collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวเมืองสวรรค์  (อ่าน 36514 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

หยางเซิง  :   ขอรับกระผม !  กระผมนั่งนิ่งแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้ ล่องลอยในอากาศมองเห็นเมฆเบื้องใต้ แสงไฟหลายดวงเปล่งแสงระยิบระยับ ภาพยามราตีกาลของชาวโลก ช่างทำให้คนหลงใหลเสียจริง ๆ  รัศมีเหลืองอร่ามนับหมื่น ๆ ลำแสงจากสำนึกเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง พุ่งสู่นภากาศ สว่างไสวดุจแสงไฟตรวจท้องฟ้า ฉายกราดอย่างไรอย่างนั้น เบื้องหน้ามีกลุ่มเมฆ สีฟ้า ๆ มีเหล่าเทพ เทวดา ไป ๆ มา ๆ ได้อย่างสบาย ๆ เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

อรหันต์จี้กง  :   ที่นี่ใกล้เข้าสู่แดนสวรรค์ด่านทักษิณแล้ว ทิศทางของสวรรค์นั้น ได้กำหนดไว้ห้าทิศทาง  ทิศทางใต้ ด่านทักษิณเป็นด่านไฟ เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายจะเข้าออกทางด่านนี้ ถ้าหากว่า ถ้าไม่ได้มรรคผล ก็ไม่สามารถผ่านเข้าได้ (แดนสวรรค์ แบ่งเป็นทิศ ตะวันออก ตก เหนือ ใต้และตรงกลาง) ด่านทั้งสี่นี้จะปิดแน่น เปิดเพียงด่านเดียวเท่านั้น ถ้าหากความสามารถแห่งฤทธิ์เดชยังไม่ถึงขั้น ก็ยังไม่สามารถจะเข้าด่านเพลิงทางทักษิณนี้ได้  เพราะเจ้าได้ดื่นน้ำมนต์แล้ว จะสามารถต้านทานความร้อนนี้ได้ไม่ต้องกลัวไฟ เราเปลี่ยนเป็นขี่เมฆเข้าด่านไปดีกว่า

หยางเซิง  :   ขอรับ กระผม!  ผู้เฝ้าประตูด่าน ดูเหมือนจะเป็นท่านเห้งเจีย (ซุนหงอคง) ในเรื่องไซอิ๋ว ในมือถือไม้พลองทองคำ กระโดดโลดเต้นไม่หยุดดูเหมือนคอยพิทักษ์ประตูอยู่

อรหันต์จี้กง  :   ไม่ใช่หรอก เขากำลังฝึกวิทยายุทธอยู่เท่านั้น

หยางเซิง  :   เขาใช่ ท่านเห้งเจีย  (ซุนหงอคง) หรือเปล่า ?.

อรหันต์จี้กง  :   ใช่

หยางเซิง  :   เท่าที่ได้ฟังมา เขาว่า ซุนหงอคง เป็นเพียงตัวละครในนิทาน ทำไมจึงพบอยู่ในที่นี้  ในวันนี้

อรหันต์จี้กง  :   ความจริงชาวโลกเข้าใจผิด พระถังซำจั๋ง มีลูกศิษย์ที่ติดตามเรียกซุนหงอคงนั้น  ความจริงก็เป็นเพียง "ลิงค่าง"  ในภูเขา ผู้บำเพ็ญธรรมผู้หนึ่งจะเดินทางไปทิศตะวันตก (เพื่อนำพระไตรปิฏก) ผู้ที่มีพุทธจิตย่อมต้องมี จิตฟุ้งซ่านของลิง (สามัญจิต) ติดตามอยู่ด้วย เพราะต้องผ่านการฝึกอบรมจิตนานัปการ ต้องผจญมารต่าง ๆ เช่น เงินทอง  อิสตรี  เป็นต้น หากสามารถที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์ จิตของลิงเป็นจิตที่ฝึกฝนยากที่สุด ตราบเมื่อเข้าใจคำว่า "ตัณหาคือ ความว่าง  ความว่างคือตัณหา"  นั่นก็หมายความว่า สวรรค์เบื้องตะวันตกที่อยู่ไกลถึง สิบหมื่นแปดพันลี้  ฉับพลัน ก็จะอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว ดังนั้น ซุนหงอคง ที่ติดตาม พระถังซำจั๋งนั้น ก็คือ เป็นคำกล่าวที่มีตัวตน หากแต่ไม่มีรูป ชาวโลกจึงไม่ควรดูแคลนเป็นอันขาด

หยางเซิง  :   ความจริงเป็นเช่นนี้เอง เขากำลังหัวเราะ พลางเดินทางใกล้เข้ามาทางเราแล้ว

มหาปราชญ์  :   ยินดีต้อนรับ ท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิงนักทรงเอก ได้มาถึง ท่านทั้งสองได้รับเทวโองการให้มาเที่ยวชมแดนสวรรค์ เพื่อแต่งคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ทางด่านทักษิณ ได้รับเทวโองการตั้งแต่วันที่ 5 เดือน 5  แล้ว  ได้เตรียมต้อนรับท่านทั้งสองไว้แล้ว วันนี้มาต้้อนรับล่าช้าไปหน่อย กรุณาให้อภัยด้วย

อรหันต์จี้กง  :   ท่านมหาปราชญ์ ไม่ต้องคารวะ วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้รับบัญชาให้มาท่องเที่ยวสวรรค์ มาเยี่ยมคำนับ บรรดานักปราชญ์ เทพ เทวดาและพระพุทธเจ้าทั้งหลายในไตรภพ เพื่อฟังคำบรรยายธรรม วิธีการบำเพ็ญเพียร เพื่อนำไปอบรมชาวโลก จะได้ขึ้นสวรรค์ในเร็ววันนี้ ครั้งต่อไป หากต้องผ่านประตูด่านทักษิณของท่านไปยังสวรรค์แดนต่าง ๆ ก็ต้องขอรบกวนให้ความสะดวกด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

มหานักปราชญ์  :   ที่จริงสวรรค์ไม่มีประตู มีเพียงกลุ่มเปลวไฟด้านหน้าเท่านั้น หากยังไม่สามารถบรรลุ  ความว่าง  พอมาถึงที่นี่ สิ่งที่นำพามากับตัวก็จะถูกไฟเผาพลาญ แต่ร่างกายก็ต้้องร้อนเจ็บปวดทุรนทุราย ตกลงสู่นรกเบื้องล่างแน่นอน

หยางเซิง  :   เรียนถามท่านมหาปราชญ์ ท่านรักษาด่านทักษิณอยู่นี้ รู้สึกว่าอย่างไรบ้าง ?.

มหาปราชญ์  :   แต่ละวันมีผู้ศักดิ์สิทธิ์ แห่งสามภพเข้า ๆ ออก ๆ ที่ประตูนี้มากมาย หากเป็นผู้สำเร็จมรรคผลแล้ว การเข้า ๆ ออก ๆ มีอิสร ไม่ถูกบังคับ ส่วนผู้ศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง - ล่าง เนื่องจากยังไม่บรรลุมรรคผล การเข้าออกต้องมีหนังสือกำกับตัว ห้ามเข้าออกโดยพลการ กระบองทองของข้าพเจ้าร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ว่าเทวดาองค์ไหนมาเจอข้า ต้องร่นถอยไปทุกราย ดังนั้น จึงมีชื่ออีกว่า "กระบองเพชร (วัชรปรมิต) (กิมกังห้ง) คือมีความหมายดั่งวัชรปรมิตสูตร  ที่มีคุณค่ายิ่ง ข้าพเจ้ารักษาด่านนี้ เป็นหน้าที่แดนสวรรค์ เมื่อส่องดูมนุษย์ในโลกสร้างแต่บาปกรรมมากขึ้น ดังนั้น ผู้สำเร็จมรรคผลใหม่ ๆ จึงมีน้อย ดูอย่างข้าพเจ้าซิ "หงอคงรูปเก่า" ไม่มีรูปใหม่ ๆ ให้เห็นเลย

หยางเซิง  :   วันนี้ กระผมกับอาจารย์ได้รับคำสั่งให้มาแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์"  ครั้งแรกก็ได้มาด่านทักษิณก่อน ขอความกรุณาจากท่านมหาปราชญ์ ให้อนุเคราะห์ด้วย กรุณาเล่าถึงวิธีการปฏิบัติให้ได้สำเร็จมรรคผลด้วยเถิด

มหาปราชญ์  :   หากหนังสือเที่ยวเมืองสวรรค์ แต่งสำเร็จลง ข้าพเจ้าหงอคง คงจะวุ่นวายไม่น้อยทีเดียว เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากอยากขึ้นสวรรค์ จึงได้ปฏิบัติบำเพ็ญเพียร แต่ละวันตั้งแต่เ้ช้าจรดค่ำ จะต้องมีผู้สำเร็จมรรคผลขึ้นสวรรค์เป็นแน่แท้

หยางเซิง  :   นั่นก็เป็นเรื่องน่ายินดี แดนสวรรค์ก็จะมีกัลยาณมิตรเพิ่มขึ้นมากมาย ทำไมจะต้องวุ่นวายด้วยเล่า ?.

มหาปราชญ์  :   พูดเล่นหรอกน่า อย่าถือสาเลย เธอเห็นข้าพเจ้าเหมือนอะไร เห็นเป็น  "สิ่งประหลาด"  ไหม ?.

หยางเซิง  :   มิได้  เห็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                        ครั้งที่ 1

                            เที่ยวสวรรค์ด่านทักษิณ
                           
                           รับฟังท่านมหานักปราชญ์

                       วันที่ 3  มิถุนายน  พ.ศ. 2522

อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        ดวงวิญญาณท่องไป                       ไกลถึงสวรรค์ถิ่นทิพย์
เบื่อหน่ายเมื่อยล้าเป็นนิจ                          สลัดทิ้งให้เต็มกำลัง
กลางขุนเขาเขาเสาะหา                            สัทธรรมพาพบทางแจ้ง
สำนักทรงหมายเป็นแหล่ง                         เรือเมตตาพาผู้คน

มหาปราชญ์  :   ฮา  ฮ้า !  พูดถึง "บำเพ็ญเพียร"  พูดให้จบสั้น ๆ ยาก  อย่างเช่น ข้าฯ สามารถแปลงร่างได้ถึง 72 อย่าง ก็ยังไม่สามารถก้าวพ้น นิ้วทั้งห้าของตถาคตเจ้า  ผู้คนฝึกฝนวิปัสนาถึงแม้นสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ถ้าหากฐานไม่มั่นคง ไม่รักษาศีลห้าประการของสังคมแล้ว อันได้แก่  ความมีพรหมวิหารสี่ (ยิ้ง)  ความยึดหลักในคุณธรรมในการรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น  (หงี) ความมีคารวะต่อผู้อื่น อ่อนน้อมตามควรแก่ฐานะของแต่ละบุคคล (โหล้ย) ความมีปัญญาที่เราเห็นปัญญา  (ตี่) และความมีสัจจะ  (สิ่ง) ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากกรรมลิขิตได้  ก็ไม่สามารถบรรลุมรรค - ผล  มนุษย์เพาะเลี้ยงใจลิง (จิตฟุ้งซ่าน)  ไว้ตัวหนึ่ง กระโดดโลดเต้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่ยอมเชื่อง คิดจะดู คิดจะกิน คิดนั่นคิดนี่ คิดฟุ้งซ่าน ไม่เคยสงบลงสักชั่วยาม เอาแต่แกว่งไกวอยู่บนต้นไม้ ยากที่จะขึ้นสู่ประตูแดนสวรรค์ได้ ดังนั้น ชื้อข้าฯ หงอคง (ว่างเปล่า) ก็เพื่อที่จะให้คน "ปล่อยวาง"  ไม่ให้ไปติดยึด จะได้มีจิตสงบไม่ต้องไปก่อเวร พอตายบาปเวรจะได้ไม่ติดตัว มิฉะนั้นหากมีบาปติดตัวพอไปถึงด่านทักษิณ จะถูกไฟเผาผลาญจนร่างหล่นไปสู่ภูมิต่ำเบื้องล่างมิใช่ได้รับการทุบตีจากกระบองของข้าฯ ก็หาไม่ ดังนั้น หากจะเข้าประตูด่านทักษิณละก็ ต้องกายที่สะอาดบริสุทธิ์ จึงสามารถผ่านด่านไปได้ สู่แดนสววรค์ผู้ทรงธรรมะสูง มีกายที่วิสุทธิ์ เป็นธรรมกายในความว่างเปล่า ดังนั้น จึงจะสำเร็จธรรมะ ของคำว่าหงอคง (ว่างเปล่า)  ข้าฯ ไม่มีอำนาจควบคุมใครได้ แตะต้องก็ไม่ได้ ดังนั้น จึงปล่อยให้เข้าออกโดยเสรี วิญญาณในภูมิขั้นกลางและล่าง ยังมีร่างที่เพ้อฝันเลื่อนลอย ไม่บรรลุถึงขั้น "ว่างเปล่า"  จึงต้องมีใบอนุญา๖เข้า - ออก ด่านได้ การบำเพ็ญธรรมของมนุษย์ ไม่น่าจะมีอุปสรรค หรือยากลำบากอะไรเลย เพียงแต่ขจัด กามตัณหา  และมิจฉาทิฐิ (ความเห็นผิด) ก็จะสามารถผ่านด่านนี้ได้

หยางเซิง  :   ท่านนักปราชญ์พูดถูกต้อง !  ดูบนศรีษะซิ มีห่วงทองคำที่ตถาคตเจ้าสวมให้ หากจิตใจไม่สงบอย่างใจลิง เมื่อมาถึงด่านทักษิณนี่ ก็ต้องร่วงหล่นจะตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้ ทำวิปัสนาก็เหมือนขึ้นบันไดสวรรค์  ไม่วอกแวก ทีละก้าว ๆ ไปข้างหน้า ไม่นานก็จะถึงสวรรค์ ใจลิง (จิตฟุ้งซ่าน) ยากที่จะขจัดได้ ใครจะกล้าขึ้นบันได ที่ผูกม้าที่โลดเล่นติดกับบันได ขอชาวโลกจงเข้าใจ หากต้องการเดินทางขึ้นสวรรค์ ก็ต้องล้างเท้าให้สะอาด มีสติมั่นคง  มีปัญญาเห็นธรรม ก็เหมือนน้ำมนต์ปะพรมเต็มร่างซุนหงอคงที่ด่านทักษิณ ก็ไม่สามารถทำอะไรใครได้  ใช่ไหม ?.

มหาปราชญ์  :   ถูกต้องแล้ว ผู้ที่มีธรรมะสูงเช่นนี้ ข้าฯ จะต้อนรับ ด้วยความเคารพ อย่างเช่นวันนี้ ที่ได้ต้อนรับท่านทั้งสอง ดุจเดียวกัน

อรหันต์จี้กง  :   ฮา  ฮ้า!  วันนี้เที่ยวเมืองสวรรค์ครั้งแรก ได้พบหน้ามหาปราชญ์ สนทนาธรรมที่ดียิ่ง คิดว่าเมื่อกลับไปแล้ว เห็นทีต้องเข้าห้อง ทำวิปัสนาสักที หยางเซิง !  รีบคารวะลาท่านมหาปราชญ์เอกเสีย

หยางเซิง  :   หน้าประตูด้านทักษิณ มีเทพเจ้าแต่งเสื้อเกราะทอง ตั้งแถวทั้งสี่ทิศ หน้าตาขึงขังปราศจากรอยยิ้ม ดูน่าเกรงขามยิ่ง

มหาปราชญ์  :   เทพเหล่านี้ ทหารแดนสวรรค์ ท่านมิต้องหวั่นวิตก

อรหันต์จี้กง  :   ขอขอบคุณท่านมหาปราชญ์เอก ที่ได้บรรยายธรรมะอันมีค่ายิ่ง ขอลาก่อนละ

มหาปราชญ์  :   มีคำสั่ง !  ให้ทหารตั้งแถวสั่งแขก

อรหันต์จี้กง  :   หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง  :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว  ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง  :   พอเริ่มเบิกตาปัญญา ก็ได้ชมความงามของสวรรค์ ซึ่งไม่เหมือนที่ใดในโลกมนุษย์ แต่การรับภาระอันยาวนี้ ขอให้หยางเซิงอย่าเกียจคร้านจงลงแส้ม้า มุ่งสู่แดนสวรรค์อย่างกล้าหาญ และรอคอยผู้มีบุญวาสนา พากันมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

อรหันต์จี้กง   :   วิธีฝึกจิตมีมากมายแต่ที่สำคัญที่สุด จิตต้องบริสุทธิ์แน่วแน่ ให้ละใจทั้งสามทิ้ง คือ สิ่งที่ผ่านไปใจไม่คิด  ปัจจุบันใจไม่ติดอยู่  อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ใจไม่ฟุ้งซ่าน  ถ้าทำได้ ก็จะบรรลุมรรค - ผล  หลุดพ้นทั้งสามภพ  การที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในหกช่องทาง ก็ต้องฝึกตัด หกมหาโจร (ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ) ทิ้ง  เมื่ออายตนะทั้งหกตัดขาด หกช่องทางเกิดก็หมดเส้นใยผูกมัด  ชาวโลกที่ฝึกฝนธรรมมักมีสองจิตสามใจ  ไม่มีสติมั่นคง  ทำให้พวกมารคอยขวางทาง ฉุดดึงลงทะเลจมอยู่ในหกช่องทางเกิด ไม่สามารถก้าวพ้น ควรคิดให้ตก !  หากอยากขึ้นสวรรค์เหมือนกายเบาไม่มีหนี้ จึงจะสามารถลอยขึ้นสู่เบื้องบน  สำหรับวันนี้ได้เวลาไปเที่ยวสวรรค์  หยางเซิง เจ้ารีบขึ้นดอกบัว เตรียมออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  ดอกบัวทิพย์ลอยขึ้นสู่เบื้องบน เราศิษย์อาจารย์หลุดพ้นจากโคลนตม ฝุ่นไอ (กิเลส)  เมฆขาว ขุนเขาเขียว รัศมีเจิดจ้าอยู่เบื้องหน้า แค่พริบตาเดียว ก็ถึงประตูด่านทักษิณ

หยางเซิง   :  เหตุไฉน ถึงมีทหารอยู่ที่ประตูนับพัน ๆ เหมือนกับจะเตรียมพร้อมรบ ท่านมหาปราชญ์กำลังยิ้มระรื่นมาทางนั้น

อรหันต์จี้กง   :  บนสวรรค์ เหล่าทหารเพิ่งจะเสร็จจากการฝึกซ้อม กำลังพักผ่อน จึงเห็นมีทหารอยู่มากมาย เจ้าอย่าตกใจ อย่าให้ภาพข้างหน้า ทำให้หวั่นไหวเหมือนจิตลิงจิตม้า

หยางเซิง   :  ครับ - อาจารย์  เกิดใจลิงขึ้น แต่จิตม้าไม่หวั่นไหว จะจัดการอย่างไรดี ?. (หมายถึงใจฟุ้งซ่าน)

อรหันต์จี้กง   :  ช่างมัน  "ไปเถิด"

หยางเซิง   :  ครับ .....ผม  ม้าอยู่ลิงไป

อรหันต์จี้กง   :  ช่างมันปะไร

มหาปราชญ์   :  ขอต้อนรับ ท่านอรหันต์จี้กง และคุณหยางเซิง เชิญเข้าประตูด่านทักษิณ เพื่อเยี่ยมชมภายใน         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณท่านมหาปราชญ์ วันนี้ พวกเราจะเข้าไปพระที่นั่งหยก แห่งสวรรค์ทักษิณ เพื่อนมัสการท่านประมุขแห่งสวรรค์ทักษิณ พระบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ขอให้ท่านมหาปราชญ์ ช่วยนำเข้าไปด้วยเถิด

มหาปราชญ์   :  อ๋อ ต้องการเช่นนี้ ขอเชิญตามข้าฯ มา

หยางเซิง   :  มหาปราชญ์เพียงแต่กลับตัว ก็มีก้อนเมฆเกิดขึ้น รีบขึ้นไปทันที แดนสวรรค์ช่างสะดวกจริง ที่เท้าก็มีเมฆไปมาอิสระ น่าจะได้เรียนไว้ ไม่ทราบ ท่านอาจารย์จะยอมสอนอิทธิฤทธิ์นี้ให้ได้หรือไม่ ?.

อรหันต์จี้กง   :  สิ่งนี้เป็นการดี จะสอนให้บ้าง อยากจะเรียนอย่างหงอคง ก็ให้ฟ้งข้าฯ พูดให้ดีนะบนศรีษะหงอคงมีห่วงทองสวมอยู่ เรียกว่า "ศรีษะอรหันต์"มือถือกระบองทองคำ แต่ถ้าวางลงจะคลุมทั่วภิภพ พอเก็บขึ้นก็จะหดเล็ก เก็บไว้ในที่ลับ (มองไม่เห็น)  นี่คือ สัทธรรม (เต๋า) อันยิ่งใหญ่อยู่ในอุ้งมือ จะยืดหรือหดได้ตามใจ  พระไท้เสียงเล่ากุงได้หล่อหลอม "อัคนีย์เนตร" (หวยงั่งกิมเจ็ง) ไว้ให้ เพื่อรักษาด่านเพลิงของสวรรค์?ักษิณ ไม่มีอะไรทำให้เขาเสียหาย  เมื่อตีลังกา พลิกกายได้ตามชอบใจ ซ้ำที่เท้ายังเสกกลุ่มเมฆได้ด้วย นี่ก็คือ สัญญลักษณ์แห่งสิ่งวิเศษสามประการได้แก่ พรหมจรรย์  เอกธาตุ  และสติ  (เจ็ง  ขี่  ซิ้ง)  เปรียบเหมือนน้ำในกระติกยิ่งร้อนเท่าไร ไอร้อนก็ยิ่งพุ่งแรงเท่านั้น ใต้อุ้งเท้าก็มีพลังของธาตุพุ่งออก เหมือนจรวดพุ่งออกด้วยแรงส่งจากการเผาไหม้ บนศรีษะมีกำลังแห่งสติพุ่งออก มือเท้าร่างกายพลิกกลับได้รวดเร็ว ดังนั้น เพียงแค่พลิกกายเท่านั้นก็ไปถึงถึงสามพันลี้ มนุษย์หากต้องการความสามารถนี้ ต้องรักษาพรหมจรรย์และเอกธาตุ ตัดความทะยานออก มีสติมั่นคง เหมือนน้ำในกระติกเพิ่มถ่านไฟ เพียงขยับก็สามารถพุ่งขึ้นฟ้าหรือแทรกลงดิน มิฉะนั้นแล้ว ทุก ๆ วันจะจมปลักอยู่ในสุรานารี และทรัพย์สมบัติ ในที่สุดจะต้องตกลงสู่ปฐพีเหมือนลูกโปร่งแตก ตกลงมาผลแห่งบุญกุศลเสื่อมสลาย  แล้วจะเหาะเหินขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างไร?. วิชาอันนี้ ควรจดจำให้ดี ฝึกฝนกายให้ได้รับธรรมกายแล้ว จะสามารถซ่อนธาตุไว้ในสามโลก ห่อหุ้มฟ้าดินไว้

หยางเซิง   :  ที่แท้ยังต้องมีวิชานี้ จึงจะสามารถกระพือปลีกบินได้

อรหันต์จี้กง   :  ถึงพระที่นั่งหยก ของ พระบุ้งฮ้วงแล้ว หยางเซิงโปรดเงียบ เตรียมตัวเข้าพบพระบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ขอบคุณมหาปราชญ์ที่นำทาง

มหาปราชญ์   :  ไม่ต้องเกรงใจ  ต้องขอลาไปก่อน

หยางเซิง   :  ขอคารวะ ท่านบุ้งฮ้วงราชาแห่งปราชญ์ ข้าน้อยหยางเซิง มากับท่านอาจารย์ ขอให้ท่านโปรดชี้แนะด้วยเถิด

ราชาแห่งปราชญ์   :  มิต้องคารวะ เชิญท่านทั้งสองนั่งเถิด ขอให้เทพบริการน้ำชาเร็ว !

เทพ   :  รับคำสั่ง..... ได้บริการแล้วขอรับ

ราชาแห่งปราชญ์   :   ท่านทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงไม่ต้องเกรงใจ ราชาท่านประทานน้ำชาให้ดื่มแล้วจะมีประโยชน์

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านราชาที่ทรงเมตตาประทานชาให้ ชานี้ดูใสสะอาด ดื่มแล้วทั้งเย็นและชุ่มคอ วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้รับคำสั่งให้มาแต่งหนังสือ จึงได้ตรงมาเยี่ยมคำนับท่าน ขอให้ท่านโปรดประทานพระวรพจน์ด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                               ครั้งที่  2

                ชมพระที่นั่งหยก   สวรรค์ทักษิณ

            นมัสการพระบุ้งฮ้วง   ราชาแห่งปราชญ์
 
                วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า

        วิธีฝึกมีร้อยแปด             แบบที่พบหนทางเดียว
ใต้หัวเขามีจิตเปลี่ยน               ปลูกท้อทิพย์พิศเพริศพริ้ง
จะก้าวพ้นทั้งสามภพ               จงสงบตัดสามใจทิ้ง
หกช่องทางเกิดสลัดกลิ้ง          หกทวารต้องตัดสิ้น

ราชาแห่งปราชญ์   :  ท่านทั้งสองลำบากมามากแล้ว พวกท่านแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เสร็จแล้ว ได้ช่วยเหลือผู้คนไม่น้อย ดังนั้น เสด็จแม่แดนสุขาวดีและท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ จึงโปรดให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์" ขณะนี้เป็นเทศกาลโปรดสัตว์ทั้งสามโลก เทพเจ้าและอรหันต์ทั้งสามโลกจึงมีงานมากเป็นพิเศษ เสด็จแม่และเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องการโปรดสรรพสัตว์จึงมีบัญชาการให้เทพเจ้าและอรหันต์ลงจากสวรรค์มาโปรดชาวโลกและได้จัดให้มีการรับพระทับทรง เปิดความสะดวก เปลี่ยนกกฏเกณฑ์โปรดสัตว์ใหม่ เผยแพร่สัทธรรม กอบกู้วิญญาณให้กลับถิ่นเดิม ดังนั้น สวรรค์ทักษิณของข้านี้จึงควบคุมการทรงของสำนักทั่วพิภพ ผู้ที่เปิดสำนักประทับทรงนั้น ๆ  ล้วนได้มีการบันทึกไว้ในสมุดของสำนักอย่างชัดแจ้ง หวังว่า มนุษย์ที่บำเพ็ญธรรมในสำนักทรง ควรที่จะอุทิศตนอย่างจริงจัง ผู้ที่ได้ปฏฺญญาณเข้าบำเพ็ญธรรมในสำนักทรง จะมีชื่ออยู่ใน สวรรค์ทักษิณ หากได้อุทิศตนเสมอต้นเสมอปลายโดยตลอด เมื่อหมดอายุขัยแล้ว ก็จะมีเทพยดานำไปสู่สวรรค์ทักษิณ แจ้งชื่อสำรวจกุศลบุญที่บำเพ็ญมา เพื่อไปเสวยสุขตามกุศลในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ หากเข้าสำนักทรงแล้ว ยังประพฤติผิดศีลทำผิดต่อปณิธานที่ให้ไว้ ก็ต้องถูกตีให้ตกลงสู่นรก สรุปความว่า มีศีลมีธรรมขึ้นสวรรค์ ผิดศีลผิดธรรมตกนรก อันนี้เป็นกฏตายตัว ชาวโลกหากไม่รักษา คุณธรรม 5 ประการ จะไม่สามารถขึ้นสวรรค์ ทำให้ข้าสังเวชใจนัก !  หวังว่า เมื่อสภาพสวรรค์ได้ถูดเปิดเผยแล้ว ผู้คนจะหลั่งไหลพากันมาที่นี่ อพยบมาอยู่ที่นี่ อย่างสุดความสามารถ ข้าฯจึงจะมีความดีใจ

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมาก ที่ประทานวรพจน์ วันนี้คงต้องขอลากลับก่อน

หยางเซิง  :  ขอบพระคุณมาก ที่ท่านราชาแห่งปราชญ์ ทรงประทานพระวรพจน์ เนื่องจากหมดเวลาลงแล้ว ต้องขอกราบบังคมลาก่อน

ราชาแห่งปราชญ์   :  มีคำสั่ง !  ให้เทพยดาตั้งแถวสั่งแขก

เทพดา   :  รับด้วยเกล้า  ขอส่งท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิงกลับสำนัก

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอรับ  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว  เชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ทิวทัศน์แดนสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด การจัดเตรียมการเดินทางแสนจะเหนื่อยยากลำบากใจ แต่มันก็ค่อย ๆ เข้าสู่วิถีทางโคจรแล้ว ทุก ๆ แห่งดูอัศจรรย์ วิญญาณได้เที่ยวสวรรค์ก็มีความสุขเพลิดเพลินมิใช่น้อย ไฉนหนอมนุษย์จึงไม่ย่างเข้ามาเล่า..... ถึงสำนักแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                 ครั้งที่ 3

                     ชมพระที่นั่งหยก  สวรรค์ทักษิณ

                   ฟังธรรมจากราชาแห่งปราชญ์อีกครั้ง

                     วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง   กล่าวเป็นกลอนว่า

        เพียงพัดโบกเบาเบา                  ลมพัดเอาสัทธรรมมา
ในกระติกอมฤตา                               ใช้ชะฝุ่นในลำไส้
มนุษย์เลียนแบบข้าฯ                          จะมีสุขตลอดไป
นึกถึงวัดเล้งอุ้งไซร์                            คือข้าฯ พระอรหันต์

อรหันต์จี้กง   :  ในมือข้าฯ มีพัด  พัดเบา ๆ ในกระติกมีน้ำอมฤต คอยเทเข้าไปในปาก ลักษณะย่างก้าวเหมือนพระอรหันต์ ชาวโลกจะเลียนแบบข้าฯ มีสักกี่มากน้อย ?.  น้ำอมฤตปราศจากกลิ่น  มีพัด  พัดก็ไม่เย็น ที่สุดแล้วจะเล่นกลอะไรกัน มีคนเขาว่า ข้าฯ ฉันเนื้อหมา  ดื่มเหล้า  บ้า ๆ บอ ๆ ต่างเห็นว่าเป็นพระเก๊ ๆ ข้าฯว่า พวกเขาดูข้าผิดไป !  ในโลกมนุษย์ยังมีพระฉันเนื้อ แต่มนสวรรค์ไม่มีพระอรหันต์ดื่นเหล้าหรอก  ในสมัยก่อนโน้น ข้าฯยังอยู่บนสวรรค์ เห็นคนที่ออกบวช ปากก็ฉันมังสวิรัติ แต่ในใจมีอุบายร้อยแปด มีพระน้อยองค์นักที่มีความรู้ในพระสัทธรรม  ล้วนแล้วแต่หลอกข้าวกิน ข้าฯ ไม่อาจทนดู พระสัทธรรมเหมือนเส้นด้ายกำลังจะขาด ดังนั้ ข้าฯ จึงจุติจากสวรรค์ มาเกิดในโลกมนุษย์มีชื่อว่า  ซิวอ๋วง  (บำเพ็ญเพียร)  เพื่อโปรดผู้คน แสร้งทำเป็นบ้า ๆ บอ ๆ เที่ยวเล่นไปในโลก จำเพาะเจาะจงคอยเล่นตลกกับพวกพระเหล่านั้น พวกเขาว่าฉันไม่ได้ ข้าฯ ก็จะฉัน เขาว่าไปไม่ได้ ข้าฯ ก็จะไป  ช่วยเหลือผู้ที่มีความศรัทธาด้วยวิธีตรงกันข้าม ดังนั้น พวกที่มีปัญญาน้อย จึงเห็นข้าฯ เป็นมารศาสนา  หารู้ไม่ว่า กายข้าฯ บ้า ๆ บอ ๆ แต่ใจข้าฯ ไม่เป็น  ข้าฯ สวดอภิธรรมแท้ ๆ ไม่เหมือนพวกเขาสวดแต่ของปลอม  อันที่จริงพวกที่แกล้งทำเป็นเมตตา คือ พวกที่หลอกกิน หลอกดื่มเพื่อยังชีวิต  พอข้าฯ ไปถึงเมื่อไร  ข้าฯ ทำให้สะรับข้าวเขาแตก หมดทางหากิน  ดังนั้น พระสงฆ์ในสมัยนั้น จึงเกลียดข้าฯ จะตาย ด่าข้าฯ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้  พวกสงฆ์ยังมีอคติต่อข้าฯ  หาว่าข้าฯ เป็นพระที่ไม่บริสุทธิ์ หารู้ไม่ว่าข้าฯ คือ พระอรหันต์ที่อวตารมา มีธรรมกายที่แฝงเร้นโดยสัทธรรม  ดังนั้น การฉันเนื้อดื่มเหล้าจึงมีรสชาติเพียงลึกแค่สามนิ้วในลำคอเท่านั้น มิได้ลงไปในกระเพาะเลย  เป็นการเล่นกลในปากเท่านั้น  เพื่อที่จะเย้ยหยันพระสงฆ์ ที่บำเพ็ญธรรมอยู่ด้วยกัน  อย่างนี้เรียกว่า "กินเปล่าดื่มเปล่าเท่านั้น ไม่มีรสชาติเลย"  ผู้คนเห็นเข้าก็หัวเราะชอบใจ  ข้าฯ คือ อรหันต์สมประสงค์ อรหันต์เจ้าสำราญ !  ฮาฮ้า  ผู้คนไหว้ "พระตาย"  ไม่ไหว้ "พระเป็น"  น่าสงสาร ! น่าสงสาร !  เหตุการณ์เปลี่ยนไป ตอนนี้ ข้าฯ จะไปตามบ้านไม่ไปตามวัด อยากให้ชาวบ้านสร้างพระพุทธทุกบ้านมีพระพุทธ วันนี้ก็ต้องมานำหยางเซิงไปเที่ยวสวรรค์ ไปกันเถอะเจ้าหยาง 

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ  พูดเสียยืดยาว  ชาวบ้านเขาจะหาว่าท่านกล่าวโอ้อวดนา

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องกลัว !  ข้าฯ ชินกับชาวบ้านแล้ว ข้าฯ ไม่สนอยากจะอยู่วัดวาอารามใหญ่โต ถึงอย่างไร ข้าฯ ก้ไม่เสแสร้งหลอกลวง จึงจะเป็นทางที่สะดวกที่จะช่วยเหลือชาวบ้านก็ตาม ชาวบ้านว่าข้าฯ บ้า ๆ บอ ๆ แต่ข้าฯ กลับสงสารพวกเขานะ รีบขึ้นดอกบัวเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด ..... วันนี้ทำไมมาที่นี่ ?. ที่นี่มันทางสามแพร่งของแดนต่อแดนระหว่างยมโลกกับมนุษยโลก

อรหันต์จี้กง   :  เราจะไปที่สวรรค์ทักษิณ โดยผ่านที่นี่ก่อน ค่อยไปสวรรค์ทักษิณ       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองสวรรค์ 

                                 ครั้งที่ 3

                     ชมพระที่นั่งหยก  สวรรค์ทักษิณ

                   ฟังธรรมจากราชาแห่งปราชญ์อีกครั้ง

                     วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง   กล่าวเป็นกลอนว่า

        เพียงพัดโบกเบาเบา                  ลมพัดเอาสัทธรรมมา
ในกระติกอมฤตา                               ใช้ชะฝุ่นในลำไส้
มนุษย์เลียนแบบข้าฯ                          จะมีสุขตลอดไป
นึกถึงวัดเล้งอุ้งไซร์                            คือข้าฯ พระอรหันต์

หยางเซิง   :  แดนต่อแดนระหว่างมนุษย์กับยมโลก  กระผมเคยมาเมื่อครั้งก่อนแต่งหนังสือเที่ยวเมืองนรก แต่วันนั้น กระผมเห็นทางนี้กว้างใหญ่ แถมยังมีรัศมีเจิดจ้าไปจรดเมฆบนเส้นทางมีผู้คนมากมาย บางคนก็นั่งคันหาม บางคนก็มีเมฆพาไป  บางคนก็เดินทอดน่องตามสบาย ทุกคนก็มีเทวดาบ้าง เทวทูตบ้าง เป็นพระบ้างนำไป  มิทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด

อรหันต์จี้กง   :  พอคนตายลง บางคนที่ไม่ต้องตกนรก พอมาถึงแดนต่อแดนระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก เมื่อมาถึงทางสามแพร่ง ก็จะต้องไปยังภูเขาหัวใจ คือเส้นทางที่เจ้าเห็นเมื่อสักครู่ นี้  ก็คือคนที่ได้ทำบุญ สร้างมหากุศล เมื่อตายลงแล้ว ก็สุดแท้แต่เทวทูต แต่ละศาสนาจะพาไปบนสวรรค์ไปรายงานตัว  แต่สำหรับผู้ที่บรรลุสัทธรรม ก็ไม่ต้องมาแบบนี้ ทั้งนี้เพราะผู้บรรลุสัทธรรมแล้วก็จะรู้ การเกิด การตาย  รู้หนทางดี  ตอนมีชีวิตอยู่ก็รู้จักหนทางในแดนสวรรค์ดี พอตายลงก็สามารถไปได้สบายเพราะรู้จักเส้นทางดีอยู่แล้ว มีอิสระทุกอย่าง วิญญาณจิตเดิมก็ล่องลอยไปเอง มีความสุขสบาย รายละเอียดของผู้คนที่กลับสู่สวรรค์ วันหลัง ๆ ข้าฯ จะพาเจ้าไปดู  สำหรับวันนี้เราจะไปที่พระที่นั่งหยก  นมัสการพระบุ้งฮ้วง  ราชาแห่งปราชญ์ เพื่อฟังธรรม

หยางเซิง   :  ก็ดีครับ !  มองดูผู้ที่จะกลับสู่สวรรค์เหนือศรีษะต่างมีวงรัศมีแตกต่างกัน แต่ละบุคคลต่างก็ดีใจ มีความสุขสบายต่างจากพวกที่ตกนรก แต่ละคนร้องไห้โหยหวน

อรหันต์จี้กง   :  แน่นอนทีเดียว !  ขึ้นสวรรค์สู่แดนบรมสุขลงนรกรับโทษทัณฑ์ สภาพทั้งสองจะเหมือนกันได้อย่างไร ?. มนุษย์อยากขึ้นเวทีรับรางวัล หรือคุกเข่ารับการโบยตีล่ะ ?. เร็ว ๆ พวกเราไปยัง  สวรรค์ทักษิณ  กันเถอะ 

หยางเซิง   :  ดอกบัวทะยานไปลิ่ว ๆ เบื้องหน้ามีเส้นทางใหญ์ สว่างไสวลอยอยู่ ชั่วพริบตาก็มาถึง สวรรค์ทักษิณแล้ว แลเห็นท่านมหาปราชญ์ กำลังฝึกกระบองทองคำอยู่พลางยิ้มพลาง ไม่หยุดนิ่ง !

อรหันต์จี้กง   :  เราจะไม่หยุด... เพียงแต่ทักทายก็พอ ..... ถึง พระที่นั่งหยกสวรรค์ทักษิณแล้ว หยางเซิงรีบคารวะ ราชาแห่งปราชญ์เร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม ..... ขอคารวะท่าน ราชาแห่งปราชญ์ วันนี้ พวกกระผมก็ได้มาอีกครั้ง ขอความกรุณาโปรดประทานโอวาทด้วยเถิด

ราชาแห่งปราชญ์   :  มิต้องคารวะ !  เชิญท่านทั้งสองนั่งลง เทพดาจงบริการน้ำชา

เทพยดา   :  รับคำสั่ง !  ได้บริการเรียบร้อยแล้วขอรับ

ราชาแห่งปราชญ์   :  ท่านทั้งสองเหน็ดเหนื่อยมากนัก  ท่านอรหันต์ก็รับภาระอันยิ่งใหญ่ โปรดกู้สรรพสัตว์ โดยนำนายหยางเซิงท่องแดนทั้งสามโลก เพื่อแต่งหนังสือเตือนสติ ต้องลำบากมิน้อย เบื้องบนสวรรค์มีคำสั่งให้แต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองสวรรค์"  ต้องมีความหมายที่พิเศษมาก เพราะต้องแพร่งพรายความลับของสวรรค์  ดังนั้น จึงต้องได้รับผลประโยชน์จากการเตือนสติผู้คน มิฉะนั้น จะเป็นการเหนื่อยเปล่า การที่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ได้มีผู้ศรัทธาร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ  พระสูตร  ออกแจกจ่ายเพื่อปลอบเตือนผู้คน เสมือนหนึ่งน้ำทิพย์  ที่ให้ความชุ่มชื่นแก่สรรพสัตว์ทั่วโลก ถ้าหหากหนังสือเล่มนี้จัดทำที่นี่ก็เกรงว่า จะเผยแพร่ไม่ได้กว้างขวาง  เหมือนจัดทำการสำนักของท่าน  ดังนั้น หนังสือ  "เที่ยวเมืองสวรรค์"  จึงจำเป็นต้องเลือก  คน  สถานที่  และสวรรค์ทั้งสามส่วนนี้ให้เหมาะสม ฉะนั้น จึงเลือกสำนักของท่าน  มิใช่ว่าฟ้าจะลำเอียง สัทธรรมไม่เข้าใครออกใคร  ใครมีศีลธรรม ผู้นั้นย่อมได้รับการสนับสนุน ดังนั้น จึงหวังว่า ศิษย์ทั้งหลายควรตระหนักถึงเกียรติที่ได้รับ และควรอุทิศทวีคูณช่วยสวรรค์ กอบกู้ผู้คนเป็นการตอบแทนพระคุณสวรรค์

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณ ท่านราชาแห่งปราชญ์  พวกกระผมจะบำเพ็ญเพียรจนสุดความสามารถเพื่อฟื้นฟูศีลธรรม อย่างสุดกำลัง  และโชคดีที่ฟ้าเมตตา พวกกระผมรู้สึกขอบคุณเป็นล้นพ้น  กระผมจะกลับไปรายงานให้พวกเขาทราบถึงคำสั่งของท่าน

ราชาแห่งปราชญ์   :  แดนสวรรค์กว้างไกล หากจะไปให้ทั่วถึง เกรงว่าจะไปไม่หมด  สำหรับความคิดเห็นของข้าฯ  ควรจะเลือกไปเฉพาะที่เข้ากับศีลธรรมปัจจุบัน ก็เพียงพอเพื่อให้หนังสือสำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว จะได้ไปกอบกู้ผู้คน คงต้องลำบากท่านอรหันต์จี้กงมากหน่อย

อรหันต์จี้กง   :  สิ่งนี้คือหน้าที่ของอาตมา ขอเพียงแต่ท่าน ราชาแห่งปราชญ์ได้ดปรดให้ความสะดวก

ราชาแห่งปราชญ์   :  เกรงใจไปไย !  ปัจจุบันนี้ ประจวบเหมาะในการโปรดสัตว์สามโลก  ได้แก่  สวรรภูมิ  นรกภูมิ  และมนุษย์ภูมิ  แต่ละแห่งจะมีทั้งคนและผีปฏิบัติธรรม คราวนี้การแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองสวรรค์"  เพื่อเน้นหนักการถ่ายทอดความจริงด้านนี้  เพื่อผลการกอบกู้ผู้คน เหมือนตรงต่อการให้ยาถูกโรค  ยังสามารถกล่อมเกลาจิตมนุษย์  นอกจากนี้ก็จะได้แบบพิมพ์เขียวของ  "สวนสวรรค์อันสมบูรณ์"  ขอสั่งเสียเพียงเท่านี้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ขอบพระคุณมาก ที่ท่านราชาแห่งปราชญ์ กรุณาประทานโอวาท วันนี้ จำเป็นต้องขอลาก่อน

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณมาก ที่ท่านราชาแห่งปราชญ์ ให้ความห่วงใย

ราชาแห่งปราชญ์   :  มีคำสั่ง  ให้เทพยดาตั้งแถวสั่งแขก !

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว เราจะกลับสำนักกัน

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าร่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองสวรรค์

                                   ครั้งที่ 4

           ชมมหาสุทธิปราสาท ฟังธรรมจากพระศาสดาแห่งเต๋า

                             พระไท้เสียงเล่ากุง

                      วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า   

        ท่านเล่ากุงทรงกระบือ                  ถือธรรมย่ำตะวันตก
ยานศักดิ์สิทธิ์ตถาคต                            ทะยานสู่ตะวันออก
ท่านขงจื้อท่องไป                               บนอาชาสู่รอบนอก
พระเยซู  มะหะหมัด                             ทรงอูฐทั่วทะเลทราย

พระอรหันต์จี้กง   :  ฟ้าดินถือกำเนิดจากเอกธาตุ พิภพอันใหญ่ปกครองด้วยสรรพสิ่ง พระศาสดาของห้าศาสนา  แม้จะใช้ยานพาหนะที่ต่างกันออกเผยแพร่พระธรรม และบนยานพาหนะ จะมีพระคัมภีร์ จะมีอักษรนับหมื่นตัวก็ตาม ล้วนแล้วแต่สอนให้มนุษย์ เดินทางไปสู่สวรรค์ทั้งหมด  แต่มาสมัยนี้ ในพระคัมภีร์จะถูกแก้ไขเรื่อยมา  บ้างก็เพิ่มเติมเสริมแต่งความคิดเห็นส่วนตัวลงไป  ทำให้พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (ลายแทงขุมทรัพย์) เลอะเทอะผิดเพี้ยน  ทำให้ผู้แสวงธรรมต้องหลงทางอยู่ในขุนเขา โดยหารู้ไม่ว่าทุกศาสนามีหลักธรรมเหมือน ๆ กัน  ซึ่งมุ่งสู่สันติภาพมีความซื่อสัตย์ที่จะสั่งสอนผู้คน เหนี่ยวรั้งความเสื่อมโทรมของสังคม  มุ่งสู่ความสันติสุขร่วมกัน มนุษย์ควรตระหนักถึงสวรรค์ที่มีต่อที่มีชีวิต การเผยแพร่พระศาสนา ก็เพื่อส่งเสริมให้มีความผาสุกและสันติภาพ ต่อมนุษยชาติอย่างเดียวกัน  ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะดูถูกเหยียดหยาม และกล่าวร้ายกันและกัน สรรพชีวิตที่อยู่กันคนละแห่ง ล้วนมาจากสวรรค์แห่งเดียวกัน ต่างเลี้ยงชีพปกครองโลก พอนานวันเข้า ต่างก็ลืมสวรรค์ถิ่นเดิม บัดนี้  สวรรค์ต้องการให้สรรพชีวิตสำนึกตน  นึกถึงบรรพบุรุษสู่ถิ่นฐานเดิม ดังนั้น จึงมีคำสั่งมายังสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง  ให้แต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองสวรรค์"  เปิดเผยสวรรค์ เพื่อให้มนุษย์เข้าใจถึงหลักการเดิมของชีวิต  เพื่อกลับสู่สวรรค์ได้ในเร็ว ๆ วัน  หากยังไม่สำนึกตน ปฏิบัติธรรมก็รังแต่จะถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร มีทุกข์มหันต์ ไม่อาจกลับคืนสู่ถิ่นเดิมได้ !  หยางเซิง ! รีบขึ้นดอกบัวเตรียมออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญ ท่านอาจารย์ออกเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  นั่งอยู่บนบัวช่องาม เหินอยู่ในเวหานับหมื่นลี้ ทะยานสู่แดนสวรรค์อันสดใส ความรู้สึกเบาหวิว ๆ คล้ายกับเทวดาจริง ๆ  เคลิบเคลิ้มเหมือนดั่งเมาเหล้า เหาะเหินได้อย่างสะดวกสบาย  เบาตัวเบาใจ  มีความสุขเสียจริง ๆ ศิษย์รัก เจ้าไม่พูดไม่จาว่ารู้สึกอย่างไร ?.

หยางเซิง   :  จิตใจรู้สึกโล่งปลอดโปร่ง มีแต่แสงระยิบระยับ ไม่มีเมฆหมอกแห่งความเศร้า เห็นแต่มาลีสวรรค์เต็มไปหมด มีนกแปลก ๆ บินร่อนอยู่ไปมา ส่งเสียงร้องเจี้อยแจ้ว เหมือนกำลังร้องเพลงทิพย์ สัตว์แปลก ๆ มุดอยู่สุมทุมพุ่มไม้อันเขียวขจี  กระผมดูจนตาลายเหมือนคนเมาเหล้าแล้ว  ณ  ที่นี้ไม่มีวี่แววของผู้คนอาศัยอยู่เลย  แดนสวรค์มีทิวทัศน์งดงาม  ชวนให้หลงใหลเสียจนไม่อยากกลับไปโลกมนุษย์เลย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองสวรรค์

                                   ครั้งที่ 4

           ชมมหาสุทธิปราสาท ฟังธรรมจากพระศาสดาแห่งเต๋า

                             พระไท้เสียงเล่ากุง

                      วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2522

พระอรหันต์จี้กง  เสด็จลงประทับทรง  กล่าวเป็นกลอนว่า   

        ท่านเล่ากุงทรงกระบือ                  ถือธรรมย่ำตะวันตก
ยานศักดิ์สิทธิ์ตถาคต                            ทะยานสู่ตะวันออก
ท่านขงจื้อท่องไป                               บนอาชาสู่รอบนอก
พระเยซู  มะหะหมัด                             ทรงอูฐทั่วทะเลทราย

อรหันต์จี้กง   :  ทิวทัศน์เช่นนี้  หาดูไม่ได้ในแดนมนุษย์ นอกเสียจากแดนสวรรค์ อันเนื่องจากเจ้ายังไม่หมดอายุขัยของมนุษย์ ไม่อาจอยู่ที่นี่นานได้  ควรจะช่วยกอบกู้สรรพสัตว์ ร่วมกันปฏิบัติธรรม วันข้างหน้า เจ้าก็สามารถมาท่องเที่ยวแห่งนี้ได้  ชมเขาชมน้ำอยู่อย่างเทวดาได้นานทีเดียว !

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณ อาจารย์ทีแนะนำ !  ด้านหน้ามีอาคารตั้งอยู่บนเมฆ  แสงทองส่องระยิบระยับ ยังมีความเขียวเขาเดี่ยวเดินตรงมาทางเรา  ทำไมบนสวรรค์ยังเลี้ยงควายด้วยหรือ ?.

อรหันต์จี้กง   :  อ๋อ !  นั่นเป็นพาหนะของท่านพระไท้เสียงเล่ากุง... ควายเขียวเขาเดี่ยว นั่นเป็นสัตว์เทวดา ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา เจ้าไม่ต้องกลัวเขามาต้อนรับเรา ควายและวัวในโลกมนุษย์น่าสงสารที่สุด ถูกใช้ให้ไถนา  ลากเกวียน เนื้อใช้เป็นอาหาร นมใช้เลี้ยงทารก  วัวควายมีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างมหาศาล พระเล่ากุงเลี้ยงควายนี้ เป็น ควายเทวดา ก็เหมือนกับวัวควายในโลกมนุษย์เป็นต้นตระกูลไงล่ะ ในเมืองมนุษย์มีทั้งวัวเหลียง วัวขาว วัวดำ และวัวแดง แต่หามีความยเขียวไม่ !

หยางเซิง   :  ปราสาทด้านหน้าสง่างามมาก ลักษณะผิดธรรมดา ยังกับสร้างด้วยทองคำและหยกเหมือนเนรมิต ความสง่าผ่าเผย ทำให้คนเห็นแล้วเกรงขาม ข้างบนมีหนังสือเขียนว่า  "มหาวิสุทธิปราสาท" (ไท้เซงเก็ง) แวววับจับตา

อรหันต๋จี้กง   :  ที่นี่เป็นที่ พระไท้เสียงเล่ากุงประทับอยู่ บัลลังก์ไตรวิสุทธินี้ สถิตอยู่ ณ มหาสุทธาวาสภูมิ (ไต่เฉียะเทียน) วันนี้ เราจะมาที่นี่ก่อนเพื่อฟังธรรมเทศนาเกี่ยวกับการกำเนิดของฟ้า - ดิน   เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ถ่องแท้จะได้ปฏิบัติธรรม เป็นแนวทางไปสู่สวรรค์ การแต่งหนังสือเที่ยวเมืองสวรรค์ ควรกล่าวถึงวิถีทางของ ฟ้า - ดิน ก่อน  ท่านพระไท้เสียง ทรงเป็นพระศาสดาแห่ง  "เต๋า"  ดังนั้น จึงอยากให้ท่านเป็นผู้บรรยายเรื่องนี้

หยางเซิง   :  อ๋อ ... เป็นเช่นนี้เอง

อรหันต์จี้กง   :  เทพเต๋ายืนเรียงรายอยู่สองปากทาง คอยต้อนรับเราอยู่แล้ว

หยางเซิง   :  ขอนมัสการท่านเทพเต๋าทั้งหลาย  ข้าน้อยคือคนทรงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง  วันนี้ได้รับบัญชาติดตามพระอาจารย์มาเที่ยวสวรรค์ ขอเชิญท่านเทพเต๋าได้โปรดชี้แนะ

เทพเต๋า   :  ขอต้อนรับ พระอรหันต์จี้กงกับท่านหยางเซิง  ที่มาเยี่ยม ท่านพระศาสดาได้ให้มาเชิญ  ขอเชิญท่านทั้งสองตามพวกเรามาเข้าไปเฝ้าพระศาสดา

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณ ... เดินตามเหล่าเทพเต๋าเข้าไปข้างใน มหาวิสุทธิปราสาท ภายในปราสาทงามสง่า น่าเกรงขาม เงียบสงัดปราศจากเสียง พระศษสดา อันมีพระพักตร์อ่อนวัย แต่มีพระเกศาขาวดั่งขนนกกระเรียน ประทับอยู่เหนือบัลลังก์สูง ด้านหน้ามีกระถางกำยานตั้งอยู่ กลิ่นกำยานกระจายขึ้นสู่เบื้องบน รอบ ๆ พระวรกายมีรัศมีสีทองเปล่งประกายเจิดจ้า  ดวงตาของกระผมไม่อานทนรับแสงได้แล้ว ! ขอกราบนมัสการ พระศาสดาเจ้าท่านไท้เสียงเล่ากุง ข้าพระพุทะเจ้า ได้รับเทวโองการติดตามพระอาจารย์ ให้มาท่องสวรรค์เพื่อแต่งหนังสือ วันนี้ได้มาถึงยัง มหาวิสุทธิปราสาท ขอเข้าพบพระศาสดาเจ้าขอทรงพระเมตตาโปรดประทานแนะนำ ความหมายของ  "เต๋า"  เพื่อลงในหนังสือ  "เที่ยวเมืองสวรรค์"  เพื่อเตือนสติชาวโลก

พระศาสดาเจ้า   :  มิต้องคารวะ !  หยางเซิงโปรดลุกขึ้น !  ท่านอรหันต์ก็เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว เชิญทั้งสองนั่งลง !  หยางเซิงมีกายเนื้อ ตาปัญญาเพิ่งจะเปิด บารมียังไม่แกร่งกล้า มาถึงสวรรค์ชั้น มหาสุทธาวาส ดวงจิตทนได้ยาก  ข้าจะประทานยาทิพย์ให้เม็ดหนึ่ง เพื่อเพิ่มพละกำลังให้แก่เจ้า จงรับไป ! 

หยางเซิง   :  ขอกราบขอบพระคุณท่านศาสดาเจ้าที่เมตตา กระผมรู้สึกจะทนไม่ได้จริง ๆ แดนสวรรค์แม้จะสวยงาม แต่ ดวงจิตไม่สงบ ! 

พระศาสดาเจ้า   :  สิ่งที่เกี่ยวข้องกับพละกำลังนี้ นอกเหนือจากสวรรค์ทั้งสามสิบสามภูมิแล้วอย่างเช่น  สวรรค์ชั้นมหาสุทธาวาส นี้  หากไม่ใช่ผู้สำเร็จผลมรรค - นิพพานแล้ว จะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ เจ้าน่ะมีบุญวาสนา อาศัยคำสั่งให้มา ข้าจะต้อองช่วยเจ้าอีกแรงหนึ่ง รีบ ๆ รับประทานเข้าไปเสีย

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม ... กระผมรับเข้าไปแล้ว ฉับพลันรู้สึกใจถูกร้อนลน ทำให้เกิดพละกำลังเพิ่มขึ้น  เบื้องบน นัยน์ตาทั้งสองเบิกกว้าง รู้สึกสามารถมองอะไรรอบ ๆ ได้เต็มที่แล้ว กราบขอบพระคุณท่านศาสดาเจ้า

พระศาสดาเจ้า   :  ยานี้เป็นยาทิพย์ เก้าวงกต ได้หลอมในเตาทองนี้นานถึงแปดสิบเอ็ดปีแล้ว รอคอยที่จะประทานให้แก่ผู้ที่มีบุญวาสนา วันนี้นายหยางเซิงมาที่นี่ นับว่ามีบุญวาสนา !

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณ ท่านศาสดาเจ้าที่ประทานยาทิพย์ให้แก่ศิษย์ของอาตมา ช่วยเสริมพละกำลังให้มิใช่น้อย  วันนี้ เรามาเยี่ยมคำนับท่านศาสดาเจ้าเพื่อที่จะมาฟังธรรมเทศนาความเป็นมาของ "ฟ้า - ดิน"  เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าใจถึงสัทธรรมอันยิ่งใหญ่ จะได้อบรมจิตเพื่อกลับสู่ถิ่นเดิม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20/12/2011, 05:35 โดย jariya1204 »

Tags: