collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72414 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 22  วันเสาร์ที่  5  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                                 ขุมที่ 4

                 ตอน  พบปะท่านยมบาลโหงวกัวอ๊วง

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             ชีวิตคน        เหมือนขี่ม้า        ชมโคมไฟ       
เวลาผ่านไป               อย่างรีบเร่ง        ไม่กลับย้อน
รูปนามใหม่                จิตวิสุทธิ์           ประภัสสร
ครบวงจร                  เริ่มดิถี              ใครเหาะเหิน

อรหันต์จี้กง   :  เป็นโชคลาภวาสนาของเจ้าหยางเซิงแล้ว ท่านโหงวกัวอ๊วงประทานน้ำอมฤตที่ท่านได้ดื่มเป็นส่วนตัวนั้นให้เจ้า นับเป็นสิ่งประเสริฐสุดแห่งหมู่เทพเทวดา เมื่อเจ้าดื่มแล้วสามารถจะเพิ่มพูนสติปัญญาขึ้นได้อีก

โหงวกัวอ๊วง   :  ท่านอาจารย์และหยางเซิงมิต้องเกรงใจรีบดื่มเสีย

หยางเซิง   :  รสชาติหอมหวาน ชื่นอกชื่นใจ ความรู้สึกที่เยือกเย็นและอบอุ่นรวมอยู่ในตัว ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ประทานให้ กระผมจะพยายามจนสุดความสามารถ เพื่อทำหน้าที่แต่งหนังสือให้สำเร็จลุล่วงไป

โหงวกัวอ๊วง   :  มิต้องเกรงใจ น้ำอมฤตนี้ "พระแม่แห่งสระศักดิ์สิทธิ์" ประทานให้ยมบาลทั้ง 10 ขุม ได้รับทั่วกันหมด ดื่มแล้วสามารถเพิ่มพลังแห่งดวงกมลให้ช่วงโชติรุ่งโรจน์ขึ้น ถ้าเป็นตุลาการแดนนรกจะดื่มน้ำอมฤต ภูตผีปีศาจก็จะดื่มแต่น้ำชาเท่านั้น เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่และผลบุญต่างกันนั่นเอง การเลี้ยงดูกำนัลจึงแตกต่างกันด้วยประการเช่นนี้

หยางเซิง   :  ขุมของท่านทำการชำระตัดสินลงโทษพวกวิญญาณโทษนั้นมีสภาพการเช่นไรครับ ?.

โหงวกัวอ๊วง   :  ข้าพเจ้าก็คุมสิบหกนรกน้อยเช่นกัน นอกนั้นยังมีคุกนรกที่สร้างเพิ่มขึ้นใหม่เพื่อป้องกันโทษที่ชาวมนุษย์กระทำขึ้นแบบพิศดาร ตามกาลเวลาสมัยใหม่ คุกนรกก็แยกชั้นรับหน้าที่กัน ต่างคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบ บรรดาที่ประพฤติชั่วทำบาป ในแดนมนุษย์ เมื่อตายลงแล้วเข้ามาจากประตูผีขึ้นบนหอกระจก (กรรม) วิเศษส่องร่างเดิมปรากฏออกมาหลักฐานที่ทำผิดพร้อมมูลแล้ว ต้องดูว่าโทษที่ทำไว้นั้นขึ้นกับการปกครองของขุมไหน ก็ส่งมอบให้แต่ละขุมรับไปจัดการ ขณะนี้ข้าพเจ้าจะชำระคดีเรื่องหนึ่ง เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าขึ้นนั่งบัลลังก์สังเกตการณ์เถิด

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม ยมบาลหัวควายหน้าม้าสองนายคุมวิญญาณโทษชายตนหนึ่งอยู่หน้าโต๊ะ ท่วงทีท่าทางคล้ายพวกผู้อำนวยการหรือประธานกรรมการ หน้าตาเปล่งปลั่งราศีดี หัวเถิกอยู่บ้างแล้ว มิทราบว่าทำผิดด้วยโทษอันใด มีอาการแสดงออกด้วยความหวาดกลัวสั่นเทา

โหงวกัวอ๊วง   :  วิญญาณโทษตนนี้สมองปราดเปรื่องตอนมีชีวิตอยู่ เป็นพ่อค้ายาแผนโบราณ ต่อมาคิดหาเงินโดยทางมิชอบ เพราะเหตุว่าตนเองมีความรู้ความชำนาญเรื่องยาพอสมควร เลยทำยาปลอมออกจำหน่ายปองร้ายให้โทษชาวบ้านมากมาย วันนี้หมดอายุขัยแล้ว โดนยมทูตคุมตัวมาพิจารณาโทษ

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากหมดเวลาลงแล้ว ข้าฯ ว่าเจ้าหยางเซิงเตรียมกลับสำนักเถิด วันหน้าค่อยมาสัมภาษณ์ที่คุกนรกนี้กันใหม่ก็แล้วกัน ขอแสดงความเสียใจต่อท่านโหงวกัวอ๊วงเป็นอย่างมากโปรดให้อภัย

โหงวกัวอ๊วง   :  ที่ไหนได้ นายทหารและเทวทูตทั้งหลายตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์กลับ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลและเทวทูตที่ได้ให้เกียรติต้อนรับ ลาก่อนละครับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ารีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านเริ่มเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
นรกขุมที่ 4 - หอส่องบ้านเดิม

ขุมที่สี่          โหดร้าย          สาหัสนัก
พวกบาปหนัก       ผลิดยาปลอม     ฆ่าผู้คน
ถูกกรอกยา        รสขมขื่น          สุกฝืนทน
หลีกไม่พ้น     พวกขายยา     ให้เสพติด

        คนมั่งมี        ชอบมั่วกาม        ค๊อฟฟี่ช็อพ
คงจะชอบ   นรกน้ำร้อน   ลวกมือดี
พวกนักล้วง  เช็ดสปริง    ไม่อาจหนี
ลองชิมที    คงจะเข็ด    ไปอีกนาน

        ปากเราะราน        ชอบวิวาท        กับสามี
ยุเหย่ดี       ให้บ้านแตก    สาแหรกขาด
นักร้องเพลง  ลามกจกเปรต  คงขยาด
คงไม่พลาด   เหล็กแทงปาก ร้องโอดโอย

        นรกตัดเอ็น        แคะกระดูก        คงเหมาะสม
คนโสมม     ไร้ซื่อสัตย์        โกงตาชั่ง
ชอบเล่นไพ่  ติดพนัน        คนชอบดัง
แขนขายัง    ถูกตัดขาด    เจ็บถึงใจ

หอส่องบ้านเดิม

หอส่องบ้าน        ดูลูกหลาน        แดนมนุษย์
ใจแสนสุด         ลึกล้ำ       พรรณาได้
ให้วิญญาณ      ผู้ทำผิด     หลังความตาย
ได้ย่างกราย     มาพบพาน   ทุกผู้คน
วิญญาณโทษ   เมื่อแลเห็น   ลูกหลานตน
เห็นผู้คน        กินอยู่          สุขสบาย
บ้างก็เล่น     บ้างก็สุข       น่าใจหาย
มิได้คิด     ถึงตายาย       แม้ผู้เดียว
เห็นดังนี้    สุดเศร้า        โสกหนักหนา
อนิจจา    ถึงตนเอง        นึกเฉลียว
เคยทำงาน     หาเงิน     ตัวเป็นเกลียว
ตายแผล็บเดียว มันสำราญ  ให้ช้ำใจ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 23  วันที่  8  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนกรอกยานรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :


        ขายยาปลอม        เป็นหมอเถื่อน        บาปหนักหนา
โลภเงินตรา                 บาปติดตน             ทุกแห่งหน
แพทย์ฮั้วท้อ               เมตตาจิต               รักษาคน
ทิพย์สุคนธ์                 โพธิสัตว์                 พรมแผ่นดิน

อรหันต์จี้กง   :  ในโลกนี้มีคนไม่น้อยที่จิตใจโหดเหี้ยมปราศจากความสำนึกผิดชอบ หลงระเริงแต่เงิน ๆ ทอง ๆ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม เช่นหมอเถื่อนทำลายชีวิตคน จนกระทั่งทำยาปลอมจำหน่าย เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาเวรกรรมหนักหนา แม้ยมกฏจะเข้มงวดกวดขัน ก็ยังมีแมลงเม่าบินสู่กองไฟจงใจเสี่ยงกฏหมาย เมื่อตายลงแล้วไปสู่นรก ก็ต้องระทมอย่างมีปากก็พูดไม่ออก หากผู้ใดไม่เชื่อข้าฯ จะพาหยางเซิงไปท่องนรกเพียงเที่ยวเดียว ก็จะพิสูจน์ได้ว่าที่กล่าวไปนั้นมิได้มดเท็จเพ้อเจ้อ วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าอหยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเถอะ

หยางเซิง   :  มิทราบว่าการเดินทางวันนี้จะมุ่งสู่แห่งใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ขุมนรกที่ขึ้นกับขุมที่ 4 รีบเตรียมตัวออกเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  คุกที่อยู่เบื้องหน้าส่งเสียงอาเจียนโอดครวญระงมไป บนประตูคุกเขียนว่า "แดนกรอกยานรกน้อย" นายทหารหัวควายหน้าม้า ต่างคุมวิญญาณโทษหญิงชายเข้าไปในคุก อ้อ ! พัศดีและนายทหารออกมาจากประตูใหญ่แล้ว ประหนึ่งรู้ว่าเราได้มาถึงที่นี่แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถูกต้อง  พัศดีและนายทหารได้มาต้อนรับเราอยู่เบื้องหน้าแล้ว เจ้าจงรีบเข้าไปแสดงความเคารพ

พัศดี   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์และหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้ง ที่มาเยี่ยมชมถึงคุกนี้ ก่อนหน้านี้ครู่หนึ่งได้รับคำสั่งจากเจ้านายทราบว่าท่านทั้งสองจะมาคุกนี้ สำรวจสภาวะที่แท้จริง เพื่อตีลงพิมพ์ในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ทำให้ชาวมนุษย์เชื่อว่ามีนรกอยู่จริง ท่านทั้งสองเชิญตามสบายเถิด

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีที่ให้การต้อนรับอย่างดี สองข้างประตูของนรกแดนกรอกยา มียาชนิดต่าง ๆ กองเต็มไปหมด เข้าไปดูใกล้ ๆ เครื่องหมายการค้ามีทั้งภาษาจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น การห่อหุ้มบรรจุก็สวยงามมาก ขอเรียนถามท่านพัศดี คุกของท่านก็ค้าขายเครื่องยาด้วยหรือไฉน ?. มิเช่นนั้นแล้วจะตั้งแสดงประดับด้วยเครื่องยามากมายอย่างนี้ ?. ร้านขายยาในแดนมนุษย์ยังไม่มียามากมายเช่นนี้วางจำหน่ายเลย ?.

พัศดี   :  คุกนี้มิได้ขายยาแต่ประการใด เครื่องยาเหล่านี้เป็นยาปลอมที่ชาวโลกออกจำหน่ายในแดนมนุษย์ เมื่อทำอะไรขึ้นมาสิ่งหนึ่ง แดนนรกก็จะถ่ายทอดปรากฏภาพออกมาทันที ดังนั้น ทำยาปลอมขึ้นหนึ่งขวดยมโลกก็จะสะท้อนภาพจริงออกมาด้วย หลักฐานแห่งการทำผิดก็เลยวางอยู่ที่นี่โดยปริยายไม่มีขาดเกินผิดพลาดแม้แต่น้อยนิด ดังที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ส่องแสงต่อกันฉันนั้น สิ่งเหล่านี้ชาวโลกควรเข้าใจเอาไว้ อย่าคิดว่าทำในที่มืดจะทำการผิดศีลธรรมก็ย่อมทำได้ แต่หารู้ไม่ว่าภูติผีเทวดาได้ควบคุมดูแลอยู่แล้ว มิเช่นนั้นแล้วบาปเวรของผู้คนจะได้รับสนองตอบคืนได้อย่างไร พระเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "เคราะห์กรรมโชคลาภมิได้มาเอง อยู่ที่ผู้คนจะใฝ่หาเองต่างหาก การตอบสนองแห่งบุญบาป อุปมาเหมือนเงาตามตัว" ก็คือเหตุผลอันนี้แหละ   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                      เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 23  วันที่  8  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนกรอกยานรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

            ขายยาปลอม        เป็นหมอเถื่อน        บาปหนักหนา
โลภเงินตรา                 บาปติดตน             ทุกแห่งหน
แพทย์ฮั้วท้อ               เมตตาจิต               รักษาคน
ทิพย์สุคนธ์                 โพธิสัตว์                 พรมแผ่นดิน

อรหันต์จี้กง  :
ชาวมนุษย์ส่วนมากไม่เชื่อในเรื่องของการก่อเหตุก่อผล ควรรู้ไว้ว่าการสนองตอบแห่งบุญบาปนั้น เหมือนเงาตามตัวเช่นการอยู่ใต้แสงสว่าง ผู้คนจะมองเห็นเงาของตนเองเมื่อเข้าไปอยู่ในห้องมืด ก็จะไม่มีเงาให้เห็น เลยคิดว่าไม่มีผีสางเทวดาที่ไหนมารู้เห็น แต่ไม่รู้หรอกว่าในห้องมืดนั้นที่จริงแล้วเป็นแหล่งที่มีผีมาก อยากตกเข้าไปในบ่วงเองแล้วจะมาโทษใครเล่า ?.

พัศดี   :  เชิญท่านทั้งสองรีบไปชมดูภายใน

หยางเซิง   :  ในคุกล้วนล้อมด้วยเส้นเหล็กกล้าสามารถมองเห็นวิญญาณโทษแต่ละตนร้องเสียงครวญครางเจ็บปวดอยู่ภายในนั้น พวกยมทูตกำลังเทของเหลวสีดำเป็นถัง ๆ กรอกเข้าไปในปาก แต่ละตนก็ดิ้นรนหลบหลีกการกรอกยาของยมทูต

อรหันต์จี้กง   :  ฉันจะพามาทางนี้ ดูวิญญาณโทษตนที่วันก่อนนั้นถูกตัดสินให้มารับโทษในคุกนี้ว่า สภาพการทำโทษเป็นอย่างไรบ้าง

พัศดี   :  ได้ครับ ข้าพเจ้าจะพาท่านไปตรวจชมภายในคุก

หยางเซิง   :  น่าสงสารเสียจริง ๆ วิญญาณโทษตนนี้ วันก่อนขณะที่อยู่ในขุมที่ 4 หน้าตายังเป็นน้ำเป็นนวล ผ่านมาแค่สามวันเท่านั้นเวลานี้หน้าคล้ำไปแล้ว ทั้งหน้าตาจมูกเต็มไปด้วยของเหลวสีดำ มิทราบว่าเป็นของอะไร ?.

พัศดี   :  วิญญาณโทษตนนี้ เพราะเหตุว่าทำยาปลอมขายที่โลกมนุษย์ทำลายล้างชีวิตคนมาไม่น้อย เมื่อตายลงแล้วคุกเราก็ใช้ยาน้ำสีดำและมีสารพิษปนอยู่ด้วยกรอกปากมันเข้าไป ยาชนิดนี้ขมนัก กลืนกินยากเหลือหลาย พอเข้าปากไปเท่านั้น ท้องไส้ถูกกัดกร่อนบีบเฉือน ทั้งเจ็บปวดทั้งจะรากแต่ก็รากไม่ออก นี้แหละเป็นการสนองตอบจากการกระทำยาปลอมละ

หยางเซิง   :  ชุดสากลของวิญญาณโทษตนนี้เปรอะเปื้อนยาน้ำสีดำเต็มไปหมด สกปรกสิ้นดี ตาทั้งสองข้างก็เหม่อลอยไม่มีแวว

วิญญาณโทษ   :  ช่วยด้วย ! ช่วยชีวิตฉันด้วย ! พระอรหันต์ใหญ่รูปนี้กับท่านมนุษย์ผู้นี้ รีบช่วยเหลือฉันด้วย ฉันทนไม่ไหวแล้วขอกราบล่ะ !  ถ้าสามารถช่วยฉันได้ชาติหน้าฉันจะเกิดเป็นควายเป็นสุนัขมาตอบสนองบุญคุณของท่าน ฉันมีเงินทองมากมายทิ้งไว้ในโลกมนุษย์ จะให้ลูก ๆ มอบให้ท่านก็ย่อมได้

พัศดี   :  พูดเหลวไหล ! ท่านคือพระอรหันต์จี้กง มิใช่พระธรรมดาในแดนมนุษย์ แกจะให้เงินท่านมีประโยชน์อันใด ?. ปลดแกออกมา ให้รีบเล่าเรื่องความผิดที่แกได้กระทำไว้ สารภาพต่อท่านมนุษย์ผู้นี้ ท่านคือหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง ศิษย์ท่านพระอาจารย์กวนอูผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตามพระราชโองการให้มาท่องนรก เพื่อแต่งหนังสือปลอบเตือนชาวโลก แกสารภาพให้หมดเปลือกจะได้ลดโทษให้บ้าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 23  วันที่  8  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนกรอกยานรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

            ขายยาปลอม        เป็นหมอเถื่อน        บาปหนักหนา
โลภเงินตรา                 บาปติดตน             ทุกแห่งหน
แพทย์ฮั้วท้อ               เมตตาจิต               รักษาคน
ทิพย์สุคนธ์                 โพธิสัตว์                 พรมแผ่นดิน

วิญญาณโทษ   : 
ขอขอบพระคุณใต้เท้า  พูดแล้วก็อับอายขายขี้หน้า และทำให้พวกลูกหลานต้องอัปยศด้วย ฉันเปิดร้านขายยาแผนปัจจุบันที่เมืองมนุษย์ ขายทั้งยาในประเทศและยาต่างประเทศ เพราะเหตุว่าตาได้เห็น หูได้ยิน มิช้ามินานก็มีความรู้ทางเรื่องยาอยู่บ้าง ใจเกิดคิดจะหาเงินทางลัด (ทางที่ไม่มีศีลธรรม) คิดจะเสี่ยงกับมัน จึงซื้อเครื่องจักรเล็ก ๆ เครื่องหนึ่ง ใช้แป้งสาลีทำยาปลอมที่ขายดีชนิดต่าง ๆ ขึ้น และเรียนแบบบรรจุหุ้มห่อเหมือนยาขนานแท้ แล้วผลิตออกจำหน่ายใหญ่โตมโหฬาร นอกจากขายในร้านเองแล้วยังขายให้กับร้านขายยาอื่น ๆ อีกได้เงินมามิใช่น้อย มาตอนต้นฤดูใบไม้ผลินี้ เกิดโชคร้ายป่วยไข้ตายมีอายุขัย 52 ปี ตอนตายโดนทหารหน้าความยม้าคุมตัวไปยังหอกระจก (กรรม) วิเศษฉายภาพการทำยาปลอมและภาพของการจำหน่ายปรากฏออกมาทำให้ฉันตกตลึงกลัวจนหน้าถอดสี ที่แท้ยมโลกก็มีเครื่องมือร้ายกาจฉมังถึงขนาดนี้ ดังนั้น ฉันจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เมื่อสามวันก่อนโดนโหงวกัวอ๊วงแห่งขุมที่ 4 ตัดสินให้ฉันตกมายังนรก แดนนรกกรอกยา 30 ปี ในขณะที่จะทำการลงโทษ ยิ่งทำให้ฉันขวัญหาย วิญญาณกระเจิงไปหมด เพราะเหตุว่ายาปลอมที่ฉันทำขึ้นในตอนอยู่ในแดนมนุษย์ มีสภาพเรียบร้อยทุกอย่างตั้งอยู่ที่หน้าคุกยมโลก มีฤทธิ์เดชกว้างใหญ่ไพศาลเสียจริง ๆ หลักฐานความผิดพร้อมมูล แล้วจะให้พูดอะไรได้อีกเล่า สามวันมาแล้ว (โดนภูตผีบังคับกรอกน้ำยาดำ มันช่างกินยากเหลือทน จะไม่กินหรือก็ต้องโดนเฆี่ยนตีอีกทั้งบังคับกรอกเข้าปากไป ก็เจ็บปวดทรมานเหลือที่จะกล่าว เมื่อดื่มเข้าไปท้องไส้ก็เจ็บปวดเหมือนลำไส้จะขาด จะรากก็รากไม่ออก เมื่อสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว ผู้ที่ขายยาในแดนมนุษย์ อย่าได้เลียนแบบฉันเป็นอันขาด หากรู้ว่าทำผิดแล้ว ให้รีบแก้ไขสำนึกบาป มิเช่นนั้นเมื่อตัวตายลงแล้วจะมีความทุกข์ทรมานมาหยิบยื่นให้

พัศดี   :  ไอ้เวร !  แกยังมีความผิดอีกมาก รีบสารภาพมาอย่าปิดบัง มิเช่นนั้นจะเพิ่มโทษให้หนักยิ่งขึ้น

วิญญาณโทษ   :  ขอรับ ! ขอรับ !  ฉันจะพูดก็แล้วกัน ตอนที่ฉันเปิดร้านขายยา เพราะโลภอยากได้เงินมาก ๆ ก็เลย แอบขายยาประเภทกล่อมประสาท ให้แก่พวกหนุ่มสาวไปทำให้พวกเขาสะลึมสะลือ บ๊อง ๆ บวม ๆ เกิดมีเหตุร้ายขึ้นก็มากหลาย โทษฉันนี้สมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง ยังมีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งได้ให้หนังสือเรื่องธรรมะของพระพุทธเทวดาลงประทับทรงเพื่อปลอบเตือนชาวโลกเล่มหนึ่งให้ฉันศึกษาท่องอ่าน เพื่อสร้างบุญประกอบความดี ฉันเปิดอ่านได้ไม่กี่หน้า เห็นว่าล้วนเป็นเรื่องโคลงกลอนของพระพุทธเทวดาอะไรต่อมิอะไรที่ลงทรงไว้ทั้งนั้น ฉันจึงโยนทิ้งทันที ใจคิดว่าสมัยยุคอวกาศนี้ จะมีเทพผีพระพุทธเทวดาอะไรกันอีก  ล้วนเป็นผู้หลงงมงายทั้งเพจึงไม่เชื่อคำผีคำเจ้า หารู้ไม่ว่าเมื่อตัวตายลงแล้ว ยมบาลท่านให้เพิ่มโทษในการที่ทำการกล่าวร้ายบริภาษพุทธเทพและทำลายทิ้งตำราธรรมอีก 5 ปี  ที่แท้ท่านผู้เป็นมนุษย์นี้คือศิษย์แห่งสำนักทรงของเมืองมนุษย์ ฉันมันหลงละเมอมากเกินไป ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงช่วยเหลือฉันด้วย ช่วยขอความกรุณาจากพัศดี ปล่อยตัวฉันออกไปจากคุก

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ ! วิญญาณโทษตนนี้มีสำนึกผิดชอบอบู่บ้าง ยังรู้จักคำว่าสำนักทรงเจ้า กระผมว่าอภัยโทษให้บ้างเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ขณะมีชีวิตอยู่ไม่เชื่อพุทธเทพ ยกตัวเองว่าทันสมัยยุควิทยาศาสตร์ ตายลงแล้วจึงสำนึกตัวได้ เธอนะ เวลานี้ตกอยู่ในอุ้งมือของเทพผีแล้ว จะสำนึกตัวก็สายเสียแล้ว แต่เห็นแก่ที่เธอสารภาพความผิดที่ตัวทำขึ้น จะให้รอคอยหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" สำเร็จลงแล้วได้ปลอบเตือนกอบกู้ช่วยเหลือชาวโลกนั่นแหละ จึงจะเอาบุญกุศลในเศษหนึ่งส่วนหมื่นจากหนังสือนี้ช่วยกู้ให้เธอพ้นทุกข์

พัศดี   :  สมควรแก่โทษแล้ว ลงทัณฑ์หนักต่อ พวกมิจฉาชีพ สมแล้วอย่ามีการอ้อนวอนขออภัยอีก !  แม้ว่าแกจะไม่ฆ่าคนโดยตรง จากการทำยาปลอมขาย แต่ทำให้ร่างกายของผู้คนได้รับผลร้ายแห่งการกระทำของแกอย่างมาก จะว่าฆ่าคนโดยทางอ้อมก็ว่าได้ ดังนั้น ยมบาลจึงตัดสินให้ลงโทษอย่างหนักให้กับแก

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมาแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมการกลับสำนักได้ ถ้าบุญมีวาสนาส่ง โอกาสหน้าจะได้มาเยี่ยมใหม่

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านนายพัศดีและนายทหารทุกท่านที่ได้ให้การแนะนำชี้แจง ข้าพเจ้าจะตามท่านอาจารย์กลับสำนักแล้ว ลาก่อนละ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   : 
กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้  .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี            แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว        ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ   อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย

อรหันต์จี้กง   :   
การค้าทุกกิ่งก้านสาขาของโลกมนุษย์ล้วนดำเนินการได้ ภาษิตกล่าวว่า  "แต่ละวิชาชีพผลิตบัณฑิตได้ทั้งนั้น" ขอแต่ว่ารู้ช่องทางหาเงิน ที่ไม่ผิดกฏหมายของประเทศชาติเท่านั้น เช่นนี้แล้วในแดนมนุษย์จะไม่มีคนอดตาย มองดูรอบด้านของสังคม ปรากฏว่ามีพวกมิจฉาชีพยึดเฉพาะในทางตัดช่องย่องเบา ลักขโมยหรือฉ้อฉลคดโกงหลอกลวงเป็นอาชีพ จนกระทั้งแย่งชิงทรัพย์สมบัติ แอบเอามือโหดเหี้ยมล้างผลาญฆ่าคน เลี้ยงลูกไม่สั่งสอนเป็นความผิดของใครเล่า ?.  น่าสงสารจิตใจผู้เป็นพ่อแม่ทั่วพิภพ สูญสิ้นแล้วซึ่งพลังใจพลังกายอย่างมหาศาล เลี้ยงลูกขึ้นมาเป็นนักเลงอันธพาล ก่อกรรมทำเข็ญผิดกฏผิดเกณฑ์ ทำลายความสงบสุขของสังคม โทษทัณพ์นั้นน่าจะฆ่าทิ้งเสียนี่กระไร เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ยกตัวเองเป็นนักเลงโตออกตระเวนครองความเป็นใหญ่เป็นถิ่น ๆ แต่เมื่อตกมาถึงในคุกแห่งแดนนรกแล้ว จึงต้องชูมือยอมแพ้ (ยื่นมือให้มัด) โดนยมทูตดุด่า เฆี่ยนตีน่าสงสารมาก ถ้าชาวโลกไม่เชื่อ วันนี้อาตมาจะนำหยางเซิงไปเยี่ยมชมยมโลกสักครั้ง ก็จะทราบดีถึงแก่นแท้ เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรก รีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ในการตักเตือนสั่งสอนชาวโลก เมื่อได้ยินคำพูดของท่านก็คงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน กระผมมีปัญหาอยู่ข้อหนึ่งขอให้ชี้แจงด้วยคือ มีผู้คนหลายคนถามถึงเหตุการณ์ตอนท่องนรกโดยบอกว่า บางขณะที่ท่านได้พากระผมไปท่องนรก และในขณะเดียวกันนี้ก็มีคนขอเชิญท่านลงประทับทรง ท่านจะสามารถแบ่งกายได้หรือไฉน ?. ขอได้คลายความกังขาแก่มวลชนด้วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย

อรหันต์จี้กง   :   
ปัญหานี้ซึ่งความจริงแล้วเป็นที่น่าสนใจแก่ชาวโลกมาก วันนี้ฉันจะอธิบายให้รู้พอสังเขปดังนี้  ดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือสระน้ำใสสะอาดแวววาว แต่เมื่อผู้คนไปจับต้องเข้าแล้วจะกลายเป็นฟองน้ำ ที่ว่า "ดอกไม้ในกระจก ดวงจันทร์ในนที (คือน้ำ) ล้วนเลื่อยลอยไม่แน่นอน" พุทธท่านว่า "พุทธเดชไม่มีที่สิ้นสุด" ทางเทพว่า  "เทวฤทธิ์กว้างใหญ่มหาศาล"  พุทธและเทพก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปร่งใสดั่งแสงทองดวงหนึ่งเท่านั้น   
แต่สามารถแปรธาตุแปลงกายเปลี่ยนตัวสารพัด พุทธเทพเมื่ออยู่บนฟ้าก็เหมือนพระจันทร์ดวงหนึ่งบรรดาแม่น้ำลำธาร  ทะเล  มหาสมุทร  ในที่มีน้ำแล้วล้วน
มีดวงจันทร์สถิตอยู่ ดังที่ว่า "แม่น้ำพันสายพันดวงจันทร์หมื่นลี้ไร้เมฆหมอกเห็นฟ้าหมื่นลี้" พระจันทร์มีเพียงดวงเดียวจะสามารถแปรเปลี่ยนสารพัด       
ได้อย่างไร  ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าดวงจันทร์นั้นทั้งสูงทั้งสว่างสมเทียมฟ้านั่นเอง ถ้าผู้คนสามารถสร้างบุญ  สร้างกุศล  ขยันหมั่นบำเพ็ญธรรมเช่น "สำนักเซี้ย
เฮี้ยงตึ้ง"  อักษร 3 ตัวนี้ เพียงแต่เป็นตัวแทนของสำนักทรงที่ปลอบเตือนชาวโลกเท่านั้นเอง แต่ในใจของผู้คนนับพันนับหมื่นทั่วโลกล้วนมี "สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง" อักษร 3 ตัวนี้ สถิตอยู่ในดวงใจ นี่แหละคือ สำนักเดียวพิมพ์ (ดึง) ใจคนพันคน พระจันทร์ดวงเดียวฉายทั่วพันแม่น้ำ ยกมาเปรียบเทียบอีก                   
ทางหนึ่งก็เหมือนกับส่งโทรทัศน์ในทุกวันนี้ ในสถานที่ทำการปัจจุบัน มีเพียงผู้จัดรายการคนเดียว แต่ละบ้านขอให้มีความถี่เหมือนกันก็จะมีภาพเป็นพัน
เป็นหมื่นปรากฏออกมา ความมหัศจรรย์พิสดารเป็นเช่นนี้แหละ ล้วนขึ้นอยู่กับการสัมผัสสัมพันธ์ในความนึกคิดชั่ววูปหนึ่ง เมื่อชาวมนุษย์จะจองให้ฉันลงประ   
ทับทันทีในความนึกคิดของเขาสิ่งนี้ขอให้ชาวโลกจงเข้าใจรู้ตัวไว้ด้วย อรหันต์จี้กงแม้ว่ามีเพียงรูปเดียว ฉันอยู่บนฟ้าผู้ที่นับถือเคารพในตัวข้าฯ ก็จะ
แปรสภาพเป็นพันเป็นหมื่นให้ทุก ๆ คนสามารถมองเห็น คัมภีร์ท่านว่า  "พระพุทธสถืตอยู่ภูผาอันศักดิ์สิทธิ์ ภูผาศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ในจิต ภูผาศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนพระเจดีย์ ทุกผู้ทุกนามล้วนมีพระเจดีย์อยู่ในจิต จงบำเพ็ญธรรมภายใต้พระเจดีย์เทอญ"  ทั้งหมดนี้ก็คือมีความหมายดังที่กล่าวไว้ทั้งหมดนั่นแหละ ได้เสียเวลาท่องนรกไปแล้ว เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัว เตรียมเที่ยวชมนรกเถิด 

หยางเซิง   :  กระผมขึ้นอยู่บนดอกบัวแล้วครับท่านอาจารย์เชิญเริ่มเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ เจ้าหยางเซิงรีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา หูได้แว่วเสียงร้องอย่างเจ็บปวด คุกนรกข้างหน้า บนประตูเขียนว่า "แดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย"

อรหันต์จี้กง   : 
ที่นี่แหละคือ "แดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย" ซึ่งขึ้นต่อขุมที่ 4 เรารีบรุดไปข้างหน้า เตรียมการเยี่ยมชม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย 

หยางเซิง   :   
ข้างในนั้นมีข้าราชการหมู่หนึ่งออกมา คงจะเป็นพัศดีของคุก ..... ขอแสดงความคารวะต่อท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลาย วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้รับคำสั่งมาเยี่ยมชมคุกของท่าน ขอได้โปรดให้การแนะนำด้วยเถิด

พัศดี   :  มิต้อง ยินดีต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ที่มาเยี่ยมชมถึงคุกนี้ ข้าพเจ้าเพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านยมบาล ทราบว่าท่านทั้งสองจะมาเยี่ยมชมคุกนี้ มีอะไรขาดตกบกพร่องแล้ว ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ได้เสียเวลาไปไม่น้อยแล้ว การมาถึงล่าช้าลง ขอท่านพัศดีจงให้อภัย เจ้าหยางเซิงรีบตามพัศดีเข้าไปชมในคุกเร็ว

พัศดี   :  ท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าชมในคุก ก็จะได้ทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยละเอียด

หยางเซิง   :  ขอบคุณมาก ทั่วทั้งเรือนจำ เต็มไปด้วยไอน้ำร้อน เสียงหวีดร้องร่ำไห้ดังลั่นปกคลุมทุกแห่งหน วิญญาณโทษในคุก มือทั้งสองข้างล้วนถูกตอกตรึงอยู่กับรางไม้ ยมทูตต่างยกเอาน้ำร้อนที่เดือดพล่านอยู่เป็นถัง ๆ ใช้กระบวยตักราดลงบนมือทั้งสองข้างของวิญญาณโทษ แต่ละตนโดนลวกจนคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ยมทูตอีกตนหนึ่งก็ถือแส้ พอได้ยินเสียงร้องก็หวดลงทีหนึ่ง สภาพนั้นน่าเวทนานัก มิทราบว่า พวกนั้นทำผิดโทษฐานอะไรบ้าง บางคนอายุยังอ่อนอยู่ก็โดนทำโทษอย่างทรมานด้วย

พัศดี   :  วิญญาณโทษเหล่านี้ ล้วนต้องโทษด้วยความผิดที่ลักขโมย หรือคดโกงในแดนมนุษย์ เมื่อตายลงแล้วจึงตกมายังคุกนี้รับการลงโทษ ข้าพเจ้าจะเรียกมาสัก 2 - 3 คน ให้มาเล่าเรื่องชั่วร้ายที่ตนก่อขึ้นในแดนมนุษย์ให้ท่านฟัง

หยางเซิง   :  นั่นก็ดีซิครับ กระผมจะได้ถามสภาพการทำชั่วของเขา เพื่อลงพิมพ์ "เที่ยวเมืองนรก" จะได้ปลอบเตือนกอบกู้มวลมนุษย์

พัศดี   :  ข้าพเจ้าได้ปลดวิญญาณโทษ 3 ตนออกมาแล้ว สั่งให้ตนที่ 1 เล่าเหตุการณ์ที่ตนทำชั่วอย่างไรบ้าง ในขณะที่เป็นมนุษย์อยู่ในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งเมืองไถ่ตงฟัง

วิญญาณโทษ   :  โอย  โอย มือของผมใกล้จะแหลกเหลวแล้ว ขอให้ท่านอาจารย์รีบช่วยผมด้วย ขอยาทาให้ด้วย

หยางเซิง   :  ดูมือทั้งสองข้าง ได้มีน้ำเหลืองไหลออกมาแล้ว คล้ายกับเนื้อหมูเละ ๆ อย่างนั้น เชิญท่านอาจารย์ช่วยทายาให้มันด้วย

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าอย่าได้พูดมาก มือสองข้างของมันสร้างบาปขึ้นเอง หยูกยาก็ช่วยรักษามือที่โหดร้ายนี้ได้ยาก

พัศดี   :  ไอ้เวร ห้ามร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือส่งเดชนะ รีบสารภาพทำบาปชั่วร้ายอย่างไร ในเมืองมนุษย์ออกมาโดยเร็ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย   

วิญญาณโทษ   :  เอาครับ
เนื่องจากผมได้เกิดในครอบครัวที่ั่มั่งคั่งมากอยู่ดีกินดีทุกอย่างคบค้ากับพวกจิ๊กโก๋อย่างสนิทสนมแบบเพื่อนฝูง กินแล้วไม่ค่อยจะทำการทำงาน ชอบไปมั่วอยู่ค๊อฟฟี่ช็อฟ ไปมั่วหยอกเย้ากับพวกผู้หญิงโสเภณี หรือพวกจิ๊กี๋หญิงใจแตก รวมพวกกันสุมหัสเสพสุข พ่อแม่จะตักเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ในที่สุดโดนตัดขาดความสัมพันธ์ทางบ้าน โดยถูกประกาศไว้ในหนังสือพิมพ์ ตัดการเป็นพ่อเป็นลูกกัน จากนั้นผมก็พกความแค้นนั้นอยู่ในใจไม่ยอมกลับเข้าบ้านอีก ก็เลยตะเวณเที่ยวไปทุกหนทุกแห่งเข้าเป็นพวกของสังคมมืด รับการชักชวนเสี้นมสอนจากเพื่อนวายร้ายทั้งหลาย เรียนจบวิชาขโมยลักทรัพย์ มักจะอยู่บนรถประจำทางหรือท่ารถสถานที่ต่าง ๆ แสดง "มือเซียน" (ล้วงกระเป๋า) 

พัศดี   :  ไอ้เวร  ห้ามพูดจาละเมิดเทพ - พุทธ ที่ยื่นออกไปนั้นเป็น "มือผี" ต่างหาก

วิญญาณโทษ   : 
ทำการล้วงกระเป๋าลักทรัพย์มาเรื่อย ตอนหลังมาคิดได้ว่า ทำเช่นนี้ได้เงินน้อย จนก้าวถึงขั้นเข้าไปลักขโมยทรัพย์สินในบ้านพักหรือในแฟลต ชั่วชีวิตนั้น ได้ทรัพย์สินมาเป็นล้าน ครั้งหนึ่งในขณะที่ทำการลักทรัพย์นั้นเกิดเรื่องแตกขึ้น ถูกชาวบ้านไล่ต้อน เคราะห์ร้ายโดนจับไปดำเนินคดี ถูกศาลตัดสินจำคุกส่งไปทำโทษที่เรือนจำ เมื่อพ้นโทษออกจากคุก ก็ไม่สำนึกกลับตัวล้างเท้าล้างมือเสีย ยังแอยขโมยตามอาชีพเก่า เมื่ออายุได้ 41 ปี เนื่องจากเสพสุรานารีมากเกินควร เลยเกิดมะเร็งถึงแก่ความตาย ในระหว่างป่วยไข้ต้องใช้เงินทองของตัวเองรักษา เพื่อนฝูงในสังคมมืดนั้นเห็นว่าผมไม่มีความสามารถใด ๆ แล้วจึงไม่เข้ามาแยแสด้วย ดังนั้นจึงตรอมใจตาย เมื่อตายลงก็ถูกนายทหารหัวควายม้าคุมมายังนรกโดนเฆี่ยนตีตลอดทาง  ตอนหลังูกตัดสินเข้ามาอยู่คุกนี้จึงรู้ว่าตนถูกตัดอายุขัยไป 9 ปี เป็นการสนองตอบจากความชั่วโดยแท้ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

พัศดี   :  เมื่อแกสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว หากว่าตอนพ้นโทษออกจากคุกแล้วรู้จักสำนึกตัวใหม่ ทำตัวเป็นพลเมืองดี สร้างกุศลชดใช้เวรบาปที่ก่อไว้ จะไม่ต้องถูกหักอายุขัย และตกลงในนรกรับการทรมาน แกน่ะไม่เพียงแต่ผิดฐานขโมยลักทรัพย์ ยังผิดฐานอกตัญญูซึ่งเป็นโทษใหญ่อีกด้วย ยมบาลท่านตัดสินให้แกมาอยู่คุกนรกนี้ 32 ปี โทษฐานนี้พอที่จะให้แกชดใช้กรรมอยู่แล้ว วิญญาณโทษตนที่ 2 รีบสาธยายบาปเวรที่สร้างไว้ในเมืองมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งชาวมนุษย์ฟังโดยเร็ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 24  วันที่  12  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนน้ำร้อนลวกมือนรกน้อย

        พระอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        การปล้นจี้        ขโมยทรัพย์        สุดบัดสี
เงินไม่ดี                 แม้ร่ำรวย            ก็ไร้เกียรติ
เลี้ยงลูกชั่ว            ทำจัญไร            โคตรถูกเหยียด
บ้านเหงาเงียบ       อยู่เดี่ยวโดด         สุดเศร้าเอย   

วิญญาณโทษ 2   :  ฉันทำการค้าเครื่องเหล็กและเครื่องอะไหล่กลไกต่าง ๆ
ในแดนมนุษย์ เริ่มต้น 2 - 3 ปี ด้วยความอดทนขยันหมั่นเพียรมีผลกำไรได้เงินทองไม่น้อย ต่อมาค่อย ๆ หัดเล่นการพนันและดื่มเหล้าเที่ยวหาความสุข เที่ยวหาผู้หญิงนางบำเรอนอกบ้าน รับเลี้ยงเมียน้อยอยู่หลายคน ส่วนเมียหลวงไม่มีทางรู้ได้เลย ดังนั้นการหมุนเวียนทางการเงินจึงค่อย ๆ ฝึดลง ต่อมาเพื่อที่จะปรับค่าใช้จ่ายให้สมดุล จึงสั่งซื้อสินค้าวัสดุจำนวนมากจากโรงงาน 2 แห่งโดยเขียนเช็คไว้ให้เป็นจำนวนเงินมหาศาล แล้วก็เอาเครื่องเหล็กเครื่องกลนั้นไปขายที่ต่างถิ่นด้วยราคาต่ำ ๆ เป็นพิเศษ ในธนาคารคงเหลือยอดเงินเพียงนิดเดียว เสร็จแล้วก็หลบหนีหายตัวไป บรรดาเจ้าหนี้เมื่อได้เวลาเก็บเงินตามใบสั่ง ก็เก็บเงินไม่ได้  จึงรู้ว่าโดนเช็คสปริงเสียแล้ว แห่กันมาคิดบัญชีกับฉัน และฟ้องร้องไปยังศาลสถิตยุติธรรมตำรวจก็ประกาศจับตัวไปทั่วทุกทิศ ต่อมาจึงโดนจับตัวได้ขณะอยู่บ้านญาติแห่งหนึ่ง ส่งตัวไปดำเนินคดี เพราะเหตุว่าฉันฝากเงินไว้กับเพื่อนหญิงคนหนึ่ง เมื่อหลุดพ้นจากการจองจำออกมา การดำเนินชีวิตก็ยังสุขสมบูรณ์มาก แต่ว่าพวกเจ้าหนี้ล้วนผูกใจเจ็บแค้นด่าฉัน"ไอ้ชาติชั่ว  ไอ้ขี้โกง  ใจอำมหิต"  6 ปีก่อนฉันตายลงด้วยโรคหัวใจ ถูกนายทหารหน้าควาย - ม้า คุมตัวส่งไปขุมที่ 2 แห่งแดนนรก ฉอกังอ๊วง ดุด่าว่าฉันโกงเงินค่าสินค้าของชาวบ้าน หากินทางสกปรกไร้ศีลธรรม ตัดสินให้ตกเข้าไปอยู่ใน "แดนนรกอุจจาระ - ปัสสาวะ" รับการลงโทษ เมื่อหมดโทษแล้ว จึงย้ายมาขุมที่ 4 ในปัจจับันนี้แหละ โหงวกัวอ๊วงว่าฉันจ่ายเช็คหลอกลวงเขา มือทั้งสองข้างเป็นต้นเหตุแห่งกรรมชั่วนั้น ๆ  ทำลายให้ร้ายผู้อื่นมากมาย ตัดสินเข้าอยู่ใน "นรกน้ำร้อนลวกมือ" 10 ปี  รับเลี้ยงเมียน้อย ความประพฏติไม่เหมาะสมนั้น  ต้องตัดสินลงโทษอีกต่างหากยมบาลท่านยังบอกอีกว่า เมื่อรับการลงโทษทุกกรรมทุกกรณีเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องส่งไปหมุนเวียน "เวียนไปเกิดครั้งที่ 1 เป็นมนุษย์มีร่างกายพิการแต่มีความสามารถฝีมือดีโดยกำเนิด  ไปรับจ้างจากเจ้าหนี้ หาเงินให้เขา ตนเองเพียงมีข้าวกินพอยังชีพเท่านั้น เพื่อชดใช้หนี้ในชาติก่อน เวียนไปเกิดครั้งที่ 2 ไปเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งมีเงิน แต่เงินนั้นได้มาโดยไม่สุจริต เกิดมาก้ไม่แข็งแรงอมโรคมากหลาย ต้องเสียเงินทองหาหมอรักษาแม้จะมั่งมี แต่ต้องกินยาทุกวัน หมอผู้นั้นคือเจ้าหนี้แต่ชาติก่อน เป็นหมอประจำพิเศษเพื่อที่จะเรียกคืนหนี้ที่ค้างชำระ นี้แหละคือการสนองตอบของคนรวยที่ไม่มีเมตตาธรรมประการหนึ่งละ  ประการที่สองคือ เมื่อไปโกงกินเงินของคนอื่น ต้องสนองตอบด้วยการกินยาใช้หนี้ เหตุและผลสนองรับต่อกันต่างลบล้างกันไป " ชาวโลกที่ทำการค้าขายต้องยึดมั่นในศีลธรรมแห่งการค้าขาย เงินที่ได้มาจากใจหินชาตินั้นไม่อาจตกทอดไปถึงมือลูกหลานได้ ดังตัวอย่างฉันนี้เป็นต้น

พัศดี   :  ไอ้เวร ทำการค้าไม่มีศีลธรรม เครื่องโลหะก็จะกลายเป็นละอองดินในที่สุด คดโกงเงินทองผู้อื่น  ชาติหน้าต้องจ่ายคืนพร้อมต้นและดอกเบี้ย แล้วยังพลอยให้คนรุ่นหลังด่างพร้อยเสียชือเสียงไปด้วย ลูกหลานจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไรเล่า วิญญาณโทษที่พูดเรื่องครู่นี้เป็นเรื่องจริง เหตุและผลสนองตอบรับกันไม่มีการผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย  ตามความสำรวจในกรมกองยมโลก พวกเจ้าหนี้ในชาติก่อนล้วนมีผลบุญกุศล ชาติหลังจึงได้เวียนไปทวงหนี้สินที่ตกค้างคืนมา เหตุและผลของโลกมนุษย์เป็นการวนเวียนมาตอบสนองกัน มีความละเอียดอ่อนไหวมากคล้ายกับข่ายใยแมลงมุมเชื่อมต่อเนื่องกัน ทุกสิ่งทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกันแล้ว ล้วนยากที่จะรอดพ้นจากการตอบสนอง ชาวโลกควรถือเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ อย่าได้ใจร้ายต่อไป การกระทำทุกกรณีที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย แต่ตนเองได้รับผลประโยชน์นั้น ล้วนแต่เป็นการก่อเวรสร้างกรรมทั้งสิ้น ก็น่าเห็นใจชาวโลกส่วนใหญ่มักจะพบเจอแต่สิ่งอุปสรรคกีดขวางแล้วมาถอนใจบ่นกันว่ามนุษย์นั้นมีกรรมเวรหนักหนา

อรหันต์จี้กง   :  เพราะว่าเวลาดึกมาแล้ว ข้า ฯ ว่าดูคู่วิญญาณโทษ 2 ตนก็พอแล้ว

หยางเซิง   :  ก็ดีครับ ขอถามท่านพัศดีอีกนิดเถิดว่าปัจจุบันนี้ในแดนมนุษย์มีคดีปปล้นทรัพย์ บางรายถูกตัดสินให้ยิงเป้า เมื่อถูกยิงเป้าไปแล้วไม่ทราบว่าไปขุมขังอยู่ ณ แห่งใด

พัศดี   :  เกี่ยวกับวิญญาณโทษที่ถูกประหารแล้วนั้นได้ขังอยู่ที่อื่น ที่มีการลงโทษร้ายแรงกว่าคุกนี้อีก วันอื่นจะพาท่านไปตรวจเยี่ยมอีกครั้ง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารทุกท่านที่ให้การชี้แจงแนะนำ เราเตรียมตัวกลับสำนักแล้วโอกาศหน้าพบกันใหม่

อรหันต์จี้กง   :  ออกมาเร็ว รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด .....

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม