พรหมวิหารธรรม ตราบเท่าชีวิตเฉินเฉียนเหยินต้ากู :
เสาคานหัก ตื่นใจผู้กรำทุกข์
(ต้วนเหลียงจิงสิ่งซู่ซินเหยิน)
ในปีหมินกั๋วที่สามสิบแปด (ค.ศ. 1949) นัน หันเต้าจั่งได้นำพาชายคนหนึ่งชื่อ หลี่ชิงเฮ่อ รับธรรมะ คุณหลี่รู้ภาษาจีนกลาง ได้นำพาเรามาที่บ้านชนบทเมืองโต่วลิ่ว ฉุดช่วยเพื่อนพ้องญาติมิตร หันเต้าจั่่งขอให้หลี่ชงเฮ่อหาบ้าน ซื้อร้านถ่านรูปชิงเหนียนเจ้าเซี่ยงกวน ข้างสถานีรถไฟเมืองโต่วลิ่ว จัดตั้งตำหนักพระ เริ่มพาคนมารับธรรมะ นี่เป็นอนุตรธรรมสถานแห่งแรกที่มาบุกเบิกแพร่ธรรมในไต้หวัน ที่เมืองนี้ ได้นำพาคนมารับธรรมะจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังเป็นผู้ช่วยงานธรรมคนสำคัญ ทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงสร้างสรรค์ ซึ่งประการหนึ่ง เนื่องด้วยคุณธรรมบารมีของท่านเหล่าเฉียนเหยิน กับท่านเฉียนเหยิน อีกประการหนึ่งคือ ญาติธรรมชุดนั้นมีรากฐษนพุทธะมาลุ่มลึก จึงทำให้รากฐานธรรมกิจของเมืองอวิ๋นหลิน จังฮว่า (ใกล้กับ โต่วลิ่ว) เกิดความมั่นคง ช่วงนั้น ห้องพักของต้ากูเฉียนเหยิน ประตูไม้ผุเก่าเป็นรอยแตกแยก เมื่อปิดประตูแล้วสุนัขยังมุดเข้ามาได้ พอฝนตกหนัก กำแพงดินก็ทรุดแตก หน้าดินที่ฉาบไว้หลุดร่วง ทำให้ท่านต้องหวาดผวา อีกทั้ง ขณะนั้นเป็นเวลาที่จีนแผ่นดินใหญ่กำลังปฏิวัติวัฒนธรรมกวาดล้างคนนอกลัทธิ ผู้มีที่ดินทรัพย์สมบัติในครอบครอง จะถูกกล่าวหาลงโทษ ต้ากูเฉียนเหยินจะฝันเห็นมารดา และได้ยินเสียงท่านร้องเรียก "ลุกเจินเอ๋อ เจินเอ๋อ" บ่อย ๆ ทุกครั้งที่ตกใจตื่น จะกอดผ้าห่มสะอื้นไห้อยู่คนเดียว กลางวัน ปั้นเต้า บรรยายธรรม ใจจะเต้นระทึกอยู่ทุกขณะ กลัวถูกตำรวจจับ คนภายนอกไม่รู้ความก็ไม่หยุดกล่าวหาว่าร้ายบวกกับเฉยเมย ไม่เป็นที่ยินดีของคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจ การผลักดันธรรมกิจก็ประสบอุปสรรคทุกข์ยากขวางกั้น สภาพเช่นนี้ ภาวะเช่นนี้ ยิ่งทำให้คิดถึงบิดามารดา ญาติสนิทเป็นที่สุด ต้ากูเฉียนเหยินแอบร้องไห้อยู่บ่อย ๆ ไม่อยากดื่ม ไม่อยากรับประทานอาหาร อยู่กับความอับเฉาเศร้าหมองทุกวัน ๆ บางครั้งถึงกับอยากตาย ในวันหนึ่ง ขณะโม่ถั่วอยู่ด้วยกัน คานหลังคาท่อนหนึ่งเกิดหักตกลงมา ทุกท่านในที่นั้นตกใจกับเสียงโครมใหญ่ที่ไม่คาดฝันต่างอกสั่นขวัญหาย พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตั้งสติได้ ต้ากูเฉียนเหยิน เกิดความคิดในสมองทันทีว่า ชะรอยเบื้องบนจะสำแดงปรากฏการณ์เตือนใจให้คิดได้ว่า "เมื่อกำลังใจของผู้เจริญธรรมจมหาย ก็จะเหมือนเสาคานหักอย่างนี้ ยังจะแบกรับภาระใหญ่ได้อย่างไร" ท่านยังระลึกได้ถึงผู้รับผิดชอบสถานศึกษาหลักธรรมที่เคยชวนให้มารับธรรมะได้พูดไว้ "หลักธรรมเข้าใจรู้แจ้งฉับพลันได้ แต่งาน (ธรรมกิจ) จะต้องทำไปเรื่อย ๆ (การเรียนรู้ มีตนเองเป็นเป้าหมาย ธรรมกิจ มีผู้อื่นเป็นเป้าหมาย) ขณะนั้น ถูกขัดสีให้เหนื่อยหน่อย ก็ซึมเศร้าหม่นหมอง ถูกโจมตีก็พ่ายแพ้แล้วหรือ ยังได้ยินเสียงกำชับของบิดาดังขึ้นว่า "ในโลกไม่มีภูเขาไฟลูกใดที่มิอาจล่วงข้ามได้" ดังนี้แล้ว ต้ากูเฉียนเหยินเรียกขวัญวิญญาณขึ้นมาใหม่ ตัดสินใจแน่นอน ประสบความลำบากใด ๆ ก็จะมีความกล้า เอาชนะทุกเรื่องไป หลังจากนั้น ต้ากูเฉียนเหยิน ก็จะรับบัญชาจากท่านเหล่าเฉียนเหยินเป็นประจำ ไปทำพิธีถ่ายทอดธรรมะที่ไถจง กับโต่วลิ่ว โดยไม่เกรงความลำบาก