collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  (อ่าน 15767 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  :

                                          เสาคานหัก ตื่นใจผู้กรำทุกข์

                                           (ต้วนเหลียงจิงสิ่งซู่ซินเหยิน)

        ในปีหมินกั๋วที่สามสิบแปด (ค.ศ. 1949) นัน หันเต้าจั่งได้นำพาชายคนหนึ่งชื่อ หลี่ชิงเฮ่อ
รับธรรมะ คุณหลี่รู้ภาษาจีนกลาง ได้นำพาเรามาที่บ้านชนบทเมืองโต่วลิ่ว ฉุดช่วยเพื่อนพ้องญาติมิตร  หันเต้าจั่่งขอให้หลี่ชงเฮ่อหาบ้าน ซื้อร้านถ่านรูปชิงเหนียนเจ้าเซี่ยงกวน ข้างสถานีรถไฟเมืองโต่วลิ่ว จัดตั้งตำหนักพระ เริ่มพาคนมารับธรรมะ นี่เป็นอนุตรธรรมสถานแห่งแรกที่มาบุกเบิกแพร่ธรรมในไต้หวัน  ที่เมืองนี้ ได้นำพาคนมารับธรรมะจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังเป็นผู้ช่วยงานธรรมคนสำคัญ ทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงสร้างสรรค์ ซึ่งประการหนึ่ง เนื่องด้วยคุณธรรมบารมีของท่านเหล่าเฉียนเหยิน กับท่านเฉียนเหยิน อีกประการหนึ่งคือ ญาติธรรมชุดนั้นมีรากฐษนพุทธะมาลุ่มลึก จึงทำให้รากฐานธรรมกิจของเมืองอวิ๋นหลิน จังฮว่า (ใกล้กับ โต่วลิ่ว) เกิดความมั่นคง ช่วงนั้น ห้องพักของต้ากูเฉียนเหยิน ประตูไม้ผุเก่าเป็นรอยแตกแยก เมื่อปิดประตูแล้วสุนัขยังมุดเข้ามาได้ พอฝนตกหนัก กำแพงดินก็ทรุดแตก หน้าดินที่ฉาบไว้หลุดร่วง ทำให้ท่านต้องหวาดผวา อีกทั้ง ขณะนั้นเป็นเวลาที่จีนแผ่นดินใหญ่กำลังปฏิวัติวัฒนธรรมกวาดล้างคนนอกลัทธิ ผู้มีที่ดินทรัพย์สมบัติในครอบครอง จะถูกกล่าวหาลงโทษ ต้ากูเฉียนเหยินจะฝันเห็นมารดา และได้ยินเสียงท่านร้องเรียก "ลุกเจินเอ๋อ เจินเอ๋อ" บ่อย ๆ ทุกครั้งที่ตกใจตื่น จะกอดผ้าห่มสะอื้นไห้อยู่คนเดียว กลางวัน ปั้นเต้า บรรยายธรรม ใจจะเต้นระทึกอยู่ทุกขณะ กลัวถูกตำรวจจับ คนภายนอกไม่รู้ความก็ไม่หยุดกล่าวหาว่าร้ายบวกกับเฉยเมย ไม่เป็นที่ยินดีของคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจ การผลักดันธรรมกิจก็ประสบอุปสรรคทุกข์ยากขวางกั้น สภาพเช่นนี้ ภาวะเช่นนี้ ยิ่งทำให้คิดถึงบิดามารดา ญาติสนิทเป็นที่สุด ต้ากูเฉียนเหยินแอบร้องไห้อยู่บ่อย ๆ  ไม่อยากดื่ม  ไม่อยากรับประทานอาหาร  อยู่กับความอับเฉาเศร้าหมองทุกวัน ๆ บางครั้งถึงกับอยากตาย ในวันหนึ่ง ขณะโม่ถั่วอยู่ด้วยกัน คานหลังคาท่อนหนึ่งเกิดหักตกลงมา ทุกท่านในที่นั้นตกใจกับเสียงโครมใหญ่ที่ไม่คาดฝันต่างอกสั่นขวัญหาย พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตั้งสติได้ ต้ากูเฉียนเหยิน เกิดความคิดในสมองทันทีว่า ชะรอยเบื้องบนจะสำแดงปรากฏการณ์เตือนใจให้คิดได้ว่า "เมื่อกำลังใจของผู้เจริญธรรมจมหาย ก็จะเหมือนเสาคานหักอย่างนี้ ยังจะแบกรับภาระใหญ่ได้อย่างไร" ท่านยังระลึกได้ถึงผู้รับผิดชอบสถานศึกษาหลักธรรมที่เคยชวนให้มารับธรรมะได้พูดไว้ "หลักธรรมเข้าใจรู้แจ้งฉับพลันได้ แต่งาน (ธรรมกิจ) จะต้องทำไปเรื่อย ๆ (การเรียนรู้  มีตนเองเป็นเป้าหมาย  ธรรมกิจ  มีผู้อื่นเป็นเป้าหมาย) ขณะนั้น ถูกขัดสีให้เหนื่อยหน่อย ก็ซึมเศร้าหม่นหมอง ถูกโจมตีก็พ่ายแพ้แล้วหรือ ยังได้ยินเสียงกำชับของบิดาดังขึ้นว่า "ในโลกไม่มีภูเขาไฟลูกใดที่มิอาจล่วงข้ามได้" ดังนี้แล้ว ต้ากูเฉียนเหยินเรียกขวัญวิญญาณขึ้นมาใหม่ ตัดสินใจแน่นอน ประสบความลำบากใด ๆ ก็จะมีความกล้า เอาชนะทุกเรื่องไป หลังจากนั้น ต้ากูเฉียนเหยิน ก็จะรับบัญชาจากท่านเหล่าเฉียนเหยินเป็นประจำ ไปทำพิธีถ่ายทอดธรรมะที่ไถจง กับโต่วลิ่ว โดยไม่เกรงความลำบาก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                            กายถูกคุมขังใจยิ่งแกร่ง

                                          (เซินคุ่นหลิงอวี่จื้อหมีเจียน)

        ปีหมินกั๋วที่สามสิบเก้า (ค.ศ. 1950) ช่วงปั้นเต้าอยู่ที่สถานธรรมร้านถ่ายรูปนั้น ท่านหันเต้าจั่งจะยืนพูดธรรมะอยู่ข้างถนน
ให้ผู้สัญจรไปมาฟังเสมอ เพื่อจะนำพาเขารับธรรมะ ต้ากูเฉียนเหยินและท่านอื่น ๆ ก็เอาอย่างขวัญวิญญาณท่านหันเต้าจั่ง พูดธรรมะข้างถนน ผู้คนมารุมล้อมจนพวกนอกเครื่องแบบรู้เห็น  วันหนึ่ง ขณะปั้นเต้า ต้ากูเฉียนเหยินกับผู้ร่วมบำเพ็ญห้าคนถูกจับไปขังที่กรมทหาร ในกรมทหารมีเสียงปืนประหารชีวิตนักโทษ ดังนั้น ทุกจุดน่าสะพรึงกลัวมาก ต้ากูเฉียนเหยินตื่นตระหนก สะดุ้งผวานอนไม่หลับ จนภายหลังกลายเป็นโรคกระเพาะใจสั่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์กับคนร่วมกันอภิบาล จึงได้รับการอนุโลมให้ประกันตัวออกมารักษาที่โรงพยาบาลนอกกรมทหาร ครั้งนี้ ต้ากูเฉียนเหยินถูกขังยี่สิบแปดวัน เพื่อให้ผู้ร่วมบุกเบิกแพร่ธรรมสุภาพสตรี ที่ต้องจากบ้านเมืองมาไกล อีกทั้งเหนื่อยยากรับทุกข์ภัยได้สงบใจลงบ้าง หันเต้าจั่งจึงกล่าวแก่ทุกคนว่า "ข้าพเจ้าจะทูลถามพระอาจารย์จี้กงว่า "ทุกคนเข้าคุกกันมาแล้ว ไม่มีจะกิน ไม่มีจะสวมใส่ อย่างนี้จะปั้นเต้ากันได้อย่างไร" พระอาจารย์ได้โปรดว่า "เจ้าอย่ากลุ้มใจ ขมขื่นผ่านไป หวานชื่นจะมา ฟ้าเบื้องบนมีบัญชา ประธานาธิบดีก็ทำอะไรเราไม่ได้  จับแต่คนปั้นเต้า ยิ่งจับญาติธรรมยิ่งมาก" ทุกคนจะต้องเชื่อเทียนมิ่งนะ เราว่าเทียนมิ่งจริง จริงที่ไหน เซียนพุทธะล้วนพูดก่อนเป็นจริงทีหลัง ถ้าพูดแล้วไม่จริง จะเรียกพระวิสุทธิอาจารย์จริงได้อย่างไร จะเรียกว่าเทียนมิ่งจริงได้อย่างไร" วันนี้เรปักใจเชื่อมั่นคำนี้ ปัจจุบัน ธรรมะกระจ่างแจ้งถ่ายทอดไปสู่สากลโลก ยืนยันให้เห็นจริงว่า วิถีอนุตตรธรรมสนองวาระ พระวิสุทธิอาจารย์กับเทียนมิ่งไม่ใช่เท็จ ตั้งแต่สถานธรรมร้านถ่ายรูปถูกทดสอบจากทางการ  ต้ากูเฉียนเหยินกับอาวุโสหลายท่านถูกจับขังคุกแล้ว ไม่อาจปั้นเต้าที่นั่นได้อีก จึงต้องขายบ้านร้านนั้นไปต้ากูเฉียนเหยินและท่านอื่น ๆ ย้ายกลับไปอยู่ไถจงภาคกลาง สถานธรรมที่ร้านถ่ายรูป ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมไท่เหอ ชั่วคราว เวลานี้ ต้ากูเฉียนเหยินเป็นผู้ดำเนินการคนเดียวทั้งหมด  ท่านจะต้องเขียนเปี่ยวเหวินเอง เป็นพิธีกรเอกโทคนเดียว ยังจะต้องปฐมนิเทศน์ธรรม พูดไตรรัตน์  ปีหมินกั๋วที่สี่สิบสาม (ค.ศ. 1954) โรงแรมไท่เหอก็ถูกทางการทดสอบ โชคดีที่มีคุณหลอนซูเจา ที่ศาลเจ้าฉงซิวถัง ช่วยเหลือ อีกทั้งไปไถจงด้วยตนเอง  คุกเข่าขอให้หันเต้าจั่งและต้ากูเฉียนเหยินมาแพร่ธรรม ที่ศาลเจ้าฉงซิวถังของท่าน นับแต่นั้น ธรรมกิจก็ย้ายจากโรงแรมไท่เหอ มาที่ฉงซิวถัง ซึ่งแม้ว่าจะสื่อภาษากันไม่ได้ แต่ภายใต้การช่วยเหลือหนุนนำของพุทธะเซียน พระบุญญาปรากฏมากมายให้ประจักษ์ เช่น คนใบ้มารับธรรมะแล้วพูดได้ คนขาพิการรับธรรมะแล้วทิ้งไม้พยุงตัวเดินได้ คนเป็นเนื้องอกที่คอ พระอาจารย์รักษาหาย เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์พระโพธิสัตว์ก็โปรดช่วยให้หาย ชุบชีวิตกันใหม่ มากมายเหล่านี้ ผู้ศรัทธาประจักษ์จริงยิ่งมากขึ้นทุกวัน ธรรมกิจเฟื่องฟูแพร่หลาย 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  :

                                 เพื่องานธรรมลืมสังขารสืบสานปัญญาญาณ

                                       (เอว้ยเต้าอวั้งซวีฮุ่ยมิ่งเอี๋ยน)

        ปีหมินกั๋วที่สี่สิบแปด (ค.ศ. 1959) ฤดูใบไม้ร่วง
เพื่อหลีกเลี่ยงทางการทดสอบ ต้ากูเฉียนเหยิน ใช้วิธีท่องเที่ยวปีนเขาส่งเสริมญาติธรรม เนื่องจากเขตอำเภออวิ๋นหลิน จังฮว๋า มีนักศึกษาปัญญาชนรับธรรมะกันมาก แบ่งดำเนินการเป็นหลายกลุ่ม ครั้งสุดท้าย เดินทางจากอำเภอซินจุ๊ มาอำเภอโต่วลิ่ว เนื่องจากท่านนำพาท่องเที่ยวปีนเขา เหนื่อยยากตรากตรำเป็นเวลานาน ทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผล อาเจียนเป็นโลหิตไม่หยุดถึงเจ็ดครั้งติดต่อกัน จึงต้องส่งโรงพยาบาลปัจจุบันทันด่วน แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ต้ากูเฉียนเหยินคิดอยู่ในใจว่า เราจากบ้านมาไกลถึงไต้หวันก็เพื่อเจริญรอยตามพระโพธิสัตว์กวนอิมฉุดช่วยเวไนยฯ จะตายตอนนี้ได้อย่างไร ข้างหูก็แว่วเสียงซือจุนโปรดภาวนาหวังวอนว่า "ไม่ผิดแน่นอน" อีกทั้งเสียงบิดากำชับว่า "ในโลกไม่มีภูเขาไฟลูกใดที่มิอาจล่วงข้ามได้" คิดถึงตรงนี้ ต้ากูเฉียนเหยินเกิดพลังความกล้าขึ้นอย่างไม่อาจเปรียบปาน พออาการค่อยทุเลาเท่านั้น ท่านขอออกจากโรงพยาบาลทันที ท่านบอกว่า "นอนนานอย่างนี้ ฉันทนไม่ได้ ฉันมาเพื่อปฏิบัติบำเพ็ญธรรม อยู่บนเตียงนอนจนว้าวุ่นใจ ฉันจะปั้นเต้า ฉันจะไปปั้นเต้าดีกว่า" หลายปีให้หลัง เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า "ตรงกับที่พระอาจารย์ตรัสไว้ ชีวิตร่างกายมีเวลาจำกัด แต่ชีวิตปัญญาญาณไม่มีกำหนดกาล (เซิงมิ่งโหย่วเซี่ยนเอ๋อฮุ่ยมิ่งอู๋ฉี) กายเนื้อของคนมีเวลาเพียงสั้น ๆ ชั่วคราว เธอว่าเอามาเสพสุข มีวาสนาเท่าไรให้เสพสุขหรือ ขวัญวิญญาณคงอยู่ในโลกชั่วกาลนาน จึงจะเป็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต เราทุกคนจึงควรบังเกิดจิตเจริญปณิธาน ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม รู้ตื่นในตน ให้ท่านรู้ตื่นกัน บำเพ็ญจริง ปฏิบัติจริง ภายในบำเพ็ญตน ภายนอกฉุดช่วยคน สำแดงให้เห็นพลังชีวิตศักดิ์สิทธิ์งามสง่าของเรา จึงจะเบิกทางชีวิตชัชวาลอันอุดมสมบูรณ์ได้" จากนั้นเป็นต้นมา กระเพาะอาหารของท่านไม่ค่อยดีอยู่เสมอ ด้านหนึ่งคือ ชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย คุณค่าอาหารไม่ดีพอ ด้านหนึ่งคือ ปั้นเต้า อรรถาธรรม ส่งเสริมญาติธรรม ไม่มีเวลาว่าง มิได้หยุดหย่อน ขึ้นแท่นบรรยายธรรมโดยต้องอดทนต่อการเจ็บป่วยเสมอ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ท่านก็ยังไม่ยอมพัก ท่านจะพูดอยู่อย่างนี้ว่า "ชีวิตปัญญาญาณของมวลเวไนยฯสำคัญกว่าหนอ จะเป็นเพราะร่างกายตนเองเจ็บป่วยเล็กน้อยก็รามือได้หรือ"  ปีหมินกั๋วที่เจ็ดสิบเอ็ด - เจ็ดสิบสอง (ค.ศ. 1982) ระหว่างนั้น ครั้งหนึ่ง เนื่องจากต้ากูเฉียนเหยินโปรดอรรถาธรรมติดต่อกันหลายรอบ ทำให้ต่อมน้ำลายแห้ง ไม่มีเสียงพูด จะทำอย่งไรดี พลันก็นึกถึงคำในประวัติศาสตร์ที่ว่า มองบ๊วยแก้กระหาย (อวั้งเหมยจื่อเข่อ) ขึ้นมา จึงซื้อมาหนึ่งห่ออมไว้ในปากหนึงเม็ด ใส่จานไว้เต็ม ๆ หนึ่งจานวางอยู่บนโต๊ะ บรรยาย ขอเบื้องบนโปรดช่วยให้พูดได้สักสี่ห้านาทีก็พอ ผลปรากฏว่า ท่านมองบ๊วยในจานไปด้วย เมตตาพูดไปด้วย ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมาจนชุ่มคอ พูดได้นานถึงครึ่งชั่วโมงกว่า โดยไม่มีอาการแสบคอปากแห้ง  จิตใจที่เพื่องานธรรมจนลืมกายสังขารเช่นนี้ ทำให้ผู้น้อยซาบซึ้งประทับใจยิ่งนัก ธรรมกิจจึงรุดหน้ายิ่งขึ้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                      จุดไฟอริยะของวงการนักศึกษา

                                       (เตี่ยนหยันเสวียเจี้ยเตอเซิ่งหั่ว)

        ปีหมินกั๋วที่ห้าสิบหก (ค.ศ. 1967) นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคเฝิงเจี่ยไถจง (บัดนี้คือมหาวิทยาลัย)
มีญาติเพื่อนฝูงมารับธรรมะ หลังจากเข้ารับการอบรมประชุมธรรมแล้ว ต่างตั้งปณิธานว่าจะฉุดช่วยเวไนยฯ ต้ากูเฉียนเหยินเห็นว่าปัญญาชนนั้น ถ้าเริ่มปฏิบัติบำเพ็ญตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะเป็นกำลังสำคัญดีเด่นที่จะขาดเสียมิได้ในการปรกโปรดสามโลก เป็นปากเสียงแทนฟ้า สืบสานงานของอาณาจักรธรรมต่อไปทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น ท่านจึงใส่ใจปัญญาชนเป็นพิเศษ ท่านส่งเสริมนักศึกษาเสมอ ให้เจริญความมุ่งมั่นของอริยเมธาก่อนเก่า จะต้องช่วยกันระบือคุณธรรม วัฒธรรมที่ประเทศจีนมีมาช้านาน นำเอาวิถีธรรมแพร่ไปทั่วโลก อีกทั้งช่วยให้วิทยาลัยเฝิงเจี่ย ก่อตั้งชมรมกลุมโภชนาธรรม (หั่วสือถวน) ให้นักเรียนได้ปฏิบัติบำเพ็ญ เนื่องด้วยรูปแบบชมรมนี้ของวิทยาลัย ดำเนินการได้รับความสำเร็จ เป็นแรงกระตุ้นให้ ต้ากูเฉียนเหยิน ตั้งความปรารถนาว่า "ฉันจะนำพานักศึกษาเดินให้เกิดฟ้าดินผืนใหญ่" ปีหมินกั๋วที่ห้าสิบเก้า (ค.ศ. 1970) ท่านบุกเบิกวงการนักศึกษาไถเป่ย (ไทเป) กล่าวว่า ชมรมโภชนาธรรม เหมือนบ้านทีสองอีกบ้านหนึ่งของนักศึกษา มีไว้ให้คนเล่าเรียนที่แสวงหาปัญญาแห่งชีวิต ให้เป็นสถานที่ฝากตัว กำหนดชีวิตมั่นคง รองรันำพานักศึกษาที่มีบุญสัมพันธ์เป็นเปลไกวให้เจริญวัยในการปฏิบัติบำเพ็ญ ความใส่ใจของต้ากูเฉียนเหยินที่มีต่อนักศึกษา ถี่ถ้วนรอบรายที่จบการศึกษาจะต้องเป็นทหาร ท่านห่อเกี๊ยวซ่าเลี้ยงส่งเขาเข้ากรม อีกครึ่งปีจะพ้นเกณฑ์ ท่านฝากงานไว้ให้ก่อน ภายใต้ความเมตตาของต้ากูเฉียนเหยิน ที่โอบอุ้ม พอถึงปีหมินกั๋วที่หกสิบห้า (ค.ศ. 1976)วิทยาลัยต่าง ๆ ล้วนก่อตั้งชมรมโภชนาธรรมกัน ธรรมกิจเฟื่องฟูยิ่งขึ้นทุกวัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นเป็นต้นมา ท่านก็จะไปตระเวณตรวจเยี่ยมชมรมฯ ตามวิทยาลัยต่าง ๆ ใส่ใจความเป็นอยู่ของนักศึกษา จัดชั้นศึกษาธรรม ส่งเสริมไขข้อข้องใจของการบำเพ็ญ ท่านจะสนทนาธรรมตั้งแต่เรื่องราวชาวบ้าน (ธรรมะครัวเรือน) ซึมซาบใจนักศึกษา และจะพูดอุปมาภาษิตก่อนเก่าให้นักศึกษาฟัง นักศึกษาจะรายล้อมอยู่รอบตัวท่าน เบื้องเข่าท่านสมานสุขดุจลูกหลานอันสนิทแน่นแฟ้น ภายหลังทุกคนต่างหวังว่า ตนจะเป็นมือซ้ายขวาของท่าน จนภายหลังต่อมา ท่านทุ่มเทใส่ใจนักศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ปิดภาคฤดูร้อน ปิดภาคฤดูหนาว จัดชั้นศึกษาลี่เต๋อปัน ให้จัดชั้นฉงเต๋อปัน ให้ทุกชั้น ท่านจะเมตตาเฝ้าอุ้มชู ทุกเทอม จะโปรดเพิ่มเสริมอาหารแก่ชมรมโภชนาธรรม ใส่ใจชีวิตการศึกษา ทุกเวลาจะห่วงหาว่า ปฏิบัติบำเพ็ญอยู่เย็นเป็นสุขไหม ในใจของท่าน นักศึกษาทุกคนเป็นยอดม้าอาชาไนย เป็นเสาคานเอกของอาณาจักรธรรมในวันข้างหน้า

ปีหมินกั๋วที่หกสิบห้า (ค.ศ. 1976) ต้ากูเฉียนเหยินบุกเบิกแพร่ธรรมยังญี่ปุ่น  ธรรมกิจเปิดกว้างกระจ่างชัด ต้ากูเฉียนเหยินเชื่อมั่นต่อการบุกเบิกแพร่ธรรมยังต่างประเทศ

ปีหมินกั๋วที่หกสิบห้า (ค.ศ. 1978) ก้าวต่อไปบุกเบิกยังประเทศแถบเอเซียอาคเนย์  ฟาอีฉงเต๋อ เริ่มก้าวเข้าสู่อาณาจักรธรรมโลกสากล

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                ถูกใส่ร้ายทำลายยังคงมุุมานะต่อไป

                                     (เยิ่นหุ่ยโซ่วปั้งเฟิ่นลี่เฉียน)

        ตั้งแต่ปีหมินกั๋วที่สี่สิบจนถึงหกสิบ ระหว่างนั้น อี๋ก้วนเต้า วิถีอนุตตรธรรมเกิดอย่างรวดเร็ว จำนวนญาติธรรมพรวดพราดเพิ่มขึ้น จำนวนครั้งที่ชุมนุมกันก็บ่อยมาก ทำให้ทางการหวาดระแวง
เพื่อป้องกันการก่อตัวจนเป็นรูปร่างพลังร่วมของ อี๋ก้วนเต้า ทางการจึงสวมชื่อให้ว่า "ชุมนุมผิดกฏหมาย" กระทรวงมหาดไทยเพิ่มมาตรการลงโทษข้อ "ตรวจสอบยับยั้งประเพณีวิธีการมิชอบในหมู่ชน" ตอนนั้น ทุกคนหวาดผวา แม้แต่เสียงลมปะทะกระเรียนร้องบวกกับการกุเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ กระจายเสียงแพร่ภาพ สร้างเรื่องเล่าลือประหลาด ๆ โจษจันกันในสังคม ทำให้วิถีอนุตตรธรรมกลายเป็นมิจฉาศาสตร์เลวร้าย  จนกระทั่งปีหมินกั๋วที่หกสิบ - เจ็ดสิบ ระหว่างนั้น เนื่องจากอาณาจักรธรรมและอาวุโสทั้งหลาย ผ่านการเหนื่อยยากคราดไถมาสามสิบถึงสี่สิบปี  บำเพ็ญเคี่ยวกรำจริง  บวกกับเซียนพุทธะปราฏกพระบุญญาเสริมส่งงานธรรม  ญาติธรรมก็ยิ่งศรัทธาบำเพ็ญ  ประกาศธรรม  ดังนี้ นักศึกษา  ชาวนา  กรรมการ  ผู้ค้าฯ  ทุกวงการต่างจึงค่อย ๆ เติบโตเฟื่องฟู ยิ่งทำให้สังคมสนใจไปทั่ว แต่เนื่องจากยังมิได้จดทะเบียนเป็นทางการ กิจกรรมแพร่ธรรมกลายเป็นการกระทำผิดกฏหมาย  นักศึกษาที่เรียนดี  ประพฤติดี  เหตุด้วยปฏิบัติบำเพ็ญ ถูกทางโรงเรียนลงโทษภาคทัณฑ์  จดชื่อตัดคะแนน  หรือถึงกับไล่ออกส่วนคนในสังคมที่ความคิดบริสุทธิ์เที่ยงตรง หลังจากรับธรรมะแล้ว แม้จะเข้าใจ รู้ว่าธรรมะดีแต่ท่ามกลางเรื่องกระหน่ำย่ำเหยียบในสังคม พวกเขาจึงได้แต่หุบปากเงียบ ไม่กล้าเป็นปากเสียงแทนฟ้า  ต้ากูเฉียนเหยิน ไม่เพียงแต่จะอดทนต่อคำวิจารณ์ว่าร้ายของชาวโลก ยิ่งจะต้องให้กำลังใจเรียกขวัญวิญญาณของญาติธรรมว่า "ต้องมีสักวันหนึ่งที่ชาวโลกต้องเข้าใจ แต่ทว่า ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ทุกคนจะแกร่งทนไม่ถอดถอน เงียบงำคราดไถ  ไม่จำต้องไปโต้แย้งถกเถียง ขอเพียงทำหน้าที่ในส่วนตนให้ดี บำเพ็ญใจหล่อเลี้ยงจิตญาณ  สงเคราะห์โลก  ฉุดช่วยคน  เราพากเพียรเพื่อความแกร่งกล้า  ยืนหยัดจนถึงที่สุด  สุดท้ายก็จะสำเร็จ" ณ เวลานี้ ธรรมกิจเจริญขยาย อาณาจักรธรรมก็กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น  ต้ากูเฉียนเหยิน  เผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมาย ทั้งห่วงใยกังวลภายใน  หวั่นเกรงภัยภายนอก  นอกจากเหนื่อยหนักใจให้ว้าวุ่น ห้วงคิดครุ่นหมกมุ่นใจแล้ว ท่านยังคิดถึงบ้านเกิด บิดามารดาอยู่เย็นเป็นอย่างไร  อารมณ์จิตใจเช่นนี้ มีแต่ฟ้าเบื้องบนเท่านั้นที่เข้าใจ ปีหมินกั๋วที่หกสิบแปด (ค.ศ. 1979) วันที่สิบแปดเดือนสอง อมตะพุทธะจี้กงพระอาจารย์โปรดประทานพระโอวาทฉบับหนึ่ง  ข้อความทับซ้อนพระโอวาทแยบยล มีคำว่า "ลำบากนักแล้ว พักผ่อนเถิด (ซินขู่เล่อ ซิวสีปา) เพื่อปลอบใจต้ากูเฉียนเหยิน  อีกทั้งแสดงความในใจของเฉียนเหยินออกมาจนหมดสิ้น

                        พระโอวาทซ้อนพระโอวาท    มีความว่า

"ฟังเสียงระฆังดังยามเที่ยงคืน  วิเวกวังเวงนัก
บ้านเดิมมิรู้ เปลี่ยนไปอย่างไร
บิดามารดาเมตตารักฉัน ทำให้จิตญาณฉันแสนเศร้า
ฉันคิดถึง  ฉันคิดถึง  พ่อจ๋าแม่จ๋า  พ่อจ๋าแม่จ๋า
เดินทางเวิ้งว้างต่างถิ่น  ใจหวิวโหวง
ห่านป่ากลับรัง  อิงแอบอกแม่
ฉันเดียวดายกอดตนคนเดียว  ญาณฝันไปใจพะวง
คิดเสมอว่า คนอาภัพ เมื่อไรได้กลับเมืองนอน
ปีเดือนลับลา โลกาช่างละล้าละลัง
มองดูวัน ๆ คืน ๆ ฤดูผลิร้อนร่วงหนาว ผันผวนลวงตา
อาทิตย์อัสดง ลมเย็นยามค่ำ ไร้ที่บอกกล่าวเล่าเรื่อง
กินข้าวอาบน้ำ จะไม่ร้องไห้ขอบตาบวมอย่างไรได้
คนซึ่งบัดนี้แก่แล้ว เพิ่มวันไปตามกาล
คิดถึงบิดามารดา แหงนหน้ามองดูเมฆบังแสงจันทร์
แสงจันทร์ท่าน คืนนี้คืนใด กี่ปีที่จากบ้านยาวไกล"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                      อดทนอดกลั้น แบกหนักผ่านด่านวิบาก

                                               (เหยิ่นยู่ฟู่จังกั้วหนันกวน)

        ต้ากูเฉียนเหยิน ที่เดินผ่านลมฝนแปรปรวน แต่ไรไม่เคยถูกกระหน่ำล้ม ทุกข์ยากลำบากเพียงไร
ใส่ร้ายป้ายสีทำลายกับถูกทดสอบ ท่านฟันฝ่าได้ทุกด่าน แต่ ขณะที่ทุกคนรอบคอบระมัดระวังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากภายนอกอยู่นั้น ปีหมินกั๋วที่หกสิบเก้า (ค.ศ. 1980) ญา๖ิธรรมวงการนักศึกษาระดับบริหารสองสามคน เหตุเพราะกามตัณหาโลภะย้อมใจไม่เพียงหันหลังจากธรรมะไป ยังผิดต่อความรักความเมตตาของต้ากูเฉียนเหยิน สร้างเรื่องร่ำลือลวงใคร ๆ ให้หลงเชื่อ เช่นเดียวกับที่อมตะพุทธะจี้กงโปรดว่า "หนึ่งความคิดโทสะจริตเกิด ประตูร้อยด่านเปิดอุปสรรค" (อี๋เนี่ยนเซินซินฉี่ ไป่อวั้นจั้งเหมินไค) ความร้ายแรงของกรรมปากครั้งนั้น สั่นคลอนหลักศิลาธรรมกิจวงการปัญญาชนเกือบทั้งหมดของไทเป ต้ากูเฉียนเหยินเศร้าโศกเสียใจกลับไปไถจง ท่านรวดร้าวราวมีดกรีดหัวใจ เหนื่อยอ่อนหมดแรงเป็นที่สุด หัวใจสลาย น้ำตาขมขื่นไหลอาบหน้า ท่านถามตนเองว่า "ฉันผิดตรงไหน ฟ้าเบื้องบนลงโทษฉันใช่หรือไม่ ผู้น้อยมากมายเหลือเกินถูกสอบพร้อมกัน ถูกสอบตกเป็นกลุ่ม ๆ เป็นเพราะปัญยาของฉันมีไม่พอ คุณธรรมมีไม่พอ จึงไม่มีความสามารถนำพาพวกเขาให้ดีได้ เป็นความผิดของฉันหนอ" ท่านเงียบขรึมไม่พูดจาทั้งวัน ไม่อยากดื่ม ไม่อยากอาหาร ซูบผอมลงทุกวัน ใจสั่นตลอดเวลา โรคกระเพาะกำเริบขึ้นใหม่ ปวดจนแทบทนไม่ไหว แต่สิ่งทีทำให้ท่านวางไม่ลงที่สุดคือ ญาติธรรมที่ถูกสอบตกไป ขาดสิ้นการเจริญปัญญาญาณที่ท่านทุ่มเทใจอุ้มชูมาหลายปี ชั่วข้ามวันเท่านั้น ดูเหมือนจะไหลหายตามน้ำไปทั้งหมด เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านเสียใจน้ำตาตก คำอบรมจากบิดาของท่านที่ว่า"ในโลกนี้ไม่มีภูเขาไฟลูกใดที่มิอาจล่วงข้ามได้" ปรากฏขึ้นในสมองมิขาดสาย ขณะเปลียนการปกครองแผ่นดิน ทั้งแยกขาดจากกัน ท่านรวดร้าวใจแทบสิ้นชีวิตท่นได้ผจญผ่านมาแล้ว มาไต้หวันครั้งที่สอง ชีวิตความเป็นอยู่ทุกข์ยากลำบากมากท่านได้ผจญผ่านมาแล้ว จะพูดจานำพาคน สื่อภาษากันไม่ได้ อึดอัดคับข้องใจมาก ท่านก็ผจญผ่านมาแล้ว อาเจียนเป็นโลหิตเจ็ดครั้งแทบสิ้นชีวิต ท่านผจญผ่านมาแล้ว ถูกทดสอบจากทางการ ถูกรังควานจับกุมคุมขังติดต่อกันหลายครั้ง ต้องวิ่งหนีตำรวจกวดจับคับขัน ท่านผจญผ่านมาแล้ว ท่านจึงคิดว่า วิกฤติทังหลาย ฉันผจญผ่านมาได้ทั้งหมด แต่ขณะนี้ ด่านนี้ จะเดินต่อไปอย่างไร ทางข้างหน้าดูเวิ้งไกล มองไม่เห็นทิศทาง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                      หักหาญตรงไหน ลุกขึ้นตรงนั้น

                                            (เหอชู่ชั่วไป้เหอชู่ฉี่)

        ช่วงระยะเวลานี้ ยังคงมีญาติธรรมจากที่ต่าง ๆ มาเยี่ยมเยียนท่านเฉินต้ากู
พวกเขาแสดงความจริงใจว่า "จะติดตามเฉียนเหยินตลอดไป" (อย่งเอวี๋ยนจุยสุยเฉียนเหยิน) พวกเขาจริงใจศรัทธา ปลอบใจต้ากูเฉียนเหยินให้เข้มแข็งยืนขึ้น อีกทั้งปฏิญาณว่า จะเป็นมือซ้ายขวาให้แกท่าน เวลานั้น ท่านยังจำคติพจน์คำหนึ่งได้ว่า "หักหาญตรงไหน ลุกขึ้นตรงนั้ง" ดังนั้น ต้ากูเฉียนเหยินจึงเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ต่อไป ตลอดเวลาการเดินทาง ต้องหลั่งน้ำตาที่เป็นสายเลือดไปเท่าไรเพื่อรดเลี้ยงอาณาจักรธรรมไทเปให้งอกงามขึ้นมาใหม่ แม้ท่านจะชอกซ้ำเสียใจ เจ็บป่วยอยู่เพียงไหน ยังคงเรียกชีวิีตชีวาขึ้นมารับรองญาติธรรม ให้น้ำเกลือเสร็จ ก็ขึ้นไปยืนพูดธรรมะทันที ท่านบอกตนเองว่า "จะด้วยเหตุถูกโจมตีบั่นทอนแล้วหมดกำลังใจไม่ได้ จะให้ความโง่หลงตระบัดธรรมของคนส่วนหนึ่ง เป็นผลกระทบต่อความใส่ใจขอฉันที่มีต่อญาติธรรมอื่น ๆ ไม่ได้"  ท่านจึงใคร่ครวญเสมอว่า "การถูกหักหาญให้พ่ายแพ้ แท้จริงก็คือ เบื้องบนโปรดประทานให้ดังคำที่ว่า "ฟ้าจะโปรดมอบภาระใหญ่ให้ผู้นั้น ก่อนอื่นจะต้องให้เขาทุกข์ยากหนักใจ" หรืออาจจะ...นี่ก็คือ ฟ้าเบื้องบนให้ฉันฝึกฝน เพื่อเติมเต็มปัญญาที่ฉันขาดพร่องไปกระมัง"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู  : 

                                 ปีติธรรมเกินประมาณ ธรรมกิจทะยานบิน

                                        (ฝ่าสี่อู๋เซี่ยน  เต้าอู้เฟยเถิง)

                          ตั้งความมุ่งมั่น  บังเกิดจิต  เจริญปณิธาน  เริ่มต้นใหม่

                                  ( ลี่จื้อ  ฟาซิน  เหลี่ยวเอวี้ยน  ไจ้ซูฟา )

        ผ่านวันเวเลที่ทิ่มแทงใจ น้ำตาเป็นสายเลือดช่วงหนึ่งมาแล้ว ปีหมินกั๋วที่เจ็ดสิบสาม (ค.ศ. 1984) ต้ากูเฉียนเหยินกู่ขานจัดงานมหกรรมกลวเกลียววงการนักศึกษาไทเป (ไถเป่ยเสวียเจี้ยต้าถวนเอวี๋ยน)
นำพานักศึกษาไทเปที่ร่วงหล่นหมดแรง ประสานรวมไว้อีกครั้งหนึ่ง นับได้ว่าเป็นประวัติการณ์สมานสามัคคีที่ไม่เคยมีมาก่อนงานหนึ่งในไทเป ตกตะกอนหยุดนิ่งไปสี่ปี ในที่สุด นักศึกษาทั้งหลายก็เข้าใจความไร้เรียงสาของตนในครั้งนั้น จิตใจที่เหือดแห้งมานานของทุกคนหวังวอนอมฤตธรรมชุ่มฉ่ำจากท่านเฉียนเหยิน เหมือนฤดูแล้งที่มองดูเมฆภาวนาฝน พอได้ยินท่านกระตุ้นเตือนให้กำลังใจ ทุกคนมีชีวิตชีวา ซาบซึ้งน้ำตาไหล  ในงานประชุมใหญ่นัน ท่านพูดหัวข้อ"ตั้งความมุ่งมั่น บังเกิดจิต เจริญปณิธาน (ลี่จื้อ ฟาซิน เหลี่ยวเอวี้ยน)โปรดส่งเสริมญาติธรรมวงการนักศึกษาทั้งหมด "ในเมื่อเราต่างได้รับวิถีธรรมแล้ว อีกทั้งเชื่อมั่นเต็มพร้อมต่อธรรม เบื้องแรกจะตั้งปณิธานฉุดช่วยผู้คน มุ่งมั่นเอาภาระฟ้าเป็นภาระตน ภายหน้าจึงจะสำเร็จการใหญ่ได้ เป็นคน เมื่ออยู่ในโลก จะต้องมีอุดมคติ มีเป้าหมาย จะโมเมผ่านไปชีวิตหนึ่งอย่างลวก ๆ ไม่ได้ อีกประการหนึ่ง  การปฏิบัติบำเพ็ญธรรม จะต้องบังเกิดโพธิจิต หนึ่งจิตหนึ่งใจมุ่งทางธรรม ใฝ่ใจในธรรมจริง ใฝ่ใจรู้แจ้ง นี่ก็คือโพธิจิต ประการที่สาม จะต้องเจริญปณิธาน ตอบแทนพระคุณ ตั้งปณิธานอะไร เจริญบรรลุปณิธานนั้น นี่เป็นเรื่องของชั่วชีวิต เจริญปณิธานจะต้องเสมอต้นเสมอปลาย จรดใจด้วยศรัทธายิ่งยวด จะต้องมีการตัดสินใจ เสียสละอุทิศให้อย่างแข็งขัน ไม่หน่ายด้วยตนเอง" ครั้งนี้ วงการนักศึกษาสมานใจชุมนุมครั้งใหญ่ อย่าได้ผ่านไปแล้วจบกัน หวังให้ทุกคนสามัคคีอยู่ร่วมกันตลอดไป เริ่มจากวันนี้ ชั้นบนล่าง ชั้นหน้าหลังซ้ายขวา สมัครสมานร่วมงาน จากวงการนักศึกษาไทเปเป็นแบบอย่างนำธง ขับเคลื่อนวงการนักศึกษาภาคกลาง ภาคใต้ ดังนี้ ธรรมกิจวงการนักศึกษาทั้งหมด จึงเฟื่องฟูแผ่ไพศาล นับแต่นั้นเป็นต้นมา ญาติธรรมทั้งหมดขยับตัวขึ้นมาแล้วจริง ๆ ยอมรับในตนเองอีกครั้ง บังเกิดจิตผสมผสานร่วมงาน พวกเขาเข้าใจหลักธรรมที่ว่า"ผิด อย่าหวั่นการแก้ไข" ขอขมากรรมสำนึกจริงใจแล้ว ยิ่งเข้าใจความใจกว้าง เมตตา อภัย ใส่ใจรักอย่างลึกซึ้งจริงจังของต้ากูเฉียนเหยิน สัมผัสรู้ถึงความหวังตั้งใจคอย ทุ่มเทเหนื่อยยากของท่านอย่างแท้จริง บัดนี้ อาณาจักรธรรมทั้งหมดปรากฏให้เห็นภาพสดใสสะอาด อากาศสดชื่นสบาย ภายหลังลมฝนกระหน่ำผ่านไป ทุกคนจึงจูงมือกันประสานใจกัน ภายใต้อริยบารมีนำพาจาก ต้ากูเฉียนเหยิน ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนบรรยากาศธรรมถึงกับยิ่งสามัคคี วิริยะก้าวหน้า

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”