collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย 3  (อ่าน 31642 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  ตำหนักจิ่งหยาง แห่งนี้
ทำหน้าที่สอบถามลายละเอียดของกุศลกรรมภายนอกที่ญาณเดิมได้ปฏิบัติเมื่อมีชีวิตอยู่โดยเฉพาะ สถานตรวจสอบในสังกัดมี ด่านเล็กน้ำแข็งหนาว (หันปิงเสี่ยวกวน) เก้าห้อง ห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) หนึ่งห้อง ยังมี หอแดงต่างหากอีกหนึ่งหอ ชื่อว่าหอรอบุญ (อิ๋งซั่นเกอ) เจาะจงจัดการต้อนรับญาณเดิมที่สร้างสมกุศลบุญคุณธรรมภายนอกไว้สมบูรณ์ให้ได้พักผ่อน ขณะมีชีวิต ผู้ที่ปิดบังธรรมะไว้ไม่ให้ปรากฏ  เคลือบแฝงเสแสร้ง  ไขว่คว้าชื่อเสียง  แย่งชิงบุญกุศล  ให้ทานโดยยึดหมาย  ไม่สร้างบุญทานภายนอก  ขัดขวางเขาสร้างบุญ เหล่านี้จะถูกตัดสินเข้ารับการอบรมในห้องขอขมากรรมสำนึก ตามความผิดมากน้อยที่ทำมา หรือตัดสินให้เข้ารับโทษในห้องด่านเล็กน้ำแข็งหนาว วิถีอนุตตรธรรม หากผู้ใดไร้คุณธรรมอันสูงส่ง ธรรมะจะมิอาจรวมตัวมั่นคงอยู่กับผู้นั้นได้  ผู้บำเพ็ญหากทำเพื่อให้เกิด "ความดีเฉพาะตน" (ตู๋ซั่นฉีเซิน)ไม่ก่อเกิดกุศลประโยชน์เพื่อผู้อื่นแม้แต่น้อย หรือหากหมั่นสร้างบุญทานทั้งสาม แต่คิดเล็กคิดน้อยถ้วนถี่  ยึดหมายในกุศลบุญคุณความดี ไม่เข้าใจความหมายของวิถีอนุตตรธรรมอันสว่างใส  การให้ทานโดยไม่มีอะไรต้องยึดหมาย ถ้าไม่เข้าใจ ก็ยากที่จะผ่านพ้นการสอบจากด่านนี้ไปได้  จะต้องให้การอบรมศึกษาอีกต่อไป

พระอาจารย์   : 
ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดชี้แนะโดยละเอียด คืนนี้ เราสนองพระบัญชา มาเยือนตำหนักของท่านกับตำหนักหวังหยางเตี้ยน ด้วยเวลาไม่มาก ใคร่จะขอไปชมด่านเล็กน้ำแข็งหนาว ตามสภาพที่เป็นจริง ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดให้ความสะดวก

พระบรรพจารย์   :  ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะมอบหมายให้เทวมาตย์นำไป ขอเชิญพระอาจารย์กับศิษย์ตามสบาย จากนั้น พระอาจารย์กับอู้เอวี๋ยน น้อมลาพระบรรพจารย์ติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางออกจากตำหนักใน มุ่งไปทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ไกลนัก ก็เห็นกำแพงด่าน มีแสงไฟลอดออกมารำไร เสียงโอดโอยร้องไห้ได้ยินชัดเจน น่าเวทนา เหนือกำแพงมีป้ายแสดงว่า ด่านเล็กน้ำแข็งหนาว (หันปิงเสี่ยวกวน) สองข้างประตูมีกลอนคู่ความว่า
"ลงโทษแตกต่างบ้างเบาบ้างหนัก
กฏเกณฑ์เคร่งครัดทำเองบำเพ็ญเอง"

(สิงเฉิงโหย่วเปี๋ยฮั่วชิงฮั่วจัง เจี้ยลวี่เซินเอี๋ยนจื้อจั้วจื้อซิว)


ทั้งสามดำเนินเข้าภายในด่าน คารวะทักทายกับเทวกรผู้รักษาการณ์ด่านตามสมควร

พระอาจารย์   :  ขอท่านได้จัดญาณเดิมมารับการสัมภาษณ์เพื่อบันทึกเรื่องจริงไว้เตือนใจชาวโลกด้วย  ดังนั้นแล้ว เทวกรก็ได้นำญาณเดิมที่ถูกแช่จมอยู่ในน้ำแข็งขึ้นมาสามวิญญาณ ทุกคนซีดขาวไม่มีสีเลือดเลย เนื้อตัวแข็งทื่อ  เทวกรจัดการกรอกน้ำทิพย์ใส่ปากให้เพื่อละลายความเย็นแข็ง ทั้งสามวิญญาณสั่นสะท้านอย่างแรง แล้วจึงค่อย ๆ เป็นปกติ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

เทวกร   : 
วิญญาณทั้งหมดโปรดฟัง พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานของพวกท่านกับอู้เอวี๋ยน ได้รับสนองอนุตตรพระบัญชามาจดบันทึกเหตุการณ์ เพื่อประพันธ์หนังสือ "ท่องพุทธาลัย" ท่านถามต้องตอบ อย่าได้ปิดบังอำพราง

เหล่าวิญญาณ   :  กราบคารวะพระอาจารย์ คารวะอู้เอวี๋ยนญาติธรรม

พระอาจารย์   :  ยืนขึ้นเถิด อู้เอวี๋ยนสัมภาษณ์ได้แล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  เรียนถามญาติธรรมสูงอายุท่านนี้ หน้าตาท่านดูเป็นคนใจดี ได้บำเพ็ญมีอายุมาก แต่เหตุใดจึงต้องถถูกลงโทษอยู่ในด่านนี้

ผู้สูงอายุ   :  เฮ้อ ! ผู้น้อยโชคดี เมื่อมีชีวิตได้นรับโปรดชี้ทางสว่างจากพระอาจารย์ แต่วันนี้กลับต้องได้พบพระอาจารย์อีกครั้งในสภาพที่น่าสมเพชอย่างนี้ ทั้งดีใจ เสียใจ ละอายใจเหลือเกิน

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธาอย่าได้โศกเศร้าเลย เดิมทีเจ้าเป็นอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ที่ได้รับพระโองการฟ้า เมื่อมีชีวิตอยู่ มิได้ละเลยต่อหน้าที่ ออกบุกเบิกแพร่ธรรมไปทั่ว ส่งเสริมพุทธบุตรนับไม่ถ้วนให้ได้ขึ้นธรรมนาวายุคขาว อบุญกุศลภายนอกเพียบพร้อม น่าจะผ่านการตรวจสอบจากตำหนักนี้ไปได้ แต่เหตุไฉนจึงต้องถูกตัดสินให้รับโทษอยู่ในด่านเล็กน้ำแข็งหนาว นี่ เจ้ารู้ตัวไหม?.

ผู้สูงอายุ   :  ศิษย์สำคัญว่าอาศัยการปฏิบัติที่ผ่านมาชั่วชีวิตเพื่อวิถีธรรมด้วยแก่นใจ จะต้องตรงขึ้นรับฐานะบนพุทธาลัยแน่นอน มิรู้เลยว่าพอละสังขาร เห็นแต่เจ้าที่มารอรับ อีกทั้งบอกว่า แม้ศิษย์จะบำเพ็ญจริง ปฏิบัติงานธรรม มีบุญกุศลจริง แต่ก็มีความผิด จึงถูกนำไปรับการตรวจสอบยืนยันยังด่านต่าง ๆ  เมื่อมาตรวจสอบยืนยันที่ตำหนักนี้ จึงรู้ว่าที่ศิษย์ปฏิบัติงานธรรมในโลกนั้น ดึงดันกำหนดจำนวนเงินทำบุญเมื่อรับธรรมะ ถ้าไม่ครบหรือไม่ได้มอบ ล้วนไม่ให้เข้าพิธี ทำให้พุทธบุตรมากมายพลาดจากการได้รับธรรมะ จึงถูกตัดสินจากพระบรรพจารย์ ให้เข้าห้องขอขมากรรม ไปสามสิบวัน แต่ศิษย์ยังคงถือว่าเป็นพุทธระเบียบที่กำหนดไว้ มิได้สำนึกผิดเลย ครบสามสิบวันแล้ว พระบรรพจารย์เห็นศิษย์ไม่สำนึก จึงตัดสินให้เข้ารับการกำราบในด่านนี้ ลงโทษให้หนาวเข้ากระดูกจนผิวเนื้อกล้ามเนื้อแตกแยก ให้เจ็บปวดถึงที่สุด

พระอาจารย์   :  การนี้ทำให้เห็นได้ว่า ศิษย์ยังไม่เข้าใจหลักเมตตากรุณาธรรม สนองรับบุญวาระเพื่อปรกโปรดชาวโลก แม้กุศลภายนอกของศิษย์จะเพียบพร้อม แต่ก็ผิดต่อหลักการปฏิบัติงานธรรมอย่างยิ่งโดยไม่รู้ตัว เหตุปัจจัยที่ส่งผลให้ได้รับวิถีธรรม คือ เหตุต้นผลกรรมดีจากอดีตชาติกับจิตศรัทธาขณะขอรับวิถีธรรม ส่วนเงินทำบุญจะมากน้อย มีหรือไม่นั้น ไม่ใช่เงื่อนไขตายตัว หวังว่าศิษย์ทั้งหลายจะไม่ยึดพุทธรุะเบียบตายตัว จนไม่รู้การตอบสนองอย่างเหมาะสม เบื้องบนโปรดประทานเวลานาทีอย่างเดียวกันแก่คนในโลกวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง อากาศที่ใช้หายใจ แสงอาทิตย์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้ให้อย่างแตกต่างเพราะผู้นั้นจน - รวย  บาป-บุญ  เหตุไฉนชาวโลก กลับไม่อาจเอาอย่างเมตตากรุณาธรรมเยี่ยงพระทัยฟ้า ให้เที่ยงตรงยุติธรรม สนองรับเหตุปัจจัยนั้น หวังศิษย์ทั้งหลายจะใช้ "ใจ" สัมผัสรู้

ผู้สูงอายุ   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์โปรดชี้ให้เห็น บัดนี้ศิษย์ได้รู้ความผิดของตนแล้ว โทษสมควรตายจริง ๆ ด้วยความผิดพลาดของศิษย์ ทำให้ชาวโลกเข้าใจไขว้เขวกีดกันความเจริญก้าวหน้าของธรรมกิจเป็นที่สุด ต้องได้รับโทษสถานนี้ ก็เป็นการสมควรแล้ว

อู้เอวี๋ยน   : ท่านจอมปราชญ์ขงจื่อโปรดไว้ว่า "รู้ผิดต้องแก้ไข กุศลใหญ่ไม่มีใครเกิน" (จือกั้วปี้ไก่ ซั่นม่อต้าเอวี๋ยน) เตี่ยนฉวนซือท่านนี้มีปัญญาล้ำเลิศ ยินดีที่ได้รู้ผิดตัวอย่างจริงของท่าน จะปลุกคนดีที่ปฏิบัติงานธรรมให้ลบล้างทัศนคติผิด ๆได้ เพื่อคุณประโยชน์ในการปฏิรูปธรรมจักรวาล ญาติธรรมหญิงท่านนี้  ขอเชิญ  ท่านจะเล่าเหตุแห่งการต้องโทษสถานนี้ของท่านให้ฟังได้ไหม เพื่อบันทึกในบทท่องเที่ยวไว้เตือนใจคน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

ญาณเดิมหญิง   :  ผู้น้อยเป็นเจ้าตำหนักพระ
ขณะมีชีวิต รับผิดชอบต่องานธรรมเต็มที่ ยินดีอุทิศ เสียสละ สร้างกุศลบุญ สร้างคุณความดีไม่มีน้อยหน้าใคร นำพาใคร ๆ มากมาย สั่งสมบุญกุศลไว้ไม่น้อย การนี้ พระบรรพจารย์ก้ได้ชมเชยผู้น้อยต่อหน้ามาแล้ว แต่เนื่องด้วยผู้น้อยฟังบัญชาของท่านผู้ใหญ่ผิดไป ต่อผู้ที่มีสถานภาพไม่ขาวสะอาด  มีอาชีพชั้นต่ำ  ร่างกายไม่สมประกอบ  เคยถูกจองจำ  อาชีพฆ่าสัตว์  เหล่านี้ ไม่เพียงไม่ให้ความสงสารเห็นใจ หรือกระตุ้นเตือนนำพา เพื่อให้ละบาป บำเพ็ญบุญ ให้เขาหันมาหาสัมมาอาชีพ แต่กลับกีดกันผลักไส ไม่ยอมให้ได้รับวิถีธรรม ผิดต่อความเสมอภาค ผิดต่อจิตเมตตากรุณาดดยแท้ บุญกุศลของผู้น้อย จึงด่างพร้อยด้วยเหตุนี้ ฉะนั้น พระบรรพจารย์จึงตัดสินให้ผู้น้อยเข้าห้องขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) ขอขมากรรมสำนึกเสียสามสิบวัน แต่จะอย่างไร ผู้น้อยก็ยังเห็นว่า ทุกอย่างทำตามบัญชาของท่านผู้ใหญ่ ไม่ยอมรับผิด รับโทษครบสามสิบวันแล้ว พระบรรพจารย์เห็นผู้น้อยไม่มีท่าทีสำนึกแก้ไขเลย จึงตัดสินให้มารับโทษที่ด่านนี้ บัดนี้ครบสิบวัน ทุกวันเหน็บหนาวเข้ากระดูก ทุกข์ทรมานสุดขั้วหัวใจจนเกินกว่าจะบรรยาย ขณะนี้ศิษย์รู้สำนึกผิดแล้ว กราบขอพระอาจารย์ได้โปรดยกโทษ หาทางช่วยศิษย์ด้วย

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธีเจ้านี้ "ฉลาดชั่วชีวิต แต่สิ้นคิดชั่วขณะ" จริง ๆ (ชงหมิงอี๋ซื่อ หมงต่งอี้สือ) เป็นผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ พึงมีจิตเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง มีวิธีที่ชอบด้วยอุบาย นำพาใคร ๆ ด้วยความเสมอภาค สอนให้ตามจริตวิสัยของผู้นั้น จะทิฐิยึดมั่นปะทะทางตันอย่างนี้ได้อย่างไร เรื่องราวของพรหมราชเจ้าเสวียนเทียนซั่งตี้ ที่วางมีดฆ่าหมู บรรลุเป็นพระพุทธะทันทีนั้น น่าจะเป็นข้ออธิบายได้เป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าความประพฤติ  ชาติตระกูล หรืออาชีพ จะต่ำต้อยเพียงไร เพียงให้มีใจใฝ่ดีจะบำเพ็ญธรรม เบื้องบนมีหรือจะไม่ยินดี แต่กลับจะปฏิเสธ หลักสำคัญของการปฏิบัติงานธรรม คือการรู้จักใช้หลักสัจธรรมให้รายรอบไม่ตายตัว มิฉะนั้นจะเป็นทิฐิยึดมั่นตื้นตันไป ดัดไม้คดงอให้ตรงเกินพอดีไป จะเกิดผลเสียตามมา หลักสำคัญของการบำเพ็ญ คือทำตามหลักสัจธรรม ไม่ใช่อิงผู้ใด สถานที่ใด มิฉะนั้น จะเป็นที่เข้าใจผิดของใครได้โดยไม่รู้ตัว อาจารย์หวังว่า ตัวอย่างนี้จะเป็นจุดชี้ให้ชาวโลกรู้ตื่นได้ ปฏิบัติงานธรรม อย่าปฏิบัติธรรมะตายตัว (สื่อเต้า)ผู้อยู่ระดับบนจะหลงผิดและทำให้ผู้อื่นหลงผิดไปด้วยไม่ได้เป้นอันขาด ผู้อยู่ระดับล่าง ก้จะตาบอดทำตามไปไม่ได้ เป็นการเอาโทษผิดใส่ตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  ไม่ว่าเรื่องอะไร ล้วนจะต้องใช้สติปัญญาพิจารณาตัดสินใจ ถูกหลักจึงทำ ผิดหลักให้หยุด อย่าได้ทำตามกันไปอย่างลวกง่ายอีกเลย

ญาณเดิมหญิง   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ ได้โปรดพร่ำสอนชี้ทาง ศิษย์เข้าใจความผิดที่ผ่านมาแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  ขอแสดงความยินดีต่อญาติธรรมเจ้าตำหนักพระท่านนี้ ที่ได้กวาดเมฆหมอกออกจากญาณทวาร เชื่อว่าภาวะจิตของท่านขณะนี้ จะทำให้ขึ้นสู่พุทธาลัย ได้ธรรมฐานะในเวลาอันใกล้เป็นแน่  ญาติธรรมท่านนี้ ขอเชิญ เหนือศรีษะของท่าน เห็นรัศมีธรรมงามจำรัส จะต้องได้เป็นผู้บำเพ็ญเป็นแน่ เหตุใดจึงต้องมารับโทษที่นี่

ญาติธรรม   :  เฮ้อ !พูดแล้วเรื่องยาว ถูกลงโทษอยู่ที่นี่มายี่สิบวันแล้ว วันนี้พระอาจารย์มาโปรดที่นี่ รู้สึกสำนึกเสียใจ อับอายเหลือเกิน เมื่อมีชีวิตผู้น้อยเป็น "เจี่ยงซือ" (อาจารย์บรรยายธรรม) ประกาศสัจธรรมกล่อมเกลาผู้คน ตักเตือนคนหลงมากมายให้รู้ตื่น ก้าวขึ้นทางธรรม ได้สร้า่งสมบุญกุศลไว้ไม่น้อย มีความไม่สมบูรณ์ก็คือ ในชีวิตผู้น้อย มีทัศนคติผิดคิดว่า วิถีแห่งธรรมกาลยุคขาวจึงจะเป็นทางธรรมสูงสุด ไม่มีอะไรเหนือกว่า เป็นนาวากอบกู้โลกตามบุญวาระ จึงวางพระพุทธะอริยเจ้าแห่งธรรมกาลยุคแดงไว้ในระดับรองว่าเป็นอดีตไปแล้ว เหตุนี้ ทุกครั้งที่ผู้น้อยบรรยายธรรม จึงถ่ายทอดความเข้าใจผิดนี้ให้ผู้ฟังโดยไม่ได้เจตนา เป็นผลต่อความคิดของญาติธรรมที่ไม่มีความรู้ ก่อเกิดการโต้แย้ง ดังคำกล่าวที่ว่า "แม้ฉันจะไม่ได้ฆ่าป๋อเหยิน แต่ป๋อเหยินต้องตายเพราะฉัน" (หว่อซุยปู้ซาป๋อเหยิน ป๋อเหยินอินหว่อเอ๋อสื่อ) ทั้งนี้ ล้วนเป็นเพราะจิตใจที่มีการแบ่งแยก มีทิฐิยึดมั่นถือมั่น ด้วยใจไม่เสมอภาคของฉัน เป็นอุปสรรคเจริญธรรมของญาติธรรม เป็นบาปมหันต์โดยแท้ ธรรมราชเจ้าตรวจสอบสมุดบันทึกหลักฐานแล้วว่า โชคดีที่ผู้น้อยสร้างกุศลกรรมภานนอกไว้มาก มิฉะนั้น คงต้องถูกจับส่งลงนรกไปนานแล้ว

อู้เอวี๋ยน   :  เจี่ยงซือที่ประกาศสัจธรรมในโลก ควรจะเอาตัวอย่างนี้เป็นกระจกเงาจริง ๆ ระวังจากการกระทำจึงจะไม่ให้ร้ายแก่ตนและคนอื่น

พระอาจารย์   :  ศิษย์เมธี บุญกุศลจากวิทยาธรรมเป็นทานของเจ้ายิ่งใหญ่มาก แต่ด้วยเหตุที่ไม่สอดคล้องต่อหลักสัจธรรมทั้งหมด วันนี้จึงต้องได้รับผลเช่นนี้  เนื่องด้วยหลักสัจธรรมนั้น เป็นเอกะนิรันดร์กาลอันมิเปลี่ยนผัน ไม่แบ่งชั้นแตกต่าง มิเปลี่ยนไปอันเนื่องด้วยการผันแปรแห่งกาลเวลาและห้วงเวหา และไม่สิ้นความคงอยู่อันเนื่องจากผู้คนดูแคลน หลักสัจธรรมที่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงประกาศ กับหลักสัจธรรมที่อาจารย์เรานี้ถ่ายทอดให้ ก็มิได้แตกต่างกันแม้แต่น้อย พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นตัวแทนของหลักสัจธรรม ล้วนเป็นที่สุดแห่งความสูงส่งเลิศล้ำ ควรหรือที่จะปรามาสแบ่งแยก อีกทั้งองค์บูชาในสถานธรรมยุคขาวบัดนี้ ก็ล้วนแต่พุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากธรรมกาลยุคแดงหรือยุคเขียวทั้งนั้น หากคิดเช่นนั้น จะไม่ขัดแย้งในตนเองดอกหรือ อาจารย์เรานี้ ย้ำสอนมวลศิษย์ทุกแห่งหน ให้มุ่งหมายหลักสัจธรรมเป็นสรณะ อย่าได้ถูกเหตุผลผิดเพี้ยนที่เหมือนใช่แต่มิใช่มอมเมา บำเพ็ญธรรมบำเพ็ญใจ หวังให้มวลศิษย์ย้อนมองส่องตนทุกเวลา ใช้ปัญญาทำลายความโง่หลงให้สลาย ก็จะได้ความหลุดพ้นอย่างแท้จริง ยิ่งหวังว่า"เจี่ยงซือ"ผู้ประกาศสัจธรรมแทนฟ้า จะเติมเต็มความรู้ความเข้าใจ ศึกษาหลักสัจธรรม อย่าเอาความหลงไปนำทางใคร ซึ่งจะได้รับโทษตอบสนอง เสียใจก็สายเกินการ

ญาติธรรม   :  กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ โปรดอบรมชี้ทาง ศิษย์โง่กระจ่างแล้วขอรับ

พระอาจารย์   :  คืนนี้เวลามีจำกัด การสัมภาษณ์ดูงานในด่านเล็กน้ำแข็ง (หันปิงเสี่ยวกวน) จะยุติลงเพียงนี้ ขอบคุณเทวมาตย์ทุกท่านที่เอื้ออำนวย เราอาจารย์ศิษย์ จะท่องตำหนักหวังหยาง (หวังหยางเตี้ยน) ต่อไป ช่วยกราบทูลพระบรรพจารย์ อีกทั้งฝากขอบพระคุณ

อู้เอวี๋ยน   :  ศิษย์กราบลาเทวมาตย์ทุกพระองค์

เทวมาตย์   :  น้อมส่งพระบรรพพุทธา ขอส่งอู้เอวี๋ยนผู้บำเพ็ญ

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยนรีบหลับตาใน ติดตามอาจารย์ขึ้นพาหนะเมฆ ขึ้นได้...ตำหนักหวังหยาง (หวังหยางเตี้ยน) ถึงแล้ว อู้เอวี๋ยนเปิดนัยน์ตาในได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

อู้เอวี๋ยน   : 
ตำหนักนี้ทัศนียภาพคล้ายกับตำหนักจิ่งหยางมีป้ายเหนือตำหนัก จารึกอักษรว่า "หวังหยางเตี้ยน"มีกลอนคู่ข้างประตูซ้ายขวาว่า
 "พลังเที่ยงธรรมตอกย้ำญาณใส
ขัดเกลาจนได้งดงามบำเพ็ญ
ลบรอยด่างพร้อยโลกีย์จิตเว้น
แกะสลักเคี่ยวเข็ญเกลากลมสมบูรณ์"

(เจิ้งชี่กงชงเอ๋อจู๋ฉุนหลิงชีเจิ่งปาซิงเฉิงเมี่ยวเหม่ย
ฝันฉือฝูจิ้นจี้อู๋สูอี้เชียนเตียวอวั้นจั้วฮว่ากวงเอวี๋ยน)


        พระตำหนักแห่งนี้สวยงามสงบ  ขื่อคาน  เพดาน  เสา สลักลวดลายมังกรหงส์ บรรยายกาศหอมกรุ่นละมุนมงคล บ่งบอกว่าเบิกม่านธรรมกาลยุคสามงามสดใส ขณะที่อู้เอวี๋ยนกำลังเพลินชมอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงดนตรีสวรรค์บรรเลงรอบ พระบรรพจารย์เทียนซิน (เทียนซินจู่ซือ) เจ้าตำหนักกับผู้ติดตามเจ็ดแปดองค์ ทรงดำเนินออกมาต้อนรับจากตำหนักในด้วยความยินดี ทักทายกับพระอาจารย์แล้ว พากันเข้าสู่ตำหนักใน พระตำหนักใน สวยงามวิเศษยิ่งด้วยบรรยายกาศโบราณ เทวกร ต่างสาละวนอยู่กับงานบนโต๊ะเอกสาร  ภายในตำหนัก มีป้ายใหญ่แขวนสูงจารึกอีกษรว่า"วินัยใหญ่ยิ่ง" (ต้าไจเอว๋ยเจ๋อ)ซ้ายขวามีอักษรจารึกว่า

@ เทียนมิ่งยิ่งใหญ่ใดปาน        บุญบารเหนือเกล้าเกริกไกร
คำนึกบุตรน้อยทั้งหลาย            ผ่อนภันไพร่ฟ้าบริบาล

(เทียนมิ่งหวงหวง                  ตี้เต๋อตั้งตั้ง
เนี่ยนจูชื่อจื่อ                        เจ๋อจี๋เซี่ยหมิน)

@ จึงได้เบิกยามยุคขาว        นำเจ้าแพร่ธรรมรวมศูนย์
เก็บงานวิญญาสมบูรณ์         เกื้อกูลลูกหลานนานเนา

(อวิ้นฉี่ไป๋หยาง                  หงเจ้าเจินจง
เอวี๋ยนโซวเอวี๋ยนหลิง          ฮุ่ยสีเสวียนเสวียน)

@ สามโลกร่วมได้ไตรรัตน์        ห้าศาสน์กลับคืนรากเหง้า
ทุกศาสน์กลับร่วมรวมเหล่า        สามโลกกรอบเข้าตรงทาง

(ซันซันเหออี                        อู่เจี้ยวกุยเกิน
ผิงโซวถถ่งเซ่อ                     ซันเฉาติ้งเก๋อ)

@ หลงฮว๋างานฟ้าสมโภช        อริยะสามหกร้อยพัน
เมธีสี่หมื่นแปดนั้น                  หมื่นแปดยาวนานยืนยง

(หลงฮว๋าน่าซิ่ง                     ซันลิ่วซื่อปา
อย่งเตี้ยนหวงเต้า                   อวั้นปาอู๋เจียง)

อริยพจน์อีกบทหนึ่งจารึกว่า

@ ยุคสามบำเพ็ญสัจจะ        อมตะจิตญาณใสส่ง
ปรับเปลี่ยนก่อเกิดเดิมคง      ผลบุญจรรโลงชาวธรรม

(ซันฉีซิวเจิน                     กู้ซื่อหมิงมิ่ง
จั้นฮว่าเถียวเอวี๋ยน              กงไจ้ฉวินหลุน)

@ ซันกัง อู่ฉัง ทางธรรม        วิถีฉุดนำคนแท้
อนุตตรธรรมนำแน่                 เกื้อกุลบุญแผ่ให้ทำ

(ซันกังอู่ฉัง                        เค่อจิ้นเหยินเต้า
เทียนเต้าสุยเฉิง                  เจวี๋ยกงจิ่นเชา)

@ สงเคราะห์เหมาะหมายให้คุณ        ประชาได้หนุนอุ่นหนำ
ฟูฟื้นคินวัฒน์ใสงาม                        ฟ้าโปรดฤกษ์ยามวิชญาฯ

(จี้ซื่อโหย่วหมิน                           เจ้าซิ่งเสียนเฮิง
ฟู่กู่ฉุนเฟิง                                   เฉิงเทียนเหวินอวิ้น)

หมายเหตุ  :

ซันกัง  หมายถึง
การปกครองในสามระดับ ได้แก่
1. การปกครองระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย (จวิน - เฉิน)
2. การปกครองระหว่างพ่อกับลูก (ฟู่ - จื่อ)
3. การปกครองระหว่างสามีกับภรรยา (ฟู - ฟู่)

อู่ฉัง หมายถึงเบญจธรรมสามัญในจิตใจของคนทั่วไป ได้แก่
1. เมตตาธรรม   (เหยิน)
2. มโนธรรมสำนึก   (อี้)
3. จริยธรรม   (หลี่)
4. ปัญญาธรรม   (จื้อ)
5. สัตยธรรม   ซิ่น)

@ คุมใจใสด้วยคุณธรรม        จริยงดงามเอื้อหนา
หมั่นสู้กุศลแผ่พา                 กลมใสวิญญาเรืองรอง

(เค่อหมิงจวิ้นเต๋อ                ฝูตู๋ฉีเซิน
ฉินไจ้เจวี๋ยซั่น                    ซิ่งกวงเอวี๋ยนหมิง)

พระบรรพจารย์   :  ขอเชิญบรรพพุทธาอาจารย์ - ศิษย์  ประทับและเชิญนั่ง  ฝ่ายจริยพิธีถวายผลไม้  ถวายน้ำชา  คืนนี้ มิใช่ง่ายที่ท่านได้มาเยือน ข้าพเจ้าตั้งใจเต็มที่ ช่วยงานบันทึกแม้เพียงน้อยนิด     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระอาจารย์   : 
เรารับสนองพระโองการฯ บันทึก"ท่องพุทธาลัย"สิ่งใดที่รบกวน ขอบรรพจารย์ท่านได้โปรดอภัย  อู้เอวี๋ยน รีบเข้ามากราบคารวะพระบรรพจารย์

อู้เอวี๋ยน   : ขอพระบรรพจารย์ทรงอริยสำราญ ศิษย์ผู้โง่เขลาขอพระองค์ทรงชี้แนะ

พระบรรพจารย์   :  อู้เอวี๋ยน เชิญยืนขึ้นเถิด มิต้องมากจริยา บัดนี้ จะชี้แจงหน้าที่การงานของตำหนักนี้พอสังเขป  ตำหนักนี้ดูแลพิจารณา "กุศลภายใน (กุศลจิต)" ไม่เหมือนตำหนักอื่น ๆ ที่มีสถานลงโทษ ก้ด้วยญาณเดิมที่จะมาถึงตำหนักนี้ ล้วนผ่านการตรวจสอบต่าง ๆมาแล้ว จิตญาณเริ่มเข้าสู่ภาวะกลมงาม ดังนั้น  จุดสำคัญของตำหนักนี้คือ นอกจากจะพิจารณาชัดเจนต่อกุศลภายในแล้ว ยังได้จัด "หนึ่งหอเจ็ดห้อง" เอาไว้แก้ไขข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้บำเพ็ญขณะเมื่อมีชีวิต คุณประโยชน์ที่ให้ไม่เหมือนกันดังนี้ :

1. ห้องบำบัดรักษา (อีเหลียวซื่อ)
ญาณเดิมที่เคยเจ็บป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายเมื่ออยู่ในโลกหรือประสบภัย ญาณสังขารเสียหาย ล้วนจะได้รับการรักษาจากแพทย์ชาวฟ้า ฟูฟื้นญาณสังขารดังเดิม

2. ห้องจริยศึกษา  (เสวียหลี่ถัง) ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก แม้กาย  วาจา  โสต  นัยน์ตา จะถูกต้องตามจริยา แต่หากยังมีข้อบกพร่องแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะต้องเข้ารับการทบทวนศึกษาเพื่อความงามพร้อมในห้องศึกษานี้

3. ห้องบำเพ็ญกาย (ซิวเซินถัง) ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก กิริยาอาการสำรวมดี ดำเนินธรรมงามพร้อมด้วยบุคลิกพลังธรรม แต่หากยังมีตำหนิหลงเหลือ ก็จะต้องเข้ารับการบำเพ็ญให้ข้อตำหนิหมดไป

4. ห้องพิจารณาจิต  (ซันซิ่งถัง)ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก เน้นหนักแต่การสร้างกุศลคุณธรรม บำเพ็ญฝึกฝนกาย แต่พิจารณาจิตภาวะน้อยไป ยึดขั้วปลายเดียว จะต้องเข้ารับการศึกษาจิตภาวะในห้องนี้ จนกระทั่งสำนึกรู้เข้าสู่ผล กลมกลืนทั้งชีวิตและจิตญาณ

5. ห้องเติมกุศล  (ปู่กงซื่อ)ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลก แม้เพียรสร้างกุศลแก่ชีวิต แต่ยังไม่บรรลุยอดสุดจุดสุขุม หรือวิธีฝึกฝนผิดไปไม่เกิดคุณ ล้วนจะต้องซ่อมบำเพ็ญ แก้ไขให้ถูกต้องที่ห้องนี้

6. ห้องอุเบกขา  (เหยิ่นยู่ซื่อ) อุเบกขา เป็นหนึ่งในหมื่นธรรมขันธ์จากปารมิตาหกของชาวพุทธ  ญาณเดิมเมื่ออยู่ในโลกบำเพ็ญจริง แต่จิตใจยังมิได้บำเพ็ญสมบูรณ์ อุเบกขาไม่พอ จะต้องซ่อมบำเพ็ญในห้องนี้

7. ห้องเปลี่ยนอาภรณ์  (เกิงอีซื่อ) เมื่อญาณเดิมได้ผ่านการฝึกฝนบำเพ็ญจากห้องทั้งหกข้างต้นมาแล้ว ล้วนจะต้องมาชำระญาณภาวะให้หใดจดในห้องนี้ จะได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่หมดสดใส อิสระสุขสบายนับแต่นั้น

8. หอเลี้ยงดูจิตสงบ  (จิ้งหย่างโหลว)ญาณเดิมย้ายจากห้องเปลี่ยนอาภรณ์มาสู่หอนี้ เลี้ยงดูจิตสงบ รอเวลาย้ายไปตำหนักเจิ้นหยาง ของ ด่านจิ่วหยาง เพื่อมุ่งหน้าหนทางฟ้าของเขาต่อไป

อู้เอวี๋ยน   :  มิกล้ากราบทูลถามพระบรรพจารย์ ตำหนักของพระองค์ทำหน้าที่ "พิจารณากุศลภายในชัดแจ้ง" (เน่ยกงจิ้วหมิง) นั่นหมายถึงสามพันกุศลแปดร้อยผล (ซันเซียงกงปาไป่กว่อ) หรือมิใช่ขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ถูกต้อง

อู้เอวี๋ยน   : 
กราบทูลถามพระบรรพจารย์อีกว่า "สามพันกุศลแปดร้อยผล" นั้น บำเพ็ญง่ายหรือไม่ บำเพ็ญอย่างไรขอรับ

พระบรรพจารย์   :  ผู้ยั่งยืนใจอยู่ในธรรมจะบำเพ็ญง่าย  ไม่ยั่งยืนใจอยู่ในธรรมจะบำเพ็ญยาก ผู้บำเพ็ญธรรม หยัดยืนดำเนินธรรม  สละทรัพย์  ปลูกฝังคุณธรรม  เห็นกุศลคุณความดีดั่งมณีรัตนะ  จะไม่แย่งชิงทางโลก  ไม่เปรียบเทียบกับใคร จิตใจสุขสงบ  สมถะ  ประคองรักษาพลานุภาพเที่ยงธรรม  ไม่ร้อนรนพลุ่งพล่าน  ไม่ลำพองระเริง  ไม่เหลิงลุ่มหลง  ไม่ทิฐิดึงดัน  ไม่ยึดมั่นถือมั่น นั่ง  ยืน  เดิน  นอน  ทุกขณะ  ไม่ห่างจากธรรมะความเป็นกลางอันควร  อยู่กับโลกโลกีย์ด้วยความสำรวมระวังตน  แม้ขณะอยู่ลำพัง  เอาอย่างความหอมเย็นของดอกบัว เหนือความหอมอื่นใด  อยู่ในโคลนตมโลกีย์ได้โดยไม่แปดเปื้อน  ล้มลุกคลุกคลานคับแค้นอย่างไร ก็ให้รักษากายใจเช่นนี้  เหตุการณ์ผันแปรบีบบังคับอย่างไร  ก็ให้รักษากายใจเช่นนี้  ทำได้ดังนี้ไซร์ ไม่ยากที่จะบรรลุธรรม สามพันกุศล (ซันเซียนกง)  ที่ว่า กุศล นั้นหมายถึง สามกุศลบริสุทธิ์ สามกุศลบริสุทธิ์ (ซันซิงกง) ให้ชื่อว่า 1. หยกใสบริสุทธิ์ (อวี้ซิง) 2. สูงใสบริสุทธิ์ (ซั่งซิง) 3. ทิพย์ใสบริสุทธิ์ (ไท่ซิง)

     หยกใสบริสุทธิ์ 
เกิดจากการบำเพ็ญกายธาตุสุขุม ไม่รั่วไหล  สงบเยือกเย็นเป็นปกติ งามล้ำค่าดุจหยกใส ไม่แปดเปื้อน ไม่ด่างพร้อย

     สูงใสบริสุทธิ์ เกิดจากการบำเพ็ญพลังธาตุสุขุม สำรวมวาจา  อารมณ์  ให้พลังธาตุเป็นปกติ

     ทิพย์ใสบริสุทธิ์ เกิดจากการบำเพ็ญจิต  บำเพ็ญวิญญาณ  ธาตุสุขุม  สำรวมความคิด  จิตใจ  ประสาทรับรู้ให้อยู่ในสภาวธรรม เป็นปกติ

     การบำเพ็ญกายธาตุจนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยกายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอีซิงกง)
     การบำเพ็ญพลังธาตุจนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยพลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อีซิงกง)
     การบำเพ็ญจิต  บำเพ็ญวิญญาณธาตุ จนเป็นภาวะหนึ่งเดียว เรียกว่า กุศลบริสุทธิ์ด้วยจิตวิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอีซิงกง)  เมื่อสภาวะ"สามกุศลบริสุทธิ์"สมบูรณ์อยู่ในผู้ใด ผู้นั้นจะเป็นอิสระจากทุกสิ่งอย่างทั้งหลายทั้งปวง จิตญาณจะเบิกบานกว้างไกล อยู่ในจักรวาลโลกที่เรียกว่า"สามพันมหาพันสัพพโลก"  (ซันเซียนต้าเซียนซื่อเจี้ย)  แปดร้อยผล (ปาไป่กว่อ) ที่ว่า "ผล" นั้นคือ เมล็ดใน แก่นแท้ปฏิสนธิ  แก่นแท้กรุณาธรรม  กายสังขารของคน เกิดจากคนสองคนคือ เหยิน ในกายคน มีแก่นแท้ปฏิสนธิชีวิต มีแก่นแท้กรุณาธรรม  เรียกว่า เหยิน  ในเหยิน มีคน  ในคน มีเหยิน  สองคน (อินหยาง) ประกอบกัน ก่อกำเนิดเหยิน  เหยิน จึงหมายถึงคน  คน จึงหมายถึงเหยิน  แก่นแท้กรุณาธรรม

อู้เอวี๋ยน   :  หลักธรรมที่พระบรรพจารย์ได้โปรดนี้ ลึกซึ้งยิ่งนัก แต่ศิษย์ผู้โง่เขลา ไม่อาจเข้าใจความหมายแยบยลได้ทั้งหมด ขอพระองค์ได้โปรดอรรถาความอีกสักหน่อยเถิดขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  ดีมาก ที่ว่า สามพันกุศลแปดร้อยผล
นั้น มิใช่เจาะจงอยู่ที่ตัวเลข ผู้บำเพ็ญยุคนี้ มักจะติดอยู่กับตัวเลขที่ให้ได้กุศลผลบุญจำนวนสามพันแปดร้อย หรือยึดหมายในอักษรคำพูด ทำให้เป็นอุปสรรคในการตีความ สามพัน นั้น หมายถึง มหาสัพพโลก นอกจากโลกมนุษย์แล้ว ยังมีโลกอื่น ๆ อีกมากมาย ยังมีโลกทิพย์  โลกวิญญาณ  โลกอื่น ๆ  มีคำสรรเสริญผู้เจริญธรรมว่า "คุณธรรมบารมี สถิตเสมอด้วยโลกในใต้หล้า" (เต๋อเพ่ยเทียนเซี่ย) มีคำนิยามคุณแห่งธรรมะว่า "ธรรมะจรรโลงตรงผ่าน จากบุพกาลถึงปัจจุบัน" (เต้าก้วนกู่จิน) ล้วนหมายถึง "สามพันกุศล (ชันเซียนกง) นี้ ความหมายนั้นก็คือ "การ "ให้" อันไม่อาจประมาณ  การ "ให้" โดยไม่ยึดหมายเจาะจง โดยมิได้หวังผลตอบแทน  การ "ให้" มหาเมตตากรุณาที่ปรกแผ่แก่สรรพชีวิต พลังแห่งกุศลบุญคุณธรรมนั้น จะประจุเต็มอยู่ในมหาสัพพโลก จึงไม่มีความกว้างไกลใดที่มิอาจปรกแผ่  ไม่มีความเล็กละเอียดใดที่ซอกซอนเข้าไปไม่ถึง" 

อู้เอวี๋ยน   : 
มิกล้ากราบทูลถามพระบรรพจารย์ ชีวิตคนในโลกไม่เกินร้อยปี  แม้ว่าจะสร้างกุศลทุกขณะเวลา กุศลที่สั่งสมได้ก็ไม่อาจมากมายถึงขณะนั้น ถ้าเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไรขอรับ กุศลจึงจะพร้อมสมบูรณ์

พระบรรพจารย์   :  นั่นคือยึดหมายกุศลเป็นตัวเลข คำว่า"กุศลมิอาจประมาณ มิอาจประมาณกุศล" (กงเจ๋ออู๋เลี่ยง อู๋เลี่ยงกงเตอ) เป็นการชี้นำู้คนให้รู้ว่า กุศล นั้น นับเป็นจำนวนไม่ได้ เก็บกุศลเป็นจำนวนไม่ได้ กุศลอยู่ที่การฟื้นฟูจิตดีงาม สำแดงจิตภาวะเดิมที สำแดงจิตภาพที่ให้คุณถึงที่สุด จุงมีคำกล่าวข้างต้นว่า "กุศลบริสุทธิ์ด้วยภาวะกายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอีชิงกง) กุศลบริสุทธิ์ด้วยภาวะพลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อีชิงกง) กุศลบริสุทธิ์ด้วยจิต ด้วยภาวะวิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอีชิงกง)  กายธาตุ  พลังธาตุ  วิญญาณธาตุ หากคืนสู่ภาวะความเป็นหนึ่ง เป็นเอกะอยู่ได้ พลังวิเศษย่อมรวมศูนย์ เป็นสูญตา จึงได้ชื่อว่า
หยกใสบริสุทธิ์ (กาย)   (อวี้ชิง)
สูงใสบริสุทธิ์   (พลัง)   (ซั่งชิง)
ทิพยใสบริสุทธิ์ (จิตญาณ)  (ไท่ชิง)

     สามใสบริสุทธิ์นี้ เป็นภาวะล่วงพ้นสามโลก ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังชั้นบรรยากาศ เหตุนี้ พุทธะเซียนจึงเตือนสาธุชนให้บำเพ็ญกุศล เป้าหมายสูงสุดก็คือ บรรลุสามพันกุศลบริสุทธิ์นี้"

อู้เอวี๋ยน   :  ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดอรรถาความคำว่า "กายธาตุเป็นหนึ่ง  พลังธาตุเป็นหนึ่ง  วิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง" กับวิธีการปฏิบัติด้วยขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย


พระบรรพจารย์   :  กายธาตุเป็นหนึ่ง (จิงอี) คือ
การฝึกฝน หล่อหลวมกายธาตุที่แตกซ่าน กลับคืนสู่ความเป็นหนึ่งเดียว หนึ่งคือธรรมะ  ธรรมะคือหลัก  กายธาตุคืออะไร ในคัมภีร์ต่าง ๆ กล่าวไว้มากมาย จนทำให้ผู้บำเพ็ญปฏิบัติตามไม่ถูก วันนี้อาศัยอริยสัมพันธ์งาน "ท่องพุทธาลัย" จะอธิบายพอประมาณ กายธาตุ คือ อารมณ์บินดี  โกรธ  เศร้า  สุข  รัก  เกลียด  อยาก  กับความผูกพันธ์พอใจในรูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัส  ธรรมารมณ์ การฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุ ก็คือ ให้ปรับอารมณ์  ความพอใจผูกพันเหล่านี้ โน้มนำเข้าหาหลักสัจธรรม  รู้เท่าทันความเป็นจริง  ชีวิตหากไม่มีอารมณ์ความพอใจผูกพัน ก็จะไม่อาจสืบสายชีวิตได้ต่อไป ดังคำที่ว่า "ผู้ตัดเยื่อใยสัมพันธ์ ไม่อาจถ่ายทอดสายธรรมทางตรงให้" (จะขาดธรรมทายาท)  (ต้วนฉิงเจ่อปู้เข่อฉวนจือเจิ้งเต้า) 
        จุดหมายของการฝึกฝนหล่อเลี้ยงจิตญาณ มิใช่ควบคุมผู้บำเพ็ญให้ตัดสายสัมพันธ์อารมณ์ความพอใจ แต่ให้ปรับอารมณ์ความพอใจให้เป็นกลาง  ให้สมานสุขุมอยู่ในความถูกต้องพอดี เป็นกลางสมานคือ "สภาวะธรรม" เช่น คำที่ว่า "ธรรมะอยู่กับชีวิตประจำวัน" (ชีวิตประจำวัน จะต้องรับมือกับการก่อเกิดอารมณ์หลากหลาย) (เต้าไจ้ยื่อฉังเซิงหังจือจง) การฝึกฝนหล่อหลอมกายธาตุนั้น จึงมิใช่เจาะจงให้นั่งนิ่งกำหนดลมหายใจ
มิใช่กำหนดเคลื่อนลมปราณ แต่ให้ทุกเวลาทุกขณะจิตฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุไว้ มิให้แตกซ่านเสียหาย โดยทั่วไป ทุกขณะจิตของความคิดคำนึง ล้วนมีอารมณ์ ความพอใจ  ไม่พอใจ  ผูกพัน  เป็นตัวผลักดัน

ศาสนาปราชญ์ จึงสอนให้ วาจาตรง  ดำเนินตรง  ใจตรง  กายตรง  ผิดจริยา อย่าคิด  อย่าพูด  อย่าทำ  อย่ามอง  สอนให้สยบใจตน  ฟื้นฟูจริยธรรม  เหล่านี้ล้วนเป็นการฝึกฝน  หล่อหลอมกายธาตุแห่งตน

ศาสนาพุทธ  ให้รักษาศีลห้า

ศาสนาเต๋า ของท่านเหลาจื้อ  สอนให้ชำระใจ  ละตัณหา  ฟังดูต่างกันแต่ให้คุณวิเศษตรงกัน  /b]  วิธีเบื้องต้นในการฝึกฝนหล่อหลอมกายธาตุ กล่าวไว้ต่างกัน แต่จุดมั่งหมายล้วนเพื่อชี้นำให้จิตควบคุมอารมณ์ ให้เหมาะสมกับความเป็นธรรมะ  เมื่อผู้บำเพ็ญนำพาอารมณ์ที่มีภาวะแฝงเร้นหรือโลดแล่นออกมาจากใจ ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมได้ ก็เท่ากับได้ฝึกฝน หล่อหลอมกายธาตุให้รวมสู่ความเป็นหนึ่งแล้ว ภาวะนั้น จะสวยใสเหมือนเนื้อหยกขาวสะอาด จึงได้ชื่อว่า "หยกใสบริสุทธิ์" (อวี้ชิง)

พลังธาตุเป็นหนึ่ง (ชี่อี) ก็มีหลักเดียวกัน พลังธาตุ หมายถึง
แรงของอารมณ์  ความรู้สึกที่สำแดงออก จุดหมายของการฝึกฝน หล่อหลอมพลังธาตุก็คือ ทำให้อารมณ์ความผูกพัน  อารมณ์ความรู้สึก ปรับตัวเป็นกลาง  สมานสุขุม  พลังงานของธรรมะในมหาจักรวาล เคลื่อนโคจรอินหยาง เป็นวงรอบ หนุนเนื่องซึ่งกันเป็นนิรันดร์ ลม  ฝน  สายฟ้า  น้ำค้าง  น้ำแข็ง  หมอกในธรรมชาติ  กับ อารมณ์ยินดี  โกรธ  เศร้า  สุข  รัก  เกลียด  อยาก ในคนล้วนเปลี่ยนแปลงเป็นไปด้วยพลังธาตุทั้งสิ้น "ฝนชื่นรื่นลม" (เฟิงเถียวอวี่ซุ่น) หมายถึง ลมฟ้าอากาศเป็นไปตามครรลองธรรม หาไม่แล้วจะวิปริตเกิดเภทภัย  หน้าฝนกลับฝนแล้ง ผิดครรลองธรรมไปเสียสิ้น ผู้บำเพ็ญจะอนุมานได้จากการนี้ อารมณ์ความผูกพันจะเกิดหรือจะเก็บ หากเป็นไปอย่างเหมาะควร ก็จะสงบสบายใจไม่วูบวาบ นานวันก็จะเข้าสู่ภาวะที่คัมภีร์วิสุทธิสูตร (ชิงจิ้งจิง) กล่าวไว้ว่า "ตอนรับปกติ  สงบปกติ" (อยู่กับธรรมชาติ  สงบกับธรรมชาติ) (ฉังอิ้งฉังจิ้ง) เป็นภาวะฝึกฝน หล่อหลอมพลังธาตุให้คืนสู่ความเป็นหนึ่งเดียว ก็ด้วยความเบานั้นย่อมลอยสูง กุศลบริสุทธิ์ของกายธาตุจึงได้ชื่อว่า "สูงใสบริสุทธิ์" (ชั่งชิง) 

วิญญาณธาตุเป็นหนึ่ง (เสินอี้) คือบำเพ็ญจนเข้าถึงสัมมาญาณอันรู้แท้ พุทธธรรมเรียกว่า "โพธิ (ผูถี)  ปัญญา  (ปอเหย่อ)  ปรัชญาธรรมเรียกว่า "ชีวิตจิตจากฟ้า" (เทียนมิ่งจือชั่ง) คนยุคนี้เรียกว่า "วิจารณญาณ" (หลี่จื้อ)
วิจารณญาณนี้ทุกคนต่างมี ไม่มีใครที่ไม่มี วิจารณญาณนั้นปราศจากรูปลักษณ์  บางครั้งแฝง  บางครั้งสำแดง  หากค้นพบความมีอยู่นั้นก็คือภาวะของ "ใจสว่าง" (หมิงซิน) หากสำแดงคุณหมดสิ้นเต็มที่ ก็คือ ภาวะเห็น "จิตใส" (เจี้ยนซิ่ง) บำเพ็ญธรรมบำเพ็ญจิต บำเพ็ญจิต อยู่ที่ปลูกฝังเลี้ยงดูจิตญาณให้ตรงต่อหลักสัจธรรม จึงมีคำกล่าวว่า "บำเพ็ญใจกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ" (ซิวซินอย่างซิ่ง) ฝึกฝน  หล่อหลอมวิญญาณธาตุก็คือเช่นนี้

     หวังว่าชาวโลกที่เคยชินกับการนั่งกรรมฐานทำสมาธิ จะเข้าใจเป็นจริงต่อสัมมาญาณ (รู้แท้ ถูกต้อง) เข้าใจเป็นจริงต่อการฝึกฝน  หล่อหลอมกายธาตุฝึกฝน  หล่อหลอมพลังธาตุ  และเข้าใจความหมายของการฝึกฝน หล่อหลอมวิญญาณธาตุให้ถ่องแท้ เช่นนี้แล้ว ในชีวิตประจำวัน ก็จะไม่มีอะไรผูกโยง ฝึกฝนหล่อหลอมเป็นธรรมชาติสบาย ๆ จะนั่ง  นอน  เดิน  ยืน  ล้วนเป็นฌานสมาธิ

อู้เอวี๋ยน   :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ ได้โปรดแสดงธรรมแยบยลอันมิเคยได้สดับมาก่อน กลมกลิ้งได้ดั่งอัญมณี ทุกถ้อยคำไพเราะเสนาะโสตนัก ผู้บำเพ็ญชาวโลกวาสนามิเบา ขอพระบรรพจารย์ ได้โปรดอรรถาความหมายของคำว่า"แปดร้อยผล" (ปาไป๋กว่อ) ต่อไปด้วยขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           ตอนที่ 11

                            ด่านจิ่งหยาง
            สามพันแปดร้อยผลบุญญา
                     ในอักษรซ่อนตถตา
                         ฟ้าดินหญิงชาย

พระบรรพจารย์   :  สาธุ ผู้บำเพ็ญพึงเป็นผู้รู้ "รู้หนึ่งให้ถึงสาม" (อีอวี๋ฝั่นซัน) สัมผัส ก. ให้รู้ ข. ตามไป  แปดร้อยนั้นเป็นคำอุปมา มิใช่หมายถึงจำนวนตัวเลข แท้จริงหมายถึง ภาวะสมบูรณ์ของผลภายใน ก็คือฟ้ากับดิน (จิตญาณกับกายสังขาร)
มั่นคงบนฐานของความเป็นหนึ่งเดียว กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ อารมณ์รับรู้ สั่งสม สำแดงเข้าสู่ภาวะเที่ยงตรง ผู้บำเพ็ญหากแม้นไม่อาจสมานอยูในธรรมได้ทุกขณะจิต จิตญาณกับกายสังขารก็จะล้มลุก สับสน วุ่นวาย หากฝึกฝนหล่อหลอมได้นั่นก็คือ (กว่อ) ผลของต้นธรรมในตน การจะให้กายธาตุ พลังธาตุ วิญญาณธาตุ อารมณ์รับรู้สั่งสม สำแดง เข้าสู่ภาวะเที่ยงตรงนั้นได้จะต้องก่อเกิดมหาเมตตาจิตโดยมิได้เจาะจงยึดหมาย จะต้องก่อเกิดมหากรุณาร่วมตัวตน เห็นเป็นหนึ่งเดียว (มิได้เจาะจงยึดหมายนามเฉพาะรูปใด)  (อี๋ซื่อถงเหยิน) มีภาวะจิตใจรักชาวโลกเยี่ยงเดียวกับมหาโพธิสัตว์ มิฉะนั้น หากเพียงยึดหมายในกุศลในบารมีธรรม ก็ยากจะตกผลแห่งสัมมาปฏิบัติแน่นอน ฉะนั้น ผู้บำเพ็ญจนได้แปดร้อยผลสมบูรณ์นั้น ล้วนจะต้องมีมหาปณิธาน  จะต้องให้ทานโดยมิได้ยึดหมายเจาะจง ภาวะสมบูรณ์ของผลภายในไม่ห่างจากกุศลผลบุญที่สร้างภายนอก  กุศลผลบุญภายนอกก็มิให้ห่างจากภาวะสมบูรณ์ของผลภายใน  ทั้งภายในภายนอกเอื้ออำนวยแก่กัน เป็นหนึ่งเดียวกันจึงจะเข้าถึงภาวะวิสุทธิ์ ดังพุทธพจน์ที่ว่า "สมบูรณ์ผล (รู้ตื่น) ทั้งบำเพ็ญและปฏิบัติ"  ผเจวี๋ยสิงเอวี๋ยนหมั่น) "เข้าถึงจิต คือเข้าถึงพุทธะ (จี๋ซินซื่อฝอ) เข้าใจหลักธรรมนี้ไหม ปฏิบัติตามหลักธรรมที่กล่าวมา นานวันยิ่งปราณีตลุ้มลึก "สามพันกุศลสมบูรณ์ แปดร้อยผลกลมเต็ม" ก็จะพ้นจากการควบคุมของสามโลก เป็นอิสระเหนือโลก

พระอาจารย์   :  วิเศษแท้ วิเศษแท้ พระบรรพจารย์เทียนซิน โปรดแสดงธรรมปลุกใจคนหลงได้ดีพร้อม งามพร้อมยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญที่ได้อ่านหนังสือนี้ เป็นผู้มีบุญสั่งสมมาสามชาติทีเดียว คืนนี้ได้เวลาแล้ว เราอาจารย์ศิษย์ขอกราบลา

พระบรรพจารย์   : 
เวลามีจำกัด มิกล้ารั้งเชิญ จริยาขาดพร่องไป ขอได้โปรดอภัย ลั่นระฆัง  เรียงรายน้อมส่งพระบรรพจารย์เทียนหยาน

พระอาจารย์   :  อู้เอวี๋ยนรีบขึ้นพาหนะเมฆ หลับตา ขึ้นได้... พุทธตำหนักถึงแล้ว ญาณอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่างดังเดิม 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”