collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 58302 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ร้อยขันติ   

                          ห้าขันติ

                ไม่สู้เพื่อนเกกมะเหรก

        สมัยที่กงอี้เรียนอยู่ในโรงเรียน ทำดีกับเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง เพราะเพื่อนมีความรู้มาก พอนานไปเพื่อนก็รำค่ญ เอาสมุดพู่กันและหมึกของกงอี้ไปเผา  กงอี้มาเห็นเข้าคิดจะดึงเขาไปฟ้องอาจารย์ แต่ก้เกรงว่าอาจารย์จะดุว่าเพื่อนรุนแรง กงอี้หวนคิดว่า การคบเพื่อนต้องใช้ความโอบอ้อมอารี  แต่พอนานไปเพื่อนก้เบื่อหน่าย  จึงยากที่จะมีความซื่อสัตย์ จึงผิดหวังที่สูญเพื่อนดีไป ก็ไปพูดให้เพื่อนเข้าใจ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนจะเกิดโทสะ พูดจาขวางหูใส่กงอี้หาว่าหลอกลวงเขา จึงผลักกงอี้ล้มแล้วทุบตี กงอี้วิงวอนขอร้องให้ปล่อย กงอี้ไม่กล้านำเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์  คงเอาอย่างจักรพรรดิ์หวินตี้ จัดโต๊ะบูชาถวายรายงานเรื่องเจียวเฮงเผาหนังสือ หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เจียวเฮงก็เกิดสติฟั่นเฟือน ปากก็พูดว่า กงอี้มีเมตตาธรรมให้อภัยข้าทำผิด ข้าหน้าเป็นคนใจสัตว์ทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ทำสิ่งที่ฝ่าฝืนฟ้าสร้างเวรกรรม สร้างวิบากกรรมเองไม่ควรมีชีวิต การสนองตอบทั้งดีชั่วเหมือนเงาตามตัว ถึงอย่างไรก็มีการตอบสนอง เพียงแต่จะเร็วหรือช้าเท่านั้น พอพูดจบก็ล้มลงตาย กงอี้ไปงานฝังศพหลั่งน้ำตาไม่หยุด เป้นด้วยกงอี้ไม่ต่อสู้กับเกกมะเหรกเป็นขันติที่ห้า ภายหลังคนแต่งกลอนให้ว่า

เอาเมตตาธรรมปฏิบัติต่อเพื่อน   ตั้งใจเอื้อนเอ่ยรายงานต่อเจ้า
ชั่วช้าเลวร้ายกรรมสนองเอา       ถ่ายทอดนานเนาสู่คนรุ่นหลัง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                   ร้อยขันติ   

                  หกขันติ 

           ถูกหลอกไม่เอาเรื่อง

        มีอยู่วันหนึ่ง บิดาของกงอี้ล้มป่วยลง กงอี้ร้อนรนที่จะหาหมอมารักษาการป่วยของบิดา ก็ให้บังเอิญพบหมอที่กำลังเดินรักษากลางถนน จึงได้เชิญมาให้ตรวจอาการบิดาที่บ้าน หมอพูดว่า  ถ้าจะรักษาโรคนี้ให้หายต้องใช้ยาลูกกลอน กงอี้ก็ถามต่อว่า ค่ายาลูกกลอนต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร  หมอตอบว่า โรคนี้ต้องใช้ตัวยาอย่างดี ต้องใช้เงินสิบตำลึง กงอี้ก็นำเเงินให้ไป พอหมอได้เงินก็บอกลาเพื่อไปจัดทำยาให้ ไปแล้วก็หายตัวไร้ร่องรอย กงอี้ต้องดูแลบิดาจึงออกไปไหนไม่ได้ ก็ให้พอดีมีญา๖ิลูกพี่ลูกน้องมาเยี่ยมไข้ ก็เล่าเรื่องที่พบหมอข้างถนนถูกหลอกเงินไปสิบตำลึง กงอี้ก็พูดว่าหมอหลอกเงินไปก็คงไปในทางที่ไม่ดี ญาติน้องพูดว่า ทำไมไม่สั่งให้คนออกตามหาอาจได้คืนก็ได้ กงอี้ว่า เรื่องผ่านมาหลายวันแล้วคงหนีไปไกลปล่อยไปเถอะ กงอี้จึงภาวนากับฟ้าดินยินยอมที่จะลดอายุขัยของตนเองเพื่อเพิ่มเติมอายุขัยให้บิดา เวลาผ่านไปอีกสิบวัน อาการป่วยของบิดาก็หาย เวลาผ่านไปอีกไม่กี่วัน ก็ได้ข่าวหมอที่หลอกเอาเงินไป ถูกโจรฆ่าตายระหว่างทาง  นี่ก็คือกงอี้ถูกหลอกไม่เอาเรื่องเป็นขันติที่หก ภายหลังคนแต่งกลอนให้ว่า

ใจกตัญญูบริสุทธิ์ฝืนฟ้าได้             หมอหลอกไปกรรมชั่วตามสนอง
ชีวิตหนึ่งรอดหนึ่งตายให้สนอง        เจ้าผุดผ่องแบ่งแยกชัดเจน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ

           เจ็ดขันติ   :  ห้ามบิดาฟ้องวงศ์ญาติ

       เรื่องบิดาท่านกงอี้กับวงศ์ญาติมีความเห็นพ้องกันให้ขายต้นไม้ที่สุสานบรรพชน 8 ต้น  ได้เงินมากกว่าแปดสิบพันอีแปะ  บิดากงอี้ถูกวงศ์ญาติยื้อแย่งเงินไปจนหมด ความตั้งใจของบิดากงอี้ต้องการจะเอาเงินไปบูรณะสุสานบรรพชน  พวกวงศ์ญาติก็ไม่ยอมเอาเงินมาคืนให้  บิดาจึงคิดจะฟ้องร้องเอาเงินมาแบ่งปัน กงอี้จึงห้ามปรามบิดาว่า ด้วยเหตุผลของบิดาเหนือกว่าจึงคิดจะก่อความ บิดาถามว่าทำไม กงอี้จึงกล่าวว่า สมัยก่อนท่านจูเปอหลู่ว่า คนแซ่เดียวกันห้ามฟ้องร้องก่อคดี ผู้ก่อคดีจะพินาศในที่สุด  ท่านปราชญ์ขงจื่อว่า  ต้องไม่มีคดี  ถ้าหากถามบิดาว่าเอาเงินบูรณะสุสานเป็นความเชิดชูคุณธรรมของบรรพชนแล้วก็สมควรแบ่งปันมา แต่ต้นไม้เป็นต้นกำเนิดของน้ำ ต้นธารติดต่อถึงราก มีที่รุ่งเรืองและตกอับไม่เสมอกัน เห็นเขาทุกข์แล้วไม่ช่วยเหลือ  แบบนี้แล้วท่านบิดาจะมีความหมายของหลักบรรพชนสมบูรณ์อย่างไร  วงศ์ญาติยากจนแต่ไม่ประจบประแจงก็เปรียบเหมือนสุภาพชนที่ค่นแค้น เอาเงินนี้ไปทำงานเพราะมันเป็นการบีบคั้นทางครอบครัวที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วยังไม่ได้มาร้องทุกข์กับบิดา อาจเป็นเพราะใจไม่หนักแน่นมีความละอายก็ได้ ถ้าหากเขาเอาไปทำทุนแล้วร่ำรวยขึ้นมาก็ถือเป็นหน้าตาของวงศ์ญาติ เมื่อมีหน้าตาก็เป็นหน้าตาของบรรพบุรุษที่คุ้มครองให้ชนรุ่นหลัง ท่านบิดาก็พลอยได้ชื่อไปไม่น้อย หวังว่าท่านบิดาจะตรึกตรอง บิดาว่าตามความเห็นของเธอ คนรุ่นหลังมีประโยชน์อะไร เหมือนท่านจูเปอหลู่ว่า บรรพชนแม้จะห่างไกล (หลายชั่วโคตร) แต่การเซ่นไหว้ไม่ศรัทธาไม่ได้ ถ้าหากจะนับถือศรัทธาไม่บูาณะสุสานให้สวยงาม ให้เป็นแบบอย่างของคนรุ่นหลังได้อย่างไร แถมยังตัดต้นไม้หน้าสุสานให้กระทบกระเทือนวิญญาณสุสาน หากไม่เซ่นสรวงขอบคุณ ที่สุดก็จะไม่เป็นมงคล วงศ์ญาติไม่มีเหตุผลอย่างยิ่ง แล้วยังไม่ถูกฟ้องร้องอีก เธอยังเด็กมาก จะมาขัดขวางข้าได้อย่างไร  กงอี้ร้องไห้กล่าวว่า ผีเจ้าเป็นผู้มีคุณธรรมมาก ไม่มีหรอกที่เจ้าจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะใจทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีหรอกที่ผีจะไม่ตอบสนอง มโนกรรมได้ผ่านการตอบสนอง บรรพชนขณะมีชีวิตอยู่เป็นคน ภายหลังตายแล้วเป็นเจ้า วงศ์ญาติเบียดบังเงินขายต้นไม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ท่านบิดาทำร้ายความสัมพันธ์วงศ์ญาติเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ใหญ่มาเห็นก็คงไม่สนับสนุน เก้าชั่วโคตรเกรงกลัววิญญาณผีบรรพชนจะทำโทษ การทำลายความสัมพันธ์ไม่เป็นธรรม ขอให้ท่านบิดาพิจารณา ทำไมไม่เอาเงินของบ้านไปบูรณะสุสาน ถ้าจะฟ้องร้องเอามาบูรณะสุสานเกรงว่าจะสูญเสียความมุ่งหมายของกตัญญู  ท่านบิดาโปรดคิดดูให้ดีจะได้ไม่เสียใจภายหลัง บิดาจึงว่า ไปบอกพวกเขาให้ฟังชัดเจนไม่เอาความ ทำให้พวกเขารู้สึกพอใจกันใหญ์ จากนั้นก็อดออมมัธยัสถ์ กินใช้แต่น้อย ในที่สุดก็ร่ำรวยขึ้น  นี่คือการห้ามปรามบิดาฟ้องร้องเป็นขันติที่เจ็ด ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

ห้ามพ่อทำลายความสัมพันธ์วงศ์ญาติ     เหมือนสะพานชำรุดบูรณะใหม่
ผีปู่ซาบซึ้งคอยคุ้มครองให้                    ดั่งนาเงินปลูกหยกได้บัวสุวรรณ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ   

            แปดขันติ   :  คบเพื่อนบ้านด้วยธรรม

        วันหนึ่งท่านกงอี้กับบิดาเดินทางผ่าสุสานบรรพชน เห็นเพื่อนบ้านตระกูลหลี่ปล่อยวัวมาเหยียบย่ำสุสาน  บิดากงอี้ก็จูงวัวไล่มาต่อว่าบ้านตระกูลหลี่ กงอี้ห้ามพ่อว่า เรื่องเล็กน้อยทำไมต้องไปทะเลาะกัน บิดาว่า  เหยียบย่ำบ้านบรรพชนเหมือนฆ่าข้า จะว่าเป็นเรื่องเล็กหรือไง  กงอี้ว่า  อันนี้เป็นเพราะท่านบิดายามปกติก็ขาดการติดต่อกับเพื่อนบ้านจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น  ถ้าหากเอามารยาทต้อนรับเพื่อนบ้านก็จะระมัดระวังป้องกัน บิดาว่าทำอย่างไร  กงอี้ว่า  ก็ให้เชิญท่านหลี่มาที่บ้านของเรา จัดอาหารสุรารับรอง เขาก็จะระมัดระวังไปเอง และก็จะเซ่นสรวงสุสานตอบแทน  วันต่อมาก็เชิญท่านหลี่มาที่บ้านแล้วตั้งใจเลี้ยงดูด้วยอาหาร สุรา  แล้วก็เรียนห้ามปราม  ตระกูลหลี่รู้สึกขอบคุณ  เมื่อกลับถึงบ้านก็มีคำสั่งให้คนพากันไปทำพิธีขอขมาที่สุสานกงอี้  และก็ไม่ไปก้าวล้ำอีกเลย นั่นเป็นเพราะกงอี้คบเพื่อนบ้านด้วยธรรมเป็นขันติที่แปด  ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

ซื้อที่ไม่เหมือยผูกบุญสัมพันธ์        กงอี้นั้นคุณธรรมใหญ่ไม่ต้องเดา
ในโลกนี้แก่งแย่งชิงกันไม่เบา        ดอกบานเช้ามากหลายไม่รู้ปลูก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ     
 
             เก้าขันติ   :   เจริญธรรมอภัยเพื่อนบ้าน

        เพื่อนบ้านทางทิศตะวันออก แซ่อี้ง  เพราะมีวัวหลุดมาจากที่ขังจึงเข้ามากินต้นกล้าในที่นาของกงอี้ เสียหายไปมากอยู่ บิดาของกงอี้พบเข้าก็จับเอาวัวไว้แล้วแจ้งเรื่องแก่บ้านแซ่อึ้ง  ก็ให้พอดีคนแซ่อึ้งกำลังเมาสุราอยู่จึงพูดจาหยาบคายถือไม้ตะพรตจะตีบิดาของกงอี้  กงอี้รีบเข้าไปห้ามปราม รีบคืนวัวให้กับคนข้างเคียงไป  แล้วก้มศรีษะลงขอขมาโทษเพื่อนบ้าน แล้วก็เตือนบิดาให้กลับบ้าน  แต่บิดาก็ยังโกรธไม่หาย  กงอี้ก็คุกเข่าลงห้ามปรามบิดาว่า ขอท่านบิดาอย่าได้ถือโกรธ  คนเขาว่า  พันชั่งซื้อกิจการแปดร้อยซื้อเพื่อนบ้าน  อาหารสุราผูกญาติแดนไกล  โจรไฟก็มองทั้งสี่ทิศ  ตระกูลอึ้งแม้จะมีความผิด ก็คิดเสียว่าคนเมาสุรา  ก็ควรที่จะหลบหลีกเสียก่อน สุภาพชนต้องมีใจให้อภัยผู้อื่น  บิดาว่า  มิใช่ว่าข้าจะไม่อภัยเขา  แต่ไม่ใช่ปล่อยให้เขาทำอันธพาลจนเคยตัว  กงอี้ว่ายอมให้เขาจะได้ประโยชน์มาก  บิดาว่า  ประโยชน์ได้มาจากไหน  กงอี้ว่า  หลักธรรมฟ้าให้มา  โบราณว่า  ยอมเขาไม่ใช่ขี้ขลาดปล่อยให้เขาเจอะดีอย่างอื่นบ้าง  บิดาก็ว่าใช่  พอวันรุ่งขึ้นคนแซ่อึ้งก็มาที่บ้านเพื่อขอโทษ  พ่อลูกกงอี้ถามว่า ทำไมต้องเหน็ดหเนื่อยมาขอโทษ คนแซ่อึ้งว่า เมื่อวานดื่มเหล้าเมามายทำเสียมารยาทต่อท่านพ่อ พูดมาก พอหายเมาแล้วได้ยินภรรยาบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  บอกว่าท่านยอมให้แก่เราแถมยังมาขอโทษเราด้วย  ทำแบบนี้ก็เกรงว่าจะเป็นการหักลดบุญของเราไปหมด หากเราไม่มาขอขมา ก็เกรงว่าฟ้าจะทำโทษ ข้ามันโง่ได้ฟังแม่บ้านว่ามาอย่างนี้ ขอท่านอย่าหัวเราะเยาะข้าเลย  กงอี้ว่าภรรยาของท่านเป็นยอดศรีเรือน นั่นเป็นเพราะกงอี้เจริญธรรมให้อภัยเพื่อนบ้าน เป็นขันติที่เก้า ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

การยอมให้คนได้ประโยชน์มาก        หินหยกหากพูดไปไม่มีค่า
แม่ศรีเรือนช่วยสามีเหนือประชา       นามลือชาให้คติกฏเกณฑ์ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ   

            สิบขันติ   :  เมาสุราไร้มารยาทตัวตาย

        งานมงคลสมรสของกงอี้แต่งภรรยาแซ่ตั้ง (เฉิน)  งานเลี้ยงมีเพื่อนฝูงญาติมิตรเต็มบ้าน ภายในงานมแขกคนหนึ่งแซ่ชิ้ง ก็มาร่วมงานด้วย พอเมาสุราได้ที่ก็ลุกขึ้นชี้มาที่กงอี้แล้วพูดว่า วันนี้งานศพข้าดื่มเหล้ามากแล้ว รีบส่งข้ากลับบ้านเร็ว ๆ  ญาติมิตรได้ฟังคำไม่เป็นมงคลก็จะเข้ามาทำร้ายเขา กงอี้รีบหยุดยั้งว่า  เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะอย่าถือสา สุภาพชนจะไม่ถือสาแขกดื่มสุรา เขาพูดว่างานศพไม่รู้ว่างานศพของใคร เรียกร้องให้ไปส่งเขาอาจมีเหตุปัจจัย  หากข้าไม่ไปส่งเขาก้เกรงว่าจะมีเคราะห์มาถึงข้าได้ พวกท่านญาติมิตรอย่าทำแบบนี้ก็แล้วกัน หมู่ชนพากันหัวเราะกงอี้ว่า ขี้ขลาดอ่อนแอ  กงอี้ก็พาเขาไปส่งที่บ้านแล้วร้องเรียกคนในบ้านเขาให้ออกมารับเข้าบ้าน  แล้วกงอี้ก็กลับมา  วันรุ่งขึ้นได้ข่าวว่า คนบ้านแซ่ชิ้งพอกลับถึงบ้านก็ขึ้นไปนอนที่ห้องนอนชั้นบน  พอนอนจนถึงเที่ยงคืนก็ให้ปวดปัสสาวะ เดินพลาดตกบันไดห้วแตกตาย  นี้ก็เพราะดื่มสุรามากเกินไปจนเสียชีวิต  เพราะฉะนั้น  มนุษย์ผู้ดำเนินชีวิตก็มักถูกทำร้ายจากสุรานารี ทรัพย์สมบัติ  พูดแต่สุราอย่างเดียว ดื่มเล็กน้อยก็บำรุงหัวใจโลหิต ถ้าดื่มมากก็ทำลายร่างกาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สุราทำลายคนนับจำนวนไม่ได้ไม่รู้เท่าไร ก็เหมือนนายชิ้งที่ดื่มสุราเมามายพูดจาไร้มารยาท พบกับกงอี้ที่มีน้ำใจจึงไม่เกิดเรื่องขึ้น ทำให้คนรุ่นหลังสรรเสริญ การให้อภัยคนก็พ้นเคราะห์เป็นขันติที่สิบ  ต่อมาภายหลังก็มีคนเขียนกลอนให้

เมาสุราฟั่นเฟือนเลือนสติ        ธรรมมิติที่มืดซ่อนกลไก
หมู่ชนล้วนไม่รู้เหตุเป็นไป        ฟ้าคุ้มภัยให้กงอี้พ้นเคราะห์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
            ร้อยขันติ     

           สิบเอ็ดขันติ   :   ผ่อนปรนที่ดินให้ผู้ยาก

        เรื่องมีอยู่ว่าคนในตระกูล จางหยวนมู่ เชิญกงอี้และบิดาไปตรวจดูเขตที่ดินสุสานบรรพชน ด้วยตระกูลหลู่ล้ำเขตที่ดินของสุสานมาหลายวา เพราะฉะนั้นจึงเชิญคนตระกูลหลู่มาพบหน้ากันเพื่อยืนยันเขตที่ดิน  ฝ่ายหลู่ว่าเป็นที่ดินของเขามานานแล้วจะกล่าวหาว่าลุกล้ำได้อย่างไร บิดาของกงอี้ว่า ข้าได้ยินบรรพชนเคยบอกไว้ว่า เขตที่ดินจะมีหลักปูนฝังเอาไว้ทั้งสี่ทิศ  วันนี้เรามาขุดดูหลักปูนกันเพื่อให้เห็นกระจ่าง ก็พบว่าฝ่ายหลู่เป็นผู้บุกรุกที่ดินจริง ทางหลู่ก็เลยพูดไม่ออก คนรอบข้างก็พุดขึ้นว่าบุกรุกที่ทำกินควรเสียค่าเช่า ทำกินไป  8 ปี  ต้องเป็นค่าถั่วหนึ่งตันแปดถัง แล้วให้คืนที่ดินกับตระกูลจาง แต่บ้านแซ่หลู่มีฐานะยากจนคนก็มากทั้งยังจะเอาค่าเช่าอีกหนึ่งตันแปดถัง ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา กงอี้ก็ว่า ก็ให้ยึดงวดผ่อนส่ง แล้วจึงเชิญคนรอบข้างมาเลี้ยงสุราอาหารตอบแทน แล้วกงอี้ก็พูดว่า วันนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากพวกท่านมาเป็นคนกลาง สมควรตอบแทน แต่ที่ดินบรรพชนจะถูกบุกรุกไปทำกินเพราะมีอาณาเขตกว้างขวางปล่อยให้รกร้าง บ้านหลู่ฐานะยากจน เงินทองขัดสนมีความลำบากก็ขอวอนพวกท่านไปบอกบ้านหลู่ บอกเขาไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ดิน ที่ดินที่พวกเขารุกล้ำก็ปล่อยให้พวกเขาทำกินต่อไป คนรอบข้างก้กล่าวว่า บ้านหลู่บุกรุกที่ดินไม่มีเหตุ ดีที่มาพบกับท่านที่มีน้ำใจกว้าง เป็นผู้เมตตา ธรรมโดยแท้ก็ไม่รู้ว่าคนในตระกูลท่านจะว่าอย่างไร  กงอี้ว่า คนในตระกูลข้าก็สามารถจะพูดให้พวกเขายอมผ่อนปรนได้ พวกคนรอบข้างจึงยกย่องว่า ท่านจางเป็นผู้มีน้ำใจกว้างขวางจริง สั่งสมบุญกุศลมากมาย กงอี้จึงว่า ไม่ใช่มารับบุญกุศลอะไร เป็นด้วยสำนึกถึงคนที่ไม่มีความกตัญญูบรรพชนเมื่อมีชีวิต เมื่อปีก่อน ๆ ก็อาศัยโอกาศครั้งนี้ บุญกุศลที่ผ่อนปรนที่อุทิศให้ไปวิญญาณบรรพชนได้รับบุญกุศลในยมโลก เรียกได้ว่าได้ผลประโยชน์ทั้งคนเป็นคนตาย ถ้าไม่ใช่ถึงที่สุดก็ไม่สามารถถอนทุกข์ได้สำเร็จ คนทั้งหลายจึงว่า คำพูดของท่านจาง เหมือนทำให้คนหู้หนวกหายหนวกให้รู้สึกละอายที่ปีก่อน ๆ เราไม่รู้ ถึงแม้คนในตระกูลจะเรียนหนังสือกันมากแต่ก็ไม่ก้าวหน้า เป็นด้วยเรื่องสุสานทำลายบุญกุศล ถ้าหากท่านได้ชี้แจงเสียทีแรกก็จะไม่ต้องแก่งแย่งเขตสุสานกัน ทำให้ต้องฟ้องร้องกันถึง 12 ครั้ง บ้านเราก็ไม่ถึงกับต้องเสียหาย หากตามที่ท่านว่ากล่าวผ่อนปรนเขตแดนเป็นบุญกุศลเต็มเปี่ยมเป็นการอันเชิญญาติบนสวรรค์ ซึ่งเป็นหลักธรรมแท้จริง หมู่ชนแจ้งข่าวให้บ้านหลู่ทราบ  พอบ้านหลู่ได้ฟังก็คลายโศก ต่างพากันยินดี ต่างซาบซึ้งในบุญคุณของกงอี้ จะจดจำพระคุณไปจนแก่เฒ่า เรื่องนี้พูดกันต่อ ๆ จนไกลออกไปถึงร้อยลี้ จากนั้นมาเขตแดนสุสานก็ไม่ถูกบุกรุกอีกเลย การผ่อนปรนของกงอี้ครั้งนี้ถืนเป็นบุญของบรรพชนเต็มเปี่ยม เป็นขันติที่สิบเอ็ด ต่อมาคนรุ่นหลังเขียนกลอนให้

เรื่องดีควรเรียนอย่างปราชญ์อริยะ     ให้คนรุ่นหลังวิริยะปลูกนาบุญ
ชักนำคนรอบข้างพร้อมร่วมบุญ         ย้อนระลึกบรรพบุรุษฉลองสมบูรณ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ร้อยขันติ     

                 สิบสองขันติ  :   ถูกหลอกให้ช่วยซื้อวัว

        วันหนึ่่ง  กงอี้ถูกไหว้วานจากแม่หม้ายแซ่อื้อ สองแม่ลูก ให้ช่วยซื้อวัวจากตรอกโคกระบือตัวหนึ่งราคาแปดพันห้าร้ายอีแปะ  กงอี้จึงนำเงินไปวางมัดจำกับเจ้าของวัวแซ่กังเป็นเงินห้าพันอีแปะ  เงินที่เหลือจะจ่ายให้ครั้งหน้าเมื่อมาเอาวัว  คาดไม่ถึงเจ้าของวัวแซ่กังคิดจะโกงไม่ยอมมาพบหน้า ส่วนกงอี้ก็รอจนค่ำจึงกลับบ้าน แต่ก้ได้เอาเงินคืนให้แม่ลูกแซื่อื้อครบเต็มจำนวน เวลาผ่านไปหลายเดือน ก็ได้ข่างคนแซ่กังล้มป่วยจนตาย  และในเวลาคืนวันสาร์ทไหว้พระจันทร์ ขณะที่กงอี้นั่งสมาธิอยู่ ทันใดก็เห็นคนแซ่กังมาหา แล้วบอกว่าจะมาชำระเงินค่าวัว กงอี้รู้สึกตกใจพูดว่า ได้ข่าวว่าท่านตายแล้วไม่ใช่เหรอ หรือได้ข่าวผิดพลาดไป เขาไม่ยอมตอบคำถาม แต่ก็เดินไปทางคอกวัว กงอี้ไม่เข้าใจความหมาย จึงจุดตะเกียงแล้วเดินไปที่คอกวัว  ก็ให้เห็นแม่วัวกำลังตกลูกวัวตัวหนึ่ง กงอี้ถึงกับสะดุ้งว่า  เป็นหนี้กลายเป็นวัวมาใช้หนี้ กรรมมีจริงแท้เชียว ต่อมาลูกวัวตัวนี้ก้ขายได้เท่าราคาของหนี้พอดิบพอดี นี้คือประจักษ์พยานที่กงอี้ถูกหลอกลวง ข่าวได้แพร่ออกไปสู่ชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านพลอยไม่กล้าคดโกงเอาเงินทองที่ชอบธรรม  ทุกคนต่างรักษาความเป็นธรมของตนไว้การคดโกงหรือหลอกลวงไม่เกิดขึ้น  สังคมก็อยู่ด้วยความสงบสุข นี่ก็ถือเป็นความอดทนของกงอี้เป็นขันติที่สิบสอง ต่อมาคนรุ่นหลังก็เขียนกลอนให้

แม่หม้ายลูกกำพร้าน่าสงสาร             พบคนพาลหลอกเงินซื้อวัวคืนให้
น่าหัวเราะกลายเป็นวัวทุกข์แบกไถ่    เป็นเหตุให้สังคมต่างร่วมรักษ์ธรรม

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”