collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง  (อ่าน 22260 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                    ท่านเหล่าเฉียนเหยินได้โปรดให้โอวาทต่อญาติธรรมชาวไทย

                                              ณ  พุทธบรรพตฝูซัน

                                     วันที่  10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2532

        ปีหมินกั๋วที่ 37  (พ.ศ. 2491)  เราเดินทางจากนครเทียนจิน มาสู่ไต้หวันด้วยกันสี่สิบคน มาเพื่อที่จะทำงานธรรมะ บัดนี้ คนที่มีอายุมากกว่าข้าพเจ้าสองคนได้กลับคืนเบื้องบไปแล้ว คนที่อายุน้อยกว่าข้าพเจ้าสองคนก็กลับคืนเบื้องบนไปแล้ว  ขณะนี้ คงเหลือแต่รองธรรมอธิการ ฉีเฉียนเหยิน ที่อยู่พุทธตำหนัก "เทียนเอินกง"  ที่ไทเป  อีกท่านหนึ่งหนึ่งรองธรรมอธิการ จางเฉียนเหยิน หรือ เฉาไท่ไท่  (ท่านได้ถึงกาลดับขันธ์หลังจากนี้ไม่นาน)  อีกท่านหนึ่งอยู่ที่เมืองผิงตง แล้วก็ข้าพเจ้าและรองธรรมอธิการเฉินเฉียนเหยิน (เฉินต้ากู)  ห้าคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่  พวกเราไม่ใช่ติดตามคณะรัฐบาลมาสู่ไต้หวัน เราไม่ได้มาเพื่อลาถยศ
แต่เรามาทำงานธรรมะ ผลงานธรรมะที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดนี้ไม่ใช่กำลังความสามารถของคน คนไม่มีกำลังความสามารถถึงเพียงนี้ได้ พวกเราเป็นคนธรรมดา ๆ
แต่เผยแผ่วิถีธรรมนี้ไปได้ทั่วเป็นพระโองการจากเบื้องบน เราไม่รู้จะว่าอย่างไร คณะญาติธรรมไทยที่มาไต้หวันกันคราวนี้ ทุกคนมีหน้าที่ต่อประเทศชาติบ้านเมือง  วิถีธรรมนี้ถ้าจะให้คนระดับสูงเป็นผู้ขยายงานจะไม่แพร่หลาย ดังเช่นที่ไต้หวันมีพุทธสมาคมข่งเมิ่ง  ผู้ดำเนินการล้วนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้มีคุณสมบัติสูงทั้งนั้น แต่งานธรรมะขยายไม่ออก เพราะผู้ดำเนินงานสูงส่งเกินไป ชาวบ้านไม่กล้าเข้ามาร่วมด้วย ในสังคมเรามีชาวบ้านธรรมดา ๆ เสียมากกว่าทางการจะต้องเข้าใจเหตุผลข้อนี้ ถ้าทางการไม่เข้ามาควบคุมเกี่ยวข้อง แต่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน การขยายงานก็จะไปได้ไกล การศึกษาของชาติเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่ไม่ใช่ศึกษาวิชาการโดยไม่มีธรรมะ เช่นการศึกษาวิทยาศาสตร์   ธรรมะเป็นรากฐานของสัจธรรม เราเอาสัจธรรมมาเป็นรากฐานเสียก่อน แล้วค่อยขยายการศึกษาวิทยาศาสตร์ ออกไป ถ้าเอาแต่จะเรียนวิทยาศาสตร์อย่างเดียว สาขาวิชาไหนทำเงินได้ดีกว่าก็ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาสาขาวิชานั้น เสร็จแล้วก็พยามยามค้นคว้าสังสรรค์ของแปลก ๆ ใหม่ ๆ ประหลาด ๆ กันออกมา แต่ไม่มีความหมายของคุณธรรมหลงเหลืออยู่เลย  สมัยนี้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์เป็นที่สุด วิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้าโลกยิ่งวุ่นวาย ใครเหนือกว่าเราก็จะถีบตัวให้เหนือกว่าเขาให้ได้  แต่ในเรื่องของคุณธรรมเราจะพูดถึงความเสมอภาค ทุกคนได้ดีด้วยกัน คนอื่น ๆ ดี เราจึงจะดียิ่งขึ้น บัดนี้ เบื้องบนได้โปรดประทานวิถีอนุตตรธรรมเป็นพระโองการ หากเบื้องบนไม่ประทานพระโองการลงมากำลังความสามารถของข้าพเจ้าคนเดียวจะทำงานนี้ไม่ได้ ฉะนั้นจะต้องเข้าใจว่า นี่เป็นบุญวาระพิเศษ เป็นกำหนดกาลของฟ้าดินเหมือนอย่างประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  เหล่านี้ไม่มีฤดูหนาวฤดูร้อนที่ชัดเจน แต่ขณะนี้ที่ปักกิ่งหิมะกำลังตกหนัก นี่เป็นกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ แม้คนและวิทยาศาสตร์จะล้ำเลิศก็ทำไม่ได้  การใด ๆ ในโลกนี้ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ความสามารถของคนครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับเบื้องบน หลักธรรมชาติเป็นรากฐานของสรรพสิ่ง คนที่มีจิต (ธรรมญาณ) เป็นรากฐานของคน ทุกอย่างจึงมีหลัก แล้วเกิดผลงาน มีฐานเบื้องต้นแล้วขยายเป็นปลายเหตุ ต้องมีหลักธรรมโลกจึงจะดีได้ ครอบครัวสังคมและประเทศชาติก็เป็นอย่างเดียวกัน ประเทศนี้มีแต่ประมุข แต่ไม่มีประชาชน จะเป็นประมุขเพื่ออะไร มีประชาชนไม่มีประมุขขาดผู้ปกครองก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่มีระเบียบธรรมญาณของเราก็คือประมุขของเรา ประมุขมีความเที่ยงธรรมก้จะชี้นำให้ หู ตา จมูก ปาก ร่างกาย ประพฤติชอบ ถ้าประมุขขาดความเที่ยงธรรมพวกหูตาเหล่านี้ก็จะฝ่าฝืน ฉะนั้น เมื่อเราทุกคนได้รับถ่ายทอดวิถีธรรมเปิดจุดนี้ของตัวเองแล้ว ได้พบประมุขที่แท้จริงของตัวเองแล้วให้ประมุของค์นี้เป็นหลักชีวิตของเรา ควบคุมความเป็นไปทั้งหลายทั้งปวง โลกจะดีได้แน่ ๆ                                 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                    ท่านเหล่าเฉียนเหยินได้โปรดให้โอวาทต่อญาติธรรมชาวไทย

                                              ณ  พุทธบรรพตฝูซัน

                                     วันที่  10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2532

        คนทั่ว ๆ ไปที่ยังไม่รู้จักประมุของค์จริงของตน นันย์ตาเห็นชอบอะไรก็ดูให้วุ่นไปหมด เขาขาดผู้ปกครอง ฉะนั้นเขาจึงเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ควรเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วไปในสังคมเข้าไว้  หู ตา จมูก ปาก ก็เปรียบได้ดั่งข้าราชบริพาร ถ้าประมุขเที่ยงธรรม เขาจะเที่ยงธรรมไปด้วย ประชาชนที่เขาเหล่านั้นดูแลอยู่ก็จะเที่ยงธรรมตามไป พระพุทธองค์และพระอริยเจ้าล้วนบ่งบอกถ่ายทอดจุดนี้ทั้งนั้น  ใครที่ไม่ได้รับการเปิดจุดนี้ เขายิ่งเรียนสูงเท่าไรก็ยิ่งไปไกลจากตังเองเท่านั้น ถ้าทุกคนในโลกเข้าใจหลักธรรมนี้และเดินสู่วิถีธรรมนี้ สภาพการณ์ของโลกจะดีขึ้นทันที ฉะนั้นการศึกษาจึงสำคัญมาก และจะต้องเริ่มต้นจากเด็กเล็กทีเดียว เพราะเมื่อโตแล้วจะรู้มากและมักจะรู้สิ่งที่เป็นมิจฉาปัญญา ทางเบี่ยง ทางคด  การจะพาเขากลับมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย  การศึกษาของชาติเป็นเรื่องสำคัญมาก ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์มาห้าสิบปี  การศึกษาของชาติในช่วงสิบปีแรก เขาไม่ให้เรียนหนังสือ มีแต่ลบล้างเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ไม่ได้ผล  บัดนี้ คอมมิวนิสต์กลับมาบูชาบรมครูขงจื้อใหม่ อีกทั้งเร่งฟื้นฟูการศึกษาวัฒนธรรมโบราณของจีนที่มีมาแต่ดั้งเดิม เขาดูออกแล้วว่า ยิ่งเดินต่อไปก็ยิ่งจะต้องมองย้อนหลัง ยิ่งเดินก็ยิ่งย่ำแย่ลงทุกที ฉะนั้นจึงต้องหันหลังเดินย้อนกลับมา  เบื้องบนได้โปรดเมตตาประทานวิถีธรรมลงฉุดช่วยครั้งนี้ เรามีบุญได้รับกัน เราทุกคนมีความเชื่อมั่น ปฏิบัติดีต่อไป ยิ่งทำก็ยิ่งปิติ  ยิ่งปิติก็ยิ่งอยากทำ  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนมีหลักธรรมเดียวกัน หลักธรรมในการเป็นคนที่เราจะให้ไว้แก่โลกนี้ได้ ล้วนแต่จะต้องเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้มีใจตรง (รู้จิตเดิมแท้ของตน)  และสำรวมกาย  ในครั้งกระนั้น พระพุทธอริยเจ้าทั้งนั้น ทำไมท่านจึงไม่ยินดีกับตำแหน่งขุนนาง สมัยนี้โลกยุ่งเหยิง บ้านไม่เป็นบ้าน สังคมไม่เป็นสังคม พระอริยเจ้าล้วนอุทิศตนเพื่อฉุดช่วยแปรเปลี่ยนจิตใจของผู้คน เดี๋ยวนี้ทั่วโลกมีสภาพการณ์เป็นอย่างเดียวกัน  จี้ ปล้น ฆ่า ฟัน คนดี ๆ ก็พลอยรับกรรมไปด้วย เมื่อเบื้องบนได้โปรดฉุดช่วยทั่วไป จึงได้บัญชาเหล่าพุทธบุตรลงมาเกิดกายในโลก เพื่อแปรเปลี่ยนจิตใจของผู้คน  ปีหมินกั๋วที่ 37  (พ.ศ. 2491)  ข้าพเจ้ามาบุกเบิกแพร่ธรรมที่ไต้หวัน ยังไม่มีญาติธรรมที่นี่เลย ชั่วระยะเวลาสี่สิบเอ็ดปี ต่อมา จากไต้หวันวิถีธรรมก็ได้ขยายไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  นี่ไม่ใช่กำลังความสามารถของคน ลำพังคนทำอย่างนี้ไม่ได้  ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ มีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อธรรมะอยู่บ้าง แสดงว่าเรามีรากฐานของบุญบารมีมาก่อน เธอสัมผัสได้แล้วเธอจึงยินดี  ไม่ว่าจะไปถึงพุทธตำหนักไหน ก็จะมีญาติธรรมกุลีกุจอทำอาหารมาเลี้ยงรับรองด้วยความยินดีด้วยความเต็มใจ ทุกคนอาสาสมัครเอง  ปีหมินกั๋วที่ 27  (พ.ศ. 2481)  เมื่อข้าพเจ้าได้รับวิถีธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับทรง ประทานพระโอวาทว่า อีกไม่นานวิถีอนุตตรธรรมจะแผ่ขยายไปทั่วโลก บัดนี้ก็ได้แผ่ขยายไปทั่วโลกแล้ว  วันนี้เราได้มาชุมนุมพบกันด้วยเหตุปัจจัยแห่งบุญสัมพันธ์ที่เราเคยมีพระธรรมาจารย์และพระธรรมจาริณีมาก่อน ไม่รู้กี่ชาติที่ผ่านมา  ธรรมะไม่ได้แบ่งแยกเชื้อชาติ มีจุดมุ่งหมายที่จะแปรเปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นครอบครัวเดียวกัน ให้โลกนี้เกิดความเสมอภาคถ้าจะหาความพิเศษพิศดารจากวิถีธรรมนี้ไม่มี  จะมีแต่สัจธรรมที่เป็นธรรมชาติ แล้วเราปฏิบัติไปตามหลักสัจธรรม ให้ทุก ๆ คนรู้จิตเดิมแท้ธรรมญาณของตน รักษาจิตของตนไว้ให้ตรง บำเพ็ญกายให้สำรวม ให้บ้านเมืองบรรลุความสงบสุขสมบูรณ์ ให้โลกเกิดสันติภาพโดยทั่วกันเท่านั้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                     โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                             ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                             ได้โปรดให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์

                               และนิตยสารเอเซียรายสัปดาห์

                              เมื่อวันที่  7  พฤษภาคม  2533

เรียนถาม   -   ระยะเวลาสี่สิบปีที่การเผยแพร่อนุตตรธรรม ถูกทางการไต้หวันควบคุมสั่งห้าม ท่านมีความเห็นอย่างไร กับวิกฤติการณ์ที่ผ่านมานั้น

ตอบ   -   "การบำเพ็ญของเราเป็นไปตามปกติธรรมชาติ คือบำเพ็ญจิตของตน การควบคุมของทางการจะใช้ได้กับคนที่ทำผิดกฏหมายเท่านั้น พวกเรานักธรรมไม่ได้ทำผิดกฏหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง มีแต่จะฉุดช่วยให้คนเป็นคนดี ทำได้ก็ทำต่อไป ทำไม่ได้ก็หยุด  ไม่มีปัญหาอะไร ทางการควบคุมดูแลประชาชน เป็นหน้าที่ของทางการ  การควบคุมสั่งห้ามมิให้เผยแผ่วิถีอนุตตรธรรม เป็นการทดสอบจิตใจความมุ่งมั่นของเรา เป็นการเคี่ยวกรำอีกอย่างหนึ่งสำหรับเราเท่านั้นเอง"

เรียนถาม   -   เมื่อแรกเริ่มท่านเคยถูกฝ่ายศาสนาคุกคามหรือไม่ เหตุการณ์นั้นเป็นเช่นไร

ตอบ   -   "ที่ทางการสั่งห้าม เป็นผลมีจากที่ทางการถูกคอมมิวนิสต์บีบบังคับจนจำต้องโยกย้ายมาสู่ไต้หวัน ทางการเกรงว่าเราจะเป็นกลุ่มบุคคลนอกกฏหมายอันมิชอบ ซึ่งการเผยแพร่ธรรมะของเรา ก็จำเป็นจะต้องมีการชุมนุมกัน ฉะนั้นเราจึงถูกลงโทษ ถูกให้ร้ายในข้อหาว่าฝ่าฝืน จนถึงขนาดว่าเป็นพวกก่อการร้าย เราถูกทางการเข้าใจผิดไประยะหนึ่ง ถูกเชิญไปเข้าคุก ซึ่งเราคิดว่าเป็นการเคี่ยวกรำที่เบื้องบนได้โปรดจึงยอมรับโดยดุษณี อีกด้านหนึ่งคือเราเสริมสร้างความอดทนในการบำเพ็ญ  เราไม่ถือว่าเป็นการคุกคามทำร้าย เราไม่โทษเบื้องบนเราไม่โทษใคร เรารับเอาไว้เป็นบทเคี่ยวกรำอีกบทหนึ่งเท่านั้น"

เรียนถาม   -   เมื่อแรกที่ท่านมาถึงไต้หวัน  ท่านถ่ายทอดวิถีธรรมแก่คนไต้หวันได้อย่างไร

ตอบ   -   เราเดินทางมาไต้หวัน ด้วยจุดประสงค์ที่จะเผยแผ่วิถีอนุตตรธรรม แรกเริ่มภาษาเป็นอุปสรรคลำบากมาก เราไปพบนักบุญในท้องถิ่นก่อน อีกทั้งคนที่นับถือศาสนาพุทธและพูดภาษาจีนกลางอย่างเราได้ พูดให้เขาเข้าใจ ความสำคัญของชีวิต ให้รู้ว่าการบำเพ็ญธรรมจะช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ ในครั้งนั้นไต้หวันอยู่ในความยึดครองของญี่ปุ่น ประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างอดทน และเป็นคนที่มีจิตใจดี จึงยอมรับวิถีธรรมกันได้มาก งานนี้ช่วยคนสังคมและบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข นานเข้าทุกคนก็รู้เอง  งานนี้จึงได้เจริญเฟื่องฟูยิ่งขึ้นทุกวัน

เรียนถาม   -   ในระยะที่ทางการสั่งห้ามอยู่ ท่านเผยแพร่ธรรมต่อไปได้อย่างไร

ตอบ   -   การถ่ายทอดวิถีธรรมเป็นเรื่องดีงาม ทางการสั่งห้ามเพราะไม่เข้าใจความเป็นจริง เขาไม่เข้าใจ เราก็ไม่ขัดเคืองใจ ท่านจอมปราชญ์เหลาจื้อกล่าวว่า "สร้างบุญเหมือนลักลอบ" ยิ่งถูกสั่งห้ามก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานระหว่างเราที่ต้องเผชิญชะตากรรมมาด้วยกัน ยิ่งเพิ่มความอุตสาหะแพร่ธรรม ทุกคนยิ่งจะได้เห็นว่าคำที่ทางการกล่าวหาเราเป็นมิจฉาศาสนานั้นไม่จริงเลย จึงยิ่งกลับทำให้ทุกคนมั่นคงในศรัทธา งานแพร่ธรรมยิ่งเฟื่องฟูก้าวไกล เพียงแต่ในระยะนั้น เราระวังตัวกันหน่อย ไม่ชุมนุมกันมากคนนักเท่านั้น

เรียนถาม   -   การเผยแผ่วิถีธรรม เหตุใดจึงทำความเข้าใจผิดแก่คนนอกมากมายเช่นนี้  ซึ่งรวมทั้งคำกล่าวหาที่ว่า  "เป็นจารกรรม"  "หลอกลวงมอมเมาประชาชน"  และ  "เป็นพวกเปลือยกายไหว้เจ้า"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                             ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                             ได้โปรดให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์

                               และนิตยสารเอเซียรายสัปดาห์

                              เมื่อวันที่  7  พฤษภาคม  2533

ตอบ   -   "ระยะแรกที่มาเผยแผ่วิถีธรรมที่ไต้หวัน เป็นเพราะทางการ ชาวบ้านและบุคคลในศาสนาต่าง ๆ  ไม่รู้ว่าธรรมะของเรมีหลักธรรมอย่างไร อีกทั้งพิธีการขอรับธรรมของเราไม่อนุญาตให้ผู้ไม่ยินดีขอรับเข้าไปชม จึงทำให้คนภายนอกคิดวาดภาพไปต่าง ๆ นานา คิดว่าการชุมนุมของเราเป็นจารชน ธรรมะที่เราถ่ายทอดเป็นการหลอกลวงมอมเมาประชาชน และที่เราไม่ยอมให้คนภายนอกเข้าไปชมเป็นเพราะเราเปลือยกายไหว้พระกัน ซึ่งคนที่ไม่รู้ความจริงก็จะวาดภาพแต่งเติมสีสันกันอย่างนี้  เราบำเพ็ญธรรมไม่มีความผิด ไม่มีอะไรน่าละอายแก่ใจ จึงปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปตามธรรมชาติ

เรียนถาม   -   ทำไมท่านไม่แสดงความบริสุทธิ์ให้ประจักษ์แก่สายตาประชาชน

ตอบ   -   "การบำเพ็ญธรรมไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงผลประโยชน์ ในคัมภีร์เต้าเต๋อจิงได้กล่าวไว้ว่า "คนดีมิจำต้องชี้แจง จำต้องชี้แจงมิใช่คนดี"  คนบริสุทธิ์ย่อมบริสุทธิ์ได้เอง คนสกปรกย่อมสกปรกไปเอง  เหมือนฟ้าเบื้องบนที่ปราศจาคำโต้แย้ง"

เรียนถาม   -   เหตุใดเหล่าญาติธรรมจึงไม่เคยตอบโต้การบีบบังคับของทางการด้วยเช่นกัน

ตอบ   -   การปฏิบัติบำเพ็ญเป็นความมุ่งมั่นเฉพาะบุคคล ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็หยุด ท่านจอมปราชญ์เหลาจื้อจึงกล่าวว่า "ผู้มีทิษฐิในตัวเองย่อมขาดความกระจ่าง  ผู้เข้าข้างตัวเองย่อมไม่อาจประกาศเกียรติคุณ"  การตอบโต้ การบับบังคับ จึงเหมือนยิ่งเช็ดยิ่งเลอะเทอะ  อีกอย่างหนึ่งคนบำเพ็ญธรรม มีแต่จะตักเตือนให้คนทำดี บำเพ็ญจิตกล่อมเกลี้ยงธรรมญาณของตน ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตน จึงไม่มีความจำเป็นต้องตอบโต้

เรียนถาม   -   งานถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรม สามารถบรรลุความสำเร็จได้เช่นนี้  ท่านคิดว่าเป็นเพราะเหตุใด

ตอบ   -   การถ่ายทอดวิถีอนุตตรธรรมเป็นการถ่ายทอดวิถีธรรมจริง อบรมผู้คนตามหลักคำสอนของพระศาสดาทั้งสาม ประจักษ์จริงมาแล้วนับพันปี เป็นการศึกษาปรัชญาชีวิต คุณธรรม เพื่อค้นให้พบคุณสมบัติของชีวิตจิตใจ ค้นให้พบคุณูปการอันเป็นศักย - พลานุภาพ ของจิตเดิมแท้ของตน จุดหมายของการแพร่ธรรมคือ สร้างสันติภาพตลอดกาลให้เกิดแก่โลกนี้ ผู้บำเพ็ญต่างทำตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ ช่วยให้คนเป็นคนดี ให้ทุกคนมีจิตใจเที่ยงตรง บำเพ็ญตนสำรวมตน ฉะนั้น นานวันเข้าทุก ๆ คนจึงต่างรู้กันทั่ว ทุกคนมีหน้าที่ทำงานนี้แทนเบื้องบน ทุกคนมีความรู้สึกถึงภาระนี้และรู้ว่าจะต้องเดินตามวิถีธรรมนี้จึงจะเป็นผลสำเร็จได้ เช่นนี้ จะทำให้งานแพร่ธรรมเจริญก้าวไกลไปถึงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

เรียนถาม   -   วิถีอนุตตรธรรม มีวิธีการอย่างไรในอันที่จะแก้ไขความเสื่อมของสังคมไต้หวันอย่างจริงจัง

ตอบ   -   "ประเทศชาติมีประชาชนเป็นหลัก ประชาชนมีจิตใจเป็นหลักของชีวิต สังคมเสื่อมลงเพราะคุณธรรมของคนในสังคมตกต่ำ จิตใจของคนไม่ดีงามคนบำเพ็ญธรรมจึงต้องเป็นแรงฉุดช่วยแปรเปลี่ยนจิตใจคนอยู่เบื้องหลัง  การตักเตือนให้คนทำดี จะต้องเริ่มจากจิตใจเที่ยงตรง สำรวมกาย เสริมส่งการศึกษาและคุณสมบัติของคนเป็นสำคัญ ให้การศึกษาแก่จิตใจของคนให้มาก และให้ส่งเสริมวิถีธรรมของท่านจอมปราชญ์ขงจื้อ เมิ่งจื้อ เป็นหลัก

เรียนถาม  -   การบำเพ็ญอนุตตรธรรมเป็นการบำเพ็ญคุณธรรมเก่าก่อนตามพงศาธรรมสืบต่อมา มีความลำบากหรือไม่ เมื่อเอามาใช้กับสังคมปัจจุบัน

ตอบ   -   ปัจจุบันจิตใจของคนไม่เป็นธรรมะ คุณธรรมเสื่อมสูญ ไม่เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนรวม แน่นอนจึงเป็นการยากที่จะเผยแผ่คุณธรรมก่อนเก่าให้เขายอมรับได้ แต่ธรรมะมีผลที่จะทำให้คนเป็นคนดี เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญขึ้น วัตถุนิยมสูงขึ้น คุณธรรมก็ควรจะสูงขึ้นด้วยจึงจะถูก  การปฏิบัติคุณธรรมเก่าก่อนเป็นการกระทำตามหน้าที่ของตนเท่านั้น  ท่านจอมปราชย์ขงจื้อถ่ายทอดวิถีธรรมก็เพื่อสันติภาพของโลก แต่ท่านเดินทางเผยแผ่อบรมคุณธรรมแก่ผู้คนอยู่ชั่วชีวิต ก็ยังมิได้บังเกิดผล วิถีอนุตตรธรรมเผยแผ่ส่งเสริมคุณธรรมก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเต็มความสามารถอยู่แล้ว จะลำบากหรือไม่อย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

เรียนถาม   -   ในระยะนี้ วงการธรรมะมีแนวโน้มจะเข้าร่วมเป็นฝ่ายสนับสนุนคณะรัฐบาล และอาจจะเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการแข่งขันเลือกตั้งด้วย เรื่องนี้ท่านเห็นเป็นอย่างไร

ตอบ   -   จุดหมายของการเผยแพร่ธรรมะ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่อาจจะมีนักการเมืองบางคนได้รับวิถีธรรม นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา  วงการอนุตตรธรรม มิใช่กลุ่มบุคคลที่ก่อตั้งเป็นหมู่คณะ จึงมิได้มีส่วนสนับสนุนพัวพันกับวงการเมือง

เรียนถาม   -   วงการธรรมะได้แบ่งแยกการเผยแพร่ออกไปเป็นสาย แล้วแต่บุญสัมพันธ์ที่มีต่อกัน มิได้ขึ้นอยู่กับการปกครองของใคร ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ทุกสายจะรวมกันเป็นเอกภาพ

ตอบ   -   วิถีธรรมเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่มีอะไรขัดแย้งกันกับตัวของผู้บำเพ็ญ ทุกคนต่างก็ทำเต็มความสามารถของตัว ใครยินดีจะบำเพ็ญก็บำเพ็ญ  ไม่ยิรดีจะบำเพ็ญก็หยุด เป็นธรรมชาติโดยไม่มีใครควบคุม ต่างคนต่างไปสร้างบุญสัมพันธ์ให้งอกงาม จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรวมกัน                       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                       หมายกำหนดการปฏิบัติงานธรรม

                                    ของท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                              ระหว่างวันที่่  5 - 18  เดือนเมษายน  พ.ศ. 2533

วันที่

5.  ท่านเหล่าเฉียนเหยินพร้อมด้วยคณะติดตามรวม 6 ท่าน เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองโดยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เวลา 19.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5  เมษายน พ.ศ. 2533

6.  เวลา 10.00 น. โปรดเดินทางไปทำพิธีขุดหน้าดินเป็นมงคลแก่สถานที่ ซึ่งเตียมไว้สำหรับสร้างมหาวิทยาลัยธรรมะ จังหวัดสระบุรี

7.  เวลา 14.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กราบเรียนเชิญ  เยี่ยมที่ทำการ

8.  11.00 น. เดินทางโดยสารการบินภายในประเทศไปถึงจังหวัดสุราษฏร์ธานี

9.  10.00 น. นายกเทศมนตรีจังหวัดสุราษฏร์ธานี กราบเรียนเชิญเยี่ยมที่ทำการเทศบาลบ้านดอน จังหวัดสุราษฏร์ธานี

10.  9.00 น.  ทำพิธีอาราธนาพระ ณ ตำหนัก ชั้นบนของพุทธสถานข่งเมี่ยว เปิดแพรคลุมพระบรมรูปบรมครูขงจื้อ และที่ทำการสภาสังคมสงเคราะห์สาขาที่ 8

11.  เป็นประธานในพิธีเปิดชั้นเรียนสำนึกบาปขอขมา ซึ่งประกอบด้วยผู้ปฏิบัติธรรมจากไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย นับพันคน

12.  โปรดเมตตาอบรมญาติธรรมที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี

13.  9.00 น. เยี่ยมชมกิจการสงฆ์ ตามคำเรียนเชิญของพระเถระผู้ใหญ่จังหวัดสุราษฏร์ธานี  21.00 น. โดยสารเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ

14.  8.00 น.  พุทธสถานบางไผ่ กราบเรียนเชิญเปิดพระตำหนักใหม่และโปรดถ่ายทอดวิถีธรรมแด่สาธุชน 306  คน อีกทั้งทำพิธีฉุดช่วยวิญญาณบุพการีของญาติธรรมอีก 20 ราย   
19.00 น.  ญาติธรรมสายฉีเฉียนเหยิน จางเฉียนเหยิน  หลี่เฉียนเหยิน  ร่วมกราบชมบุญท่านธรรมอธิการ ณ พุทธสถานเทียนจง

15.  โปรดเป็นประธานชั้นทบทวนศึกษาธรรม ณ พุทธสถานไท่จง

16.  เยี่ยมชมพุทธมณฑล พุทธสถานของอาจารย์หลันหงชิง และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง

17.  เปิดประชุมคณะอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม

18.  9.30  น. โดยสารเครื่องบินไชน่าแอร๋ไลน์กลับไต้หวัน เดินทางถึงสนามบินเถาเอวี๋ยน เวลา 14.00 น.                                                     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        ยินดียิ่งที่ได้มาเยือนที่ทำการเทศบาลเมืองจังหวัดสุราษฏร์ธานีวันนี้ ได้ยินมาว่าทุกคนในที่นี้ ต่างได้รับวิถีอนุตตรธรรมกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่ถือเป็นแขก จะสนทนากับทุกคนในฐานะญาิติธรรมกัน  เหตุใดเบื้องบจึงได้ประทานวิถีธรรม  เหตุเพราะภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน คนดี ๆ ต้องพลอยรับเคราะห์ภัยไปด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่อาจทนดูคนดี ๆ ต้องประสบภัยพิบัติเช่นนี้ต่อไป จึงโปรดพากันลงมาเกิดกายในโลกมนุษย์นี้อีก  ทุกคนในที่นี้ต่างได้รับวิถีธรรมกันแล้ว  เราทุกคนเป็นธรรมทายาทพี่น้องกัน  พระธรรมาจารย์  พระธรรมจาริณีของเรากลับคืนไปแล้ว  ข้าพเจ้าเป็นตัวแทนของทั้งสองพระองค์ สืบทอดพระภาระงานธรรมนี้  ช่วงเวลาที่พระวิสุทธิอาจารย์อุบัติในโลกนี้ผ่านไปแล้วก้เรียกคืนมาอีกไม่ได้   ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาของชาติ เรารู้กันว่าพระพุทธองค์ก็บรรลุโดยอาศัยกายสังขารอย่างเรา ๆ นี้  พระองค์มีมเหสี  โอรส  แต่เมื่อพระองค์เห็นความไม่เสมอภาคของมนุษย์ด้วยกัน เห็นความทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงได้เกิดพระมหาเมตตาจิตคิดจะฉุดช่วยให้คนทั้งหลายได้พ้นทุกข์ แต่สุดท้ายในสมั้ยต่อมา วิถีธรรมจริงที่พระองค์เคยโปรดถ่ายทอดก็กลายเป็นศาสนาไป อย่างเช่นประเทศไทยเรา ถ้าหากพระสงฆ์จะทำแต่กิจบิณฑบาต มนุษย์ชาติจะเจริญธรรมได้อย่างไรปฏิปทาของพระผู้มีพระภาคมิได้เป็นเช่นนี้  บัดนี้  พระพุทธะอรหันต์ทั่วทุกสากลโลกต่างพากันอุบัติในโลกมนุษย์ เริ่มการถ่ายทอดวิถีธรรมจริงกันใหม่ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "จักษุครรภ์นิพพาน"  นั่นก็คือจุดนี้ที่เราทุกคนได้รับกันแล้ว พบตัวตนที่แท้จริงของเราแล้ว ธรรมญาณของเรา ได้รับพระธรรมโองการให้จุติลงมาเกิดกายในโลก แต่กายสังขารนี้มิใช่ของเราจริง ๆ เราไม่มีสิทธิอำนาจรักษาเขาไว้ได้ตลอดไป  ธรรมญาณคือชีวิตจริงของเรามีพระอนุตตรธรรมเจ้าเบื้องบนทรงกำหนด  บัดนี้  เราได้รู้จุดสถิตจุดนี้ในตัว ได้ค้นพบตัวตนชีวิตจริงของเราแล้ว ได้รู้ชัดกับกายสังขารที่มีรูปลักษณ์นี้บำเพ็ญชีวิตจริง ภายหน้าเราจึงจะกลับสู่นิพพานได้  วันนี้เราได้รับวิถีธรรมกันแล้ว ได้รู้ว่าชีวิตของเราคือธรรมญาณหรือพระธรรมโองการที่มีภาระหน้าที่  เราทำงานให้แก่สาธารณชน  รับใช้สังคม  ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข  นั่นคือภาระหน้าที่ของเรา  เราจะสำนึกในหน้าที่ได้อย่างไร กฏหมายบังคับเราไม่ได้ ตัวบทกฏหมายยิ่งแผ่กว้าง คนทุจริตผิดกฏหมายยิ่งมากทวี  ฉะนั้น เบื้องบนจึงได้โปรดประทานวิถีธรรมฯ ลงฉุดช่วยแปรเปลี่ยนจิตใจคน  รากฐานของความเป็นคนคือจิตใจ ถ้าทุกคนมีจิตใจดี โลกก็จะดีขึ้นเอง  คนเราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน จึงควรจะรู้หลักธรรมของความเป็นคน เมื่อทุกคนทำตามหลักธรรม โลกก็จะเกิดสันติสุข 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                                  โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        ในครั้งกระนั้น  พระศาสดาของทุกศาสนาล้วนตั้งพระปณิธานที่จะฉุดช่วยชาวโลก ล้วนมุ่งหมายถ่ายทอดวิถีธรรมนี้ แต่ในสมัยต่อมา งานถ่ายทอดวิถีธรรมจึงกลับกลายเป็นเรื่องของแต่ละกลุ่มที่อาศัยศาสนาบังหน้า หาประโยชน์ส่วนตนจนเกิดสงครามระหว่างกัน  หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐฯ เคยแสดงสุนทรพจน์ความตอนหนึ่งว่า  "วิทยาศาสตร์ยิ่งเจริญรุดหน้า โลกจะยิ่งเสื่อมทราม ยิ่งสร้างระเบิดปรมาณูกัน โลกก็ยิ่งจะถูกทำลายล้าง จะหาทางอย่างไรเพื่อให้โลกเกิดสันติภาพได้ ทุกประเทศต่างก็ศึกษาปรัชญาชีวิตมนุษย์" ปรัชญาของดิวอี้ สหรัฐฯ โลเครติส ของกรีก เปลโล
ก็เป็นนักปรัชญา ทฤษฏีของท่านเหล่านนี้มีอยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งยังคงเป็นปรัชญาที่แฝงไว้ด้วยวัตถุประโยชน์  ยังไม่บรรลุเป้าหมายของความเป็นปรัชญาแท้ ๆ ปัจจุบัน ทั่วโลกต่างศึกษาปรัชญาชีวิตมนุษย์ และยกย่องท่าน ขงจื้อ  เม่งจื้อ  เหลาจื้อ  เป็นบิดาแห่งปราชญ์   ทฤษฏีของท่านขงจื้อสอนให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขทุกเมื่อกาล จะต้องปฏิบัติตามทฤษฏีของขงจื้อ เมื่งจื้อ เหลาจื้อ  โลกจึงจะมีสันติภาพตลอดไป  ท่านเหล่านี้มีทฤษฏีอย่างไร  ท่านสอนให้มีคุณธรรมในการปกครองกันสามระดับ  (ผู้อยู่เหนือกับผู้อยู่ใต้บัญชา - บิดากับบุตร - และสามีกับภรรยา)  คุณธรรมสามัญห้าประการ  (เมตตา - มโนธรรม - จริย ฯ - ปัญญา - สัจจา ฯ )   คุณสัมพันธ์ห้า  ( ผู้อยู่เหนือกับใต้บัญชา - บิดามารดากับบุตร  -  สามีภรรยา  -  พี่กับน้อง  -  และเพื่อนกับเพื่อน )  คุณธรรมแปด  ( กตัญญู - พี่น้องปรองดอง - จงรักภักดี - มีสัจจะ - จริยะ - มโนธรรม - สุจริต - ละอายต่อบาป ) คนเราจะต้องมีหลักคุณสัมพันธ์ต่อกัน จะต้องใจตรง กายสำรวม  เมื่อทุกคนใจตรงสำรวมกาย โลกก็จะเกิดสันติภาพได้  ฉะนั้น เหตุที่เบื้องบนประทานวิถีธรรม ก็คือจะฉุดช่วยคนดี วันนี้เราได้พบกัน เราก็จะพูดถึงวิถีธรรมนี้ หวังว่าทุกคน จะได้เห็นความเป็นจริงของชีวิตจริงในตัวตน เขาเป็นชีวิตจริงที่ไม่ตาย เป็นอมตะนิรันดร์ หากกายสังขารตายแล้วเป็นอันดับสูญ ก็จะไม่มีผีสางเทวดา เราทุกคนล้วนมีความหวังในชีวิต เราอยากมีครอบครัวดี บ้านเมืองดี มีลูกหลานดี สิ่งเหล่านี้กฏหมายควบคุมไม่ถึง แต่เราจะต้องมีวิถี นั่นก็คือ พระอริยเจ้าตรัสไว้ว่า ให้ทุกคน "ฝึกจิตแท้ และบำเพ็ญกาย"  เราเป็นปุถุชน จับจิตตัวเองไว้ไม่ถูก แต่บัดนี้ได้รับจุดนี้แล้ว ได้ประจักษ์ในตัวตนชีวิตจริงของตนแล้ว   ในคัมภีร์พระไตรปิฏกก็กล่าวถึง พุทธภาวะแห่งตน ทุกคนมีพุทธภาวะในตนเอง จะต้องใช้ความเป็นพุทธะแห่งตนกำหนดการกระทำแห่งตน เมื่อทุกคนใจตรง กายสำรวม สังคม และบ้านเมืองย่อมดีได้  เมื่อมีโอกาสทุกคนจะต้องศึกษาหนังสือธรรมะ คัมภีร์เกี่ยวกับอนุตตรธรรม ศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฏกของพุทธศาสนา  บัดนี้ พุทธสถานบรมครูขงจื้อ (ข่งเมี่ยว) ได้สร้างขึ้นแล้ว กเพื่อจะส่งเสริมหลักธรรมคำสอนอันยิ่งใหญ่ของท่านจอมปราชญ์ เบื้องบนได้โปรดบัญชา ให้ศาสนาปราชญ์นำความสันติสุขมาสู่ชาวโลก   ศาสนาปราชญ์ของศาสนาขงจื้อ เป็นที่ยอมรับของทุกศาสนาท่านสอนคนให้มีคุณธรรม วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า แต่คุณธรรมหมดไป โลกจะดีขึ้นไม่ได้  เราจะต้องใช้วิทยาศาสตร์มาเป็นประโยชน์ภายนอก แต่จะต้องมีคุณธรรมเป็นรากฐานอยู่ภายใน ทุกคนมีคุณความดีต่อกัน โลกก็จะเกิดสันติสุขได้อย่างแน่นอน  เราทุกคนล้วนเป็นศิษย์ในพระอาจารย์องค์เดียวกัน ถ้าอยู่กลางถนนข้าพเจ้าจะแสดงธรรมอย่างนี้ไม่ได้  วันนี้เราได้พบกันด้วยบุญสัมพันธ์ จึงหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้คนทั้งหลายในโลกเราทุกคนจะสำรวมระวังไม่หลงผิดติดในอบายมุขใด ๆ ลูก ๆ ของเราก็จะเป็นคนดี แต่นี่ไม่ใช่เรื่องชั่ววันสองวันเท่านั้น เราตั้งความหวังไว้ และต้องปฏิบัติด้วยการกระทำ เมื่อไรโลกจะถึงกาลสันติสุขเสมอภาค เป็นเรื่องของเบื้องบนไม่ใช่เรื่องของเราคนใดคนหนึ่ง  พบกันสนทนาธรรมกันวันนี้ ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา  ขอบคุณทุกคน   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                                    โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        เลขา ฯ นายกเทศมนตรี กราบเรียนถามท่านธรรมอธิการถึงการบำเพ็ญกายใจ การบำเพ็ญในครอบครัว และการปกครอง ซึ่งท่านได้โปรดเมตตาดังนี้คนทั่วไปจะสนองตอบกันตามอารมณ์ของจิตปุถุชน เขาดีด้วยเราก็ดีตอบ  เขาร้ายด้วยเราก็ร้ายตอบ  พระพุทธะจะสอนให้เราบำเพ็ญจิต ทิ้งจิตปุถุชนไม่ให้เกิดอารมณ์สนองตอบ  พระพุทธะตรัสว่า ให้กำหนดจิตเมตตาดังพระพุทธะ  พระอริยะตรัสว่า ให้กำหนดจิตด้วยความรักอันไพศาลดังฟ้าเบื้องบน  ไม่มีมิจฉแทิษฐิเห็นในตัวตน  ที่พระพุทธะตรสว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณก็คือมโนธรรมน้ำใจอันเป็นหลักของฟ้าเบื้องบนนั่นเอง  ให้เห็นทุกชีวิตในโลกนี้ล้วนเป็นพุทธะเิดินดิน  คนนี้ไม่ดีทำความชั่วให้เมตตาสงสารหาทางช่วยเขา อย่าเกลียดเขา นี่ก็คือจิตของพุทธะ จิตของฟ้าเบื้องบน  ทุกคนมีจิตสำนึกขอบคุณ ไม่ชิงชังกัน โลกจะสงบสุขทันที ทุกคนจะค่อย ๆ สำนึกรู้ เราได้รับจุดนี้แล้วได้พบจิตเดิมแท้เบื้องบนของเราแล้ว  พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ ให้รู้จักขอบพระคุณทุกครั้งเมื่อพบเห็นท่าน  เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความเป็นระเบียบอยู่บนท้องถนน เราต้องรู้จักขอบคุณเขา  คนงานซ่อมสร้างถนนอำนวยความสะดวกแก่เรา เราต้องสงสารเห็นใจ ต้องขอบคุณเขา  โดยเฉพาะชาวนาถ้าเขาไม่ทำนา เราจะเอาข้าวที่ไหนกิน  หากเรามีจิตสำนึกขอบคุณใคร ๆ ทุกวันเราจะไม่มีความทุกข์ใจเลย  คนทั่วไปมักจะเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเอง ให้ตัวเองดี ใครดุว่าเรา เราไม่พอใจ ตัวเองทำผิดกลับโกรธแค้นผู้อื่น ตัวเองต้องทุกข์อยู่ในทะเลทุกข์ ถ้าเราจะเปลี่ยนเสียใหม่ หันกลับมายอมรับคำว่ากล่าวตักเตือนของคนอื่น รู้สำนึกขอบคุณ เช่นนี้ สวรรค์ก็อยู่ในใจของเราแล้ว   

เลขาฯ กราบเรียนถามอีกว่า  เบื้องบนได้โปรดประทานธรรมญาณแด่เรา ธรรมญาณมีการแสดงออกเช่นไร  และการเป็นคนดีเป็นได้อย่างไร... จงถามตัวเอง ถ้าความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งที่ดีก็จงทำ  ที่ใดรกสกปรก เราก็กวาดเสีย เห็นใครไม่ดี เราช่วยเขาให้ดี เหล่านี้เป็นเรื่องง่าย ๆ และนี่ก็คือจิตใจของฟ้าเบื้องบน  ทำทุกอย่างโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่เห็นแก่ตัว นี่คือการแสดงออกของธรรมญาณ... กราบเรียนถามว่า  ที่ท่านกล่าวว่า "การกระทำอยู่ที่คน ผลสำเร็จอยู่กับเบื้องบน"...  ทุกคนจะต้องทำเต็มความสามารถของตน คน ๆ เดียวมีกำลังจำกัด กำลังของทุกคนรวมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันทำ โลกก็จะสำเร็จสมบูรณ์โดยง่าย  บัดนี้  เบื้องบนได้โปรดฉุดช่วยทั่วไป แบ่งแยกระหว่างคนดีกับคนชั่ว  คนที่บาปหนาจะต้องประสบภัยทั้งหมด จะต้องฉุดช่วยคนดีออกมาจากคนบาปเหล่านั้น เราจะเห็นได้ว่า ในวงการธรรม ทุกคนสำรวมระวังดี เหตุใดวิถีอนุตตรธรรมอันสูงส่ง จึงได้โปรดถ่ายทอดแด่คนธรรมดาสามัญควรจะต้องเริ่มต้นจากผู้คนชาวบ้าน หากเป็นคำสั่งของทางการ เรื่องนี้จะทำได้ยาก  สมมุติว่าเทศมนตรีเช่นคุณ จะตั้งพุทธสถาน ชาวบ้านธรรมดาก้ไม่อยากจะไปร่วมด้วยนัก คุณเป็นข้าราชการจะต้องให้ทางการเป็นฝ่ายช่วยเหลือสนับสนุนชาวบ้าน ช่วยส่งเสริมคุณธรรม แล้วให้ชาวบ้านไปดำเนินการเอาเอง งานก็จะสำเร็จได้โดยง่าย  เอาละ ยังมีอะไรอีกไหม... ไม่มีขอรับ  ถ้าเช่นนั้น ขอบคุณทุกคน ขอให้ทุกคนจงอยู่ดีมีสุข         

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”