collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณประโยชน์ของการรับวิถีธรรม : สามารถหลุดพ้นจากการเกิดตาย  (อ่าน 26296 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
       
เมื่อมาถึงวันที่ 9 ไม่รู้ว่าฝนได้โปรยปรายมาจากที่ไหน ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้น และยังมีลูกท้อลูกหนึ่งลอยมาตามกระแสน้ำ ส่งกลิ่นหอมชวนทานยิ่งนัก จนลูกท้อที่ไหลมาตามกระแสน้ำได้หยุดอยู่ข้างกายของท่านชิวฉางชุน อันที่จริงแล้ว ท่านชิวฉางชุนไม่คิดอยากจะกิน แต่พอนึกถึงเรื่องราวทั้งสองเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนตายกับคนสมัยก่อนที่หมอดูไซ่ม๋าอีได้เล่าให้ฟัง จึงเกิดความสงสัยว่า ไม่รู้จะเกิดขึ้นกับตัวท่านเองหรือเปล่า ?. ท่านจึงได้ตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบลูกท้อมากิน ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย เลยกินลูกท้อจนหมด ทำให้เรี่ยวแรงกลับคืนมาอีก ไม่รู้สึกหิวหรือกระหายเลย ไม่นานระดับน้ำในแม่น้ำก็ลดลง นักพรตชิวคิดในใจว่า ริมแม่น้ำนี้คงไม่ใช่ลิขิตให้ตายจึงได้เดินขึ้นไปบนเขา จนมาพบวัดร้างแห่งหนึ่ง ท่านมีความรู้สึกว่าวัดร้างแห่งนี้ต้องเป็นที่ตายของท่านอย่างแน่นอน ว่าแล้วท่านก็นอนรอความตายอยู่ใต้แท่นบูชา ขณะที่อดอาหารมาได้ 7 - 8 วัน เห็น ๆ อยู่ว่าความตายกำลังจะใกล้เข้ามาทุกที ทันใดนั้น ก็มีเสียงคนทะเลาะวิวาทกันอยู่ข้างนอก ด้วยความอยากรู้ นักพรตจึงเหลือบไปดูเห็นกลุ่มโจรที่กำลังแบ่งสันปันส่วนเงินทองที่ปล้นมา ในบรรดากลุ่มโจร มีโจรที่ชื่อ"หวังเหนิน" ได้เห็นชิวฉางชุนนอนอยู้ใต้แท่นบูชาจึงถามว่า "ท่านมาจากที่ไหน ?." ท่านชิวฉางชุนเพิกเฉยกับคำถาม หวังเหนินเห็นสภาพอิดโรยปางตายของชิวฉางชุน จึงไม่ซักไซร์ต่อ เดินออกไปที่กลุ่มเพื่อน พร้อมทั้งพูดว่า "ชั่วชีวิตนี้พวกเราทำแต่ความชั่ว ไม่เคยทำความดีเลย วันนี้พวกเราน่าจะมาทำความดีสักอย่าง" กลุ่มเพื่อน ๆ โจรจึงถามว่า "มีความดีอะไรที่พวกเราทำได้ล่ะ ?." หวังเหนินตอบ "ใต้แท่นบูชามีนักพรตท่านหนึ่งดูท่าทางไม่เจ็บป่วยอะไร แต่อาจจะเป็นเพราะอดอาหารมานาน พวกเราน่าจะต้มหมี่ให้กินเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้" เพื่อน ๆ ทุกคนต่งก็ผงกหัวก็เห็นด้วยกับหวังเหนิน จึงเริ่มจัดหาอาหารมาให้ สักครู่หนึ่งเมื่อต้มหมี่เสร็จ ก็เข้าไปในวัดเรียกท่านชิวฉางชุนออกมากิน แต่ชิวฉางชุนกลับปฏิเสธไม่ยอมกิน จนในที่สุด โจรทั้งหลายก็ต้องฉุดกระชากลากถูชิวฉางชุนออกมา และกรอกหมี่เข้าปาก กรอกติดต่อกัน 2 ชาม จนอิ่มท้องทำให้เรี่ยวแรงกลับคืนมาอีกครั้ง สำหรับท่านชิวฉางชุนก็ได้แต่พร่ำบ่นว่า "เดิมทีข้ากำลังจะบรรลุงานใหญ่เป็นเพราะพวกเจ้าทั้งหลาย ไม่รู้เอาอะไรมาให้ข้ากิน ทำให้ข้าต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก เวลาอยากจะอยู่ก็ลิขิตให้ตาย เวลาอยากจะขอตายก็มาบังคับให้อยู่ต่อ" เหล่าโจรทั้งหลายซึ่งไม่รู้สาเหตุจึงเกิดโทสะคิดว่าทำดีแล้วยังโดนตำหนิ พลันคว้ามีดขึ้นมาพลางพูดว่า "เจ้าคนไมู่้จักบุญคุณ พวกเราได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้ แทนที่เจ้าจะกล่าวคำขอบคุณ แต่เจ้ากลับมาต่อว่าพวกเราอีก ในเมื่อเจ้าอยากตายข้าก็จะสนองให้เอง" พูดจบก็ทำท่าจะฆ่าชิวฉางชุน ถึงกระนั้นชิวฉางชุนกลับไม่สะทกสะ้ท้านหรือเกิดความกลัวแม้แต่น้อย ซ้ำยังชี้พุงตัวเองว่า "จะเชือดก็เชือดตรงนี้ ไม่ต้องไปเชือดที่อื่น จะได้เอาอาหารอะไรก็ไม่รู้ของพวกท่านกลับคืนไปข้าจะได้ตายอ่างไร้กังวล"โจรทั้งหลายได้ฟังแล้วก็รู้สึกขำ "อาจารย์ท่านนี้ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง ๆ มีใครที่ไหนที่กินของคนอื่นแล้ว ควักออกมาคืนได้อีก พวกเราจะไม่ฆ่าท่าน แต่ขอให้ท่านเล่าถึงต้นสายปลายเหตุให้พวกเราได้เข้าใจด้วย"
        นักพรตชิวจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่หมอดูได้ทำนายให้โจรทั้งหลายได้ฟัง หลังจากที่โจรทั้งหลายได้ฟังแล้ว จึงกล่าวว่า "ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร หากท่านกลัวตายพวกเราพี่น้องทั้งหลายก็จะร่วมสมทบทุนให้ท่านสร้างวัดเพื่อเป็นที่พำนัก และยังสามารถรับลูกศิษย์ลูกหา ทุกคนขยันหน่อยตุนเสบียงอาหารไว้มาก ๆ เช่นนี้แล้วท่านจะอดตายได้อย่างไร?. ท่านชิวฉางชุนฟังแล้วตอบว่า "ไม่เอา ! ไม่เอา ! ชีวิตนี้ข้าไม่เคยรับสิ่งของที่ได้มาโดยไม่ถูกครรลองครองธรรมของใคร  สุดท้ายก่อนจากไป นักพรตชิวฉางชุนก็ได้อรรถาธรรมให้โจรทั้งหลายฟังจนเกิดความซาบซึ้งในรสพระธรรมและต่างกลับใจมาเป็นคนดี แม้ชิวฉางชุนจะสามารถสั่งสอนโจรทั้งหลายให้กลับตัวกลับใจจนสำเร็จ ทว่าความมุ่งมั่นที่จะตายก็ยังคงอยู่ในจิตใจตลอดเวลา เขาจึงลงเขาไปเพื่อหาโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าป่าลึกที่ซึ่งไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่เลย เลือกต้นไม้ใหญ่ได้ต้นหนึ่งแล้วจัดการมัดตัวเองด้วยโซ่ไว้กับต้นไม้ เมื่อใส่กุญแจล็อคเสร็จเรียบร้อยก็โยนลูกกุญแจทิ้งไป คิดว่าคราวนี้คงต้องตายสมดังที่หวังแน่ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้สะเทือนถึง "เทพเจ้าไท่ไป๋ซิงจวิน" ที่อยู่เบื้องบนแปลงกายลงมาเป็นคนเก็บสมุนไพรและเดินมาตรงหน้าชิวฉางชุน พร้อมทั้งถามว่า "ท่านนักพรต ! ท่านนักพรต ! ท่านกระทำผิดอะไร ถึงต้องมัดตนเองกับต้นไม้ใหญ่ด้วย ?. ทีแรกชิวฉางชุนไม่คิดจะตอบ แต่เมื่อถูกถามหลายครั้งจึงตอบว่า "ท่านไม่ต้องมาสนใจเรื่องของข้าหรอก" ชายเก็บสมุนไพรกล่าวอีก "เรื่องในโลกเป็นเรืองชาวของโลกที่ต้องช่วยกันจะให้ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร ?. ท่านพูดออกมาเถอะ ! เผื่อข้าจะช่วยเหลือท่านได้" ชิวฉางชุนเห็นชายผู้นี้พูดอย่างมีเหตุผลจึงได้เล่าคำทำนายของหมอดูไซ่ม๋าอีให้ฟัง ชายเก็บสมุนไพรหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น พร้อมทั้งกล่าวว่า "ท่านช่างโง่จริง ๆ ! คิดว่าเรื่องใหญ่โตอะไรเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเพียงความคิดที่ถูกมารผจญเพียงชั่ววูบเท่านั้นเอง ทำให้คิดผิดและหลงทางมาตลอด" ... จากนั้นจึงได้อธิบายหลักธรรมให้ชิวฉางชุนฟังว่า "รูปลักษณะเกิดจากจิตใจ จิตใจเปลี่ยนแปลง ชะตาชีวิตก็แปรเปลี่ยนได้" นักพรตชิวฉางชุนเมื่อได้ฟังดังนี้ ก็เปรียบเสมือนตื่นจากอวิชชารู้ว่าตนเองโง่เขลาจริง ๆ
        ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา นักพรตชิวฉางชุนจึงได้มุ่งมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ฉุดช่วยกล่อมเกลาเวไนย นอกจากท่านจะสามารถเอาชนะชะตาลิขิตของรูปลักษณะ "งูคู่เฝ้าถ้ำ" ที่ถูกทำนายให้ต้องอดตายแล้ว ท่านยังได้เปลี่ยนแปลงชะตาของตนเองเป็นรูปลักษณะ "มังกรคู่ลูกแก้ว" ที่เป็นลักษณะของผู้ที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังได้สำเร็จธรรม บรรลุมรรคผล เป็นมหาเทพอีก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        สรุป  :  จากตัวอย่างการบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ดังที่ได้กล่าวมานี้ ได้ข้อสรุปว่า 

๑ .  รูปลักษณะเกิดจากจิตใจ ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ด้วยใจ ถึงแม้ชะตาชีวิตจะถูกกำหนด ทว่าชะตาชีวิตก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน วิธีการเปลี่ยนแปลงชะคาชีวิต ไม่ใช่อาศัยการกราบพระขอพรและก็ไม่ใช่อาศัยหมอดู สะเดาะเคราะห์แก้บน หากแต่ต้องอาศัยตนเอง "เพราะตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" เนื่องจากชะตากรรมเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเราเอง จึงต้องเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเราเอง จึงเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ  หากเป็นเช่นนี้จะมีวิธีการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตนี้ได้อย่างไร ?. มีเพียงการปฏิบัติธรรม สร้างสมบุญบารมีเท่านั้น จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิพลมากที่สุด

๒ .  กรำทุกข์ท่ามกลามความทุกข์ จึงเป็นยอดคนเหนือคน กรำทุกข์ท่ามกลางความทุกข์หาใช่ที่สุดแห่งทุกข์ หากแต่ควรเป็นความทุกข์ที่มีความหมายที่สุดต่างหาก คนเราเกิดมาบนโลกมนุษย์ล้วนมี "รากแห่งความทุกข์" ด้วยกันทั้งนั้น นี่ก็เป็นสาเหตุที่มนุษย์ต้องกล้ำกลืนความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ควรรู้ว่า ! ตราบใดที่รากแห่งความทุกข์ยังไม่ถอน ต่อให้กระเสือกระสนจะตายก็มิใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับตัวอย่างของนักพรตชิวฉางชุน ที่แสดงให้เห็นประ
จักษ์  อย่างไรก็ตามคนทั่วไปมักจะบั่นทอนความทุกข์กับเรื่องราวที่ไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดคุณประโยชน์อะไรเลย คำที่กล่าวว่า "กรำทุกข์ท่ามกลางความทุกข์" หมายถึงการบั่นทอน "รากเหง้าแห่งความทุกข์" กับเรื่องราวที่มีความหมาย มีคุณประโยชน์ที่สุด !  "เมื่อรากเหง้าแห่งความ
ทุกข์ถูกถอน ! คุณค่าก็ปรากฏ"  หากจะกล่าวถึงเราทั้งหลายที่บำเพ็ญปฏิบัติในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบากบ้าง แต่ว่านี้เป็น การกรำทุกข์ท่ามกลางความทุกข์อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น วันนี้เรามาร่วมประชุมธรรม เราอาจจะนั่งศึกษาธรรมทั้งวัน อาจจะได้รับความเหนื่อยล้า  อ่อนเพลีย  ถ้าพิจารณาให้ลึกลงไปแล้วความทุกข์ที่ได้รับนั้นเป็น ความทุกข์ที่มีความหมายอย่างแท้จริง เป็นความปวดเมื่อยอย่างมีความหมายเพราะใช่ว่าคนที่ไม่ได้มาร่วมประชุมธรรมแล้วจะไม่มีความทุกข์หรือจะไม่ปวดเมื่อยกว่าเรา แต่ความทุกข์ทรมานที่เขาทั้งหลายได้รับนั้นหาใช่ความทุกข์ที่แท้จริงไม่ คนที่ไม่ได้มาร่วมประชุมธรรมในวันนี้ อาจจะต้องพบพานความทุกข์มากกว่าเรา ซ้ำร้ายความทุกข์ที่ได้รับ ดูเหมือนจะเป็นความทุกข์เดียวกับเรา แต่แท้ที่จริงแล้วความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น นักพรตชิวฉางชุน ก่อนที่จะได้รับการชี้แนะจาก "เทพเจ้าไท่ไป๋ซิงจวิน"  แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ได้อย่างชัดเจน เราจึงยกย่องว่าเป็น "ยอดคนเหนือคน" อย่างแท้จริง         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        สามารถฉุดช่วยบรรพชนเจ็ดชั้น และลูกหลานเก้าชั่วคน

     การบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ไม่เพียงแต่ตนเองจะสามารถบรรลุมรรคผล กลับสู่ธาตุแท้คืนสู่ต้นกำเนิด ขึ้นสู่อนุตตรภูมิ ซึ่งเป็นมาตุภูมิเดิมของพุทธบุตรเท่านั้น อีกทั้งยังสามารุฉุดช่วยบรรพชนเจ็ดชั้น และลูกหลานเก้าชั่วคน พร้อมพบรัศมีธรรมปกแผ่ถ้วนทั่วอีกด้วย  ดังที่พระอาจารย์จี้กงได้กล่าวว่า "บุตรหนึ่งคนได้รับธรรมบรรพชนเจ็ดชั้น ลูกหลานเก้าชั่วคนได้รับการฉุดช่วยถ้วนหน้า"  ปัจจุบันวิถีธรรมได้ลงปรกโปรดอย่างกว้างขวาง อย่างที่เรียกกันว่า "การปรกโปรดสามโลก" นั้นก็หมายถึง การโปรดเทพเทวาทั้งหลายในชั้นเทวโลก  การโปรดสาธุชนชาย - หญิงบนโลกมนุษย์  และการฉุดช่วยวิญญาณบาปในยมโลก ที่ผ่านมาญาติธรรมทั้งหลายจึงมักได้ยินว่าในอาณาจักรธรรมมีเทพยดาหลายองค์ที่มีบุญปัจจัยได้มารับวิถีธรรม หรือนักธรรมอาวุโสหลายท่านได้ฉุดช่วยดวงวิญญาณของบรรพบุรุษกลับสู่เบื้องบน หรือแม้แต่ได้รับอริยมรรคเป็น "มหาเทพ" หรือ "สัตตบุรุษ" ฯลฯ ทั้งนี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงคุณวิเศษอันโดดเด่นของวิถีอนุตตรธรรม ในวาระการ ปรกโปรดสามโลก เทพ ผี และคนนี้ ดังได้สดับมาว่า เมื่อคนตายแล้วก้ไปยังนรกภูมิ ซึ่งดวงวิญญาณก็ยังแบ่งระดับออกไปเป็นหลายระดับด้วยกัน หากเราทั้งหลายได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม ถ้าเรายังมีความก้าวหน้าในการบำเพ็ญปฏิบัติ เช่น ตั้งปณิธานกินเจ จัดตั้งพุทธสภถาน  ฯลฯ บรรพชนของเราได้เลื่อนขั้นตามบุญบารมีของเรา เรายิ่งบำเพ็ญได้ดี บรรพชนยิ่งได้รับรัศมีปกแผ่ ไม่ได้ไปทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกภูมิ เพื่อรอให้ลูกหลานได้สร้างบุญกุศลพอที่จะฉุดช่วยดวงวิญญาณของบรรพชนกลับคืนสู่อนุตตรภูมิเสวยความสุขแห่งอริยฐานะชั่วนิรันดร์  พระพุทธจี้กงกล่าวว่า "กาลเวลาฟ้าในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่เอื้ออำนวยให้มหาธรรมปรกโปรดอย่างกว้างขวาง ยิ่งเป็นวาระการปรกโปรดสามโลก ใครก็ตามที่มีบุญปัจจัยได้สดับรับวิถีธรรม ที่เห็นว่าได้รับคือลำพังตัวเองเท่านั้น แต่ที่ไม่่เห็นคือความเกี่ยวพันระหว่างตัวเองกับบรรพชนเจ็ดชั้นและลูกหลานเก้าชั่วคน" เพราะฉะนั้น ความผิดถูก ความชั่วดี ในขั้นตอนการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมจึงเป็นเครื่องวัดการขึ้นลงของบรรพชน ของลูกหลานของตนเอง  พระอาจารย์ยังกล่าวอีกว่า :"ความดีทั้งหลายความกตัญญูเป็นเลิศ หากใครสามารถเป็นแบบอย่างของความกตัญญูได้ดีอาจารย์รับรองว่าเจ้าต้องสำเร็จธรรมแน่ !" จึงเห็นได้ว่า : การบรรลุอนุตตรธรรม ต้องเริ่มจากการบรรลุมนุษยธรรมเสียก่อน" หากทางด้านมนุษยธรรม เราสามารถปฏิบัติบำเพ็ญได้ดี นอกจากสะเทือนถึงฟ้าเบื้องบนแล้ว ยังสามารถฉุดช่วยสาธุชนคนบุญเบื้องล่างได้อีก ทั้งหมดนี้เป็นความปรารถนาของพระอาจารย์จี้กงที่ฝากไว้กับสานุศิษย์ทั้งหลาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        บทสรุป  :   คุณประโยชน์ของการรับวิถีธรรม หาใช่มีเพียงไม่กี่ข้อที่กล่าวมาเบื้องต้นเท่านั้น ธรรมานุภาพที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับวิถีธรรมก้ไม่อาจพรรณาโดยอักษรหรือคำพูดได้ จำเป็นต้องอาศัยบุคคลนั้น ๆ ไปสำนึกและสัมผัสด้วยตนเอง ดังคำโบราณที่กล่าวว่า "เฉกเช่นการดื่มน้ำ ร้อนหรือเย็นย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง" วันนี้เราทั้งหลายสามารถได้รับ วิถีอนุตตรธรรม ยิ่งกว่าน้นได้เข้าสู่กระแสบำเพ็ญปฏิบัติธรรม นับเป็นเกียรติสูงสุดของสกุลวงศ์หวังว่าทุกคนจะให้กำลังใจ และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมบำเพ็ญ  ร่วมปฏิบัต  จนสำเร็จธรรม  บรรลุหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ สนองบัญชากลับคืนสู่เบื้องบน จึงไม่เสียโอกาสที่ฟ้าเบื้องบนทรงเมตตากรุณาประทานวิถีอนุตตรธรรมอันวิเศษและล้ำค่าลงมา 

        สุดท้ายก็ทิ้งทวนด้วโศลกเพื่อร่วมเป็นกำลังใจ  :

"แสวงธรรมมิต้องการสิ่งอื่นใด
เพียงเพื่อรู้ "หัวใจ" อยู่ที่ไหน
ถ้าได้รู้ที่สถิตย์ของ "หทัย"
ฉับพลันการเกิดตายสิ้นสุดลง"

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”