พระอริยะ หวังเฟิ่งอี้
บทแนะนำพระอริยหวัง
พระอริยหวังเฟิ่งอี้ นาม ซู่ถง เป็นชาวเมืองเยิ่นเหอ เมืองเจาหยาง ตั้งแต่เด็กรับจ้างเป็นเด็กเลี้ยงวัว เมื่อเติบโตขึ้นรับจ้างทำงานขายแรงงาน เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีมาแต่เล็ก ในหน้าที่แห่งการงานซื่อสัตย์และซื่อตรง อายุ 35 กล้าที่จะต่อสู้เพื่อผดุงธรรม จึงได้ช่วยลุงหยังอย่างไม่กลัวตาย คืนนั้นท่ามกลางความมืดในยามราตรีฟ้ากลับกลายสว่างจ้า ทำให้รู้แจ้งในธรรม จากนั้นก้เริ่มรักษาคนป่วย เตือนให้คนทำดี ฉุดช่วย แปรเปลี่ยนใจคนเปลี่ยนโลกทัศน์คน เป็นเวลานานถึงสี่สิบปี มีบางคนเห็นคนประพฤติตัวไม่ดีก็เกิดโทสะ ซึ่งโดยความจริงแล้ว ถ้าไม่มีคนป่วยแล้ว จะมีหมอเพื่ออะไร ทำนองเดียวกัน หากไม่มีคนชั่ว คนบาปก้ไม่จำต้องมีพระศาสดาสอนธรรม และก็ไม่มีคนให้ฉุดช่วย เมื่อไม่มีคนให้ฉุดช่วยจะบรรลุธรรมได้อย่างไร มีคนถามว่า ศาสนาใดดี ท่านก็ตอบว่าโลกเรานี้นับถือศาสนาทั้งห้า และทั้งห้าศาสนาก็ล้วนแล้วแต่เป็นจริง สำคัญต้อง เชื่อจริง ทำจริง ก็จะเข้าถึงธรรมได้ พระศาสดาทั้งห้า ต่างก็ล้วนแล้วแต่ทรงไว้ซึ่งเมตตากรุณา ดำเนินอยู่ในวิถีธรรม จึงได้อุทิศพลีชีพเพื่อหน้าที่ทางธรรม เพื่อผดุงสัจธรรม ประจักษ์ชัดในธรรมญาณ หมดสิ้นความเห็นแก่ตน มีแต่ใจเพื่อปวงชน พระศาสดาแต่ละศาสนาต่างก็น้อมรับอดทนต่อความอัปยศที่คนให้ จึงไม่มีการแก่งแย่งแบ่งแยก จนใจว่าสานุศิษย์ล้วนไม่เข้าใจในความหมายแห่งพระศาสดาของตน จึงได้เกิดการแบ่งแยกพรรคแบ่งแยกพวกกัน จนเป็นที่น่าสังเวชนัก สานุศิษย์แห่งทุก ๆ ศาสนาพึงละได้แล้ว ในความคิดว่า ตนถูกคนอื่นผิด และแย่งแยกกันไม่มีที่สิ้น หากเป็นเช่นนี้ โลกเราไม่มีวันสงบสะอาดแน่ สานุศิษย์เอย ! หน้าที่ของพวกเจ้านั้นสำคัญและใหญ่หลวงยื่งนัก ! พระธรรมคำสอนแห่งทุก ๆ ศาสนาล้วนเป็นคำสอนที่เป็นสัจธรรม
พระเยซูเจ้า ตรัสว่า ล้างใจเปลี่ยนจิต เภาวนาเป็นหนึ่ง
เหลาจื้อสอน บำเพ็ญใจหลอมจิต ผดุงเดิมสู่หนึ่ง
ขงจื้อสอน เก็บใจบำรุงจิต ถือตรงเป็นหนึ่ง
พระพุทธเจ้าตรัส รู้แจ้งเห็นจิต สรรพสิ่งคืนหนึ่ง
พระอริยหวัง สอน ตายใจเปลี่ยนจิต ทุกศาสนาคืนหนึ่งเดียว
หนึ่ง คือ ธรรมญาณ คนเราเมื่อตาย จะละทิ้งซึ่งชีวิต จิตญาณคืนสู่ฟ้า จึงจะเป็นการคืนสู่อย่างแท้จริง ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าคนเราเหมือนกันหมดเป็นคนเดียว จึงไม่ควรที่จะแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านอริยหวังจึงมักพูดเสมอว่า "มีคุณธรรมคือพระอริย เหมือนหลอดไฟมีมากเท่าไรยิ่งให้ความสว่างมากเท่านั้น
คนเรารู้ไม่แจ้งแทงตลอด จึงได้เกิดความฟุ้งซ่านหลายหลากกัน แข่งกันใหญ่ แข่งกันเก่ง อวดดีกัน และถือว่าเป็นการปกป้องธรรมกัน ทำให้หลงผิดพลาดหนทางบรรลุธรรมแห่งตน เห็นหรือยังว่าน่าสงสารเพียงไร หากคิดอยาก รู้แจ้งธรรม ก็จำต้องศึกษาบทธรรมที่ท่านอริยหวังได้สอนไว้ในหนังสือเล่มนี้
ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา
ตามแต่บาปบุญแล้ ก่อเกื้อรักษา
ลิขิตพระลอ