collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องพุทธาลัย (2)  (อ่าน 39607 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระอาจารย์  :  เจ้าถามได้ดี ครั้งนี้เรารับพระโองการบัญชาให้ท่องพุทธาลัย จุดหมายอยู่ที่จะเอาเหตุการณ์ขั้นตอนของผู้บำเพ็ญที่ได้รับธรรมะแล้ว ผ่านการตรวจสอบจากเทพกรทุกฝ่ายในฟ้าดินอันเที่ยงธรรมจนไปถึงพุทธาลัยได้อย่างไร อีกทั้งยังจะขอให้เทพกรทุกฝ่ายได้โปรดแสดงธรรมเพื่อเผยแผ่ลงในหนังสือให้ชาวโลกได้ศึกษาบำเพ็ญ  เนื่องจากผู้บำเพ็ญได้รับธรรมะแล้วจะต้องผ่านการตรวจสอบจากด่านเก้าเก้าจื่อหยังกวน เพื่อจำแนกฐานะสูงต่ำ เราจึงต้องรับพระโองการบัญชาไปเยี่ยมชมที่นั่น

อู้เอวี๋ยน  :  เป็นเช่นนี้เอง ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ

พระอาจารย์  :  คืนนี้เราจะเรียกนกกระเรียนเซียน ให้เป็นพาหนะทุ่นแรงในการท่องเที่ยว นโม... นกกระเรียนเซียนได้รับพระบัญชาบินมาหน้าตำหนักพระ เธอช่างงดงาม ปีกขนสะอาดสะอ้าน ไม่มีจุดด่างแม้แต่น้อย ขาวบริสุทธิ์ประกายวาว ความสูงประมาณได้สามฟุต  พระอาจารย์ ศิษย์ ขึ้นนั่งบนหลังกระเรียนเซียนทะยานฟ้าสีครามสู่ห้วงเวหาสุดสายตา เมื่อมองลงมายังโลกธุลีดิน แสงไฟระยับดั่งดาวหกหัว ท้องฟ้าเวิ้งว้างมิรู้ที่สิ้นสุด

อู้เอวี๋ยน  :  กระเรียนเซียนทะยานพุ่งไป มั่นคงดั่งสายฟ้า พระอาจารย์ได้โปรดอธิบายหน่อยขอรับ

พระอาจารย์  :  จะบอกเจ้า เขาคือกระเรียน มีอายุกว่าหนึ่งพันปี จำศีลอยู่ที่ยอดเขาคุนหลุน ไม่กินชีวิตเลือดเนื้อ และธัญพืช กินน้ำค้างกับลม ไม่เพียงจำศีลทำสมาธิบำรุงเลี้ยงกายธาตุ พลังธาตุเท่านั้น ยังออกหากจากชาวโลก อยู่กับธรรมชาติอิสระ บำเพ็ญเช่นนี้ต่อไปอีกร้อยปีจะถอดร่างทะยานฟ้า บรรลุมรรคผลแห่งเซียน

อู้เอวี๋ยน  :  จริงหรือขอรับ... จะเห็นได้ว่าการบรรลุมรรคผลเกิดจากการบำเพ็ญเพียร ใจแกร่งสำเร็จหมาย ได้สุขไม่สิ้น กระเรียนยังเป็นเช่นนี้ได้ คนจะไม่ได้หรือไร

พระอาจารย์  :  ผู้มีความมุ่งมั่นยั่งยืนก็จะไม่ยาก คนเป็นสัตว์ประเสริฐล้ำค่า ครบอาการสามสิบสอง หากใจแกร่งบำเพ็ญธรรม ย่อมสำเร็จได้ บัดนี้เป็นบุญวาระฟ้าปรกโปรดถ่ายทอดวิถีธรรมจริง มีบุญรับไปถนอมรักษาไว้  มุ่งใจบำเพ็ญจนถึงที่สุด จะกลัวไปไยว่า จะไม่พ้นจากทะเลทุกข์  จะกลัวไปไยว่าจะไม่บรรลุผล  ระหว่างศิษย์อาจารย์สนทนาธรรมไป พลันก็ผ่านสถานตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย ล่วงข้ามชุ่ยเอว๋ยซันบรรพต (ตำหนักทำการของตรีเทพพิทักษ์มหาราชเจ้า) มองไปไกลข้างหน้าเห็นกำแพงใหญ่ แสงไฟระยับ นอกกำแพง หญ้าสูงหนาทึบ มองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ มีทางใหญ่สามสายผ่านไปถึงหน้าประตูใหญ่ของกำแพงที่ล้อมรอบนั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ที่นี่คงเป็นด่านเก้าเก้าจื่อหยางกวน เป็นแน่ขอรับ

พระอาจารย์  :  ใช่แล้ว ภายในด่านมีสถานตรวจสอบลงโทษบาปบุญของผู้ได้รับธรรมะแล้ว เราลงจากกระเรียนเซียนได้แล้ว ชมการทำงานของแต่ละฝ่ายในด่าน เพื่อจารึกหนังสือ พูดจบ พระอาจารย์บอกให้กระเรียนเซียนร่อนลงข้างทางพักรออยู่ในหมู่ไม้ ทั้งสองเดินสู่ประตูใหญ่ ไม่ทันกี่ก้าวก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เทพกรหลายท่านพร้อมด้วยเทวมาตย์เดินออกมาคารวะพระอาจารย์

เทวมาตย์  :  ผู้น้อยรับบัญชาจากองค์เจ้าตำหนักออกมาต้อนรับ ห้องรับรองไม่ไกลจากที่นี่นัก พระบรรพจารย์ เจ้าตำหนักรออยู่ในห้องโถงนานแล้ว กราบทูลเชิญพระอาจารย์  เชิญอู้เอวี๋ยน

พระอาจารย์  :  มิต้องมากจริยา น้ำใจไมตรีจากพระบรรพจารย์เราจะกล้ารับอย่างไรได้ อู้เอวี๋ยน รีบคารวะท่านเทวมาตย์ อย่าเสียจริยา

อู้เอวี๋ยน  :  ผู้น้อยกราบคารวะท่านเทวมาตย์   ทุกคนเดินเข้าประตูด่านไป กำแพงสูงมากอย่างกับกำแพงเมืองโบราณ ภายในด่านมีที่ว่างกว้างใหญ่ ซ้ายขวาหน้าหลังมีพระวัชระพิทักษ์ธรรม องค์สูงใหญ่ ยืนทะมืนรักษาการณ์อยู่สิบกว่าองค์ ทุกองค์หุ้มเกราะสะพายดาบปฏิบัติหน้าที่น่าเกรงขาม เงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นป้ายคำว่า "เก้าเก้าจื่อหยางกวน" แขวนไว้เหนือประตูด่านฉาบทองวาววับ อุ้เอวี๋ยนเดินตามพระอาจารย์พลางชมดู  พอเข้าประตู เหล่าวัชระพิทักษ์ธรรมกับพระอาจารย์ต่างก็โค้งคารวะซึ่งกัน จากนั้นเทวมาตย์ดำเนินนำหน้า พากันไปตามทางใหญ่ในด่าน ชั่วขณะก็มาถึงหน้าตำหนัก แหงนคอตั้งบ่าเห็นอาคาร ตำหนักโอ่อ่ามีป้ายใหญ่เหนือประตูว่า "เสินหยางเตี้ยน" แสงทองวาววับ กลอนคู่สองข้างประตูความว่า " คุณโทษแจ่มแจ้งฤาแสร้งปิดได้  หลักฟ้าเมี่ยงไซร์ไม่ช่วยบิดเบือน  กงกั้วชิงหมิงฉี่เหนิงชีหมัน  เทียนหลี่จื้อกงหาวอู๋ซือฉิง "  ผนังหินด้านข้างยังมีอักษรโบราณจารึกอยู่อีกไม่น้อย อู้เอวี๋ยนตั้งใจอ่าน แต่ต้องหยุด เมื่อเห็นพระบรรพจารย์เจ้าตำหนักเสด็จดำเนินมาต้อนรับ  พระองค์ช่างเรียบง่ายเป็นกันเองยิ่งนัก

พระอาจารย์  :  รบกวนพระองค์ขณะทรงงาน เสียมารยาทแท้ ขอเจ้าตำหนักท่านโปรดอภัย

พระบรรพจารย์  :  บรรพจารย์ท่านเหนื่อยยาก กรำลมกรำฝน

องค์เจ้าตำหนัก  :  เพื่อฉุดช่วยมวลเวไนยฯ... เชิญเข้าพักในตำหนักสักครู่

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ผู้น้อยกราบพระบาทองค์เจ้าตำหนัก (พระบรรพจารย์) ขอจงทรงอริยสำราญ
       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
              
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์  :  มิต้องจริยา  (กล่าวพร้อมกับนำดำเนินเข้าตำหนัก) อู้เอวี๋ยนเดินตามหลังพระอาจารย์ เห็นภายในตำหนักสงบสดใสสง่าน่าเกรงขาม เหนือผนังห้องโถงมีป้ายอักษรทองข้อความว่า "หวงเอินเห่าตั้ง" (พระมหากรุณาธิคุณ พระอนุตตรธรรมเจ้า) อักษรบนป้ายมีชีวิตชีวา สดุดตาเหลือเกิน ทางซ้ายมือขอบผนังมีคติพจน์ว่า  หนึ่งถามหนึ่งตอบ        สอบถี่ถ้วนความ        อริยธรรมสูงล้ำ        มิกล้าสุ่มให้        คุณโทษเส้นใย        ส่องใสเที่ยงธรรม
อี๋เวิ้นอี้ต้า        เวิ่นชิงเสิ่นเสียง        เซิ้งเต้าเอว๋ยจุน        ปู้กั่นล่วนผิง        เซียนเห่ากงกั้ว        กงเจิ้งหมิงเติง

หนึ่งสอบ "กงฉัง"         สองโองการฟ้า        สามตามบุกเบิก
สี่ชื่อตำหนัก               ห้านำพารับรอง        หกชื่อสกุล
เจ็ดแจ้งปีเดือนวัน        สอบแต่ละอย่าง        เก้่าเก้าปากด่าน
ช่างไร้วาสนา             เมธาน้อยคน            เริ่มต้นไตรรัตน์
เพียงชื่อถือธรรม         ไม่เพียรบำเพ็ญ        ไม่เรียนยังรวน
สำเร็จยากแท้             ปลุกตื่นญาณเดิม
อีเข่ากงฉัง             เอ้อตุ้ยเทียนมิ่ง           ซันเจียไคฮวง
ซื่อฉาถันหมิง         อู่ตุ้ยอิ๋นเป่า                 ลิ่วสวินหมิงจื้อ
ชีถียื่อเกิง             อีอีเข่าเจิ้ง                   จิ๋วจิ่งกวนโข่ว    
จื่อจงเฟยฝู           เส่าเหยินเสียนซี            ชูโซ่วซันเป่า
เอว๋ยกว้าต้าหมิง     ปู้ซิวปู๋อู้                      อี้ไป่อี้หมิง
เต้าหนันเฉิงอี่        ถี่สิ่งเอวี๋ยนหลิง

        อู้เอวี๋ยนอ่านจบหันมาทางผนังขวา  ยังมีคำเตือนอีกผืนหนึ่งว่า    

รู้จบสิ้นเวรกรรมในวันนี้                ด้วยทุกข์มีติคตามกรรมก่อนเก่า
อย่ากล่าวโทษชาตินี้ทุกข์หนอเรา   แต่รู้เจ้าเหตุต้นตนทำมา
อย่าถอนใจไยธรรมบำเพ็ญยาก      อดีตชาติเจ้าเป็นเช่นไรเล่า
หากชาตินี้บำเพ็ญง่ายสบายเบา      ตัวของเจ้าคงใสไม่ติดคาว
หากไร้กรรมทำผิดติดตัวมา           มิห่วงว่าทุกข์กรรมติดตามจ้อง
บำเพ็ญนี้มีทางต่างกันสอง            บุญสนองสูงส่งแท้แม้ศรัทธา
จินยื่อจือเหลี่ยวเนี่ย              ซู่สีขู่เซียงสวิน
ม่อเอวี้ยนจินเซิงขู่                เชวี่ยจือเฉียนซื่ออิน
ม่อทั่นชิวเต้าหนัน                ตังหมิงเฉียนซื่อเหยิน
ยั่วจิวซิวเต้าอี้                     ปี้ติ้งชิงอี้เชิน
เฉียนซื่ออู๋เอวียนเฉิง             เหอฮ่วนขู่เอวี้ยนสวิน
ซิวเต้าเอ้อลู่เปี๋ย                  เฉิงเจ๋อกุ้ยเจินเจิน

        ในตำหนักฯ มีเทพกรผู้ทำการมากมายต่างวุ่นอยู่กับหน้าที่ เมื่อเห็นพระอาจารย์ดำเนินมา ต่างรีบหันมากราบคารวะ พระอาจารย์ก็ตอบรับ พระบรรพจารย์องคืเจ้าตำหนักเชิญพระอาจารย์ประทับนั่ง เทพกรถวายน้ำชา ผลไม้ทิพย์

พระอาจารย์  :  ได้รับไมตรีจากพระบรรพจารย์เช่นนี้ รู้สึกไม่สบายใจ คืนนี้ ได้รับพระโองการฯ มาเยือนรบกวนบรรพจารย์ท่าน ขออภัย หวังว่าจะได้รับการชี้นำเที่ยวชมสถานที่ทำการต่าง ๆ เพื่อบันทึกหนังสือสำหรับสงเคราะห์ชาวโลกในยุคปลาย  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/09/2554, 17:55 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์  :  สาธุ ข้าพเจ้าจะตั้งใจเต็มที่ บัดนี้โลกทรามลง  ขาดกรุณามโนธรรมสำนึก ใบหน้าคน แต่ใจเดรัจฉาน แรงอำมหิตโหดร้ายท่วมฟ้า น่าละอาย ! ด่านจื่อหยางที่พำนักอยู่นี้ ภาระหนัก งานมาก ไม่มีโอกาส ได้ฉุดยั้งชาวโลก ยินดีที่มีโอกาสวันนี้ ท่านได้รับพระโองการบัญชา ให้สร้างหนังสือท่องพุทธาลัย ข้าพเจ้าก็จะทุ่มเทใจได้บ้าง

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์ได้ยินมาว่า ผู้ได้รับธรรมะ ตายแล้วจะต้องมาด่านนี้ เพื่อตรวจสอบบาปบุญ ไม่ทราบว่าในด่านนี้ ได้จัดตั้งแผนกอะไรไว้ขอรับ ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดชี้แนะ

พระบรรพจารย์  :  สาธุ สาธุ  เรากำลังจะบอกกล่าว เจ้าถามก็ดีแล้ว เราจะว่าไป คนที่ได้รับธรรมะ ได้สร้างบุญในโลกครั้งนี้ เมื่อหมดอายุขัย กลับสู่วิสุทธิแดนดินจะต้องผ่านด่าเก้าเก้าจื่อหยังกวน ตรวจสอบไตรรัตน์ และเหตุต้นผลกรรมสามชาติ ที่เรียกว่า เก้าเก้าจื่อหยาง จิ่วจิ่วจื่อหยางกวนนั้น เป็นชื่อรวมของสามด่านคือ จื่อหยางกวน  เป็นด่านเอก ประกอบด้วยสามตำหนัก คือ เสินหยางเตี้ยนโข่ว ชิงหยางเตี้ยนโข่ว และปี้หยางเตี้ยนโข่ว
เสินหยางเตี้ยนโข่ว  ตำหนักนี้คือเรา พระบรรพจารย์เทียนเฝิง ปกครอง ทำการตรวจสอบชื่อแซ่ สกุล
ชิงหยางเตี้ยนโข่ว   คือพระบรรพจารย์เทียนยุ่ย   ปกครอง ทำการตรวจสอบถามพระนามซือจุน
ปี้หยางเตี้ยนโข่ว    คือพระบรรพจารย์เทียนเอว้ย ปกครอง ทำการตรวจสอบการรับวิถีธรรม
        ห่างจากจื่อหยางกวน นี้ครึ่งลี้ ก็คือด่านเหอหยาง เหอหยางกวน ภายในด่านจัดหน้าที่ทำการสาม ตำหนัก มีชื่อว่า ตันหยางเตี้ยนโข่ว จิ่งหยางเตี้ยนโข่วและอ๋วงหยางเตี้ยนโข่ว
ตันหยางเตี้ยนโข่ว  พระอริยเทียนฝู่    มาโปรดสอบถามการบวชการรับวิถีธรรม
จิ่งหยางเตี้ยนโข่ว  พระอริยเทียนหลี   มาโปรดสอบถามการสร้างบุญทานภายนอก
อ๋วงหยางเตี้ยนโข่ว พระอริยเทียนซิน  มาโปรดสอบถามการสร้างกุศลภายใน
        ห่างจากเหอหยางกวน ไปประมาณครึ่งลี้ มีอีกหนึ่งด่านคือ จิ่วหยางกวน ภายในด่านจิ่วหยางกวนมีสามตำหนักทำการ ชื่อว่า เจิ้นหยางเตี้ยนโข่ว  จื่อหยางเตี้ยนโข่ว  จิ่วหยางเตี้ยนโข่ว
เจิ้นหยางเตี้ยนโข่ว  มีพระบรรพจารย์เทียนจู้     มาโปรดพิจารณาสอบสวนกุศลกรรม
จื่อหยางเตี้ยนโข่ว   มีพระบรรพจารย์เทียนอิง   มาโปรดสอบสอบพิจารณาคุณธรรมแปด
จิ่วหยางเตี้ยนโข่ว   มีพระบรรพจารย์เทียนเยิ่น  มาโปรดพิจารณาแก้ไขการจารึกลงบัญชีเซียน
        ทั้งสามด่านดังกล่าวรวมกันมีเก้าตำหนัก  แต่ละตำหนักยังจัดตั้งที่ทำการเก้าห้อง  เก้าสถาน  เก้าคุก  เก้าศาลา  เก้าฝ่าย  เก้าเคหะ  ทำการต่างกันตามงานของแต่ละตำหนัก  ภายในสามด่านจึงรวมเป็นเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดด่านเล็ก มีพระอริยบรรพจารย์สามสิบสองพระองค์  มีทิพยมาตย์ห้าร้อยองค์  เทวนาคราชแปดฝ่าย  สองร้อยหกสิบห้าเทวมาตย์  ทำการพิสูจน์  สอบสวน  ตรวจสอบ  ตักเตือน  ลงโทษ  ให้คะแนนบุญ  ให้วาสนา  ให้บำเพ็ญ  ฝึกฝน  ให้ขอขมาสำนึกแก้ไข  บำบัดรักษา  ชำระกาย  บำเพ็ญจิต  ประคองญาณใส  เหล่านี้เป็นต้น   คนที่ถือบวชบำเพ็ญตามวัดวา ตามธรรมสถานต่างๆ หรือได้รับธรรมะ หมด
อายุขัยมาถึงที่ทำการ "ตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย"  ก่อนแล้วจึงไปยัง "รัตนะตำหนักตรีเทพพิทักษ์" พิสูจน์ไตรรัตน์ หรือความวิเศษแยบยลของวิถีธรรม  สุดท้ายจึงไปสู่ตำหนักเสินหยาง ในด่านจื่อหยาง  บรรพจารย์เราเองจะเป็นผู้สอบถามชื่อแซ่สกกุล ตรวจสอบเหตุต้นผลกรรมสามชาติ  จากนั้น จึงส่งต่อไปยังด่านต่าง ๆ แปดสิบเอ็ดแห่ง แล้วจึงไปถึง "โป๊ยก่วยบุญญาลัย  ปากว้ากงกั่วเอวี๋ยน"  กำหนดผลตามบุญที่สร้างมา รักษาจิตญาณให้สงบอยู่ที่นั้น         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

อู้เอวี๋ยน  :  น้อมคารวะ พระคุณพระบรรพจารย์ ได้โปรดชี้ให้เห็นความนัยวิเศษยิ่งของเก้าเก้าด่านจื่อหยัง เมื่อมีชีวิตชอบทำบุญสุนทาน ใชีชีวิตอยู่ในพุทธสถานวัดวาอาราม เช้าค่ำสวดมนต์ไหว้พระ บุญกุศลเป็นที่น่าอนุโมทนาชื่นชม เมื่อหมดอายุขัยจะคืนสู่วิสุทธิแดนดิน ก็จะต้องผ่านไปแปดสิบเอ็ดด่านนี้ด้วยหรือไม่ขอรับ

พระบรรพจารย์  :  ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ผู้ได้รับธรรมบำเพ็ญไม่ว่าศาสนาลัทธินิกายใด บุญวาสนามากน้อยเพียงใด ธรรมปฏิบัติรู้แจ้งฉับพลันหรือค่อยบำเพ็ญไป เมื่อหมดอายุขัยล้วนจะต้องผ่านการพิสูจน์จากแปดสิบเอ็ดด่าน ที่ว่าแปดสิบเอ็ดด่านนั้นเป็นตัวเลขของฟ้าดิน ผู้ที่จะล่วงพ้นหนทางใหญ่ของสามโลกจะต้องผ่านแปดสิบเอ็ดด่านนี้ จึงจะบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริงได้ ผู้ผ่านด่านต้น ๆ แล้วมาถึงที่นี่ ตำหนักนี้จะพิสูจน์ความถูกต้องในการบวชหรือความถูกต้องของ "ใขคำขอ เปี่ยวเหวิน"  ที่เผาถวายขึ้นมาชื่อผู้รับธรรมะ เวลาชั่วยามให้ตรงต่อสามโลก ตรงต่อฟ้า  ดิน  คน  พุทธระเบียบไม่ผิดเพี้ยน เทียนมิ่ง ไม่ใช่เท็จ  พอผ่านตำหนักนี้ ก็ไปสู่ตำหนักชิงหยางเตี้ยน พิสูจน์วิถีธรรมแห่งพระธรรมาจารย์ ฉะนั้น ตำหนักนี้จึงได้จัดเป็นตำหนักเอก (ตำหนักต้น) ของด่านจื่อหยาง อีกทั้งจัดด่านเล็กเคี่ยวกรำเก้าสถาน บาปบุญที่ทำมาในโลกอย่างไรก็เข้าไปในห้องในด่านนั้น

อู้เอวี๋ยน  :  ศิษย์รับรู้ได้แล้ว ขอพระบรรพจารย์ได้โปรดอธิบายความแตกต่างของแต่ละห้องในด่านด้วยขอรับ

พระบรรพจารย์  :  ญาณเดิมจะคืนสู่วิสุทธิแดนดินถ้ำฟ้าได้ จะต้องมีคุณสมบัติสามประการคือ 1. เหตุต้นผลกรรมสามาชาติจะต้องบริสุทธิ์ชัดเจน
2. ความประพฤติอยู่ในกรอบดีงาม    3.  สงเคราะห์ชาวโลกฉุดช่วยผู้คนสร้างกุศลบุญคุณธรรม   หากครบถ้วนทั้งสามประการก็ไปสู่วิสุทธิแดนดินนั้น ๆ ได้ตาม
ปรารถนา หากไม่ครบถ้วนก็จะไม่ได้ จะต้องซ่อมบำเพ็ญเติมเต็มในสถานต่าง ๆ ของสามด่าน จนกุศลผลบุญไม่มีที่ตำหนิ จนจิตญาณกลมใส จึงจะให้ผ่านด่านแปดสิบเอ็ดด่านไปสู่วิสุทธิแดนดิน อีกพวกหนึ่งคือ ผู้ได้รับธรรมะในโลก แต่ความประพฤติไม่อยู่ในกรอบดีงาม ผิดต่อทางธรรม คุณธรรมเสื่อมเสีย หลอกลวงลบล้างบรรพจารย์ จากด่านทั้งสามได้ ฉะนั้น ตำหนักเสินหยางที่นี่จึงได้จัดให้มี "ด่านเล็กเคี่ยวกรำจิตจริงแท้  หมอเจินเสี่ยวกวนโข่ว" และอีกเก้าห้องของด่าน ห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้  หย่างเจินกวนซื่อ" จัดการชำระความของเหตุต้นผลกรรมสามาชาติ ผู้ได้รับธรรมะหรือบำเพ็ญอยู่ในวัดวาอารามสถานธรรมต่าง ๆ หากบาปเวรชาติก่อน ยังหนักหนา ชาตินี้ยังทำดีจอมปลอมมักทำสิ่งที่ผิดต่อหลักธรรมเสมอ บรรพจารย์เราเที่ยงธรรมไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ตรวจสอบ  ละเอียดถี่ถ้วนไม่ผ่อนผัน ส่งไปยัง "สถานเคี่ยวกรำจิตจริงแท้ด่านเล็กที่เก้า" ลงโทษสามสิบวัน จากนั้น ให้ยมทูตมาคุมตัวไปลงนรก รับการตัดสินโทษทัณฑ์จากพยายมขุมที่สิบในรายที่ชำระเหตุผลต้นกรรมสามชาติแล้ว แต่เป็นนักบวชที่ไม่ศรัทธาบูชาพระ ไม่รักษาสัจธรรมให้เข้าถึง ก็จัดส่งไปห้องด่านที่เจ็ด รับการศึกษาและชำระนิสัยความเคยชินที่ไม่ดี หรือผู้ได้รับธรรมะ เริ่มต้นหมั่นบำเพ็ญ ศรัทธาดำเนินธรรม ภายหลังเกียจคร้าน เบื่อหน่ายอวดดี โอหังวางเขื่อง... เช่นนี้ จะส่งไปสถานเคี่ยวกรำด่านที่สี่ ซ่อมบำเพ็ญในสถาน "ขอขมากรรมสำนึกแก้ไข  ชั่นหุ่ยสั่ว"  หากระหว่างนั้นได้จริงใจแก้ไข ขอขมากรรม ก็จะได้ผ่านไปถึง "ตำหนักชิงหยาง" แต่หากมิได้สำนึกแก้ไข และอีกยังคับแค้นโกรธเคือง จะถูกคาดโทษใหญ่หนึ่งครั้ง ผู้ถูกคาดโทษใหญ่สามครั้ง จะถูกส่งไปรับทุกข์ทรมานในนรกต่อไป บางคนเหตุต้นผลกรรมสามชาติชำระแล้ว หลังจากรับธรรมะแม้จะศรัทธาจริงใจใฝ่ธรรม แต่ไม่หมั่นให้ทานทั้งสาม ไม่สงเคราะห์ฉุดช่วยชาวโลก บุญกุศลจึงน้อยมาก ก็จะต้องส่งเข้าไปยังห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้ในห้องซ่อมที่สาม  หย่างเจินตี้ซันปู่ซิวซื่อ"  ซ่อมบำเพ็ญบุญกุศลแล้ว จึงจะผ่านออกไปยังตำหนักชิงหยาง ที่น่าชื่นชมคือ ผู้รับธรรมะที่ศรัทธาจริงใจแน่แท้ สร้างกุศลคุณธรรมความดี หากเมื่ออยู่ในโลกทำบุญให้ทานประจำ มั่นคงในธรรมเสมอต้นเสมอปลาย ปฏิบัติธรรมด้วยจิต เสมอภาค เมตตากรุณาเป็นหนึ่งเดียว เช่นนี้ เมื่อสิ้นอายุขัย เทวมาตย์จะต้อนรับเข้าสู่ห้อง "บ่มเลี้ยงจิตญาณจริงแท้ห้องที่หนึ่ง" หรือห้องที่สอง ชำระกายเปลี่ยนอาภรณ์เซียนสีม่วง (ม่วงฟ้า) ได้รับโปรดให้สวมมาลาทอง เทพกรจะเชื้อเชิญให้เข้าสู่ "ตำหนักชิงหยาง" ดูแลต้อนรับในระดับสูง  ฉะนั้น ผู้บำเพ็ญจะต้องศรัทธาจริงใจเป็นหนึ่งเดียว อย่าเกียจคร้านถดถอย บาปบุญคุณโทษในโลก  เบื้องบนเห็นชัด ไม่พลาดแม้แต่น้อย  บัดนี้ สบโอกาสเกณฑ์กำหนดฟ้า เปิดทางสว่างกว้างใหญ่ ผู้ได้รับธรรมะจะต้องใส่ใจให้ความสำคัญ คืนสู่จิตญาณแท้ด้วยหลักสัจธรรม การกระทำกับความจริงใจ เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าให้ปัญญาหลงทางไป อย่าให้ผู้อื่นพลาดผิดด้วยจิตของตนเป็นเท็จ หรือยอมตนตกต่ำ ถอยจากทางธรรมนำทุกข์สู่ตน       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระอาจารย์  :  ขอบพระคุณพระบรรพจารย์ที่โปรดชี้ให้เห็นหน้าที่ในตำหนักนี้โดยละเอียด ยุคนี้เบื้องบนปรกโปรดสามโลก หมื่นศาสน์พร้อมกันก่อเกิด พงศาธรรมจริงโปรดสู่โลกตามเกณฑ์กำหนดเพื่อฉุดช่วยคนเดิม  แต่จนใจที่รากฐานปัญญาญาณของแต่ละคนที่จะรับวิถีธรรมยุคปลายถูกเวรกรรมครอบไว้ จึงถูกคำพูดที่ฟังเหมือนใช่เหมือนไม่ใช่หลอกลวงไป ทำให้ความจริงถูกกล่าวว่าเท็จ ทำให้คนพลาดจากวิถีธรรม พลาดโอกาส ตัวอย่างมีมากมายยกให้เห็นได้ไม่หมดยังใคร่ขอพระบรรพจารย์ยกตัวอย่างที่พบบ่อย ๆ ในการทำหน้าที่โดยสังเขป เพื่อบันทึกลงในหนังสือจูงสายตาชาวโลกให้ตรง

พระบรรพจารย์  :  สัจธรรมนั้น ไม่มีบัดนี้ ไม่มีอดีต อยู่ที่ใจจิต จะบิดให้ตรงหรือจะลงทางขวาง หากมีทิฐิ ตริตรึกยึดหมายในตน ในหนทาง ง่านนักจักสร้างทางบาปทางเวรเป็นของตนไป พระบรรพจารย์เทียนหยานกล่าวได้ตรงต่อปัญหาของอริยกิจที่ปรกโปรดอยู่ในยุคนี้  ยุคนี้ เรือธรรมยุคขาวมีอยู่ทุกแห่ง เรียกได้ว่ามหาเมตตานาวาของเบื้องบน อริยกิจได้ปรกแผ่กว้างใหญ่จนเป็นดินแดนสว่างทั้งผืนแล้ว เหล่านี้ ล้วนเป็นบารมีคุณของพระบรรพจรย์เทียนหยาน ท่านกับศิษย์ธรรมกาลยุคขาวร่วมกันพากเพียรโดยแท้

พระอาจารย์  :  หามิได้  มิกล้า   มิกล้า  (พระบรรพพุทธา) วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวสนองพระโองการฟ้าปรกโปรด เก็บงานสมบูรณ์ผล แม้จะมีความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ปัญหายังมีไม่น้อย คืนนี้ ขอรบกวนบรรพจารย์ท่านได้โปรดชี้ทางสว่างแก่ผู้หลงทั้งหลายด้วยเถิด

พระบรรพจารย์  :  ตั้งแต่โบราณมา เบื้องบนโปรดประทานธรรมนาวาลงมาไม่น้อย สัจธรรมที่ได้น้อมรับมา ล้วนเป็นเช่นเดียวกัน แต่ด้วยใจคนรับไว้ต่างไปจึงมักจะ... ...เมื่อช่วงเวลาหนึ่งผ่านไปก็จะเกิดความผิดพลาดจาก การกระทำของบุคคลนั่นมิใช่ความรับผิดชอบของอาจารย์ถ่ายทอดสัจธรรมจริง แต่เป็นความเข้าใจผิดของศิษย์ที่ถ่ายทอดวิถีธรรมแทนอาจารย์ จุดนี้ หวังว่าชาวโลกพึงเข้าใจเสียก่อน  วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวกระจายทั่วสหาโลกบัดนี้ คนที่ได้รับการกล่อมเกลาชี้นำ ส่วนใหญ่ล้วนถือสรณะต่อหลักธรรมแท้ ความประพฤติดีงาม เดินตามคุณธรรม ยินดีให้ทาน  ที่น่าชมเชย คือ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวมีใจธรรมที่มุ่งแพร่ธรรมแทนฟ้ากันเต็มที่ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่วิถีธรรมกาลยุคขาวเจริญไกลไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ด้วยจิตใจที่นำพาคนกันอย่างจริงจังนี้ คนส่วนหนึ่งจึงมักจะอวดอ้างสรรพคุณของวิถีธรรมตนจนเกินเหตุ กระพือตน ดูแคลนผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว เช่น เหตุที่ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวทั่วไปเห็นความสำคัญของไตรรัตน์สัจธรรมจริง มักจะคิดผิด ๆ ว่าถ้าไม่ได้รับไตรรัตน์แล้วจะไม่อาจล่วงพ้นการเกิดตาย จึงดูแคลนผู้บำเพ็ญที่ยังไม่ได้รับธรรมะ  เช่นนี้ คือผู้ไม่เข้าใจการล่วงพ้นการเกิดตาย คือ จะต้องเข้าถึงเห็นภาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน ดำเนินธรรมสำนึกรู้บริบูรณ์ จึงจะประจักษ์ในสภาวะธรรมได้ ไม่ถือว่าสรณะในสัมมาศาสนาใด หากสามารถเข้าถึงลึกซึ้งต่อหลักธรรมที่ถ่ายทอดจริงนั้นได้ ดำเนินตลอดไปจนถึงที่สุด ไม่หน่ายหนี ฝึกฝนบำเพ็ญจริง สุดท้ายล้วนอาจเข้าถึงถาวะจิตใสใจสว่างแห่งตน และล่วงพ้นการเกิดตายได้  แม้วิถีธรรม ธรรมกาลยุคขาวจะเป็นสัมมาศาสน์ที่โปรดลงมาตามฟ้ากำหนด สมบูรณ์ด้วยหลักธรรมเที่ยงแท้ ธรรมปกิบัติเที่ยงแท้ บุญปัจจัยเที่ยงแท้ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างนักธรรมข้างหน้า เป็นแม่พิมพ์  พาตัวเข้ามาบำเพ็ญอย่างมั่นคง แต่ไม่ควรอาศัยสิ่งเหล่านี้สร้างความคิดโดดเด่น ยกตนข่มท่าน ดูแคลนหลักสัจธรรม ธรรมกาลยุคแดง เช่นกล่าวว่า สมัยของศากยพุทธเจ้าผ่านไปแล้ว  วัดวาอาราม ธรรมกาลยุคแดง ยึดรูปลักษณ์เป็นทางโลก ของเราเหนือโลก... อย่างนี้ ล้วนไม่ถูกต้อง  ไม่ราบเรียบ  ไม่เที่ยงตรง  ไม่ยุติธรรม  ไม่เป็นใจที่กลมใส  พึงณุ้ว่าศิษย์ธรรมกาลยุคขาว แม้ได้รับไตรรัตน์แล้ว พระวิสุทธิอาจารย์ชี้ทางบำเพ็ญให้แล้ว หากไม่ยอมเคี่ยวกรำบำเพ็ญจริง ก็ไม่อาจพ้นเวียนว่ายเกิดตายได้  ฝ่ายหนึ่งคือ บำเพ็ญก่อนได้รับภายหลัง   ฝ่ายหนึ่งคือ ได้รับก่อนบำเพ็ญภายหลัง เพียงแต่เหตุปัจจัยต่างกัน  สุดท้ายจะบรรลุสู่ภาวะนั้นยังคงเหมือนกัน ฉะนั้น หวังว่าผู้บำเพ็ญในโลกจะไม่ถกเถียงกันเรื่องวิถีธรรม แต่จะต้องสงบอยู่ในบุญสัมพันธ์  บำเพ็ญจริงจะจะเป็นสัมมาธรรมะ มิฉะนั้น สร้างวจีกรรม จะเกิดประโยชน์อันใดแก่ธรรมะ !

อู้เอวี๋ยน  :  ขอบพระคุณเมตตากรุณาจากพระบรรพจารย์อย่างยิ่ง  ท่าทีของผู้บำเพ็ญ บัดนี้ ผิดด้วยความเชื่อที่ว่า "ของข้าดีที่สุด" กันโดยไม่รู้ตัว อันที่จริงแล้วธรรมะทั้งหมดเสมอภาค ความจริงเท็จของวิถีธรรมอยู่ที่ใจจริงเท็จของบุคคล

พระอาจารย์  :  มองดูอาณาจักรธรรม ธรรมกาลยุคขาวโดยรอบขณะนี้แล้ว ศรัทธาตาบอด ศรัทธาลุ่มหลง ยังคงไม่น้อย ทำให้หนักใจ ใคร่ขอบรรพจารย์ท่าน อาศัยบุญวาระนี้ชี้นำศิษย์ธรรมกาลยุคขาวอย่างกว้างขวาง ให้เคารพศรัทธาต่อสัมมาธรรมะด้วย ท่าทีถูกต้องด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       ท่องพุทธาลัย (2)

                                             ตอนที่ 7

                           ในด่านจื่อหยาง  พร่างพรายไม่สิ้น  ดินฟ้าสร้างสรรค์

                          ฟ้าบรรจบกาล     เทียนเฝิงบรรพจารย์  ชี้ทางตรงจุด

                                         จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
               
                                             เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่

พระบรรพจารย์   :  ในเมื่อท่านตั้งใจสนองตอบบุญวาระนี้ ข้าพเจ้าก็จะไม่คำนึงถึงความตื้น จะชี้แจงแก่ผู้บำเพ็ญสักเล็กน้อย บำเพ็ญธรรม บำเพ็ญหลัก บำเพ็ญหลักอาศัยสัจธรรม ฉะนั้น ความเชื่อจะต้องเอาสัจธรรมเป็นสรณะ จะยึดบุคคลเป็นสรณะไม่ได้ สัจธรรมไม่เปลี่ยนชั่วกาลนาน ที่พระพุทธะอริยปราชญ์ ถ่ายทอดล้วนอาศัยสัจธรรมเป็นหลัก หลักธรรมจึงเป็นเข็มทิศของการบำเพ็ญ บุคคล บางครั้งมีความเห็นแก่ตัว มีมิจฉาดำริ จึงอาศัยเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ อีกทั้งเหตุผลทางโลกกับหลักธรรมของฟ้าผ่านถึงกัน การยึดถือทำตามของผู้บำเพ็ญมิให้ "ใครว่าก็ว่าตาม" ต่อพวกที่ชอบจับกลุ่มเข้าพรรค ร่วมวงครึกครื้น ฉากหน้าดูดี แต่ไม่ได้ใส่ใจจริงจังต่อจิตใจมนุษย์ หรือไม่ได้ใส่ใจต่อธรรมะแท้จริง ไม่สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่สังคม หรือยังพูดจาชักนำให้ผู้คนหลงใหล คนที่ไม่ให้ความสำคัญต่อคุณธรรมความประพฤติเหล่านี้ อย่าได้หลับหูหลับตาหลงตามไปเป็นอันขาด ธรรมะเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์กลมใส เป็นที่สุดของความดีงาม  จะไม่ยกย่องของเราทำลายของเขา  หรือสำคัญตนมิใช่ธรรมดา  ดูหมิ่นจุดบอดของผู้อื่น  พุทธพจน์ว่า "ธรรมะเสมอภาค เวไนยสัตว์เสมอภาค" เพียงด้วยมุ่งหมายให้ตรงต่อสัจธรรม พฤติกรรมสอดคล้องกับเมตตากรุณาคุณธรรม เช่นนี้ล้วนจัดเป็นบรรทัดฐานที่พึงเชื่อถือเคารพ ธรรมะอยู่ในชีวิตประจำวัน การบำเพ็ญเป็นเรื่องปกติ เรียบง่ายที่สุด เพียงแต่เอาคุณสัมพันธ์ห้า  คุณธรรมแปด มาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติในทุกโมงยาม  ไม่เพียงเป็นผลดีต่อตนเอง ยังเป็นผลดีต่อทุกคนทุกสิ่งในโลก นี่คือ...การบำเพ็ญ แต่หากเพื่อการบำเพ็ญ แล้วทำลายชีวิตปกติ หรือถึงกับผละจากสัมมาอาชีพ ลิงโลด ทะยาน... เหล่านี้ล้วนมิใช่การแสดงออกอันพึงมีอย่างถูกต้องที่ให้เชื่อถือทำตาม  การดำเนินธรรมเกิดจากจิตแท้จริง มิให้ติดรูปลักษณ์ มิให้ฝืนทำจิตว่าง จะเป็นธรรมทาน ทรัพย์เป็นทาน อภัย(แรงกาย) เป็นทานก็ตาม จะต้องเกิดจากจิตปรารถนายินดีของตน ทำโดยประมาณกำลังตน  มิให้ฝืนทำ อีกทั้งการสร้างกุศลคุณความดี อย่าได้มีความคิดแม้เพียงเล็กน้อยว่าจะได้รับผลบุญตอบสนองเกินประมาณ อย่ามุ่งหมายภายหน้าว่าจะบรรลุอย่างนั้นอย่างนี้ จะต้องเจริญรอยตามมหาปณิธานของพระโพธิสัตว์ ฉุดช่วยเวไนยบนโลกนี้ อย่างกว้างขวาง  จนเข้าถึงสภาวะธรรมที่ :  "ภายในมิได้มีจิตยึดหมายในการฉุดชวย ภายนอกมิได้มีรูปลักษณ์ในการฉุดช่วย" เป็นภาวะธรรมเช่นนี้ได้ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาย่อมปรากฏ  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นที่สุดแห่งความยุติธรรม ไม่แตะต้องด้วยอารมณ์ผูกพัน ดำเนินธรรมตามหลักของฟ้า จึงจะเป็นการดำเนินตรง ที่กล่าวว่าดำเนินธรรมด้วยอารมณ์ผูกพันนั้นคือ ไม่รู้สัจธรรมความจริงของการบำเพ็ญ เอาธรรมะมาเป็นอารมณ์ผูกพัน เช่น นักธรรมผู้ใหญ่บางคนทำตามใจตน ได้ผลประโยชน์หรือพอใจผู้ใดก็ยกระดับอุ้มชูผู้นั้น  ผู้บำเพ็ญบางคนก็ไม่พิจารณาการอันควร ประจบสอพลอเพื่อประโยชน์ตน  การบำเพ็ญที่ขาดสติปัญญาเช่นนี้ ล้วนเป็นโทษจากอารมณ์ผูกพัน มิใช่ท่าทีถูกต้องของการเคารพเชื่อถือ หากมิเปลี่ยนแปลงแก้ไข จะตกต่ำร่วมกันไป  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นที่สุดแห่งเมตตาธรรม สนองรับบุญปัจจัยไม่เปลี่ยน ไม่เปลี่ยนในการสนองรับบุญปัจจัยท่ามกลางการเวียนธรรมจักร การประทับทิพย์ญาณประทานพระโอวาทในกะบะทรายเป็นความวิเศษสุดที่คนกับฟ้าสมานกัน  บุคคลนั้น หากเพื่องานธรรมโดยแท้ ไม่มีจิตส่วนตนแม้แต่น้อย  ผู้ทำหน้าที่ "คุณฟ้า เทียนไฉ" จิตสงบ นิ่งใส ไร้เดียงสา พระโอวาทที่โปรดประทานออกมาย่อมเชื่อได้ หากมิใช่ก็จะเกิดปัญหา  แท้จริงแล้ว การเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือการเชื่อหลักธรรม เชื่อการประทับทิพย์ญาณก็เช่นกัน ผู้บำเพ็ญอย่าได้หลับหุหลับตาเชื่อ จะต้องใช้ปัญญาญาณ ไปพิจารณาหัวใจหมายมุ่งของพระโอวาทนั้น หากสอดคล้องถูกหลักสัจธรรม  เปิดใจให้สำนึกรู้ในธรรม นั่นคือ นิมิตของสัจธรรม เป็นเสียงจากพระหฤทัยเซียนพุทธะ หาไม่แล้ว ตาบอดหลงทาง ถูกหลอกไปไม่รู้ตัว ดังที่กล่าวว่า :  "บรรลุก็จากกระบะทราย ถูกสอบก็จากกระบะทราย ล้มเหลวก็จากกระบะทราย  เฉิงเอี่ยเฟยหลวน เข่าเอี่ยเฟยหลวน ไป้เอี่ยเฟยหลวน" อักษรกระบะทรายนั้นแท้จริงแล้ว เป็นวิถีการสนองรับบุญวาระอันชอบด้วยอุบาย เพื่อการนำคนหลงให้สำนึกรู้ เซียนพุทธะ อาศัยพู่กันไม้ กระบะทราย นอกจากจะเปิดทางให้เห็นคุณวิเศษของธรรมะแล้วหลักสำคัญยังคงเป็นการแสดงจุดหมายในหลักธรรมอันล้ำลึกของศาสนาทั้งห้า เพื่อให้เวไนยฯใช้เป็นแนวทางในการชำระมลทินฟูฟื้นจิตกลมใสเท่านั้น ผู้บำเพ็ญจึงควรศึกษาพระธรรมคัมภีร์ห้าศาสนาให้มากเพื่อประจักษ์ชัดต่ออักษรกระบะทราย เช่นนี้จึงจะก่อเกิดความรู้เห็นเป็นจริง จึงจะก่อเกิดความเชื่อมั่นต่อธรรมะได้อย่างสุขุมคัมภีรภาพ  @ วิถีอนุตตรธรรมเป็นครรลองธรรมอันวิเศษแยบยลยิ่ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบตามกฏเกณฑ์แห่งฟ้า วิถีอนุตตรธรรม เมื่ออยู่กับคนนั่นคือ ระเบียบแบบแผนของมนุษยธรรม จึงมิใช่อิทธิฤทธิ์พิลึกพิลั่น ผู้บำเพ็ญยุคนี้มีการขู่คนด้วยความนัยลี้ลับของฟ้า บ้างว่า คนนั้นคือบรรพจารย์เกิดใหม่ เมื่อนั้นจะเกิดสงครามโลก  เมื่อนั้นจะเกิดโรคระบาดใหญ่... ช่างไม่รู้เลยว่า  ความนัยลี้ลับของฟ้านั้น ไม่ใช่จะเล่าลือกันได้ทั่วไป จะเดาสุ่มได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ อีกทั้งหากจำต้องบำเพ็ญด้วยเหตุของความกลัว กลัวว่าจะอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็มิใช่สัมมาธรรมะ บางครั้ง พุทธะเซียนอาจแสดงพระโอวาทเพื่อเตือนใจให้ตื่น  แต่ผุ้บำเพ็ญจะต้องตั้งใจบำเพ็ญ มิใช่อยู่ที่ความนัยลี้ลับของฟ้าแสดงไว้อย่างไร จะต้องอยู่ที่ตนเองเป็นแบบอย่างของผุ้บำเพ็ญเช่นไร รู้จักก่อเกิดคุณธรรมคงไว้ ก่อเกิดสัจวาจาคงไว้ เป็นปากเสียงแทนฟ้า ฉุดช่วยเวไนยให้พ้นทุกข์พ้นภัย จะมัวเอาความนัยของฟ้ามาแสดงความลี้ลับมหัศจรรย์ทำไม จึงหวังให้ผู้บำเพ็ญก่อเกิดความเคารพเชื่อถือ ศรัทธาที่มิใช่ความนัยของฟ้าเป็นที่ตั้ง กำหนดกาลของฟ้า ช่วงมะเมียมะแม ศาสนาปราชญ์สนองรับกำหนดกาล หวังให้ทุกคนกล่อมเกลี้ยงจิตญาณ บำเพ็ญตนและช่วยผู้อื่นอยู่เย็นเป็นสุข แปรสหาโลกให้เป็นสุขาวดีแดน เช่นนี้จึงจะเป็นขวัญวิญญาณของผู้บำเพ็ญธรรมที่มีต่อภาระศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สำหรับธรรมนาวายุคขาว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บำเพ็ญจะไม่หลงอยู่ในศาสตร์ต่าง ๆ การบำเพ็ญที่มีวิธีการแปลก ๆ หากใช้ด้วยหลักสัจธรรมเพื่อแสดงความเมตตากรุณา หรือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายใจ เป็นที่ตั้งยังพออนุโลมไปที แต่หากยึดหมายในศาสตร์ เวทย์ วิธีการต่าง ๆ ก็จะห่างไกลไปจากธรรมะ ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวได้รับไตรรัตน์สัจธรรม ก็คือได้รับสายทองนำกลับฟ้าเบื้องบน ขอเพียงเข้าใจความหมายของไตรรัตน์ ตถตา ความเป็นอยู่อย่างนั้นอันเที่ยงแท้แยบยลให้ถ่องแท้ พงศาธรรมที่สืบทอดมาจริง ประคองรักษาดำเนินธรรม มิให้ออกหากสักบัดใจ ให้ประพฤติตนเที่ยงตรงเป็นกัลยาณชน สายทองก็จะไม่ขาด สายทองจะขาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บำเพ็ญเอง ศรัทธามั่นคงจริงใจหรือไม่ บัดนี้ศิษย์ธรรมกาลยุคขาว ส่วนใหญ่ล้วนถือหลักสัจธรรมเป็นสรณะกัน ตั้งใจทำงานธรรมะ มีแต่ศิษย์อกตัญญูจำนวนน้อยตั้งตัวเป็น "สามสิบหกกงฉังพระอาจารย์ปลอม เจ็ดสิบสองบรรพจารย์ปู่ปลอม"  หลอกลวงคน บ้างประกาศตัวเป็นผู้มีอำนาจใหญ่มอบฐานะศักดิ์สิทธิ์แก่ใคร ๆ ได้ หรือวันข้างหน้าเขาจะเป็นผุ้แต่งตั้งให้ได้ทั้งหมด บ้างอ้างตัวเป็นบรรพจารย์ "เทียนเจิน" ได้รับพระโองการทำหน้าที่คัดเลือกสามพันหกร้อยอริยะ สี่หมื่นแปดพันเมธาธรรม  บ้างอ้างว่าตนเป็นพระวิสุทธิอาจารย์สมัยที่สิบเก้า หรือกล่าวว่า "ไตรรัตน์ถูกเปิดเผย ไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะต้องหันมาถือเขาเป็นสรณะ รับวิถีธรรมใหม่" บ้างอ้างว่าตนรับผิดชอบเก็บงานสมบูรณ์ผล จะต้องให้เขาเบิกจุดญาณทวารให้ใหม่ จึงจะกลับคืนเบื้องบนได้ สารพัดประหลาดสมเพชนัก  ผู้บำเพ็ญที่ไม่รู้จริงส่วนหนึ่งหลงผิดเข้าร่วม หลงทางไปไม่รู้ตัวแล้วยังกระหยิ่มยินดี  ค้นหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว พวกเขาติดตามเทิดทูนบรรพจารย์ปลอมกันหัวปักหัวปำนั้นก็เนื่องด้วยบำเพ็ญธรรมตามอารมณ์ผูกพัน  บำเพ็ญธรรมตามกระบะทราย ตามความนัยฟ้า และศาสตร์ เวทย์มนต์ต่าง ๆ หลับหูหลับตาหลงเชื่อโดยไม่เข้าใจต่อหลักสัจธรรมอย่างแท้จริง หวังแต่จะได้รับบารมีปรกแผ่ วันข้างหน้าจะได้รับการยกฐานะได้โดยง่ายดาย อนิจจา !  ธรรมะก่อกำเนิดทุกสิ่ง ให้โดยมิได้ยึดหมายจับจอง เป็นธรรมะที่ "ให้" จึงมิใช่หวังผู้เทิดทูน  มิเพื่ออวดอ้าง มีสถานธรรม มีญาตฺธรรมมากน้อยเพียงไร เพื่อให้ผู้อื่นเห็นเป็นสำคัญ  จึงหวังศิษย์ธรรมกาลยุคขาวจงพิจารณารู้ชัด

พระอาจารย์  :  พระวจนะดั่งหยกทองล้ำค่าจากพระบรรพจารย์ที่ทุกอักษรดุจอัญมณี ศิษย์ธรรมกาลยุคขาวของเราจงศึกษาส่องตนให้จงดี อาศัยขณะมีกายสังขารล้ำค่านี้ดำเนินธรรมตามหลักให้ดีเถิด  คืนนี้ขอบพระคุณพระบรรพจารย์เป็นที่ยิ่ง ด้วยเวลาจำกัด เราศิษย์อาจารย์ขอลาแต่เพียงนี้

อู้เอวี๋ยน  :  กราบลาพระบรรพจารย์

พระบรรพจารย์  :  น้อมส่งบรรพพุทธา

พระอาจารย์  :  อู้เอวี๋ยนรีบขึ้นนกกระเรียนเซียนไป ถึงตำหนักพระ ญาณของอู้เอวี๋ยนกลับเข้าร่าง พระผู้พิทักษ์ตำหนักธรรมติดตามพระอาจารย์กลับคืนเบื้องบน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8 

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

ฟ้าโคจรเคลื่อน                  ดวงเดือนตะวัน                  เวียนผันจักรวาล
ตั้งแต่ก่อนกาล                  ปัจจุบันยังคง                     ดำรงเลี้ยงโลก
ธรรมโบราณมา                 พงศสสืบต่อ                      แพร่ลงปรกโปรด
พุทธะแล่นโลด                เรือเมตตาธรรม                   กู้นำคนหลง
                        เทียนสิงยื่อเอวี้ยอวิ้นเฉียนคุน
                        หยานเจ้าสีจินหย่างฉวินหลุน
                        กู่เต้าจินเชวียนจี้เต้าถ่ง
                        ฝอเจี้ยฉือหังจิ้วหมีเฉิน
                                                                                                                                เราคือ
        พุทธบรรพจารย์เทียนหยาน        สนองรับ
พระแม่องค์ธรรมบัญชา                     มาสู่พุทธสถานน้อมกราบ
อนุตตรธรรมมารดาแล้ว
พบศิษย์เมธี                       วันนี้ที่มา                       พุทธสถาน
เพื่อเที่ยวจดงาน                  บันทึกบททอง                ส่องเห็นความนัย
ยุคท้ายธรรมแพร่                 แต่คนบุญตื้น                  ฝืนรับไม่ได้
เวรกรรมนำไป                     หมกไหม้ปัญญา              หารู้เท็จจริง
        ฮุ่ยเจี้ยนถูเสียน                      จินยื่อไหลถัน
อิ๋วจี้จินเพียน                                 เจี้ยจีเตี่ยนเสวียน
ม่อฝ่าเหยินเกิน                              โซ่วเอี้ยโซ่วเจียน
จื้อฮุ่ยเป้ยฟู่                                   เจินเจี่ยหนันเปี้ยน
ศาสตร์ไสยในนอก               ลวงหลอกหัวปั่น                 จักรวาลธรรม
ใครหรือช่วยนำ                   ทำงานแทนฟ้า                   มิจฉาปราบปราม
นอกรีตนอกทาง                  แผ้วถางช่วยกัน                  ผาลไถให้ราบ
ศิษย์จงประกาศ                  เพื่อจัดบัวฐาน                    มั่นคงตรงเดิม
        จูปันเสินทง                         อิ้วอิ่นเต่าเตียน
เต้าผันฉี่ลั่ง                                 เสยเหนิงไต้เทียน
เส่าฉื่อเอียวเพียน                         อ้วงถูเซวียนฉวน
อี่ควงเอวี๋ยนเหลียน
                                                                                                                               ไฮ   ไฮ   พัก               

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ใจคือพุทธะ             จะยังหันหน้า             มองหาที่ไหน
                  บำเพ็ญภายใน          เจดีย์หลิงซัน             บรรพตศักดิ์สิทธิ์
                  ภูเขาหัว - ใจ            อยู่ ณ ที่ใด              จะใคร่ชมชิด
                  แท้จริงสนิท             ติดตัวทุกผู้                รู้ได้ด้วยตน   

                                                           ท่องพุทธาลัย (2)

                                                                ตอนที่ 8

                         ณ ตำหนักชิงหยางตรวจสอบเคร่งครัดเพื่อผ่านสิบข้อมหาปณิธานเป็นบันไดไปสู่ฟ้า

                                  ชิงหยางเตี้ยนโข่วเอี๋ยนเสิ่นฉา    สือเถียวต้าเอวี้ยนซื่อเทียนที

อนุตตรธรรม                  วิเศษล้ำเลิศ                  เกิดพลังหนึ่งแท้
อินหยางจึงแปร              แลเกิดรูปลักษณ์             ประจักษ์หลากหลาย
ฟ้าดินเกณฑ์กฏ             กำหนดกาลนี้                 "ซันหยางไคไท่"     (ธรรมกาลยุคสามเบิกฟ้ากระจ่างธรรม)   
ชีวิตจึงได้                    คุณจากธรรมะ                 กระจายปรกแผ่
ดำรงจิตญาณ               ในกาลทุกเมื่อ                 "เพื่อให้" ไม่แปร
ดำรงธรรมแท้               นิ่งแน่เรียบงาม                 เป็นธรรมชาติ
พลานุภาพ                  อากาศดินฟ้า                   คนต้องอาศัย
จิตเหนืออื่นใด              ในจักรวาล                     ญาณจากเบื้องบน
จิตญาณล้ำค่า               ด้วยมีปัญญา                  สามารถบำเพ็ญ
สำรวมที่เห็น                รู้เป็นภายใน                   ใจนั้นแยบยล
มีสติอยู่                     อยู่ ณ ตรงอยู่                  อยู่ธรรมนำตน
สู่อาสน์อุบล                บนสามระดับ                   กราบบรรพจารย์
          ต้าเต้าเสวียนเสวียนอี๋ชี่พั่น          เหลี่ยงอี๋ซี่อเซี่ยงเหลียน
เฉียนคุนเตี้ยนติ้งซันหยางไท่                 เหยินอู้ชู่เซิงเอียน
ซิ่งซิ่งฉุนฉุนอู๋เอว๋ยซี                           สิงเต้าผิงจื้อหยาน
เหยินปิ่งเทียนตี้อู่ชี่ซิ่ว                         ตู๋จุนอวั้นหลิงเซียน
หลิงกุ้ยจื้อฮุ่ยเหนิงซิวเต้า                     ซิ่วจุนอู้จงเสวียน
เนี่ยนจือไจ้จือจือไจ้เต้า                       ซันผิ่นเฉาจู่เหลียน           

รังสีพุทธา                  สาดส่องต้องมา                 ภูผาศักดิ์สิทธิ์
ธรรมะสถิต                 จิตเป็นกลางอยู่                 คู่โมงยามได้
จง "สามสำรวจ"           ตรวจพิจารณา                  ผดุงจิตไว้   
เหตุผูกพันใด              ไม่ยึดติดหมาย                 ไม่พันธนา
        ฝอกวงเจ้าเช่อหลิงซันถ่า              จงอยงเอ้อลิ่วเหมียน
ซิวซินหย่างซิ่งยื่อซันสิ่ง                       อวั้นเอวี๋ยนเซี่ยอู้ฉัน

หมายเหตุ : ซันสิ่ง "สามสำรวจ"  ทำการใดให้ใครไม่ซื่อตรงเต็มกำลังหรือไม่ - คบหามิตรสหายไม่สัตย์จริงต่อใครหรือไม่ - ศึกษาเรียนรู้จากครูบาร์อาจารย์ไม่หมั่นทบทวนหรือไม่      "เอกัคตา (เอกักคะตา)" ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว หมายถึง ความมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว

ความนัยฌาน               สรรค์สร้างสู่                    ทางรู้จิต
นิ่งพินิจ                      "เอกัคตา"                      ธรรมาหนึ่ง
จิตท่ามกลาง                ดั่งไม่มี                         แต่มีซึ้ง
ปัญญาจึง                    สว่างจ้า                        มหาโลก
        ฉันจีเจ้าฮว่าเจินหยูเจวี๋ย                  ม่อเสินหนิงเต้าเสวียน
เสวียนจงโหย่วเจินอู๋เซิงโซ่ว                     ฮุ่ยกวงเจ้าซันเชียน

จิตเสรี                        มีอิสระ                          ณ เหนือโลก
เบื้องบนยก                  หมื่นแปดร้อย                  ฐานเซียนให้
สัทธ์ธรรมา                   จะรู้อยู่                         คู่ใจใคร
เบื้องบนให้                   หนึ่งจุดนำ                     ย้ำแยบยล
        เซียวเอี๋ยวจื้อไจ้เทียนไอว้เค่อ            เต้าไจ้อวั้นปาเซียน
จื้อเต้าเหอเหยินเสี่ยวเต๋ออู้                       เซียนเทียนอี้เตี่ยนเสวียน           

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”