ตอนที่ 10
สอบผ่านด่านตันหยางได้
ล้วนอาศัยเคร่งจริงศีลวัตร
ใกล้เหวก็จะมิพึงหวั่นหวาด
ไม่ขยาดก้าวบนน้ำแข็งบาง
@ ฝันโลกนี้ ทุกกรณี มีนัยแฝง
ยึดหมายแข่ง ชื่อลาภไว้ ใจหยาบหยาม
แต่โบราณ งานกู้โลก ปรกปราบปราม
กำหนดความ คนประเสริฐ เลิศรู้การ
(ซื่อซื่อหยูเมิ่งเจินหลี่ฉัง จื๋อจั๋วหมิงลี่ไกว้จุ้ยอี๋
จื้อกู่จื้อล่วนเปิ่นติ้งซู่ เหยินเลี่ยซันไฉจวี้เหลียงจือ)
ธรรมราช : รับพระบัญชา ญาณเดิมทุกท่าน เมื่อเข้ารับการตรวจสอบ ขอให้รายงานตัวชื่อสกุลอะไร เมื่อมีชีวิต ถือบวชบำเพ็ญทางธรรมใด อีกทั้งให้เล่าการรักษาศีลวัตรตามความเป็นจริง หากกล่าวตามความเป็นจริง จะรับไว้พิจารณา หากดื้อร้ายปิดบังอำพราง โทษเป็นทวีคูณ บัดนี้ญาณเดิมคนแรก เชิญขึ้นมารับการตรวจสอบ
ญาณเดิม ก : ผู้น้อยเบื้องล่างแซ่อู๋... เมื่อมีชีวิตอยู่บำเพ็ญในศาสนาเต๋า สังกัดเทวราชตำหนักห้า (อู๋ฝู่อ๋วงเอี๋ย) ผู้น้อยได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากพระเทวราชเจ้า เนื่องจากพระองค์โปรดแสดงพระบุญญาธิการ รักษาโรคเรื้อรังที่ผู้น้อยหาหมอเท่าไรรก็ไม่หายถึงสามปีให้หายได้ ทำให้ผู้น้อยสำนึกพระคุณ จึงตั้งใจรับใช้เทวราชเจ้าสงเคราะห์ชาวโลก ต่อมายังได้รับโปรดจากเทวราชเจ้ารับเป็นบุตรบุญธรรม ดังนั้น ผู้น้อยจึงทุ่มเทเวลา กำลังทั้งหมด รับใช้งานศาลเจ้า กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความศรัทธาจริงใจ อีกทั้งยังผลักดันงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก จึงได้สั่งสมกุศลบุญไว้บ้างตายแล้วได้ผ่านการตรวจสอบจากด่าน จื่อหยางกวน สามตำหนักปากทางแล้วมาถึงที่นี่ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงขอรับ
พระบรรพจารย์ : ธรรมราชาผู้ตรวจสอบ เชิญยืนยันหลักฐานในนสมุดบันทึก ที่อู๋เซิงกล่าวมาเป็นความจริงหรือไม่
ธรรมราช : กราบทูลองค์เจ้าตำหนัก ตามทีึ่บันทึกไว้ที่อู๋เซิงกล่าวรายงานนั้นเป็นความจริง เป็นคนศรัทธา ไหว้พระ ไหว้เจ้า นิสัยจิตใจดีงาม รู้จักสำรวมบำเพ็ญ มีจริยะดีต่อใคร ๆ นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญฝึกฝนจริง ข้อบกพร่องจุดเดียววคือ หนทางที่เขาปฏิบัติบำเพ็ญอยู่เป็นศาลเจ้าเทวราชที่เน้นหนักอยู่แต่การสงเคราะห์ชาวโลก ไม่ได้เน้นหนักหรือให้ความสำคัญต่อการถือศีลกินเจ ขอพระองค์ได้โปรดพิจารณาเห็นสมควร
พระบรรพจารย์ : อืมม์ ครั้งมีชีวิตอยู่ อู๋เซิงมุ่งธรรมเต็มกำลังใจ หาได้ยาก แต่เนื่องจากทางธรรมที่นำพา มิได้อบรมให้ถือศีลกินเจ เราก็จะไม่เอาโทษแก่ท่าน แต่ท่านขาดคุณสมบัติ "กายบริสุทธิ์" (เซินชิง) ตั้องตัดสินให้ไปสู่ สถานขอขมากรรมสำนึก (ชั่นหุ่ยซื่อ) รับการอบรมสิบวันจนภาวะกายบริสุทธิ์ดีแล้ว จึงจะส่งไปที่ หอชูบุญ (เปาชั่นเกอ) เพื่อรอการจัดส่งต่อไปยังตำหนัก จิ่งหยาง (จิ่งหยางเตี้ยน)
ญาณเดิม ก : กราบขอบพระคุณพระบรรจารย์ เมื่อผู้น้อยมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุที่จะต้องจัดพิธีปลอบขวัญทหาร อีกทั้งต้องทำกำารเซ่นไหว้ทหารนายกองห้าค่าย ซึ่งจะต้องใช้ชีวิตสัตว์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยเพื่อแสดงความเคารพโดยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดศีล
พระบรรพจารย์ : หวังให้ชาวโลกอย่าได้หลับหูหลับตาเชื่อประเพณีพิธีการแต่อย่างเดียว กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้เป็นอันขาด อย่างนั้นไม่เพียงสร้างบาปเวรไว้ เอาเลือดเนื้อเขาบูชาพระ ยังเป็นการลบหลู่ล่วงเกินที่สุด เซียนพุทธะมีแต่เมตตากรุณา จะรับการสักการะจากคาวชีวิตเลือดเนื้ออย่างนี้ได้อย่างไร หากเปลี่ยนเป็นธูปหอม ผลไม้ ดอกไม้ อาหาร พืชผัก บวกกับจิตใจศรัทธาแท้จริง ก็จะซาบซึ้งถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาได้เอง มิฉะนั้นแล้ว ใช้วิธีการผิดศีล สร้างปาณาติบาตไว้ไม่รู้ตัว จะไม่เป็นการทำคุณบูชาดทษเสียเปล่าอย่างไร
ธรรมราช : เชิญอู๋เซิงติดตามเทวมาตย์ผู้นำทางไปยังห้อง "ขอขมากรรมสำนึก" เพื่อชำระกายกรรมที่ยังไม่บริสุทธิ์ทั้งหมด ญาณเดิมท่านที่สองเชิญเข้ารับการตรวจสอบ