collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง  (อ่าน 22124 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                       หมายกำหนดการปฏิบัติงานธรรม

                                    ของท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                              ระหว่างวันที่่  5 - 18  เดือนเมษายน  พ.ศ. 2533

วันที่

5.  ท่านเหล่าเฉียนเหยินพร้อมด้วยคณะติดตามรวม 6 ท่าน เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมืองโดยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ เวลา 19.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 5  เมษายน พ.ศ. 2533

6.  เวลา 10.00 น. โปรดเดินทางไปทำพิธีขุดหน้าดินเป็นมงคลแก่สถานที่ ซึ่งเตียมไว้สำหรับสร้างมหาวิทยาลัยธรรมะ จังหวัดสระบุรี

7.  เวลา 14.00 น. สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กราบเรียนเชิญ  เยี่ยมที่ทำการ

8.  11.00 น. เดินทางโดยสารการบินภายในประเทศไปถึงจังหวัดสุราษฏร์ธานี

9.  10.00 น. นายกเทศมนตรีจังหวัดสุราษฏร์ธานี กราบเรียนเชิญเยี่ยมที่ทำการเทศบาลบ้านดอน จังหวัดสุราษฏร์ธานี

10.  9.00 น.  ทำพิธีอาราธนาพระ ณ ตำหนัก ชั้นบนของพุทธสถานข่งเมี่ยว เปิดแพรคลุมพระบรมรูปบรมครูขงจื้อ และที่ทำการสภาสังคมสงเคราะห์สาขาที่ 8

11.  เป็นประธานในพิธีเปิดชั้นเรียนสำนึกบาปขอขมา ซึ่งประกอบด้วยผู้ปฏิบัติธรรมจากไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย นับพันคน

12.  โปรดเมตตาอบรมญาติธรรมที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี

13.  9.00 น. เยี่ยมชมกิจการสงฆ์ ตามคำเรียนเชิญของพระเถระผู้ใหญ่จังหวัดสุราษฏร์ธานี  21.00 น. โดยสารเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ

14.  8.00 น.  พุทธสถานบางไผ่ กราบเรียนเชิญเปิดพระตำหนักใหม่และโปรดถ่ายทอดวิถีธรรมแด่สาธุชน 306  คน อีกทั้งทำพิธีฉุดช่วยวิญญาณบุพการีของญาติธรรมอีก 20 ราย   
19.00 น.  ญาติธรรมสายฉีเฉียนเหยิน จางเฉียนเหยิน  หลี่เฉียนเหยิน  ร่วมกราบชมบุญท่านธรรมอธิการ ณ พุทธสถานเทียนจง

15.  โปรดเป็นประธานชั้นทบทวนศึกษาธรรม ณ พุทธสถานไท่จง

16.  เยี่ยมชมพุทธมณฑล พุทธสถานของอาจารย์หลันหงชิง และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง

17.  เปิดประชุมคณะอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม

18.  9.30  น. โดยสารเครื่องบินไชน่าแอร๋ไลน์กลับไต้หวัน เดินทางถึงสนามบินเถาเอวี๋ยน เวลา 14.00 น.                                                     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        ยินดียิ่งที่ได้มาเยือนที่ทำการเทศบาลเมืองจังหวัดสุราษฏร์ธานีวันนี้ ได้ยินมาว่าทุกคนในที่นี้ ต่างได้รับวิถีอนุตตรธรรมกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่ถือเป็นแขก จะสนทนากับทุกคนในฐานะญาิติธรรมกัน  เหตุใดเบื้องบจึงได้ประทานวิถีธรรม  เหตุเพราะภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน คนดี ๆ ต้องพลอยรับเคราะห์ภัยไปด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่อาจทนดูคนดี ๆ ต้องประสบภัยพิบัติเช่นนี้ต่อไป จึงโปรดพากันลงมาเกิดกายในโลกมนุษย์นี้อีก  ทุกคนในที่นี้ต่างได้รับวิถีธรรมกันแล้ว  เราทุกคนเป็นธรรมทายาทพี่น้องกัน  พระธรรมาจารย์  พระธรรมจาริณีของเรากลับคืนไปแล้ว  ข้าพเจ้าเป็นตัวแทนของทั้งสองพระองค์ สืบทอดพระภาระงานธรรมนี้  ช่วงเวลาที่พระวิสุทธิอาจารย์อุบัติในโลกนี้ผ่านไปแล้วก้เรียกคืนมาอีกไม่ได้   ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาของชาติ เรารู้กันว่าพระพุทธองค์ก็บรรลุโดยอาศัยกายสังขารอย่างเรา ๆ นี้  พระองค์มีมเหสี  โอรส  แต่เมื่อพระองค์เห็นความไม่เสมอภาคของมนุษย์ด้วยกัน เห็นความทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงได้เกิดพระมหาเมตตาจิตคิดจะฉุดช่วยให้คนทั้งหลายได้พ้นทุกข์ แต่สุดท้ายในสมั้ยต่อมา วิถีธรรมจริงที่พระองค์เคยโปรดถ่ายทอดก็กลายเป็นศาสนาไป อย่างเช่นประเทศไทยเรา ถ้าหากพระสงฆ์จะทำแต่กิจบิณฑบาต มนุษย์ชาติจะเจริญธรรมได้อย่างไรปฏิปทาของพระผู้มีพระภาคมิได้เป็นเช่นนี้  บัดนี้  พระพุทธะอรหันต์ทั่วทุกสากลโลกต่างพากันอุบัติในโลกมนุษย์ เริ่มการถ่ายทอดวิถีธรรมจริงกันใหม่ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "จักษุครรภ์นิพพาน"  นั่นก็คือจุดนี้ที่เราทุกคนได้รับกันแล้ว พบตัวตนที่แท้จริงของเราแล้ว ธรรมญาณของเรา ได้รับพระธรรมโองการให้จุติลงมาเกิดกายในโลก แต่กายสังขารนี้มิใช่ของเราจริง ๆ เราไม่มีสิทธิอำนาจรักษาเขาไว้ได้ตลอดไป  ธรรมญาณคือชีวิตจริงของเรามีพระอนุตตรธรรมเจ้าเบื้องบนทรงกำหนด  บัดนี้  เราได้รู้จุดสถิตจุดนี้ในตัว ได้ค้นพบตัวตนชีวิตจริงของเราแล้ว ได้รู้ชัดกับกายสังขารที่มีรูปลักษณ์นี้บำเพ็ญชีวิตจริง ภายหน้าเราจึงจะกลับสู่นิพพานได้  วันนี้เราได้รับวิถีธรรมกันแล้ว ได้รู้ว่าชีวิตของเราคือธรรมญาณหรือพระธรรมโองการที่มีภาระหน้าที่  เราทำงานให้แก่สาธารณชน  รับใช้สังคม  ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข  นั่นคือภาระหน้าที่ของเรา  เราจะสำนึกในหน้าที่ได้อย่างไร กฏหมายบังคับเราไม่ได้ ตัวบทกฏหมายยิ่งแผ่กว้าง คนทุจริตผิดกฏหมายยิ่งมากทวี  ฉะนั้น เบื้องบนจึงได้โปรดประทานวิถีธรรมฯ ลงฉุดช่วยแปรเปลี่ยนจิตใจคน  รากฐานของความเป็นคนคือจิตใจ ถ้าทุกคนมีจิตใจดี โลกก็จะดีขึ้นเอง  คนเราไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน จึงควรจะรู้หลักธรรมของความเป็นคน เมื่อทุกคนทำตามหลักธรรม โลกก็จะเกิดสันติสุข 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                                  โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        ในครั้งกระนั้น  พระศาสดาของทุกศาสนาล้วนตั้งพระปณิธานที่จะฉุดช่วยชาวโลก ล้วนมุ่งหมายถ่ายทอดวิถีธรรมนี้ แต่ในสมัยต่อมา งานถ่ายทอดวิถีธรรมจึงกลับกลายเป็นเรื่องของแต่ละกลุ่มที่อาศัยศาสนาบังหน้า หาประโยชน์ส่วนตนจนเกิดสงครามระหว่างกัน  หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐฯ เคยแสดงสุนทรพจน์ความตอนหนึ่งว่า  "วิทยาศาสตร์ยิ่งเจริญรุดหน้า โลกจะยิ่งเสื่อมทราม ยิ่งสร้างระเบิดปรมาณูกัน โลกก็ยิ่งจะถูกทำลายล้าง จะหาทางอย่างไรเพื่อให้โลกเกิดสันติภาพได้ ทุกประเทศต่างก็ศึกษาปรัชญาชีวิตมนุษย์" ปรัชญาของดิวอี้ สหรัฐฯ โลเครติส ของกรีก เปลโล
ก็เป็นนักปรัชญา ทฤษฏีของท่านเหล่านนี้มีอยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งยังคงเป็นปรัชญาที่แฝงไว้ด้วยวัตถุประโยชน์  ยังไม่บรรลุเป้าหมายของความเป็นปรัชญาแท้ ๆ ปัจจุบัน ทั่วโลกต่างศึกษาปรัชญาชีวิตมนุษย์ และยกย่องท่าน ขงจื้อ  เม่งจื้อ  เหลาจื้อ  เป็นบิดาแห่งปราชญ์   ทฤษฏีของท่านขงจื้อสอนให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขทุกเมื่อกาล จะต้องปฏิบัติตามทฤษฏีของขงจื้อ เมื่งจื้อ เหลาจื้อ  โลกจึงจะมีสันติภาพตลอดไป  ท่านเหล่านี้มีทฤษฏีอย่างไร  ท่านสอนให้มีคุณธรรมในการปกครองกันสามระดับ  (ผู้อยู่เหนือกับผู้อยู่ใต้บัญชา - บิดากับบุตร - และสามีกับภรรยา)  คุณธรรมสามัญห้าประการ  (เมตตา - มโนธรรม - จริย ฯ - ปัญญา - สัจจา ฯ )   คุณสัมพันธ์ห้า  ( ผู้อยู่เหนือกับใต้บัญชา - บิดามารดากับบุตร  -  สามีภรรยา  -  พี่กับน้อง  -  และเพื่อนกับเพื่อน )  คุณธรรมแปด  ( กตัญญู - พี่น้องปรองดอง - จงรักภักดี - มีสัจจะ - จริยะ - มโนธรรม - สุจริต - ละอายต่อบาป ) คนเราจะต้องมีหลักคุณสัมพันธ์ต่อกัน จะต้องใจตรง กายสำรวม  เมื่อทุกคนใจตรงสำรวมกาย โลกก็จะเกิดสันติภาพได้  ฉะนั้น เหตุที่เบื้องบนประทานวิถีธรรม ก็คือจะฉุดช่วยคนดี วันนี้เราได้พบกัน เราก็จะพูดถึงวิถีธรรมนี้ หวังว่าทุกคน จะได้เห็นความเป็นจริงของชีวิตจริงในตัวตน เขาเป็นชีวิตจริงที่ไม่ตาย เป็นอมตะนิรันดร์ หากกายสังขารตายแล้วเป็นอันดับสูญ ก็จะไม่มีผีสางเทวดา เราทุกคนล้วนมีความหวังในชีวิต เราอยากมีครอบครัวดี บ้านเมืองดี มีลูกหลานดี สิ่งเหล่านี้กฏหมายควบคุมไม่ถึง แต่เราจะต้องมีวิถี นั่นก็คือ พระอริยเจ้าตรัสไว้ว่า ให้ทุกคน "ฝึกจิตแท้ และบำเพ็ญกาย"  เราเป็นปุถุชน จับจิตตัวเองไว้ไม่ถูก แต่บัดนี้ได้รับจุดนี้แล้ว ได้ประจักษ์ในตัวตนชีวิตจริงของตนแล้ว   ในคัมภีร์พระไตรปิฏกก็กล่าวถึง พุทธภาวะแห่งตน ทุกคนมีพุทธภาวะในตนเอง จะต้องใช้ความเป็นพุทธะแห่งตนกำหนดการกระทำแห่งตน เมื่อทุกคนใจตรง กายสำรวม สังคม และบ้านเมืองย่อมดีได้  เมื่อมีโอกาสทุกคนจะต้องศึกษาหนังสือธรรมะ คัมภีร์เกี่ยวกับอนุตตรธรรม ศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฏกของพุทธศาสนา  บัดนี้ พุทธสถานบรมครูขงจื้อ (ข่งเมี่ยว) ได้สร้างขึ้นแล้ว กเพื่อจะส่งเสริมหลักธรรมคำสอนอันยิ่งใหญ่ของท่านจอมปราชญ์ เบื้องบนได้โปรดบัญชา ให้ศาสนาปราชญ์นำความสันติสุขมาสู่ชาวโลก   ศาสนาปราชญ์ของศาสนาขงจื้อ เป็นที่ยอมรับของทุกศาสนาท่านสอนคนให้มีคุณธรรม วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า แต่คุณธรรมหมดไป โลกจะดีขึ้นไม่ได้  เราจะต้องใช้วิทยาศาสตร์มาเป็นประโยชน์ภายนอก แต่จะต้องมีคุณธรรมเป็นรากฐานอยู่ภายใน ทุกคนมีคุณความดีต่อกัน โลกก็จะเกิดสันติสุขได้อย่างแน่นอน  เราทุกคนล้วนเป็นศิษย์ในพระอาจารย์องค์เดียวกัน ถ้าอยู่กลางถนนข้าพเจ้าจะแสดงธรรมอย่างนี้ไม่ได้  วันนี้เราได้พบกันด้วยบุญสัมพันธ์ จึงหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้คนทั้งหลายในโลกเราทุกคนจะสำรวมระวังไม่หลงผิดติดในอบายมุขใด ๆ ลูก ๆ ของเราก็จะเป็นคนดี แต่นี่ไม่ใช่เรื่องชั่ววันสองวันเท่านั้น เราตั้งความหวังไว้ และต้องปฏิบัติด้วยการกระทำ เมื่อไรโลกจะถึงกาลสันติสุขเสมอภาค เป็นเรื่องของเบื้องบนไม่ใช่เรื่องของเราคนใดคนหนึ่ง  พบกันสนทนาธรรมกันวันนี้ ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา  ขอบคุณทุกคน   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                                    โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                           แสดงธรรมตามคำกราบเรียนเชิญของ

                                                   ท่านนายกเทศมนตรี   

                                                 อ.เมือง  จ.สุราษฏร์ธานี

        เลขา ฯ นายกเทศมนตรี กราบเรียนถามท่านธรรมอธิการถึงการบำเพ็ญกายใจ การบำเพ็ญในครอบครัว และการปกครอง ซึ่งท่านได้โปรดเมตตาดังนี้คนทั่วไปจะสนองตอบกันตามอารมณ์ของจิตปุถุชน เขาดีด้วยเราก็ดีตอบ  เขาร้ายด้วยเราก็ร้ายตอบ  พระพุทธะจะสอนให้เราบำเพ็ญจิต ทิ้งจิตปุถุชนไม่ให้เกิดอารมณ์สนองตอบ  พระพุทธะตรัสว่า ให้กำหนดจิตเมตตาดังพระพุทธะ  พระอริยะตรัสว่า ให้กำหนดจิตด้วยความรักอันไพศาลดังฟ้าเบื้องบน  ไม่มีมิจฉแทิษฐิเห็นในตัวตน  ที่พระพุทธะตรสว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณก็คือมโนธรรมน้ำใจอันเป็นหลักของฟ้าเบื้องบนนั่นเอง  ให้เห็นทุกชีวิตในโลกนี้ล้วนเป็นพุทธะเิดินดิน  คนนี้ไม่ดีทำความชั่วให้เมตตาสงสารหาทางช่วยเขา อย่าเกลียดเขา นี่ก็คือจิตของพุทธะ จิตของฟ้าเบื้องบน  ทุกคนมีจิตสำนึกขอบคุณ ไม่ชิงชังกัน โลกจะสงบสุขทันที ทุกคนจะค่อย ๆ สำนึกรู้ เราได้รับจุดนี้แล้วได้พบจิตเดิมแท้เบื้องบนของเราแล้ว  พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ ให้รู้จักขอบพระคุณทุกครั้งเมื่อพบเห็นท่าน  เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความเป็นระเบียบอยู่บนท้องถนน เราต้องรู้จักขอบคุณเขา  คนงานซ่อมสร้างถนนอำนวยความสะดวกแก่เรา เราต้องสงสารเห็นใจ ต้องขอบคุณเขา  โดยเฉพาะชาวนาถ้าเขาไม่ทำนา เราจะเอาข้าวที่ไหนกิน  หากเรามีจิตสำนึกขอบคุณใคร ๆ ทุกวันเราจะไม่มีความทุกข์ใจเลย  คนทั่วไปมักจะเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัว ทำเพื่อตัวเอง ให้ตัวเองดี ใครดุว่าเรา เราไม่พอใจ ตัวเองทำผิดกลับโกรธแค้นผู้อื่น ตัวเองต้องทุกข์อยู่ในทะเลทุกข์ ถ้าเราจะเปลี่ยนเสียใหม่ หันกลับมายอมรับคำว่ากล่าวตักเตือนของคนอื่น รู้สำนึกขอบคุณ เช่นนี้ สวรรค์ก็อยู่ในใจของเราแล้ว   

เลขาฯ กราบเรียนถามอีกว่า  เบื้องบนได้โปรดประทานธรรมญาณแด่เรา ธรรมญาณมีการแสดงออกเช่นไร  และการเป็นคนดีเป็นได้อย่างไร... จงถามตัวเอง ถ้าความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งที่ดีก็จงทำ  ที่ใดรกสกปรก เราก็กวาดเสีย เห็นใครไม่ดี เราช่วยเขาให้ดี เหล่านี้เป็นเรื่องง่าย ๆ และนี่ก็คือจิตใจของฟ้าเบื้องบน  ทำทุกอย่างโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่เห็นแก่ตัว นี่คือการแสดงออกของธรรมญาณ... กราบเรียนถามว่า  ที่ท่านกล่าวว่า "การกระทำอยู่ที่คน ผลสำเร็จอยู่กับเบื้องบน"...  ทุกคนจะต้องทำเต็มความสามารถของตน คน ๆ เดียวมีกำลังจำกัด กำลังของทุกคนรวมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันทำ โลกก็จะสำเร็จสมบูรณ์โดยง่าย  บัดนี้  เบื้องบนได้โปรดฉุดช่วยทั่วไป แบ่งแยกระหว่างคนดีกับคนชั่ว  คนที่บาปหนาจะต้องประสบภัยทั้งหมด จะต้องฉุดช่วยคนดีออกมาจากคนบาปเหล่านั้น เราจะเห็นได้ว่า ในวงการธรรม ทุกคนสำรวมระวังดี เหตุใดวิถีอนุตตรธรรมอันสูงส่ง จึงได้โปรดถ่ายทอดแด่คนธรรมดาสามัญควรจะต้องเริ่มต้นจากผู้คนชาวบ้าน หากเป็นคำสั่งของทางการ เรื่องนี้จะทำได้ยาก  สมมุติว่าเทศมนตรีเช่นคุณ จะตั้งพุทธสถาน ชาวบ้านธรรมดาก้ไม่อยากจะไปร่วมด้วยนัก คุณเป็นข้าราชการจะต้องให้ทางการเป็นฝ่ายช่วยเหลือสนับสนุนชาวบ้าน ช่วยส่งเสริมคุณธรรม แล้วให้ชาวบ้านไปดำเนินการเอาเอง งานก็จะสำเร็จได้โดยง่าย  เอาละ ยังมีอะไรอีกไหม... ไม่มีขอรับ  ถ้าเช่นนั้น ขอบคุณทุกคน ขอให้ทุกคนจงอยู่ดีมีสุข         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
Re: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: 28/09/2011, 15:40 »
โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                                    ได้โปรดสนทนาธรรม
                                       
                                          เมื่อมาถึงห้องรับรองพุทธสถานข่งเมี่ยว 

        เมื่อสามพันปีก่อน พระพุทธอริยะ ฯ  ล้วนแต่ปรกโปรดฉุดช่วยชาวโลก สมัยนั้นไม่มีการแบ่งแยกชัดเจนอย่างนี้ สมัยต่อมากลับกลายเป็นกิจของกลุ่มบุคคล จึงมีชื่อเรียกเป็นศาสนา  นิกาย  สาย  ลัทธิ  ชมรม ฯ  แต่ละศาสนา ก็เหมาะแต่ละขนบธรรมเนียมของที่นั้น ๆ จิตใจของคนก็ต่างกัน ฉะนั้น จึงรวมกันไม่ได้ บัดนี้ เบื้องบนได้โปรดฉุดช่วยทั่วโลก หมื่นพันศาสนาจะรวมไว้ในวิถีธรรมเดียวกัน  วิถีอนุตตรธรรม ไม่แบ่งแยกให้เป็นไปตามบุคคลหรือหมู่เหล่า  เมื่อเรารู้แจ้งในต้นตอชีวิตแล้วก็ควรดำเนินชีวิตไปตามวิถีธรรม เมื่อทุกคนทำตามหลักธรรม โลกก็จะเกิดสันติสุข  พระอริยเจ้าตรัสว่า "ปฏิบัติการนั้นขึ้นอยู่กับคน ส่วนผลนั้นอยู่ที่พระ ฯ เบื้องบน"  เราทุกคนได้แต่ตั้งใจทำให้เต็มกำลังของตน ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เพียงชั่วเวลาไม่กี่สิบปี ฉะนั้น การที่จะให้โลกเราดีได้ จึงไม่ใช่ทำให้สำเร็จในวันเดียว จะต้องค่อยเป็นค่อยไป ช่วงนี้การทะนุบำรุงเด็กวัยรุ่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเขาจะเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งในวันข้างหน้า จะต้องปลูกเลี้ยงเขาให้ดี วันข้างหน้าจึงจะมีหวังในสิ่งที่ดี ฉะนั้นทุกท่านที่จะบำรุงเลี้ยงเด็กวัยรุ่นสำคัญที่สุด คือปลูกเลี้ยงพวกเขาให้มีมนุษย์ธรรมดี ทุกคนที่ทำงานนี้เท่ากับสร้างบุญกุศล มีบุญมีกุศลภายหน้าจึงจะไว้ชื่อในโลกนี้ได้ 
        ท่านรองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนว่า อยากให้พุทธสถานข่งเมี่ยว สร้างสถานสงเคราะห์คนชราไว้ด้วย 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                                    ได้โปรดสนทนาธรรม
                                       
                                          เมื่อมาถึงห้องรับรองพุทธสถานข่งเมี่ยว 

        ท่านธรรมอธิการ ฯ โปรดตอบว่า เราดำเนินการส่งเสริมได้ สมัยนี้ต่างกับเมื่อก่อน ซึ่งเป็นสมัยของการเกษตร มีประเทศชาติจึงมีบ้าน  สมัยนี้อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า ทุกประเทศเป็นอย่างเดียวกัน สมัยนี้ลูก ๆ ของเราจะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน คนแก่ที่บ้านจึงขาดคนดูแล ฉะนั้น  เราจึงส่งเสริมสถานสงเคราะห์คนชรา ให้มีคนดูแลคนแก่โดยเฉพาะ  ท่านขงจื้อกล่าวไว้ว่า  "ให้เคารพคนแก่ ยกย่องปราชญ์บัณฑิต" สังคมปัจจุบันคนแก่ไม่มีใครสนใจ เราจะต้องสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่า ไม่มีคนแก่จะมีเขาได้อย่างไร  จะต้องเคารพคนแก่  ไม่มีบ้านเมืองจะมีสังคมได้อย่างไร เรายิ่งจะต้องเคารพผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะท่านเป็นผู้ช่วยเหลือสังคม  คุณธรรมที่พระอริยะมอบไว้ให้ คือการแสดงออกซึ่งความเคารพจริงใจ ที่มีต่อทุกคนในโลก ทุก
คนมีความเคารพจริงใจต่อกัน โลกก็จะเกิดสันติภาพได้เอง  นี่เป็นหลักธรรมของความเป็นคน การริเริ่มโครงการสถานสงเคราะห์คนชราในประเทศไทยครั้งนี้ข้าพเจ้าจะช่วยเต็มที่ ญาติธรรมของเรายิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยกันคนละหนึ่งบาท หนึ่งล้านคนก็หนึ่งล้านบาทแล้ว  กำลังของคนหมู่มากจะสำเร็จได้ง่าย เปิดใจของเราเป็นคนแรก เราไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่บวกลบคูณหารเพื่อตัวเอง ให้ปลง เห็นความสมมุติของโลกนี้ แค่หลับตาลงก็ไม่มีอะไรแล้ว  ถ้าคนรู้แจ้งในหลักธรรมนี้ก็จะไม่มีความโลภ ถ้าไม่มีความโลภก็จะไม่โกรธเกลียดเคียดแค้นใคร โลกมนุษย์นี้ก็จะเป็นแดนสวรรค์ คนทั่วไปจะกลัดกลุ้มทุกข์ร้อนอย่างนี้  จะเห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น เรื่องนี้ไม่ถูก คนนั้นก็ไม่ดี  จิตใจของตัวเองก็จะกลัดกลุ้ม นั่นก็คือทะเลทุกข์  เฉพาะอย่างยิ่งสุภาพสตรี หัวหน้าครอบครัว ลูกเต้าจะดีหรือเลวอยู่ที่เรา ถ้าเราเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เขา ลูกที่เราเลี้ยงดูมาก็จะต้องดีแน่ ๆ นี่ก็คือคุณธรรม ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เราไหว้พระขอความอยู่เย็นเป็นสุข นั่นเรียกว่าศรัทธางมงาย พระพุทธอริยะล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เรา เรากราบไหว้พระเพราะเราจะเจริญรอยตามพระบาทของพระองค์ ถ้าเอาแต่จะกราบ วิงวอนขอให้พระองค์คุ้มครองรักษา ขอความร่มเย็นเป็นสุข ขอไม่ได้เลย  ถ้าเรามีจิตใจเป็นพุทธะ เราเองก็คือพระพุทธะ พระพุทธะไม่ได้อยู่ข้างนอก รูปบูชาตามวัดวาเหล่านั้นเป็นเพียงรูปสมมุติ  ในยุคนี้ เป็นกำหนดกาลพิเศษของสตรี  ครั้งพุทธกาลอัครสาวกของพระพุทะองค์ไม่มีสตรีเลย  เมธีศิษย์ขงจื้อก็ไม่มีสตรีเลย พวกเราล้วนแต่เป็นเทพพรหมมาเกิดใหม่ เบื้องบนได้ดปรดประทานวิถีอนุตตรธรรมมากอบกู้ หญิงชายให้ได้รับวิถีธรรมอย่างเดียวกัน  ดวงธรรมญาณไม่จำแนกหญิงชาย อย่างที่พระพุทธะตรัสว่า เป็นพุทะะภาวะอันเสมอภาค  ครั้งนี้ชายก็บรรลุธรรมได้ หญิงก็บรรลุได้ เราจะดูถูกตัวเองไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  บำเพ็ญธรรมคือบำเพ็ญจิต เราได้รับจุดนี้ ค้นพบตัวจริงของตนแล้ว รู้ว่าในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมุติ  ให้อาศัยสิ่งสมมุติบำเพ็ญธรรมแท้ ภายหน้าคืนสู่เบื้องบนไปเป็นตัวของตัวเองแท้ ๆ ไม่ใช่กายสังขารตัวนี้  ธรรมะเป็นสิ่งเสมอภาค ใครมีบุญหนุนนำก็มารับได้เอง ใครไม่มีบุญหนุนนำก้ไม่มา คนในศาสนาอื่น ๆ ก็เหมือนกัน มีทั้งคนศรัทธาเชื่อถือและไม่เชื่อถือ  ธรรมะนั้นครอบคลุมทุกศาสนา จุดนี้ก็คือธรรมะ  ธรรมะจุดนี้เป็นเจ้าชีวิตของเรา เรามีเจ้าชีวิตตัวจริงปกครองกายสังขารอยู่  ฟ้าเบื้องบมีพระผุ้เป็นเจ้าปกครอง  คนก็มีพระผู้เป็นเจ้าในตัวตนปกครอง  พระผู้เป็นเจ้าในตัวตนของเราก็คือชีวิตจริงเป็นจิตเดิมแท้ ที่รู้จักควบคุมให้กายเนื้อของเรามีมโนธรรมสำนึก รับผิดชอบต่อสังคม  เมื่อใดที่เจ้าชีวิตของเราไปพ้นจากกายสังขาร เนื้อเน่า ๆ แท่งนี้ก้ไม่มีประโยชน์อีกเลย ธรรมะจึงเป็นรากฐานของสรรพสิ่งทั้งมวล  ( ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานีได้เสริมรับด้วยความปิติธรรมว่า เป็นหลักธรรมที่สูงส่งจริง ๆ ) ความเป็นปกติธรรมดาที่สุด คือที่สุดของความสูงส่ง  (คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนว่า เวลาอยู่ใกล้ชิดท่าน ท่านได้โปรดอบรมแนะนำตลอดเวลาโปรดให้หัวใจที่อบอุ่นแก่เรา นอกจากหลักธรรมของการเป็นคนที่สมบูรณ์แล้ว จิตใจของเรายังได้รับความชุ่มชื่นอีกด้วย) เป็นเพราะบุญสัมพันธ์ที่เราเคยมีต่อกันมา คนอื่น ๆ ที่เขาไม่เห็นด้วย และที่เขาวิจารณ์ข้าพเจ้าก็มี  (คุณสมพร เทพสิทธา กราบเรียนอีกว่า ท่านพูดถูกเพราะคนมีดีมีชั่ว คนสว่างก็จะพบผู้มีคุณธรรม คนหลงก็จะพบกับความมืด  ซึ่งเขาจะไม่ได้พบท่านธรรมอธิการอย่างนี้)  ข้าราชการผู้ปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกันมีทั้งคนด่าว่า มีทั้งคนชื่นชม มนุษย์มีความแตกต่างกันอย่างนี้  (คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนอีกว่า จะจดจำธรรมะของท่านธรรมอธิการไว้ คนทั่วไปเป็นคนหลง เหมือนตกอยู่ในน้ำ และไม่รู้ว่าตนจะจมน้ำตาย เราจึงมีหน้าที่ต้องฉุดช่วยเขา อย่างที่ท่านธรรมอธิการกล่าว) เมื่อก่อน ครั้งที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับวิถีธรรมก็เหมือนคนทั่วไป ทำทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์ตน เพื่อชื่อเสียงตน บัดนี้เข้าใจแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่ต้องการอะไรเลย ไปถึงไหนจึงมีแต่ผู้ยินดีต้อนรับ เอาละ ข้าพเจ้าจะไปทำพิธีอาราธนาพระ ฯ  ( ทุกคนในที่นั้นมีอาทิ  คุณประวิทย์ นิลวัชรมณี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุราษฏร์ธานี  คุณสมพร  เทพสิทธา  รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  พ.อ. (พิเศษ) ทองอินทร์ ดีธรรมะ  คุณจรัสพักตร์ วัฒนสิงหะ  ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัด  อาจารย์มานิตา การพิศิษฐ์ ฯลฯ  กล่าวขอบคุณ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                                                  โอวาทจาก

                                                       ท่านธรรมอธิการหันเหลาเฉียนเหยิน

                                                     ก่อนทำพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธรูปบูชา

                                                             ณ  พุทธสถานข่งเมี่ยว

        เธอทำงานเขาก็เรียกว่าคนทำงาน ข้าพเจ้าอนุเคราะห์ผู้คน ฉุดช่วยชาวโลกทำพุทธกิจ ก็เป็นพระพุทธะ พระพุทธะล้วนต้องเป็นเมื่อมีชีวิตอยู่  วันนี้ทุกคนก็ได้เห็นข้าพเจ้าแล้ว  เมื่อแรกที่ข้าพเจ้าไปบุกเบิกแพร่ธรรมที่ไต้หวัน ข้าพเจ้ากวาดท่อน้ำล้างส้วมเอง ในครั้งนั้น การอนามัยเรื่องสุขภัณฑ์ยังไม่มี  บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างยินดีทุกประเทศที่ไป หากพวกเธอก็ปฏิบัติพุทธกิจ เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ ไปถึงไหนก็จะมีคนยินดีต้อนรับเช่นกัน  บัดนี้เราจะต้องเผยแผ่ธรรมะแทนเบื้องบน ในสมัยก่อน เบื้องบนยังไม่โปรดประทานวิถีธรรมในหมู่สามัญชนทั่วไปอย่างกว้างขวางเช่นนี้ การเจริญภาวนา ทำสมาธิ  การสวดมนต์ทำวัตร การบูชานับถือในศาสนาต่าง ๆ เรียกว่า การปฏิบัติบำเพ็ญธรรมทั้งนั้น  " เราไม่ทำผิดศีลธรรม  สำรวมตนดี  แต่ไม่สร้างบุญบารมีฉุดช่วยผู้อื่นเลย  ชาติหน้าเกิดมาใหม่เราก็จะได้แต่เป็นคนดี  นั่นเป็นบุญวาสนาที่บำเพ็ญมาเพื่อตัวเอง"  บัดนี้ เบื้องบนได้ปรกโปรดฉุดช่วยอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ธรรมญาณทั้งหลาย ได้พ้นเวียนว่ายในทะเลทุกข์ ฉะนั้น จุดนี้เองทำให้เราได้รู้ว่าธรรมญาณของเรากำเนิดมาแต่เบื้องบน เรารู้ชัดในหนทางที่จะกลับคืนสู่เบื้องบนแล้ว เราจะต้องเดินไปเอง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  เรากราบวิงวอน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดคุ้มครองรักษา ท่านรับรองเราไม่ได้ชีวิตของเรา เราต้องช่วยเอง ใครก็ช่วยเราไม่ได้  เมื่อวานนี้ ได้พูดที่ที่ทำการเทศบาลแล้วว่าเราจะต้องมีจิตสำนึกขอบคุณทุกคนอยู่ทุกเมื่อ  (หลายคนในที่ประชุม ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม) เราได้พบกัน ก็คือมีบุญสัมพันธ์ต่อกัน ถ้าได้รับวิถีธรรมแล้วไม่บำเพ็ญ ก็เปล่าประโยชน์ ได้รับแล้วจะต้องบำเพ็ญ จะต้องปฏิบัติ ฯ  ภายหน้าจึงจะบรรลุ ฯ  ได้อย่างเดียวกับพระผู้มีภาค ฯ  ซึ่งได้รับวิถีธรรมจากพระทีปังกรพุทธเจ้า และบำเพ็ญจนบรรลุ ฯ ในคัมภีร์วัชรสูตรบัมทึกไว้ชัดเจน  พระองค์ฉุดช่วยเวไนยสัตว์ พระองค์จึงได้บรรลุ ฯ แต่ถ้าหากบวชเรียนบำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นเฉพาะตัว ก็จะไม่บรรลุ  เราได้พบกันมีบุญสัมพันธ์ต่อกัน  มนุษย์ในโลกล้วนกำเนิดมาจากพระองค์ธรรมเบื้องบนด้วยกัน  พระเยซูเรียกพระองค์เบื้องบนว่า "พระผู้เป็นเจ้า"  ในคัมภีร์เขียนว่า "พระยโฮวา"  พระผู้สร้าง  พระผู้กำหนดกำเนิด  ในหนังสือจีนบันทึกว่า "พระอนุตตรธรรมเจ้าแห่งธรรมญาณทั้งมวล ฯ"  คำนี้เคยอ่านพบมานานนักหนาแล้ว  แต่ไม่รู้ธรรมญาณในตัวเอง  ฉะนั้น แม้ไม่รู้จุดนี้ ไม่มีทางบรรลุ  เรามักจะกล่าวว่า ขาดอยู่จุดเดียว  ในคัมภีร์ก็บันทึกว่า :  เจนจบหมื่นพันคัมภีร์ศาส์น ไม่สู้พระวิสุทธิอาจารย์ประทานจุด"       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                            กล่าวปฏิสันถาร

                                    ในโอกาสเปิดพุทธสถานข่งเมี่ยว

        ได้มาถึงบ้านเมืองของท่าน  ขอบคุณทุกฝ่ายให้การต้อนรับอย่างยินดี  ขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ,  ท่านรองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ท่านผู้มีเกียรติมากมาย ได้มาเป็นแขกในพิธีนี้  ในที่นี้  ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ของพระธรรมาจารย์ พระธรรมจาริณี  เราทุกคนได้ตั้งปณิธานแล้วว่าจะเผยแผ่วิถีธรรมไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  เบื้องบได้โปรดบัญชาให้ฉุดช่วยสาธุชนชายหญิงทั่วไปในโลกนี้อย่างกว้างขวาง  ข้าพเจ้ามาเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ได้เห็นความเจริญของงานธรรมะ ดียิ่งขึ้นทุกปี และบัดนี้ก็ได้สร้างพุทธสถานข่งเมี่ยวนี้ขึ้นอีก  ทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีศาสนาประจำชาติ แต่บางศาสนาก็มีเรื่องพิพาทบาดหมางกัน  ศาสนาปราชญ์ของท่านขงจื้อ เป็นที่ยอมรับของทุกศาสนา เบื้องบนจึงได้โปรดบัญชา ให้ศาสนาปราชญ์สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกนี้  เราบำเพ็ญธรรมะ จะต้องเริ่มจากมนุษยธรรมก่อน หลักปรัชญาชีวิตของท่านขงจื้อ เริ่มจากการคุมใจให้ตรง สำรวมกายให้ถูกต้อง ตนเองเที่ยงตรงแล้วจึงส่งเสริมผู้อื่นได้  อย่างเดียวกับที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "รู้จักตัวตน จึงรู้จักผู้อื่น"  หลักธรรมเป็นอย่างเดียวกัน  เราได้มาชุมนุมกัน ณ ที่นี้วันนี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนและพระบารมีธรรมแห่งพระอาจารย์ หากทุก ๆ คนมีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน โลกจะเกิดสันติสุขได้เอง   วันนี้เวลามีค่า ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติ ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์กันต่อไป  ขอบคุณทุก ๆ คน 
        ก่อนกราบอาราธนาพระอนุตตรธรรมเจ้า  ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน โปรดให้โอวาท  :  พระวิสุทธิอาจารย์แห่งยุค อุบัติมาโปรดสัตว์ถ่ายทอดวิถีธรรม เมื่อสิ้นยุคของพระองค์ไป ที่เหลือไว้ก็จะเป็นเพียงคำสอน เป็นเพียงศาสนา  เรามาทันโอกาสนี้พอดี จึงหวังว่าคนที่ตั้งใจจะสร้างบุญกุศล จะได้ตั้งความมุ่งมั่นก้าวไปโดยไว  แต่หากใครไม่มีความมุ่งมั่นนี้ ก็ขอให้รักษาปณิธานของตนไว้ให้มั่นคง  หากผิดต่อสัจปณิธาน จะมีโทษต่อฟ้าดิน  " เราได้รับวิถีธรรมแล้ว จารึกชื่อไว้ในบัญชีเบื้องบนแล้ว หากผิดต่อพระอาจารย์ หลงไปกราบไหว้นอกลู่นอกทาง ชื่อของเราที่จารึกไว้เบื้องบนจะถูกลบล้างไป  จะไม่นับว่าเราเป็นศิษย์ของพระพุทธจี้กงอีกต่อไป "  พระอาจารย์ของเราได้ดปรดกำชับไว้ ก็สองประโยคนี้คือ  หากเราไม่มีความมุ่งมั่นจะปฏิบัติพุทธกิจงานธรรม ก็จงรักษาปณิธานไว้ให้มั่นคง เพื่อพาตนให้พ้นจากมหันตภัยในกลียุคนี้  แต่หากใคร หวังจะบรรลุความเป็นพระพุทธะ เป็นอริยปราชญ์นั่นเป็นเรื่องของตนเอง ที่จะต้องไปปฏิบัติจึงจะบรรลุได้  ถ้าเราดีแต่มีความเชื่อในธรรมะ เท่านี้บรรลุไม่ได้  วันนี้ ได้มาเปิดพุทธสถานข่งเมี่ยว ทำพิธีเบิกพระเนตรอาราธนาพระ ฯ  ได้ใช้โอกาสและสถานที่นี้สร้างธรรมนาวา ถวายแด่พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรม  เราทุกคนไดมาชุมนุมกัน ณ ที่นี้บัดนี้จะกราบอาราธนาพระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทับ ฯ ประทานพระอักษรโอวาท  ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ อากาศจะร้อนสักหน่อย ผ่านไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสนี้อีก  ขอให้ทุกคนรักษาค่าแห่งบูญวาระนี้ไว้ให้ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                              โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                           ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอนุตตรธรรม

                                              โดย นายสมพร เทพสิทธา

                                รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

        การเดินทางไปศึกษาดูงานเรื่องศาสนาและวัฒนธรรมที่ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 3 - 11  พฤศจิกายน 2532  ได้รับความรู้และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์หลายประการ ได้มีโอกาสพบปะสนทนากับผู้นำระดับสูงของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวันถึง 4 ท่านคือ ท่านเหล่าเฉียนเหยิน  ซึ่งเป็นผู้นำอาวุโส อายุ 90 ปีท่านเฉินเฉียนเหยิน อายุ 75 ปี แห่งสำนักธรรมหลินอิ่นซื่อ   ท่านจางเฉียนเหยิน อายุ 80 ปี แห่งสำนักธรรมเหยินหยวนกง   เฉียนเหยินอีก 1 ท่าน  ที่ไม่ได้พบคือ ท่านเฉินต้ากู   ซึ่งเป็นเฉียนเหยิน แห่งสำนักธรรมหมิงซันซื่อ   เมื่อคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ เดินทางไปเยือนสำนักธรรมแห่งนี้  ท่านเฉินต้ากู ไปต่างประเทศ  จึงไม่มีโอกาสได้พบ นอกจากนี้ ยังได้พบปะรู้จักกับอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมะ (เตี่ยนฉวนซือ)  อาจารย์ผู้บรรยายธรรมะ (เจี่ยงซือ)  และญาติธรรม (เต้าชิง)  อีกหลายท่าน  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน   ท่านเฉียนเหยิน   และบรรดาญาติธรรม  ได้ให้การต้อนรับและการดูแลคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพและความเอาใจใส่อย่างดียิ่ง ตลอดระยะเวลาที่อยู่ไต้หวัน เมื่อเวลารับประทานอาหาร  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน  ท่านเฉียนเหยิน  และญาติธรรมจะคอยตักอาหารและบริการพวกเราตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าพวกเราชอบรสเผ็ด ก้อุตสาห์หาพริกมาไว้บนโต๊ะอาหารอาหารที่รับประทานทุกมื้อก็ทำโดยอาสาสมัครที่เป็นญาติธรรม  ผู้ที่มาเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะก็เป็นอาสาสมัคร  อาสามสมัครหลายคนได้ลางานมาเพื่อบริการและติดตามดูแลคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  บางคนเป็นถึงนายแพทย์  โดยเฉพาะอาจารย์ หลัน ซิวนี่  ได้เอารถยนต์ส่วนตัวมาให้ใช้ เป็นผู้ขับรถยนต์เอง  และยังช่วยออกเงินค่าใช้จ่ายในการต้อนรับคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน   ท่านเฉียนเหยิน   และญาติธรรม  ที่เป็นผู้นำล้วนเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม ที่น่าเคารพนับถือ เป็นผู้ปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมะด้วยความเสียสละ และด้วยปณิธานอันมั่นคง ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้ได้พบสัจธรรม พ้นจากความทุกข์และภัยพิบัติ ช่วยสังคม และโลก ให้ได้รับสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะท่านเหล่าเฉียนเหยิน แม้จะมีอายุถึง 90 ปี ก็ยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และยังปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง เป็นผู้ทรงคุณวุติ และทรงคุณธรรมที่ควรแก่การเคารพยกย่อง  เป็นผู้สุภาพอ่อนโยน และเปียมไปด้วยเมตตากรุณา  แม้ท่านจะอยู่ในตำแหน่งที่สูง เป็นประมุขสูงสุดของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวัน เป็นผู้ที่สูงด้วยคุณวุติ และวัยวุติ เป็นที่เคารพยกย่องอย่างสูงจากบรรดาผู้บำเพ็ญธรรมทั้งในไต้หวันและประเทศต่าง ๆ แต่ท่านก็เป็นสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ถือว่าตนเป็นคนพิเศษหรือวิเศษกว่าคนอื่น ทั้งที่ท่านเป็นผู้นำทางจิตใจ และทางวิญญาณ ที่สำคัญคนหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบันนี้ แต่ท่านไม่ได้ประชาสัมพันธ์ตนเองเหมือนกับผู้นำคนอื่น   ในการเดินทางไปไต้หวันในครั้งนี้ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสำนักธรรม เหยินไอ้จือเจีย (บ้านเมตตาธรรม)  ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวัน ตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางธรรมชาติที่สงบสวยงาม แวดล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้  มีอากาศและน้ำจากภูเขาที่บริสุทธิ์ มีอาคารที่ใหญ่โตสร้างอย่างวิจิตรพิสดาร  ประกอบด้วยห้องไหว้พระ  ห้องประชุม  ห้องทำงาน  ห้องพัก  ใช้เงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาทเงินจำนวนนี้ได้มาจากการบริจาคของญาติธรรมทั้งหมด  อนุตตรธรรมถือการไหว้พระเป็นกิจวัตรรที่ำสำคัญที่ขาดไม่ได้ จะต้องมีพิธีไหว้พระตอนเช้า  ตอนค่ำ  ก่อนการรับประทานอาหาร  ก่อนการบรรยาย  ก่อนจะจากสำนักธรรมไปก็ต้องไหว้พระ และเมื่อมาถึงสำนักธรรม ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ดึกเพียงใด ก็จะต้องไหว้พระก่อน และจะต้องกราบลงไปกับพื้น 19 ครั้ง กราบคารวะอนุตตรธรรม 5 ครั้ง  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก  3 ครั้ง  พระศรีอริยเมตตรัย 3 ครั้ง พระโพธิสัตว์กวนอิม  1 ครั้ง  พระอาจารย์จี้กง 1 ครั้ง  พระโพธิสัตว์จันทรา 1 ครั้ง  พระอาจารย์ 1 ครั้ง  พระอาจาริณี 1 ครั้ง  อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม 1 ครั้ง  และนักธรรมอาวุโส 1 ครั้ง  ประโยชน์ที่สำคัญที่ได้รับจากการเดินทางมาไต้หวัน ครั้งนี้คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำสอนของอนุตตรธรรมและโอวาทของท่านเหล่าเฉียนเหยิน และท่านเฉียนเหยิน  คำสอนของอนุตตรธรรมมาจากศาสนาที่สำคัญ 3 ท่านคือ พระพุทธเจ้า   ท่านขงจื้อ   และท่านเล่าจื้อ  อนุตตรธรรมไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นวิถีธรรม (เทียนเต้า)  ที่นำไปสู่นิพพาน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ความเป็นพุทธะมีอยู่ในทุกคน จึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะรับธรรมะ และปฏิบัติธรรม เพื่อชำระจิตใจให้สะอาด การนับถือศาสนาเพียงแต่สวดมนต์ ถ้าไม่ทำความดี ก้ไม่มีทางที่จะสำเร็จ  รัตนะ 3 ประการของอนุตตรธรรมคือ ญาณทวาร  รหัสคาถา  และลัญจกร  ญาณทวารคือประตูทวารที่ธรรมญาณผ่านเข้าออกเพื่อกลับคืนสู่นิพพาน รหัสคาถา คือสัจจคาถาที่ถ่ายทอดจากปากสู่จิต ลัญจกรคือสัญญลักษณ์ตราประทับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นหลักฐานของผู้ที่ได้รับวิถีอนุตตรธรรม  อนุตตรธรรมมีความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก เป็นต้นกำเนิดของความดีงาม เป็นคุณธรรมสำนึกที่ควรปฏิบัติรักษาเป็นสำคัญ ที่คนจะขาดเสียมิได้ขาดความกตัญญูเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีราก  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน ได้ให้โอวาทที่มีคุณค่าหลายประการ อาทิ ประเทศชาติมีหลักที่ประชาชน ประชาชนมีหลักที่ใจ ศีลธรรมและวัฒนธรรมจึงเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ ธรรมะอยู่ที่ตัวของเราเอง อยู่ในบ้านของเรา การปฏิบัติธรรม จึงต้องเริ่มจากตัวเราเองและครอบครัวของเรา จุดมุ่งหมายของอนุตตรธรรมคือทำให้ทั้งโลกเป็นครอบครัวเดียวกัน ประชาชนของประเทศต่าง ๆ มีความรักใคร่กันอยู่กันด้วยความสงบปราศจากสงคราม  มีประชาชนในไต้หวันจำนวนหลายล้านคน ได้รับวิถีอนุตตรธรรม รวมทั้งเยาวชน นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจ  นักอุตสาหกรรม  อนุตตรธรรมได้มีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวไต้หวันให้ดีขึ้น ช่วยทำให้สังคมและเศรษฐกิจของไต้หวันมีความเจริญรุ่งเรือง  อนุตตรธรรมได้เผยแผ่ไปยังประเทศต่าง ๆ  ทั้งในเอเชีย  ยุโรป  และอเมริกา  รวมทั้งประเทศไทย  โดยมีความมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนของประเทศต่าง มีความรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ต้องการที่จะให้สังคมและโลกซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความขัดแย้ง มีสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง   คำสอนของอนุตตรธรรมส่วนใหญ่สอดคล้องกับพระพุทธศาสนา เข้ากันได้ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน พระพุทธศาสนาและอนุตตรธรรมจึงอาจจะร่วมมือและประสานงานกัน ในการพัฒนาจิตใจของคนให้สูงขึ้น  พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น  พัฒนาสังคมให้มีความสงบเรียบร้อย   พัฒนาประเทศให้มีความเจริญและมั่งคั่ง  และสร้างโลกที่เต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง ให้เป็นโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นโลกที่มีสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง สภาสังคมสงเคราะห์ อาจจะร่วมมือกับวงการอนุตตรธรรมในไต้หวันและในประเทศไทย ในการร่วมมือกัน เพื่อเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาและคำสอนของอนุตตรธรรม ใน 2 โครงการคือ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น และ โครงการพัฒนาตามอุดมการ์แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ซึ่งถือการพัฒนาจิตใจเป็นรากฐานที่ำสำคัญ  โดยอาจจะร่วมมือกันในการอบรมเยาวชนและประชาชน  ในการฝึกอบรมบุคลากรหรือวิทยากรด้านการพัฒนาจิตใจ และ การเผยแพร่แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง  และ ในการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาจิตใจ     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                          โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                                ผู้เฒ่าน้ำใส

                                          ฝากเตือนบัณฑิตคนดี

ขอบอกกล่าวเหล่าบัณฑิตคนดี

        เหลือเวลากี่ปีบำเพ็ญอยู่
ตั้งจุดหมายงานธรรมมุ่งมั่นรู้
        เป็นงานคู่ชีวิตไว้ให้แบกมา
ภารกิจปณิธานอย่าลืมได้
        ชีวิตใช่ละครเล่นเกมหรรษา
ไม่นานแล้วโลกวุ่นวายคล้ายโลกบ้า
        ทุกชีวาสรรพสิ่งถูกทำลาย
คนดีได้รับธรรมจะพ้นภัย
        สร้างบาปไว้ตกนรกเป็นแม่นหมาย
เมื่อดีชั่วแบ่งแยกแล้วแต่ละราย
        จะเกิดกายอริยองค์ลงปกครอง
ทุกประเทศทั่วโลกฟังบัญชา
        ทุกศาสนารวมเป็นหนึ่งไม่มีสอง
อนุตตรธรรมคำสอนปราชญ์จะรวมพ้อง
        ชนทั้งผองทั่วโลกล้วนศรัทธา
หลังคริสต์ศักราชสองพันครันครบ
        ทั่วพิภพประเทศจีนนำหน้า
ถึงคราวที่ผู้นำธรรมอาวุโสได้เวลา
        เป็นสง่าหน้าชื่นได้รื่นเริง
โลกถูกจัดแต่งใหม่ให้สันติสุข
        สร้างสรรค์ทุกทัศนะใหม่ได้เฉลิม
เสมอภาคทั่วโลกเห็นเป็นประเดิม
        ทุกชาติเสริมคัดเมธีอริยา
พระวิสุทธีมีบุญประทับอาสน์
        จะประกาศผลบุญใครได้ยศฐา ฯ
งานใหญ่ "หลงฮว๋า" เลือกพุทธา
        แต่งตั้งอริยาบันทึกหมายในธรรมกาล
ยุคขาวเกณฑ์กัลป์ภัยได้กำหนด
        เพียรธรรมหมด  *เหล่า  "ห้า"  "สี่"  คืนที่ฐาน
เพียรธรรมแท้ทำแน่เป็นเมธาจารย์
        น่าสงสารผู้เสแสร้งจำแลงใจ
บรรลุธรรมเป็นศักดิ์ศรีแก่บรรพบุรุษ
        สวยประดุจประดับนางงามสดใส
อีกลูกหลานได้รับบุญต่อ ๆ ไป
        เป็นบุญใหญ่เสวยสุขหมื่นกว่าปี
เราผู้เฒ่าพยากรณ์ไว้ให้พิเคราะห์
        ถึงเวลาเกิดจำเพาะเป็นสักขี
ใครผ่านเกณฑ์กัลป์ภัยไปครั้งนี้
        ทุกชีวีจะอยู่อย่างพระพุทธา

                            ผู้เฒ่าน้ำใส

                    ฤดูหนาว  ปีจอ  ณ  ฝูซันยงเอวี้ยน

หมายเหตุ  :  " ห้าเหล่า "  คือ เหล่าฟ้า เหล่าคน, เหล่าป่าเขา, เช่น รุกขเทวดา, เหล่าคงคา,  เหล่าธรณี

 " สี่เหล่า "  คือ เทพ  พรหม  พุทธะ  อริยะ
                               
                                            ~ จบเล่ม ~     

Tags: