกเสื้อ "แม่ฉันห่วงว่าคุณน้าอยู่คนเดียว คงไม่มีเทียนไข จึงเอามาให้คุณน้า2เล่ม"...

.....ทันใดนั้นเอง: หญิงรู้สึกสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ กอดเด็กไว้แน่น...

ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร                  ขอบคุณค่ะพี่หมอ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร : ตอนที่ 12
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: 16/07/2556, 21:47 »
ความรักคืออะไร:(ตอนที่ 12: รักแบบว่า งงง้งงง แล้วรักป่ะ รัก ไม่รัก รัก ไม่รัก???....เครป่ะ...)

.....เมื่อเอ่ยถึง มิสเตอร์จอห์น รณภีย์ นักธุรกิจหนุ่มแห่งประเทศสารขันธุ์ ไม่มีใครไม่รู้จักท่าน เนื่องจาก ท่านเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านธุรกิจ นอกจากความร่ำรวยติดระดับต้นๆของประเทศ ความมีบุคลิกภาพที่ดี ความมีน้ำใจเอื้ออารีย์ และความมีเสน่ห์ของท่านแล้ว ยังเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า จอห์นเป็นผู้ที่รักภรรยาอย่างมาก...

.....ร่ำลือกันว่า จอห์นจะพกพารูปถ่ายของภรรยาติดตัวไว้เสมอ บรรดาคนใกล้ชิดและลูกน้องของจอห์นต่างก็รู้กันว่า จอห์นมักจะหยิบเอาภาพของภรรยาออกจากกระเป๋าเสื้อมาดูอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้ ผู้หญิงในประเทศนี้ ต่างอิจฉาคุณนายจอห์น ที่มีสามีที่เพรียบพร้อมและรักเธอมากมายขนาดนี้...

.....ในงานเลี้ยงของสโมสรนักธุรกิจ Million Club ของประเทศสารขันธุ์ จอห์นได้รับเชิญให้เป็นผู้กล่าวปาฐกถา ถึงความสำเร็จในชีวิตของท่าน ซึ่งถือได้ว่า จอห์นได้รับเกียรตินี้อย่างสูงสุด เพราะนักธุรกิจส่วนมาก ต่างก็หวังที่จะเป็นผู้กล่าวปาฐกถาในงานนี้ ซึ่งจัดขึ้นปีละครั้ง...

.....ไฮไลท์ของปาฐกถาครั้งนี้อยู่ที่ตอนสุดท้าย จอห์น ได้กล่าวถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจและในชีวิตครอบครัว...

.....ก่อนที่จะพูดต่อไป จอห์นได้บรรจงหยิบภาพถ่ายของภรรยาจากกระเป๋าเสื้อ และชูภาพภรรยาขึ้นสูง พร้อมกับกล่าวว่า...

....."ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้ารู้สึกเหนื่อย ก็จะหยิบภาพภรรยาของข้าพเจ้าขึ้นมาดู สุดท้าย ทุกครั้ง ความรู้สึกเหนื่อยล้า ก็จะหายไป ทำให้มีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อ"...

...............ที่ประชุม ปรบมือกันสนั่น และ นาน..............

....."ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้ารู้สึกท้อ ก็จะหยิบภาพภรรยาของข้าพเจ้าขึ้นมาดู สุดท้าย ทุกครั้ง ความรู้สึกท้อ ก็จะหายไป ทำให้มีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อ"...

...............ที่ประชุม ปรบมือกันสนั่น และ นาน..................

......"ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้าไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไร ก็จะหยิบภาพภรรยาของข้าพเจ้าขึ้นมาดู สุดท้าย ทุกครั้ง จะมีพลังใจขึ้นมามากมายอย่างเหลือเชื่อ ทำให้มีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อไป"...

...............ที่ประชุม ปรบมือกันสนั่น และ นาน.................

....."ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้า ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ก็จะหยิบภาพภรรยาของข้าพเจ้าขึ้นมาดู สุดท้าย ทุกครั้ง ไม่ว่ามีปัญหาอะไร ข้าพเจ้าก็สามารถแก้ไขได้ ทุกๆครั้งไป และมีกำลังใจและพลังใจที่จะเดินหน้าสู้ต่อไป ภรรยา คือ สุดที่รักของผม เธอคือแรงบรรดาลใจที่ดีที่สุดของผม เบื้องหลังความสำเร็จของผมก็คือ เธอ นั่นเอง"...

.....ที่ประชุมทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับตบมือกันสนั่น และนาน ซึ่งเป็นการให้เกียรติจอห์น อย่างสูงสุด พร้อมกับการแสดงความยินดี และอิจฉาคุณนายจอห์นกันไปต่างๆนาๆ แต่ก็เป็นบรรยากาศที่สุดจะชื่นมื่นกันเลยทีเดียว...

...................ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา.....................

.....ณ.ห้องรับแขกที่บ้านจอห์น จอห์นนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว ใบหน้าอิดโรย และรู้สึกเหนื่อย อ่อนล้า แววตาบ่งบอกถึงความเศร้า...

.....จอห์น บรรจงหยิบภาพภรรยาขึ้นมาดูอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับพูดเบาๆกับตัวเองว่า...

....."ถ้ากูทนอีนี่ได้ ไม่มีอะไรที่กูจะทนไม่ได้อีก"

.....ไปอาบน้ำดีกว่า.....

.....นอนเร๊ะ.....

................รวย รวย รวย...........

............................เครป่ะ.........................

ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร       ขอบคุณค่ะพี่หมอ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
Re: ความรักคืออะไร : ตอนที่ 13
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: 16/07/2556, 21:50 »
ความรักคืออะไร:(ตอนที่ 13:ความรักในยุค 3G,4G)

.....สรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ยิ่งสมัยนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วมากๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมากับออนไลน์...

.....ในแง่ของธุรกิจ การค้า การขายแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราพบว่า การซื้อของของชาวอเมริกาในขณะนี้ ตั้งแต่ การค้นหาสินค้า การเลือกสินค้า การตัดสินใจซื้อสินค้า การจ่ายเงิน ระบบขนส่ง ระบบภาษี และศุลกากร ใบเสร็จรับเงิน 90% จบบนมือถือ บนออนไลน์...

.....ผมมาทำเครือข่าย ผมก็เลือกบริษัทที่มีระบบออนไลน์ 100% ไม่ต้องไปประชุมตามโรงแรมต่างๆ ทุกอย่างผ่านระบบออนไลน์หมด ผมนั่งทำงานประจำตรวจคนไข้ที่คลินิคผม เวลามีคนไข้มา ผมก็ตรวจ เวลาไม่มีคนไข้ ผมก็นั่งทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ประมาณว่า ที่ไหนบนโลกนี้มีคลื่นโทรศัพท์ ผมก็ทำธุรกิจกับเขาได้ ผมจึงมีเครือข่ายจากทุกมุมโลก จากทั่วโลก...

.....ไม่เว้น แม้แต่เรื่องของความรัก.....

..... ความรักของหนุ่มสาวในสมัยก่อน กว่าจะได้เห็นหน้ากัน หรือได้พูดคุยกัน มันช่างยากเย็นเหลือเกิน บางทีต้องใช้เวลาหลายๆปี ถึงจะได้พูดคุยหรือเห็นหน้ากัน...

.....ในยุคต่อๆมา ก็มีการสื่อสารผ่านทางจดหมาย โทรเลข แฟ็กซ์ และโทรศัพท์...

.....แล้วความรักหนุ่มสาวในยุคออนไลน์ 3G,4G นั้นเป็นไฉน?...

.....นี่เป็นบทสนทนาระหว่างคุณพ่อและลูกสาว...

ลูกสาว: คุณพ่อค่ะ หนูกำลังมีความรักกับหนุ่มแดนไกล เขาอยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ...

คุณพ่อ: มันไกลกันเหลือเกิน อย่าลืมว่า เราอยู่ที่ประเทศกาน่า นะ มันคนละทวีปเลยล่ะ แล้วหนูไปเจอเค้าได้อย่างไรล่ะ?

ลูกสาว: ตอนแรก หนูก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เพื่อนมันบอกว่า มันเจอแฟนในเวป เพื่อนก็เลยแนะนำให้หนูไปเล่นดู...

คุณพ่อ: แล้วมันเป็นอย่างไงล่ะ ลูก?

ลูกสาว: หนูก็แค่พิมพ์คำว่า "เวปหาคู่" "dating "ลงไปใน google google มันก็บอกเราหมดเลยว่ามีที่ไหนบ้าง ส่วนเรื่องบทบาทคนรัก หรือวิธีการต่างๆ ไม่ว่าหนูอยากจะรู้เรื่องอะไร ก็พิมพ์เรื่องที่หนูสงสัยลงไป google มันจะบอกเราหมดเลย...

คุณพ่อ: น่าตื่นเต้น ลูก...

ลูกสาว: ถ้าหนูสงสัยในเรื่องใดๆ แล้วหนูอยากเห็นภาพจริงๆ หนูก็แ่่ค่พิมพ์ชื่อเรื่องที่หนูสงสัยลงใน youtube youtube ก็จะมีภาพทุกอย่างให้หนูดู อย่างเรื่องการปฎิบัติต่อแฟนหนู แต่ก่อนหนูไม่ประสีประสาอะไรหรอก แต่เดี๋ยวนี้ หนูจัดเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยค่ะ...

ลูกสาว: ในที่สุด หนูกับแฟนก็เจอกันในเวปหาคู่ค่ะ dating website...

........: แล้วเราก็เริ่มเป็นเพื่อนกันบน Facebook ทุกๆเช้า เราจะทานกาแฟด้วยกันผ่านทาง Inbox ขณะทำงาน เราก็แอบส่งความคิดถึงกันบ่อยๆ ก่อนจะกินข้าวเที่ยง เมื่อสั่งอาหารเสร็จ ก่อนที่หนูจะกิน หนูต้องถ่ายภาพ แล้วส่งไปให้เขาก่อนเสมอ พอตกบ่ายๆ เราก็จะทานน้ำปั่นด้วยกันอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่หนูรู้สึกง่วง แฟนหนูก็จะส่งกาแฟที่น่าทานมากๆ ผ่านมาทาง Inbox หนูรู้สึกดีมากๆค่ะ...

........: ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้คุยกันมานานบน Whatsapp และ Line...แม้แต่เวลา เราออกไปที่ไหน ถ้ามีโอกาส เราก็ไลน์หากันตลอด ไม่ว่าจะขณะนั่งรถ ขณะประชุม หรือแม้แต่เวลาคุยกับคนอื่น เวลาทานข้าว หรือแม้แต่เวลาอุจจาระ เราก็จะไลน์หากันเสมอ...

.........: เมื่อเลิกงาน ตอนเย็นกลับถึงบ้าน เราจะรีบวิ่งไปเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เราจะเริ่มบอกรักกัน มันสุดแสนจะโรแมนติคมากๆ เราสามรถคุยกันได้ทุกเรื่องผ่านทาง Inbox พอดึกเข้า เราต่างก็มีอารมณ์โหยหา ซึ่งกันและกัน เราจึงเปิดกล้อง Notabook สุดท้าย เราจึงได้เสียกัน ผ่านทางกล้องบน Notebook แต่หนูก็ไม่ได้คุมกำเนิดนะ ไม่ทราบว่า หนูจะตั้งครรภ์มั้ย นี่ประจำเดือน ก็ขาดไปสองเดือนแล้ว...

........: แต่ว่า คุณพ่อค่ะ เมื่อคืน หนูอารมณ์เสียมากเลยค่ะ ในขณะที่หนูกำลังมีอะไรกับแฟนหนู เน็ตมันช้ามากค่ะ ในจังหวะที่หนูต้องการให้เน็ตมันแรงและเร็ว มันก็เอาแต่หมุน หมุน หมุน เลยได้แต่ในเวอร์ชั่น slow motion ค่ะ...

........: คุณพ่อค่ะ คุณพ่อช่วยเปลี่ยนโปรโมชั่นเน็ตเป็นแบบ Unlimited Ultra High Speed Internet ค่ะ หนูต้องการความแรงและความเร็วของเน็ตค่ะ...

........: เรารักกันมากค่ะ เลยขอแต่งงานกันผ่าน Skypeค่ะ...

........:คุณพ่อค่ะ หนูอยากให้พระเจ้าประทานพรให้หนูค่ะ...

คุณพ่อ: wow really!! ว้าวววว จริงๆเหรอลูก...

.........: ถ้าอย่างนั้น ลูกก็จัดงานแต่งงาน และงานฉลองสมรสผ่านทาง Twitter ไปเลยดีมั้ย...

.........:แต่ว่า ก่อนอื่น ลูกต้องเชิญแขกที่จะมาในงานผ่านทาง google drive และเชิญผ่านทางกิจกรรมกลุ่มบน Facebook...

.........: สำหรับแขกที่จะช่วยงาน ก็ให้เขาโอนเงินเข้าที่ e-wallet ของหนูก็ได้

.........: พ่อว่าหนูและแฟนควรจะไปฮันนี่มูนกันบน Tango ให้มันสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย...

.........: หลังจากแต่งงานผ่านไปสักระยะหนึ่ง พ่อก็อยากจะเลี้ยงหลานแล้ว ก็ซื้อลูกน้อยๆผ่าน E-bay โดยให้ส่งผ่านมาทาง gmail...
.
.........: และถ้าหากลูกเกลียดสามีหนูเมื่อไหร่ ก็ขายมันผ่านทาง Amazon แต่อย่าลืมให้จ่ายเงินผ่าน pay pal นะลูก...

ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร        ขอบคุณค่ะพี่หมอ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร ตอนที่ 2 - ตอนที่ 14
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: 19/07/2556, 12:54 »
ความรักคืออะไร (ตอนที่ 14: น้ำตา1)

.....น้ำตาที่ไหลออกมานั้น "ที่รักครับ" มันหลั่งออกมาจากทุกอณูของหัวใจผม มันไม่ใช่ความเศร้าหรือความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความปิติและความสุข...

.....ตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกันมา จนมาถึงวันนี้ แต่ละวันที่เราได้คุยกัน ได้ทำความรู้จักกัน ทำให้ผมได้รู้จักตัวตนของคุณ แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็คงรู้จักตัวตนของผมมากขึ้นว่า ผมเป็นคนแบบไหน...

.....ทุกๆวัน เราทั้งสองได้คุยกัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่เราไม่ได้คุยกันเลย บางวันเราก็ได้เจอกัน ได้ไปทานข้าวด้วยกัน...

.....ทุกครั้งที่เราคุยโทรศัพท์ ถ้าอยู่ใกล้เตียงนอนหรือโซฟา ผมจะเอนนอนลง แล้วก็เอาโทรศัพท์แนบติดหู มันทำให้เสียงใสๆ ที่คุณพูดผ่านมา ไม่ต่างอะไรจากคุณได้นอนพูดกระซิบข้างหูผม ที่รักจ๋า มันทำให้ผมรู้สึกว่า เราไม่ห่างกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกๆวัน ทุกๆเวลาเหมือนเราอยู่ใกล้กัน ทั้งๆที่เราอยู่กันคนละจังหวัด ห่างกันตั้งหลายร้อยกิโลเมตร...

.....ทุกๆวัน ผมจะคิดถึงคุณตลอดเวลา ไม่มีเวลาไหนที่ผมไม่คิดถึงคุณเลย ทุกอิริยาบทของคุณ มันโลดเล่นอยู่ในทุกๆส่วนทุกๆอณูในร่างกายผมเลยทีเดียว...

.....แต่ละคืนที่ผมเอนตัวลงนอน ทันทีที่หลับตา ภาพทุกภาพของคุณจะปรากฎขึ้นมาในมโนผมทันที ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กิริยาท่าทางการนั่งการยืน ท่าเดิน ที่รักจ๋า คุณรู้มั้ย เวลาที่คุณงอน คุณมีเสน่ห์มากที่สุด น่ารักที่สุดเลย แต่ตอนนี้ภาพทุกภาพ มันวิ่งเต้นในมโนผมตลอดเวลา...

.....ณ.วินาทีนี้ น้ำตาผมกำลังไหล มันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ไหลออกมาไม่หยุด มันเป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปิติที่สุดในหัวใจผมเลยทีเดียว แต่ก็ปนไว้ด้วยความกลัว ทำไมมันทะลักออกมาจากหัวใจได้มากมายขนาดนี้ น้ำตาเจ้าเอ๋ย...

.....ทำไมผมถึงเห็นภาพที่เป็นคุณ มันเหมือนมีร่างของคุณหนึ่งร่างวิ่งอยู่ในหัวใจผม มันเป็นภาพที่มีชีวิต เป็นชีวิตคุณที่ซ้อนอยู่ในหัวใจผม ในหัวใจผมทำไมอัดแน่นไปด้วยคุณขนาดนี้ นี่เป็นเหตุกระมังที่เวลาคุณเข้าไปอยู่ในหัวใจผม น้ำตาคงไม่มีที่อยู่ ที่อยู่ปกติของน้ำตาถูกแทนที่โดยคุณ น้ำตาจึงทะลักล้นออกมาทางเบ้าตาได้มากมายขนาดนี้...

..... ที่รักจ๋า ผมกลัวเหลือเิกิน ผมกลัวมาก กลัวว่า สักวันหนึ่งคุณจะจากผมไป เพราะว่าในเวลานี้ ที่หัวใจผมเต้นได้ ก็เพราะว่ามีคุณอยู่ข้างใน ถ้าเมื่อไหร่ ที่คุณไม่อยู่ในนี้ หัวใจผมก็คงหยุดเต้นเหมือนกัน ที่รักจ๋า ผมกลัวเหลือเกิน...

.....ที่รักจ๋า ผมรักคุณมากเหลือเกิน ทุกขณะจิตของผมมีแต่เธอ จนผมไม่มีแรงที่จะลุกไปทำอะไร ข้าวก็ไม่อยากจะกิน งานก็ไม่อยากจะทำ เงินก็ไม่ต้องการ ทรัพย์สินต่างๆก็ไม่สน เกียรติยศก็ไม่เอา ทุกๆขณะจิตมีเพียงเธอ จนบางที รักคุณจนลืมหายใจ นี่คือภาพที่ผมเคยบอกคุณว่า มีคุณอยู่ในใจผมตลอดเวลา...

.....ที่รักจ๋า มาถึงวินาทีนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาอีกแล้ว ทำไมขณะนี้ ในหัวสมองผมมันเหมือนกลวงว่างเปล่า ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากเธอ ทั้งสมอง หัวใจ และจิตวิญญาณมีแต่เธอเท่านั้น...

.....ที่รักจ๋า ที่รักคงเข้าใจความรักของผมแล้วใช่ไหม มาถึงขณะนี้ คุณไม่ต้องบอกผมหรอกว่า คุณมีอดีตเป็นมาอย่างไร อดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ คุณจะเรียนจบอะไรก็ไม่เป็นไร คุณจะรวยหรือจนก็ไม่ใช่ประเด็น จะขาวหรือดำก็แล้วแต่ จะสูงจะเตี้ยก็ไม่ว่ากัน รอบเอวคุณจะเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็ไม่เป็นไร ในเมื่อในหัวใจผมมีแต่คุณเท่านั้น มันจะเป็นอื่นไม่ได้อีกแล้ว ต้องเป็นคุณเท่านั้น...

.....น้ำตาเจ้าเอ๋ย เจ้าเป็นน้ำตาที่น่ารักที่สุด เป็นน้ำตาที่น่าปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตผม พอเจ้าหลั่งออกมา มันช่วยชะโลมพิษที่ค้างคาอยู่ในหัวใจผมจนหมดสิ้น เป็นหัวใจที่สดใส ที่พร้อมจะเป็นอิสระ อีกครั้งหนึ่ง...

.....น้ำตาเจ้าเอ๋ย เจ้าหยุดหลั่งได้มั้ย ผมต้องการพลังอย่างมากในการสร้างสรรค์ความรักของผมกับที่รัก ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่นาน ผมคงต้องตายจริงๆ ที่รักจ๋า กอดผมสิครับ กอดผมให้แน่นๆ กอดนานๆ ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ...

.....ที่รักจ๋า คุณคงรู้แล้วสินะ ว่าน้ำตาที่หลั่ง มันมีที่มาที่ไปอย่างไร คุณได้รับรู้มันหมดแล้ว จากนี้ไป เราจะไม่พรากจากกันนะ กอดผมแน่นๆสิครับ กอดผมแน่นๆสิครับ ที่รักจ๋า ผมรักคุณมากมายเหลือเกิน ผมรักคุณมากมายเหลือเกินนนนนนนนน...

ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร                ขอบคุณค่ะพี่หมอ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร ตอนที่ 15
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: 24/07/2556, 09:42 »
24 กรกฏาคม 2556

ความรักคืออะไร: (ตอนที่ 15:ความรัก10มิติ: มิติที่ 4:ชุมชนนิยม)

.....ในบทก่อนๆ เราได้นิยามว่า ความรักคืออาการทางจิต หรือสภาวะทางจิตที่มี "อาการชอบใจผสมความยินดี ที่พร้อมกับมีความปรารถนาดีอย่างสัมมาทิฎฐิ" เราได้เรียนรู้ผ่านไป 3มิติแล้ว...

.....ความรักมิติที่ 4 คือ ความรักที่เริ่มขยายออกสู่ผู้อื่นที่นอกจากญาติ เป็นการขยายความรักที่อยู่แค่วงศาคณาญาติออกไปสู่หมู่มิตรสหาย อันเป็นสังคมใกล้ชิดมิตรสหายที่กว้างขึ้นกว่าเพียงวงศ์ญาติเท่านั้นออกไปได้อีก อาจจะแผ่ความรักความเกื้อกูลออกไปแค่เพื่อนฝูงหมู่คณะยังไม่กว้างมากมายถึงระดับมีใจมุ่งหมายเพื่อประชาชนทั้งชาติทั้งประเทศทีเดียว...

.....แต่คนที่มีความรักในระดับมิตินี้ ก็เป็นความเห็นแก่ผู้อื่นเผื่อแผ่กว้างเกื้อกระจายออกจากขอบแคบแค่วงศ์ญาติพี่น้องสายโลหิตมากขึ้น แผ่ความรักสู่มวลชนเพื่อนพ้องกว้างขึ้น เป็นกลุ่มชุมชน เป็นตำบล อำเภอ จังหวัด เป็นความรักที่มีภาระมากขึ้น...

.....แต่เราก็ยังถือว่า ความรักในมิตินี้ เป็นความรักที่มีคุณค่าสูงขึ้น เพราะความรักเช่นนี้ คือการลดความเห็นแก่ "ตัวเรา-ของเรา" ที่เป็นแค่วงศาคณาญาติ ซึ่งยังคับแคบมาก ก็ขยายกว้างขึ้นไปสู่มวลมนุษยชาติเพิ่มขึ้นแล้ว จึงนับว่า มีคุณค่าเพิ่มขึ้นกว่า "ความรัก" มิติที่ 3...

.....ใครก็ตาม ที่เห็นแก่ความสุขของผู้อื่นที่กว้างขึ้น สามารถเสียสละ เผื่อแผ่ หรือช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้มากไปกว่าวงศาคณาญาติ แม้จะเป็นเพียงมิตรสหายแวดล้อมก็ดี หรือผู้คนอื่นๆในแวดวงใกล้ๆก็ตาม ก็นับว่า มีความรักที่เจริญขึ้น...

.....ความรักที่เจริญขึ้นในระดับที่มากขึ้นๆ จึงเป็นความรักที่ดีงาม เป็นประโยชน์ใหญ่กว้างขึ้น มีค่าสูงขึ้นตามความเอื้อเฟื้อเกื้อกว้างที่กว้างขึ้นๆนั้นๆจะแผ่ขยายออกไปจริง ยิ่งเผื่อแผ่กว้างเกื้อออกไปได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็น "ความรัก"ที่มีคุณประโยชน์สูงค่ามากขึ้นเท่านั้น...

.....ความรักมิติที่ 4 นี้ เรียกว่า "ชุมชนนิยม" หรือ "สังคมนิยม"

ขอบคุณครับ
นพ.ไมตรี พิชญังกูร

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ความรักคืออะไร ตอนที่ 16
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: 26/07/2556, 13:08 »
26 กรกฏาคม 2556

ความรักคืออะไร (ตอนที่ 16: นอนไม่หลับ: อีกด้านหนึ่งของความรัก)

.....นอนไม่หลับ: ใครๆก็เคยนอนไม่หลับ แต่คนนอนไม่หลับส่วนใหญ่จะไม่ทราบเลยว่า สาเหตุที่ทำให้ตัวเองนอนไม่หลับนั้นคืออะไร แต่ละคน แต่ละครั้งที่นอนไม่หลับก็มีสาเหตุที่แตกต่างกันไป...

.....แต่ถ้าหากว่าท่านคิดถึงปัญหาๆหนึ่ง แล้วทำให้ท่านนอนไม่หลับ หรือหลับๆตื่นๆทั้งคืน มีแต่ท่านต้องประสบเอง จึงจะรับรู้รสชาติมันว่า ทรมานขนาดไหน การที่จะต้องพลิกซ้ายพลิกขวา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าหลับหรือตื่นตลอดทั้งคืน ดิ้นรนทรมานอยู่บนเตียง มองไปทางไหนก็ยังมืด ไม่สว่างเสียที เป็นอย่างนี้ตลอดทั้งคืน มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือ รสชาติความรู้สึกแบบนี้ ไม่อยากจะขอเจอมันอีกตลอดไป...

.....แต่ที่แย่ที่สุดคือ หลังจากที่นอนไม่หลับเพราะปัญหาๆหนึ่งจนนับคืนไม่ถ้วน ปัญหานั้น ก็ยังไม่ได้ถูกแก้ไขให้มันลุล่วง...

.....เราจะทำอย่างไรดี ร้อยทั้งร้อยก็คือ มีแต่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม คือจะไม่คิดถึงมันอีก สาบานเลยว่า จะลืมมันเสีย กดข่มมันไว้ จะไม่คิดถึงมันอีก ชาตินี้จะต้องลืมมันให้ได้...

.....แต่ทุกวัน ก็ยังคงต้องไปทำงานตามปกติ จนผ่านไปสักระยะหนึ่ง ดูเหมือนว่าเราได้ลืมปัญหาที่เคยทำให้เรานอนไม่หลับไปจนหมดสิ้น ก็เพราะว่า เราได้สาบานกับตนเองไว้ว่า เราจะต้องลืมมันให้ได้ แล้วจะไปคิดถึงมันทำไมอีก เราจะไปคิดถึงมันอยู่ไย...

.....ถามว่า ท่านลืมปัญหานั้นเสียแล้วจริงๆหรือ?...

.....ท่านไม่ได้ลืมมันเลย...

.....ที่ท่านไม่ไปคิดถึงปัญหานั้นอีก ก็เพราะว่าท่านรู้คำตอบของปัญหานั้นมานานแล้ว เพียงแต่ว่าท่่านปฎิเสธที่จะยอมรับมันเท่านั้น...

.....เพราะว่าคำตอบนั้น ได้กระทบเข้ากับส่วนที่เปราะบางที่สุดและเจ็บปวดที่สุดในใจของท่านนั่นเอง...

.....มนุษย์นั้นมากด้วยอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์หรือหลักการอะไรที่แน่นอนตายตัว และไม่มีใครสามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะตัวเองแล้ว ยิ่งเกินความสามารถที่จะควบคุมได้...

.....ท่านพยายามให้ตนเองไ่ม่คิดเช่นนี้ แต่มันกลับมักจะคิดอย่างนั้น ท่านต้องการให้ตนเองไม่ไปคิดถึงคนๆนั้น แต่ในสมองของท่านก็มักปรากฎเงาของคนเช่นนั้นอยู่ทุกเวลานาที...

.....ความรู้สึกเช่นนี้ มันมีอาการคล้ายๆ ใครเอามีดคมๆมาเฉือนใจเรา...

.....ถ้าท่านกระทำความผิดมาเรื่องหนึ่ง ในใจของท่านคิดที่จะไม่ไปคิดถึงมัน ท่านเคยรักใครคนหนึ่ง แล้วคนๆนั้นทิ้งจากท่านไป ท่านสาบานว่า จะไม่ไปคิดถึงคนผู้นี้และเรื่องๆนี้...

.....แต่ทุกครั้งที่ท่านอยู่เดี่ยว เดียวดาย หรือบรรยากาศชวนให้เดียวดาย วังเวง ท่านจะนอนพลิกซ้ายพลิกขวา ก้มิอาจหลับได้ เรื่องที่ท่านไม่ต้องการคิดถึง พลันก็เอ่อท้นเข้ามาในใจในชั่วพริบตา...

.....มีแต่ "ความคิด" เท่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอิสระที่สุด...

.....มนุษย์ใยจึงมักจะคิดถึงในสิ่งที่เขาไม่ควรคิดเล่า...

.....หรือว่า นี่คือเรื่องเศร้าอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์?...

.....สำหรับผมแล้ว "ความคิด" มันไม่เป็นอิสระจริงๆ...

.....ต่างจาก "จินตนาการ" ที่มีความอิสระที่สุด...

ขอบคุณครับ

นพ.ไมตรี พิชญังกูร        ขอบคุณค่ะพี่หมอ

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”