collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง  (อ่าน 22239 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
Re: โอวาทท่านธรรมอธิการ : คำแถลง
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: 28/09/2554, 15:40 »
โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                                    ได้โปรดสนทนาธรรม
                                       
                                          เมื่อมาถึงห้องรับรองพุทธสถานข่งเมี่ยว 

        เมื่อสามพันปีก่อน พระพุทธอริยะ ฯ  ล้วนแต่ปรกโปรดฉุดช่วยชาวโลก สมัยนั้นไม่มีการแบ่งแยกชัดเจนอย่างนี้ สมัยต่อมากลับกลายเป็นกิจของกลุ่มบุคคล จึงมีชื่อเรียกเป็นศาสนา  นิกาย  สาย  ลัทธิ  ชมรม ฯ  แต่ละศาสนา ก็เหมาะแต่ละขนบธรรมเนียมของที่นั้น ๆ จิตใจของคนก็ต่างกัน ฉะนั้น จึงรวมกันไม่ได้ บัดนี้ เบื้องบนได้โปรดฉุดช่วยทั่วโลก หมื่นพันศาสนาจะรวมไว้ในวิถีธรรมเดียวกัน  วิถีอนุตตรธรรม ไม่แบ่งแยกให้เป็นไปตามบุคคลหรือหมู่เหล่า  เมื่อเรารู้แจ้งในต้นตอชีวิตแล้วก็ควรดำเนินชีวิตไปตามวิถีธรรม เมื่อทุกคนทำตามหลักธรรม โลกก็จะเกิดสันติสุข  พระอริยเจ้าตรัสว่า "ปฏิบัติการนั้นขึ้นอยู่กับคน ส่วนผลนั้นอยู่ที่พระ ฯ เบื้องบน"  เราทุกคนได้แต่ตั้งใจทำให้เต็มกำลังของตน ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เพียงชั่วเวลาไม่กี่สิบปี ฉะนั้น การที่จะให้โลกเราดีได้ จึงไม่ใช่ทำให้สำเร็จในวันเดียว จะต้องค่อยเป็นค่อยไป ช่วงนี้การทะนุบำรุงเด็กวัยรุ่นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเขาจะเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งในวันข้างหน้า จะต้องปลูกเลี้ยงเขาให้ดี วันข้างหน้าจึงจะมีหวังในสิ่งที่ดี ฉะนั้นทุกท่านที่จะบำรุงเลี้ยงเด็กวัยรุ่นสำคัญที่สุด คือปลูกเลี้ยงพวกเขาให้มีมนุษย์ธรรมดี ทุกคนที่ทำงานนี้เท่ากับสร้างบุญกุศล มีบุญมีกุศลภายหน้าจึงจะไว้ชื่อในโลกนี้ได้ 
        ท่านรองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ  คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนว่า อยากให้พุทธสถานข่งเมี่ยว สร้างสถานสงเคราะห์คนชราไว้ด้วย 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                                   โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                            ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                                    ได้โปรดสนทนาธรรม
                                       
                                          เมื่อมาถึงห้องรับรองพุทธสถานข่งเมี่ยว 

        ท่านธรรมอธิการ ฯ โปรดตอบว่า เราดำเนินการส่งเสริมได้ สมัยนี้ต่างกับเมื่อก่อน ซึ่งเป็นสมัยของการเกษตร มีประเทศชาติจึงมีบ้าน  สมัยนี้อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า ทุกประเทศเป็นอย่างเดียวกัน สมัยนี้ลูก ๆ ของเราจะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน คนแก่ที่บ้านจึงขาดคนดูแล ฉะนั้น  เราจึงส่งเสริมสถานสงเคราะห์คนชรา ให้มีคนดูแลคนแก่โดยเฉพาะ  ท่านขงจื้อกล่าวไว้ว่า  "ให้เคารพคนแก่ ยกย่องปราชญ์บัณฑิต" สังคมปัจจุบันคนแก่ไม่มีใครสนใจ เราจะต้องสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่า ไม่มีคนแก่จะมีเขาได้อย่างไร  จะต้องเคารพคนแก่  ไม่มีบ้านเมืองจะมีสังคมได้อย่างไร เรายิ่งจะต้องเคารพผู้ปกครองบ้านเมือง เพราะท่านเป็นผู้ช่วยเหลือสังคม  คุณธรรมที่พระอริยะมอบไว้ให้ คือการแสดงออกซึ่งความเคารพจริงใจ ที่มีต่อทุกคนในโลก ทุก
คนมีความเคารพจริงใจต่อกัน โลกก็จะเกิดสันติภาพได้เอง  นี่เป็นหลักธรรมของความเป็นคน การริเริ่มโครงการสถานสงเคราะห์คนชราในประเทศไทยครั้งนี้ข้าพเจ้าจะช่วยเต็มที่ ญาติธรรมของเรายิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยกันคนละหนึ่งบาท หนึ่งล้านคนก็หนึ่งล้านบาทแล้ว  กำลังของคนหมู่มากจะสำเร็จได้ง่าย เปิดใจของเราเป็นคนแรก เราไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่บวกลบคูณหารเพื่อตัวเอง ให้ปลง เห็นความสมมุติของโลกนี้ แค่หลับตาลงก็ไม่มีอะไรแล้ว  ถ้าคนรู้แจ้งในหลักธรรมนี้ก็จะไม่มีความโลภ ถ้าไม่มีความโลภก็จะไม่โกรธเกลียดเคียดแค้นใคร โลกมนุษย์นี้ก็จะเป็นแดนสวรรค์ คนทั่วไปจะกลัดกลุ้มทุกข์ร้อนอย่างนี้  จะเห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น เรื่องนี้ไม่ถูก คนนั้นก็ไม่ดี  จิตใจของตัวเองก็จะกลัดกลุ้ม นั่นก็คือทะเลทุกข์  เฉพาะอย่างยิ่งสุภาพสตรี หัวหน้าครอบครัว ลูกเต้าจะดีหรือเลวอยู่ที่เรา ถ้าเราเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เขา ลูกที่เราเลี้ยงดูมาก็จะต้องดีแน่ ๆ นี่ก็คือคุณธรรม ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เราไหว้พระขอความอยู่เย็นเป็นสุข นั่นเรียกว่าศรัทธางมงาย พระพุทธอริยะล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เรา เรากราบไหว้พระเพราะเราจะเจริญรอยตามพระบาทของพระองค์ ถ้าเอาแต่จะกราบ วิงวอนขอให้พระองค์คุ้มครองรักษา ขอความร่มเย็นเป็นสุข ขอไม่ได้เลย  ถ้าเรามีจิตใจเป็นพุทธะ เราเองก็คือพระพุทธะ พระพุทธะไม่ได้อยู่ข้างนอก รูปบูชาตามวัดวาเหล่านั้นเป็นเพียงรูปสมมุติ  ในยุคนี้ เป็นกำหนดกาลพิเศษของสตรี  ครั้งพุทธกาลอัครสาวกของพระพุทะองค์ไม่มีสตรีเลย  เมธีศิษย์ขงจื้อก็ไม่มีสตรีเลย พวกเราล้วนแต่เป็นเทพพรหมมาเกิดใหม่ เบื้องบนได้ดปรดประทานวิถีอนุตตรธรรมมากอบกู้ หญิงชายให้ได้รับวิถีธรรมอย่างเดียวกัน  ดวงธรรมญาณไม่จำแนกหญิงชาย อย่างที่พระพุทธะตรัสว่า เป็นพุทะะภาวะอันเสมอภาค  ครั้งนี้ชายก็บรรลุธรรมได้ หญิงก็บรรลุได้ เราจะดูถูกตัวเองไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  บำเพ็ญธรรมคือบำเพ็ญจิต เราได้รับจุดนี้ ค้นพบตัวจริงของตนแล้ว รู้ว่าในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมุติ  ให้อาศัยสิ่งสมมุติบำเพ็ญธรรมแท้ ภายหน้าคืนสู่เบื้องบนไปเป็นตัวของตัวเองแท้ ๆ ไม่ใช่กายสังขารตัวนี้  ธรรมะเป็นสิ่งเสมอภาค ใครมีบุญหนุนนำก็มารับได้เอง ใครไม่มีบุญหนุนนำก้ไม่มา คนในศาสนาอื่น ๆ ก็เหมือนกัน มีทั้งคนศรัทธาเชื่อถือและไม่เชื่อถือ  ธรรมะนั้นครอบคลุมทุกศาสนา จุดนี้ก็คือธรรมะ  ธรรมะจุดนี้เป็นเจ้าชีวิตของเรา เรามีเจ้าชีวิตตัวจริงปกครองกายสังขารอยู่  ฟ้าเบื้องบมีพระผุ้เป็นเจ้าปกครอง  คนก็มีพระผู้เป็นเจ้าในตัวตนปกครอง  พระผู้เป็นเจ้าในตัวตนของเราก็คือชีวิตจริงเป็นจิตเดิมแท้ ที่รู้จักควบคุมให้กายเนื้อของเรามีมโนธรรมสำนึก รับผิดชอบต่อสังคม  เมื่อใดที่เจ้าชีวิตของเราไปพ้นจากกายสังขาร เนื้อเน่า ๆ แท่งนี้ก้ไม่มีประโยชน์อีกเลย ธรรมะจึงเป็นรากฐานของสรรพสิ่งทั้งมวล  ( ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานีได้เสริมรับด้วยความปิติธรรมว่า เป็นหลักธรรมที่สูงส่งจริง ๆ ) ความเป็นปกติธรรมดาที่สุด คือที่สุดของความสูงส่ง  (คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนว่า เวลาอยู่ใกล้ชิดท่าน ท่านได้โปรดอบรมแนะนำตลอดเวลาโปรดให้หัวใจที่อบอุ่นแก่เรา นอกจากหลักธรรมของการเป็นคนที่สมบูรณ์แล้ว จิตใจของเรายังได้รับความชุ่มชื่นอีกด้วย) เป็นเพราะบุญสัมพันธ์ที่เราเคยมีต่อกันมา คนอื่น ๆ ที่เขาไม่เห็นด้วย และที่เขาวิจารณ์ข้าพเจ้าก็มี  (คุณสมพร เทพสิทธา กราบเรียนอีกว่า ท่านพูดถูกเพราะคนมีดีมีชั่ว คนสว่างก็จะพบผู้มีคุณธรรม คนหลงก็จะพบกับความมืด  ซึ่งเขาจะไม่ได้พบท่านธรรมอธิการอย่างนี้)  ข้าราชการผู้ปกครองบ้านเมืองก็เหมือนกันมีทั้งคนด่าว่า มีทั้งคนชื่นชม มนุษย์มีความแตกต่างกันอย่างนี้  (คุณสมพร เทพสิทธา  กราบเรียนอีกว่า จะจดจำธรรมะของท่านธรรมอธิการไว้ คนทั่วไปเป็นคนหลง เหมือนตกอยู่ในน้ำ และไม่รู้ว่าตนจะจมน้ำตาย เราจึงมีหน้าที่ต้องฉุดช่วยเขา อย่างที่ท่านธรรมอธิการกล่าว) เมื่อก่อน ครั้งที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับวิถีธรรมก็เหมือนคนทั่วไป ทำทุกสิ่งเพื่อผลประโยชน์ตน เพื่อชื่อเสียงตน บัดนี้เข้าใจแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่ต้องการอะไรเลย ไปถึงไหนจึงมีแต่ผู้ยินดีต้อนรับ เอาละ ข้าพเจ้าจะไปทำพิธีอาราธนาพระ ฯ  ( ทุกคนในที่นั้นมีอาทิ  คุณประวิทย์ นิลวัชรมณี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุราษฏร์ธานี  คุณสมพร  เทพสิทธา  รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  พ.อ. (พิเศษ) ทองอินทร์ ดีธรรมะ  คุณจรัสพักตร์ วัฒนสิงหะ  ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัด  อาจารย์มานิตา การพิศิษฐ์ ฯลฯ  กล่าวขอบคุณ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                                            โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                                                  โอวาทจาก

                                                       ท่านธรรมอธิการหันเหลาเฉียนเหยิน

                                                     ก่อนทำพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธรูปบูชา

                                                             ณ  พุทธสถานข่งเมี่ยว

        เธอทำงานเขาก็เรียกว่าคนทำงาน ข้าพเจ้าอนุเคราะห์ผู้คน ฉุดช่วยชาวโลกทำพุทธกิจ ก็เป็นพระพุทธะ พระพุทธะล้วนต้องเป็นเมื่อมีชีวิตอยู่  วันนี้ทุกคนก็ได้เห็นข้าพเจ้าแล้ว  เมื่อแรกที่ข้าพเจ้าไปบุกเบิกแพร่ธรรมที่ไต้หวัน ข้าพเจ้ากวาดท่อน้ำล้างส้วมเอง ในครั้งนั้น การอนามัยเรื่องสุขภัณฑ์ยังไม่มี  บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างยินดีทุกประเทศที่ไป หากพวกเธอก็ปฏิบัติพุทธกิจ เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ ไปถึงไหนก็จะมีคนยินดีต้อนรับเช่นกัน  บัดนี้เราจะต้องเผยแผ่ธรรมะแทนเบื้องบน ในสมัยก่อน เบื้องบนยังไม่โปรดประทานวิถีธรรมในหมู่สามัญชนทั่วไปอย่างกว้างขวางเช่นนี้ การเจริญภาวนา ทำสมาธิ  การสวดมนต์ทำวัตร การบูชานับถือในศาสนาต่าง ๆ เรียกว่า การปฏิบัติบำเพ็ญธรรมทั้งนั้น  " เราไม่ทำผิดศีลธรรม  สำรวมตนดี  แต่ไม่สร้างบุญบารมีฉุดช่วยผู้อื่นเลย  ชาติหน้าเกิดมาใหม่เราก็จะได้แต่เป็นคนดี  นั่นเป็นบุญวาสนาที่บำเพ็ญมาเพื่อตัวเอง"  บัดนี้ เบื้องบนได้ปรกโปรดฉุดช่วยอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ธรรมญาณทั้งหลาย ได้พ้นเวียนว่ายในทะเลทุกข์ ฉะนั้น จุดนี้เองทำให้เราได้รู้ว่าธรรมญาณของเรากำเนิดมาแต่เบื้องบน เรารู้ชัดในหนทางที่จะกลับคืนสู่เบื้องบนแล้ว เราจะต้องเดินไปเอง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ  เรากราบวิงวอน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดคุ้มครองรักษา ท่านรับรองเราไม่ได้ชีวิตของเรา เราต้องช่วยเอง ใครก็ช่วยเราไม่ได้  เมื่อวานนี้ ได้พูดที่ที่ทำการเทศบาลแล้วว่าเราจะต้องมีจิตสำนึกขอบคุณทุกคนอยู่ทุกเมื่อ  (หลายคนในที่ประชุม ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม) เราได้พบกัน ก็คือมีบุญสัมพันธ์ต่อกัน ถ้าได้รับวิถีธรรมแล้วไม่บำเพ็ญ ก็เปล่าประโยชน์ ได้รับแล้วจะต้องบำเพ็ญ จะต้องปฏิบัติ ฯ  ภายหน้าจึงจะบรรลุ ฯ  ได้อย่างเดียวกับพระผู้มีภาค ฯ  ซึ่งได้รับวิถีธรรมจากพระทีปังกรพุทธเจ้า และบำเพ็ญจนบรรลุ ฯ ในคัมภีร์วัชรสูตรบัมทึกไว้ชัดเจน  พระองค์ฉุดช่วยเวไนยสัตว์ พระองค์จึงได้บรรลุ ฯ แต่ถ้าหากบวชเรียนบำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นเฉพาะตัว ก็จะไม่บรรลุ  เราได้พบกันมีบุญสัมพันธ์ต่อกัน  มนุษย์ในโลกล้วนกำเนิดมาจากพระองค์ธรรมเบื้องบนด้วยกัน  พระเยซูเรียกพระองค์เบื้องบนว่า "พระผู้เป็นเจ้า"  ในคัมภีร์เขียนว่า "พระยโฮวา"  พระผู้สร้าง  พระผู้กำหนดกำเนิด  ในหนังสือจีนบันทึกว่า "พระอนุตตรธรรมเจ้าแห่งธรรมญาณทั้งมวล ฯ"  คำนี้เคยอ่านพบมานานนักหนาแล้ว  แต่ไม่รู้ธรรมญาณในตัวเอง  ฉะนั้น แม้ไม่รู้จุดนี้ ไม่มีทางบรรลุ  เรามักจะกล่าวว่า ขาดอยู่จุดเดียว  ในคัมภีร์ก็บันทึกว่า :  เจนจบหมื่นพันคัมภีร์ศาส์น ไม่สู้พระวิสุทธิอาจารย์ประทานจุด"       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน

                                            กล่าวปฏิสันถาร

                                    ในโอกาสเปิดพุทธสถานข่งเมี่ยว

        ได้มาถึงบ้านเมืองของท่าน  ขอบคุณทุกฝ่ายให้การต้อนรับอย่างยินดี  ขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ,  ท่านรองประธานสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ท่านผู้มีเกียรติมากมาย ได้มาเป็นแขกในพิธีนี้  ในที่นี้  ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์ของพระธรรมาจารย์ พระธรรมจาริณี  เราทุกคนได้ตั้งปณิธานแล้วว่าจะเผยแผ่วิถีธรรมไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก  เบื้องบได้โปรดบัญชาให้ฉุดช่วยสาธุชนชายหญิงทั่วไปในโลกนี้อย่างกว้างขวาง  ข้าพเจ้ามาเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ได้เห็นความเจริญของงานธรรมะ ดียิ่งขึ้นทุกปี และบัดนี้ก็ได้สร้างพุทธสถานข่งเมี่ยวนี้ขึ้นอีก  ทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีศาสนาประจำชาติ แต่บางศาสนาก็มีเรื่องพิพาทบาดหมางกัน  ศาสนาปราชญ์ของท่านขงจื้อ เป็นที่ยอมรับของทุกศาสนา เบื้องบนจึงได้โปรดบัญชา ให้ศาสนาปราชญ์สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกนี้  เราบำเพ็ญธรรมะ จะต้องเริ่มจากมนุษยธรรมก่อน หลักปรัชญาชีวิตของท่านขงจื้อ เริ่มจากการคุมใจให้ตรง สำรวมกายให้ถูกต้อง ตนเองเที่ยงตรงแล้วจึงส่งเสริมผู้อื่นได้  อย่างเดียวกับที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "รู้จักตัวตน จึงรู้จักผู้อื่น"  หลักธรรมเป็นอย่างเดียวกัน  เราได้มาชุมนุมกัน ณ ที่นี้วันนี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบนและพระบารมีธรรมแห่งพระอาจารย์ หากทุก ๆ คนมีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน โลกจะเกิดสันติสุขได้เอง   วันนี้เวลามีค่า ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติ ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์กันต่อไป  ขอบคุณทุก ๆ คน 
        ก่อนกราบอาราธนาพระอนุตตรธรรมเจ้า  ท่านธรรมอธิการหันเหล่าเฉียนเหยิน โปรดให้โอวาท  :  พระวิสุทธิอาจารย์แห่งยุค อุบัติมาโปรดสัตว์ถ่ายทอดวิถีธรรม เมื่อสิ้นยุคของพระองค์ไป ที่เหลือไว้ก็จะเป็นเพียงคำสอน เป็นเพียงศาสนา  เรามาทันโอกาสนี้พอดี จึงหวังว่าคนที่ตั้งใจจะสร้างบุญกุศล จะได้ตั้งความมุ่งมั่นก้าวไปโดยไว  แต่หากใครไม่มีความมุ่งมั่นนี้ ก็ขอให้รักษาปณิธานของตนไว้ให้มั่นคง  หากผิดต่อสัจปณิธาน จะมีโทษต่อฟ้าดิน  " เราได้รับวิถีธรรมแล้ว จารึกชื่อไว้ในบัญชีเบื้องบนแล้ว หากผิดต่อพระอาจารย์ หลงไปกราบไหว้นอกลู่นอกทาง ชื่อของเราที่จารึกไว้เบื้องบนจะถูกลบล้างไป  จะไม่นับว่าเราเป็นศิษย์ของพระพุทธจี้กงอีกต่อไป "  พระอาจารย์ของเราได้ดปรดกำชับไว้ ก็สองประโยคนี้คือ  หากเราไม่มีความมุ่งมั่นจะปฏิบัติพุทธกิจงานธรรม ก็จงรักษาปณิธานไว้ให้มั่นคง เพื่อพาตนให้พ้นจากมหันตภัยในกลียุคนี้  แต่หากใคร หวังจะบรรลุความเป็นพระพุทธะ เป็นอริยปราชญ์นั่นเป็นเรื่องของตนเอง ที่จะต้องไปปฏิบัติจึงจะบรรลุได้  ถ้าเราดีแต่มีความเชื่อในธรรมะ เท่านี้บรรลุไม่ได้  วันนี้ ได้มาเปิดพุทธสถานข่งเมี่ยว ทำพิธีเบิกพระเนตรอาราธนาพระ ฯ  ได้ใช้โอกาสและสถานที่นี้สร้างธรรมนาวา ถวายแด่พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรม  เราทุกคนไดมาชุมนุมกัน ณ ที่นี้บัดนี้จะกราบอาราธนาพระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทับ ฯ ประทานพระอักษรโอวาท  ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ อากาศจะร้อนสักหน่อย ผ่านไปแล้วก็จะไม่มีโอกาสนี้อีก  ขอให้ทุกคนรักษาค่าแห่งบูญวาระนี้ไว้ให้ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                              โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                           ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับอนุตตรธรรม

                                              โดย นายสมพร เทพสิทธา

                                รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย

        การเดินทางไปศึกษาดูงานเรื่องศาสนาและวัฒนธรรมที่ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 3 - 11  พฤศจิกายน 2532  ได้รับความรู้และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์หลายประการ ได้มีโอกาสพบปะสนทนากับผู้นำระดับสูงของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวันถึง 4 ท่านคือ ท่านเหล่าเฉียนเหยิน  ซึ่งเป็นผู้นำอาวุโส อายุ 90 ปีท่านเฉินเฉียนเหยิน อายุ 75 ปี แห่งสำนักธรรมหลินอิ่นซื่อ   ท่านจางเฉียนเหยิน อายุ 80 ปี แห่งสำนักธรรมเหยินหยวนกง   เฉียนเหยินอีก 1 ท่าน  ที่ไม่ได้พบคือ ท่านเฉินต้ากู   ซึ่งเป็นเฉียนเหยิน แห่งสำนักธรรมหมิงซันซื่อ   เมื่อคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ เดินทางไปเยือนสำนักธรรมแห่งนี้  ท่านเฉินต้ากู ไปต่างประเทศ  จึงไม่มีโอกาสได้พบ นอกจากนี้ ยังได้พบปะรู้จักกับอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมะ (เตี่ยนฉวนซือ)  อาจารย์ผู้บรรยายธรรมะ (เจี่ยงซือ)  และญาติธรรม (เต้าชิง)  อีกหลายท่าน  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน   ท่านเฉียนเหยิน   และบรรดาญาติธรรม  ได้ให้การต้อนรับและการดูแลคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพและความเอาใจใส่อย่างดียิ่ง ตลอดระยะเวลาที่อยู่ไต้หวัน เมื่อเวลารับประทานอาหาร  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน  ท่านเฉียนเหยิน  และญาติธรรมจะคอยตักอาหารและบริการพวกเราตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าพวกเราชอบรสเผ็ด ก้อุตสาห์หาพริกมาไว้บนโต๊ะอาหารอาหารที่รับประทานทุกมื้อก็ทำโดยอาสาสมัครที่เป็นญาติธรรม  ผู้ที่มาเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะก็เป็นอาสาสมัคร  อาสามสมัครหลายคนได้ลางานมาเพื่อบริการและติดตามดูแลคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  บางคนเป็นถึงนายแพทย์  โดยเฉพาะอาจารย์ หลัน ซิวนี่  ได้เอารถยนต์ส่วนตัวมาให้ใช้ เป็นผู้ขับรถยนต์เอง  และยังช่วยออกเงินค่าใช้จ่ายในการต้อนรับคณะผู้แทนสภาสังคมสงเคราะห์ ฯ  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน   ท่านเฉียนเหยิน   และญาติธรรม  ที่เป็นผู้นำล้วนเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม ที่น่าเคารพนับถือ เป็นผู้ปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมะด้วยความเสียสละ และด้วยปณิธานอันมั่นคง ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้ได้พบสัจธรรม พ้นจากความทุกข์และภัยพิบัติ ช่วยสังคม และโลก ให้ได้รับสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะท่านเหล่าเฉียนเหยิน แม้จะมีอายุถึง 90 ปี ก็ยังมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และยังปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง เป็นผู้ทรงคุณวุติ และทรงคุณธรรมที่ควรแก่การเคารพยกย่อง  เป็นผู้สุภาพอ่อนโยน และเปียมไปด้วยเมตตากรุณา  แม้ท่านจะอยู่ในตำแหน่งที่สูง เป็นประมุขสูงสุดของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวัน เป็นผู้ที่สูงด้วยคุณวุติ และวัยวุติ เป็นที่เคารพยกย่องอย่างสูงจากบรรดาผู้บำเพ็ญธรรมทั้งในไต้หวันและประเทศต่าง ๆ แต่ท่านก็เป็นสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ถือว่าตนเป็นคนพิเศษหรือวิเศษกว่าคนอื่น ทั้งที่ท่านเป็นผู้นำทางจิตใจ และทางวิญญาณ ที่สำคัญคนหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบันนี้ แต่ท่านไม่ได้ประชาสัมพันธ์ตนเองเหมือนกับผู้นำคนอื่น   ในการเดินทางไปไต้หวันในครั้งนี้ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสำนักธรรม เหยินไอ้จือเจีย (บ้านเมตตาธรรม)  ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงการอนุตตรธรรมในไต้หวัน ตั้งอยู่บนเขาท่ามกลางธรรมชาติที่สงบสวยงาม แวดล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้  มีอากาศและน้ำจากภูเขาที่บริสุทธิ์ มีอาคารที่ใหญ่โตสร้างอย่างวิจิตรพิสดาร  ประกอบด้วยห้องไหว้พระ  ห้องประชุม  ห้องทำงาน  ห้องพัก  ใช้เงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาทเงินจำนวนนี้ได้มาจากการบริจาคของญาติธรรมทั้งหมด  อนุตตรธรรมถือการไหว้พระเป็นกิจวัตรรที่ำสำคัญที่ขาดไม่ได้ จะต้องมีพิธีไหว้พระตอนเช้า  ตอนค่ำ  ก่อนการรับประทานอาหาร  ก่อนการบรรยาย  ก่อนจะจากสำนักธรรมไปก็ต้องไหว้พระ และเมื่อมาถึงสำนักธรรม ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ดึกเพียงใด ก็จะต้องไหว้พระก่อน และจะต้องกราบลงไปกับพื้น 19 ครั้ง กราบคารวะอนุตตรธรรม 5 ครั้ง  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก  3 ครั้ง  พระศรีอริยเมตตรัย 3 ครั้ง พระโพธิสัตว์กวนอิม  1 ครั้ง  พระอาจารย์จี้กง 1 ครั้ง  พระโพธิสัตว์จันทรา 1 ครั้ง  พระอาจารย์ 1 ครั้ง  พระอาจาริณี 1 ครั้ง  อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม 1 ครั้ง  และนักธรรมอาวุโส 1 ครั้ง  ประโยชน์ที่สำคัญที่ได้รับจากการเดินทางมาไต้หวัน ครั้งนี้คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคำสอนของอนุตตรธรรมและโอวาทของท่านเหล่าเฉียนเหยิน และท่านเฉียนเหยิน  คำสอนของอนุตตรธรรมมาจากศาสนาที่สำคัญ 3 ท่านคือ พระพุทธเจ้า   ท่านขงจื้อ   และท่านเล่าจื้อ  อนุตตรธรรมไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นวิถีธรรม (เทียนเต้า)  ที่นำไปสู่นิพพาน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ความเป็นพุทธะมีอยู่ในทุกคน จึงมีสิทธิเท่าเทียมกันในการที่จะรับธรรมะ และปฏิบัติธรรม เพื่อชำระจิตใจให้สะอาด การนับถือศาสนาเพียงแต่สวดมนต์ ถ้าไม่ทำความดี ก้ไม่มีทางที่จะสำเร็จ  รัตนะ 3 ประการของอนุตตรธรรมคือ ญาณทวาร  รหัสคาถา  และลัญจกร  ญาณทวารคือประตูทวารที่ธรรมญาณผ่านเข้าออกเพื่อกลับคืนสู่นิพพาน รหัสคาถา คือสัจจคาถาที่ถ่ายทอดจากปากสู่จิต ลัญจกรคือสัญญลักษณ์ตราประทับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นหลักฐานของผู้ที่ได้รับวิถีอนุตตรธรรม  อนุตตรธรรมมีความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก เป็นต้นกำเนิดของความดีงาม เป็นคุณธรรมสำนึกที่ควรปฏิบัติรักษาเป็นสำคัญ ที่คนจะขาดเสียมิได้ขาดความกตัญญูเหมือนต้นไม้ที่ไม่มีราก  ท่านเหล่าเฉียนเหยิน ได้ให้โอวาทที่มีคุณค่าหลายประการ อาทิ ประเทศชาติมีหลักที่ประชาชน ประชาชนมีหลักที่ใจ ศีลธรรมและวัฒนธรรมจึงเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ ธรรมะอยู่ที่ตัวของเราเอง อยู่ในบ้านของเรา การปฏิบัติธรรม จึงต้องเริ่มจากตัวเราเองและครอบครัวของเรา จุดมุ่งหมายของอนุตตรธรรมคือทำให้ทั้งโลกเป็นครอบครัวเดียวกัน ประชาชนของประเทศต่าง ๆ มีความรักใคร่กันอยู่กันด้วยความสงบปราศจากสงคราม  มีประชาชนในไต้หวันจำนวนหลายล้านคน ได้รับวิถีอนุตตรธรรม รวมทั้งเยาวชน นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจ  นักอุตสาหกรรม  อนุตตรธรรมได้มีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวไต้หวันให้ดีขึ้น ช่วยทำให้สังคมและเศรษฐกิจของไต้หวันมีความเจริญรุ่งเรือง  อนุตตรธรรมได้เผยแผ่ไปยังประเทศต่าง ๆ  ทั้งในเอเชีย  ยุโรป  และอเมริกา  รวมทั้งประเทศไทย  โดยมีความมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนของประเทศต่าง มีความรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ต้องการที่จะให้สังคมและโลกซึ่งเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความขัดแย้ง มีสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง   คำสอนของอนุตตรธรรมส่วนใหญ่สอดคล้องกับพระพุทธศาสนา เข้ากันได้ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน พระพุทธศาสนาและอนุตตรธรรมจึงอาจจะร่วมมือและประสานงานกัน ในการพัฒนาจิตใจของคนให้สูงขึ้น  พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น  พัฒนาสังคมให้มีความสงบเรียบร้อย   พัฒนาประเทศให้มีความเจริญและมั่งคั่ง  และสร้างโลกที่เต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง ให้เป็นโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นโลกที่มีสันติสุขและสันติภาพอย่างแท้จริง สภาสังคมสงเคราะห์ อาจจะร่วมมือกับวงการอนุตตรธรรมในไต้หวันและในประเทศไทย ในการร่วมมือกัน เพื่อเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาและคำสอนของอนุตตรธรรม ใน 2 โครงการคือ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น และ โครงการพัฒนาตามอุดมการ์แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ซึ่งถือการพัฒนาจิตใจเป็นรากฐานที่ำสำคัญ  โดยอาจจะร่วมมือกันในการอบรมเยาวชนและประชาชน  ในการฝึกอบรมบุคลากรหรือวิทยากรด้านการพัฒนาจิตใจ และ การเผยแพร่แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง  และ ในการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาจิตใจ     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                          โอวาทท่านธรรมอธิการ   

                                                ผู้เฒ่าน้ำใส

                                          ฝากเตือนบัณฑิตคนดี

ขอบอกกล่าวเหล่าบัณฑิตคนดี

        เหลือเวลากี่ปีบำเพ็ญอยู่
ตั้งจุดหมายงานธรรมมุ่งมั่นรู้
        เป็นงานคู่ชีวิตไว้ให้แบกมา
ภารกิจปณิธานอย่าลืมได้
        ชีวิตใช่ละครเล่นเกมหรรษา
ไม่นานแล้วโลกวุ่นวายคล้ายโลกบ้า
        ทุกชีวาสรรพสิ่งถูกทำลาย
คนดีได้รับธรรมจะพ้นภัย
        สร้างบาปไว้ตกนรกเป็นแม่นหมาย
เมื่อดีชั่วแบ่งแยกแล้วแต่ละราย
        จะเกิดกายอริยองค์ลงปกครอง
ทุกประเทศทั่วโลกฟังบัญชา
        ทุกศาสนารวมเป็นหนึ่งไม่มีสอง
อนุตตรธรรมคำสอนปราชญ์จะรวมพ้อง
        ชนทั้งผองทั่วโลกล้วนศรัทธา
หลังคริสต์ศักราชสองพันครันครบ
        ทั่วพิภพประเทศจีนนำหน้า
ถึงคราวที่ผู้นำธรรมอาวุโสได้เวลา
        เป็นสง่าหน้าชื่นได้รื่นเริง
โลกถูกจัดแต่งใหม่ให้สันติสุข
        สร้างสรรค์ทุกทัศนะใหม่ได้เฉลิม
เสมอภาคทั่วโลกเห็นเป็นประเดิม
        ทุกชาติเสริมคัดเมธีอริยา
พระวิสุทธีมีบุญประทับอาสน์
        จะประกาศผลบุญใครได้ยศฐา ฯ
งานใหญ่ "หลงฮว๋า" เลือกพุทธา
        แต่งตั้งอริยาบันทึกหมายในธรรมกาล
ยุคขาวเกณฑ์กัลป์ภัยได้กำหนด
        เพียรธรรมหมด  *เหล่า  "ห้า"  "สี่"  คืนที่ฐาน
เพียรธรรมแท้ทำแน่เป็นเมธาจารย์
        น่าสงสารผู้เสแสร้งจำแลงใจ
บรรลุธรรมเป็นศักดิ์ศรีแก่บรรพบุรุษ
        สวยประดุจประดับนางงามสดใส
อีกลูกหลานได้รับบุญต่อ ๆ ไป
        เป็นบุญใหญ่เสวยสุขหมื่นกว่าปี
เราผู้เฒ่าพยากรณ์ไว้ให้พิเคราะห์
        ถึงเวลาเกิดจำเพาะเป็นสักขี
ใครผ่านเกณฑ์กัลป์ภัยไปครั้งนี้
        ทุกชีวีจะอยู่อย่างพระพุทธา

                            ผู้เฒ่าน้ำใส

                    ฤดูหนาว  ปีจอ  ณ  ฝูซันยงเอวี้ยน

หมายเหตุ  :  " ห้าเหล่า "  คือ เหล่าฟ้า เหล่าคน, เหล่าป่าเขา, เช่น รุกขเทวดา, เหล่าคงคา,  เหล่าธรณี

 " สี่เหล่า "  คือ เทพ  พรหม  พุทธะ  อริยะ
                               
                                            ~ จบเล่ม ~     

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”