ท่องพุทธาลัย (2)
ตอนที่ 7
ในด่านจื่อหยาง พร่างพรายไม่สิ้น ดินฟ้าสร้างสรรค์
ฟ้าบรรจบกาล เทียนเฝิงบรรพจารย์ ชี้ทางตรงจุด
จื่อหยางกวนเน่ยเมี่ยวเจ้าฮว๋า
เทียนเฝิงจู่ซือจื่อเจิ้งลู่
พระอาจารย์ : เจ้าถามได้ดี ครั้งนี้เรารับพระโองการบัญชาให้ท่องพุทธาลัย จุดหมายอยู่ที่จะเอาเหตุการณ์ขั้นตอนของผู้บำเพ็ญที่ได้รับธรรมะแล้ว ผ่านการตรวจสอบจากเทพกรทุกฝ่ายในฟ้าดินอันเที่ยงธรรมจนไปถึงพุทธาลัยได้อย่างไร อีกทั้งยังจะขอให้เทพกรทุกฝ่ายได้โปรดแสดงธรรมเพื่อเผยแผ่ลงในหนังสือให้ชาวโลกได้ศึกษาบำเพ็ญ เนื่องจากผู้บำเพ็ญได้รับธรรมะแล้วจะต้องผ่านการตรวจสอบจากด่านเก้าเก้าจื่อหยังกวน เพื่อจำแนกฐานะสูงต่ำ เราจึงต้องรับพระโองการบัญชาไปเยี่ยมชมที่นั่น
อู้เอวี๋ยน : เป็นเช่นนี้เอง ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ
พระอาจารย์ : คืนนี้เราจะเรียกนกกระเรียนเซียน ให้เป็นพาหนะทุ่นแรงในการท่องเที่ยว นโม... นกกระเรียนเซียนได้รับพระบัญชาบินมาหน้าตำหนักพระ เธอช่างงดงาม ปีกขนสะอาดสะอ้าน ไม่มีจุดด่างแม้แต่น้อย ขาวบริสุทธิ์ประกายวาว ความสูงประมาณได้สามฟุต พระอาจารย์ ศิษย์ ขึ้นนั่งบนหลังกระเรียนเซียนทะยานฟ้าสีครามสู่ห้วงเวหาสุดสายตา เมื่อมองลงมายังโลกธุลีดิน แสงไฟระยับดั่งดาวหกหัว ท้องฟ้าเวิ้งว้างมิรู้ที่สิ้นสุด
อู้เอวี๋ยน : กระเรียนเซียนทะยานพุ่งไป มั่นคงดั่งสายฟ้า พระอาจารย์ได้โปรดอธิบายหน่อยขอรับ
พระอาจารย์ : จะบอกเจ้า เขาคือกระเรียน มีอายุกว่าหนึ่งพันปี จำศีลอยู่ที่ยอดเขาคุนหลุน ไม่กินชีวิตเลือดเนื้อ และธัญพืช กินน้ำค้างกับลม ไม่เพียงจำศีลทำสมาธิบำรุงเลี้ยงกายธาตุ พลังธาตุเท่านั้น ยังออกหากจากชาวโลก อยู่กับธรรมชาติอิสระ บำเพ็ญเช่นนี้ต่อไปอีกร้อยปีจะถอดร่างทะยานฟ้า บรรลุมรรคผลแห่งเซียน
อู้เอวี๋ยน : จริงหรือขอรับ... จะเห็นได้ว่าการบรรลุมรรคผลเกิดจากการบำเพ็ญเพียร ใจแกร่งสำเร็จหมาย ได้สุขไม่สิ้น กระเรียนยังเป็นเช่นนี้ได้ คนจะไม่ได้หรือไร
พระอาจารย์ : ผู้มีความมุ่งมั่นยั่งยืนก็จะไม่ยาก คนเป็นสัตว์ประเสริฐล้ำค่า ครบอาการสามสิบสอง หากใจแกร่งบำเพ็ญธรรม ย่อมสำเร็จได้ บัดนี้เป็นบุญวาระฟ้าปรกโปรดถ่ายทอดวิถีธรรมจริง มีบุญรับไปถนอมรักษาไว้ มุ่งใจบำเพ็ญจนถึงที่สุด จะกลัวไปไยว่า จะไม่พ้นจากทะเลทุกข์ จะกลัวไปไยว่าจะไม่บรรลุผล ระหว่างศิษย์อาจารย์สนทนาธรรมไป พลันก็ผ่านสถานตรวจสอบวิญญาณผู้ตาย ล่วงข้ามชุ่ยเอว๋ยซันบรรพต (ตำหนักทำการของตรีเทพพิทักษ์มหาราชเจ้า) มองไปไกลข้างหน้าเห็นกำแพงใหญ่ แสงไฟระยับ นอกกำแพง หญ้าสูงหนาทึบ มองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ มีทางใหญ่สามสายผ่านไปถึงหน้าประตูใหญ่ของกำแพงที่ล้อมรอบนั้น
อู้เอวี๋ยน : ที่นี่คงเป็นด่านเก้าเก้าจื่อหยางกวน เป็นแน่ขอรับ
พระอาจารย์ : ใช่แล้ว ภายในด่านมีสถานตรวจสอบลงโทษบาปบุญของผู้ได้รับธรรมะแล้ว เราลงจากกระเรียนเซียนได้แล้ว ชมการทำงานของแต่ละฝ่ายในด่าน เพื่อจารึกหนังสือ พูดจบ พระอาจารย์บอกให้กระเรียนเซียนร่อนลงข้างทางพักรออยู่ในหมู่ไม้ ทั้งสองเดินสู่ประตูใหญ่ ไม่ทันกี่ก้าวก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เทพกรหลายท่านพร้อมด้วยเทวมาตย์เดินออกมาคารวะพระอาจารย์
เทวมาตย์ : ผู้น้อยรับบัญชาจากองค์เจ้าตำหนักออกมาต้อนรับ ห้องรับรองไม่ไกลจากที่นี่นัก พระบรรพจารย์ เจ้าตำหนักรออยู่ในห้องโถงนานแล้ว กราบทูลเชิญพระอาจารย์ เชิญอู้เอวี๋ยน
พระอาจารย์ : มิต้องมากจริยา น้ำใจไมตรีจากพระบรรพจารย์เราจะกล้ารับอย่างไรได้ อู้เอวี๋ยน รีบคารวะท่านเทวมาตย์ อย่าเสียจริยา
อู้เอวี๋ยน : ผู้น้อยกราบคารวะท่านเทวมาตย์ ทุกคนเดินเข้าประตูด่านไป กำแพงสูงมากอย่างกับกำแพงเมืองโบราณ ภายในด่านมีที่ว่างกว้างใหญ่ ซ้ายขวาหน้าหลังมีพระวัชระพิทักษ์ธรรม องค์สูงใหญ่ ยืนทะมืนรักษาการณ์อยู่สิบกว่าองค์ ทุกองค์หุ้มเกราะสะพายดาบปฏิบัติหน้าที่น่าเกรงขาม เงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นป้ายคำว่า "เก้าเก้าจื่อหยางกวน" แขวนไว้เหนือประตูด่านฉาบทองวาววับ อุ้เอวี๋ยนเดินตามพระอาจารย์พลางชมดู พอเข้าประตู เหล่าวัชระพิทักษ์ธรรมกับพระอาจารย์ต่างก็โค้งคารวะซึ่งกัน จากนั้นเทวมาตย์ดำเนินนำหน้า พากันไปตามทางใหญ่ในด่าน ชั่วขณะก็มาถึงหน้าตำหนัก แหงนคอตั้งบ่าเห็นอาคาร ตำหนักโอ่อ่ามีป้ายใหญ่เหนือประตูว่า "เสินหยางเตี้ยน" แสงทองวาววับ กลอนคู่สองข้างประตูความว่า " คุณโทษแจ่มแจ้งฤาแสร้งปิดได้ หลักฟ้าเมี่ยงไซร์ไม่ช่วยบิดเบือน กงกั้วชิงหมิงฉี่เหนิงชีหมัน เทียนหลี่จื้อกงหาวอู๋ซือฉิง " ผนังหินด้านข้างยังมีอักษรโบราณจารึกอยู่อีกไม่น้อย อู้เอวี๋ยนตั้งใจอ่าน แต่ต้องหยุด เมื่อเห็นพระบรรพจารย์เจ้าตำหนักเสด็จดำเนินมาต้อนรับ พระองค์ช่างเรียบง่ายเป็นกันเองยิ่งนัก
พระอาจารย์ : รบกวนพระองค์ขณะทรงงาน เสียมารยาทแท้ ขอเจ้าตำหนักท่านโปรดอภัย
พระบรรพจารย์ : บรรพจารย์ท่านเหนื่อยยาก กรำลมกรำฝน
องค์เจ้าตำหนัก : เพื่อฉุดช่วยมวลเวไนยฯ... เชิญเข้าพักในตำหนักสักครู่
อู้เอวี๋ยน : ศิษย์ผู้น้อยกราบพระบาทองค์เจ้าตำหนัก (พระบรรพจารย์) ขอจงทรงอริยสำราญ