collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ลังกาวตารสูตร  (อ่าน 22388 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                    ลังกาวตารสูตร   :   ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ๑. คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน คือ "ชีวิต" ความโหดร้ายอันมหันต์ของมนุษย์โลก คือ "ฆ่า" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่กระจ่างที่สุดของคนโบราณเป็นคำพูดที่สั่นและเข้าใจง่ายที่สุด เป็นคำพูดที่เจ็บปวดที่สุด พวกเราควรจะรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด การฆ่าเป็นสิ่งที่โหดร้ายเจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน พวกเราเคยอ่านหนังสือถึงโทษทัณฑ์ที่หนักที่สุดของมนุษย์ก็คือ "ตาย" เท่านั้น ก็จะรู้ถึงความชั่วร้ายที่ก่อไว้ ความโหดร้ายแม้จะท้วมท้นเลวทรามที่สุด เมื่อตายลงแล้วทุกอย่างก็สิ้นสุด ไม่สามารถจะเพิ่มโทษได้มากกว่านี้อีกแล้ว แต่กลับกัน พวกสัตว์ที่ไม่มีพิษร้ายต่อผู้คน ถึงมีโทษก็ไม่ถึงตาย ฟ้าดินยังอภัยให้โทษ ผู้คนกับไม่คำนึงถึงสิ่งใด ๆ  จับมาฆ่าแกงทารุณกรรมอย่างโหดร้าย แล้วก็กินมันเข้าไปแทบถือเป็นเรื่องธรรมดา  เฮ้อ !  โลกนี้ช่างโหดร้าย ไร้เหตุผล ยังมีอะไรหนักมากยิ่งไปกว่านี้บ้างไหม?. ทุกชีวิตของสัตว์ที่มีอยู่ในโลกนี้ ตั้งแต่มนุษย์จนกระทั่งสัตว์บกสัตว์น้ำ  ถึงแม้จะมีความแตกกันทางรูปร่าง และน้ำหนัก แต่วิญญาณนั้นเหมือนกัน หรือจะกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ สัตว์แม้ไม่มีรูปร่างเหมือนกัน แต่ก็มีน้ำจิตน้ำใจเหมือนคน ต่างก็รู้จักรักชีวิตตน รู้จักกลัว รู้จักเจ็บปวด  ดังนั้น คนควรมีอัธยาศัยต่อสัตว์ เหมือนมีอัธยาศัยต่อคน ไม่ควรเห็นความแตกต่างจากร่างกายสังขาร เป็นข้ออ้างในการแบ่งแยกที่จุดนี้ อย่างน้อยที่สุดพวกเราต้องจดจำว่า มูลฐานของชีวิตต่างก็มีชีวิตขึ้นตรงต่อฟ้าดิน ต่างก็ส่งกระแสจิตต่อกันได้ ไม่อาจที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ เธอลองคิดดูซิว่า เวลาเราถอนขนสักเส้นหนึ่ง เราก็จะรู้สึกสะดุ้งสะเทือนไปทั้งตัวเพียงไร เข็มแทงอันเดียว ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น หาใช่ร่างทั้งร่างก็ไม่ นั้นก็คือ ทุกชีวิตก็มีชีวิตเหมือนตัวเราเอง เลือดเนื้อก็เหมือนกัน ความเจ็บปวดทรมานจะต่างกันอย่างไร ?. ที่ยกย่องกันว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีคุณธรรม ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะกินสรรพสัตว์ได้  ควรจะรู้ว่าฟ้าดินได้ให้กำเนิดชีวิตที่โง่เขลา เฉลียวฉลาดตั้งชื่อว่า "มนุษย์" แล้วก็ให้กำเนิดชีวิตที่โง่เขลาเบาปัญญา ตั้งชื่อว่า "สัตว์" ทั้งสองอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ต่างกันเหมือนกับชีวิตของคนที่มีลูกคนโต ล้วนมีลูกคนเล็กถัด ๆกันไป แม้มีความต่างกันเป็นพี่เป็นน้อง แต่ก็มีเลือดเนื้อ มีความสนิทสนมดุจเดียวกัน หากแต่ว่า คนมีสติปัญญาและพละพลังสมบูรณ์ สมกับชีวิตสัตว์ประเสริฐ พวกที่หลงงมงาย และเข้าข้างตัวเอง็ทึกทักเอาว่า สวรรค์ส่งสรรพสัตว์มาให้คนกิน คำพูดเหล่านี้มีหลักฐานอะไร?. ถ้าอย่างนั้น เวลาเสือมาเจอคนเข้ามันก็กินคนเลย ก็น่าจะพูดว่า สวรรค์ส่งคนมาให้เสือกินบ้าง การดำรงชีพของคน จำเป็นต้องพึ่งชีวิตสัตว์อีก พูดถึงคำว่า "ทุกชีวิตคือร่างเดียวกัน" ผู้คนคงรู้สึกว่าตนเองใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ละคนก็มีร่างของแต่ละคน จะเป็นร่างเดียวกันได้อย่างไร?. ที่แท้แ้แล้วในครอบครัวหนึ่ง ก็เหมือนร่างเดียวกัน  เช่นแม่ลูกเป็นต้น นี่เป็นความจริงที่แน่แท้ แต่ปัจจุบัน จะไปแลดูได้อย่างไรว่า ทุกชีวิตจะมีร่างกายอันเดียวกัน?. ถ้าอย่างนั้น เมื่อร่างของแม่เห็นลูกน้อยดีใจ แม่ก็ดีใจด้วย ถ้าลูกน้อยเกืดเจ็บป่วยและตายไป ถ้าเป็นไปได้แม่ก็พร้อมจะเจ็บป่วยและตายแทน  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/08/2554, 11:25 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        ลังกาวตารสูตร   :   ความเจ็บปวดของสัตว์        โดยลี่อี้เอ๋ง

        ภายใต้จักรวาลนี้ คนที่เป็นแม่จะไม่นับว่าลูกน้อย และตนเองมีร่างดุจเดียวกัน  ดุจเช่นผู้ที่รักบ้าน รักชาติ รักประเทศดุจเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับการรักมนุษยชาติ รักผู้คน  เมิ้งจื้อ กล่าวว่าพระเจ้าแผ่นดิน "อู้" เห็นไพร่ฟ้าจมน้ำก็เหมือนกับตนเองจมน้ำด้วย พระเจ้าแผ่นดิน "เจ็ก" เห็นไพร่ฟ้าอดอยากก็เหมือนตนเองอดอยากด้วย พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์กล่าวว่า "ถ้าผู้คนยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ข้าก็จะไม่เข้าสุ๋พระนิพพาน" ด้วยเหตุอันนี้ก็เช่นเดียวกับแม่ที่คอยดูแลลูกน้อย ที่มีความจริงใจคอยเฝ้าห่วงใย ประดุจมีชีวิตอันเดียวกัน ซึ่งไม่สามารถจะแบ่งแยกความสัมพันธ์อันนี้ได้ คนๆนี้ คนๆนั้น และอีกหลายๆคน ก็มีดวงจิตที่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าบนร่างกายนั้น ภายใต้หนังที่หุ้มอยู่ ถ้าเอาเนื้อที่หนักไม่กี่สิบกิโลกรัมออกเสีย ก็จะกลายเป็นว่านี่เป็นของฉัน นั่นเป็นของเขา  ในกรณีที่เราไม่สามารถแยกหนังออกได้ ถ้ามีโอกาส ก็เอาส่วนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันมารวบรวมกันเข้า จากความน้อยนิดของฉันก็เพิ่มให้มันใหญ่ขึ้น  เพิ่มเข้าไปอีกเรื่อย ๆ จนใหญ่คับฟ้ากลายเป็น "ฉันแท้ ๆ " ไม่บกพร่องเลย !  สิ่งที่ต้องรู้ก็คือ เมื่อเปรียบเทียบส่วนที่ใหญ่ของฉัน กับความประพฤติที่สูงหรือต่ำ  ก็รู้ว่าคนที่เลวทรามที่สุด ก็คืคนที่เอาเนื้อไม่กี่สิบกิโลกรัมนั้นมาเป็นของฉันนั่นแหละ ดังนั้น พฤติกรรมของเขา ก็จะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ความชั่วร้ายขนาดไหน ก็ทำมาแล้ว ความชั่วร้ายที่ฆ่าชีวิต ก้เนื่องจากขาด "ความเห็นอกเห็นใจ" อันสืบเนื่องมาจากความเห็นของผู้คนไม่มีร่างเป็นดุจอันเดียวกัน ! 

        ๒. ไม่ว่าใครฆ่าใครก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมีเกิดขึ้น แต่ชาวโลกมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน "การฆ่า" มีคนฆ่าคน มีคนฆ่าสัตว์และสัตว์ฆ่าคน ๓ ชนิด แต่ผู้คนกับเห็นว่า "คนฆ่าคน" เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด "คนฆ่าสัตว์" เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด "สัตว์ฆ่าคน" เป็นเรื่องน่ากลัวและแตกตื่นมาก !  ข้าอยากให้พวกเราเปิดใจโดยที่จริงแล้วคนฆ่าสัตว์นั้นดุร้ายกว่าคนฆ่าคนมาก ยังดุร้ายกว่าสัตว์ฆ่าคนด้วย !  เป็นเพราะอะไรหรือ?. เพราะว่า คนฆ่าคนอาจเกิดจากคดโกงทางกฏหมาย หรือไม่ก็เพื่อป้องกันตนเอง หรือไม่ก็ด้วยสาเหตุอื่น ๆ สัตว์แม้จะฆ่ากันก็มีขอบเขตจำกัด เช่น เสือก็ไม่อาจทำร้ายพวกนกได้ สัตว์น้ำก็ไม่ทำลายสัตว์บก เป็นต้น มีแต่คนที่ฆ่าสัตว์ ฆ่าได้แม้แต่อยู่ในอากาศ อยู่ในท้องทะเลลึก ในป่า และบนภูเขา ไม่มีที่ไหน ที่ไม่ถูกฆ่า ทุกชนิดถูกฆ่าเพื่อมาบำเรอปากท้องทั้งสิ้น ก่อให้เกิดสิ่งน่าเสร้าสะเทือนใจ  ทำให้นกไร้เพื่อน บินโดเดี่ยว สัตว์ป่าหลงฝูง น่าสมเพชยิ่ง "ลิ้นคนแลบถึงฟ้าถึงทะเลลึก" การกระทำของคนเช่นนี้ กฏหมายก็ไม่สามารถเอาโทษได้ แต่ยังได้รับการยกย่องจากพวกเดียวกันอีก การเข่นฆ่าของสัตว์ยังมีขอบเขต แต่การฆ่าของคนนั้น ไร้ขอบเขตจริง ๆ เมื่อพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้แล้ว จะเห็นว่า "คนฆ่าสัตว์" นั้นดุร้ายกว่า "คนฆ่าคน" อย่างโหดเหี้ยมที่สุดใช่ไหม?.  แล้วยังมีน้ำหน้ายกย่องตัวเองว่า "เป็นสัตว์ประเสริฐ" น่าจะเรียกว่า "สัตว์โหดเหี้ยม" จะเหมาะกว่า?.           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                     ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        น่าสังเวชที่ชั่วชีวิตของคนเรานี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่โตจนแก่ไม่เคยที่ไม่พ้นการฆ่าตั้งแต่แรกเริ่มคลอดครรภ์มารดาก็ถือโอกาสเลี้ยงฉลองด้วยการฆ่าชีวิต เพียงไม่นานพออายุครบเดือน ก็ฆ่าชีวิตเลี้ยงกันอีก พอครบขวบปีก็ฆ่าชีวิตกันอีก จนกระทั่งเติบโตได้เวลาแต่งงานถือว่าเป็นงานมงคลก็ฆ่าชีวิตอีก  โดยถือโอกาสไหว้เจ้าฆ่าชีวิต แต่งงานก็ฆ๋าชีวิต ซึ่งวนเวียนไปวนเวียนมา ฆ่ากันตลอดศก ล้วนแล้วแต่สังเวยปากท้องทั้งนั้น "ตลอดชีวิตสะสมแต่บาปเวร" ชีวิตที่ถูกเราฆ่านั้นไม่รู้จักกี่ร้อยกี่พัน ยังมีอีกตอนที่เจ็บป่วย ก็อยากต่อชีวิต ร้องขอชีวิตอยู่ แต่กลับทพลายชีวิต แล้วอย่างนี้จะมีชีวิตยืนยาวได้อย่างไร ชีวิตการแต่งงาน เป็นชีวิตคู่ที่เริ่มรักสมานฉันท์ เหตุไฉนกลับเชือดเฉือนพรากมันจากกัน การให้กำเนิดบุตรนั้นถึอว่าเป็นนิมิตอันดี แต่เหตุไฉนต้องฆ่าแม่ "ไก่" พรากลูกมันมีเหตุผลอะไรหรือ ?. โดยปกติคนเราเมื่อมีงานมงคล ก็ควรหาฤกษ์ยามและปฏิบัติสิ่งที่เป็นสิริมงคล จึงจะถูกต้อง เช่น อวยพรงานวันเกิด ควรใช้คำอวยพรให้อายุยืนยาวเหมือนเต่าเหมือนนกกระเรียน ถ้าอวยพรเพื่อให้เพิ่มบุตร ควรใช้คำพูดว่ามีบุญวาสนามีโชค ได้บุตรประเสริฐรุ่งเรืองสืบสกุล ในขณะที่เราอยู่ในความคิดที่ดี ๆ ก็เกิดมีการฆ่ากันอย่างมาก ๆ ขึ้นมา ก้จะบั่นทอนอายุที่ยืนยาวให้สั้นเข้า พวกที่ลูกมาก ก็มักจะด่าว่าให้ลูกฉิบหายตายเร็ว หน้าบ้านก็กล่าวอวยพรกันเอิกเกริก หลังบ้านก็เป็นแดนประหาร เสียงร้องอย่างตระหนกตกใจ เมื่อจวนจะตายมันน่าฉงนจริง ๆ ชีวิตบางชีวิต เหมือนตัวละครถูกฆ่าชีวิต  บางชีวิจอยู่ดี ๆ ก็ถูกฆ่า บางชีวิจก็ทรงอำนาจแล้วถูกฆ่าน่าแปลกแท้ ๆ ลองมาดูกันว่าอาหารมื้อหนึ่ง ๆ ของคนเราก้ไม่พ้นการฆ่าชีวิต เช่น นกกระจาบจานหนึ่ง ๆ ไม่น้อยกว่าสิบชีวิต พวกหอย พวกกุ้ง เป็นร้อยชีวิต จึงจะได้สักมื้อหนึ่ง แค่นั้นยังไม่พอต้องแต่งกลิ่น แต่งรส หาวิธีปรุงอาหารต่าง ๆ เพื่อให้รสชาติเหมาะชวนกิน บางอย่างก็กินกันสด ๆ เลือดสด ๆ กินกันอย่างพิสดาร กินกันอิ่มแล้วก็พออกพอใจ ถ้าหากทำมาช้าหน่อย ก้พาลอารมณ์เสีย ไม่เคยคิดถึงบุญคุณของ ของที่อยู่ในจาน ล้วนมาจากความเคียดแค้น ความทุกข์แสนสาหัส เพื่อปรนเปรอความสุขขั้นสุดยอดของท่าน โดยกลืนกินชิ้นส่วนของมัน ไม่เคยคิดถึงกรรมจะสนองอย่างไร?. เราลองคิดให้ลึกซึ้งอีกนิดว่าฉากแห่งความเหี้ยมโหดเกิดขึ้นขนาดไหน?. เพื่อสนองความต้องการของปากท้อง  ดังนั้น เมื่อฟ้าเริ่มสางของทุก ๆ วัน เพชฌฆาตที่นับจำนวนไม่ถ้วนมือถือมืด เพียงไม่ถึงชั่วยาม ชีวิตของสรรพสัตว์ เป็นแสนเป็นล้านต้องดับจมลง  ถ้าเอาซากศพมันมากองก็จะได้ภูเขาสูงมหึมา แล้วเลือดของมันมารวมกันก็จะไหลหลั่ง สามารถย้อมแม่น้ำได้ทั้งสายทีเดียว ดูสภาพอนาจน่าเวทนายิ่งนัก พวกมันทุกข์ยิ่งกว่าถูกโจรปล้นผลาญล้างเมือง ฟังเสียงร้องของพวกมัน สะเทือนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้อง  ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจะพบแต่คมมีดกรีดแหวะท้อง ปลายแหลมทิ่มแทงหัวใจ  ถลกหนัง ถอดกระดูก ถอดเกล็ด เชือดคอลอกคราบ เอาน้ำร้อนต้มตุ๋น อีกทั้งเกลือเหล้าหมักดอง ทั้งหอย กุ้ง ปู ปลา ฟ้าเอ๋ย ! น่าสงสารเจ็บซ้ำยิ่งนัก ยากที่จะหาทางระบายออกมาได้ สร้างบาปมหันต์ จมปลักอยู่ในความแค้นนับหมื่อน ๆ ชาติ ซึ่งสืบเนื่องแต่ปากท้องทำให้ก่อเวรกรรมขึ้น 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                       ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ๓. ความมีพรหมวิหารสี่  ความจงรักภักดี ความมีสัมมาคารวะ ความมีปัญญา และความดี สัจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรมีไว้ประจำตัว คุณธรรม ๕ ประการนี้ ถ้ารักษาได้เป็นปกติ ก็จะไม่ละอายตนเองเป็นบุคคลที่สง่าผ่าเผย อันชีวิตมนุษย์ที่อยู่ใต้ฟ้าดินนี้ มีสังขารเล็ก ๆ แค่เพียงเจ็ดฟุต เมิ่อยืนหยัดอยู่กับความกว้างใหญ่ของฟ้าดินที่แท้อาศัยกับอะไรเล่า?.มนุษย์ที่ยกย่องว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ  พึ่งพิงอยู่กับอะไร? ก็เพรราะมนุษย์มีคุณธรรมห้าประการ ที่สามารถยืนหยัดอยู่กับฟ้าดินอย่างไม่ละอายใจ และไม่ลอายในที่ยกย่องตนเองเป็นสัตว์ประเสริฐเลย แต่ทว่าที่ขาดศีลห้าข้อ ห้ามฆ่าสัตว์ เกิดการฆ่าชีวิตขึ้น ก็เป็นการทำลายความเป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมประจำใจ เช่น ฆ่าตัวเขาเพื่อความอ้วนท้วนของตัวเรา ก็จะขาดพรหมวิหารสี่ พรากญาติขาดมิตรเขา เพื่อเลี้ยงดูเพื่อนพ้องตนเอง ก็เป็นผู้ขาดความจงรักภักดี ถ้าเอาเนื้อหนังมันมาไหว้เจ้า ก็จะขาดคุณธรรมข้อสัมมาคารวะ และที่ยกย่องว่าชะตาชีวิตล้ำเลิศต้องเสพกินคาวเลือด ก็เป็นผู้ที่ขาดสติปัญญาเอาเหยื่อล่อหลอกให้เหยื่อติดกับก็เป็นผู้ไร้สัจจะ เฮ้อ ! มันอาศัยอยู่ในโลกกิเลส ถ้าไม่รักษาคุณธรรมทั้งห้าก็จะไร้ความเป็นมนุษย์ไป เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เดรัจฉานแล้วมันจะแตกต่างกันมากน้อยเท่าไร จิวอันสือ กล่าวว่า "ความมีพรหมวิหารสี่เป็นธรรมข้อแรก ของคุณธรรม ความรักความเมตตาเกิดก่อนบุญกุศลทั้งหลาย" ถ้าหากเราต้องการมีคุณสมบัติครบถ้วนก็ควรปลุกใจเรา ให้มีพรหมวิหาร และการให้อภัย อะไรคือพรหมวิหาร อะไรคือการให้อภัย? นั่นคือ ทำจิตใจเราให้เผื่อแผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลาย คิดเพื่อมันถ้าหากทำได้ แม้แต่คนที่ใจคอโหดเหี้ยมก็จะรู้สึกหวั่นไหวอ่อนลงได้ เมื่อทนทำต่อสังคมไม่ได้ ก็ยิ่งทนทำต่อคนคนด้วยกัน ก็เมตตาต่อสัตว์ด้วยเช่นกัน ผุ้ที่มีจิตใจรักสัตว์ก็ย่อมมีจิตใจรักคนทั้งหลายด้วย ดังนั้นจะพูดแทนสัตว์ว่า ใจที่ไม่ทนทำสิ่งเลวร้ายได้นี้ จะเห็นคนทั้งหลายดั่งพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ก็จะพ้นภัยพิบัติการฆ่าฟันกัน ได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ! ท่านลองหวนคิดดูซิ ตอนที่จะจับมันฆ่า มันตกใจกลัวขนาดไหน ถ้าบินหนีได้ก็จะบินหนี ถ้ามุดดินได้ก็จะมุด มันก็จะโทษฟ้าดินไม่ปราณีในเช่นเดียวกัน ถ้าเราถูกโจรจับ ขวัญหนีดีฝ่อมันมีอะไรต่างกันเล่า? มันก็น่าสงสารเหมือนกับสัตว์อย่างเดียวกัน ฆ่าไก่สักตัวหนึ่ง ฝูงไก่ที่เหลือก็ลนลาน ฆ่าหมูสักตัวหนึ่ง หมูที่เหลือก็ไม่ยอมกินอาหาร ถ้าพวกเราถูกโจรมันขังทั้งบ้านก็จะตกใจกลัวหรือหากมีใครตายลง ญาติมิตรของเราก็ร้องไห้ที่ต้องตายจากกัน มันก็ไม่ต่างกันใช่ไหม? ให้คิดถึงทุกชีวิตที่ถูกฆ่าเสียงร้องจะโหยหวน หวังจะได้รอดชีวิตมาแม้นเลือดจะหยุดหยด ลมหายใจจะขาดลง แต่เสียงร้องจะยังไม่หยุดลงทันที เหมือนกับพวกเรายามต้องโทษประหารก็หวังให้เทพเจ้าช่วยเหลือให้พระคุ้มครอง จิตวิญญาณกำลังแยกจากกัน ในเสี้ยววินาทีนั้นจะมีอะไรแตกต่างกันไหม?ถ้าหากคนกินเนื่อพูดว่ราสัตว์มันพูดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกใบ้ก็น่าจะถูกฆ่าด้วยใช่ไหม? ถ้าพูดว่าสัตว์มันมีบาปตกต่ำลง ถ้าเช่นนั้นพวกยากจนตกต่ำก็ควรฆ่าใช่ไหม? โอ ! มนุษย์หนอ? ชอบโทษว่ามันเป็นสัตว์ต่างประเภทต้องถูกกิน ตอนที่กินมันก็ถือว่าฉันเก่งกว่ามัน แต่ตอนที่จะฃดใช้กรรมมันก็น่าจะพูดว่ามันถูกต้องฉันนั้นผิดเอง ควรรู้ไว้ว่า คนและสัตว์ก็เหมือนกันรักชีวิตกลัวตาย รักใคร่เพื่อนพ้อง ถ้าถูกฆ่าก็รู้สึกทุกข์ร้อนเหมือนกัน ที่ต่างกันก็คือ คนมีปัญญา สัตว์โง่เขลา คนพูดได้ สัตว์พูดไม่ได้ คนเก่งกว่าสัตว์เช่นนี้เป็นต้น คนถ้าหากไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถป้องกันตัวได้ ถ้าพูดกันไม่ได้ ก็บอกกันไม่ได้ ถ้าหากเทียบพละกำลัง ถ้าน้อยกว่าเราก็ถือว่าแตกต่างกันอย่างนั้นหรือ? ก็ควรถูกฆ่าเอามากินใช่ไหม? พูดแบบนี้ไม่มีเหตุผล ผิดคุณธรรม แต่คนก็พูดออกมาได้ !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ชาวโลกเมื่อประสพภัยจวนตัว ไม่มีใครที่ไม่เรียกร้องให้ช่วยชีวิต จะหยุดต่อเมื่อตามองไม่เห็น ถ้าได้รับอันตรายจากมีดหรือปืน หรือพวกโจรผู้ร้าย จะไม่ตัวสั่นขวัญผวาหรือถ้าหากพบว่าโจรมันใจอ่อนลง ก็อดไม่ได้จะดีใจแต่ก็ตกใจ เกิดบังเอิญมีคนช่วยเหลือชีวิตรอดมาได้ ก็จะรู้สึกขอบคุณจนโศกสะอื้นจดจำบุญคุณไม่ลืมจนวันตาย แต่ถ้าจับสัตว์มาได้ความสมเพชเวทนาต่างๆ จนกระทั่งเสียงร้องอันโหยหวน ก็เหมือนกับไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟังเลย น่าสมเพชคนพวกนี้ เมื่อถูกยุงกัดก็เกิดรำคาญ แต่สัตว์ที่อยู่บนเขียงนั้น ก็ไม่เวทนาสงสาร แต่พอปวดหลัง ปวดตาเข้าหน่อย ก็รีบหาหมอหายาหรือได้รับบาดเจ็บจากมีด เข็มหรือไฟลวกก็ร้องโอดโอย ขอความช่วยเหลือ รักตัวสงวนชีวิตถึงเพียงนี้ แล้วทำไมต่อสัตว์กลับไม่ให้ความเวทนาสงสารบ้าง ฆ่าแกงได้ตามอำเภอใจเรา จะไม่พูดถึงกฏแห่งกรรม จะไม่พูดถึงห้ามฆ่าสัตว์ของพุทธศาสนา เราพูดกฏแห่งกรรมรักตนเอง แต่ไม่รู้ไม่มีจิตใจของความรักสัตว์ ความไม่มีเมตตาอารี แลอภัยเช่นนี้ รู้แต่ผลประโยชน์ส่วนตนเห็นแก่ตัวที่สุด สุภาพบุรุษผู้รักศักดิ์ศรีของตนเองอยู่บ้าง ก็ไม่ควรประพฤติแบบนี้ ผู้คนหากอยูในสภาพที่โง่กว่าหรืออ่อนแอกว่า ขณะนั้นจิตใจก็อยากให้คนสงสาร ถึงแม้ใจจะโหดเหี้ยม เสือ หมาป่า จะโง่เขลาคนก็ยังหวังว่าในตอนนั้น ในเวลานั้น ก็เปลี่ยนสภาพไปอีกแบบหนึ่ง ไม่ยอมสงสารแก่ผู้ที่อ่อนแอกว่าตนล่ะ ! น่าหัวเราะ คนเราที่กลัวคนดุร้ายแต่กลับไปรังแกคนที่ดีๆ  ใจในก็เกิดการดูหมิ่นและรังแกคนดี ตลอดชีวิตที่ชอบรังแกคนดีๆ แต่กลัวคนดุร้าย ก็จับคนดีไปรังแกแทน วิธีที่ใช้กำลังที่เหนือกว่าไปรังแกคนทื่อ่อนแอกว่า หรืออาศัยจำนวนคนที่กำลังมากกว่าไปรังแกคนที่จำนวนน้อยกว่า จิตใจที่เลวทรามชั่วช้าเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบ่อเกิดของการสร้างบาปก่อเวร เราเริ่มสังเกตุพวกมนุษย์จากจุดนี้ ว่าแตกต่างจากสัตว์หรือไม่ บางทีมนุษย์แย่กว่ามันด้วยซ้ำไป เป็นสิ่งน่าละอายใจมนุษย์แท้ๆ ดังนั้น ศาสดาเมื่อจะเริ่มสอนคน ก็จะเริ่มด้วยความเมตตา และให้อภัย เมตตา และให้อภัยก็คือ เอาตนเองไปเปรียบเสมือนผู้อื่น เมตตาต่อผู้คน และมีจิตใจรักสัตว์ไงล่ะ !  เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีข้อความที่ห้ามฆ่าสัตว์ขอบงสมาคม "อี้เก้ย" สาระสำคัญของข้อความนี้คือ เอาใจเราไปเปรียบใจสัตว์เพื่อน้ำใจอันดีงามที่ถูกปิดตายด้วยประตูเหล็ก บุรุษนิรนามพวกนี้ตั้งคำถาม 10 ข้อ ถามใจที่ถูกปิดด้วยประตูเหล็ก แรงดลใจของเขาใหญ่หลวงนัก เขาต้องการให้ประตูเหล็กเปิดออก จะได้เห็นใจอันงามอีกครั้งหนึ่งดังนี้
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28/08/2554, 12:37 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                     ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ๓.๑  ในสมัยสงคราม พวกเราต้องหนีภัยสงคราม อาศัยโชคดีที่สุด ก็รอดชีวิตมา ถ้าหากในเวลานั้น ถูกศัตรูไล่ตามเข้ามาทุกๆ ระยะ เมื่อรู้ว่าไม่มีโอกาสจะรอดแน่ จิตใจขณะนั้นไม่แตกตื่นผวาขึ้นมาบ้างหรือ?
        ๓.๒  ขณะนั้น ถ้าถูกจับได้ลากเดินเหมือลากหมู  ลากหมา  รู้แน่ว่าต้องถูกฆ่า จิตใจอยู่ในสภาพอะไร? ไม่แตกกระเจิงหรอกหรือ?
        ๓.๓  ในขณะนั้น ถ้าพบคู่ชีวิตกำลังถูกโจรเชือดเฉือนเลือดไหลเนืองนอง จิตใจเราจะอยู่ในสภาพอย่างไร? ไม่ขวัญหนีดีฝ่อหรอกหรือ?
        ๓.๔  ในขณะนั้น ถ้าพบว่าเพื่อนฝูงญาติมิตรกำลังถูกโจรมัด หมดทางช่วยเหลือ จิตใจเราจะเป็นอย่างไร? จะไม่รู้สึกสงสารเจ็บปวดบ้างหรือ?
        ๓.๕  ในขณะนั้น ถ้าเราถูกฆ่า กำลังถูกชำแหละ เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวน ชีวิตยังไม่สิ้นอยากให้ตายโดยเร็ว จิตใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไร? ไม่โกรธแค้นหรอกหรือ?
        ๓.๖  ในขณะนั้น เราต้องถูกฆ่าแน่นอน เกิดมีโจรหนึ่งใจดีปล่อยเราไป จิตใจของเราขณะนั้นเป็นอย่างไร? ไม่รู้สึกดีใจหรอกหรือ?
        ๓.๗  และแล้วมีอีกโจรหนึ่ง ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เข้ามาห้ามปรามไม่ให้ปล่อย ต้องการฆ่าเราลูกเดียว จิตใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไร? ไม่เคียดแค้นบ้างหรอกหรือ?
        ๓.๘  อีกแบบหนึ่งคือโจรทุกคนให้ปลดปล่อยนักโทษหมด ผู้ถูกจับมาก็มีหวังรอดตายได้ แต่บังเอิญมีโจรอีกคนหนึ่งว่า พวกเรานั้นเกิดมามีเคราะห์กรรมควรฆ่าให้หมด ใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไร? ไม่รู้สึกโกรธเคืองหรอกหรือ?
        ๓.๙  ในขณะนั้น คู่ชีวิตของเรากำลังเจ็บป่วยอยู่ที่จริงควรปล่อยตัวเราไป แต่มีโจรหนึ่่งคัดค้านว่า ป่วยหนักอย่างนี้ ฆ่าเสียดีกว่าเพื่อหมดปัญหา อยากรู้ว่าใจเราขณะนั้นไม่เคียดแค้นบ้างหรอกหรือ
        ๓.๑๐  อีกอย่างหนึ่งในบรรดาญาติมิตรเรากว่าครึ่งเป็นเด็กอยู่ ที่จริงควรปล่อยไป แต่มีโจรหนึ่งคัดค้านขึ้นพูดว่า ชีวิตน้อย ๆ อย่างนี้ไม่ฆ่าก็ต้องตาย เอามาฆ่าแกงกินจะไม่อร่อยปากหรือ? ใจเราขณะนั้นรู้สึกอย่างไร? จะไม่เจ็บซ้ำปวดร้าวหรอกหรือ?
        เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาเรียกเราให้ถามใจเราเองด้วยข้อคิดต่าง ๆ ถามใจเราว่า เพื่อปากท้องของเรา ไปเชือดเฉือนจับแกงพวกสัตว์ พวกกุ้ง หอย ปู ปลา เมื่อถูกจับมาอยู่เคียงข้างหม้อน้ำร้อนมันต้องเจ็บปวดแสนสาหัส อีกไม่นานมันก็ต้องจากคู่ครอง ญาติมิตร ต้องจบชีวิตลงแสนทรมาน ปากก็พูดไม่ได้ ดิ้นรนรอดตายเทียบสภาพต่าง ๆ ที่ตนถูกโจรจับปล้นในขณะนั้นและความนึกคิดในเวลานั้น จะมีอะไรแตกต่างกัน เอาใจเราไปใส่ใจเขา เอาใจเขามาใส่ใจเรากับคำพูดของข้าที่ว่า บังเอิญเจอะโจรปล้นฆ่าตายเสียเก้าคนรอดตายมาได้หนึ่งคน จากการปลดปล่อยแต่เกิดมีโจรหนึ่งขัดขวาง ในที่สุดก็ต้องถูกฆ่า สภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นึกคิดดูว่าเหมือนกับตอนนี้หรือไม่? สุดท้ายนี้ขอพูดว่า พวกเราทุกคน ภาวนาห้ามฆ่าสัตว์ ไม่ใช่ขอบุญ ไม่ใช่หลีกเลี่ยงภัย คือ เพื่อตัวเอง รู้เจ็บกลัวตาย ใจนี้ยากที่จะปกปิด พูดแทนสัตว์ให้เปรียบเทียบตัวเรา คิดไปคิดมาไม่อาจทนได้ ใจนี้ทำไม่ได้จริง ๆ ใจอันประเสริฐของเรานี้ควรตื่นจากภวังค์ได้แล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ๔.  ถ้าหากชาวโลก ยังไม่ทำใจให้งดฆ่าสัตว์ได้ ก็ควรจะพิจารณาดูสัตว์ที่ถูกปล่อยรอดชีวิตมาได้ ก็เหมือนกับตัวเองรอดชีวิตมาได้ ก็ดุจเช่นเดียวกับสรรพสัตว์ ที่ไม่ต้องแตกตื่นตกใจ หากเป็นไปได้วันหนึ่ง ๆ ๒๔ ชั่วโมง คิดแต่จะปล่อยชีวิตโดยไม่คิดลังเล อย่าให้สัตว์ต้องถูกขังนาน จนทนไม่ไหว อย่าได้ไหว้วานผู้อื่นเดี๋ยวจะได้รับอันตราย และอย่าได้กำหนดวันเวลา เพราะจะมีผู้คอยดักจับสัตว์ และอย่าได้กำหนดสถานที่ เพราะมีคนคอยสืบรู้ไปคอยดักจับ เอาเป็นว่า เมื่อตาได้พบเห็นก็ซื้อปล่อยทันที ปล่อยยังที่ที่เปลี่ยน ยิ่งไกลยิ่งดี นานๆ เข้าใจที่อยากฆ่าสัตว์ก็จะสูญหายไป โอกาสเกิดของสัตว์ก็มากขึ้น ทุกชีวิตอยู่อย่างสันติ ไม่เพียงแต่ในโลกนี้เท่านั้น แม้แต่ทุกตารางนิ้วของภายในของเรา โดยอย่าคิดว่าฆ่าชีวิตเพียงเล็ก ๆ แล้วจะไม่เป็นไร อย่าคิดว่าการปล่อยชีวิตน้อย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร อย่าคิดว่ายุ่งยากลำบาก จงคิดแต่กุศลท่าเดียว และอย่าเป็นเพราะราคาสูงเลยละทิ้งการสร้างกุศล ควรรู้ว่าชีวิตหนึ่งก็ไม่ใช่น้อย แม้สรรพสัตว์ชีวิตก็ไม่ใช่มาก แม้ มด ยุง ชีวิตก็ไม่ใช่เล็ก วัว ควาย ก็ไม่ใช่ชีวิตใหญ่ เงินเหรียญเดียวก็ไม่พอเพียง แม้เงินหมื่นแสนก็ไม่ใช่มาก ขอเพียงจิตใจตนเองมีจิตตั้งมั่นแน่วแน่ เราควรตระหนักถึงชีวิตอันละเอียดอ่อนย่อมถูกฆ่าได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เมื่อตนเอง งดฆ่าสัตว์แล้ว ยังต้องใช้วาจาสุภาพมาตักเตือนเพื่อนฝูงพี่น้อง ทำให้ทุกคนมีจิตเวทนาก็จะเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ โดยใช้ปากเท่านั้น ผู้คนมักพูดว่า "ใจดีก็พอแล้ว ทำไมต้องกินเจอีกเล่า?" อยากถามว่าฆ่ามันแล้วกินเนื้อของมัน ภายใต้ฟ้าดินนี้ยังมีใครโหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่านนี้อีกบ้างไหม? แล้วใจดีที่แท้อยู่ที่ไหนกัน? โดยปกติใจที่ทนดูไม่ได้นั้น ใคร ๆ ก็มีอยู่ ดังนั้นใครเห็นผู้ร้ายมือสังหารก็ทำให้น้ำลายหกอยากจะกินขึ้นมาแล้ว แล้วก็พากันพูดว่าชีวิตคนเรามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือคิดแต่ว่าจะเอาบาปกรรมป้ายให้เขาไป ข้าขอเพียงแต่อร่อยปากอิ่มท้องก็พอแล้ว  ทำไมไม่คิดว่าผู้ซื้อถ้าเลิกกินเนื้อแล้ว ผู้ขายก็ย่อมจะหยุดฆ่าลงเอง ควรจะรู้ด้วยว่าฟ้าดินได้บันดาลให้อาหารแก่คนนั้น มีทั้งข้าวต่าง ๆ ผลไม้ และผักทั้งบนบกและในน้ำก็มากเกินพอ มนุษย์ก็ยังสามารถหาวิธีต่าง ๆ ในการปรุงแต่งรสได้อีกมากเกินพอเสียด้วยซ้ำ ทำไมยังต้องฆ่าแกงสัตว์ ที่มีเลือดเนื้อเช่นเรา ซึ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน จับมากินเพื่อความอร่อยปากชั่วประเดี๋ยวเดียว เพียงวางช้อนส้อมลงรสชาติก็หมดไปแต่บาปกรรมนั้นคงอยู่ซึ่งไม่ควรทำผิดแบบนี้เลย ผู้คนเสียเงินเป็นหมื่นเพราะรสชาติ เพียงขยับนิ้วหลายพันชีวิตก็จบลง หากเอาอาหารเจมาแทนเนื้อ ก็จะแทนการตายได้มาก ผลได้กับ
ผลเสียนี้ไม่อาจคำนวณได้ถูกต้องเลย !  หากกินเจกันจริง ๆ ใจของเราก็จะมีความสงบสุขอย่างไร้ขอบเขต ทั้งยังคุณประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ไม่กี่ปีมานี้แต่ละแประเทศมีผู้หันมาบริโภคกันมาก สาเหตุเนื่องมาจากวิทยาการก้าวหน้า มีการค้นคว้าคุณค่าในการบริโภคอาหารเจ  กับอันตรายที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้และมีข่าวร้ายต่าง ๆ ที่จะแจ้งให้ทราบ ชีวิตของแต่ละบุคคลย่อมรักและหวงแหน  ดังนั้น การกินอาหารเจเริ่มถือเป็นเรื่องธรรมดา ความนิยมการกินอาหารเจนี้ที่ประเทศอเมริกันตื่นตัวมากที่สุด การกินอาหารเจนี้มีการอธิบาย และแสดงความเห็น ถึงแม้จะไม่เด็ดขาด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย การบริโภคไปในแง่ดีของสังคม ถึงแม้ชีวิตจะดับลง เราต้องยึดหลักไว้โดยไม่ยอมบริโภคเนื้อสัตว์และก็ไม่ได้ขึ้นกับที่ว่าจะถูกหลักอนามัยหรือไม่ถูกหลักอนามัย มาเป็นข้ออ้างในการบริโภคเนื้อสัตว์หรือไม่ มีการวิจารณ์อย่างหนักแน่น บริโภคผักมีประโยชน์อย่างแน่นอนเช่นกัน ดังนั้นการห้ามฆ่าสัตว์ก็มีพื้นฐานที่ได้จัดตั้งขึ้นแล้ว เสียงโศรกเศร้าโหยหวนของสัตว์ที่ถูกฆ่าได้สะท้านสะเทือนจิตคนได้ง่ายที่สุด ในหลักวิทยาศาสตร์ได้มีการพิสูจน์ถึงผลร้ายในการบริโภคเนื้อสัตว์ ข้าใคร่นำเอา "พิษ" ต่าง ๆ ในการบริโภคเนื้อสัตว์มาอธิบายเป็นข้อ ๆ ดังนี้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         ลังกาวตารสูตร   :  ความเจ็บปวดของสัตว์        โดย ลี่อี้เอ๋ง

        ข้อที่ ๑.  นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส นายชารส์ ค้นพบว่าภายในเนื้อของสัตว์ มีสารพิษอยู่ชนิดหนึ่ง ตอนที่สัตว์ได้รับความเจ็บปวดทรมานก็จะเพิ่มสารพิษมากขึ้นเป็นลำดับ แล้วก็จะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ถ้าหากเรากินเนื้อชนิดนี้แล้ว ก็จะได้รับอันตรายอย่างมาก  มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา ชื่อว่า ไอด์ มาไคร์ กล่าวว่า "ตอนที่ร่างกายคนเรามีอารมณ์เปล่ยนแปลงขนาดหนักอยู่นั้น ก็จะมีสารหลายชนิดระบายออกจากร่างกาย เช่น ตอนที่มีโทสะโกรธอยู่นั้นเหงื่อที่ไหลออกมา ก็จะมีสีแตกต่างจากเหงื่อที่ไหลตอนที่ร่างกายกำลังโศกเศร้า แม้แต่ลมหายใจที่เป่าออกจากร่างกายก็จะมีสารต่าง ๆ ออกมาด้วย เขาเองได้ทดลองเป่าลมหายใจเข้าไปในหลอดแก้วที่แช่เย็นแล้วสังเกตุดูพบว่า ตอนที่เขามีร่างกายปกติก็จะมีหยดน้ำที่ปราศจากสี แต่ตอนที่เขากำลังโกรธจัด ๆ หยดน้ำที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน หลังจากเป่าลมเข้าไปหลอดแก้วได้ห้านาที หยดน้ำที่ได้จะมีสีและสารขุ่น ๆ นั่นก็แสดงว่าตอนที่ร่างกายมีอารมณ์โกรธก็จะมีสารบางชนิดเกิดขึ้น เขาก็เลยใช้วิธีดังกล่าว ทดลองสภาพของจิตต่าง ๆ ก็พบว่า ตอนที่จิตใจโกรธก็จะมีสารสีฝ้ามัว ในขณะเศร้าเสียใจ ร่างกายจะขับสารสีเทาขาว และขณะเจ็บแค้นร่างกายจะขับสีเขียวไผ่ออกมา ต่อมาเขาได้ทดลองต่อไปพบว่า  ถ้าเอาสารฝ้ามัวที่อารมณ์โกรธของนาย ก. ฉีดเข้าไปให้นาย ข. หรือสัตว์ทดลอง  นาย ข.จะมีอารมณ์โกรธขึ้นมา  แน่นอนสัตว์ก็จะแสดงอารมณ์โกรธขึ้นมาทันทีเช่นกัน เขาเอาสารที่เป่าออกจากคนที่มีอารมณ์เศร้าเสียใจ ฉีดเข้าไปให้หนู และหมู ภายในไม่กี่นาทีสัตว์ทดลองก็ตายลง  จากการทดลองต่าง ๆ พอสรุปได้ดังนี้ ถ้าร่างกายมีอารมณ์เคียดแค้น  จะสูญเสียพลังงานไปมากทีเดียว ถ้าสารพิษปะปนกัน ยิ่งมีหลายชนิดพิษร้ายก็ยิ่งมาก ในขณะที่ทารกกำลังดูดนมมารดา ประเหมาะมารดาเกิดมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงภายหลังลูกดูด  ทารกน้อยจะเกิดอาการไม่สบายเจ็บป่วยลง อันนี้ก็สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ร่างกายก็จะปล่อยพิษร้ายออกมาอย่างแน่นอน ด้วยเหตุฉะนีเนื้อสัตว์ที่เรารับประทานเข้าไปในท้องทุก ๆ วัน ซึ่งมีพิษร้ายอย่างแน่นอน สัตว์ย่อมเกิดความเคียดแค้น และเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ย่อมมีสารพิษขึ้น และเจือปนอยู่ในเนื้ออย่างแน่นอน กินเข้าไปแล้วจะมีอะไรบำรุงอีกหรือ? อันตรายจริง ๆ

        ข้อที่ ๒.  ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ค้นพบว่า ภายใต้กล้องจุลทัศน์ที่ส่องลงบนเนื้อสัตว์ จะพบจุลชีพชนิดต่าง ๆ  จุลชีพร้ายเหล่านี้เมื่อเข้าไปในร่างกาย ก็มีผลไม่น้อยต่อร่างกายอย่างเบา ๆ ก็ทำให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างหนัก ๆ ก็ถึงแก่ชีวิต ในเนื้อวัวเนื้อหมูมีเชื้อหนอนเป็นเส้น ๆ อยู่ไม่น้อย ดังนั้นจากการสำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกา เชื้อหนอนเส้นของคนที่เป็นได้ ติดมาจากเนื้อหมู และเนื้อวัว ๙๐ % และยังตรวจพบว่า วัวควายที่เป็นโรคปอดมีกว่าครึ่ง และสาเหคุคนเป็นโรคปอดก็ติดมาจากเนื้อวัวเป็นส่วนใหญ่ ในโรคท้องเสีย (อหิวาต์) เชื้อนี้ได้รับจากเนื้อหมูในประเทศอังกฤษ มีโรคลมอาการปวดมาก 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”