คนทุกคนรู้ดีว่าคนตายต้องเอาไปเผาเอาไปฝังที่ป่าช้า แต่ไม่รู้ว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ถูกฆ่าตาย ทั้งเนื้อและกระดูกที่ถูกสับเป็นชิ้น ๆให้คนแย่งกันกินลงท้องก็ฝังอยู่ในตัวเรานี่เอง คนกินเนื้อสัตว์ก็เหมือนป่าช้าเคลื่อนที่ สมารถฝังซากศพของ""สัตว์ตายโหง""อย่างไม่รู้จักเต็ม
คนส่วนใหญ่ถ้าให้ไปเดินในป่าช้าตอนเที่ยงคืนสักหนึ่งรอบ ถ้าก้าวขาไม่ออกก็มักจะวิ่งเสียจนสะดุดขาตัวเอง แต่คนกินเนื้อกินอยู่ทุกวัน ๆ ไม่ฉุกคิดเลยว่า""ท้องของตัวเองเป็นป่าช้า"" น่าแปลกเหลือเกิน ? คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ?
คนมีวิญญาณ สัตว์ก็มีวิญญาณเหมือนกันจะแตกต่างกันก็แต่เฉพาะสังขาร รูปกายภายนอกเท่านั้น คนคิดว่ากลัวภูตผีปีศาจ กลัวซากศพ กลัวโน้นกลัวนี่ ก็แล้วทำไมไม่กลัวเนื้อสัตว์ ? ถ้าจะเรียกให้ถูก เนื้อสัตว์ที่ตายก็คือ ซากศพ เป็นศพหมู ศพวัว ศพควาย ศพไก่ ฯลฯ
ตัวหนังสือ ""เนื้อ"" ในภาษาจีนแท้จริงมีอักษรคำว่า ""คน"" อยู่สองคน อยู่ในประตูหนึ่งคนอีกคนอยู่นอกประตูที่เปิดกว้่าง ในทางธรรม""ปาก"" ก็คือประตูหนึ่งของร่างกาย เป็นอวัยวะรับ - จ่าย ที่ใช้กินอาหารเข้าไป และพูดออกมา ฉะนั้นคำว่า""เนื้อ"" จึงมีความหมายว่าเป็นของที่คนหลงไม่รู้อ้าปากกินเข้าไป หารู้ไม่ว่าที่แท้คือ ""คนกินคน"" ชาตินี้กินเนื้อเขา ชาติหน้าก็ต้องถูกเขากิน
พระพุทธวจนะในมหายานสูตรกล่าวว่า บุคคลใด งดเว้นจากการกินเลือด กินเนื้อสัตว์ทั้งปวง ย่อมกระทำมหาเมตตาบารมีให้เต็มบริบูรณ์ หากบุคคลใดยังหลง กลืนกินเนื้อสัตว์ทั้งหลายอยู่ เขาได้ชื่อว่าทำลาย""เมล็ดพันธ์แห่งพุทธะ"" ที่มีอยู่ในตนย่อมต้องได้รับ""บาปอย่างมหันต์""
ผู้ที่บำเพ็ญธรรม หากยังไม่หยุดกินเนื้อ ก็ไม่สามารถบำเพ็ญไปได้ตลอดรอดฝั่ง
หากไม่ศึกษาธรรมะ
เราจึงยังไม่ทราบความจริงแห่งชีวิต
และก่อหนี้กรรมโดยไม่รู้ตัว
งดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
เลิกกินเนื้อสัตว์เถิด

ปล่อยชีวิตสัตว์ที่จะกินเข้าไปเป็นมหากุศล