collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44016 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
 
                                                 ประจักษ์หลักฐานสภาพความเป็นจริงในนรกภูมิ

                                  ตั้งปณิธานแล้วไม่บรรลุ ถูกขังนรกน้ำแข็งหนาวเน็บ  ( เจียงซิ่วเสีย  เจี่ยงซือ )     

         ข้าพเจ้ารู้ถึงความผิดพลาดของตนเองแล้ว ! ?  ข้าพเจ้ารู้ถึงความผิดพลาดของตนเองแล้ว ! ? ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ที่เมืองไถหนัน แซ่ "" เจียง "" ชื่อ "" ซิ่วเสีย "" นักธรรมอาวุโสของข้าพเจ้า แซ่เฉิน  ในตอนนั้นข้าพเจ้าอายุได้ ๒๗ ปีนั้น ข้าพเจ้าได้ตั้ง """ ปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ """ ติดตามปฏิบัติอริยกิจกับนักธรรมอาวุโส  พออายุได้ ๒๙ ปี ข้าพเจ้าก็ได้ผิดต่อปณิธานนั้น เพราะว่านักธรรมอาวุโส ที่ได้ติดตามเตี่ยนฉวนซือในช่วงเวลาเดียวกันกับข้าพเจ้านั้น ต่างได้รับการยกระดับเป็นเตี่ยนฉวนซือ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าความสามารถของตนนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร และมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานมาก เป็นทั้งบุ๋นทั้งบู๊ และยังเข้าครัวทำอาหารได้ด้วย แต่ยังไม่ได้ยกระดับเป็นเตี่ยนฉวนซือ จึงได้รับการเยาะเย้ยถากถางลบหลู่เหยียดหยามจากคนอื่น ดังนั้นเวลาบรรยายธรรมจึงขาดความมั่นใจไป  ในใจของตนจึงเกิดความคลางแคลงสงสัย  หรือว่าใจจริงแท้ของข้าพเจ้ายังมีไม่เพียงพอ  ด้วยกำลังความสามารถของคนอื่น พวกเขายังเป็นเตี่ยนฉวนซือได้ แต่เพราะเหตุใด กำลังความสามารถของข้าพเจ้านั้นแกร่งกล้าสามารถกว่ายังคงไม่ทันผู้อื่นเขา ด้วยอายุทางธรรม และการบำเพ็ญของข้าพเจ้านั้นไม่อาจทำให้นักธรรมอาวุโสและเตี่ยนฉวนซือมองเห็นได้ ด้วยเหตุนี้ในใจไม่อาจสงบเป็นปกติได้
          เดิมทีข้าพเจ้าไปอาณาจักรธรรมทุกวัน แต่เมื่อข้าพเจ้าจิตใจหวั่นไหวส่ายคลอนแล้ว เดือนหนึ่งจะไปร่วมชั้นเรียนแค่สามครั้ง และก็ได้พบเจอกับเพื่อนเก่าหรือเพื่อนร่วมงานมาเชื้อเชิญอยู่บ่อย ๆ  เดิมทีได้รักษาบำเพ็ญพรหมจรรย์ ไม่กล้าที่จะมีความคิดหวั่นไหวสั่นคลอน แต่เมื่อผ่านมานานวัน ก็ถูกเรื่องราวทางโลกทำให้ลุ่มหลงไปแล้ว เมื่อได้ฟังว่าพระอาจารย์หญิงได้กลับคืนรายงานพระภาระต่อเบื้องบนแล้ว จึงไม่ได้นับปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ของตัวเองไปด้วย และยังได้เห็นว่า ในขณะนั้นก็มีสามีภรรยามากมายหลายคู่ที่บำเพ็ญปฏิบัติร่วมกัน อยู่เคียงข้างตามติดกันไม่โดดเดี่ยว คู่สามีภรรยาเหล่านั้นมีทั้งเยื่อใยความรักและยังมีมโนธรรมต่อกันด้วย ไม่เพียงแต่ได้บำเพ็ญธรรมแต่ได้เสพสุขของการครองชีวิตคู่ด้วย
          ดังนั้นตอนที่ข้าพเจ้าล้มลุกคลุกคลานอยู่นั้น สายตาก็ได้เห็นแต่เรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างนี้จึงคิดเสมอว่า "" สิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะกล่าวบ่อยครั้งว่า ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวมีภรรยาสามารถบำเพ็ญร่วมกันได้ ทั้งยังปฏิบัติงานทางธรรมและทางโลกได้อย่างละครึ่ง "" เป็นเพราะความลุ่มหลงคิดผิดของข้าพเจ้า จึงลืมไปว่าตนเองได้เคยตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ต่อเบื้องบน และมีความคิดอย่างปุถุชนฟุ้งขึ้นมาด้วยเหตุนี้ จึงได้รู้จักกับวิศวกรคนหนึ่ง รูปร่างท่าทางดูดีมีสง่า และยังพูดคุยบอกเล่าความในใจของกันและกันได้ เรียกได้ว่า ต่างก็เป็นผู้รู้ใจของอีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนี้ ในระยะแรก ๆ ข้าพเจ้ายังไม่กล้าที่จะผิดต่อแบบแผนประเพณี  แต่เมื่อค่อย ๆ หลีกห่างออกจากอาณาจักรธรรมไปและเขาเองก็ค่อย ๆ มีเยื่อใยความรักต่อข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองก็มีความรักให้กับเขาเช่นกัน ข้าพเจ้าจึงไม่อาจห่างจากเขาไปได้ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงค่อย ๆ ผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ของตนไปอย่างแอบ ๆ  และทุ่มเทความรักความรู้สึกและเวลาทั้งหมดให้กับผู้ชายคนนั้น ข้าพเจ้าทั้งสองได้เช่าห้องอยู่ด้วยกัน แต่ไม่กล้าเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพียงแต่อแบ ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันและปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้นักธรรมอาวุโสได้รู้เห็น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เมื่อผ่านไปได้สามปี ข้าพเจ้าจึงตั้งครรภ์ ข้าพเจ้าทั้งสองจึงอยู่กินกันต่อไปโดยที่ไม่กล้าแต่งงาน เพราะกลัวว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะที่ข้าพเจ้าผิดต่อปณิธานของตน แต่ว่าจะไม่แต่งงานกับเขาก็ไม่ได้เพราะข้าพเจ้ารักเขา ด้วยเหตุที่เขาเป็นวิศวกร บุคลิกท่าทางก็ดี  ฐานะความเป็นอยู่ทางบ้านก็ดี  เขาเองก็สงสารเวทนาต่อข้าพเจ้า ในตอนนั้นข้าพเจ้าละโมบที่เขาให้ที่กินที่อยู่กับข้าพเจ้าได้  ข้าพเจ้าสามารถเสพสุขใช้เงินเป็นเบี้ยได้อย่างอิสระ
          สามปีให้หลัง ตอนที่ข้าพเจ้าจะคลอดลูกนั้นอายุก็ปาเข้าไป ๓๒ ปีแล้ว ด้วยเหตุที่ตกเลือดหลังคลอด จึงลาจากโลกนี้ไปเมื่อผิดต่อปณิธานแล้ว ข้าพเจ้ามักจะมีความคิดที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ปราศจากปัญญา  จนเมื่อข้าพเจ้าได้ละกายสังขารไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่อาจเข้าเฝ้าพระแม่องค์ธรรมได้ "" แถมยังต้องถูกกักขังในคุกสวรรค์ "" เพื่อให้บำเพ็ญดี ๆ เป็นเพราะข้าพเจ้ายังคงกินเจ ใครจะรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่เพียงกลับคืนสู่เบื้องบนไม่ได้ แต่ยังมี "" ยมทูตขาวดำนำโซ่ตรวนเหล็กมาคล้องลาก "" ข้าพเจ้าไปยัง """ นรกภูมิ """ เบื้องบนเอ๋ย ! ช่างไม่เป็นธรรมกับข้าพเจ้าเลย ช่างไม่เป็นธรรมเลย แม้ว่าจะผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงกินเจอยู่ ทำไมพระอาจารย์จึงไม่มานำพาวิญญาณของข้าพเจ้า ช่างไม่เป็นธรรมเลยจริง ๆ  ข้าพเจ้ากินเจมาตั้งยี่สิบปี แล้วเหตุใดจึงต้องตกไปสู่กำมือของพยายมราชด้วย  """ พยายมราชได้ให้ข้าพเจ้าไปยังเบื่องหน้ากระจกส่องกรรม """ จึงได้ส่องเห็นว่าข้าพเจ้าเอง """" ได้ผิดต่อปณิธานใหญ่ที่ตั้งไว้  หลอกลวงนักธรรมอาวุโส  ดูหมิ่นพระโองการสวรรค์  และไม่รู้จักรักถนอมตนเอง """"  ถึงตอนนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงเข้าใจแจ่มชัด ผิดบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำนั้นยากที่จะนิรโทษผ่อนผันให้ได้
          ข้าพเจ้าเคยได้วิงวอนขอร้องต่อพระอาจารย์ด้วยความลำบาก ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเป็นคนใหม่อีกครั้ง  แต่พระอาจารย์กล่าวว่า """ ในอดีตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เตือนเจ้าไปแล้ว แต่เจ้าก็ไม่ฟังเหมือนลมผ่านหู หลายครั้งที่บอกกล่าวตักเตือนแต่เจ้าก็ไม่เข้าใจ แล้วจะเคืองโกรธโทษใครได้ล่ะ ? """" ตอนนี้ข้าพเจ้าถูกกักขังอยู่ที่ """ นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บ """   """ ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ห่มคลุมกันหนาวได้ ที่ต้องเจอะเจอตลอดทั้งวัน ก็คือลมหนาวพัดกระหน่ำเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน และบนพื้นยังเป็นน้ำแข็งด้วย หนาวเหน็บจนทั้งเนื้อทั้งตัวยากจะทนได้ไหว จึงกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นนั้น ช่างเจ็บปวดทุกข์ทนเหลือเกิน ทรมานจริง ๆ แถมยังอับอายด้วย """
          ข้าพเจ้าผิดไปแล้วข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าผิด ข้าพเจ้าไม่กล้าอีกแล้ว พระอาจารย์โปรดช่วยเหลือศิษย์ด้วย ศิษย์จะสำนึกขอขมาด้วยใจจริง ขอพระอาจารย์ได้โปรดช่วยศิษย์ด้วยเถิด
         หลังจากนั้นเมื่อสองวันก่อนหน้านี้ ขณะที่พระอาจารย์ได้นำพาวิญญาณของสามคุณร่างทรงคนหนึ่ง ไปเยี่ยมชมนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บนั้น สามคุณท่านนั้นได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้ามีโอกาสบรรลุปณิธานอีกอย่างหนึ่ง เธอเต็มใจที่จะให้ข้าพเจ้าหยิบยืมกายสังขารของเธอ เพื่อมาปรากฏกายเป็นการชั่วคราว เพื่อบอกเล่าความเป็นมาของตนเอง ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสมาตักเตือนชี้แนะเมธีทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ ว่าอย่าได้โง่เขลาอย่างข้าพเจ้าเป็นอันขาด ถ้าบำเพ็ญธรรมโดยไม่มีปัญญา เชื่อถือตามข่าวเล่าลือของผู้อื่นที่บอกว่า """ เมื่อพระอาจารย์หญิงกลับคืนเบื้องบนแล้วพระโองการสวรรค์ก็เก็บกลับคืนไปด้วย """ จึงผิดต่อปณิธานที่ได้ตั้งไว้ ข้าพเจ้าผิดไปแล้ว ข้าพเจ้าผิดไปแล้วจริง ๆ เมธีทั้งหลาย "" บำเพ็ญธรรมก็คือบำเพ็ญจิตญาณของตน "" ถึงแม้ว่ามหาธรรม ( อนุตตรธรรม ) จะเผยแพร่มาจากพระอาจารย์ชาย และพระอาจารย์หญิง ทั้งสองพระองค์ผู้รับสนองพระโองการสวรรค์จากเบื้องบน แต่การบำเพ็ญก็ยังเป็นเรื่องของแต่ละคนเอง การตั้งปณิธานนั้นก็เป็นไปเพื่อเบื้องบนและเพื่อจิตใจดีงามของตนเองโดยไม่ได้เป็นการตั้งเพื่อให้พระอาจารย์ชาย และพระอาจารย์หญิง เฉียนเหยิน และเตี่ยนฉวนซือ ได้ดู หากผู้ใดมีจิตใจเป็นไปอย่างนี้ ข้าพเจ้าขอบอกเตือนเมธีทั้งหลายว่าเราจะต้องกระจ่างแจ้งกระจ่างชัดต่อหลักธรรมสายนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นเหมือนกับข้าพเจ้า คำพูดพกลมเพ้อฝันของผู้อื่น ก็ทำให้เราต้องผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ที่ตั้งไว้ หากเป็นเช่นนี้ เราย่อมมีส่วนอยู่ใน """ นรกภูมิภูเขาอินซันในอเวจีทับร่าง """ อย่างแน่นอน
          เมื่อข้าพเจ้าเองผิดต่อปณิธานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกไม่สบายที่ตรงไหน ข้าพเจ้าเองก็ยังคิดอย่างปราศจากปัญญานั่นเป็นเพราะข้าพเจ้าเองได้ตั้งปณิธานกินเจ และไม่ได้ละเมิดแตกศีลเจด้วยและได้บำเพ็ญตนเองอย่างเต็มกำลัง เพียงแต่ไม่กล้าที่จะออกไปบรรยายธรรมเจริญปญิธานเท่านั้น ทุกครั้งที่นักธรรมอาวุโสให้โอกาสข้าพเจ้าได้ออกไปเจริญปณิธาน ข้าพเจ้าก็จะหยิบยกเหตุผลข้ออ้างมาบอกปัด  รวมทั้งยังปกปิดกับนักธรรมอาวุโสด้วยว่าร่างกายตนเองไม่สบาย แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็สายเกินไปแล้ว แค่เกิดอาการตกเลือดมากหลังคลอด ก็ถูกยมทูตขาวดำลากตัวลงไปต้ดสินโทษและรับโทษยังนรกภูมิ ถึงตอนนั้นข้าพเจ้าจึงเข้าใจถึงแม้ข้าพเจ้าจะได้ตั้งปณิธานกินเจ แต่ก็ได้ผิดต่อปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์ เบื้องบนก็ย่อมไม่ให้อภัย ไม่ว่าข้าพเจ้าจะสำนึกขอขมาอีก จะวิงวอนขอร้องพระอาจารย์อีกก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีกายสังขารที่จะไปสร้างบุญเจริญปณิธานเพื่อลบล้างความผิดพลาดผิดบาปที่ผ่านมาในอดีตได้อีกแล้ว ข้าพเจ้าช่างโง่เขลา  ข้าพเจ้าช่างเบาปัญญาจริง ๆ เหตุใดข้าพเจ้าจึงโลภมากอยากได้ เหตุใดข้าพเจ้าจึงไร้ปัญญาเช่นนี้
          ขอวิงวอนให้นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสารด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะผิดพลาดอีกแล้ว ข้าพเจ้าขอคารวะให้ ข้าพเจ้าขอกราบให้ ขอให้ท่านมอบโอกาสให้ข้าพเจ้าอีกสักหน่อย ถึงจะให้ข้าพเจ้าไปเิกิดในชาติกำเนิดที่ภูมิวิถีหก ข้าพเจ้าก็เต็มใจ ขอเพียงแต่ให้ข้าพเจ้าพ้นออกไปจากนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บได้เป็นพอ นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสารช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด ที่นรกแห่งนั้นทุกข์ทนลำบากเหลือเกิน นักธรรมอาวุโสที่ได้เห็นอยู่ตรงนี้ ก็เป็นเหมือนอย่างข้าพเจ้าที่ได้ตั้งปณิธานใหญ่ หวังว่าทุกคนจะรอบคอบระมัดระวังความคิดจิตใจของตนเองตลอดเวลา อย่าได้ก่อเกิดจิตใจวุ่นวายสับสน จนนำมาซึ่งพันธนาการจากเหตุปัจจัย นักธรรมอาวูโสทั้งหลาย ขอให้รู้ถึงความร้ายกาจจริงจังของสิ่งที่ไร้รูปลักษณ์เพียงแค่จิตใจของเราไม่เที่ยงตรงดีงามหรือกระเพื่อมสั่นไหวมารทั้งหลายก็จะมาช่วยเหลือ น่ากลัวเหลือเกิน ในตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าจะลงเอยเช่นนี้ ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าจึงรู้แล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายเกินการณ์ วิงวอนให้นักธรรมอาวุโสเมตตาสงสาร วิงวอนให้พระอาจารย์เมตตาสงสารให้ข้าพเจ้ามี โอกาสพ้นจากนรกแห่งนั้นเพื่อไปเิกิดกายใหม่ต่อให้ต้องไปเกิดในชาติกำเนิดที่ภูมิวิถีหกข้าพเจ้าก็เต็มใจ ข้าพเจ้าไม่อยากอยู่ในนรกแห่งนั้นอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ในนรกน้ำแข็งหนาวเหน็บอีกแล้ว ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาสองปีแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่มีกายเนื้อแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นการเกิดการตายได้
          ข้าพเจ้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ในตอนนั้นข้าพเจ้าคิดว่าเบื้องบนคงไม่รู้แน่ ๆ ที่รู้ก็คือข้าพเจ้ากินเจ และไม่ได้แตกศีลเจด้วยแม้จะได้รับการชี้แนะตักเตือนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดถึงเรื่องของข้าพเจ้า ดังนั้นจึงลุ่มหลงถลำลึกลงไปอีก ข้าพเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่อีก ไม่อยากอยู่ที่นรกน้ำแข็งหนาวเหน็บอีกแล้ว ข้าพเจ้ายินดีที่จะไปอยู่ในคุกสวรรค์เพื่อสำนึกขอขมา ถ้าได้กลับไปอยู่ที่คุกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็จะสำนึกขอขมาและบำเพ็ญขัดเกลาให้ได้ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                                                   ความในใจของอสูรกาย

                                        (๑ ) ทดสอบคน - ผี - เทพในธรรมกาลยุคขาวให้ตกหล่น

          ข้ารับหน้าที่ควบคุมทหารมารออสูรมากมาย เป็นหมื่นแสน ทำหน้าที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้บำเพ็ญธรรม หากว่าจิตใจของผู้บำเพ็ญขยับเขยื้อนหวั่นไหว เมื่อนั้น มารอสูรก็ย่อมเข้ามาประชิด โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร จึงกล่าวได้ว่า "" หากบำเพ็ญโดยไม่มีมารไร้การทดสอบทั้งดีทั้งชั่วล้วนได้สำเร็จเป็นพุทธะ ""
         ผู้ที่รู้จักบำเพ็ญ จะต้องประคองปณิธานความมุ่งมั่นเอาไว้ รอเมื่อข้าทำการทดสอบแล้ว ก็จะได้รู้ว่าจะเป็นพุทธะหรือจะเป็นภูตผี ? ตอนนี้ได้ประสบกับยุคท้ายปลายกัป จิตใจผู้คนโหดเหี้ยมต่ำทราม วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามจึงตกต่ำลงทุกวี่วัน เป็นการก้าวย่างไปสู่ความเลวร้ายอันตราย ประเทศชาติ สังคม สับสนวุ่นวาย ยากที่จะปกครองจัดการได้และยังเห็นได้อีกว่า ผู้บำเพ็ญในปัจจุบันนี้ ไม่ค่อยมีความศรัทธาจริงใจ หลักคุณสัมพันธ์ห้าและคุณธรรมแปดถูกทำลายสูญสิ้น ได้รับธรรมะแต่กลับให้ร้ายทำลายธรรมะ  ดังนั้น ข้าจึงได้นำพาทหารมารอสูร อาศัยของปลอมทำให้ของจริงวุ่นวายปั่นป่วน เพื่อทดสอบจิตใจที่จะบรรลุสำเร็จมรรคผลของการบำเพ็ญยุคขาว หากผ่านการทดสอบของข้าได้ ก็ย่อมสำเร็จเป็นพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากไม่ผ่่านการทดสอบก็จะกลายเป็นภูตผีในนรกภูมิหรือไม่ก็ที่คุกสวรรค์ หากผู้ใดได้รับธรรมะและบำเพ็ญสิ่งจริง แต่ผิดปณิธานความมุ่งมั่น ให้ร้ายทำลายสัมมาธรรม และเข้าสู่มิจฉาธรรมผิดต่อหลักธรรมความดีงาม รวมทั้งผู้ที่กำเริบเสิบสาน ในที่สุดก็ย่อมถูกข้าตีตกไปสู่วิถีมารโดนมารกลืนกิน และทำลายวิญญาณไม่อาจกลับมาเกิดกายเป็นคนได้อีก หากไม่ผ่านการทดสอบจากมารอสูรอย่างข้า ความมุ่งมั่นไม่หยัดยืน เมื่อถูกทดสอบย่อมทัอถดถอยไปก็จะพลาดผิดต่อความโชคดีสามชาติ ส่วนผู้ที่ได้รับธรรมะ แต่บำเพ็ญครึ่ง ๆ กลาง ๆ บุญกุศลที่ค้างมาก่อนหน้าสูญสิ้นหมด บัญชีสวรรค์ก็ย่อมค้ดชื่ออกและส่งไปลงโทษยังนรกภูมิหรือคุกสวรรค์ ตามแต่ผิดบาปหนักเบาที่ได้ก่อเอาไว้
         บำเพ็ญธรรมแบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับสูง  ระดับกลาง  และระดับล่าง พระอริยะเหลาจื่อได้กว่าไว้ว่า "" คนในระดับสูงได้ฟังธรรมก็มานะปฏิบัติตาม  คนในระดับกลางได้ฟังธรรม คงอยู่บ้างหายไปบ้าง  คนในระดับล่างได้ฟังธรรม ก็หัวเราะใหญ่ ผู้ที่รับการทดสอบและไม่ร่วงหล่น คือคนในระดับสูง เป็นอริยะ เป็นปราชญ์เมธี ส่วนผู้ที่เมื่อได้ยินได้ฟังธรรมะแล้ว เกิดความสงสัยคลางแคลงใจ เดี๋ยวก้าวไปข้างหน้า เดี๋ยวก้าวถอยไปข้างหลังเหมือนคงอยู่เหมือนหายไป ก็เป็นแค่เวไนยชนคนสามัญ ส่วนผู้ที่เมื่อได้ยินได้ฟังธรรมะแล้ว แต่ไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธา ทั้งยังให้ร้ายต่อธรรม และผิดต่อคุณธรรมความดีงาม ก็จะเป็นเพียงภูติผีในนรกภูมิ  ดังนั้น  การทดสอบของญาณระดับสูง เอาไว้ทดสอบคนในระดับสูง ( มีปัญญาสูงส่ง )  การทดสอบของญาณระดับกลาง เอาไว้ทดสอบคนในระดับกลาง ( มีปัญญากลาง ๆ ) ส่วนการทดสอบของญาณระดับล่าง ( มีปัญญาต่ำทราม ) ถ้าสามารถผ่านการทดสอบได้ ก็จะเป็นคนระดับสูง  คนระดับกลางและคนระดับล่าง แต่หากไม่ผ่านการทดสอบทั้งสามนี้ได้ ก็จะมีส่วนในคุกสวรรค์หรือไม่ก็ในนรกภูมิ โดยไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเลย
         ข้าได้รับบัญชาจากเบื้องบน จึงไม่อาจไม่ทำการทดสอบ หากข้าไม่ทดสอบอย่างดุร้ายเหี้ยมโหด ข้าเองก็มีความผิด มหาเทพไม่อาจแบกรับภาระหน้าที่นี้ได้ เป็นเพราะพระพุทธมีความเมตตากรุณา พระองค์จึงไม่อาจแบกรับหน้าที่ทำการทดสอบได้มีแต่พวกทหารมารของข้าที่ทดสอบด้วยความโหดเหี้ยม จึงหวังว่าทุก ๆขณะจิต ทุก ๆ คน จะได้จดจำและรู้แจ้งกัน
         ทางธรรมะและหมู่มารมีอยู่คู่กัน จึงยิ่งต้องเพิ่มพูนความเชื่อมั่นศรัทธาและใจดั่งเหล็กกล้าให้แข็งแกร่ง เพื่อนำมากำราบสยบการทดสอบใหญ่ได้ ผู้ที่ผ่านการทดสอบ ก็จะได้บันทึกชื่อในบัญชีสวรรค์ แต่ถ้าไม่ผ่านการทดสอบ ก็จะถูกลบชื่อออกจากบัญชีสวรรค์และมีส่วนได้ในนรกภูมิ ถึงแม้จะเข้าใจแทงตลอด ในวัชรสูตรทั้ง ๓๒ บท ก็ไม่สู้มีจิตญาณอันเป็นจริง พึงพิจารณาโดยอาการอย่างนี้เถิด 
       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                                                      ความในใจของอสูรกาย
 
                                         ( ๒ )  ธรรมะจริง   บำเพ็ญจริง   ทดสอบจริง

           สายน้ำไหลไป  ปลาก็แวกว่าย  หากเข้าใจเจตนาของเบื้องบนก็ต้องเร่งรีบก้าวเดิน อย่าได้เดินเป็นคนสุดท้าย แบกรับภาระใหญ่ของสามโลก อย่าได้มีความกลุ้มกังวล ถามตัวเองดูว่ามีความผิดพลาดกันหรือไม่ ?  ถามตัวเองดูว่าคล้ายกับน้ำใสสะอาดที่ไหลหลั่งหรือยัง ? ไหลหลั่งไปทางทิศตะวันออก ลองถามจิตญาณของตนดูว่า ถึงระดับที่เบาใสของก้อนเมฆที่สะอาดหรือไม่ ? หากเลื่อนลอยไปกับก้อนเมฆก็จะมีการทดสอบมาฝนขัด ทดสอบจนกระทั่ง ทุก ๆ ย่างก้าวก็ยากที่จะเดิน ทดสอบจนกระทั่งพวกเจ้าไม่อาจกำหนดมรรคผล ทดสอบจนกระทั่งพวกเจ้าไม่ได้ขึ้นเรือธรรม ทดสอบจนกระทั่งพวกเจ้าผอมโซเหลือแต่กระดูก สร้างบุญกุศลในทางหนึ่ง แต่ก็หลั่งไหลออกไปในอีกทางหนึ่ง จนกระทั่งไม่คิดที่จะไป "" นั่งบนบัลลังก์บัวสามยานเก้าระดับ "" อีก ถ้าคิดจะสำเร็จเป็นพุทธะ พวกเจ้าก็ต้องหมุนวนรอบข้าซึ่งเป็นหัวหน้ามารและผีทั้งหลาย
          ข้าได้รับบัญชาให้ได้มาทดสอบธรรม ทดสอบให้ผู้บำเพ็ญล่วงหล่นไป ข้าจึงจะมีบัลลังก์ผลบุญให้ได้นั่ง หากไม่อาจทดสอบให้พวกเจ้าร่วงหล่นไปได้ ข้าก็ย่อมไม่พอใจ ข้าย่อมไม่ชอบใจ ถ้าจะต้องฉุดลากขาหลังของพวกเจ้า ข้าก็จะลากฉุดพวกเจ้าต้องตกไปในทะเล ให้พวกเจ้าเิดินด้วยความยากลำบากในทุก ๆ ย่างก้าว ให้พวกเจ้าได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในทะเลทุกข์ จะเอาเหตุการณ์เรื่องราวทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ แบบ มาทดสอบพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าโกรธแค้นไม่พอใจข้า พวกเจ้าก็จะได้รับ
          ข้าจะทดสอบข้อบกพร่อง ข้ออ่อนด้อยในตัวพวกเจ้า ยึดจับในข้ออ่อนด้อยของพวกเจ้า ให้เจ้าไม่มีความศรัทธาเชื่อมั่นต่อธรรมะ ให้เจ้ามองเห็นเยื่อใยสัมพันธ์อย่างจืดชืดหน่ายแหนง เยื่อใยสัมพันธ์เหล่านั้นจะได้บอบบางเสื่อมคลายไป ทดสอบจนพวกเจ้าล้มลุกคลุกคลาน กลับหัวกลับหางไปหมด ให้พวกเจ้าไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในอาณาจักรธรรม ข้าจะทดสอบจนภรรยา หรือไม่และลูก ๆ ของเจ้าต้องแยกย้ายไกลห่างกัน ทดสอบจนพวกเจ้าไม่สามารถตั้งมั่นหรือมีความสง่าน่าเกรงขามอยู่ได้ในอาณาจักธรรม โดยเฉพาะคนที่ทำตัวเป็นจุดเด่น ข้าก็จะให้เจ้าต้องโค้งกายวอนขอข้าเก้าสิบองค์ศาเลย วิงวอนขอร้องให้ได้ผ่านการทดสอบของข้าพญาอสูร
          หากใจมารของเจ้ามาหาข้า ข้าก็เต็มใจที่จะเป็นเพื่อนของเจ้าติดตามอยู่กับเจ้า เป็นเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังเจ้า ต่อให้พระพุทธะจี้กงขอร้องข้าก็ไม่เกิดประโยชน์ พระองค์ท่านรับบัญชามาเพื่อปฏิบัติเผยแพร่ธรรม ส่วนข้าเองก็ได้รับบัญชามาทดสอบธรรม มองดูพวกเจ้าผู้บำเพ็ญ เดี๋ยวก็ก้าวไปข้างหน้า เดี๋ยวก็ถอยไปข้างหลัง ถ้าอยากจะผ่านการทดสอบของข้าไปให้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ พวกเจ้าจะต้องยอมรับในทุกข์อย่าง อย่าได้โทษว่าข้าไร้เยื่อใยสัมพันธ์ อย่าโทษว่าข้าไม่เมตตากรุณา ถ้าข้าไม่สามารถทดสอบให้ผู้บำเพ็ญร่วงหล่นได้แม้คนเดียว แล้วข้าจะมีมรรคผลให้ได้เสวยหรืออย่างไร ?
          ดูซิว่าเจ้าเก่งกาจหรือว่าข้าเก่งกาจ ดูซิว่าเจ้าสามารถหรือว่าข้าสามารถ ? ดูซิว่าเจ้าน่าเกรงขามหรือว่าข้าน่าเกรงขาม ? สำหรับผู้ที่มักวิพากษ์วิจารณ์เจ้าก็จะต้องได้รับ หากเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของพระวิสุทธิอาจารย์ แล้วจะสูงกว่าคนอื่น ๆ หนึ่งขั้นมีบุคลิกน่าเกรงขาม การที่จะผ่านการทดสอบของข้าไปให้ได้นั้น ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ข้าจะจับตามองดูเฝ้าอยู่ทุกเวลานาที จะประชิดติดตามจนกว่าจะมีโอกาสที่เหมาะสมจึงจะลากดึงขาหลังของเจ้า ฉุดลากเจ้าลงมา ให้เจ้าไม่สามารถเดินในหนทางธรรมได้อีก ข้าจะผลักให้เจ้าตกไปในทะเล... ทดสอบจนเจ้าไม่มีความคิดเป็นของตนเอง  ทำให้เจ้าไม่อาจสงบจิตญาณของตนลงได้ ทดสอบจนเจ้าไม่สามารถแสดงออกซึ่งปัญญาได้เลย ทดสอบจนเจ้ากับตาลปัตร กลับถูกกลายเป็นผิด กลับผิดกลายเป็นถูก ทดสอบจนเจ้าเกิดเรื่องถูกผิดนินทาว่าร้ายอะไร ๆ ก็จะเอามาทดสอบเจ้า
          เตี่ยนฉวนซือทั้งหลาย อันดับแรกข้าจะทดสอบพวกเจ้าก่อนเจ้าไม่ขอบคุณข้าหรือ ข้าจะทดสอบจนเจ้ายืนอย่างไม่มั่นคง ยืนอย่างไม่สงบ ทดสอบจนเจ้าจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ได้ จะทดสอบจนเจ้าไม่มีความเชื่อมั่นในธรรมะ จะทดสอบเจ้าจนกระทั่งใคร ๆ ก็เบื่อหน้าเจ้าเกลียดชังเจ้า จะทดสอบจนเจ้าไม่มีอาหารจะกิน จะทดสอบให้เจ้าไม่สมจิตสมใจในทุก ๆเหตุการณ์เรื่องราว ข้าจะทดสอบเจ้าทุก ๆอย่าง
         ผู้บำเพ็ญในยุคขาวแต่ละคนข้าก็จะทดสอบ หากข้าไม่ทดสอบพวกเจ้า  ข้าจะรายงานภาระต่อเบื้องบนได้อย่างไร ? โดยเฉพาะผู้ที่ชอบระเบิดอารมณ์โมโหโกรธ ข้าก็จะยิ่งทดสอบเจ้า ทดสอบไฟอวิชชาของเจ้า ให้แต่ละอย่าง ๆ เกิดขึ้นเองโดยปริยายข้ามักจะอยู่ใน """ ตำหนักวิสุทธิ์สงบ """ ของเจ้าเพื่อทำให้อกสั่นขวัญหายไปหมด จะชักนำให้เจ้าชื่นชอบหมกมุ่นอยู่กับสุรา-ราคะ-ทรัพย์สิน-อารมณ์ ข้าจะชักนำให้เจ้าผิดต่อปณิธานที่ได้ตั้งเอาไว้ จะทำให้เจ้าชื่นชอบหมกมุ่นในกามราคะ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะมีบุญกุศลแล้ว เจ้าอย่าได้บอกว่าข้าพญามารไม่เมตตากรุณา เจ้าอยากจะสร้างบุญกุศล ข้าเองก็อยากสร้างบุญกุศล หากข้าไม่ทดสอบเจ้า  ก็ไม่สามารถกลับคืนเบื้องบนได้ ลูกหลานมารของข้าก็ย่อมไม่ได้บารมีจากข้าหนุนส่งไปด้วย จะทดสอบให้พวกเจ้าไม่สมใจสมความปรารถนาในทุก ๆ เรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นทางงธรรมหรือทางโลกก็ไม่เป็นไปตามที่นึกคิดคาดหวังทำให้พวกเจ้าไม่สนใจไปเสียแปดเก้าเรื่องในสิบเรื่อง
          ข้าจะอาศัยผู้บำเพ็ญที่ร้ายกาจดุดัน มาทดสอบพวกเจ้า ข้าจะอาศัยสาวสวย ๆ หนุ่มหล่อ ๆ มายั่วยวนให้พวกเจ้าลุ่มหลงติดกับ ข้าจะอาศัยทุกสิ่งอย่างมาทดสอบเจ้า จนพวกเจ้าไม่สามารถรับกันได้ไหว เมื่อนั้นจะปรากฏอริยะปราชน์เมธี และพุทธเทพเซียนออกมาได้ ข้าอยากจะสำเร็จเป็นพุทธะ เทพเซียน มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ เจ้าอยากจะขึ้นสวรรค์ มันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ อึม ! เจ้าจำเป็นต้องผ่านด่านทดสอบของข้าให้ได้เสียก่อนแต่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
          ข้าจะติดตามเจ้าไปทุกที่ทุกเวลา ทดสอบจนเจ้ากับตาลปัตรหน้าหลังยุ่งเหยิง ทดสอบจนเจ้าไม่มีความศรัทธาเชื่อมั่น ทดสอบจนเจ้าไม่มีความวิริยะก้าวหน้า เตี่ยนฉวนซือเอ๋ย ! เจ้ากลัวหรือไม่กลัวเจ้าคิดดูซิว่าแบกภาระพระโองการสวรรค์นั้นมันง่ยหรือไม่ เจ้าก็เหมือนกันต้องเจอการทดสอบจากข้าก่อน ข้าจะให้เจ้าเจอการทดสอบเสมอ ๆ  หากไม่ผ่านกันก็อย่าหวังจะได้ดื่มเหล้ารสดี ( ผลสำเร็จ )เลย หากเจี่ยงซือทั้งหลายที่ไม่เย่อหยิ่งอวดดีคิดเอาเองว่าความรู้ความสามารถนั้นมากมาย ข้าก็จะมาทดสอบพวกเจ้า ทดสอบพวกเจ้าจนตกไปสู่ใจมาร เพื่อที่ใจมารจะดึงดูดข้าซึ่งเป็นมารภายนอกเข้าสู่ตัวเจ้า จะต้องจำเอาไว้ให้ดี ข้าจะอาศัยอยู่ที่ตำหนักวิสุทธิ์สงบ ของพวกเจ้า ข้าจะอยู่ข้างกายพวกเจ้าตลอดเวลา ขอแค่มีโอกาส ข้าก็จะเข้าไปตำหนักวิสัทธิสงบของพวกเจ้า
          ข้าจะทดสอบพวกเจ้า ทดสอบถันจู่เจ้าตำหนักพระ ทดสอบเจี่ยงซืออาจารย์บรรยยธรรม ทดสอบปั้นวื่อเหยินเอวี๋ยน พุทธบริกร ทดสอบเต้าชินญาตฺธรรม ใครต่อใครต้องถูกทดสอบ ให้เจ้าต้องเดี๋ยวหน้าเดี๋ยวหลังถอยหลัง ดูซิว่าใครจะเก่งกาจสามารถกว่ากัน ดูซิว่าใครเข้มแข็งแกร่งกล้ากว่ากัน ดูซฺว่าใครมีความมั่นคงแน่วนิ่ง แสดงกันออกมาซิ พวกเรามาเปรียบเทียบกันดูดีหรือไม่ ? มาเปรียบเทียบกันดู หากเจ้าคิดจะมาเป็นเพื่อนของข้าพญาอสูรลูกหลานมารของข้า ก็จะคอยติดตามเจ้าดั่งกับเงาตามตัวต้องจำเอาไว้ให้ดี ข้าจะคอยตรวจสอบชั้นประชุมธรรมอยู่ที่ด้านข้างนี้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                                                        ความในใจของอสูรกาย

                                            หนึ่งความคิดเป็นมาร ลุ่มหลงตลอดชาติ

         หากหนึ่งความคิดเป็นมาร ก็ย่อมลุ่มหลงไปชั่วชีวิต นิสัยอารมณ์ยังคงมีกันอยู่ ก็ย่อมขุ่นมัวไม่สดใส ตำแหน่งของข้านั้นใคร ๆก็ลุ่มหลงคลั้งไคล้ ใครกันที่จะมาทดสอบพลังบุญของเจ้า ?
         หากเจ้าเกิดความคิดจิตหวั่นไหว ผู้ที่ยึดติดอยู่กับเรื่องถูกผิดนินทาหรือความชั่วความแค้น ความเคยชินกับความยโสอวดดีรวมทั้งจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ดีงาม ข้าก็จะให้พวกเจ้าสูญเสียการย้อนมองส่องตนและความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งควรจะมีกันในหมู่มนุษย์ทำให้ชีวิตของพวกเจ้านั้นต้องติดพันอยู่กับแรงกรรมของแดนอสูร ลูกหลานมารของข้าจะมาก่อกวนปั่นป่วนวุ่นวายให้กับผู้ที่ชั่วช้าต่ำทราม กับผู้นอกคอกมีความประพฤติไม่ดีงาม จะยิ่งทำให้ความคิดที่จะกระทำผิดกระทำชั่วของพวกเจ้าถลำดำดิ่ง ส่วนผู้ที่ถูกทดสอบจนร่วงหล่นไป ก็จะยิ่งพัดกระพือไฟโกรธแค้นในใจของพวกเจ้าขึ้นมาด้วย ทำให้มันลุกโหมอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ต้องต่อสู้กับมารที่แอบแฝงอยู่ในใจของพวกเจ้าแล้วจึงเกิดมายาลวงตาทั้งหลาย และยังจะเอาหญิงสาว ( กามราคะ )มาทำให้เจ้าลุ่มหลงยึดติด ทำให้เจ้าต้องทุกข์ทนลำบากเพราะความสัมพันธ์ต่อลูก ๆ เจ้าจึงไม่อาจถอนตัวไปได้ ทำให้เจ้าตกไปสู่ "" ชีวิตภาวะอดีตกรรม "" และบาปกรรมที่หนักที่สุดในปัจจุบันชาติให้ต้องรับทุกข์เป็นเวลายาวนาน ต้องให้เจ้าถูกผูกมัดจากคนอื่นไม่หยุดหย่อน ให้เจ้าต้องวิวาทแก่งแย่งกับผู้อื่นไม่หยุดหย่อนโดยที่ไม่สามารถลด ละ ลงได้เลย
         ยิ่งกว่านั้นคือ ให้เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดหวั่นเต็มไปด้วยอันตราย ไม่เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าเลิกล้มถอนตัวออกกลางคันเปลี่ยนแปรความมุ่งมั่นเอาในระหว่างทาง ใจธรรมถดถอยไปแล้ว จึงหลีกห่างไกลไปจากประตูพุทธะอาณาจักรธรรม เป็นเพราะว่าข้าดูถูกดูหมิ่นความยโสอวดดื้อถือดีของผู้บำเพ็ญที่มีแต่ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญ ที่คิดไปเองว่าตนเองเป็นผู้สูงส่งและไม่มีใครอยู่ในสายตา จงระวังไว้ให้ดีหากข้าถูกจับจ้องมองเห็นเข้า พวกข้าก็จะฉกฉวยโอกาสแล้วเข้าประชิด ทำให้ความดีงามเรื่องดีงามของพวกเจ้าเสียหาย ทำให้พวกเจ้าไม่อาจหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ตลอดไปไม่อาจสำเร็จเป็นเทพเซียนได้
        มีคนพูดกันถึง "" ความน่ากลัวของการเวียนว่ายในภูมิวิถีหกในท่ามกลาง เทวภูมิ มนุษยภูมิ เปรตภูมิ เดรัจฉานภูมิ อสูรกายภูมิ และ นรกภูมิ นั้น มักจะมองข้ามการดำรงคงอยู่ของอสูรกายภูมิกัน พวกเจ้าคิดไปว่า เมื่อได้รับธรรมะแล้วก็จะไม่ตกสู่นรกภูมิไม่ตกสู่ความเป็นผี ? ข้าของบอกกับพวกเจ้าว่า หากว่าใจของพวกเจ้ามีความเอนเอียงและยึดติด ความคิดไม่ถูกต้องดีงาม ไม่ก้าวหน้าปฏิบัติตามหนทางธรรมของตนแล้วก็จะทำให้พวกเจ้าจิตใจหวั่นไหว จนไม่รู้ที่จะตรวจสอบพินิจตนได้ อีกทั้งนำพาความชั่วช้ามาประชิดตัวทำให้ในขณะที่พวกเจ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นได้กลายเป็นลูกหลานมารในอสูรกายภูมิ
        พวกเจ้าคงคาดคิดไม่ถึงกันว่า """ ข้าเองก็เคยเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง """ แต่ว่าใจพุทธะในวันนี้เจ้าสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่าเมื่อถึงพรุ่งนี้แล้วจะยังคงอยู่ ? ยากเหลือเกิน ข้าเป็นคนในสมัยหนันซ่ง """ เฮ้อเปิ่นหนิง """ คือชื่อเดิมของข้า ในตอนนั้นข้าหลอกลวงคนอื่น หลอกลวงฟ้า หลอกลวงเทพผี รับรู้ปฏิบัติตามในทางเปิดเผย แต่ก็ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามในทางลับด้วยใช้หน้าตาจอมปลอม เพราะความเห็นแก่ตัวของแต่ละคน จึงทำให้ต้องวิวาทแก่งแย่งกับผู้ร่วมบำเพ็ญอื่น ๆ และยังชอบเยาะเย้ยถากถางเจ้าอาวาสในสมัยนั้น แต่ข้าเป็นคนที่กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ และยังทำให้ผู้อื่นต้องแบกรับความผิดแทนข้า้ เมื่อเป็นอย่างนี้ข้าก็ไม่รู้สำนึกขอขมาดี ๆ และยังผูกมัดขัดขวางคนอื่น ทำให้ตนเองมีพฤติกรรมไปในทางชอบออกหน้าออกตา เหล่านี้จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ข้าต้องตกมาสู่แดนอสูรในวันนี้
        พวกเจ้าไม่ต้องมาคุยเรื่องบุญจริงกุศลแท้ หรือการบำเพ็ญสะสมความดีงามกับข้า ข้ารู้แต่เพียงว่า ใครคล้อยตามข้าก็รุ่งเรือง ใครขัดขืนข้าก็มอดม้วย หลังจากที่ข้าทำลายชื่อเสียงอันดีงามของผูบำเพ็ญแล้วจึงถูกขับไล่ออกจากสำนัก จึงได้ตั้งกลุ่มของตัวเองบิดเบือนวิชาความรู้ประจบสอพลอ หลอกลวงผู้อื่น ด้วยเหตุนี้จึงนำพาเวไนยสัตว์ผิดพลาดไปไม่น้อย และยังมีแผนการชั่วร้าย ปั้นเรื่องใส่ความให้ผู้ออกบวชต้องทุศีล ทำให้คนเหล่านั้นต้องสูญเสียผลบุญที่ทำมาในช่วงแรกเริ่มไป เพื่อจะได้คลายความเจ็บแค้นของข้า
        คนในสมัยนั้น ต่างก็พูดกันว่าเป็นมารใหญ่มาเกิด ดังนั้นใครเห็นใครก็กลัว และต่างพากันละทิ้งทอดทิ้งไปหมด  แต่ในทางกลับกันข้าเกิดความชื่นชอบ คิดว่าตนเองนั้นมีกุศลผลบุญใหญ่ผู้คนบนโลกควรที่จะเคารพนบไหว้ต่อข้า
        ในตอนที่จะละกายสังขารนั้น ใจของข้านั้นยังไม่ตาย ยากที่ความชั่วร้ายจะมลาย  ความคิดที่ไม่ดียังไม่ได้กำจัดทิ้งหลังจากตายไปแล้วจึงไม่ได้สำนึกแก้ไข จึงได้ไปยังแดนมารอยู่ภายใต้ความควบคุมของพญามาร ในขณะนั้นเองเป็นเพราะความผูกติดเกี่ยวโยงของความคิดและแรงกรรม จึงต้องตกต่ำถลำลึกไปยังหลุมลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ในชั่วแวบนั้นเองจึงมีเขามารสองเขางอกขึ้นมาบนหัว บนตัวก็เกิดหนามแหลมเต็มไปหมด รอบตัวก็มีไฟลุกกระพืออยู่ เส้นผมก็ชี้โด่เด่ ใบหน้าสีดำ และมีเขี้ยวโง้งน่าตาน่าเกลียดอัปลักษณ์หากไม่มีรูปลักษณ์อย่างนี้ จะทำให้คนบนโลกตกอกตกใจหวาดกลัวได้อย่างไร   
 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                                                       ความในใจของอสูรกาย

                                             หนึ่งความคิดเป็นมาร ลุ่มหลงตลอดชาติ

         ขอบอกกับพวกเจ้าว่า จงระวังมารเล็กมารน้อยทั้งหลายของข้าที่จะคอยเสาะหาผู้ที่ไม่มีความกระปรี้กระเปร่า ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างท้อแท้สิ้นหวัง ผู้ที่ในใจไม่มีความดีงามเลยแม้แต่น้อย หรือผู้ที่ไม่มีความเที่ยงตรงถูกต้องในใจ ข้าก็จะให้พวกเจ้าต้องประสบกับมาร เจอะเจอกับโรคภัยทำให้มารแห่งโรคภัยมากลุ้มรุมอยู่บนตัว จะทำให้พวกเจ้าเจ็บป่วยไม่ว่าจะกินยาหรือผ่าตัดหรือจะใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวมาเยียวยารักษาก็ไม่อาจรักษาให้หายได้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าอยากอยู่ก็ไม่ได้อยากตายก็ไม่ได้อีก ต้องรู้ไว้ว่าพวกข้าจะแมรกซอนเข้าไปในทุกขุมอณู ไม่มีที่ที่พวกข้าไปไม่ถึง
       การที่คนบนโลกประสบกับอุบัติเหตุ หรือว่ามีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้านั้น ไม่ใช่ว่าจะไร้สาเหตุหรือไม่มีที่มาที่ไปล้วนแล้วแต่มีผีมารหรือเจ้ากรรมนายเวรคอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น นี่เป็นความร้ายกาจที่ไม่มีรูปลักษณ์นี่คืออันตรายที่มองไม่เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ที่จิตใจของพวกเจ้าเอง มีหรือไม่มีพลังธรรมอันวิสุทธิ์ดีงาม ? ไม่เช่นนั้นก็จะถูกพวกข้าพิชิตกำราบเอา
       โลกในยุคปัจจุบันนี้ มีสิ่งแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้น รวมทั้งภัยสงครามและเภทภัยทั้งหลาย ภัยพิบัติที่ลงมาสู่โลกนั่นเป็นเพราะคนเราก่อกรรมทำเข็ญเอง ก็เหมือนกับแมลงเม่าที่บินเข้าสู่กองไฟ หนอนไหมที่ทำรังห่อหุ้มตัวเอง ทำเองก็รับผลเอง
        มีคำกล่าวว่า "" เจ้ากรรมมีอยู่จริง หนี้แค้นสนองจริง "" พวกเจ้าแต่ละคนเป็นเพราะจิตใจที่ไม่วิสุทธิ์สงบจากหลายภพหลายชาติ จึงมีผลกรรมที่ก่อขึ้นทาง กาย วาจา ใจ  และยังมีแรงกรรมแต่ละอย่างรวมกันแล้ว กลายเป็นเหตุต้นผลกรรมวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่อยู่ในนรกภูมินั้นถ้าหากได้ ""ป้ายทวงชีวิต "" มาอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าแล้วการเอาชีวิตของพวกเจ้าที่อยู่บนโลกนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ในตอนนี้ ข้าพร้อมลูกหลานมารก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เพื่อทำให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้สมปารรถนา พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังหนทางชีวิตของตัวเองต้องระวังทุกย่างก้าวของตนเอง อย่าได้โทษว่าพวกข้านั้นไร้เยื่อใยไร้มโนธรรม
         ยังมีอีกคือ หากในครอบครัวใหนไม่มีพลังอันดีงาม กลับก่อบาปสร้างกรรมมากมาย พวกข้าก็จะรอคอยพวกเจ้าอยู่ที่ด้านนอกของบ้านเรือน เพื่อทำให้พลังความเลวร้ายหมุนวนอยู่รอบกายรอจนกระทั่งดวงของคนคนนั้นตกต่ำ ก็จะเข้าประชิดตัวให้เจ้าได้สร้างบาป และยังชักนำให้เจ้าประพฤติผิดต่อเรื่องมนุษย์ธรรม (ธรรมของคน) และอนุตตรธรรม (ธรรมของฟ้า) เพื่อให้ผิดบาปของเจ้านั้นหนักหนามากมายขึ้น และผู้บำเพ็ญที่จิตใจไม่ราบเรียบเป็นปกติและที่หยิ่งยโส ข้าก็จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรทวงหนี้ได้โดยที่เจ้าไม่รู้ตัว ให้รู้สึกว่าทุก ๆ เรื่องราวทุก ๆเหตุการณ์ไม่ราบรื่น ทำให้พวกเจ้าไม่เป็นผู้เป็นคน เพื่อจะทำให้พวกข้าประชิดตัวตนได้ สำหรับผู้ที่ใช้ความฉลาดมาบำเพ็ญธรรมข้าก็จะให้พวกเจ้าได้มีชื่อเสียงจอมปลอมทำให้พวกเจ้าเกิดความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ จึงไม่รู้จักย้อนมองส่องตน บดบังประทีปที่สว่างไสวในใจของเจ้า ชักนำให้เจ้าเข้าไปสู่ความมืดมนอับแสงวกเจ้าได้ตั้งปณิธานกันแบบเห็นเป็นของเล่น และขอบเขตระหว่งชาย หญิงก็ไม่ชัดเจน ที่ชอบที่สุดคือให้จิตใจของพวกเจ้าไม่สว่างใสเสมอ ๆ จะได้ยิ่งทำให้พวกข้าเข้าใกล้ประชิดติดตัวพวกเจ้ามากขึ้น นำให้พวกเจ้าเดินไปในหนทางมิจฉาเลวร้ายทำให้พวกเจ้าไม่สามารถกำจัดเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้ายทิ้งไปได้ จึงทำให้ได้รับผลตอบสนองที่น่าหวาดกลัวทุก ๆ อย่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                                                         ความในใจของอสูรกาย

                                                หนึ่งความคิดเป็นมาร ลุ่มหลงตลอดชาติ

          หากพวกเจ้าไม่ทำหูให้สะอาดสงบปากไม่รู้จักเก็บมิดที่ซ่อนเอาไว้ ไม่รู้ที่จะประคองรักษาหน้าที่พื้นฐานเพื่อปฏิบัติธรรมและคอยมองหาคุ้ยเขี่ยความไม่ดีงามของผู้อื่น ข้าก็จะทำให้เจ้าติดอยู่ในวังวนของเรื่องผิดถูกนินทาว่าร้ายตลอดไป ทำให้อินย์หกของเจ้าไม่วิสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่สามารถเป็นสุขได้ในการใช้ชีวิต ข้าจะทำให้คนบนโลกจิตใจไม่สงบ เพราะความถูกความผิดบุญคุณและความแค้น และให้ต่างเข่นฆ่าทำลายกัน
         เมื่อธรรมสูงหนึ่งฟุต มารก็จะสูงหนึ่งเมตร กระจกถ้าไม่ได้ขัดเช็ดก็ย่อมไม่สว่าง พวกเราลองหาโอกาสมาประลองกันสักหน่อย ไม่แน่ว่าเจ้าที่นั่งอยู่ที่นี่ ก็คือคู่ปรับที่ขัาตามหาอยู่นั่นเองให้ข้าเป็นเงาตามตัวเจ้าก็แล้วกัน ทำให้รูปกายเจ้ากับรูปเงาข้าไม่แยกห่างจากกัน จะได้มีเยื่อใยผูกพันกัน เพื่อที่เจ้าจะได้เข้าใจถึงโฉมหน้าเดิมทีของข้าได้มากขึ้น จะทดสอบจนพวกเจ้ากายพ่ายแพ้ และชื่อเสียหาย เป็นอุปสรรคขัดเกลาจนไม่อาจเป็นผู้เป็นคนได้
         ธรรมะจริงแท้มีอยู่แค่กายเดียว นั่นคือความสว่างไสวที่ไร้ขอบเขต มารมีอยู่มากมายก็คือความคละเคล้าปะปน ความอับแสง หากเจ้าลุ่มหลงยึดมั่นถือมั่น ประพฤติปฏิบัติออกนอกลู่แนวทาง มีความลำเอียงอคติ หากไม่ได้บำเพ็ญตนเอง ไม่บำเพ็ญขัดเกลาให้จิตใจดีงาม และความคิดถูกต้องไม่สับสนแล้วละก็ พวกข้าก็จะนำพาพวกเจ้าไปยังแดนมารที่มืดมนอันธการ ทำให้พวกเจ้าไม่รู้ตัวไม่รู้ตน พวกเจ้าไม่สามารถหลีกพ้นจากอุ้งมือพญาอสูรอย่างข้าไปได้ ทุกคนพึงรู้ความสำคัญของภาระอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตนแบกรับอยู่ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทำตาม สิ่งที่ควรทำและฟังบัญชาของเบื้องบนได้ จะต้องแสดงออกมาเป็นความจริง ? ใจดวงนี้ของเจ้าเดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลงกระเพื่อมสั่นไหวไม่สงบนิ่ง  ให้พวกเจ้าและอุทิศทุ่มเทเจ้าก็รู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรม ให้เจ้าทุ่มเทอุทิศเจ้าก็คิดแต่ว่าจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนกลับมา หากไม่เป็นไปตามความปรารถนาหรือไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นก็จะสูญเสียความมุ่งมั่นเกิดความท้อแท้ใจ เปรียบเทียบแข่งขันกันแต่เรื่องชื่อเสียงผลประโยชน์ ยึดติดอยู่กับอัตตาตัวตน หากว่าความผิดจุดอ่อนของพวกเจ้าเหล่านี้ ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของข้า  ข้าก็จะจับพวกเจ้าแต่ละคน ๆ จะทำให้พวกเจ้าได้ปล่อยไก่หน้าแตกต่อหน้าผู้อื่น
          อย่าได้คิดว่ากายสังขารนี้ของพวกเจ้าเป็นสีคุ้มกันให้กับตนเองหากเกิดความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นมา ล้วนถูกเก็บแฝงเร้นเอาไว้เทพกับผีมองเห็นพวกเจ้าได้อย่างทะลุปรุโปร่งเหมือนลำตัวโปร่งแสง พวกเจ้ากลัวกันหรือไม่ ? ไม่จำเป็นต้องกลัวกันหรอก มีคำพูดกล่าวว่า "" ใจไม่ลวกหยาบ ก็เย็นสบาย "" พวกเจ้าหากปฏิบัติได้ถูกต้องดีงามต่อให้พวกข้ามารทั้งหลายจะมีฤทธิ์เดชมากแขนาดใหนก็ยังไม่สามารถจัดการกับพวกเจ้าได้ ไม่เช่นนั้นหากพวกเจ้าไม่ก้าวเดินไปในหนทางอันถูกต้องดีงาม ความประพฤติไม่ตรงไปตรงมา จิตใจไม่กระจ่างแจ้งก็ทำให้พลังดีงามไม่เจริญ ในตอนนั้นก็ย่อมมีความระแวง เกิดมีผีแอบแฝงใจมารก็จะก่อขึ้นเอง ก็อย่าได้โทษพวกข้าว่ามาโดยไม่ได้เชื้อเชิญ จึงทำให้พลังเลวทรามหมุนเวียนอยู่รอบกายของพวกเจ้า พวกเจ้าจึงไม่นั่งนอนได้อย่างเป็นสุข จิตใจว้าวุ่นไม่สงบคงนั่งได้ทำให้ "" บริเวณหว่างคิ้ว "" ( ซึ่งก็สื่อถึงบริเวณญาณทวารนั่นเอง)มืดมนอับแสงไม่ว่าใครก็ตามที่ได้พบเจอพวกเจ้าก็จะไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้พวกเจ้าชอบหลั่งน้ำตาโดยไม่สามารถควบคุมได้เลยคำพูดวาจา และพฤติกรรมความประพฤติก็สูญเสียความเป็นปกติที่ดีงามไปทำให้วิญญาณกลับตาลปัตรไม่เป็นผู้เป็นคน
          ปัจจุบันนี้มีโรคเจ้ากรรมนายเวรมากมายที่รักษาแต่ก็รักษาไม่หาย เยียวยาแต่ก็เยียวยาไม่ดีขึ้น ใช่หรือไม่ ?นี่จึงเป็นข้อยืนยันได้ถึงการตัดสินบัญชีครั้งใหญ่ในยุคสามวาระท้ายปลายกัป เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายต่างก็เร่งรัดในการทวงหนี้เวรกรรมคืนหรือบ้างก็ทวงเอาชีวิตมารก็จะคอยช่วยเหลือเป็นการต้ดสินชี้ขาดครั้งใหญ่ ระหว่างคนกับผีขัดเกลาจนจิตใจหรือร่างกายของพวกเจ้านั้นไม่อาจที่จะทนทานได้ไหวทำให้พวกเจ้ารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง
         วาระท้ายปลายกัปนี้ พวกเจ้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดูซิว่าพวกเจ้าจะรับมือกับพวกข้าได้อย่างไร หรือจะให้พวกข้ามากำรบเจ้าจนล้มไป ถึงแม้ว่าพวกข้าจะเป็นแขกที่ไม่รีบเร่ง แต่ในอนาคตพวกเจ้าคงจะต้องขอบคุณพวกข้า ถ้าสามารถพูดได้แต่ทำไม่ได้หรือสักแต่พูดแต่ไม่ขัดเกลาฝึกฝน ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ บำเพ็ญพรหมจรรย์ ด่านเกี่ยวกับกามราคะนั้นยากที่จะหน้พ้นไปได้ง่าย ๆ "" ห้าล้ำเลิศ-สี่เที่ยงตรง"" ทำกันได้กี่มากน้อยหากไม่รู้ที่จะแปรสัมพันธ์ทางโลกให้เป็นสัมพันธ์ทางธรรม หากดวงตาซัดส่ายสับสน ก็ย่อมถูกมารเข้าประชิดพวกเจ้าทำถูกต้องต่อปณิธานที่ได้ตั้งเอาไว้หรือไม่ ? พวกเจ้าได้ตั้งปณิธานสำคัญต่อหน้าพระอนุตตรธรรมเจ้า ก็เหมือนกับทำสัญญาที่ได้ลงประทับตราเอาไว้แล้ว มีข้อสัญญาจึงจะมีพยานหลักฐานจะบิดพลิ้วไม่ยอมรับไม่ได้ ดังนั้นปณิธานของพวกเจ้าก็คือภาระหน้าที่ที่ต้องทำของข้าพเจ้าหากทำหน้าที่ได้ไม่ดี ก็จะเป็นการตัดขาดชีวิตของตนเองและไม่มีประโยชน์ต่อหน้าที่ของตนไม่อาจบรรลุหน้าที่ของตนได้
          วันนี้พระอนุตตรธรรมมารดาทรงเมตตากรุณาแม้จะไม่เรียกว่าเป็นผู้ผิดต่อปณิธานหัวไม่ขาดชีวิตไม่สิ้นแต่เมื่อตั้งปณิธานล้วนแต่ไม่ไปเจริญบรรลุปณิธานนั้น ๆ ก็ย่อมถูกจิตอันดีงามประณามโดยทำให้ร่างกายทุดกข์ทรมานและชีวิตจิตญาณเสียหาย รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังทำผิด บาปก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว พวกเจ้าพิจารณาโทษเอาเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

                 ยาสมานจิต   ของพระอาจารย์ไร้ขอบเขต  (อู๋จี้) 

     
มีความอดกลั้น                             ๑ ชิ้น
มีจิตเมตตากรุณา                          ๑ ชิ้น
มีความอ่อนน้อมถ่อมตน                  ๑/๒ ตำลึง
มีเหตุผล                                    ๓ ขีด
มีสัจจะ                                     ขาดไม่ได้
มีความยุติธรรม                            ๑  ชิ้น
มีความกตัญญู                             ๑๐  ส่วน
มีความซื่อสัตย์                            ๑  อัน
สร้างผลบุญและกุศล                     มีเต็มที่
ให้ความสะดวก                           ไม่จำกัดจำนวน   

        พระอาจารย์กล่าวไว้ว่า "" ผู้ใดก็ตาม หากต้องการปกครองประเทศให้เจริญรุ่งเรือง มีครอบครัวที่สุขสันต์ หรือจะบำเพ็ญธรรมให้บรรลุผล ควรรับประทานยาสมานจิต  ซึ่งประกอบด้วยตัวยา ๑๐ อย่างข้างต้น จึงจะเกิดผล "" ยาขนานนี้เหมาะกับฟ้าดิน ถ้ารับประทานบ่อย ๆ ไม่ต้องพึ่งพาแพทย์ ใด ๆ ขอให้อุบาสก อุบาสิกา ทุกผู้นาม จงอย่าได้รีรอสงสัย ""

        วิธีใช้

     ให้จิตว่างฝัด  ไม่รีบร้อน  ไม่โมหะ  ให้อารมณ์ลดลง ๓๐ % บดให้ละเอียด จนเป็นผงในกะละมังยุติธรรม และควรไตร่ตรอง  ๓ ครั้ง  ใช้น้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน  รับประทานวันละ ๓ ครั้ง เวลาใดก็ได้ แต่ต้องทานด้วยอารมณ์เยือกเย็น ถ้ารับประทานประจำร่างกายจะแข็งแรงสมบูรณ์

       ข้อห้าม

 ๑ .  อย่าพูดอย่างทำอย่าง
 ๒ .  อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว
 ๓ .  อย่าลอบกัดคนข้างหลัง
 ๔ .  อย่ามีจิตปองร้าย
 ๕ .  อย่าแอบแฝงแผนชั่ว
 ๖ .  อย่ายุยงปอปั้น
 ๗ .  อย่ากุเรื่องให้วุ่นวาย (อย่าปั้นน้ำเป็นตัว)
       เจ็ดข้อข้างต้นควรรีบละทิ้ง   

       อานิสงส์

    ยา ๑๐ อย่างนี้ ถ้าใช้ทั้งหมด จะอายุมั่นขวัญยืนบรรลุพระโพธิสัตว์ ถ้าใช้แค่ ๔ - ๕ อย่าง ก็สามารถลดโทษเพิ่มอายุ หากไม่ใช้สักอย่างจะประสบเคราะห์กรรม ถึงแม้จะมีแพทย์เทวาก็ยากที่จะเยียวยาได้

                       พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง   

                    ถ้าหากเจ้าขาดซึ่งความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น
                    การปฏิบัติงานธรรมของเจ้าก็ยากที่จะก้าวหน้า
                    หากเจ้าขาดซึ่งจิตสัมผัสเห็นใจ
                    เจ้าก็จะไม่รู้ว่าอะไรคือจิตสำนึกคุณ
                    หากเจ้าหยุดเดิน
                    ความหวังทั้งหมดก็จะสูญสิ้นไปในทันที

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”