ตอนที่ 12
ปากทางตำหนักเจิ้นหยาง
สอบย้อนทางสุขสมใจ
แปดลม (อารมณ์) ไม่หวั่นไหว
จึงผ่านได้เจดีย์ยุคขาว
@ ฟ้ากาลล่วงผ่าน ถึงยุคเก็บงาน อันสมบูรณ์ผล
ธรรมชาติประดน พระองค์เบิกนำ วาระความนัย
บรรพวิถี วันนี้สังขตะ สัจจะสืบสาย
พุทธบุตรได้ เสร็จสิ้นปณิธาน กลับบ้านบวชใจ
(เทียนสือเฝิงจื้อโซวเอี๋ยนฉี หยานเค่าสินเซิ่งเตี่ยนเอวี๋ยนจี
กู่เต้าจินฉวนเจินหลี่ก้วน ฝอจื่อเหลี่ยวเอวี้ยนเจียกุยอี)
เราคือ
บรรพพุทธา (ฟ้า) ธรรมชาติ เทียนหยานกู่ฝอ
พระศาสดาโลกสากล น้อมรับ
บัญชาฟ้า เหินสู่ดินแดนบูรพา ค่อยลงจากยอดเมฆา
น้อมเข้ามายังพุทธตำหนัก ก่อนอื่นน้อมกราบ
พระแม่ฯเมตตา จึงถามเหล่าเมถาสบายดี
เทียนมิ่ง อนุตตรพระโงการฟ้า น่าคร้ามยำเกรง จะอยู่เย็นเป็นสุข หากน้อมรับทำตามพระฯบัญชา บัดนี้ ฟ้าโปรดประทานฐานบัวทองให้ จงเพียรใจมุ่งหน้าต่างรับรู้สัจจา เปิดจักษุใส ได้เห็นแยบยล ทางธรรมสุดท้ายได้มาถึง หมื่นศาสตร์พากันฟูเฟื่อง ต่างเรืองฤทธิ์บุญญา นำพาเมธีคนดีกัน ยึดหลักสัจธรรมนำพาต้นราก ใจมิต้องวิบัติสับสน หากมุ่งศาสตร์บันดาลดล ทุกคนตาบอดจะไม่รอดลงเหวไป
@ จิตใสใจสว่าง เห็นญาณตน เป็นต้นเดิม ที่มีอยู่
ด้วยจิตรู้ ธรรมชาติ ไม่เขียนวาด ดัดอาการ
คุมจิต สำรวมนำ เรียกว่าธรรม ท่านกล่าวขาน
เทียนมิ่ง โองการฟ้าฯ ประจุร่าง ญาณทวาร เปิดแยบยล
(หมิงซินเจี้ยนซิ่งซื่อเปิ่นไหล อู๋โหย่วจั้วจั้วเทียนหยานไฮว๋
ไซว่ซิ่งเอวี้ยเต้าหนีซันอวี่ เทียนมิ่งก้วนเซินเมี่ยวเสวียนไค)
@ พวกทางใน ใช้เวทวิทย์ สื่อรู้จิต ฤทธิ์นั้นร้าย
สำแดงตน ด้วยคุณไสยฯ สนองใจ คนต้องการ
จิตงามโรจน์ ญาณจากฟ้า ไม่ปรากฏ สำแดงหาญ
บำเพ็ญจน กายแหลกลาญ เราเรียกขาน ว่าคน "เซ่อ"
(จูปันเสินทงไกว้ลี่ไฮ่ ซู่หลิวต้งจิ้งอิ้งเหยินไฉ
เทียนเหลียงเปิ่นเจวี๋ยปู้เสี่ยนโล่ว ซิวผ้อโย่วอีอี้หมิงไต
@ ทุกคนมี ญาณบรรพต เรืองโรจน์อยู่ คู่ตนแท้
จะเดินยืน นั่งนอนแผ่ ใครกันแน่ บงการเจ้า
เกิดถลำ ทำผิดไป สะท้านใจ กายสั่นเทา
ก็ตนเอง จิตญาณเรา ถูกรุกเร้า ด้วยบาปเวร
(เหยินเหยินโหย่วจั้วหลิงซันไถ สิงจู้จั้วอั้วเสยจู๋ไจ่
เซาโหย่วซั่วซื่อจิงคุ่ยตัง เอวี๋ยนไหลจู่องโซ่วอวั้งไจ
@ ใจสบาย ไม่ผิดหลัก ประจักษ์เห็น "เช่นนั้นเอง"
แสงญาณเปล่ง ขันธ์ห้าว่าง วางยึดหมาย
นำจิตอยู่ คู่ฟ้าดิน หว่างมรรคา ไม่ใกล้ไกล
ฟูมฟักถ้วน สรรพสิ่งได้ ธาตุห้าไซร์ ลำดับงาม
(ซินอันหลี่เต๋อกวนจื้อไจ้ อู่อวิ้นเจ้าผ้ออู๋กว้าไอ้
โซวฟั่งจ้งเจี๋ยเฉียนคุนเจิ้ง อวั้นอู้อวี้เอียนอู่สิงไผ)
@ กรุณามโนงาม จริยะ ปัญญา สัตย์จริงนั่น
คุณสัมพันธ์ ระหว่างกัน บำเพ็ญมั่น เป็นสุขสม
ตาดู หูฟัง งามคารม อาการ ปัญญาคม
สำรวมสม สถานภาพ กำราบใจ ไม่กระเจิง
(เหยินอี่หลี่จื้ออวี่ซิ่นไจ เหยินหลุนซิวฉีเล่ออู๋อย๋า
ซื่อทิงเอี๋ยนต้งเหอหลี่จื้อ อันเฟิ่นโสวจี่อวั้งซินไหม)
@ พร่ำสอนสั่ง ดั่งย่ายาย ใจห่วงย้ำ กำชับว่า
หมื่นปัจจัย ปล่อยวางหนา ฝุ่นโลกา อย่าพอกพูน
ชีวิตคน ทุกหนแห่ง ล้วนแหล่งธรรม
กระจ่างใส เห็นในธรรม แยบยลงาม ในตถตา
(ผอซินขูโข่วติงหนิงไจ้ อวั้นเแวี๋ยนฟั่งเซี่ยทัวเฉินไอ
เหยินเซิงซู่ซู่เจียโหย่วเต้า อู้โท่วเมี่ยวเซี่ยงเจี้ยนหยูไหล)
ยุคนี้ศาสตร์ลี้ลับ ดวงแก้ว แร่ธาตุอัศจรรย์ เสริมอายุวัฒนะ คงกระพันชาตรี เพิ่มพลังน้ำ - ไฟในตัว กำหนดลมปราณ...ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ เหล่านี้ กำลังเป็นที่ชื่นชอบของคนมากมายในธรรมกาลยุคขาว สาเหตุก็คือ บ้างละทิ้งหลักธรรมตามปกติเพื่อใฝ่หาอภิญญา บ้างดูเบาไตรรัตน์ ใฝ่ใจสิ่งแปลกใหม่ จึงมีผู้สำแดงกันออกมา พาคนให้หลงตามไปไม่น้อย น่าเสียดายยิ่งนัก อาจารย์จึงอาศัยอริยสัมพันธ์จากการสร้างหนังสือฝากความหวังไปยังศิษย์เมธีผู้นำแบบอย่าง ให้อุ้มชูรักษาสัทธรรมเที่ยงแท้ ร่วมช่วยธรรมกาลนี้ ถึงแม้การทำสมาธิวิปัสสนา นั่งฌาน จะเป็นแนวทางหนึ่งในหมื่นวิธีของการปฏิบัติ ที่สุดของจุดหมายก็เพื่อให้คุมจิต ให้สำแดงการรู้แจ้งของจิตดีงาม ศิษย์จึงอย่าได้ยึดหมายลุ่มหลงการนั่งนิ่ง จึงจะเป็นการปฏิบัติบำเพ็ญกุศลจิตชีวิตจริง พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบห้า ธรรมฉายา "ผู้เฒ่าทะเลเหนือ" (เป่ยไห่เหล่าเหยิน) ได้จารึกหลักการนี้ไว้ใน "ไขหลักจิต" (หลี่ซิ่งซื่ออี๋) เป็นการเฉพาะ มีผู้ถามว่า "ศาสตร์ลี้ลับ ดวงแก้ว แร่ธาตุอัศจรรย์ เสริมอายุวัฒนะ คงกระพันชาตรี เพิ่มพลังน้ำ - ไฟในตัว กำหนดลมปราณ...อีกมากมายเหล่านี้ ถูกต้องเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร" ซึ่งได้ไขข้อข้องใจไปว่า "วิธีการข้างต้น ถูกต้องเป็นจริงกว่ามิจฉาศาสตร์อื่น ๆ แต่หากพิจารณากับสามศาสนามหาอริยะแล้ว ก็จะมีข้อปฏิเสธ พึงรู้ว่า ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีวันสูญหายไป นับประสาอะไรกับเนื้อกาย จะคงกระพันชาตรีไปถึงไหน..."
พระอาจารย์ : ถึงเวลาที่จะไปบันทึกท่องพุทธาลัยแล้ว รบกวนขุนพลพิทักษ์ฯ รักษาพระตำหนักฯด้วย อู้เอวี๋ยนสงบใจ รีบขึ้นฐานบัว เราออกเดินทางชั่วขณะ ฐานบัวเหินข้ามพันลี้ ผ่านด่านจื่อหยาง กับ ด่านเหอหยาง ครู่เดียว มาถึงตำหนักแห่งหนึ่ง ฐานบัวค่อย ๆ ลดลง เห็นเหล่าเทพกรเรียงรายต้อนรับอยู่สองฟาก เสียงกลองระฆังดังขึ้นพร้อมกัน...
เทพกร : ข้าพเจ้าทั้งหลาย น้อมรอคอยบรรพพุทธาท่านกับศิษย์อยู่นานแล้ว ทูลเชิญด้านใน