collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: จิ่วหยังกวน สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ  (อ่าน 28628 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 13 

                     ท่องด่านที่เก้าของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านบรรลุอริยะ

                             (เฉิงซิ่งกวน)           

                  วันที่  8  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ศึกษาธรรม        บำเพ็ญกาย        ใจบำเพ็ญ
ปรกปลูกเป็น          ต้นโพธิ์งาม          สัมพันธ์ไว้
บุญหนุนส่ง           งาน "หลงฮว๋า"     ได้ร่วมไป
มีบุญไม่               ได้แต่หลง            คงโลภเลือน

ฉงซิว   :  อ้อ ... ด่านของพระองค์ใช้วิธีลงโทษอย่างไรเพื่อแก้ไขผู้บำเพ็ญและเขาทำผิดในข้อไหนขอรับ

พระฯ นายด่าน   :  ด่านนี้มีด่านย่อยอีกเก้าด่าน  แต่ละด่านมีเครื่องมือส่งเสริมทางธรรมต่างกัน  เครื่องมือเหล่านั้นไม่ใช่มีไว้ลงโทษ แต่มีไว้แก้ไขให้พวกเขารีบบรรลุในเร็ววัน  ความผิดของผู้บำเพ็ญเมื่อมีชีวิตอยู่ เช่น นั่งไม่เรียบร้อย  ผิดลักษณะการนั่ง  จริยะบุคลิกไม่น่าเคารพ  เวลานอนไม่สวมเสื้อผ้า  หรือ ใช้หนังสือธรรมะหนุนแทนหมอน  บางคนชี้มือชี้ไม้ขณะพูด  เป็นลักษณะไม่สำรวม ฯลฯ  ด่านนี้จะตรวจสอบความบกพร่องเหล่านี้แล้วส่งมอบให้ด่านย่อยทำหน้าที่แก้ไข บางคนก็สามวันห้าวัน  พอเข้าใจความผิดของตัวแล้ว ก็จะส่งต่อไปที่ตำหนัก "เพิ่มบำเพ็ญ"  บำเพ็ญจนบรรลุจริง

ฉงซิว   :  โอ  ตายละ  เวลาอากาศร้อน ๆ กระผมก็ถอดเสื้อนอน แย่แน่เลย จะทำยังไงดี

พระฯ นายด่าน   :  ฉงซิวรับสนองพระโองการสร้างหนังสือท่องจิ่วหยังกวน สาธยายความผิดของผู้บำเพ็ญที่เกิดขึ้นทั่วไป เข้าใจแล้วตัวเองก็ต้องรีบแก้ไขเบื้องบนจะไม่ลงโทษผู้สำนึกผิด ต่อไประวังอย่าผิดอีกก็แล้วกัน

ฉงซิว   :  ขอรับ  ขอบพระคุณพระองค์นายด่านที่ได้โปรดชี้แนะ จากนี้ไปศิษย์จะระวังตัว

พระฯ จี้กง   :  รบกวนท่านนายด่านโปรดบัญชาให้นำฉงซิวไปดูสถานที่จริง จะได้เข้าใจดีขึ้น

พระฯ นายด่าน   :  น้อมรับ  ให้นายทะเบียนนำพระพุทธะจี้กงและฉงซิวไปชมด่านย่อยที่เหลือ  ผู้น้อยน้อมรับ ทูลเชิญพระพุทธะจี้กง เชิญนักบุญฉงซิวตามผู้น้อยมา  ... ถึงแล้ว 

พระฯ ผู้คุม   :  กราบรับพระบาทพระฯจี้กง ยินดีต้อนรับฉงซิวที่มาเยือน

พระฯ จี้กง   :  มิต้องคารวะ นำเราเข้าไปเถิด

พระฯ ผู้คุม   :  รับพระบัญชา  โปรดตามผู้น้อยมา

ฉงซิว   :  โอ้โฮ  โอ่โถงโล่งแจ้งอะไรอย่างนี้ สว่างสดใสไปหมด ไม่เหมือนด่านอื่น ๆ ที่มืดทึบอับเฉา  เอ๊ะ  ทำไมมีคนนอนดูเพดานอยู่บนเตียง บนเพดานดูเหมือนมีตัวหนังสืออยู่  บางคนนั่งนิ่งเหมือนเข้าฌาน  บางคนยืนนิ่งไม่ขยับ  อะไรกันขอรับ

พระฯ ผู้คุม   :  ข้าพเจ้าจะเรียกบางคนให้ซักถามให้เข้าใจ  สามคนนั่นมากราบคารวะพระพุทธะจี้กง และรู้จักนักบุญฉงซิวมือทรงเอกแห่งตำหนักพระไถจงฉงเซิงเสีย  คืนนี้ท่านทั้งสองจะมาเก็บข้อมูลที่นี่ตามพระโองการของเบื้องบน เพื่อสร้างหนังสือบุญ จงเล่าความผิดของตนให้ละเอียด จะจารึกไว้ในบทสำคัญ เพื่อเตือนใจชาวโลก

ผู้บำเพ็ญ ก. ข. ค.   :  กราบพระบาทพระพุทธะจี้กง  ยินดีได้พบนักบุญฉงซิว

พระฯ จี้กง   :  อย่าลำบากเลย

ฉงซิว   :  คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน  ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในด่าน  "บรรลุอริยะ"  นี้ดูเหมือนไม่ทุกข์เหมือนด่านอื่น

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  ดูเหมือนอย่างนั้น  แต่แท้จริงมิใช่   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 13 

                     ท่องด่านที่เก้าของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านบรรลุอริยะ

                             (เฉิงซิ่งกวน)           

                  วันที่  8  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ศึกษาธรรม        บำเพ็ญกาย        ใจบำเพ็ญ
ปรกปลูกเป็น          ต้นโพธิ์งาม          สัมพันธ์ไว้
บุญหนุนส่ง           งาน "หลงฮว๋า"     ได้ร่วมไป
มีบุญไม่               ได้แต่หลง            คงโลภเลือน

ฉงซิว   :  เอ๊ะ  ทำไมขอรับ เมื่อกี้ผู้น้อยเห็นท่านนอนอยู่บนเตียงไม่มีเครื่องทรมานอะไรเลย  ท่านทำผิดอะไรไว้หรือ

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  นอนน่ะดูดี  แต่พื้นเตียงเป็นเหล็กแข็งไม่สบายเลย ขยับก็ไม่ได้ จะต้องนอนตายตัวอย่างนั้นติดต่อกันสามวัน กระดิกตัวไม่ได้เลย บนเพดานก็ยังมีคัมภีร์ธรรมบังคับให้ท่องอ่าน ท่องอ่านให้หมดเร็วก็พ้นจากเตียงเหล็กได้เร็ว  ทั้งนี้ต้องโทษตัวฉันเอง เมื่อครั้งมีชีวิตชอบเอาหนังสือบุญหรือพระธรรม
คัมภีร์มาหนุนแทนหมอน  พระองค์นายด่านบอกว่า  ฉันไม่เคารพปราชญ์อริยะ จะต้องลงโทษให้นอนอยู่อย่างนี้ สามวันพ้นแล้วจึงจะส่งฉันไปที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  เพื่อศึกษาจริยะบุคลิกและการปลูกฝังจิต

ฉงซิว   :  อ้อ  อย่างนี้นั่งเอง ดูเหมือนความผิดแม้แต่น้อยก็ไม่ได้  เรียนถามผู้อาวุโสท่านนี้บ้าง  เมื่อกี้เห็นท่านยืนนิ่งเหมือนรูปสลักคงไม่เจ็บปวดอะไรกระมัง ท่านผิดด้วยเรื่องอะไรหรือขอรับ

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  ฉันยืนเมื่อยแทบตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ขยับเลยทั้งสามวัน พระองค์นายด่านจึงจะส่งฉันไปฝึกจริยะบุคลิกและจิตญาณที่ตำหนัก "เพิ่มบำเพ็ญ" เป็นเพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ฉันชอบพิงกำแพง  พิงเสา  เห็นอะไรพิงได้ก็พิง   มีคนเคยเตือนว่า ผู้บำเพ็ญไม่ให้มีลักษณะเหมือน  "ไม่มีกระดูก"  ชอบพิงโน่นพิงนี่แต่ฉันไม่ฟัง แม้แต่นั่งอ่านเขียนหรือทำสมาธิหรือพูดคุยกับใครก็ต้องหาที่พิง มีคนบอกฉันว่าอย่างนี้ไม่น่าดู แต่เพราะความเคยชิน จึงแก้ไม่หาย พอฉันตายได้มาถึงตำหนัก  "บรรลุอริยะ"  ของจิ่วหยังกวนนี้ พระองค์นายด่านว่า ฉันไม่มีจริยะบุคลิกที่น่าดู  ขาดความสำรวม  ตัดสินให้ยืนอยู่นี่สามวัน  สามวันนี้ไม่ให้กระดิกตัวแม้แต่น้อย จึงจะส่งฉันไปฝึกต่อที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  เฮ้อ !  ขอเตือนผู้บำเพ็ญในโลกว่านั่งให้มีลักษณธการนั่ง  ยืนให้มีลักษณะการยืน ใครผิดก็จะได้รับโทษอย่างฉัน

ฉงซิว   :  แย่แล้ว !  นิสัยอย่างนี้บางทีกระผมก็เป็นเหมือนกัน ขอบพระคุณที่ท่านหวังดีบอกกล่าว  เรียนถามอาวุโสท่านนี้ เมื่อกี้ดูเหมือนเห็นท่านคุกเข่าอยู่กับพื้น  คงลำบากหน่อย สำหรับกระผมการหมอบกราบรู้สึกลำบากมาก ไม่ทราบว่าท่านทำผิดอะไร 

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  โอ  คุกเข่าอยู่ลำบากจริง ๆ ต้องคุกเข่าฝึกจริยะเพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ทำผิดเช่น
1. เวลานั่งรับประทานอาหารร่วมกับพระอาจารย์หรือผู้อาวุโสท่านยังมิได้เริ่มรับประทาน ศิษย์ผู้น้อยลงมือเสียก่อน เรียกว่า "ไม่ละเอียดรอบครอบในจริยะ"
2. คารวะต่อกัน ไม่คารวะตอบ จะเป็นระหว่างสามีภรรยา  พี่น้อง  ผู้บำเพ็ญ  หรือต่อผู้น้อยก็ตาม  ฝ่ายที่ไม่คารวะตอบ จะต้องถูกนำมาคุกเข่าคารวะตอบที่นี่ 3. ศิษย์ที่ร่วมเดินทางกับอาจารย์ สนใจหอบหิ้วแต่สัมภาระของตัวเอง ไม่ช่วยหยิบถือให้อาจารย์  เรียกว่า "ไม่เคารพยกย่อง"  ก็จะต้องมารับโทษคุกเข่าอยู่ที่นี่

ฉงซิว   :  อย่างนี้เอง แต่ไม่ทราบว่าท่านทำผผิดข้อไหน  และจะต้องคุกเข่าอยู่นานเท่าไหร่

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  แย่จังเลย  ที่กล่าวมาทุกข้อดูเหมือนฉันจะมีส่วนทั้งนั้น พระองค์นายด่านจึงตัดสินให้ฉันคุกเข่าอยู่สามวัน  หลังจากนั้นจึงจะส่งฉันไปฝึกจิตศึกษาธรรมที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ" 

ฉงซิว   :  อย่างนี้นั่นเอง  ขอบพระคุณท่าน

พระฯ ผู้คุม   :  ทั้งสามเล่าจบแล้ว รีบกลับเข้าที่สำนึกได้

พระฯ จี้กง   :  ค่ำแล้วเราก็ควรกลับตำหนักกันได้แล้ว รบกวนท่านผู้คุม ขอบพระคุณท่านนายด่านแทนอาตมาด้วย

พระฯ ผู้คุม   :  กราบส่งพระพุทธะจี้กง และส่งนักบุญฉงซิวกลับตำหนัก ฯ

พระฯ จี้กง   :  รบกวนท่าน   ฉงซิวรีบออกจากด่านกลับตำหนักฯ นกเผิงใหญ่รอเราอยู่ที่นั่นแล้ว

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระผู้คุมและเซียนอาวุโสทุกพระองค์ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ศิษย์กราบลา  พระอาจารย์ได้โปรด ศิษย์นั่งพร้อมแล้วโปรดเดินทางได้ 

พระฯ จี้กง   :  ดีละ  หลับตา  บินได้  ถึงตำหนักฉงเซิง วิญญาณฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 14 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                         ตำหนักอนุโมทนาบุญ

                             (เล่อซั่นถัง)           

                  วันที่  9  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ผ่านครบถ้วน        ล้วนสว่าง        ด่านเก้าเก้า
ทุกวันเฝ้า                ประคองนิ่ง       ญาณจริงตน
พึงรู้วาร                   ธรรมกาล         ผันเปลี่ยนพ้น
จะไม่วน                  หลงเกิดกาย     ไปหรือมา

พระฯ จี้กง   :  "บันทึกท่องจิ่วหยัง"  ใกล้จะปิดเล่มแล้ว อาตมาเบาใจมาก ตำหนักฯ ฉงเซิงถังรับสนองพระโองการตามบุญกำหนด รับภาระใหญ่กล่อมเกลาผู้คนในยุคที่วิถีอนุตตรธรรมมาพร้อมกับภัยพิบัติ หวังว่าฉงซิวจะต้องยืนหยัดให้มั่นคง  สำรวจตน  เตือนตน  วันข้างหน้าเมื่อบุญกุศลถึงพร้อมแล้ว จะสามารถผ่านด่านต่าง ๆ ของจิ่วหยังกวนไปได้อย่างราบรื่น ได้บรรลุอริยะจริง

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระอาจารย์ได้โปรดสั่งสอน จิ่วหยังกวนเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดด่าน แม้ไม่อาจไปหาข้อมูลได้ทั่ว แต่ก็ได้เลือกด่านที่เป็นแบบอย่างมาเล่าโดยละเอียด เพื่อโน้มน้าวให้ชาวโลกได้รู้ว่ามีสถานที่นี้ ผู้บำเพ็ญยิ่งจะต้องตั้งหน้ามุ่งสู่หนทางธรรมะ อย่าปล่อยให้นิสัยอารมณ์ทางโลกบดบัง ทำให้ตกต่ำ

พระฯ จี้กง   :  งานธรรมะของตำหนักฉงเซิง ก็มีผลต่อชาวเมืองไต้หวันมาก หวังว่าศิษย์ทุกคนที่ตำหนักจะได้บำเพ็ญให้ดี  มิฉะนั้นจะเหมือนเข้าถ้ำอัญมณีแต่ไม่ได้อะไรมา น่าเสียดายไหม อุตส่าห์บำเพ็ญมาก็เหนื่อยเปล่า

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระอาจารย์ได้โปรดอบรม พี่น้องญาติธรรมในตำหนัก ฯ  ของเราทุกคนจะทำตามคำสอนของพระองค์ จะไม่ให้พระองค์ต้องผิดหวัง

พระฯ จี้กง   :  เอาละ ถึงเวลาแล้ว คืนนี้ที่เราจะไปกันคือ เหนือดินแดนตะวันตกหรือตำหนัก  "อนุโมทนาบุญ"  ของด่านจิ่วหยัง เป็นการบันทึกท่องด่านจิ่วหยังเที่ยวสุดท้ายแล้ว  ฉงซิวรีบขึ้นนกเผิงใหญ่เราไปกันเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์พร้อมแล้ว  ทูลเชิญพระอาจารย์ 

พระฯ จี้กง   :  เอาละหลับตา  บินได้ ... ถึงแล้ว  เบื้องหน้าคือตำหนัก  "อนุโมทนาบุญ"  ของด่านจิ่วหยัง  ประมุขเซียน (เซียนจวิน)  ที่ตำหนักนี้พร้อมทั้งเหล่าเซียนกำลังรอเราอยู่แล้ว  ฉงซิวรีบเข้าไปคารวะเสีย

ฉงซิว   :  ขอรับ  กราบพระบาทพระองค์เซียนจวิน และเซียนผู้อาวุโสทุกพระองค์ ศิษย์ฉงซิวคือมือทรงเอกแห่งพระตำหนักไถจงฉงเซิง สังกัดเบื้องบนทักษิณาลัย คืนนี้ได้รับสนองพระโองการตือตามพระอาจารย์มากราบเยี่ยมตำหนักของพระองค์ จะเป็นเหตุรบกวนอันใด หวังว่าพระองค์ได้โปรดประทานอภัย

เซียนจวิน   :  ลุกขึ้นเถิดฉงซิว มิต้องคารวะ ยินดีต้อนรับพระพุทธะจี้กงและเจ้ามาที่นี่  พระพุทธะจี้กงรับสนองพระโองการจากพระแม่องค์ธรรมย่ำไปในสามโลก น่าเคารพยิ่งนัก

พระฯ จี้กง   :  เฮ้อ  จนหนทางกับชาวโลกจริง ไม่ดื่มเหล้าก็เมาหนัก อาตมาดื่มบ่อยกลับมีสติ  ที่จริงก็ไม่ใช่อาตมาเท่านั้นหรอกที่ยุ่งกับงานนี้  พระอริยะทุกพระองค์มีพระองค์ไหนบ้างที่ไม่ต้องยุ่งกับงานฉุดช่วยชาวโลก

เซียนจวิน   :  พระอาจารย์จี้กงช่างเกรงใจ คำพูดของพระองค์มีปริศนาธรรมแฝงอยู่ ซึ่งหวังว่าชาวโลกจะได้ตื่นกันจริง ๆ เสียที เชิญทั้งสองท่านพักผ่อนข้างในสักครู่

พระฯ จี้กง   :  ดีทีเดียว  ฉงซิวรีบเข้าไปเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ   ที่สองข้างประตูมีกลอนคู่ความว่า 

        ตรวจสอบชั่วชีวิต     ไม่ผิดตกบกพร่อง
ให้ท่องชมสวรรค์
        บุญกุศลครบครัน       บัญชีเราถวาย
เจ้าเป็นไทสุขเสรี

เซียนจวิน   :  ฉงซิว ตะลึงอะไรอยู่

ฉงซิว   :  โอ  ท้องพระโรงของพระองค์ใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน เหมือนกับอาคารใหญ่ที่ระลึกอดีตประธานาธิบดีเจียงไคเช็คที่ไทเปยังงั้น  เซียนอาวุโสมากมาย ผ่านเข้าออกกันขวักไขว่ อย่างกับเร่งทำงานกัน

พระฯ จี้กง   :  เข้าไปข้างใน แล้วขอให้พระองค์เซียนจวินเล่าความเป็นไปของ ตำหนักอนุโมทนาบุญ  ให้ฟังเถอะ

เซียนจวิน   :  น้อมรับ เชิญพระพุทธะจี้กง และฉงซิวนั่งเสียก่อน  ฉงซิวมีข้อสงสัยอันใดเชิญถามได้

ฉงซิว   :  ไม่ทราบว่า ต"ำหนักอนุโมทนาบุญ "  ทำหน้าที่อะไรในจิ่วหยังกวน  พระองค์ได้โปรดบอกกล่าว 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 14 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                         ตำหนักอนุโมทนาบุญ

                             (เล่อซั่นถัง)           

                  วันที่  9  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ผ่านครบถ้วน        ล้วนสว่าง        ด่านเก้าเก้า
ทุกวันเฝ้า                ประคองนิ่ง       ญาณจริงตน
พึงรู้วาร                   ธรรมกาล         ผันเปลี่ยนพ้น
จะไม่วน                  หลงเกิดกาย     ไปหรือมา

เซียนจวิน   :  ตำหนัก "อนุโมทนาบุญ"  นี้  ทุกวันจะมีผู้บรรลุธรรมนับพันนับหมื่นผ่านไปมา มีเซียนพระประมุข (เซียนจวิน)  สิบสองพระองค์จัดการดูแล แต่ละพระองค์เซียนจวินจะต้องดูแลสิบสองพระตำหนัก 
        ในตำหนัก "อนุโมทนาบุญ"  นี้จึงมีพระตำหนักย่อยรวมหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ตำหนัก เราทำหน้าที่ดูแลทั้งหมด 
        ในแต่ละตำหนักก็จะมีเซียนพระผู้คุมหนึ่งพระองค์ ภายใต้พระบัญชาของพระผู้คุมแต่ละพระองค์ก็ยังมีหัวหน้าเวรอีกสิบหกพระองค์
        ภายใต้พระบัญชาของหัวหน้าเวร    ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ยี่สิบแปดพระองค์
        ภายใต้พระบัญชาของเจ้าหน้าที่     ก็ยังมีพนักงานดูแลอีกยี่สิบสี่พระองค์
        ภายใต้พระบัญชาของพนักงานดูแล ก็ยังมีผู้ติดตามอีกยี่สิบสี่พระองค์
        ภายใต้พระบัญชาของผู้ติดตาม      ก็ยังมีผู้รับใช้อีกสามสิบหกพระองค์
        ผู้ที่เพิ่งมาถึงตำหนักอนุโมทนาบุญ เราจะต้องตรวจสอบสมุดบาปบุญแต่ละข้อของเขาแล้วกำหนดมรรคผลตามบุญกุศลของเขาว่าอยู่ขั้นไหน จากนั้นเซียนจวินสิบสองพระองค์จึงค่อยรายงานมายังเรา เราก็จะถวายรายงานนำผู้นั้นขึ้นสู่สุทธาวาสแดนสุขาวดีอันสงบ  อิสระ  และวิเศษจนไม่อาจบรรยาย
        ผู้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอันใด ก็จะท่องเที่ยวไปด้วยความสุขในดินแดนวิเศษของเซียนทั้งหลายนั้น

ฉงซิว   :  ฟังแล้วชื่นชมเหลือเกิน

เซียนจวิน   :  ไม่เพียงเท่านั้น บางพระองค์แม้จะบรรลุอริยะฐานะแล้ว แต่ตั้งใจจะสร้างบุญฉุดช่วยผู้คนอีกแล้วกลับลงไปเกิดใหม่  เมื่อกลับขึ้นมาครั้งนี้เราก็จะต้องตรวจสอบรากฐานเดิมของท่านว่าไปจากอริยะฐานะระดับใด  การลงไปสร้างบุญครั้งนี้ หากกุศลผลบุญไม่เพียงพอแก่ระดับเดิม เมื่อกลับขึ้นมาก็จะอนุโลมให้ขึ้นไปอยู่ในระดับเดิมก่อน บุญกุศลที่ไม่ครบถ้วนอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ภายหลัง แต่หากเมื่อลงไปเกิดใหม่แล้วได้สร้างบุญกุศลใหญ่ เมื่อบรรลุขึ้นมาใหม่จะได้เลื่อนพระอริยะฐานะอีกสามระดับ  หญิงชายจะได้เช่นเดียวกัน บัลลังก์บัวของแต่ละคน ต่างกำหนดขึ้นได้จากการบำเพ็ญในโลก รวมความว่าจะกำหนดมรรคผลตามบุญกุศลที่สร้างมา และกำหนดฐานบัลลังก์ตามมรรคผลนั้น 

ฉงซิว   :  ไม่ทราบว่าจนถึงวันนี้ศิษย์มีกุศลผลบุญแล้วเท่าไร พระองค์เซียนจวินจะโปรดให้ดูสักหน่อยได้ไหมขอรับ

เซียนจวิน   :  ความลับของเบื้องบนไม่อาจเปิดเผยได้ แต่เจ้าได้รับสนองพระโองการมา เราจะอนุญาตให้เจ้าดูเป็นพิเศษ แต่ห้ามอ่านออกเสียง  สมุดเล่มนี้คือสมุดบาปบุญของสานุศิษย์ที่พระตำหนักของเจ้า อย่าได้ท่องรายชื่อออกมาเป็นอันขาดเชียว

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์ขอรับพระบัญชา  ฮิ  ดูของตัวเองก่อน ว้า ... มีแค่นี้เอง แย่แล้ว แย่แล้ว  นี่ของศิษย์ผู้พี่ (ชาย) ก็ไม่เลว ... นี่ของพี่หญิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่  นี่ของศิษย์ผู้พี่ นาย ข. อือม์ ก็ไม่เลว ... ดูขบแล้ว ขอรับ  ขอบพระคุณพระองค์เซียนจวินที่โปรดเมตตา

เซียนจวิน   :  หวังว่าชาวโลกจะได้รู้ว่าการศึกษาธรรมะก็คือ บำเพ็ญจิต จะต้องเอามนุษย์ธรรมไปเชื่อมกับอนุตตรธรรม เช่นนี้จึงจะเป็นสัมมาธรรมะ หากปรารถนาการบรรลุ จะต้องกวาดล้างนิสัยอารมณ์ ความเคยชินทางโลกีย์วิสัยออกไปให้หมด เช่นนี้จึงจะบรรลุจริง  ซึ่งมิเสียแรงที่เจ้าได้ทุ่มเทการบำเพ็ญมาชั่วชีวิต

พระฯ จี้กง   :  ค่ำแล้ว  ต้องลากลับตำหนักด้วยเวลาเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณเซียนจวินที่เอื้อเฟื้อ ฉงซิวกราบลาพระองค์กลับตำหนักกันเถิด

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระองค์เซียนจวินกับเซียนผู้อาวุโสทุกพระองค์ ศิษย์กราบลา

เซียนจวิน   :  ประโคมกลองระฆัง เรียงรายสองฟากส่งเสด็จพระพุทธะจี้กง และยินดีส่งฉงซิวกลับตำหนัก

พระฯ จี้กง   :  ขอบพระคุณ ขอลากลับตำหนัก ฉงซิวรีบขึ้นนกเผิงใหญ เรากลับกันเถิด

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์นั่งดีแล้ว พระอาจารย์ได้โปรดเดินทางได้

พระฯ จี้กง   :  ดีแล้ว  หลับตา  บินได้ ... ถึงพระตำหนักฉงเซิง ฉงซิวรีบลงมา วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม อาตมากับนกเผิงใหญ่กลับเบื้องบนเพื่อถวายรายงาน ณ บัดนี้

                         ~~~ จบบริบูรณ์ ~~~

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              จิ่วหยังกวน

                       สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ 

                   พระพุทธะจี้กงโปรดประทับทรง

                      ประทานสรุปท้ายเรื่อง

        เรื่องของโลกทิพย์เป็นนามธรรมที่ไม่อาจจับต้องได้ เป็นไปตามจิตสัมผัสของแต่ละคน โดยเฉพาะในสมัยที่วิทยาศาสตร์เฟื่องฟูในขณะนี้ ยิ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน  สวรรค์และนรกแท้จริงอยู่ในใจตนเอง บุญและบาปก็เป็นไปตามที่จิตกระหวัด  พระอนุตตรธรรมเจ้าทรงเมตตาสงสาร ประทานวิถีอนุตตรธรรมลงมาฉุดช่วยทั่วดินแดนไต้หวัน  พระเทวตำหนัก  (หลวนถัง)  ได้จัดตั้งขึ้นมากมาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทรงแสดงพระบุญญา ประทับทรงอยู่ทุกแห่ง ประกาศสัจธรรมอันแยบยล ก็เพื่อจะชี้ชัดให้ชาวโลกได้เห็นวิถีธรรมอันกว้างใหญ่ 
        น่าเสียดายที่ผู้ศึกษาธรรมมีมากดังฝูงปลาซิวที่ว่ายน้ำผ่านไป  แต่ผู้รู้แจ้งประจักษ์ในมรรคผลกลับหาได้ยากดังขนนกหงส์และเขากิเลน  สาเหตุก็คืออนุสัยและนิสัยไม่ดีงามทางโลกแก้ได้ยาก จึงไม่อาจบรรลุจริงได้ น่าเสียดายยิ่งนัก  เบื้องบนทรงเล็งเห็นเหตุนี้จึงได้โปรดจัดตั้ง  "จิ่วหยังกวน"  ขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อกำหราบพุทธบุตรผู้บำเพ็ญ ให้ได้ขัดฝนนิสัยไม่ดีงามเสียที่จิ่วหยังกวน เพื่อจะได้เพียบพร้อมสมบูรณ์
        บัดนี้ วิถีอนุตตรธรรมได้โปรดถ่ายทอดไปทั่ว อาตมาจึงได้นำศิษย์หลินฉงซิวแห่งตำหนักไถจงฉงเวิงถอดจิตไปท่องจิ่วหยังกวนแต่ละด่าน แต่ก็หวังว่าพุทธบุตรผู้บำเพ็ญทั้งหลายจะสำนึกรู้พระเจตนาของพระอนุตตรธรรมเจ้า เมื่อได้อ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ จงสำนึกในความผิดที่แล้วมา เพียรสร้างบุญกุศล ก็ยังอาจบรรลุได้
        บัดนี้ ในระหว่างที่  "บันทึกท่องจิ่วหยังกวน"  พร้อมจะส่งพิมพ์ อาตมาได้ประทับทรงเจาะจงสรุปไว้ด้วยบทสั้น ๆ ดังกล่าว  หวังว่าผู้บำเพ็ญทั้งหลายในโลกจะได้สำนึกรู้ว่า แม้  "จิ่วหยังกวน"  จะเข้มงวด ถ้าแม้นเพียงแต่ตั้งใจบำเพ็ญด้วยพลานุภาพจิตอันเที่ยงตรงเท่านั้น บัลลังก์บัวก็มิได้ห่างไกลไป
       
                         พระเต้าจี้แห่งหนันผิง  สรุปมา  ณ พระตำหนักไถจงฉงเซิง สังกัดทักษิณาลัย

                                         พฤศจิกายน  พ.ศ. 2525           

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”