collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: จิ่วหยังกวน สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ  (อ่าน 29300 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 10 

                     ท่องด่านที่เจ็ด  ของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านศรัทธาเคารพ

                             (เฉิงจิ้งกวน)           

                  วันที่  5  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     จงพิจารณา        ในกระถางธูป        รูปโป๊ยก้วย
จะเห็นด้วย              อนุตตร               ภาวะสงบ
ปารมิตา                 แก้วเจ็ดสี            มีอยู่ครบ
สามเล่มเกวียน          ขนไม่หมด          เจนจบโสดา ฯ

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  ฉันเป็นเจ้าตำหนักพระแห่งหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้ร่างของฉันแสดงบุญญาภินิหาริย์มากมาย  ทำให้ผู้คนเลื่อมใสขึ้นกับตำหนักของฉันล้นหลาม ระยะนั้นเองพระองค์ได้โปรดชี้ทางว่า ให้ถือโอกาสตักเตือนให้ผู้คนสำรวมตน บำเเพ็ญจิต  แต่เขาเหล่านั้นล้วนแต่ชอบสิ่งวิเศษมหัศจรรย์ ผู้ฟังก็ยิ่งคลั่งไคล้  ไม่มีใครสนใจจะนำจิตให้สู่ทางตรงเลย อีกทั้งต่างอวดอ้างกันแปลก ๆ อวดอุตริมนุษย์ธรรมกันใหญ่  พอฉันตายก็ถูกนำลงไปถอนชื่อผู้ตายในนรกเดิมทีคิดว่าตนช่วยให้คนศรัทธาไหว้พระจะได้ผลบุญ ไม่คิดว่าจะถูกส่งมาสำนึกที่นี่ พระองค์นายด่าน ฯ บอกว่า  ฉันฉุดช่วยคนโดยไม่ใช้สัมมาธรรมะ กล่อมเกลา ผู้คนไม่พูดเรื่องบำเพ็ญจิต ชอบพูดแต่เรื่องวิเศษเลื่อยลอย จะต้องสำนึกผิดอยู่ที่นี่ครึ้งปี  ฉันเสียใจเหลือเกิน หวังว่าผู้บำเพ็ญในโลกจะได้เดินหนทางสัมมาธรรมะกัน กล่อมเกลาผู้คน อยาได้พูดแต่เรื่องมหัศจรรย์ มิฉะนั้นจะไม่รอดจากจิ่วหยังกวนไปได้

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณผู้อาวุโส เชื่อว่าเสียงกู่ร้องของท่านจะเรียกผู้บำเพ็ญที่ติดนิมิตอภิญญาให้ตื่นตัวได้  เรียนถามอาวุโสท่านนี้ เหตุใดจึงถูกขังอยู่ที่นี่ด้วย

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  ฉันเป็นเจ้าตำหนักพระแห่งหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดเมตตาใช้ร่างของฉันประทับทรง สร้างความมหัศจรรย์ไว้มาก ทำให้ผู้คนมากราบไหว้คับคั่ง สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ได้โปรดชี้แนะให้ฉันถือโอกาสตักเตือนพวกเขาให้บำเพ็ญกายใจ  แต่คนที่มากราบไหว้ล้วนยินดีในทางไสยศาสตร์ ฉันจึงต้องพูดแต่เรื่องนิมิตเลื่อยลอยให้ฟัง และพูดให้มหัศจรรย์ที่สุด ทำให้พวกเขาคลั้งไคล้หนักเข้า  พวกเขาไม่สนในหนทางสัจธรรมเลย เอาแต่เทพนิยายลี้ลับมาเล่าขานกันและคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ  เมื่อฉันตายจึงถูกนำไปถอนชื่อในบัญชีนรก คิดว่าจะได้บุญจากกันชักนำผู้คนมากราบไหว้พระมากมาย ไม่นึกว่าจะต้องมาสำนึกผิดอยู่ที่นี่  พระองค์นายด่าน ฯ บอกว่า ฉันนำพาผู้คนไม่อบรมสัจธรรมบำเพ็ญจิต ชอบพูดแต่สิ่งลี้ลับ จะต้องสำนึกผิดอยู่ที่นี่ครึ่งปี ฉันเสียใจจริง ๆ หวังว่าผู้บำเพ็ญชาวโลกจะเดินทางตรง อรรถาแต่สัจธรรม อย่าเอาแต่เรื่องลี้ลับมาพูด มิฉะนั้นจะไม่รอดจากจิ่วหยังกวน

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณท่าน เชื่อว่าเสียงกู่ร้องของท่านคงจะเรียกให้ผู้บำเพ็ญที่หลงโลกลี้ลับได้ตื่นกัน  เรียนถามอาจารย์ท่านนี้ ดูการแต่งตัวของท่านเหมือนผู้บำเพ็ญธรรม เหตุใดจึงถูกขังในที่นี้

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  เฮ้อ พูดแล้วน่าละอาย ฉันก็เป็นผู้รับผิดชอบศาลเจ้าพร้อมกับเป็นร่างทรงด้วย ฉันปฏิบัติบำเพ็ญได้ไม่เลวนัก พระเจ้าได้ดลบันดาล สาธุชนจึงหลั่งไหลมา  ฉันถูกสาธุชนรุมล้อมยกย่อง ทำให้ลำพองใจสำคัญตนว่าไม่ใช่คนธรรมดา เวลาถ่ายทอดธรรมก็จะบอกสาธุชนว่า ฉันได้รับพระโองการจากเบื้องบน ใครติดตามฉันจะมีทางรอด อีกทั้งบอกว่าพระเจ้าของเราสูงส่งกว่าที่อื่น และยังเป็นศาลเหนือเทวโลก ศาลอื่น ๆ เป็นเพียงระดับเทวโลก
        ผู้คนที่ชอบดูปาฏิหาริย์การทรงเจ้ารู้เข้าก็พากันมา สานุศิษย์ของฉันก็ยิ่งผยองสำคัญว่าพระ - เจ้าที่ตนบูชาอยู่สูงส่งกว่าที่ศาลใด ๆ จริง ๆ  จึงต่างลำพองตนกันชัดเจน ตัวฉันเองก็อ้างพระนามสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ่อย ๆ ว่า ที่ศาลนี้ขึ้นตรงต่อเบื้องบน สานุศิษย์ของที่นี่ก็จะสูงส่งกว่าที่อื่น  เหตุการณ์เป็นอย่างนี้อยู่สองปี  วันหนึ่งฉันขี่รถพลาดตกลงไปในสระแล้วจมน้ำตาย เพราะว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อวิญญาณไปถึงยมโลก พญายมบอกฉันไม่ใช่คนร้าย และมีบุญที่ได้ช่วยคน จึงส่งฉันข้ามสะพานทอง ฉันดีใจมากคิดว่าได้ไปนิพพานแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกนำมาที่นี่
        เมื่อพระองค์นายด่าน ฯ ตรวจสอบแล้วบอกว่า การฉุดคนให้ขค้นฝั่งธรรม หมายถึง เป็นปากเสียงแทนเบื้องบน ต้องเอาธรรมะเป็นหลัก ไม่ควรเรียกความศรัทธาด้วยการอวดความวิเศษ  ตำหนักพุทธะ  เทวสถาน  ต่างสนองพระโองการช้วยสานุชนตามแต่พระบัญชาหน้าที่ ใครจะบอกได้ว่าพระ - เจ้าที่ไหนใหญ่กว่ากัน ตัวเองยังไม่บรรลุ แต่แบ่งแยกให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นชั้นนิพพาน  ชั้นเทวโลก  ชั้นเล็ก ชั้นใหญ่  ทำให้สาธุชนหลงผิดไม่มีจุดหมายแม้จะได้บุญจากการช่วยคน แต่นิสัยอวดดียังมีอยู่จะบรรลุอริยะฐานะได้หรือ ฉันจึงถูกตัดสินให้สำนึกอยู่ในด่านนี้สามปี  ตอนนี้เสียใจก็สายเสียแล้ว
        ทุกวันนี้ ฉันต้องคุกเข่าอยู่บนก้อนเหล็ก เจ็บปวดเหลือเกิน ท่าทีผยองของฉันเมื่อมีชีวิตอยู่ปรากฏเป็นภาพให้เห็นตลอดเวลา ไม่น่าเชื่อเลยว่านั่นคือตัวฉัน เสียใจจริง ๆ

พระฯ จี้กง   :  ไม่เดินสายกลางทางตรง ชอบเลาะไปข้าง ๆ จะบรรลุได้อย่างไร หวังว่าเจ้าจะใช้เวลาสามปีนี้สำนึกตนให้ดี โดยเฉพาะขณะนี้ "ธรรมะกับมาร"  มาพร้อมกัน ผู้บำเพ็ญในโลกพึงระวังไว้  การบำเพ็ญจะต้องยึดสัจธรรมเป็นหลัก ไม่ใช่ดูที่บุญฤทธิ์ของใครเหนือกว่า พระโองการที่เบื้องบนได้โปรดมอบหมายให้สูงกว่า มิฉะนั้นจะเข้าบ่วงมาร

ฉงซิว   :  ศิษย์ก็หวังว่าร่างทรงทั้งหลายจะไม่ใช้จิตใจ อารมณ์ของตัวเองร่วมกับการทรง พระ - เจ้าทุกพระองค์ล้วนมีเมตตา พระองค์ไม่แก่งแย่งว่าพระองค์ใดใหญ่เล็กกว่ากัน เมธีอริยเจ้าก็กล่าวไว้ว่า "ยิ่งเรียนรู้มาก หัวก็ยิ่งอ่อนมาก"  เช่นนี้จึงจะปรากฏผลของการเป็นปากเสียงแทนเบื้องบนได้อย่างแท้จริง และทำให้โลกเกิดเอกภาพได้ในเร็ววัน

พระฯ ผู้คุม   :  ทั้งสามเล่าจบแล้วกราบลาพระฯ จี้กงและลานักบุญฉงซิวเสีย

พระฯ จี้กง   :  คืนนี้ค่ำแล้ว จะลากลับตำหนักฯ  ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ ช่วยขอบคุณท่านนายด่านแทนอาตมาด้วย

พระฯ ผู้คุม   :  กราบส่งพระพทุธะจี้กง น้อมส่งท่านนักบุญฉงซิว

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิว เร่งออกจากด่านขึ้นนกเผิงใหญ่กลับตำหนักกัน

ฉงซิว   :  ขอรับ ศิษย์พร้อมแล้ว พระอาจารย์โปรดเดินทางได้

พระฯ จี้กง   :  เอาละ หลับตา... บินได้  ถึงตำหนักพระฉงเซิง วิญญาณฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 11 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                             ตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ

                                (เจียซิวถัง)           

                  วันที่  6  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ธรรมะยิ่งใหญ่        ไกลกว้างรับ        สรรพโลก
ธรรมะปรก                 โปรดทุกผู้          อุบลฉาย
สามศาสนา                มาจากหนึ่ง         ซึ่งหลักชัย
กล่อมเกลาให้            ได้นิพพาน            ผ่านโลกีย์

พระฯ จี้กง   :  ถีงเวลาท่องจิ่วหยังกวนสำหรับคืนนี้แล้ว  ฉงซิวเตรียมตัว

ฉงซิว   :  คืนนี้พระอาจารย์จะพาศิษย์ไปท่องด่านที่แปดของจิ่วหยังกวนหรือขอรับ

พระฯ จี้กง   :  มิได้  คืนนี้เราจะไปทัศนาตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  ของจิ่วหยังกวน

ฉงซิว   :  ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  อยู่ที่ไหนหรือขอรับ

พระฯ จี้กง   :  ไปแล้วก็รู้เอง นกเผิงใหญ่กางปีกอยู่แล้ว

ฉงซิว   :  พระอาจารย์ขอรับ คืนนี้ดูนกเผิงใหญ่ผิดไป

พระฯ จี้กง   :  หือ  ผิดอย่างไร

ฉงซิว   :  ศิษย์ก็บอกไม่ถูก เอ้อ ... ดูสมบูาณ์ขึ้น น่าดูขึ้น

พระ ฯ จี้กง   :  ฮะ ฮะ ไม่ผิด  นกเผิงใหญ่ได้รับพระบัญชาจากพระบรรพจารย์หงจินให้มาสร้างบุญ นำส่งเจ้าไปหาระหว่างฟ้าดิน การท่องด่านครั้งนี้ก็อาศัยเขาทั้งนั้น เขาก็ได้เพิ่มผลบุญขึ้นอีกไม่น้อย  แน่นอน นี่ก็เป็นบุญวิเศษของเจ้าด้วย ไม่เช่นนั้นใครจะมีบุญได้ขี่เขา

ฉงซิว   :  เดือนนี้ทำให้เขาลำบากมากจริง ๆ ต่อไปหากตำหนักพระของศิษย์มีที่กว้างพอ ศิษย์จะสร้างรูปนกเผิงใหญ่เอาไว้เป็นที่ระลึกให้คนชื่นชม

พระ ฯ จี้กง   :  อือม์  เจตนานี้ไม่เลว

ฉงซิว   :  พระอาจารย์ดูซิขอรับ  เขากางปีกใหญ่แล้วเหมือนจะฟังเรารู้เรื่อง

พระ ฯ จี้กง   :  แน่นอน  เขาก็มีจิตญาณเหมือนกันนี่ เรารีบไปกันเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์นั่งดีแล้ว พระอาจารย์ได้โปรดเดินทางได้

พระฯ จี้กง   :  เอาละหลับตา ... บินได้ ... ถึงแล้ว  เบื้องหน้าคือตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  พระอริยเซียนจวินรอรับอยู่ที่นั่นแล้ว ฉงซิวเรารีบตรงไปเถอะ

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์ฉงซิวกราบคารวะพระองค์เซียนจวินและเซียนผู้อาวุโสทุกพระองค์ คืนนี้พร้อมด้วยพระอาจารย์จี้กงสนองพระโองการสร้างหนังสืือ ได้มาชมตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ หวังว่าทุกพระองค์ได้โปรดชี้แนะ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 11 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                             ตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ

                                (เจียซิวถัง)           

                  วันที่  6  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ธรรมะยิ่งใหญ่        ไกลกว้างรับ        สรรพโลก
ธรรมะปรก                 โปรดทุกผู้          อุบลฉาย
สามศาสนา                มาจากหนึ่ง         ซึ่งหลักชัย
กล่อมเกลาให้            ได้นิพพาน            ผ่านโลกีย์

เซียนจวิน   :  ฉงซิว ลุกขึ้นเถิด  ขอต้อนรับพระอาจารย์จี้กง พระผู้โปรดสัตว์ในยุคสามที่ได้โปรดาเยือน

พระฯ จี้กง   :  อย่าเป็นพิธีการเลย อาตมาไม่ยินดีกับสิ่งนี้ ทุกท่านมิต้องคารวะ

เซียนจวิน   :  พระอาจารย์จี้กงท่องไปในโลกมนุษย์ฉุดช่วยผู้คน  เหนื่อยยากหนักหนา บุญบารมีสูงส่ง ครั้งนี้ต้องสนองรับพระโองการนำฉงซิวแห่งเทวสถานไถจงฉงเซิงฯ มาหาข้อมูลที่จิ่วหยังกวน  ตำหนักของข้าพเจ้าได้รับพระโองการได้บอกกล่าวก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อสักครู่ก็ได้รับพระอักษรจากพระอาจารย์จี้กงว่าคืนนี้จะมาชมพระตำหนัก เซียนทั้งหลายที่นี่จึงยินดีนัก

พระฯ จี้กง   :  อาตมาพาฉงซิวท่องจิ่วหยังกวนเกือบสิ้นสุดแล้ว โล่งใจไปมากทีเดียว

เซียนจวิน   :  ทูลเชิญพระอาจารย์ ฯ  ขอเชิญนักบุญฉงซิวเข้าตำหนักเพื่อจะได้ถวายน้ำชา

พระฯ จี้กง   :  ดีเหมือนกัน คืนนี้มีเวลามากหน่อย  ฉงซิวมีปัญหาอะไรก้ถือโอกาสกราบทูลถามเสียด้วย

เซียนจวิน   :  พระอาจารย์และฉงซิวได้โปรดนั่ง  พนักงานถวายน้ำชา

ฉงซิว   :  ทูลถามพระองค์เซียนจวิน เหตุใดที่นี่จึงได้ชื่อว่าตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ (เจียซิวถัง) 

เซียนจวิน   :  เห็นชื่อก็รู้ความหมาย นั่นคือให้เพิ่มการบำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญทุกคนที่ได้ผ่านการเคี่ยวกรำจากด่านต่าง ๆ ของจิ่วหยังกวนมาแล้ว จะต้องมาที่ตำหนักนี้ ที่นี่มีสามสิบหกตำหนักใหญ่ ทุกตำหนักใหญ่แบ่งออกเป็นสามสิบตำหนักเล็ก จึงเป็นตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ สี่ร้อยหกสิบแปดบัลลังก์ แต่ละตำหนักจะมีพระผู้คุมพระองค์หนึ่ง  แต่ละตำหนักเล็กก็จะมีพระผู้คุมน้อยพระองค์หนึ่ง ทำหน้าที่ฝึกฝนจริยะระเบียบต่าง ๆ แก่ผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะ
        แต่ละตำหนักทำหน้าที่ต่างกัน เช่น บางคนต้องฝึกจริยะระเบียบ  บ้างฝึกจิต  บ้างต้องเข้าฝึกที่ตำหนักจริยะ (หลี่อี๋ถัง)  บ้างฝึกที่ตำหนักอรรถาธรรม (เจี่ยงเต้าถัง)  บ้างฝึกที่ตำหนักฝึกจิต (เลี่ยนซิ่งถัง)  บ้างฝึกที่ตำหนักนิมิตวิเศษ (เสวียนจีถัง)  ฝึกจนกระทั่งสมบูรณ์ทุกอย่าง แล้วพระผู้คุมตำหนักเล็กก็จะรายงานแด่พระผู้คุมตำหนักใหญ่ พระผู้คุมตำหนักใหญ่ก็จะส่งมาที่ข้าพเจ้าเมื่อตรวจสอบว่าสำเร็จจริงแล้วก็จะต่อไปยัง  "ตำหนักอนุโมทนาบุญ " (เล่อซั่นถัง)

ฉงซิว   :  โอ้โฮ  ดู ๆ แล้วการบำเพ็ญไม่ใช่ปุปปัปก็บรรลุได้เลย ขั้นตอนยุ่งยากทีเดียว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 11 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                             ตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ

                                (เจียซิวถัง)           

                  วันที่  6  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ธรรมะยิ่งใหญ่        ไกลกว้างรับ        สรรพโลก
ธรรมะปรก                 โปรดทุกผู้          อุบลฉาย
สามศาสนา                มาจากหนึ่ง         ซึ่งหลักชัย
กล่อมเกลาให้            ได้นิพพาน            ผ่านโลกีย์

เซียนจวิน   :  อันที่จริงเพียงแต่ยึดมั่นบำเพ็ญโดยศรัทธาเป็นปากเสียงแทนเบื้องบนท่านั้น ไม่เพียงแต่พญายมจะยกย่อง จิ่วหยังกวนก็ยินดี แต่ก่อนที่จะรู้แจ้งบรรลุจริง ต้องกำจัดนิสัยอารมณ์ทางโลกที่ไม่ดีงามออกไปให้หมดเสียก่อน นี่เป็นพระประสงค์ของโองการของเบื้องบน มิฉะนั้นหากปล่อยให้บำเพ็ญที่ยังมีนิสัยอารมณ์ไม่ดีงามทางโลกไปรับตำแหน่งหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่เป็นเรื่องชวนหัวหรือ

ฉงซิว   :  มีเหตุผลขอรับ แต่มีส่วนทำให้ขยาด ๆ

พระฯ จี้กง   :  อืม์  พาฉงซิวไปชมตำหนักใดตำหนักหนึ่งของท่านดีกว่า เขาจะได้เข้าใจดียิ่งขึ้น

เซียนจวิน    :  ถูกต้อง  ทูลเชิญพระอาจารย์จี้กง เชิญฉงซิวตามข้าพเจ้ามา

ฉงซิว   :  พระองค์เซียนจวินต้องโปรดพาไปเอง ผู้น้อยรู้สึกเกรงใจ

เซียนจวิน   :  ไม่เป็นไร หน้าที่ของเราต่างกัน แต่ละตำหนัก ฯ มีพระผู้คุมรับหน้าที่ชี้แจง เราเปรียบเสมือนผู้บัญชาการ หรือฝ่ายปกครองในกองทัพ ... ถึงแล้ว

ฉงซิว   :  ที่นี่แบ่งเป็นห้อง ๆ เหมือนห้องเรียน หน้าชั้นมีเซียนอาวุโสพระองค์หนึ่งทำหน้าที่อรรถาธรรมอยู่ เรายืนอยู่ข้างนอก จะรบกวนพระองค์ท่านไหมขอรับ

เซียนจวิน   :  ไม่เป็นไร เรายืนดูอยู่ตรงนี้ได้

เซียนอาวุโส   :  บัดนี้พระพุทธจี้กงและนักบุญฉงซิว มือทรงเอกแห่งตำหนักไถจงฉงเซิง ติดตามพระองค์เซียนจวินเสด็จมาชมการเรียนของเราอยู่ข้างนอก ทุกท่านจงยืนขึ้นปรบมือต้อนรับพระองค์และฉงซิว ครั้งนี้พระพุทธะจี้กงได้รับสนองพระโองการจากพระองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ (ท้าวสักกะเทวราช)  นำวิญญาณของนักบุญฉงซิวมาท่องจิ่วหยังกวน เพื่อเก็บข้อมูลเป็นหลักฐานไว้เตือนใจชาวโลกผู้บำเพ็ญ (ผู้รับการอบรมยืนขึ้น ปรบมือพร้อมกันด้วยความยินดี) 

ฉงซิว   :  ฮิฮิ  กระผมวางตัวไม่ถูกเลย

พระฯ จี้กง   :  ดูซิ  เรามารบกวนเวลาเรียนของท่านเสียแล้ว รบกวนท่านเซียนจวินช่วยเรีบกผู้รับการอบรมสักท่านหนึ่งมาให้ฉงซิวสัมภาษณ์สักหน่อย คงจะได้รายละเอียดยิ่งขึ้น

เซียนจวิน   :  น้อมรับ  มานี่ซิ  กราบคารวะพระพุทธะจี้กงและรู้จักกับฉงซิวเสีย

ผู้บำเพ็ญ   :  กราบคารวะพระพุทธะจี้กง ยินดีได้พบนักบุญฉงซิว  เมื่อมีชีวิตอยู่ ศิษย์ศรัทธาพระพุทธะจี้กง แต่ยังมิเคยได้ชมบุญอย่างนี้ สันนี้เป็นบุญที่ได้รับกราบพระบาทพระองค์จริง ดีใจเหลือเกิน

พระ ฯ จี้กง   :  ลุกขึ้นเถิด เจ้าต้องลำบากนัก อันที่จริงไม่น่าจะต้องมาที่นี่ เป็นเพราะความคิดผิดเพียงวูบเดียวเจ้าจึงต้องมาบำเพ็ญต่อที่นี่

ฉงซิว   :  แปลก ผู้อาวุโสท่านนี้ยังไม่แสดงตัว พระอาจารย์รู้ได้ยังไงขอรับ

เซียนจวิน   :  ฉงซิวเอ๋ย เจ้าลืมไปแล้วว่า พระฯจี้กงเป็นพระสัพพัญญู รู้ทุกอย่างตั้งแต่ยังมีกายสังขารอยู่เชียวนะ

ฉงซิว   :  ถูกแล้ว ๆ กราบขอประทานอภัยขอรับ เรียนถามผู้อาวุโสท่านนี้ว่า เหตุใดจึงต้องมารับการอบรมในตำหนักเพิ่มบำเพ็ญที่นี่

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 11 

                             ท่องจิ่วหยังกวน   

                             ตำหนักเพิ่มบำเพ็ญ

                                (เจียซิวถัง)           

                  วันที่  6  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ธรรมะยิ่งใหญ่        ไกลกว้างรับ        สรรพโลก
ธรรมะปรก                 โปรดทุกผู้          อุบลฉาย
สามศาสนา                มาจากหนึ่ง         ซึ่งหลักชัย
กล่อมเกลาให้            ได้นิพพาน            ผ่านโลกีย์

ผู้บำเพ็ญ   :  พูดแล้วน่าละอาย เมื่อครั้งมีชีวิตฉันเป็นกรรมการผู้จัดการของตำหนักพระแห่งหนึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์จี้กงด้วย บำเพ็ญมาสามสิบกว่าปีไม่เคยว่างเว้น และบำเพ็ญได้ไม่เลว ครั้งนี้เมื่อถูกทดสอบในการบำเพ็ญฉันกลับสอบตกโดยสิ้นเชิง จึงต้องมาบำเพ็ญที่ตำหนักฝึกจิต (เลี่ยนเซิ่งถัง) ต่อไป

ฉงซิว   :  มีการทดสอบอย่างไรหรือขอรับ

ผู้บำเพ็ญ   :  ฉันได้อภิญญาอยู่บ้าง ฉะนั้นเมื่อมีเหตุอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะชี้แจงเป็นนัย ๆ ครั้งหนึ่งเราไปทัศนาจรแล้วเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน ลูกชายคนเดียวของฉันต้องตายอย่างน่าสังเวชในอ้อมอกของฉัน แต่ฉันกลับปลอดภัย ตอนนั้นฉันเสียใจเหลือเกิน คิดอยู่แต่ว่าทำไมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่บอกกล่าวให้รู้กันก่อนบ้างเลย ความสะเทือนใจในครั้งนั้นหนักหน่วงนัก จากนั้นฉันได้แต่อมทุกข์ เจ็บป่วยนอนซมจนถึงวันตาย พญายมส่งฉันขึ้นสะพานทองแล้วถูกรับตัวไปยังจิ่วหยังกวน ฉันผ่านด่านมาได้อย่างราบรื่น เพียงแต่ยังไม่บรรลุจิตวิสุทธิ์ ไม่รู้แจ้งในวิถีธรรมนี้  จึงถูกกักตัวไว้ฝึกฝนที่ตำหนักกเพิ่มบำเพ็ญต่อไปก่อน

ฉงซิว   :  เป็นอย่างนี้เอง เหตุการณ์อย่างเดียวกันกับท่านในโลกมนุษย์ ผู้น้อยเคยเห็นอยู่สองสามราย

ผู้บำเพ็ญ   :  เฮ้อ  คิดถึงในครั้งนั้นทำไมปลงไม่ตกก็ไม่รู้  ฉันไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกว่าเป็นเพราะเกี่ยวกรรมกันมาแต่ชาติก่อน ไม่ควรสูญเสียจิตสำนึกต่อธรรมะด้วยเหตุนี้เลย บัดนี้ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าอีกไม่ช้าก็จะได้ขึ้นไปที่ตำหนักอนุโทนาบุญ (เล่อซั่นถัง) 

ฉงซิว   :  โอ ... ขอแสดงความยินดีต่อท่านอาวุโส หวังว่าคงมีโอกาสได้พบท่านอีก

เซียนจวิน   :  ผู้บำเพ็ญท่านนี้เล่าจบแล้ว เชื่อว่าชาวโลกคงได้สำนึกกันบ้าง

พระฯ จี้กง   :  ค่ำแล้ว เราควรกลับตำหนักฯ ได้แล้ว ฉงซิวรีบกราบลาพระองค์เซียนจวินเถิด

ฉงซิว   :  ขอรับ ศิษย์ขอกราบลาพระองค์เซียนจวิน หวังว่าจะมีบุญได้พบพระองค์อีก

เซียนจวิน   :  ดีแล้ว  พนักงานทั้งหมดจัดแถวกราบส่งพระบาทพระพุทธะจี้กง น้อมส่งนักบุญฉงซิวกลับตำหนัก ฯ 

พระฯ จี้กง    :  ไม่ต้อง ไม่ต้อง  ฉงซิวรีบขึ้นหลังนกเผิงใหญ่

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์พร้อมแล้ว พระอาจารย์ได้โปรดเดินทาง

พระฯ จี้กง   :  ดีแล้ว  หลับตา ... บินได้  ถึงตำหนักฉงเซิง วิญญาณฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 12 

                      ท่องด่านที่แปดของจิ่วหยังกวน   

                                ด่านฝึกจิต

                              (เลี่ยนซิ่งกวน)           

                  วันที่  7  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     บำเพ็ญธรรม        คัมภีร์อ่าน        พิจารณ์จิต
คุมจริต                   จริยา             พาถ่อมตน
พระ ฯ "เหยา , ซุ่น"    มุ่งเป็นได้       ในทุกคน
"ซุ่น" รู้ทน              เราก็คน          ไม่ทนฤา

พระฯ จี้กง   :  ถึงเวลาท่องจิ่วหยังกวนสำหรับคืนนี้แล้ว ฉงซิวรีบขึ้นนกเผิงใหญ่  เราไปกัน   

ฉงซิว   :  ขอรับ  ศิษย์นั่งดีแล้ว พระอาจารย์ได้โปรดออกเดินทาง

พระฯ จี้กง   :  เอ้า  หลับตา ... ไปได้ ... ถึงแล้ว  เบื้องหน้าคือด่านที่แปดของจิ่วหยังกวน  ด่านฝึกบำเพ็ญ (เลี่ยนซิ่งถัง) พระองค์นายด่านกับบริวารคอยเราอยู่แล้ว

พระฯ นายด่าน   :  น้อมต้อนรับพระพุทธะี้กงกับนักบุญฉงซิวที่มาเยือน ข้าพเจ้าเฝ้ารอรับอยู่นานแล้ว

ฉงซิว   :  ศิษย์กราบคารวะพระองค์นายด่าน ทำให้พระองค์และเซียนอาวุโสทุกพระองค์ต้องลำบาก เกรงใจเหลือเกิน

พระฯ นายด่าน   :  อย่าได้เกรงใจ ท่านและพระพระพุทธะจี้กงรับสนองพระโองการมา ถือเป็นแขกพิเศษของด่านเรา เชิญพระพุทธะจี้กงและฉงซิวนั่งพักสนทนา ในตำหนักสักครู่

พระฯ จี้กง   :  ดีทีเดียว  ฉงซิวเราเข้าไปพักกันหน่อย

ฉงซิว   :  ขอรับ  อือม์ ที่ประตูสองข้างพระตำหนักมีกลอนคู่ความว่า

จิตเป็นไท        ไม่ผวา        เมื่อมาที่นี่
หนาวฤดี          ที่ย่างกราย   เพราะร้ายมา

พระฯ นายด่าน   :  ทูลเชิญพระฯ จี้กงประทับ เชิฐฉงซิวนั่ง พนักงานข้างในถวายน้ำชา

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระองค์นายด่าน ที่โปรดต้อนรับ ไม่ทราบว่าผู้บำเพ็ญที่มารับการเคี่ยวกรำในด่านของพระองค์ทำผิดอะไรมาหรือ และการลงโทษเป็นอย่างไร  ขอรับ

พระฯ นายด่าน   :  ด่านนี้มีด่านย่อย ในปกครองอีกเก้าด่าน ภายในมีบรรยายกาสปกครองต่างกัน  ด่านแรกเบาหน่อย บรรยายกาศเป็นเป็นเหมือนหมอกเมฆสีดำ  บางด่านมืดมิดจนไม่เห็นนิ้วมือของตัวเองที่ยื่นไปข้างหน้า  ผู้บำเพ็ญจะถูกส่งไปสำนึกตามแต่โทษหนักเบา  ส่วนเขาทำผิดอะไรมาอีกประเดี๋ยวไปดูก็จะรู้เอง

พระฯ จี้กง   :  ใช่แล้ว  รบกวนนายด่านโปรดบัญชาให้ใครพาไปดูด่านย่อยที่หนึ่งด้วย

พระฯ นายด่าน   :  น้อมรับ   ให้พระนายทะเบียนนำพระพุทธะจี้กงและนักบุญฉงซิวไปชมด่าน

นายทะเบียน   :  น้อมรับ  ทูลเชิญพระพุทธะจี้กง ขอเชิญนักบุญฉงซิวตามผู้น้อยมา ... ถึงแล้ว ... เบื้องหน้าคือด่านย่อยด่านแรก

พระฯ ผู้คุม   :  กราบคารวะพระพุทธะจี้กง ยินดีต้อนรับนักบุญฉงซิวที่มาเยือน

พระฯ จี้กง   :  อย่าคารวะมากไปเลย รีบนำเราเข้าไปข้างในเถิด

พระฯ ผู้คุม   :  รับพระบัญชา  ได้โปรดตามผู้น้อยมา

ฉงซิว   :  โอย  มืดอย่างนี้จะเห็นได้อย่างไร

พระฯ จี้กง   :  รีบเอาดวงแก้วของพระกษิติครรภ์ตี้จั้งอ๋วง ออกมาซิ เปิดกล่องเข้า

ฉงซิว   :  ขอรับ  เปิดแล้ว  โอ้โฮ  แสงกระจายไปรอบทิศเลย ในห้องสว่างไปหมด เอ ทำไมทุกคนนั่งเงียบหลับตา เหมือนคิดอะไรอยู่ เราคงจะทำเสียงรบกวนเขาเข้าแล้ว

พระฯ ผู้คุม   :  ไม่หรอก  ผู้บำเพ็ญทุกคนกำลังสำรวจความผิดตน ถ้าจิตสำนึกผิดมีพอ เขาก็จะเห็นแสงสว่างเบื้องหน้าได้ เมฆสีดำเหนือศรีษะก็จะหายไปเอง

ฉงซิว   :  ผู้ที่นั่งสำนึกผิดในความมืดของด่านย่อยด่านแรกนี้ คงจะทำความผิดเล็กน้อยกระมัง

พระฯ ผู้คุม   :  ข้าพเจ้าจะเรียกผู้บำเพ็ญบางคนออกมาให้ซักถาม  สามคนนั่นรีบมากราบพระพุทธะจี้กงและพบกับนักบุญฉงซิวมือทรงเอกของตำหนักไถจงฉงเซิง ในโลกมนุษย์  ซึ่งได้รับสนองพระโองการมาหาข้อมูลที่จิ่วหยังกวน เตรียมสร้างหนังสือบุญ  ทั้งสามให้เล่าเรื่องระหว่างบำเพ็ญและความผิดโดยละเอียด จะได้บันทึกไว้ในบทพิเศษสำหรับเตือนใจชาวโลกต่อไป

ผู้บำเพ็ญ ก. ข. ค.   :  น้อมรับบัญชา  กราบคารวะพระพุทธะจี้กง ยินดีได้พบนักบุญฉงซิว

ฉงซิว   :  ผู้น้อยฉงซิวของคารวะผู้อาวุโสทุกท่าน คืนนี้ได้ติดตามพระอาจารย์จี้กงรับสนองพระโองการให้มาหาข้อมูลของจิ่วหยังกวนที่นี่ เพื่อสร้างหนังสือ ขอท่านได้โปรดแนะนำ     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/06/2012, 09:31 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 12 

                      ท่องด่านที่แปดของจิ่วหยังกวน   

                                ด่านฝึกจิต

                              (เลี่ยนซิ่งกวน)           

                  วันที่  7  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     บำเพ็ญธรรม        คัมภีร์อ่าน        พิจารณ์จิต
คุมจริต                   จริยา             พาถ่อมตน
พระ ฯ "เหยา , ซุ่น"    มุ่งเป็นได้       ในทุกคน
"ซุ่น" รู้ทน              เราก็คน          ไม่ทนฤา

ผู้บำเพ็ญ ก. ข. ค.   :  มิบังอาจ  ท่านนักบุญฉงซิวเกรงใจมากไป

ฉงซิว   :  ดูท่านทั้งสามเหมือนฆราวาสผู้บำเพ็ญ  บำเพ็ญจนราศีจับใบหน้า  เหตุใดจึงถูกขังอยู่ที่นี่

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  เมื่อครั้งบำเพ็ญอยู่ในโลก ฉันทำบุญให้ทานมาก บำเพ็ญ๗ิตด้วยความศรัทธา เวลาว่างจากการอ่านหนังสือธรรมะก็จะนั่งเจริญภาวนา ไม่คิดว่าความผิดเพียงเล็กน้อยจะต้องถูกขังให้สำนึกอยู่ที่นี่

ฉงซิว   :  โอ้  นั่งเจริญภาวนาก็ผิดด้วยหรือ มันเรื่องอะไรกัน ท่านได้โปรดเล่ารายละเอียดด้วย

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  เหตุเพราะขณะที่นั่งเจริญภาวนา อากาศร้อนอบอ้าวฉันจึงไม่สวมเสื้อ  พระองค์นายด่านบอกว่าจิตญาณของฉันไม่สมบูรณ์ หากจิตสงบย่อมเย็นสบาย  การกระทำอย่างนี้เป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์  จึงตัดสินให้สำนึกผิดอยู่ในด่านฝึกจิตสามสิบวัน

ผู้บำเพ็ญ ข .   :  สำหรับฉัน นั่งทำสมาธิแล้วไม่ได้ผล แต่ทุกครั้งเมื่อมีคนมาถามว่า รู้สึกอย่างไร ฉันเกรงผู้น้อยกว่าจะดูถูกว่าไม่ศรัทธาจริง เพราะฉันไม่เห็นอะไรเลย ทุกครั้งจึงตอบไปว่าได้นิมิต  เคราะห์ดีที่ฉันบำเพ็ญจริง พอตายพญายมตรวจสอบบัญชีแล้วเห็นว่าฉันมีบุญมากกว่าบาป จึงส่งฉันข้ามสะพานทองมา ฉันผ่านด่านจิ่วหยังได้สะดวกทุกด่าน  แต่พอมาถึงด่านฝึกจิต พระองค์นายด่านบอกฉันว่า  พูดเท็จว่าเห็นนิมิต  ไม่ได้ฌานบอกว่าได้ฌาน  อวดฉลาด  จึงตัดสินให้สำนึกอยู่ที่นี่หกสิบวัน

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  สำหรับฉัน ในระหว่างบำเพ็ญ ไม่เคยได้นิมิตอะไรสักครั้งขณะทำสมาธิ และไม่มีวี่แววว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมาโปรดเลยทุกครั้ง เมื่อได้ยินศิษย์รุ่นหลัง ๆ  ปฏิบัติบำเพ็ญแล้วได้นิมิต  ได้สัมผัส  ฉันก็ว่าพวกเขาได้ไม่จริงเป็นไปไม่ได้  จะต้องปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้จึงจะถูก พูดจนผู้น้อยทั้งหลายละล้าละลังไปหมด   เมื่อมาถึงด่านฝึกจิตของจิ่วหยังกวน พระองค์นายด่านบอกว่า  ฉันขัดขวางการบำเพ็ญของผู้อื่น  อีกทั้งการบำเพ็ญมิใช่ต้องมุ่งอยู่กับการนั่งทำสมาธิ  เมื่อว่างจากการปฏิบัติบำเพ็ญแล้ว  มีเวลาว่างนั่งก็ต้องแล้วแต่บุญบารมี จะให้ได้นิมิตได้ฌานเหมือนกันได้อย่างไร   การแนะนำให้เขาอย่าได้หลงรูปลักษณ์เป็นเรื่องถูกต้อง  แต่เจตนานั้นเกิดขึ้นจากการที่ตนเองไม่ได้ฌานสมาธิ  จิตใจอย่างนี้ผิด  จึงถูกตัดสินให้อยู่ที่นี่สี่สิบเก้าวัน

ฉงซิว   :  อย่างนี้นั่นเอง  ขอบพระคุณผู้อาวุโสทุกท่านที่ให้รายละเอียด

พระฯ ผู้คุม   :  ทั้งสามเล่าจบแล้ว กราบลาพระพุทธะจี้กงและนักบุญฉงซิวกลับไปได้

ผู้บำเพ็ญ ก. ข. ค.   :  กราบลาพระอาจารย์จี้กงและนักบุญฉงซิว

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณผู้อาวุโสทั้งสาม

พระฯ จี้กง   :  คืนนี้หมดเวลาแล้ว เราเตรียมกลับตำหนักฯ กันเถิด รบกวนท่านผู้คุมช่วยขอบพระคุณนายด่านแทนอาตมาด้วย 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/06/2012, 09:33 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 13 

                     ท่องด่านที่เก้าของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านบรรลุอริยะ

                             (เฉิงซิ่งกวน)           

                  วันที่  8  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ศึกษาธรรม        บำเพ็ญกาย        ใจบำเพ็ญ
ปรกปลูกเป็น          ต้นโพธิ์งาม          สัมพันธ์ไว้
บุญหนุนส่ง           งาน "หลงฮว๋า"     ได้ร่วมไป
มีบุญไม่               ได้แต่หลง            คงโลภเลือน

พระฯ จี้กง   :  ฉงซิว  คืนนี้เราจะไปด่านสุดท้ายของจิ่วหยังกวน เตรียมตัวเดินทางเถอะ

ฉงซิว   :  อะไรกันขอรับ  ทำไมหมดเร็วจัง ยังไม่หายอยากเลยจะสิ้นสุดคืนนี้แล้วหรือขอรับ

พระฯ จี้กง   :  ยังมีตำหนักอนุโมทนา  ของจิ่วหยังกวนอีกแห่งหนึ่งที่จะต้องไป พรุ่งนี้เราจะไปกัน 

ฉงซิว   :  ดูเหมือนยิ่งไปถึงด่านท้าย ๆ เรื่องราวก็ยิ่งเล็กน้อย ความผิดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะต้องเอามาแก้ไขมาสำนึกกัน จะเป็นการทำให้ดีเกินเหตุหรือเปล่าขอรับ 

พระฯ จี้กง   :  แม้จะผิดเพียงเล็กน้อย แต่นานวันเข้าจะติดเป็นนิสัยจนกลายเป็นเลวร้าย เราจะต้องเข้าใจว่า   วิธีการของจิ่วหยังกวนไม่ใช่เน้นการทำโทษแต่หนักในทางอบรมกล่อมเกลา  ให้ได้รู้ว่าตนทำผิดอะไร  อย่างนี้จึงจะบรรลุได้ และเป็นผู้บรรลุจริง เข้าใจไหม 

ฉงซิว   :  เป็นอย่างนี้นี่เอง  ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ

พระฯ จี้กง   :  เราไปกันได้แล้ว

ฉงซิว   :  ขอรับ ศิษย์พร้อมแล้ว พระอาจารย์โปรดเดินทางได้

พระฯ จี้กง   :  ดีละ หลับตา  ... ถึงแล้ว  เบื้องหน้าคือด่าน  "บรรลุอริยะ"  (เฉิงเซิ่งกวน)  รอเราอยู่แล้ว รีบเข้าไปพบเถิด

พระฯ นายด่าน   :  น้อมต้อนรับพระพุทธะจี้กงและนักบุญฉงซิว ทั้งสองท่านได้รับสนองพระโองการมาหาข้อมูลที่จิ่วหยังกวน เพื่อสร้างหนังสือวิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่โบราณกาล  ต้องเดินทางขึ้นล่องด้วยความเหนื่อยยาก ระหว่างฟ้าดินนี้  น่าเคารพยิ่งนัก

พระฯ จี้กง   :  หนังสือบันทึกท่องจิ่วหยังกวน (สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ)  ใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว อาตมาก็จะได้พักผ่อนเสียที คืนนี้มาที่นี่เป็นด่านสุดท้าย ฉงซิวมีข้อสงสัยอะไรก็กราบเรียนถามพระองค์นายด่านเสีย

ฉงซิว   :  ขอรับ  กราบคารวะพระองค์นายด่านและเซียนผู้อาวุโสทุกพระองค์  คืนนี้ได้ติดตามพระอาจารย์มารบกวนขอได้โปรดประทานอภัย

พระฯ นายด่าน   :  ฉงซิวอย่าได้เกรงใจไปเลย เชิญเข้านั่งพักในตำหนักสักครู่เถิด

พระฯ จี้กง   :  ดี  ฉงซิวเราเข้าไปกัน

ฉงซิว   :  ขอรับ  กลอนคู่ที่ข้างประตูตำหนักแห่งนี้มีความว่า

" ใครผ่านด่าน     การเคี่ยวกรำ     ซ้ำหลายครั้ง
มาถึงยัง            ตำหนักนี้         ไม่เสียทีที่บำเพ็ญ "

พระฯ นายด่าน   :  ทูลเชิญพระ ฯ จี้กง  เชิญฉงซิวนั่ง  พนักงานข้างในถวายน้ำชา

ฉงซิว   :  ทูลถามพระองค์นายด่าน ที่นี่เป็นด่านสุดท้ายของจิ่วหยังกวน ที่ได้ชื่อว่า  "ด่านบรรลุอริยะ"  คงหมายความว่า เมื่อมาถึงด่านนี้ก็เท่ากับเคี่ยวกรำจบแล้ว

พระฯ นายด่าน   :  จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แม้เศษของความผิด ทางด่านนี้ก็ยังจะต้องแก้ไขให้ แม้การลงโทษของที่นี่ จะค่อนข้างเบา แต่ก็ยังจะต้องรับผิดชอบแก้ไขความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้บำเพ็ญที่มักจะละเลยกัน         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 13 

                     ท่องด่านที่เก้าของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านบรรลุอริยะ

                             (เฉิงซิ่งกวน)           

                  วันที่  8  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ศึกษาธรรม        บำเพ็ญกาย        ใจบำเพ็ญ
ปรกปลูกเป็น          ต้นโพธิ์งาม          สัมพันธ์ไว้
บุญหนุนส่ง           งาน "หลงฮว๋า"     ได้ร่วมไป
มีบุญไม่               ได้แต่หลง            คงโลภเลือน

ฉงซิว   :  อ้อ ... ด่านของพระองค์ใช้วิธีลงโทษอย่างไรเพื่อแก้ไขผู้บำเพ็ญและเขาทำผิดในข้อไหนขอรับ

พระฯ นายด่าน   :  ด่านนี้มีด่านย่อยอีกเก้าด่าน  แต่ละด่านมีเครื่องมือส่งเสริมทางธรรมต่างกัน  เครื่องมือเหล่านั้นไม่ใช่มีไว้ลงโทษ แต่มีไว้แก้ไขให้พวกเขารีบบรรลุในเร็ววัน  ความผิดของผู้บำเพ็ญเมื่อมีชีวิตอยู่ เช่น นั่งไม่เรียบร้อย  ผิดลักษณะการนั่ง  จริยะบุคลิกไม่น่าเคารพ  เวลานอนไม่สวมเสื้อผ้า  หรือ ใช้หนังสือธรรมะหนุนแทนหมอน  บางคนชี้มือชี้ไม้ขณะพูด  เป็นลักษณะไม่สำรวม ฯลฯ  ด่านนี้จะตรวจสอบความบกพร่องเหล่านี้แล้วส่งมอบให้ด่านย่อยทำหน้าที่แก้ไข บางคนก็สามวันห้าวัน  พอเข้าใจความผิดของตัวแล้ว ก็จะส่งต่อไปที่ตำหนัก "เพิ่มบำเพ็ญ"  บำเพ็ญจนบรรลุจริง

ฉงซิว   :  โอ  ตายละ  เวลาอากาศร้อน ๆ กระผมก็ถอดเสื้อนอน แย่แน่เลย จะทำยังไงดี

พระฯ นายด่าน   :  ฉงซิวรับสนองพระโองการสร้างหนังสือท่องจิ่วหยังกวน สาธยายความผิดของผู้บำเพ็ญที่เกิดขึ้นทั่วไป เข้าใจแล้วตัวเองก็ต้องรีบแก้ไขเบื้องบนจะไม่ลงโทษผู้สำนึกผิด ต่อไประวังอย่าผิดอีกก็แล้วกัน

ฉงซิว   :  ขอรับ  ขอบพระคุณพระองค์นายด่านที่ได้โปรดชี้แนะ จากนี้ไปศิษย์จะระวังตัว

พระฯ จี้กง   :  รบกวนท่านนายด่านโปรดบัญชาให้นำฉงซิวไปดูสถานที่จริง จะได้เข้าใจดีขึ้น

พระฯ นายด่าน   :  น้อมรับ  ให้นายทะเบียนนำพระพุทธะจี้กงและฉงซิวไปชมด่านย่อยที่เหลือ  ผู้น้อยน้อมรับ ทูลเชิญพระพุทธะจี้กง เชิญนักบุญฉงซิวตามผู้น้อยมา  ... ถึงแล้ว 

พระฯ ผู้คุม   :  กราบรับพระบาทพระฯจี้กง ยินดีต้อนรับฉงซิวที่มาเยือน

พระฯ จี้กง   :  มิต้องคารวะ นำเราเข้าไปเถิด

พระฯ ผู้คุม   :  รับพระบัญชา  โปรดตามผู้น้อยมา

ฉงซิว   :  โอ้โฮ  โอ่โถงโล่งแจ้งอะไรอย่างนี้ สว่างสดใสไปหมด ไม่เหมือนด่านอื่น ๆ ที่มืดทึบอับเฉา  เอ๊ะ  ทำไมมีคนนอนดูเพดานอยู่บนเตียง บนเพดานดูเหมือนมีตัวหนังสืออยู่  บางคนนั่งนิ่งเหมือนเข้าฌาน  บางคนยืนนิ่งไม่ขยับ  อะไรกันขอรับ

พระฯ ผู้คุม   :  ข้าพเจ้าจะเรียกบางคนให้ซักถามให้เข้าใจ  สามคนนั่นมากราบคารวะพระพุทธะจี้กง และรู้จักนักบุญฉงซิวมือทรงเอกแห่งตำหนักพระไถจงฉงเซิงเสีย  คืนนี้ท่านทั้งสองจะมาเก็บข้อมูลที่นี่ตามพระโองการของเบื้องบน เพื่อสร้างหนังสือบุญ จงเล่าความผิดของตนให้ละเอียด จะจารึกไว้ในบทสำคัญ เพื่อเตือนใจชาวโลก

ผู้บำเพ็ญ ก. ข. ค.   :  กราบพระบาทพระพุทธะจี้กง  ยินดีได้พบนักบุญฉงซิว

พระฯ จี้กง   :  อย่าลำบากเลย

ฉงซิว   :  คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน  ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในด่าน  "บรรลุอริยะ"  นี้ดูเหมือนไม่ทุกข์เหมือนด่านอื่น

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  ดูเหมือนอย่างนั้น  แต่แท้จริงมิใช่   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               จิ่วหยังกวน

                         สถานเคี่ยวกรำผู้บำเพ็ญ

                                ตอนที่ 13 

                     ท่องด่านที่เก้าของจิ่วหยังกวน   

                             ด่านบรรลุอริยะ

                             (เฉิงซิ่งกวน)           

                  วันที่  8  พศจิกายน  พ.ศ. 2525     

พระพุทธะจี้กงประทับทรง  โปรดนำด้วยโศลกความว่า  :

     ศึกษาธรรม        บำเพ็ญกาย        ใจบำเพ็ญ
ปรกปลูกเป็น          ต้นโพธิ์งาม          สัมพันธ์ไว้
บุญหนุนส่ง           งาน "หลงฮว๋า"     ได้ร่วมไป
มีบุญไม่               ได้แต่หลง            คงโลภเลือน

ฉงซิว   :  เอ๊ะ  ทำไมขอรับ เมื่อกี้ผู้น้อยเห็นท่านนอนอยู่บนเตียงไม่มีเครื่องทรมานอะไรเลย  ท่านทำผิดอะไรไว้หรือ

ผู้บำเพ็ญ ก.   :  นอนน่ะดูดี  แต่พื้นเตียงเป็นเหล็กแข็งไม่สบายเลย ขยับก็ไม่ได้ จะต้องนอนตายตัวอย่างนั้นติดต่อกันสามวัน กระดิกตัวไม่ได้เลย บนเพดานก็ยังมีคัมภีร์ธรรมบังคับให้ท่องอ่าน ท่องอ่านให้หมดเร็วก็พ้นจากเตียงเหล็กได้เร็ว  ทั้งนี้ต้องโทษตัวฉันเอง เมื่อครั้งมีชีวิตชอบเอาหนังสือบุญหรือพระธรรม
คัมภีร์มาหนุนแทนหมอน  พระองค์นายด่านบอกว่า  ฉันไม่เคารพปราชญ์อริยะ จะต้องลงโทษให้นอนอยู่อย่างนี้ สามวันพ้นแล้วจึงจะส่งฉันไปที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  เพื่อศึกษาจริยะบุคลิกและการปลูกฝังจิต

ฉงซิว   :  อ้อ  อย่างนี้นั่งเอง ดูเหมือนความผิดแม้แต่น้อยก็ไม่ได้  เรียนถามผู้อาวุโสท่านนี้บ้าง  เมื่อกี้เห็นท่านยืนนิ่งเหมือนรูปสลักคงไม่เจ็บปวดอะไรกระมัง ท่านผิดด้วยเรื่องอะไรหรือขอรับ

ผู้บำเพ็ญ ข.   :  ฉันยืนเมื่อยแทบตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ขยับเลยทั้งสามวัน พระองค์นายด่านจึงจะส่งฉันไปฝึกจริยะบุคลิกและจิตญาณที่ตำหนัก "เพิ่มบำเพ็ญ" เป็นเพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ฉันชอบพิงกำแพง  พิงเสา  เห็นอะไรพิงได้ก็พิง   มีคนเคยเตือนว่า ผู้บำเพ็ญไม่ให้มีลักษณะเหมือน  "ไม่มีกระดูก"  ชอบพิงโน่นพิงนี่แต่ฉันไม่ฟัง แม้แต่นั่งอ่านเขียนหรือทำสมาธิหรือพูดคุยกับใครก็ต้องหาที่พิง มีคนบอกฉันว่าอย่างนี้ไม่น่าดู แต่เพราะความเคยชิน จึงแก้ไม่หาย พอฉันตายได้มาถึงตำหนัก  "บรรลุอริยะ"  ของจิ่วหยังกวนนี้ พระองค์นายด่านว่า ฉันไม่มีจริยะบุคลิกที่น่าดู  ขาดความสำรวม  ตัดสินให้ยืนอยู่นี่สามวัน  สามวันนี้ไม่ให้กระดิกตัวแม้แต่น้อย จึงจะส่งฉันไปฝึกต่อที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ"  เฮ้อ !  ขอเตือนผู้บำเพ็ญในโลกว่านั่งให้มีลักษณธการนั่ง  ยืนให้มีลักษณะการยืน ใครผิดก็จะได้รับโทษอย่างฉัน

ฉงซิว   :  แย่แล้ว !  นิสัยอย่างนี้บางทีกระผมก็เป็นเหมือนกัน ขอบพระคุณที่ท่านหวังดีบอกกล่าว  เรียนถามอาวุโสท่านนี้ เมื่อกี้ดูเหมือนเห็นท่านคุกเข่าอยู่กับพื้น  คงลำบากหน่อย สำหรับกระผมการหมอบกราบรู้สึกลำบากมาก ไม่ทราบว่าท่านทำผิดอะไร 

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  โอ  คุกเข่าอยู่ลำบากจริง ๆ ต้องคุกเข่าฝึกจริยะเพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ทำผิดเช่น
1. เวลานั่งรับประทานอาหารร่วมกับพระอาจารย์หรือผู้อาวุโสท่านยังมิได้เริ่มรับประทาน ศิษย์ผู้น้อยลงมือเสียก่อน เรียกว่า "ไม่ละเอียดรอบครอบในจริยะ"
2. คารวะต่อกัน ไม่คารวะตอบ จะเป็นระหว่างสามีภรรยา  พี่น้อง  ผู้บำเพ็ญ  หรือต่อผู้น้อยก็ตาม  ฝ่ายที่ไม่คารวะตอบ จะต้องถูกนำมาคุกเข่าคารวะตอบที่นี่ 3. ศิษย์ที่ร่วมเดินทางกับอาจารย์ สนใจหอบหิ้วแต่สัมภาระของตัวเอง ไม่ช่วยหยิบถือให้อาจารย์  เรียกว่า "ไม่เคารพยกย่อง"  ก็จะต้องมารับโทษคุกเข่าอยู่ที่นี่

ฉงซิว   :  อย่างนี้เอง แต่ไม่ทราบว่าท่านทำผผิดข้อไหน  และจะต้องคุกเข่าอยู่นานเท่าไหร่

ผู้บำเพ็ญ ค.   :  แย่จังเลย  ที่กล่าวมาทุกข้อดูเหมือนฉันจะมีส่วนทั้งนั้น พระองค์นายด่านจึงตัดสินให้ฉันคุกเข่าอยู่สามวัน  หลังจากนั้นจึงจะส่งฉันไปฝึกจิตศึกษาธรรมที่ตำหนัก  "เพิ่มบำเพ็ญ" 

ฉงซิว   :  อย่างนี้นั่นเอง  ขอบพระคุณท่าน

พระฯ ผู้คุม   :  ทั้งสามเล่าจบแล้ว รีบกลับเข้าที่สำนึกได้

พระฯ จี้กง   :  ค่ำแล้วเราก็ควรกลับตำหนักกันได้แล้ว รบกวนท่านผู้คุม ขอบพระคุณท่านนายด่านแทนอาตมาด้วย

พระฯ ผู้คุม   :  กราบส่งพระพุทธะจี้กง และส่งนักบุญฉงซิวกลับตำหนัก ฯ

พระฯ จี้กง   :  รบกวนท่าน   ฉงซิวรีบออกจากด่านกลับตำหนักฯ นกเผิงใหญ่รอเราอยู่ที่นั่นแล้ว

ฉงซิว   :  ขอบพระคุณพระผู้คุมและเซียนอาวุโสทุกพระองค์ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ศิษย์กราบลา  พระอาจารย์ได้โปรด ศิษย์นั่งพร้อมแล้วโปรดเดินทางได้ 

พระฯ จี้กง   :  ดีละ  หลับตา  บินได้  ถึงตำหนักฉงเซิง วิญญาณฉงซิวกลับเข้าร่างดังเดิม

Tags: