collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (1) หมายเหตุนำเรื่อง  (อ่าน 39950 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก       
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )   

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์พูดถูก ชาวโลกไม่เชื่อกฏแห่งกรรมว่าเข้มงวดกวดขันไม่พลาด คนฉลาดจึงมักพลาดเพราะความฉลาดของตน คิอว่าตายแล้วอยากถือป้ายสีขาว จิตใจสงบก็ต้องรักษาคุณธรรมความดี จึงจะมีหลักประกันไม่ต้องเจอเรื่องกฏแห่งกรรม

เซียนผู้ปกครองฯ  :  คำพูดสะท้อนใจระหว่างอาจารย์กับศิศย์นี้ หวังว่าชาวโลกจะสำนึกดีและทำตม   จากนี้ เราจะไปเยี่ยม ""ห้องพักวิญญาณคนบุญกัน""

อู้เอวี๋ยน  :  ห้องนี้กว้างใหญ่งดงามสงบเงียบ อุปกรณ์เครื่องใช้คล้ายกับห้องพักวิญญาณสามัญแต่บรรยากาศยิ่งสงบเยือกเย็นกว่า โต๊ะเก้าอี้มีลายวิจิตรจัดตั้งเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน  วิญญาณทุกตนถือป้ายสีเงิน ยิ้มแย้มสนทนากันอยุ่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ บ้างเล่นหมากรุกกัน บ้างอ่านหนังสือพระธรรมคัมภีร์ สีหน้าท่าทางสุขุม  บนหน้าขื่อคานภายในห้องมีกระดานแผ่นใหญ่ สลักอักษรคำว่า ""ห้องพักวิญญาณคนบุญ"" แขวนอยู่

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  วิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ล้วนมีอาการสงบเยือกเย็น เหนือศรีษะมีวงสว่างปรากฏอยู่ ซึ่งต่างกับวิญญาณที่อยู่ในห้องสามัญ บาปบุญคุณโทษของคนเราจะปรากฏเป็นวงสว่าง หรือ อับเฉาเหนือศรีษะ  วิญญาณในห้องนี้ได้ศรัทธาปฏิบัติธรรมกับวัดวาอารามสถานบุญ สวดมนต์ทำวัดเช้าเย็นอาบพุทธรัศมีกันมานาน พลังอับเฉา (อินซี่) ทีี่แฝงอยู่ในตัวจึงหมดไป อีกทั้งสร้างบุญทานบารมีหนุนเนื่อง พลังในกายจึงใส แล้วรวมตัวกันปรากฏเป็นวงสว่างเหนือศรีษะ  ผู้มีบุญกุศลมาก พลังจะสว่างใสสะอาด ส่วนบุญกุศลน้อยพลังก็จะกระจายและอับเฉาจึงกล่าวได้ว่า ""บุญเกิดพลังบุญ  บาปเกิดพลังบาป"" มองหน้าให้ดูราศี ก็จะรู้วาสนาชะตากรรมของผู้นั้น

พระอาจารย์ ฯ :  ""ไม่เห็นเมื่อแฝง          ไม่แสดงเมื่ออ่อน
                   ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา""

อู้เอวี๋ยนศิษย์รัก อาจารย์จะเสริมเจ้าด้วยน้ำอมฤตสามหยด ล้างฝุ่นโลกีย์ที่นัยน์ตาเพื่อดุการเปลี่ยนแปลงของ " พลัง " นั้นได้ละเอียด

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณขอรับพระอาจารย์  ชำระด้วยน้ำอมฤต นัยน์ตาของศิษย์สว่างขึ้นฉับพลันดังสายฟ้า เห็นทุกอย่างไม่มีอุปสรรคเลย

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เมธีอู้เอวี๋ยน นัยน์ตาของท่านขณะนี้คงได้ค้นพบอะไรในห้องนี้แล้วซิ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               ไม่เห็นความแฝง        ไม่แสดงความอ่อน
                             ใจเพียงไหวคลอน         พลังซ่อนก็ตามมา

                                                ตอนที่  2

                              ใต้ภูเขาหัวใจ     แฝงความนัย     อันล้ำลึก       
                           หญิงชายตรึก        นึกคิดเกิด        เปิดสามทาง
                ( จิตล้ำลึกบริสุทธิ์ จะถูกฉุดด้วยอารมณ์นึกคิดให้เวียนว่ายในสามโลก )   

อู้เอวี๋ยน  :  ขอรับ ในห้องมีชายชราคนหนึ่ง หนวดเคราขาวโพลน นั่งอ่านหนังสือพระธรรมอยู่ข้างประตู เหนือศรีษะปรากฏแสงสีขาวผืนหนึ่งสูงประมาณ 2-3 นิ้ว กระจายอยู่กว้าง ๆ โดยไม่รวมตัวเป็นวงกลม  ข้างซ้ายมือของชายชรา มีชายกลางคนอายุประมาณสี่สิบ มือถือป้ายสีเขียว สีหน้าหม่นหมอง เหนือศรีษะมีเงาพยับสีดำกระจายอยู่  แม่เฒ่าที่อยู่ข้างขวามือ หน้าตาใจดี กำลังนั่งสบาย ๆ อยู่ใต้หน้าต่าง บนหน้าผากปรากฏแสงสีขาวสองสายฉายออกมา ส่วนหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหนือศรีษะมีเงาพยับสีคล้ำจาง ๆ กระจายอยู่  ทั้งหมดที่พักอยู่ในห้องนี้ ต่างปรากฏพลังแสงและพยับสีต่างกัน เช่นสีของป้ายประจำตัว

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :   พลังแสงบนศรีษะของชายชรา คือ พลังกุศลผลบุญ  ยึดไตรสรณะในพุทธศาสนา มีศรัทธาน่าชื่นชม กุศลจิตยิ่งสูง บุญบารมียิ่งมาก พลังบุญยิ่งบริสุทธิ์ รัศมีบุญยิ่งเจิดจ้า   พลังบุญของชายชรา แม้จะเป็นแสงสีขาว แต่ครั้งมีชีวิต ""มิได้สร้างบุญด้วยการฉุดช่วยคนให้ได้รับธรรมะ ทานทั้งสามไม่ถึงพร้อม"" จึงเห็นแต่แสงสีขาว ยังไม่ปรากฏแสงสีแดง สีทอง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำงิน "พลังนี้ยังไม่เป็นพลังฉัพพรรณมงคล" จึงต้องมาอยู่ใน "ห้องพักวิญญาณคนบุญ" ไม่ถึงขั้นบรรลุอรหัตผลอุบลบัลลังก์เก้าระดับ (จิ่วผิ่นเหลียนไถ) วิญญาณอื่น ๆ ก็เช่นกัน ก็จะต้องฝึกฝนจนแสงทองแผ่รังสีเหนือศรีษะเป็นวงกลมเจิดจรัส อันเป็นรัศมีบุญอมตะ จึงจะสามารถยกระดับสู่อุบลบัลลังก์เก้าได้

พระอาจารย์ ฯ  :  อนุตตรภาวะจะไม่คงอยู่ หากผู้นั้นมิได้สูงส่งด้วยคุณงาม ผู้บำเพ็ญจึงอย่าเอาแต่เข้าฌาณนั่งเจริญภาวนาหาความดีเฉพาะตน   นอกจากได้รับรู้จิตญาณของตนจากพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำทางบำเพ็ญให้แล้ว ยังจะต้องสอดส่องให้ถึงพร้อมทั้งภายนอกภายใน (ช่วยตนช่วยคนอื่นด้วย) เข้าฌาณสมาธิด้วยการคุมจิตมิให้วุ่นวาย จึงอาจบรรลุอุบลบัลลังก์เก้าได้  ใน "พระสูตรเว่ยหล่าง" จารึกไว้ว่า "เกิดมานั่งไม่นอน ตายไปนอนไม่นั่ง กระดูกสังขารเน่าเหม็น บำเพ็ญมรรคผลอย่างไร" (ได้แต่นั่งเจริญภาวนาจนตายยังไม่รู้จักการสร้างมรรคผลที่แท้จริง)  ปราชญ์โบราณกล่าวว่า "ไม่มีอาจารย์ มิอาจกล่าวอ้างถึงพระอริยะ" ความหมายก้เช่นเดียวกัน  จากประวัติพระพุทธอริยะทั้งอดีตและปัจจุบันไม่มีเลยที่จะบรรลุโดยมิได้แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์  ดังนั้น ผู้บำเพ็ญจริงที่ใคร่พ้นเวียนว่ายมีหรือที่จะไม่สร้างคุณงาม พยายามแสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำ บัดนี้ ฟ้าเบิกดิถียุคขาวสว่าง (ซันหยังไคไท่) สัจธรรมสืบสายถ่ายทอดสู่ชาวโลกอย่างกว้างขวาง ผู้ไม่รู้กาลกำหนดฟ้ายังคงถือทิษฐิดื้อรั้น ไม่แสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์ชี้นำ เหมือนตาบอดบำเพ็ญจึงเข้าไม่ถึงสัจธรรม ไม่อาจกำหนดชีวิตจริง ผู้บำเพ็ญบุญเช่นนี้ แม้จะมากดั่งเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา แต่ไม่รู้แจ้งเห็นจิตภาวะแห่งตน ก็จะไม่เพียงเสวยสุขในชั้นเทวโลก มนุษยโลก หรือเป็นเทวะเจ้าที่ในสามโลกเท่านั้น  พระสูตรท่านเว่ยหล่างจารึกไว้ว่า "ไม่รู้จักจิตตน เรียนธรรมะไม่มีประโยชน์"  วันนี้เราได้มาชม ""ห้องพักวิญญาณคนบุญ"" วิญญาณเหล่านี้แม้จะทำบุญให้ทานสวดมนต์ไหว้พระ เรียนธรรมะบำเพ็ญ แต่พุทธจิตแห่งตนไม่อาจประจักษ์ แม้จะได้เสวยสุขเป็นชาวฟ้าแต่ยังห่างไกลจากการพ้นเวียนว่ายฯอีกมาก  หวังว่าชาวโลกผู้บำเพ็ญ เมื่อได้อ่านบันทึกฯเล่มนี้แล้ว ให้สำนึกพิจารณาจริง หมั่นบำเพ็ญเพียรที่ญาณบรรพตพระโพธิสัตว์ตน จะสามารถแปรเปลี่ยนกุศลผลบุญคุณงามความดีให้รวมเป็นวงกลมใสสว่าง เป็นโฉมหน้าแต่เดิมทีแวววาวของตน  คืนนี้หมดเวลาแล้ว ซึ่งได้รบกวนที่ทำการของท่านเซียนประกการใด ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย ต่อไปจะมาขอคำชี้แนะใหม่

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  เมื่อหมดเวลา ข้าพเจ้าก็มิอาจเชื้อเชิญไว้ แผนกที่ยังมิได้ชม ครั้งหน้าจะท่องต่อไป ขอน้อมส่งเพียงนี้

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์รัก หลับนัยน์ตาใจ ติดตามพระอาจารย์กลับตำหนักได้แล้ว ถึงพุทธสถาน วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม  ยี่สิบแปดเทพสถิตประจำดวงดาวติดตามเรากลับเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        สองจิตสองใจ        ทำการใดใด        ไปได้ลำบาก
แปดดี* พร้อมพรัก           รักษามนต์ใจ       ดังหฤทัยกัณฑ์ (แปดดี คือกตัญญู ปรองดองฯ จงรักฯ สัตย์จริงฯ จริยาฯ มโนธรรมฯ สุจริตฯ ละอายฯ)
ชาติก่อนวาสนา               พาบันดาลดล      ได้ผลอรหันต์
จิตใจสังขาร                   พร้อมกันสยบ      นบสงฆ์มุนี      (สงฆ์มุนี คือ ตนเป็นผู้ปฏิบัติดี)
                                                                                                                                                           เราคือ
        พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาว
สนองพระโองการพระแม่ ฯ สู่พุทธสถาน กราบพระพักตร์แล้วเรียงรายสองฝั่ง ปกป้องพุทธสถาน คุ้มกันร่างทรง ท่องเที่ยวบันทึกบททอง
                                                                                                                                                    ฮวา   ฮวา   พัก
        ช่วยชาวโลก        พาพ้นพิบัติภัย        ด้วยใจดั่งฟ้า
เที่ยงตรงทั่วหน้า           ชาวหล้ายอมรับ       นับถือถ้วนกัน  (พระ ฯ จี้กง)
ด้วยญาณนัยน์ตา          ทัศนาตื่นใจ            ในทุกสถาน    (ท่องพุทธาลัย)
พุทธบันดาล               ด้วยสัมพันธ์บุญ        หนุนนำสำเนียง
                                                                                                                                                           เราคือ
        พระพุทธจี้กงพระอาจารย์ของเจ้า
วันนี้ได้สนองพระโองการพระแม่ ฯ มาสู่ตำหนักพระกราบคารวะพระแม่ ฯ แล้ว จึงหันมาทางศิษย์ทั้งหลาย วันนี้พระตำหนักฟ้าจะสร้างอักษรทองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายร่วมคุ้มครอง คนและเบื้องบนร่วมพุทธสถาน ร่างทรงสำรวมการ น้อมฟังโวหาร มิให้อึงคะนึง
                                                                                                                                                    ฮา   ฮา   พัก 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        ไตรรัตน์เป็นวิถีแห่งจิตโดยแท้จริง (ซันเป่าซิน่ฝ่า) พุทธบุตรผู้ใดจะเข้าใจถ่องแท้ โดยไม่มีข้อแม้สงสัย หากไม่รักษาพุทธระเบีย จะได้แต่เพียงเลียบเคียงคาดเดา ไม่กระจ่างทางที่มาก็เสียเวลาคิดค้น ในตำนานพระศรีอาริย์ได้ขานไข กาลต่อไปกำหนดเก็บธรรมญาณ เป็นกำหนดกาลสร้างวิสุทธิแดนดิน ธรรมนาวายุคขาวสนองรับตามกำหนดฟ้า ชุมนุมพระอริยะครั้งที่สามงานหลงฮว๋า  ชุมนุมครั้งแรกเพื่อฉุดช่วยเหล่าสาวกเก้าพันหกร้อยล้านอรหันต์คืนสวรรค์  ชุมนุมครั้งต่อมาให้ตัดอวิชชาทะเลใหญ่ เก้าพันสี่ร้อยล้านสาวกได้ช่วยไปให้ได้ความรู้ความเป็นพุทธบุตรฟ้าฐานะตน  ครั้งที่สามงานหลงฮว๋าให้ควบคุมใจ จะช่วยไปอีกเก้าพันสองร้อยล้าน ให้บรรลุอมตะอรหันต์ บัดนี้พระพุทธะในชั้นดุสิต ต่างแบ่งพระภาคสู่โลกาด้วยมหาปณิธานเป็นวาระสำคัญอันแยบยลที่เบื้องบนแฝงความนัย พระวิสุทธิอาจารย์สนองงานเจตนาฟ้า กลับแบ่งพระภาคเกิดกายมา พาเรือเมตตาถ่ายทอดบทกลอนธรรม เที่ยวประกาศวิถีอริยะ ไม่ปฏิเสธความเหนื่อยยาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกสากลร่วมช่วยงานสำคัญ ต่างตั้งจิตปฏิญาณอวตารแบ่งภาคสู่โลกมนุษย์ แสดงอภินิหาริย์บุญญาฯ แตกกิ่งก้านสาขานำพาสาธุชนมากมาย ผู้ร่วมความมุ่งมั่น ร่วมบุญคุณงาม ร่วมรับถ่ายทอดสัจธรรม เป็นผู้นำธงชัยในแนวหน้า ด้วยพระบัญชาสร้างวิสุทธิ์แดนดิน ใครเลยที่รู้ว่าโลกมายาเป็นค่ายกล พุทธบุตรทุกคนพอเกิดเป็นตัวตน ปณิธานที่ตั้งไว้ก็มลายเป็นผงธุลี ชื่อลาภดังเมฆาดำเข้าครอบงำโฉมหน้า พุทธภาวะกลายเป็นอวิชชาไม่รู้ที่มาของตนเอง อันที่จริง การแพร่ธรรมก็เพื่อเปิดนำให้โลกเป็นบัวบานสันติ แต่ดูสิ บัดนี้เจ้าทั้งหลายกลับกลายแบ่งแยก พุทธบุตรต่างระงมตรมทรวง  เรา อาจารย์ของเจ้าเศร้าใจนัก พระอาจาริณีจื่อซี่สะอื้นไห้ พงศาธรรมแห่งยุคขาวเป็นโรคภัย ใครเลยช่วยเยียวยา พระแม่องค์ธรรมโปรดบัญชาจัดตั้งพุทธาลัย ในชั้นดุสิต สว่างใสคลายกังขา หวังว่าบันทึกการท่องทัศนาจะสำเร็จในเร็ววัน เพื่อสะกิดผู้นำธงชัย (คือ ผู้ที่ได้รับธรรมะก่อน เป็นผู้มีรากฐานบุญบารมีสูง เป็นผู้ศรัทธา) ให้รู้ความนัยของเหล่าพระพุทธา
                                                                                                                                                                         ไฮ  พัก

        ภาวะตัวจริงของคนเรา เป็นพลังว่างเปล่าอันศักดิ์สิทธิ์ กลมกลืน สว่างใส ไม่มีวัตถุลักษณะ จะแปดเปี้ยนได้อย่างไร จะต้องการหนทางปฏิบัติทำไมให้มากความ แต่เพราะตกสู่โลกโลกีย์ ยึดเห็นสิ่งที่มีรูปลักษณ์ ไม่อาจปลงตกจากตัวตน ทำให้ตถตาภาวะตัวจริง เหมือนดวงอาทิตย์ถูกเมฆบัง เหมือนแก้วมณีมีฝุ่นจับ จึงอับแสงไม่แวววาว บัดนี้ แม้ได้สดับสัทธรรมอันสูงส่ง แต่ด้วยเหตุที่ยังไม่รู้ซึ้งถึงตัวจริง อันว่างเปล่าแยบยล ยังคงตอดทฤษฏีมีรูปเสียง ไม่อาจนำพาจิตภาวะให้ปรากฏ ดุจดังวาดขนมเปี๊ยะกินแก้หิว สุดท้ายจะอย่างไรก็ไม่อิ่ม บ้างทำเป็นปราดเปรื่อง ติดอยู่ในเรื่องไสยศาสตร์ บ้างกำหนดลมปราณ กำหนดอาการท่วงท่า บ้างภาวนานั่งนิ่ง มรรคผลหนทางอ้อมทั้งสี่ ไม่รู้เลยว่ายิ่งพาตัวห่างไกลจากภาวะธรรมชาติอันสูงส่ง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

        ด้วยพระมหากรุณาธิคุณฯ พระแม่องค์ธรรมมหาเมตตา และพระศรีอาริย์โปรดเปิดประตูการุณกว้างใหญ่ อนุญาตให้ถ่ายทอดไตรรัตน์วิถีแห่งจิตอันแยบยล เพื่อให้อนุตตรสัทธรรมดำเนินแพร่หลายในโลกโดยเร็ววัน เป็นแสงสว่างส่องสากล  ญาณทวาร รหัสคาถา ลัญจกร ไตรรัตน์ ที่พระอาจารย์ได้ถ่ายทอดให้ แต่โบราณมามิอาจแพร่หลาย เป็นความลับอันวิเศษ แม้มิใช่บุคคลอันควรจะมิอาจถ่ายทอดให้ เป็นสุดยอดของวิถีธรรม ครอบคลุมสามโลก เป็นวิถีแห่งจิตกระชับผู้มีพื้นฐานบารมีชั้นสูง กลาง ต่ำ ทั้งสามระดับเข้าไว้ ดังนั้น ความหมายของไตรรัตน์ ผู้มีบารมีสูงจะสัมผัสได้ลึกซึ้ง บารมีตื้นจะสัมผัสได้ผิวเผิน แต่ละระดับพื้นฐาฯบารมี จึงสัมผัสสัจธรรมความนัย ของไตรรัตน์ได้ต่างกัน  สัจธรรม ความนัยของไตรรัตน์ เป็นธรรมะอันประณีต สุขุม คัมภีรภาพ เป็นวิถีแห่งจิตที่ช่วยให้ชีวิตพ้นการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างแท้จริง  อีกทั้งแฝงความนัยของการถ่ายทอดสืบพงศาธรรมต่อมาจริง ถ่ายทอดด้วยพระโองการฟ้าจริง และถ่ายทอดด้วยวิถีแห่งจิตจริงแม้พุทธบุตรที่ได้รับธรรมะ จะได้รับการถ่ายทอดไตรรัตน์จากอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม (เตี่ยนฉวนซือ) ผู้ซึ่งแบกรับพระโองการสวรรค์ ไตรรัตน์อันเป็นสัจธรรมที่แฝงความวิเศษไว้ก็มิได้ลดหย่อนไปแม้แต่น้อย พุทธบุตรทั้งหลายที่ได้รับธรรมะแล้วยึดถือบำเพ็ญตามสัจธรรมที่แฝงอยู่ในตน บำเพ็ญชาตินี้ก็หลุดพ้นได้ในชาตินี้ ไม่ต้องเวียนว่ายต่อไปในชีววิถีหก (ลิ่วเต้าหลุนหุย) ยิ่งกว่านั้นยังอาจร่วมงานหลงฮว๋าชุมนุมพระอริยะ ได้เฝ้าพระพุทธะ ฟังธรรมสวนะ ประจักษ์มรรคผล ที่พระอาจารย์ผิดหวังค้างใจก็คือ ศิษย์ในธรรมกาลยุคขาว จะเห็นความสำคัญของพระโองการฯเสียส่วนใหญ่ ไม่สนใจการถ่ายทอดวิถีแห่งจิตจริง  พุทธเซียนได้เฝ้าชี้ให้เห็นว่า แม้ได้รับถ่ายทอดด้วยพระโองการฟ้าจริงแล้ว แต่มิได้บำเพ็ญเข้าถึงจริง ก็จะเหมือนมิได้รับการถ่ายทอดจากพระวิสุทธิอาจารย์ ฉะนั้น เมื่อได้รับจริงก็ต้องบำเพ็ญจริง จึงจะราบรื่นทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ต้องรับทุกข์จากการเวียนว่ายต่อไป มิฉะนั้น แม้ได้รับจริงแต่บำเพ็ญไม่จริง ก็ยังคงต้องตกอยู่ในวงเวียนชีววิถีหกต่อไป 
        คนที่พื้นฐานบารมีต่ำ ไม่อาจรู้แจ้งความหมายอันวิเศษลึกซึ้งของไตรรัตน์ จะเห็นเป็นเพียงเครื่องมือคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข ขจัดเคราะห์ภัยเท่านั้น เช่นนี้ เมื่อได้ไตรรัตน์แล้ว จึงเข้าใกล้ถอยไปไม่แน่นอน อย่างมากก็ได้แค่รักษาเชื้อไฟของธรรมะไว้ เพราะยอมรับในบุญญาอภิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากการใช้ไตรรัตน์เท่านั้น 
        ส่วนคนที่มีพื้นฐานระดับกลาง ก็จะเห็นไตรรัตน์เป็นหลักฐานผ่านทางเข้าสู่สวรรค์และเป็นเกราะคั้มกันให้พ้นจากภัยพิบัติ แม้จะศรัทธาบำเพ็ญ แต่ก็ยังห่างสัจธรรมความนัยของไตรรัตน์อยู่มาก  เสียแรงที่พระอาจารย์อุตสาห์ทุ่มเทหยาดเลือดในหัวใจส่งเสริมให้
        สำหรับคนที่มีพื้นฐานระดับสูง  ยึดถือว่าไตรรัตน์คือ คุณวิเศษของห้าศาสนา หมื่นพันคัมภีร์ไม่พ้นไปจากไตรรัตน์  เมื่อได้รับไตรรัตน์แล้ว จึงประคองรักษาไว้ แต่ยังมีจิตใจยยึดมั่น จึงยังคงห่างจากภาวะธรรมชาติเดิม  แต่หากคนที่มีบารมีสูงยิ่ง เมื่อได้รับไตรรัตน์จะรู้แจ้ง ในจิตภาวะอนุตตรพระแม่องค์ธรรมในตนเอง (จื้อซิ่งเหลาหมู่) ทันที เห็นอนุตตรภาวะนิพพานอันศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ซึ่งถึงพร้อมด้วยกุศล สมบูรณ์บารมีจิตเป็นวิมุติกลมกลืน ไม่มีอุปสรรคด้วยสัญญาอารมณ์ใด เกิดเหตุปัจจัย แต่จิตว่างเปล่า เข้าถึงธาตุแท้มหากรุณาร่วมกับฟ้าดิน เป็นทายาทพระศรีอริยเมตตตรัย ร่วมงานธรรมจักรวาลพระโองการฟ้า แปรโลกปฏิกูลให้เป็นวิสุทธิแดนดิน เป็นโลกบัวบานอันเป็นเอกภาพ  ดังกล่าวทุกคำล้วนเป็นความจริง หวังว่าพุทธบุตรทั้งหลายในโลกจะสำนึกให้รู้แจ้ง แล้วประกอบการพิจารณากับบันทึกท่องพุทธาลัยนี้ ก็จะสัมผัสชัดเจน  "อู้เอวี๋ยน ศิษย์รัก" เวลาท่องเที่ยวสำหรับคืนนี้มาถึงแล้ว รีบกำหนดจิตญาณตามพระอาจารย์ขึ้นอาสน์บัว พระเทพสถิตยี่สิบแปดดวงดาวได้โปรดคุ้มครองตำหนักพระ เราทั้งสองออกเดินทาง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง   

อู้เอวี๋ยน  :  กราบราตรีสวัสดิ์ขอรับพระอาจารย์  คืนนี้พระอาจารย์โปรดเมตตาอธิบายความหมายแยบยลของไตรรัตน์ เวไนยสัตว์มีบุญวาสนาได้สดับพระโอวาทอันประเสริฐ เชื่อว่าคงได้แผ้วถางหนทางจิตกันคราวนี้

พระอาจารย์ ฯ :  ธรรมะเดิมทีไม่มีชื่อ จำต้องให้ชื่อว่าธรรมะ หนทางปฏิบัติเดิมทีไม่มีการปฏิบัติ จำต้องกำหนดไตรรัตน์นำทาง วิถีแห่งจิตทั้งหมดล้วนแต่แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย หวังว่าเสียงจากใจในบทที่แล้ว จะเป็นกระจกเงาให้เหล่าพุทธบุตรผู้บำเพ็ญมองเห็นตนได้บ้าง  ค่ำแล้ว เราไปบันทึกข้อมูลยัง "ที่ทำการตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย" กันดีกว่า

อู้เอวี๋ยน  :  เสียงลมผ่านหูอู้ ๆ  รู้สึกได้ว่าอาสน์บัวบินลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนนัยน์ตาลืมไม่ขึ้น และแล้วความเร็วก็ค่อยลดลง ในที่สุดก็หยุดลง

พระอาจารย์ ฯ  :  อู้เอวี๋ยน ถึงที่ทำการ ฯ แล้ว รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เข้าไปกราบคารวะท่านเซียนผู้ปกครอง ฯ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  น้อมรับพระบรรพจารย์ที่กลับมาเยือนผู้น้อย น้อมรับพระบัญชาคอยอยู่ที่นี่นานแล้ว

อู้เอวี๋ยน  :  กราบคารวะพระองค์เซียนผู้ปกครอง ฯ ไม่ทราบ คืนนี้เราจะไปท่องที่ใดขอรับ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  คืนนี้เราจะไปเยี่ยม "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" กัน ว่าแล้วทั้งสามก็มุ่งตรงไปทางด้านซ้ายจนถึงระเบียงชั้นล่างของหอแดง ภายในห้องพักสว่างไสวสะอาดสะอ้าน แสงสีเรืองรอง เหนือประตูหน้าห้องมีแผ่นป้ายใหญ่จารึกว่า "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม"

อู้เอวี๋ยน  :  ห้องนี้โอ่งโถงสงบเงียบมีส่วนคล้ายกับห้องพักวิญญาณสามัญและวิญญาณคนบุญ มีวิญญาณมากมายถือป้ายสีทองตองตนนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือสนทนากันตามสบาย

พระอาจารย์ ฯ  :  วิญญาณในห้องนี้ได้รับถ่ายทอดวิถีธรรมจากพระอาจารย์มาแล้วทั้งนั้น เจ้าเข้าไปเยี่ยมหาข้อมูลได้เอง

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  วิญญาณทั้งหลายฟังทางนี้ บัดนี้พระอาจารย์ของพวกเจ้าและอู้เอวี๋ยนมาหาข้อมูลที่นี่เพื่อเขียนหนังสือ " บันทึกท่องพุทธาลัย " เพื่อเตือนใจชาวโลก รีบพร้อมกันมากราบรับพระบาท

เหล่าวิญญาณ   :  กราบรับพระบาทพระอาจารย์ สวัสดีอู้เอวี๋ยนศิษย์ผู้พี่

พระอาจารย์ ฯ  :  ศิษย์ทั้งหลายมิต้องคารวะ

อู้เอวี๋ยน  :  ญาติธรรมทุกท่านอยากได้มากจริยา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง 

พระอาจารย์ ฯ  :  คนที่ได้รับวิถีธรรมที่ได้สร้างบาปบุญไว้ในโลก เจ้าหน้าที่วิญญาณสามโลก จะสอดส่องบันทึกบาปบุญทุกวัน แล้วส่งมายัง "ที่ทำการตรีเทพฯ และสภาบาปบุญจิ่วหยัง"  อู้เอวี๋ยน  เจ้าเห็นจุดเครื่องหมายบนหน้าผากของวิญญาณเหล่านั้นไหม นั่นคือจุดที่ได้รับจากพระอาจารย์ บุญกุศลยิ่งสูง จิตภาวะยิ่งใส จุดเครื่องหมายยิ่งสว่าง วงรัศมีเหนือศรีษะยิ่งอร่ามเรือง มีทั้งสีทอง สีเงิน สีม่วง รุ้งเลื่อม ที่เรียกว่า "หมื่นสายประกายทอง" (วั่นเต้าจินกวง) นั่นไง พลังมงคลพวยพุ่ง ชัชวาลย์จนมิอาจประมาณได้  แต่หลังจากการรับธรรมะแล้ว กลับต่ำทรามหรือถดถอย ดูถูกศาสนาอื่น ให้ร้ายพระอริยเมธา อบรมแพร่ธรรมสับสน ทำลายธรรมานุภาพฯ แม้จุดเครื่องหมายบนหน้าผากจะยังปรากฏอยู่ แต่สีจะขุ่นมัวเหมือนตม  ฉะนั้น บาปบุญของทุกคนจึงไม่อาจปิดบังเบื้องบน ซึ่งจะรู้ผลการบำเพ็ญชัดเจนด้วยการพิจารณาแสงสีและพลังรัศมีของผู้นั้น

อู้เอวี๋ยน  :  พระอาจารย์ ฯ และท่านเซียน ฯ ขอรับ กระผมศิษย์โง่จะพูดคุยกับวิญญาณเพื่อทำความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ไหม ขอรับ

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  มาท่องก็เพื่อบันทึกเรื่องราวทัศนียภาพตามความเป็นจริง เพื่อเป็นอนุทาหรณ์แด่ชาวโลกผู้บำเพ็ญ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการบันทึกโดยสนองพระโองการจาก พระอนุตตร ฯ พระอภิภูผู้เป็นใหญ่แห่งญาณทั้งมวล แน่นอน จึงเรียกวิญญาณมาสอบถามความเป็นจริงได้ (ว่าแล้วเซียนผู้ปกครอง ฯ ก็เรียกวิญญาณพ่อเฒ่า ผู้หญิง ชายหนุ่ม และเด็กชายรวมห้าวิญญาณออกมา)

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  อู้เอวี๋ยน สนองพระโองการมาท่องเที่ยวบันทึก เมื่อถามอะไรให้ตอบความเป็นจริงทุกประการ มิให้เคลือบแฝง เมื่อพิมพ์เป็นหนังสือ ตัวอย่างเรื่องราวของท่านกล่อมเกลาชาวโลกได้ก็จะเป็นกุศลผลบุญเพิ่มขึ้นแก่ตน

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณท่านเซียนที่โปรดให้ความสะดวก กระผมจะเรียนถามพ่อเฒ่าท่านนี้ก่อน  สวัสดีพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ กระผมเห็นท่านสงบเสงี่ยม สะอาดสะอ้าน หน้าตาใจดี อีกทั้งมีแสงสีขาวสูงสองสามนิ้วเหนือศรีษะ ตรงญาณทวารมีจุดเครื่องหมายสีแดงใสสว่าง แสดงว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ คงเป็นผู้บำเพ็ญจริง ท่านจะเล่าเรื่องการบำเ็ญพอสังเขป เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ชาวโลกได้ไหม?.

พ่อเฒ่า  :  กราบคารวะพระอาจารย์ ขอบพระคุณท่านเซียน ฯ กระผมมีโอกาสมาถึงที่นี่ก็ด้วยพระคุณบารมีของพระอาจารย์เป็นที่พึ่งส่งเสริม เมื่อมีชีวิตกระผมเป็นชาวไทเป อำเภอเมืองซันฉง ลูกชายของกระผมชอบไหว้พระศึกษาธรรมตั้งแต่เล็ก กระผมจึงถูกชักจูงมารับธรรมะด้วย เป็นเพราะอายุมาก ลูกเต้าก็ตั้งตัวกันได้หมด กระผมจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมได้ ซึ่งก็ต้องขอบพระคุณผู้อาวุโสและอาจารย์บรรยายธรรมที่เฝ้าส่งเสริม ตั้งแต่มุ่งศึกษาสัจธรรมโดยไม่หยุดยั้ง และได้รู้ว่าทุกอย่างทางโลกเหมือนภาพลวงตาแล้ว กระผมก็อุทิศชีวิตบั้นปลาย ให้ทรัพย์เป็นทาน วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกาย (อภัยทาน) ให้พร้อมทั้งสามทาน ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ ปล่อยชีวิตสัตว์ สงเคราะห์คนยากจนลำบากไม่เคยเกี่ยง อีกทั้งอรรถาธิบายสัจธรรมให้ญาติเพื่อนฝูงทุกโอกาสที่ทำได้ เจียดเวลาไปช่วยงานสาธารณประโยชน์เสมอ เช่น ทำถนน สร้างสะพาน กวาดทำความสะอาดพุทธสถาน ญาติธรรมต่างอนุโมทนาสาธุการ แต่กระผมเห็นว่าเป็นหน้าที่ของความเป็นคน ไม่กล้าคิดว่าเป็นบุญกุศลแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินญาติธรรมวิจารณ์ดูแคลนศาสนา หรือลัทธิอื่นใด กระผมก็จะแนะนำความหมายอันแท้จริงของวิถีแห่งจิตอันเสมอภาคกัน เพื่อให้เขาเข้าใจพุทธะภาวะอันเท่าเทียมกันทุกคน กระผมปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันอยู่เจ็ดปี ก็หมดอายุขัย เจ้าหน้าที่ที่นั่นก็นำพามายัง "ที่พักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" ทั้งหมดเป็นประวัติการบำเพ็ญคร่าว ๆ ของกระผม ขอให้บอกต่อไปยังชาวโลก ให้รีบแสวงหาพระวิสุทธิอาจารย์เสียตั้งแต่เยาว์วัย ให้ท่านชี้หนทางสว่าง อย่าเหมือนกระผมจนแก่เฒ่าเหลือเวลาไมามาก ก็ต้องตายจากด้วยความเสียดาย

พระอาจารย์ ฯ  :  สามชาติที่ล่วงมา ได้ร่วมบุญกับพระพุทธา ชาตินี้จึงได้บำเพ็ญจริง อนุตตรวิถีไม่มีเข้าใครออกใคร ผู้ใดมีบุญก็รับไป ทรัพย์ วิทยา แรงกาย ให้เป็นทาน ไม่ยึดมั่นในกุศลผลบุญ วันรุ่นคนหนุ่มสาวมีค่า มีกำลัง เวลาบำเพ็ญได้บริบูรณ์  ศิษย์รัก แม้เจ้าจะได้รับธรรมะเพียงเจ็ดปี แต่ก็มีความจริงใจมัุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งรักษาจิตอยู่ในสภาวะธรรม ทานทั้งสามก็ครบถ้วน จึงได้ผลบุญในวันนี้ เชื่อว่าเจ้าคงต้องผ่านการทดสอบจาก "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" และเข้าเสวยสุขใน "พุทธาลัย" ได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  อนุตตรวิถีใหญ่ถ่ายทอดสู่หล้า
                               หนึ่งนิ้วพาหมดทุกข์พลัน
                              ใบหน้าสรวลสันต์ ละตนเธอฉัน
                              เก็บญาณสมบูรณ์แต่เดิมมา

                                              ตอนที่ 3

                            ปรากฏสว่าง      ทางญาณประตู     ได้รู้ขุ่นใส
                        ตื่นหรือหลงใหล     ยองใยหรือโลกีย์  อยู่ที่คำนึง

อู้เอวี๋ยน  :  วิถีอนุตตรธรรมไม่ลำเอียง ใครมีคุณธรรมพอเพียงย่อมเกื้อหนุน  ตาบำเพ็ญตาก็ได้ ยายบำเพ็ญก็เป็นของยาย มุ่งหมายสูญญตา ลงแรงคราดไถ เหนื่อยเท่าไรจะได้เท่านั้น อุทิศตนตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณเบื้องบน เมื่อไปพ้นได้ประจักษ์ในธรรมกาย การบำเพ็ญของพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ เป็นที่น่าเคารพนัก เสียดายที่วันเวลามีจำกัด ไม่อาจบรรลุมรรคผลสูงสุด  สิ่งนี้เป็นกระจกเงาสำหรับหนุ่มสาวชาวโลกที่ไม่ใฝ่บำเพ็ญทีเดียว  เรียนถามนักธรรมหญิงผู้พี่ท่านนี้บ้างเมื่อสักครู่ เรื่องราวความเป็นจริงในการบำเพ็ญของพ่อเฒ่าเป็นที่น่าประทับใจ แต่เหตุใดท่านจึงร้องไห้เมื่อได้ฟัง อีกทั้งก้มหน้าเงียบกริบ ดูจุดเครื่องหมายบนหน้าผากกึ่งมืดกึ่งสว่าง ไม่ทราบว่าท่านจะให้ข้อมูลการบำเพ็ญเพื่อเรียบเรียงบันทึกได้หรือไม่

แม่เฒ่า  :  กราบพระบาทพระอาจารย์ ขออภัยท่านเซียน ฯ จะเอ่ยวาจาน้ำตาก็พรั่งพรู ครั้งมีชีวิตอยู่ไม่เรียนรู้อาวุโส ต่อมาไม่นานถึงกาลหมดอายุขัย บุญกุศลยังห่างไกลจะอย่างไรได้เป็นเซียน  ครั้งอยู่ในโลกดิฉันเป็นชาวเมืองเกาส-ยง สามีเสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือแต่ลูกชายหญิงสองคน ดิฉันครองตัวเป็นหม้ายรับจ้างทำงานบ้าน เลี้ยงดูลูกมาด้วยความยากลำบาก จนลูกเป็นฝั่งเป็นฝาทั้งสองคน  เนื่องจากตรากตรำมามาก พอแก่ตัวร่างกายก็ทรุดโทรมเจ็บป่าย โชคดีที่ลูกยังรู้จักกตัญญู ครอบครัวก็อยู่เย็นเป็นสุขดี วันหนึ่ง เพื่อนบ้านมาเยี่ยม คุยกันถึงเรื่องกฏแห่งกรรม แล้วแสดงเจตนาดีพาดิฉันไปขอรับวิถีธรรม ดิฉันไม่รู้หลักธรรมแต่ศรัทธาจริงใจ  แม้ชั่วชีวิตจะไม่ได้สร้างบุญกุศล แต่ก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรมากนัก จนอายุุเจ็ดสิบเอ็ดปีดิฉันก็ตาย วิญญาณได้กลับมาที่ "ห้องพักวิญญาณผู้ได้รับวิถีธรรม" เมื่อเทียบกับพ่อเฒ่านักธรรมผู้พี่ท่านนี้แล้ว น่าละอายเป็นที่สุด

พระอาจารย์ ฯ  :  กัลยาณีสงวนศรีเป็นแบบฉบับ             ทนลำบากเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่
                ได้รับวิถีธรรมเพราะคุณงามประจักษ์ไว้        แม้ไม่ได้เก็บบุญสร้างยังเชิดชู

        ศิษย์ประเสริฐ เจ้าไม่ต้องร้องไห้เสียใจ ในโลกปัจจุบัน ข้าแผ่นดินผู้ซื่อสัตย์ หญิงหม้ายที่สำรวมกายใจไม่มีมาก แม้ชาติก่อนเจ้ามิได้สร้างบุญบำเพ็ญ จึงต้องยากเข็บเมื่อชาติที่แล้ว  แต่อาศัยจิตใจมั่นคนรักนวลสงวนศรี เท่ากับปลูกเหตุปัจจัยเป็นรากฐานพุทธสัมพันธ์ให้ได้รับวิถีธรรม แม้จะไม่รู้จักสร้างบุญกุศล แต่ก็มิได้ประพฤติชั่วผิดคุณงาม เชื่อว่าเจ้าก็จะสามารถผ่านเข้าไปรับการอบรมใน "เก้าเก้าด่านจื่อหยัง" และขึ้นเสวยสุขบน "พุทธาลัย" ได้

เซียนผู้ปกครอง ฯ  :  นักธรรมหญิงผู้พี่ท่านนี้ พุทธรังสีเหนือศรีษะแรงมาก พลังก็สว่าง แต่มีพลังดำแฝงอยู่ จุดเครื่องหมายที่ญาณทวารแม้จะเรืองรอง แต่ก้แฝงความสลัวไว้เล็กน้อย บัดนี้ ขอเชิญให้ท่านแนะนำการบำเพ็ญทุกอย่างในครั้งมีชีวิต เพื่อเพิ่มเติมบันทึกการท่องเที่ยวด้วย     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16/08/2554, 12:37 โดย jariya1204 »

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”