collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 58255 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ     

         ห้าสิบสี่ขันติ  :   ส่งเสริมคนให้บำเพ็ญมนุษย์สัมพันธ์

     หมู่บ้านที่ห่างออกไป 40 ลี้ มีนถือศีลเจชื่อหง้อเซ้ง แซ่ปึง คนผู้นี้กินเจปฏิบัติธรรมมีความก้าวหน้ามากอยู่ แต่เนื่องจากยังมีพ่อแม่พี่น้องที่ยังมิอาจสิ้นความสัมพันธ์ กงอี้ก็ยังรู้จักคนนั้นดี วันหนึ่งเขามาเยี่ยมกงอี้ กงอี้ก็ต้อนรับเขามานั่งด้านในของโถงบ้าน หาน้ำชามาต้อนรับ เมื่อดื่มชากันจนเสร็จแล้ว หง้อเซ้งจึงเอ่ยขึ้นว่า ได้ยินกิติศัพย์การประกอบกุศลของท่านมานานแล้ว ทั้งยังอดทนต่อสิ่งที่ทนได้ยาก จึงมาขอคำชี้แนะเป็นพิเศษ กงอี้จึงพูดว่า ท่านผู้สมถะอยู่กระท่อมในป่าเขา เหตุใดจึงต้องเหน็ดเหนื่อยฝ่าฝุ่นลมมาถึงที่นี่ ทั้งยังวาจาหนักแน่นปานนั้น หง้อเซ้งกล่าวว่า ด้วยข้าปฏิบัติธรรมมาหลายขวบปีจึงรู้ซึ้งในพุทธธรรม จึงอยากมาเชิญท่านให้ร่วมปฏิบัติบำเพ็ญธรรมด้วยกันจักได้บรรลุมรรคผล ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กงอี้ว่า เจริญพร เจริญพร แต่ถ้าไม่รู้จักการปฏิบัติพุทธธรรมให้บรรลุมรรคผล จะเริ่มปฏิบัติอย่างไร ช่วยกรุณาอธิบายให้ละเอียด หง้อเซ้งว่า ให้เริ่มถือศีลเจก่อนร้อยวัน สวดมนต์ทำวัตร งดฆ่าสัตว์ ปลดปล่อยชีวิต แล้วก็แสวงหาธรมาจารย์ชี้แนะ เก็บยาเคี้ยวโอสถเก้ารอบหมุนสามรอบคืน เมื่อบารมีเต็มสมบูรณ์ เมื่อสาส์นฟ้ามาถึงก็ถอดรูปลอยสู่สวรรค์ บรรลุมรรคผล กงอี้ว่า ฟังท่านพูดมานี่คือมหาธรรมฟ้าปางก่อน เป็นวรธรรมแห่งญาณสูงสุด ตั้งแต่สงไขกัปอันไกลโพ้น ที่เริ่มต้นมีหนึ่งพุทธะถ่ายทอดธรรมสู่โลก ไม่ใช่ใคร ๆ จะได้รับฟังและก็ไม่ใช่คนรุ่นข้าจะสามารถเข้าใจถึงสรรพสิ่งได้ ดังนั้น 72 ปราชญ์ของท่านขงจื่อก็ได้รับการถ่ายทอดธรรมเพียงเอกธรรมมรรคเท่านั้น มีท่านจื่อก้งที่เข้าถึงอนุตตรธรรม (เทียนเต้า) ท่านเองก็เคยได้ยินธรรมนั้นมาก่อน ที่จริงนับว่าโชคดีมาก แต่ควรจะหมดภาระทางโลกเสียก่อน มนุษย์ธรรมไม่บกพร่อง คุณธรรมแปดรักษาได้มั่น ขจัดสุรา รูปโฉม สมบัติ อารมณ์ ตัดขากโลก โกรธหลงความรัก  จากมนุษย์ธรรมแล้วบำเพ็ญอนุตตรธรรม (เทียนเต้า) จึงจะสามารถสำเร็จเป็นเซียนเป็นพุทธะ ถ้าหากเอาแต่กินเจสวดมนต์แต่ไม่ปฏิบัติความหมายในพระสูตร บิดามารดาไม่กตัญญู ที่ชายไม่นับถือถึงแม้จะถือศีลเข้าใจธรรมะ ข้าก็ยังเกรงว่าจะถูกฟ้าลงโทษอาจตกนรกอเวจี โบราณกล่าวว่า ศาสนาทั้งสามเดิมที่ไม่แตกต่างกัน ต้องเริ่งจากความกตัญญูเป็นรากฐาน มนุษย์คนใดหากไม่มีความกตัญญู เอาแต่ถือศีลเจแล้วเมื่อไรจะสำเร็จเป็นพุทธะ ถ้าคิดตามที่ว่ามาคนที่ได้ฟังธรรมกับคนที่ยังไม่เคยฟังธรรม ก็ควรที่จะทำธุระทางโลกให้หมดก่อนแล้วฟังโอการฟ้า ถ้าไม่เช่นนั้น แม้จะนั่งสมาธิจนเบาะรองนั่งขาดก็เปล่าประโยชน์ ข้าขอให้ท่านเคารพในวาจานั้น อย่าได้ดูแคลน หง้อเซ้งว่าตามท่ท่านพูดมา หากปฏิบัติตามหลักของท่านขงจื่อก็เพียงพอแล้ว เหตุใดในสมัยโบราณไม่ทำลายพุทธะและเต๋าทั้งสองศาสนาเสียเล่า กงอี้ว่าหยูมีวินัยสาม  พุทธมีไตรรัตน์ เต๋าก็มีสามแปร มีหลักการเหมือนกัน แต่ทำไมข้าจึงเริ่มจากหยูเล่า ก็เพราะว่าอันความดีทั้งหลายไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่ากตัญญู ทั้งปราชญ์ เซียนและพุทธะทั้งหลายแต่โบราณก็ดำเนินตามมนุษย์สัมพันธ์นี้ หากท่านสามารถเข้าถึงความเมตตาของพุทธะ ความสงบของเต๋า การบ่มจิตของหยู แล้วหวนคืนสู่หลักกตัญญู นั่นคือ มนุษย์ธรรมสมบูรณ์ อนุตตรธรรมก็ประจักษ์ได้เอง แล้วเหตุใดต้องละทิ้งใกล้ไปคว้าเอาไกล พระเจ้าเหวินตี้ว่าตอบแทนคุณทั้งสี่ ปฏิบัติธรรมของสามศาสนาทำให้ใจนี้ตรง การเป็นคนต้องรู้จักเวลาที่เหมาะสม จะได้ไม่เป็นการหน้าไหว้หลังหลอก หากพ่อแม่สิ้นไปหมดแล้ว ลูก ๆ แต่งงานหมดแล้ว เข้าหาธรรมก็เหมาะสม ต่อไปก็สีบหาธรรมาจารย์ หาเพื่อนหาความรู้บำเพ็ญปฏิบัติตามบุญสัมพันธ์ เป็นแนวทางดำเนินอันหนึ่ง ก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งคนรุ่นหลังสมบูรณ์ ถ้าหากยังไม่หมดภาระทางโลกแล้วออกบวช มีหรือที่พุทธะจะคุ้มครองบุตรอกตัญญู เมื่อหง้อเซ้งฟังจบก็พูดว่า ได้ท่านสั่งสอนทำให้ข้ารู้สึกละอายใจมาก มีหรือจะไม่ทำตามยิ่งจะทำตามด้วยความปิติยินดี ปฏิบัติมนุษย์ธรรมสมบูรณ์ ต่อมาก็บรรลุมรรคผล นี่ด้วยกงอี้ส่งเสริมคนให้บำเพ็ญมนุษย์ธรรมแล้ว บำเพ็ญธรรมได้มรรคผล เป็นขันติที่ 54 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ศาสน์ทั้งสามมีหลักธรรมเหมือนกัน             มนุษย์นั้นต้องบำเพ็ญหลักมนุษย์ธรรม
ในที่สุดเขาก็บำเพ็ญจนสำเร็จธรรม             ผังไล้สวรรค์ทางธรรมบรรลุถึง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ   

        ห้าสิบห้าขันติ   :   สอนภรรยาด้วยความสบาย

     ภรรยาของกงอี้คือตั้งฮูหยิน เห็นกงอี้ปฏิบัติต่อคนเกินเลยหมดเงินไปมากมาย ทำให้เบื่อหน่ายกังวลใจ มีอยู่วันหนึ่ง ูหยินจึงพูดกับกงอี้ว่า ท่านสามีควรทำใจให้เข้มแข็ง ทำตัวอ่อนแอคนก็รังแกเอา ถ้าใช้จ่ายโดยประหยัดก็จะไม่ล้มละลาย ทำไมท่านสามีจึงอดทนผ่อนปรนไม่ประหยัดการใช้สอยเลย กงอี้ว่า ศรีภรรยาที่กล่าวมายังไม่เข้าใจหลักธรรม มีคำกล่าวว่า คนเลวคนกลัวฟ้าไม่กลัว คนดีคนรังแกฟ้าไม่รังแก ขอให้ศรีภรรยาลองคิดดูจะเอาอย่างคนหรือจะเอาอย่างฟ้า ฮูหยินตอบว่าบาวไม่รู้ความหมาย กงอี้ว่า ถ้าเอาอย่างคนก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำผิดกฏหมาย วางอำนาจข่มเหงคน ทำเรื่องเสื่อมเสียเป็นทางหายนะผลตอบสนองเร็ว ๆ ตกอยู่กับตนเอง ถ้าช้าก็ตกอยู่กับลูกหลาน แล้วจะงามละหรือ สำหรับข้าแล้ว ข้าอยากให้เขารังแกเป็นการสร้างกุศลอย่างลับ ๆ เพราะฉะนั้นจึงมักพูดกันว่าทุก ๆ คนล้วนฟ้าดินให้ชีวิตเป็นประชาสวรรค์เสมอภาคกัน ควรที่จะเข้าใจถึงความใจดีของฟ้าที่ให้ชีวิต เพื่อสนองคุณฟ้า ไม่แย่งชิง ไม่ถืออำนาจ อดทนผ่อนปรนให้มากเตือนให้สั่งสมบุญ ก็จะไม่ลำบากแ่ต่จะสำเร็จยิ่งใหญ่ เป็นคนง่ายกว่าเพียงแต่ทำสามอย่าง คือตามพ่อ ตามสามีและตามบุตร และรู้ธรรมสี่ ธรรมสี่ประการของผู้หญิงคือ การพูด การทำงาน การแต่งหน้า และคุณธรรม จะเป็นชั้นต่ำหรือมีศักดิ์ศรีงามเท่านั้น สำหรับผู้ชายยากกว่ามาก มี อบอุ่น ดีงาม นบนอบ ประหยัด ผ่อนปรน ธรรมห้าประการ คือ ดู ฟัง พูด และกระทำ เป็น 4 คติ สั่งสมบุญ กุศลมีเมตตารับภาระบ้านทำงาน ถ้าบ้านยากจนก็ให้ประหยัดเป็นหลัก บ้านร่ำรวยก็ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย ต้องบริจาคไม่บริจาคฟ้าไม่ยอม ควรสะสม ไม่สะสมก็จนทั้งชาติ ดังนั้นในอุดมศาสตร์กล่าวว่า การสำเร็จตนปกครองเมืองใต้หล้ามีสันติภาพ ล้วนมีกฏกำหนด ทำไมไม่ประหยัดเป็นธรรม ฮูหยินกล่าวว่า ถ้าหากท่านสามีไม่อธิบาย บ่าวก็ไม่เข้าใจ นี่ก็คือการสอนภรรยาของกงอี้ เป็นขันติที่ 55 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

มีอารยธรรมเป็นปราชญ์ปรัชญา             คุณธรรมแต่งหญิงเป็นศรีเรือน
เขียนเป็นเรื่องให้โลกไว้เป็นเพื่อน         คอยเตือนรุ่นหลังสืบทอดไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
               ร้อยขันติ

         ห้าสิบหกขันติ  :  ยอมให้กล่าวหาว่าขโมยเงิน

     วันหนึ่งขณะที่กงอี้จะไปทำงาน แลเห็นมีคนหนึ่งนอนอยู่ข้างถนน จึงเดินเข้าไปใกล้ตัว พอดีเขาตื่นตกใจ พอผงกหัวขึ้นดูแล้วก็ถลันเข้ามาจับกงอี้ไว้ กงอี้พูดว่ามาจับข้าไว้ทำไม คนนั้นจึงพูดว่า ท่านขโมยเอาเงินของข้าไปตอนที่ข้าเมาหลับ แล้วคว้าเอาเงินที่ร้อยเป็นพวงที่สะพายอยู่บนบ่าไป ทั้งสองจึงเกิดแย่งชิงกันไม่เลิก มีคนเดินเข้ามาหาแล้วถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งสองคนจึงไปที่ทำการชุมชนพร้อมกัน ผู้ดูแลก็ถามคนเมาสุราก่อนว่า เงินของท่านมีเท่าไร  เขาตอบว่า บ้านข้ามี 8 ชีวิต จนยากเข็ญ จึงไปที่บ้านของอากู๋ เพื่อหยิบยืมเงินพันอีแปะ เพื่อหาซื้อของบริโภค ก็ให้บังเอิญเมาหลับอยู่ข้างถนน ไม่คิดว่าคนนี้จะมาเอาเงินของข้าไป ผู้ดูแลถามต่อว่า เงินของเจ้าร้อยด้วยอะไร เขาตอบว่า ร้อยด้วยเชือกปอ ผู้ดูแลหยิบเงินขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเชือกปอจริง ๆ ด้วย ถึงแม้จะพูดถูก และข้ารู้จักท่านกงอี้เป็นอย่างดี ท่านเป็นสุภาพบุรุษ กงอี้ชิงพูด ข้าไม่ใช่สุภาพบุรุษและก็รู้จักความหมายของผลประโยชน์นี้ดี เขากล่าวหาข้าแต่ข้าให้สาบานได้ ก็ให้พอดีนึกถึงคำพูดในบทธรรมะว่า ช่วยคนยามฉุกเฉินเหมาะสมที่สุด ผู้ดูแลว่า ท่านผู้เข้าใจธรรมรู้ระงับตัดตอน กงอี้หันมาถามผู้สูญทรัพย์ว่า ชื่อแซ่อะไร เขาตอบว่า แซ่อวง ชื่อเซี้ยงอัง ที่บ้านมี  8 คน กินอยู่ลำบาก ถ้าหากคนทางบ้านรู้ว่าเขาเมาสุราแล้วทำเงินหาย คงจะทะเลาะกันวุ่นวายเกรงว่าเรื่องจะบานปลาย ข้าให้เงินเขาไปก็แล้วกัน ให้เขาดีกับคนทั้งบ้าน ชาวบ้านก็พากันพูดว่า ท่านกงอี้เป็นสุภาพบุรุษผู้เปี่ยมด้วยการุณยธรรมจริง ๆ อวงเซี้ยงอังหยิบเงินแล้วจากไป กงอี้ว่า ข้าคิดจะเอาเงินมาซื้อลูกหมูก็เลยต้องงดไป ชาวบ้านพากันหัวเราะแล้วแยกย้ายกันไป ถัดไปอีกชุมชนหนึ่งมีคนตีกัน แล้วถูกจับมาที่สำนักงานชุมชน คนหนึ่งชื่อก๊วยฉิก อีกคนก็ชื่อว่า เอี้ยป้อ  ก๊วยฉิกก็เล่าว่า ข้ากับเอี้ยป้อเดินมาด้วยกันที่ชุมชนแรก แลเห็นข้างทางมีคนเมานอนอยู่ แถมมีเงินอยู่พวงหนึ่งด้วย นายเอี้ยป้อก้มลงไปหยิบเงินแล้วพูดกับข้าว่า จะแบ่งให้ข้าเท่า ๆ กัน แต่เอี้ยป้อเอาไปแล้วก็ไม่ยอมแบ่งจึงเกิดทะเลาะกันขึ้น เอี้ยป้อก็แย้งว่าข้าเป็นคนเก็บได้ ผู้ดูแลโกรธมาก ไอ้หมาสองตัวนี้ขโมยเงินเขามา แล้วทำให้จางกงอี้ถูกใส่ความ ต้องสูญเงินไปเปล่า ๆ  ก็เป็นเพราะเอ็งสองคนอันธพาลแย่งชิงกันในตลาด แล้วก็สั่งให้ผูกมัดสองคนไว้ แล้วเรียกคนหนึ่งให้ไปเชิญท่านจางกงอี้มาที่ทำการ เจ้าพนักงานมาถึงบ้านกงอี้ก็รายงานว่า ผู้ดูแลได้จับคนที่ขโมยเงินได้แล้ว ขอเชิญท่านรีบไป กงอี้บอกแก่เจ้าพนักงานว่า ข้าทำให้ผู้ดูแลเหน็ดเหนื่อยกับเรื่องของข้า  ข้าควรไปขอบคุณท่านด้วยตนเอง  แต่ข้ามีธุระติดพัน ไม่สามารถไปตามคำสั่งได้ จึงต้องรบกวนเจ้าพนักงานให้ช่วยรายงานผู้ดูแลด้วย เจ้าพนักงานจึงรายงานให้ผู้ดูแลว่า ท่านกงอี้ไม่สามารถมาได้ ฝากขอบคุณมาถึงท่าน ผู้ดูแลจึงเรียกนายก๊วย นายเอี้ย มาถามว่า เอ็งทั้งสองจะให้ข้าส่งไปที่อำเภอหรือจะให้ลงโทษ ทั้งสองตอบว่า ยินดีรับโทษ  ผู้ดูแลจึงพิพากษาลงโทษเอี้ยป้อว่า เอ็งแอบขโมยเงินขณะที่เขาเมาหลับ ให้ลงโทษปรับเงิน 5 พวง ก๊วยฉิกเอ็งเห็นแก่ได้อยากได้ส่วนแบ่งปรับเงิน  2  พวง  จะนำเงินเหล่านี้ไปปรับปรุงซ่อมแซมถนน แล้วป่าวประกาศให้ประชาชนรู้ความคดี นั่คือ กงอี้ ยอมให้กล่าวหาไม่ตอบโต้ เป็นขันติที่ 56 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ยอมรับกล่าวหาไม่ตอบโต้             กงอี้เมตตาโอ้ใจกว้างขวางนัก
ผู้ดูแลยุติธรรมโทษปรับหนัก          ปิดประกาศจักให้รู้ระบือนาม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   ร้อยขันติ  

           ห้าสิบเจ็ดขันติ  :  ช่วยคนชัดแจ้ง  รางวัลคุณธรรมล้ำ

        กล่าวคือมีเพื่อนคนหนึ่งแซ่อวง  ชื่อเหลา  มีบุตรสาวคนเดียวชื่อซิ้วเจ็ง ได้หมั้นกับคนแซ่เฮ้ง ชื่อ กิม  ซิ้งเจ็งเพิ่งจะมีอายุได้  16 ปี ยังไม่ทันแต่งงาน มารดาก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว มีแต่บิดาที่อายุใกล้ 60 เกิดล้มป่วยเป็นเวลา 3 เดือน ยังไม่หาย ฐานะก็ยากจน ซิ้วเจ็งต้องออกไปตัดหญ้าขายและดูแลบิดาที่ป่วยไปด้วย มีความลำบากมาก มีอยู่วันหนึ่ง ซิ้วเจ็งก็ได้มาขายหญ้าให้กับกงอี้ จึงเล่าเรื่องของเธอให้กงอี้ฟัง น้ำตาไหลนองหน้าเหมือนฝนที่พรั่งพรูลงมา กงอี้ได้ฟังแล้วก็เกิดใจเมตตาจนอดทนไม่ไหว จึงช่วยเหลือเงินไปสองพันอีแปะ กับข้างสารอีก 5 ถัง ทั้งยังสอนซิ้วเจ็งได้ระมัดระวังถนอมตัว เช้าเย็นให้จุดธูปไหว้พระ สำนึกผิดวิงวอนขอให้ลดอายุขัยของตนเพื่อเพิ่มอายุบิดา พระศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองให้บิดาก็จะหายป่วย ให้นำเงินนี้ไปใช้จ่ายโดยให้กับผู้ใหญ่ช่วยซื้อของใช้ทั้งยังนำโอวาทของคนโบราณที่สั่งสอนให้กตัญญู รักษาความบริสุทธิ์ ซิ้วเจ็งน้ำตาอาบน้ำก้มลงกราบ แล้วก็หยิบเงินเอาไว้ ก็ให้บังเอิญมีคนแซ่อื้อ ชื่อซิ่ว ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเขา เขาเห็นซิ้วเจ็งหน้าตาหมดจด ขณะที่ซิ้วเจ็งถือเงินออกนอกบ้าน นายอื้อซิ่วก็เดินตามหลังมา พร้อมทั้งพูดจาลามกจะข่มขืน แต่หารู้ไม่ว่าซิ่วเจ็งมีจิตใจเข้มแข็งดุจเพชร จึงด่าตอบโต้ไป  อื้อซิ่วเห็นโอกาสไม่ให้ แต่ก็ยังมีใจคอโหดเหี้ยม จึงไปที่บ้านของเฮ้งกิม กล่าวหากงอี้เอาเงินปิดปาก ซิ้วเจ็งที่มีสัมพันธ์ลับ เฮ้งกิมได้ฟังแล้วก็ไม่คิดจะตบแต่งกับซิ้วเจ็ง จึงให้แม่สื่อไปหาดูหญิงอื่น ต่อมาภายหลังอวงเหลาหายป่วยจึงเร่งรัดให้ทางฝ่ายเฮ้งจัดแต่งงาน ฝ่าวเฮ้งพูดจาว่าให้จนเสียหาย อวงเหลาจึงไปฟ้องศาล ศาลจึงจับเฮ้งกิมมาสอบสวน ว่าทำไมจึงไม่ตบแต่ง เฮ้งกิมจึงพูดว่าได้ยินอื้อซิ้วเล่าว่า จางกงอี้เอาเงินซื้อตัว อวงซิ้วเจ็ง เพราะมีความสัมพันธ์ลับ ศาลจึงให้นำตัวอื้อซิ่ว กับ อวงซิ่วเจ็ง มาสอบสวน สั่งโบยอื้อซิ่ว 40 ที เพื่อให้พูดความจริง จึงเล่าความจริงว่า กงอี้ให้เงินให้ข้าวสาร และสั่งสอนซิ่วเจ็งให้รักตัว ให้จุดธูปภาวนา รักษาบิดาให้หายโดยเร็ว ไม่มีเรื่องสัมพันธ์ลับ ซิ้วเจ็งจึงพูดขึ้นว่า นายอื้อซิ่วเห็นฉันถือเงินออกมาก็ตามหลังมา พูดจาลวนลามต่าง ๆ นา ๆ ฉันจึงเอามีดที่ตัดหญ้าจดไว้ที่คอหอย ถ้าเขาจะลวนลามฉันก็จะเอามีดตัดคอตาย อื้อซิ้วเห็นท่าไม่ดีจึงหลีกไป ท่านจางกงอี้เป็นผู้มีพระคุณกับเราสองชีวิต บริจาคทั้งเงินและข้าวสืบต่ออายุของเราทั้งสอง ถ้าเขาไม่ช่วยเรา ๆ คงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นพระเจ้าของเราสองพ่อลูก จะไม่มีวันลืมพระคุณ เมื่อศาลฟังความเสร็จก็โกรธมาก สั่งให้ลากลิ้นมาตัด เลือดนองพื้นจนตาย พ่อของเฮ้งกิม ชื่อเฮ้งเจี่ยเซียะ ได้ยินเรื่องก็ไม่สอบสวนให้ลงโทษตี 20 ที แล้วมีคำสั่งให้เฮ้งกิมเตรียมธูปเทียนให้แต่งงานต่อหน้าศาล ทางศาลได้มอบรางวัลให้จางกงอี้เป็นอักษร 4 ตัวว่า "คุณธรรมส่งเสริมสองครอบครัว" นี่คือกงอี้ช่วยเหลือชัดแจ้ง จึงได้รางวัล ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

คุณธรรมส่งเสริมสองครอบครัว             หนึ่งครอบครัวได้รับเหนือแผ่นดิน
คนชั่วถูกลงโทษให้ตัดลิ้น                    ชีวิตสิ้นตายเป็นผีวิบากกรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/06/2554, 09:41 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                      ร้อยขันติ   

              ห้าสิบแปดขันติ  :  สอนให้สามีภรรยาปรองดองกัน

        บ้านใกล้เรือนเคียง คนแซ่เอี้ย ชื่อ เคียม ได้ภรรยาแซ่โง้ว มักมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ ตบตีข้าวของในบ้านเสียหายบ่อย ๆ  บิดาของเคียมไหว้วานกงอี้ช่วยไกล่เกลี่ย กงอี้ก็ยอมรับปาก มีวันหนึ่งเอี้ยเคียมก็มาที่บ้านกงอี้เพื่อขอยืมหนังสือ กงอี้ว่าหนังสืออื่นไม่มีประโยชน์ แต่มีบทหนึ่งเป็นอวาทสอนสามีภรรยา อ่านแล้วจะมีประโยชน์ จึงยื่นให้เอี้ยเคียมรับไปอ่านว่า

       บุพเพสันนิวาสกำหนดแต่ปางก่อน        สามีว่าภรรยาตามหยุดต่อล้อ
ชาติหนึ่งบำเพ็ญมาร่วมเรือนหนอ                สองชาติบำเพ็ญพอเป็นผัวเมีย
ผัวไม่ตำหนิว่าเมียอัปลักษณ์                      เมียอัปลักษณ์ฉลาดก็รวยได้
เมียไม่ตำหนิว่าบ้านผัวอับจน                     จนรวยตามภาวะมีกำหนด
ต้องรู้ใจพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย                         ทั้งชายและหญิงที่ลำบาก
ก็หวังแต่งสะใภ้เลี้ยงคนแก่                         สืบสานวงศ์ตระกูลให้มั่นคง
เลี้ยงหญิงออกเรือนหวังเกียรติยศ                 หวังดูแลซึ่งกันถึงแก่เฒ่า
พอรู้ว่าผัวเมียไม่ปรองดอง                         ทะเลาะเบาะแว้งอารมณ์บูด
ผัวเห็นเมียหน้าดำคร่ำเครียด                       เมียเห็นหน้าผัวร้ายเก็บกด
สองฝ่ายจุดไฟใช่ผู้คน                               ผัวเมียขวางตามักเข้าใจผิด
เพราะต่างแย่งเป็นใหญ่อารมณ์เก่า                ไม่กลัวผู้ใหญ่สองบ้านโกรธเคือง
กตัญญูยังปฏิบัติไม่สิ้นสุด                            เรื่องเลว ๆ ได้ยินถึงเรือนอื่น
เดินไปไหนใครเขาจะยกย่อง                       อยู่ด้านหลังเขาไม่สำนึกผิด
เพื่อนฝูงอยากสัมพันธ์ก็กลัวเธอ                   ผืนดินยาวสั้นเถียงได้ยาก               
โบราณมี เลี่ยงฮง กับ เม้งกวง                     ยกคดีชื่อก้องจดจำ
ไก่มีธรรมห้ามองดูซิ                                  โต้งเมียหากินดูแลกัน
คนโง่ไม่รู้หลักปรองดอง                             สู้ไก่ไม่ได้น่าอับอาย
เป็นสามีต้องคล้อยอารมณ์                         เป็นภรรยาต้องตามใจค่อยช่วยเหลือ
สามีพูดไม่ดีหยุดอ้าปาก                             ภรรยาไร้เหตุผลผูกลิ้นไว้
เรื่องแล้วไปไม่เอามาพูด                            เรื่องก่อนอย่านำมานับรวม
ข้อห้ามด่าว่าพ่อแม่กัน                               ใครละที่ไม่มีพ่อกับแม่
มาก่อนมาหลังเรียงอันดับ                           รุ่นหลังรุ่นน้องช้าสักก้าว
ฟังข้าพูดธรรมดาหวนกลับคิด                       แก้ไขกลับตัวตามทางธรรม
ผัวเมียปรองดองครอบครัวสำเร็จ                   ฟ้าดินสามัคคีฝนตกต้องฤดู

        "ปรองดอง" คำนี้มีค่าดุจทางทองพันชั่ง มัธยัสถ์อดออม ร่ำรวยได้ สามีภรรยาปรองดองถึอว่ามีความกตัญญู คนรุ่นหลังเจริญฟ้าคุ้มครอง เมื่อนายเอี้ยเนี้ยมอ่านจบ หน้าแดงก่ำ ไหว้ขอบคุณกงอี้ที่สั่งสอน นำเอาความพูดกลับไป แล้วพูดให้ภรรยาฟัง ตั้งแต่นั้นสามีภรรยาก็ปรองดองกัน ประหยัดมัธยัสถ์ดูแลครอบครัว จากนั้นมาครอบครัวก็เจริญ นี่คือกงอี้ให้ความการุณย์เป็นขันติที่ 58 ต่อมาคนแต่งกลอนให้

อารมณ์ปรองดองแปรเปลี่ยนสภาวะ        ใช้วาทะสอนสั่งซาบซึ้งทรวง
เหมือนฟ้าดุจดินน่าพิศวง                      ครอบคุ้มองค์กุศลไม่ลำเอียง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                      ร้อยขันติ   

               ห้าสิบเก้าขันติ  :  สองครูแย่งเข้าโรงเรียน

        บ้านทางทิศตะวันออก มีบัณฑิตอยู่ 2 คน คนหนึ่งชื่อ อึ่งเฮา  ส่วนอีกคนชื่อ เลี้ยวเซาะบ๊วย สาเหตุแย่งเข้าสอนในโรงเรียนเดียวกัน จึงพากันมาให้จางกงอี้คัดเลือก กงอี้ถามทั้งสองบัณฑิตว่า ศึกษากันมามากน้อยแค่ไหน อึ่งเฮาตอบว่าแปดสิบเอ็ดพันอักษร กงอี้จึงว่า เท่าที่ทั้งสองว่ามาถือว่าเป็นผู้คงแก่เรียน คงไม่ต้องสอบปากเปล่า ขอให้ทั้งสองบรยายถึงสภาวะของสังคม ให้อึ่งเฮาเขียนกลอนก่อน เพราะอาวุโสกว่า 
        อึ่งเฮาเขียนว่า            ด้วยบ้านยากจนใช้ลิ้นไถหว่าน             ผู้คงแก่เรียนผ่านชีวิตถือสัจจะ
                                     ด้วยท่านเวทนามากวนโทสะ               อึ้งเฮากล้าหรือจะชิงเซาะบ๊วย

     เลี้ยวเซาะบ๊วยก็เขียนว่า     ความรู้ในอกให้ลิ้นไถหว่าน                ท่องเรียนผ่านหน้าต่างไก่ขันเตือน
                                      แพรไหมต่วนงามแต่เมฆปรกเลือน        ลูกเลี้ยวเบือนเบี่ยงข้างทางไม่กล้าชิง

        ทั้งสองเขียนเสร็จจึงส่งให้กงอี้ดู กงอี้ดูแล้วก็วิจารณ์ว่า
                                      หนึ่งบาทสืบปราชญ์ปัญญาไถหว่าน        ใจเมตตาผ่านสัจจะเห็นสภาพ
                                      ต่างพากเพียรไต่สูงเสมอภาพ               ต่างปรองดองสันติภาพหยุดแย่งชิง

แล้วกงอี้ก็มีหนังสือถึงเจ้าของโรงเรียนว่า ทั้งสองล้วนมีความสามารถ จากการตัดสินของกงอี้  ทั้งสองจึงคบกันเป็นเพื่อน สาบานจะร่วมทุกข์ด้วยกัน แล้วทั้งคู่ก็สอนในโรงเรียนที่เดียวกัน เจ้าของโรงเรียนก็ดีใจมาก กงอี้จึงกล่าวเป็นกลอนสี่ว่า  สามรัฐเพียรพาก   คุณภาพมหาปราชญ์   อึ่งเฮากล่าวต่อว่า  : เก้าตรองครองตน   คัมภีร์มหาบุรุษ   เลี้ยวเซาะบ๊วยก็ต่อ  :  ครบสี่คติพจน์   ผู้เมตตาสุขสงบ
 
        ผู้คนที่ล้อมฟังอยู่ต่างยกย่องแล้วแยกย้ายกันไป นี่ก็คือ การยกย่องปราชญ์ของกงอี้  ตอมาคนก็แต่งกลอนให้
สองบัณฑิตชื่นชมกงอี้            สูตรคัมภีร์ร่วมมิตรร่วมแหล่ง
ยกบทวิจารณ์สมบูรณ์แจ้ง        ปัญญาแจงชาตรีลุคุณธรรม     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
               ร้อยขันติ   

             หกสิบขันติ  :  อธิบายหลักการทำความดี

        กล่าวคือ กงอี้มีเพื่อนสนิทมากคนหนึ่ง มีชื่อว่าเอี้ยหงีซ้วน เป็นคนง่าย ๆ แต่ทำงานมีระเบียบ ต่อมาครอบครัวก็มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นบ่อย ๆ ไหว้พระสวดมนต์ภาวนาต่อองค์พุทธะปฏิมาก็ไม่ปนะสบผล วันหนึ่งเขาจึงมาหากงอี้แล้วพูดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฟ้าดินไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เสียแรงเซ่นไหว้ กงอี้จึงว่า ไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือ หงีซ้วนจึงว่า ท่านก็รู้ดีนี่นา ข้าเป็นผู้กระทำความดีเป็นประจำ แต่กลับพบกับความลำบาก กงอี้พูดว่า ผู้ทำความดีนั้นต้องมีความกรุณาในใจ มีจริยธรรมในใจ ไม่ใช่ทำงานพระก็หวังบุญวาสนา พระเจ้าบุ้นเชียงกล่าวไว้ว่า พระเจ้าต้องเคารพนับถือ  อย่าได้เหยียบย่ำผีหรือเจ้า เจ้ายังมีความศักดิ์สิทธิ์ฟ้ายังฟังและไวด้วย หงี่ช้วนรู้จักทำแต่ความดี แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้สำเร็จผลอย่างไร เหมือนก้อนหินที่ยังไม่ได้ขัดแต่งจนเป็นของมีค่า ถ้ายังไม่ได้รับความลำบากจากการขัดเกลา มีหรือจะสำเร็จเป็นคนมีคุณภาพ ทำให้พระเจ้าซาบซึ้งนับถือ นั่นก็คือความดีของท่าน ทำให้ฟ้าสะเทือน อย่างนี้ฟ้าต้องให้ความสงสารต่อท่าน จึงได้รับการคุ้มครอง  เพียงแต่เราต้องหวนถามตนเอง ในใจมีความการุณย์ทุก ๆ ขณะหรือไม่ มีหรือเจ้าจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นด้วยข้ามีความรู้สึกต่อธรรมเนียมโลกแล้วอ่อนใจ จึงเขียนโศลกเอาไว้ เขียนไว้อย่างหยาบ ๆ ท่านช่วยแก้ไขด้วยก็จะดี หงี่ช้วนยิ้มแล้วพูดว่า ให้ข้ายืมดูหน่อย กงอี้ยื่นให้พร้อมหัวเราะว่า อย่าว่ากันก็แล้วกัน หงี่ช้วนรับไปแล้วอ่านว่า

ปราชญ์ว่าคนดียังไม่เคยเห็น             ที่เห็นให้มั่นคงก็ดีแล้ว
ข้าคิดผู้มั่นคงมีจำกัด                      ที่เห็นมีใจต้องทดสอบได้
มีใจต้องเข้มแข็งเดินให้ดี                 มีใจบ่มเลี้ยงวอนขอได้
มีใจสั่งสมบุญให้เมตตา                   มีใจยุติธรรมคือคุณค่า
มีใจยะโสฟุ่มเฟือยไม่ทำ                 มีใจทำดีสองผู้เฒ่า
มีใจพรหมลิขิตเลื่องลือ                   มีใจอดทนผ่อนปรนเป็นดี
มีใจรักเพื่อนพี่น้อง                        มีใจสามีภรรยาคุ้มครองกัน
มีใจต่อเพื่อนต้องสัจจะ                   มีใจเพื่อนบ้านใจกว้างขวาง
มีใจตอบแทนคุณอาจารย์                มีใจสงสารคนจนเคารพคนแก่
มีใจสงสารลูกกำพร้า                     มีใจช่วยแก้ไขทุกข์วิวาท
มีใจรักษาตัวไม่ผิดกาม                  มีใจเตือนชั่วให้ทำดี
มีใจเคารพรักตัวอักษร                   มีใจสงสารชีวิตสัตว์เล็ก 
มีใจไม่ใช่แรงวัวม้าเกินไป               มีใจหยุดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
มีใจไม่ซื่อสัตย์ขจัดทิ้งไป               มีใจโลภละทิ้งเสีย 
มีใจฟังฟ้าตามลิขิต                       มีใจทำดีทำเพิ่ม ๆ
มีใจให้ใจเย็นตลอด                      ไหว้พระก็อ้อนวอนได้
มีใจเหมือนว่าคือใจยาย                  ฟ้าดินยังไม่มีก็ไม่คุ้มครอง
ถ้าหากไม่ดีให้มีใจ                        ทำให้คนร้องไห้เปียกเสื้อ
ทำผิดหวังผิดมีไม่น้อย                    ยังหาว่าตนเองเป็นคนดี
มีใจไม่กตัญญูพ่อแม่                      ลูกก็ไม่เลี้ยงเขาถึงแก่
มีใจไม่ปรองดองพี่น้อง                    รุ่นหลังก็เอาอย่างแย่งชิง
มีใจผัวเมียไม่ปรองดอง                    ครอบครัวก็แจ้งไม่เจริญ
มีใจคบเพื่อนไม่มีสัจจะ                     กลับหาภัยเคราะห์สู่ตัว
มีใจลวนลามหญิงชาวบ้าน                  รอบบ้านมีหรือจะจริงใจ
มีใจโลภให้ร้ายเขา                          ตัดบุญลูกหลานตนเอง
มีใจลืมอาจารย์ไร้สัตย์                      การเรียนไม่สำเร็จในชีวิต
มีใจหลอกเฒ่าข่มผู้เยา                     เคราะห์ส่งเหลือแต่ตัว
มีใจข่มเหงเด็กกำพร้า                       ซ้ำให้ภัยกำพร้าไม่สงสาร
มีใจข่มขืนลูกเมียเขา                        ลูกเมียเราให้เขาไป
มีใจไม่รักตัวหนังสือ                         มีลูกโง่ไม่ฉลาด
มีใจไม่รักชีวิตสัตว์เล็ก                      จะมีโรครุมเร้าทั้งตัว
มีใจชอบเลี้ยงนก                             มักหาภัยมาสู่ตัว
มีใจอธรรมแก้แค้น                          ไม่มีใครเห็นคุณพ่ายแพ้     
มีใจแอบทำลายผู้อื่น                        ส่วนใหญ่จะไม่มีลูกสืบสกุล
อย่างนี้ต้องมีใจไหว้พระ                    พระได้ยินไว้ชีวิต
การตอบสนองในโลกนี้                     กลับโกรธฟ้าดินไม่ศักดิ์สิทธิ์

        เหมือนคนรู้ความหมายนั้นแต่แรก ยังต้องมีความคิดมีใจไว้ เมื่อนายหงีซ้วนอ่านจบ ก็รีบขอบคุณกงอี้ว่า นี่ก็เหมือนฟ้ามาเตือนข้าให้มีใจ กงอี้ว่านี่ก็เหมือนฟ้ามาเตือนข้าให้มีใจ กงอี้ว่าก็เป็นกลอนธรรมดา ท่านอย่าหัวเราะก็แล้วกัน หงี่ซ้วนจึงว่า ปัจจุบันคนฉลาดมีน้อยคนโง่มีมาก คนที่อยากปฏิบัติอนุตตรธรรม (เทียนเต๋า) จะไม่อบรมกล่อมเกลาคนก็จะไม่สำเร็จ ท่านเป็นผู้มองทะลุในโลกถึงธรรม ก็เปรียบประดุจผู้ปฏิบัติอนุตตรธรรม ขอนำกลอนกลับไปพิจารณาเพื่อเตือนใจ จากนั้นมาหงี่ซ้วนก็ทำความดีมากขึ้น จนลุปีรุ่งขึ้นก็ได้บุตรชาย 1 คน นี่คือการนัดเพื่อนมาคุยธรรมะ เป็นความอดทนที่ 60 ต่อมาคนก็แต่งกลอนให้

ชักนำเพื่อนให้ทำความดีตลอด             กงอี้ปลอบดุจดังเทพเทวา
มีใจดุจดวงตะวันจันทรา                      แสงส่องทั่วเวหาสนิทฟ้าเอย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   ร้อยขันติ   

            หกสิบเอ็ดขันติ  :   กงอี้ช่วยเขียนใบฏีกา

        กล่าวคือมีนายเอี้ยใช้ บ้านใกล้กัน เนื่องจากภรรยาเป็นโรคตา จึงมาหากงอี้เพื่อขอตำหรับยา วันนั้นเป็นวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือนแปด กงอี้จึงพูดว่า แม่บ้านที่เป็นโรคตามักเกิดจากเจ้าแห่งเตาไฟทำเหตุ เนื่องจากพวกแม่บ้านมักไม่ค่อยจะเคารพนับถือเจ้าแห่งเตาไฟ ที่บ้านก็กำลังเขียนใบฏีกาสำนึกบาปอยู่ ที่บ้านมักจะอยู่เย็นเป็นสุข นายเอี้ยใช้ได้ยินเช่นนั้นจึงขอร้องให้ช่วยเขียนใบฏีกาให้ใบหนึ่งด้วย กงอี้ว่าได้ ดังนั้นจึงนั่งลงพับกระดาษขาว แล้วก็ลงมือเขียนว่า

 "ข้าแต่เทพเจ้าแห่งเตาไฟ ผู้ปกปักรักษาครัว พระคุณคุ้มครอง ที่กระทำผิดล่วงเกิน ขอโปรดให้อภัย โปรดประทานบุญบารมี ด้วยวาระอริยสมภพของพระเจ้าเตาไฟ จึงตั้งใจศรัทธา โปรดช่วยปัดทุกข์ ขจัดภัย เนื่องด้วยบ่าวประชาชนมีโทษ จึงเจ็บป่วยทุกข์ทรมาน ด้วยความไม่เข้าใจจึงกระทำผิดต่อเตาและหม้อไห ไฟฟืน น้ำท่า ทำความสกปรก ปากเสียด่าว่าหมูหมา  พูดจาหยาบคาย  อีกใช้มีดสับหั่นของคาวเหม็น บางครั้งก็เปลี่ยนกายเพราะร้อน ตากเสื้อหน้าเตาเหมือนล้อเล่น ปีหนึ่งมี ๘ เทศกาล วันพระชิวอิวและสิบห้าค่ำ ตีหม้อตีกะทะ ต้มยาต้มชา เอะอะโวยวายเป็นประจำ ไม่ยำเกรง ไม่เคารพเทพเจ้า จึงกราบขออภัย โปรดเมตตาอภัยโทษ ขอให้เทพเจ้ามีอายุวัฒนะ มีพระคุณปกคุ้มทั่วพื้น"   ด้วยความเคารพโปรดอำนวยพร

        กงอี้เขียนเสร็จ ก็มอบใบฏีกาให้นายเอี้ยใช้  นายเอี้ยใช้ก็ยังขอให้กงอี้ช่วยอ่านใบฏีกาก่อนเผา พอวันขึ้น ๔ ค่ำ ภรยาก็หายตาเจ็บ นายเอี้ยใช้ก็มาขอบคุณกงอี้ นี่คือกงอี้ช่วยสงเคราะห์คนอื่นพ้นทุกข์เป็นขันติที่ ๖๑ ต่อมาคนก็เขียนกลอนให้

บ้านใกล้มีเคราะห์ภัยเบียดเบียน             จิตหนึ่งเพียรซาบซึ้งเทพเซียน
กราบวอนเซียนช่วยขจัดโรคเฮี้ยน           มนุษย์เรียนรู้แผ่นดินมีบุญคุณ 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”