เที่ยวเมืองนรก
ครั้งที่ 36 วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2520
ขุมที่ 6
ตอน สนทนากับยมบาลเปียงเซี้ยอ๊วง
ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า :
กลางเดือนแปด เวียนมาถึง อย่างง่ายดาย
วุ่นมิคลาย ตั้งแต่เช้า ยันค่ำมา
หงอกขึ้นเต็ม ศรีษะ ด่วนชรา
มัวชะล่า ไม่ชำระ สะสางใจ
ยมบาล : ชาหยาบ ๆ เท่านั้นเอง ของมันมีน้อยค่ามันก็สูงท่านจึงมีความรู้สึกอย่างนี้แหละ ท่านทั้งสองมายังที่นี่ในวันนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีมาก พูดถึงเหตุการณ์ในโลกมนุษย์ของทุกวันนี้แล้วแทบไม่อยากกล่าวถึงเลย ดังนั้นพระทัยของเง็กเสียงอ๊วงตี่ท่านทรงสลดยิ่ง จึงได้ตรัสสั่งมายังสำนักของท่านให้แต่งหนังสือ เที่ยวเมืองนรก" เพราะเหตุว่าชาวโลกไม่เชื่อว่าผู้ที่ทำชั่วสร้างบาปเมื่อตายลงแล้วต้องไปรับโทษยังแดนนรก จึงได้สั่งอาจารย์นำพาหยางเซิงล่องลงยมโลก เยี่ยมชมเหตุการณ์ของชาวโลกที่ตายลงแล้ว โดนแดนนรกทำโทษอย่างไรบ้าง โดยให้ เง็กฮือท่งจื้อ เทวดาองค์หนึ่ง ใช้ตาทิพย์ถ่ายทอดสดจากสถานที่ปัจจุบัน แล้วนำเอาสภาพจริงที่หยางเซิงพบเห็นในระหว่างท่องอยู่ในนรก ถ่ายทอดออกโดยอาศัยพู่กันจากร่างทรง เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้สำเร็จลง จะได้ช่วยกอบกู้ผู้คนได้ไม่น้อย ทุกวันนี้ชาวโลกสนใจแต่วิทยาศาสตร์ดูหมิ่นดูแคลนต่อภูติผีเทพเจ้า จึงเกิดการปล้นจี้ ฆ่าแกง ข่มขืน ฉ้อฉล ขโมยต่าง ๆ ขึ้นทุกแห่งหนและบ่อยครั้ง ชาวโลกถือแต่เหตุการณ์เฉพาะหน้า ในใจคิดว่าเมื่อได้รอดพ้นจากเงื้อมมือกฏหมายไปได้แล้วก็จะเรียบร้อยลง ดังนั้นบรรดาที่หาช่องโหว่แห่งกฏหมายหรือเสี่ยงต่อกฏหมายนั้น จะเห็นมีอยู่ทั่วไป บรรดาพวกทำลายความทำนองคลองธรรมไม่เคารพต่อศีลธรรมทางการค้า ตอมเต็มอยู่ในเมืองมนุษย์เป็นเรื่องที่น่าอนาถใจยิ่ง นี่แหละคือผลที่ติดตามมาอันเลวร้ายของการนิยมวัตถุ โลกทุกวันนี้มีสภาพอย่างที่เห็นนี้ ทำให้จิตใจข้าพเจ้าเจ็บปวด ผู้ที่ไปเชื่อถือผีเจ้าทั้งเหตุและผล แล้วไปก่อกรรมทำเข็ญ เมื่อตายลงแล้วไม่มีแม้คนเดียวจะรอดจากการลงโทษของยมโลกที่เรียกว่า "แม้กฏสวรรค์จะหละหลวม แต่ก็ไม่มีใครรอดได้" คือหมายถึงเรื่องนี้ล่ะ ข้าพเจ้าควบคุมขุมที่ 6 คือ "นรกใหญ่ตะโกนร้อง" บรรดาผีที่ถูกตัดสินโทษจากขุมที่ 6 ความเจ็บปวดทรมานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขุมที่ 5 ดังนั้นจึงเรียกว่า "นรกใหญ่ตะโกนร้อง" โดยเอาสถานที่การลงโทษจาก 16 นรกน้อย ชาวโลกที่กระทำสิ่งชั่วร้ายอุบาทว์หนักหนา ผู้ที่ไม่เคารพระเบียบประเพณีศีลธรรมนั้น ต้องถูกทำโทษอย่างลึกซึ้งหนักหน่วงอเนจอนาถยิ่ง เมื่อท่านหยางเซิงกลับสู่โลกมนุษย์แล้ว ควรปลอบเตือนชาวโลกสงบอารมณ์ หล่อหลอมจิตใจบำเพ็ญกาย ประพฤติปฏิบัติอยู่ในขอบเขตของตน ท่านทั้งสองมาเยี่ยมชมในนรกวันนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีต้อนรับอย่างสูง การรับดื่มน้ำชาทิพย์ผิดแปลกแตกต่างกับนักโทษที่รับการทำโทษอยู่นั้นราวฟ้ากับดิน ชาวโลกจะลงเอยกันอย่างไร ตัวเองต้องตระเตรียมการไว้ก่อน เชิญท่านทั้งสองดื่มน้ำชาเถิด
อรหันต์จี้กง : วันนี้หมดเวลาลงแล้ว อาตมาว่าวันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมสภาพการณ์ของคุกต่าง ๆ กันใหม่
ยมบาล : ก็ดีเหมือนกัน ยินดีต้อนรับท่านทั้งสองมาเยี่ยมใหม่ ให้ข้าราชการทั้งหลายตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์
หยางเซิง : ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลประทานน้ำชาทิพย์ และวาจาอันมีค่าเท่าเทียมหยกทองปลอบโยนให้ เนื่องจากเวลาดึกมากแล้ว จำเป็นต้องกราบลาละครับ
อรหันต์จี้กง : เจ้าหยางเซิงเตรียมขึ้นดอกบัวเร็ว
หยางเซิง : กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักได้.....
อรหันต์จี้กง : ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม
นรกขุมที่หก
ขุมที่หก นรกร้าง ไว้คอยปราบ
คอยขนาบ ผู้ชาย ที่มั่วกาม
นรกตัดไต ตัดไอ้จ้อน จะได้ปราม
หนูคุกคาม กัดถอนราก ให้สิ้นซาก
พวกรถซิ่ง สิงห์มอเตอร์ฯ ชอบปาดหน้า
ชอบแข่งท้า ผลาญทรัพย์สิน ชนคนตาย
ในนรก ถูกรถทับ โทษเหลือหลาย
จะได้คลาย ความบ้าคลั่ง ครั้งอดีตมา
พวกพูดจา สามหาว อวดแบ่งใหญ่
แสดงใคร่ พูดอ่อนหวาน กล่าวมดเท็จ
ถูกแหวกปาก ยัดหนามเหล็ก คงแสนเผ็ด
จะได้เข็ด กลับตัว เปลี่ยนนิสัย
ท่านตุลา พิพากษา คดีความ
อย่าวู่วาม ตัดสิน ไม่ยุติธรรม
รับสินบน ดำเป็นขาว ก่อเวรกรรม
ตาข่ายตำ ตั๊กแตนเจาะ เพราะขาดธรรม