สำหรับความจริงใจที่มีต่อฟ้าของท่านเช่นนี้ ความจริงในสมัยที่ท่านยังหนุ่มก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ในบทก่อน ๆ เราได้เกริ่นถึงแล้วว่า เมื่อสมัยที่ท่านเหล่าเฉียนเหรินสิริอายุได้ ๑๙ ปี ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรักชาติ และรู้สึกอัปยศที่บ้านเมืองต้องถูกนานาประเทศข่มเหงรังแก และการที่ท่านได้มีปณิธานสรรค์สร้างกิจการให้เกริกไกร ก็ด้วยเพราะท่านไม่อยากให้ชาติบ้านเมืองต้องถูกลบหลู่เหยียดหยามจากชาติญี่ปุ่นนั่นเอง แม้ท่านอายุยังน้อย แต่ท่านก็มีจิตใจอันแกร่งกล้า มีหัวใจที่มุ่งมั่นพัฒนาและใช้อำนาจทางเศรฐกิจมาช่วยเหลือประเทศชาติ โดยท่านได้ทุ่มเทจนสุดกำลังความสามารถ ด้วยกำลังใจอันเหนือคนธรรมดา ด้วยกำลังกายที่ไม่ระย่อต่อความเหนื่อยยาก ดังนั้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงสามสี่ปี ท่านก็สามารถขยายโรงงานได้ถึงสามแห่ง บริหารพนักงานถึงสามสี่ร้อยชีวิต สำหรับจิตใจอันรักชาติบ้านเมืองของท่านดังนี้ ช่างประเสริฐจนคนสามัญยากจะเทียมทันได้ และสำหรับจิตใจอันซื่อสัตย์ภักดีต่อประเทศชาติดังนี้ ก็มิเคยได้ถดถอยเลือนหายตราบจนท่านได้สำเร็จธรรมสู่เบื้องบนและชื่อเสียงขจรก้องทั่วโลกา
และก็ด้วยจิตใจเช่นนี้ของท่าน ท่านก็ได้แสดงออกทุก ๆ เรื่องราว ในปีหมินกั๋วที่ ๓๖ (ค.ศ.๑๙๔๗) อันเป็นปีที่ท่านซือจุนได้บรรลุธรรม ท่านเหล่าเฉียนเหรินมีคาามเศร้าโศกเสียใจอย่างยากบรรยาย ในด้านหนึ่งท่านก็ติดตามเต้าจั่ง และบรรดาเฉียนเหรินไปจัดพิธีศพที่หังโจว กระทั่งเสร็จพิธีแล้วจึงเดินทางกลับเทียนจิน ในอีกด้านหนึ่ง ท่านก็ไว้ทุกข์อาลัยรักษาพุทธระเบียบ กิจธรรมทั้งปวงก็มีแต่คอยรับบัญชาจากท่านซือหมู่ ในสมัยที่ท่านซือจุนยังทรงพระชนม์อยู่นั้น ท่านเหล่าเฉียนเหรินก็อยู่คอยปรนนิบัติท่านซือจุนอย่างถี่ถ้วน ไม่เพียงแต่สามารถปฏิบัติตามบัญชาได้อย่างทันท่วงทีเท่านั้น หากยังสามารถล่วงรู้ในเจตนา และลงมือปฏิบัติโดยมิต้องให้ท่านซือจุนเป็นกังวลเลย สำหรับจิตใจเช่นนี้จึงนับเป็นจิตใจอันวิเศษเลอเลิศ จึงไม่แปลกที่ได้รับความโปรดปรานและความไว้วางใจจากท่านซือจันเป็นอย่างมาก
--ปีหมินกั๋วที่ ๔๓ (ค.ศ.๑๙๕๔) อันเป็นเวลาที่ท่านมาอยู่ไต้หวันได้เพียงไม่กี่ปี หลังจากที่ท่านได้ตรากตรำกรำงานมาหลายปีแล้ว สภาพความเป็นอยู่ก็เริ่มดีขึ้น ท่านเหล่าเฉียนเหรินจึงรีบส่งจดหมายติดต่อท่านซือหมู่ หลังจากทราบว่าท่านซือหมู่ต้องอยู่อย่างยากลำบากที่ฮ่องกง ท่านก็หาวิธีรับท่านซือหมู่มายังไต้หวัน โดยมิได้ใส่ใจต่อคำครหานินทาแต่อย่างใด ในที่สุด ฟ้าก็ทรงเป็นใจให้แก่ผู้ที่มีความพยายาม ในปีนั้นท่านจึงสามารถรับท่านซือหมู่มาไต้หวันได้สมความตั้งใจ แม้ว่าในตอนนั้นท่านจะต้องลำบากยากเข็ญสักเพียงใดหรือจะมีคำไยไพใส่ร้ายมากแค่ไหน ท่านเหล่าเฉียนเหรินก็ยังคงแบกรับไว้อย่างองอาจ โดยไร้คำตัอพ้อต่อว่าใด ๆ ทั้งสิ้น ตราบจนปีหมินกั๋วที่ ๕๓ (ค.ศ. ๑๙๖๔) เดือน ๓ ท่านซือจุนได้เห็นการทดสอบจากทางการที่กระหน่ำซ้ำเติมอาณาจักรธรรมไม่หยุด ท่านจึงตั้งปริธานเแบกรับบาปเวรแทนศิษย์ และกักบริเวณตัวเองอยู่แต่ในห้องอีกทั้งกราบขอพระแม่องค์ธรรมให้ทรงเมตตาอีกนับหมื่นกราบ เป็นประจำทุกวัน จนในที่สุดท่านถึงกับเป็นอัมพาตไม่อาจเดินเหิน และต้องเจ็บป่วยทรุดโทรม นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านเหล่าเฉียนเหรินรู้สึกกลัดกลุ้ม และครุ่นคิดอยู่ทุกวันคืน ซึ่งท่านก็ได้บันทึกระบายความรู้สึกในสมุดอนุทินของท่านไว้อย่างมากมายแต่เนื่องจากเป็นมหาปณิธานของท่านซือหมู่ที่ประสงค์จะต้านภัยช่วยโลก ด้วยฐานะที่เป็นลูกศิษย์จึงมิอาจกล่าวคำใด ๆ ได้ ก็มีเพียงแต่ยิ่งทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปฏิบัติธรรม และดูแลปรนนิบัติท่านให้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ตราบจนปีหมินกั๋วที่ ๖๔ (ค.ศ.๑๙๗๕) เดือน ๒ วันที่ ๒๓ ท่านซือหมู่ได้อำลาจากไป ท่านเหล่าเฉียนเหรินรู้สึกโทมนัสเสียใจยิ่งนักท่านได้เขียนบันทึกไว้ว่า "อสนีฟาดเปรี้ยงในอรุณ เทพมนุษย์ร่วมอาดูรใจโหยไห้" สำหรับความเจ็บปวดภายในใจของท่าน เราก็สามารถสัมผัสได้จากอักษรที่ท่านบันทึกลงในสมุดอนุทินได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากมิใช่เป็นคนที่มีความจริงใจแล้ว ก็คงจะไม่เศร้าโศกเสียใจถึงเพียงนี้แน่
---ปีหมินกั๋วที่ ๘๓ (ค.ศ.๑๙๙๔) เดิอน ๘ วันที่ ๒๘ อันเป็นปีที่ครบรอบประสูติกาลหนึ่งศตวรรษของท่านซือหมู่ ที่เทียนเอวี๋ยนฝอเยวี่ยน ได้จัดพิธีมหารำลึกคุณเป็นเวลา ๓ วัน วันที่ ๑ ของมหาพิธี ท่านก็เพียงสวมชุดเต้าผาวและรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ท่านใช้อยู่ประจำเท่านั้น แต่เมื่อถึงวันที่สองของมหาพิธีอันเป็นวันที่จะทำพิธีกราบอวยพรวันเกิดท่านซือหมู่ เวลานั้น หลังจากท่านเฉียนเหรินทานอาหารเช้าเสร็จ ท่านก็เดินเข้าไปในตึกเทิดคุณ และหยิบรองเท้าคู่ใหม่ในลิ้นชักที่ได้ห่อเก็บอย่างบรรจงออกมาสวมใส่ พร้อมทั้งเปลี่ยนชุดจีนชุดใหม่ที่ยังไม่เคยสวมใส่ที่ไหนมาก่อน ครั้นอาวุโสจำนวนหนึ่งที่ติดตามท่านประจำได้เห็นแล้ว ภายในจิตใจของซาบซึ้งปิติจนน้ำตารินไหล เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าปกติท่านเหล่าเฉียนเหรินจะมีความประหยัดอย่างเคร่งครัด จึงได้เห็นว่าความจงรักภักดีของท่านเหล่าเฉียนเหรินที่มีต่อท่านซือหมู่ก็ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องมิเลือนหาย แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านพ้นไปหลายสิบปีแล้วก็ตาม