collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44016 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

      คุกกรงนก

         คุกกรงนก ถ้าพูดตามชื่อแล้วคุกนี้ก็คือกรงที่สำคัญที่สุด ก็เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษเจ็ดชั้นลูกหลานเก้าชั่วคน
ความหมายก็คือ ลูกหลานได้ฉุดช่วยบรรพบุรุษกลับคืนไปแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้บำเพ็ญต่อเป็นการหลอกลวงเบื้องบน
ลองคิดดูว่าพวกเจ้านั้นมีบุญกุศลมากเท่าไหร่ ? อดีตชาตินั้นกระทำมาอย่างไร ? ชาตินี้พวกเจ้ามีวาสนาตอบสนอง
หรือไม่? เบื้องบนเมตตาให้เจ้าได้รับวิถีธรรมอันยิ่งใหญ่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเบื้องบนให้ฉุดช่วยบรรพบุรุษ
ของพวกเจ้ากลับคืนไปได้ ผู้ที่ถูกกักขังที่คุกสวรรค์นั้นคือ ผู้ที่ไม่ได้บำเพ็ญจึงต้องอาศัยบารมีแสงธรรมจากลูกหลาน
และบำเพ็ญเคี่ยวกรำอยู่ที่เบื้องบน เดิมทีสามารถอยู่ที่พุทธาลัยเตรียมตัวรับมรรคผลในงานประชุมนาคะประภัสสร
หลงฮว๋าได้ แต่หากลูกหลานบำเพ็ญถึงช่วงสุดท้ายแล้วหมดเรี่ยวแรง จึงไม่บำเพ็ญกันต่อ ไม่บำเพ็ญอย่างเสมอต้น
เสมอปลายถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จะถูกลดตำแหน่งลงสามขั้น ดูว่าฉุดช่วยบรรพบุรุษมาจากภพภูมิใดก็ต้องกลับไปที่ภพภูมินั้น
        แต่ถ้าลูกหลานบนโลกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง  สร้งบุญสร้างกุศล บำเพ็ญปฏิบัติ บรรพบุรุษที่อยู่เบื้องบนก็จะมี
บุญกุศล มีโอกาสได้นั่งบนบัลลังก์บัวด้วย แต่ถ้าลูกหลานไม่ได้บำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่จ่ายเงินไม่กี่หมื่นเหรียญ
ฉุดช่วยคนแค่ไม่กี่คน แล้วก็สามารถฉุดช่วยบรรพบุรุษ กลับคืนไปได้ แบบนี้จะสามารถหมดสิ้นบาปเวรกรรมที่สร้างสม
มาหกหมื่นปีได้ไหม ? ที่น่าสงสารคือต้องตกลงไปสามชั้น บางคนต้องถูกกักขังอยู่ในคุกสวรรค์ก่อน ต้องรับบาปแทนลูกหลาน บางคนยิ่งแย่กว่านั้นอีก จิตญาณตนเองก็ไม่สว่างไสวและไม่มีบุญจริงกุศลแท้ ด้วยเหตุนี้ก็ต้องถูกลงโทษให้ไปสู่นรกภูมิ
จากเบื้องบนต้องตกไปสู่นรกกฃภูมิ
       การบำเพ็ญธรรมไม่เหมือนการค้าขาย เริ่มต้นกระตือรือร้นดีต่อมากลับเฉื่อยชา ได้กำไรจากเบื้องบนแล้ว
ก็เลิกทำงานเลย เช่นนี้ก็ยากที่จะคิดถึงผลที่จะได้รับแล้ว ดังนั้นผู้บำเพ็ญธรรมทั้งหลายต้องเสมอต้นเสมอปลาย
บำเพ็ญจากวินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วจะบำเพ็ญจนถึงเมื่อไร ?ก็คือ บำเพ็ญจนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นเอง
จึงต้องเร่งสร้างบุญกุศลอุทิศให้บรรพบุรุษไป รู้หรือไม่ ? ถึงจะอยู่ในนรกภูมิก็ได้รับบารมีแสงธรรม หรือที่อยู่เบื้องบน
ก็จะได้รับบารมีแสงธรรมด้วย แล้วเราสามารถแผ่บุญกุศลให้ผู้ที่อยู่เบื้องบนได้ไหม ? ได้แน่นอน บุญกุศลนั้นไม่กลัว
ว่าจะมีเยอะกลัวแต่จะมีน้อยมากกว่า       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

   คุกน้ำหลาก
       
      จากชื่อนี้ความหมายก็คือ ร่างกายอยู่ในท่ามกลางน้ำท่วม แท้จริงแล้ววิญญาณบาปทุกดวงที่ถูกลงโทษ
ร่างกายของเขาจะไม่เคลื่อนไหว การลงโทษที่เกิดขึ้นล้วนเกิดมาจากมายาภาพฝันทั้งสิ้น
     แท้จริงแล้ววิญญาณบาปทุกดวงนั่งสมาธินิ่ง ๆ อยู่ในถ้ำนั่งประจำอยู่กับที่ ตัวเขาเองไม่ได้ขยับเขยื้อน ที่
ขยับเขยื้อนคือจิตใจของพวกเขา เหมือนเกิดมายาภาพลวงตา
     
      อยู่ที่คุกสวรรค์นี้จะต้องถูกลงโทษอย่างไร ?

จะมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั่งอยู่ในสายน้ำที่เชี่ยวกราก อะไรเรียกว่าสายน้ำเชี่ยวกราก ? เคยเห็นน้ำที่ไหลโกรก
ลงมาจากภูเขาไหมล่ะ ? ใช่หรือไม่ใช่ว่าทั้งต้นไม้ ต้นหญ้า ดิน ทราย ฯลฯ รวมกันไหลลงมาจากภูเขาด้วยเลยทำให้
น้ำสกปรก ในน้ำยังมีก้อนหิน ท่อนไม้ เศษไม้ ฯลฯ เขาจะมีความรู้สึกว่า อยู่ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ได้รับการ
กระแทกจากก้อนหินก้อนดินเหล่านั้น ซึ่งเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมาก ถ้าหากว่ายังไม่มีความพอใจหรือยังมีการ
ตัดพ้อต่อว่าก็ยังจะต้องรับโทษอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
      แต่ถ้าหากว่าทำจิตใจให้สงบนิ่งได้ รู้จักสำนึกขอขมาและรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเอง เมื่อจิตญาณ
ของเขานิ่งสงบได้แล้ว น้ำก็จะเปลี่ยนเป็นนิ่งใส สิ่งต่าง ๆ ที่ลอยปะปนอยู่ในน้ำก็จะมีปริมาณน้อยลง แล้วก็จะย้อน
กลับไปสู่วิญญาณเดิมของเขาได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น การถูกลงโทษในท่ามกลางคุกน้ำหลาก ผู้ที่จะถูกลงโทษ
ก็คือ  ประการแรก  คนที่ทำผิดในเรื่อง""ลูกคนอื่นตายก็ช่างหัวมัน ญาติธรรมตายเราอย่าได้ตายก็แล้วกัน""คน
ประเภทนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็จะรีบผลักไสออกไปนอกตัว กลัวตัวเองจะรับผลจากเรื่องที่ไม่ดี
เหล่านั้นไปด้วย ให้เพื่อนร่วมบำเพ็ญตายก่อนตัวเองก็จะหลีกหนีความตายนั้นไป เรื่องแค่นี้ก็ไม่กล้ารับผิดชอบ
ทุกเรื่องเห็นแต่ตัวเองเป็นใหญ่ คิดแต่ว่าญาติของตนลูกหลานของตนรากบุญดีและบำเพ็ญได้ดี อะไรไม่ดีก็โทษว่า
คนอื่นเป็นอุปสรรคขัดขวางหาว่าคนอื่นมาทดสอบตัวเรา
        ประการที่สอง  คือตัวเองไม่บำเพ็ญปฏิบัติอย่างจริงจัง วันทั้งวันมีแต่ความคิดที่ไม่ดีไม่งาม คิดแต่ว่าคนอื่น
เป็นอุปสรรคขัดขวางตัวเอง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้สร้างบุญกุศลและเจริญปณิธาน แต่ที่คนอื่น ๆทำนั้นเป็นการ
ทำบุญเอาหน้าก็สละให้คนอื่นทำ ตัวเองก็ไม่ทำแล้วได้แต่เดินแตร่ไปแตร่มา ทำนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ยังมีความรู้สึก
ว่าคนอื่นเป็นอุปสรรคขวางกั้นตัวเองอีก ทนไม่ได้กับการกระทบกระทั่งอารมณ์กับผู้อื่น ทนไม่ได้กับการถูกทดสอบ
เล็ก ๆ น้อย ๆ ทนไม่ได้กับการถูกเบื้องบนขัดฝนนิด ๆ หน่อย ๆ ผลลงเอยของคนประเภทนี้ก็เป็นอย่างที่กล่าวมา
นี้เอง ในที่สุดก็ต้องถูกกระทบกระแทกและทิ่มตำเสียดแทงที่มากกว่าเดิมอีก
      ผู้บำเพ็ญต้องมีความมุ่งมั่นยืนหยัดไหม ?พวกเจ้าได้พูดคำอย่า่งนี้กับหรือเปล่า ?เช่นคน ๆนั้นพูดจาเข้มงวด
เกินไป ทดสอบจนฉันตกหล่นไปแล้ว ? มาอานาจักรธรรม ก็มาเดิน ๆ ฟัง ๆ พูดว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้คราวหน้า
ฉันจะไม่มาแล้ว พวกเจ้าทั้งหลายอย่าได้คิดว่าเบื้องบนไม่มีหูแล้วจะฟังไม่ได้ยิน ที่จริงแล้วเบื้องบนได้ยินทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้คือผิดบาปของเจ้าอย่าไปติว่าคนอื่นเป็นอุปสรรคขัดขวางเจ้าเลย อย่าไปโทษว่าคนอื่นไม่ดีกับเจ้าเลย
     พวกเจ้าต้องรู้จักย้อนมองส่องตน ดูซิว่าตัวเองมีความยืนหยัดมุ่งมั่นไหม ?ดูซิว่าความมุ่งมั่นของตัวเองนั้นยืน
หยัดแข็งแกร่งหรือไม่ ? ดูซิว่าเป้าหมายของตัวเองชัดเจนไหม ?ดูซิว่าตัวเองแข้มแข็งพอหรือยังจะต้องมุ่งมั่นตั้ง
ใจจริงมีจิตใจทำเพื่อส่วนรวม อย่าให้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ มากระทบถูกแล้วจึงถดถอยไป อย่างนี้ง่ายหรือไม่ง่าย?
ทำกันได้หรือเปล่า?
      พวกเจ้าใช่หรือไม่ใช่ว่ามีจิตใจคับแคบ ? หวังว่าพวกเจ้าจะไม่เป็นกัน บำเพ็ญธรรมจะต้องฝึกหัดตามอย่าง
พระศรีอาริยเมตไตรยที่ท้องใหญ่ใจกว้าง โอบอุ้มให้อภัย พวกเจ้าต้องฉลาดอย่างจริง ๆกัันสักหน่อย บำเพ็ญปฏิบัติ
ต้องเร่งรีบฉกฉวยโอกาสในการสร้างบุญกุศลและเจริญปณิธาน การส่งเสริมสนับสนุนญาติธรรมใช่หรือไม่ใช่ว่า
ก็ต้องฉกฉวยเอา มีใครขัดขวางเจ้าหรือบอกให้เจ้าไม่ต้องเดินไม่ต้องทำไหม ?หรือเจ้าเห็นคนอื่นเลือกทำอย่างนั้น
อยู่เจ้าก็เลือกทำอย่างอื่นได้เช่นว่า ไม่มีใครเก็บขยะ เจ้าก็ไปเก็บเสียเองอย่างนี้มันง่ายดายสำหรับเจ้าเหลือเกิน
     อย่างการยืนบรรยายบนเวทีก็มีคนเดียวเท่านั้นที่ยืนบรรยายได้ ดังนั้นพวกเจ้าบำเพ็ญธรรม จะต้องให้ความ
เคารพนับถือผู้อื่น  โอกาสอย่างนี้ก็ต้องหมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน วันนี้เปลี่ยนให้คนได้อื่นขึ้นบรรยาย  ทุกคนบรรยาย
ไม่เหมือนกัน  เพราะความเข้าใจตระหนักรู้ไม่เหมือนกัน ระดับจิตใจก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นระดับจิตมีอยู่ถึงใหน
ก็ทำไปถึงระดับนั้น จะต้องศึกษาตามอย่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าได้ฟังประชุมครั้งใหญ่
มาแล้วสามครั้ง แล้วจะขึ้นสวรรค์ได้มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก จะต้องสร้างบุญจริงกุศลแท้ จะต้องเสียสละอุทิศ
เพื่อธรรมะ ต้องเผยแพร่กระจายความดีงาม ดีหรือไม่ดี ?   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

      คุกใบไม้ร่วง

        เมื่อพูดถึงคุกนี้ พวกเจ้าจะต้องระมัดระวัง เพราะว่าพวกเจ้ามักจะผิดร้ายแรงความคิดของพวกเจ้า
เคยตัดขาดบ้างไหม ? แม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคิดกันอยู่เลย กลางวันก็คิดมาก กลางคืนก็ฝันฟุ้ง
       ที่จริงแล้วจิตใจของพวกเจ้าไม่ได้พักผ่อนเลย ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบวุ่นวายอย่างนี้  ความคิดจิตใจช่าง
มากมาย จึงง่ายที่จะมีพันธนาการผูกมัด ที่จริงแล้วก็เป็นเพราะคิดมากมีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าอาจจะ
ได้แต่คิดเปล่า ๆมีเรื่องราวมากมายที่พวกเจ้าไม่ได้ไปทำยากที่จะจับความคิดได้ จิตใจเหมือนกับลิง
ความคิดก็เหมือนกับม้าปล่อยออกไปได้ง่ายๆ แต่จะเก็บกลับมานั้นมันยาก
       บางครั้ง เรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็เอามาคิดสับสนวุ่นวาย ดังนั้นผู้บำเพ็ญจะต้องกำจัดอารมณ์
ทั้งเจ็ด และตัณหาหกทิ้ง จะต้องกำจัดสามใจสี่รูปลักษณ์ จะต้องกำจัดอกุศลกรรมบทสิบ และมิจฉัตตะแปด
และจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปด
      ผู้ที่กักขังอยู่ในคุกสวรรค์นี้มีผิดบาปหนักหนา เพราะกระทำความผิดตามแต่ความคิดของตนเอง เช่น
ว่าวันนี้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น เจ้าก็จะคิดไปว่าจะต่อยตีเขาอย่างไร จะเข่นฆ่าเขาอย่างไร นี่เป็นการกระทำ
ผิดเพราะความคิดบำเพ็ญธรรมก็เช่นเดียวกัน เช่นเมื่อตั้งปณิธานกินเจก็มีความคิดที่จะทุศีลแตกเจ ปากเจแต่
ถ้าใจไม่เจ ก็เป็นการทุศีลแตกเจแล้ว
     ดังนั้นบำเพ็ญธรรม จึงต้องบำเพ็ญที่ปากของตัวเอง และยังต้องบำเพ็ญที่จิตใจของตัวเองอีกด้วย บำเพ็ญ
ความคิดของตัวเอง ต้องพิจารณาว่าความคิดของตัวเองถูกต้องเที่ยงตรงหรือไม่ ? ดีงามหรือเปล่า ?บริสุทธิ์
หรือเปล่า ? ผู้ที่กระทำผิดเพราะความคิดแรือทุศีลก็จะต้องมารับโทษอยู่ที่คุกแห่งนี้ และยังมีที่ร้ายกว่านี้อีก
เช่นผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากเกินไป หรือผู้ที่มีจิตใจคับแคบเกินไป
     ที่จริงแล้ว ผู้ที่มีความเห็นแก่ตัวมากหรือมีใจคนอยู่มาก ก็ยังจะต้องไปคุกสวรรค์หลาย ๆคุกด้วยกัน
ไปยังคุกสวรรค์เพื่อค่อย ๆ ฝึกหัดขัดเกลา หากมีความคิดวุ่นวายอยู่มาก ก็จะได้รับความทุกข์ยิ่งมาก

     การลงโทษ

     การลงโทษนี้คือ ใจเกิดมายาภาพเช่น ตัวไปอยู่ในท่ามกลางป่าทึบ หากว่าเป็นผู้ที่มีความผิดบาปมาก
ใบไม่ก็จะร่วงหล่นตลอดเวลา ใบไม้ร่วงยังไม่เป็นอะำไร แต่ถ้าหากเจ้ายังไม่เก็บกวาดใบไม้เหล่านั้นขึ้นมา
มันก็จะกลายเป็นหนอนบิน แล้วหนอนบินนั้นจะต้องกัดใคร ? แน่นอนว่ามันจะต้องมากัดเจ้าเป็นเพราะว่า
ในป่าทึบนั้นมีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ภายใน เมื่อเดินครบรอบแล้ว ก็ต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ ดังนั้น
ความเร็วที่ต้องใช้ในการเก็บกวาดใบไม้ก็จะต้องเร็วมากขึ้น ใบไม้เหล่านั้นก็คือขยะที่อยู่ในใจของพวกเจ้า
นั่นเอง คนที่มีขยะในใจอยู่เยอะก็จะยิ่งยุ่งวุ่นวาย เพราะใบไม้จะยิ่งร่วงหล่นลงมามาก
     ผู้ที่ยิ่งสงบผ่องแผ้วหรือไร้ความคิดที่ไม่ดีงาม เขาก็จะสามารถย้อนกลับสู่โฉมหน้าเดิมแท้ได้ ก็จะไม่มี
ใบไม้แห้งร่วงหล่น ต้นไม้แห่งธรรมเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนเป็นใบสีเขียว มีลมเย็นพัดโชยมา เมื่อลมเย็นพัดมาแล้ว
ร่างญาณก็จะสบาย ก็จะไม่ถูกหนอนบินเหล่านั้นกัดต่อย
    พวกเจ้าได้เจริญปณิธานไปพลาง แล้วก็ตัดพ้อต่อว่าไปด้วยหรือเปล่า ? อย่างนี้ไม่ได้ จะต้องถูกลงโทษ
เป็นเพราะจิตใจของเจ้าไม่บริสุทธิ์ดีงาม อย่าได้แปดเปื้อนกันนะ อย่างนี้เข้าใจไหม ?

      การแก้ไข

     ดังนั้นผู้ืี่ที่ทำผิดในสิ่งที่กล่าวไปแล้วนั้น จะต้องรีบสำนึกขอขมารีบบำเพ็ญขัดเกลา ใจที่ผ่านมาแล้วในอดีต
อย่าได้มี อย่าได้มีความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนและเห็นแก่ตัว จะต้องบำเพ็ญขัดเกลาให้ความคิดนั้น
บริสุทธิ์ผ่องแผ้วเป็นหนึ่งเดียว ความคิดใด ๆ ไม่ก่อเกิดก็ได้แล้ว นั่นจึงจะเป็น""ความว่างอย่างแท้จริง""ไม่ใช่
""ความว่างอย่างเท่าเทียม""

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

         คุกถอนตะปู

      พวกเจ้าเคยจับจ้องมองคนอื่นอย่างไม่วางตาไหม ? อย่างนี้ก็คือตอนมีชีวิตอยู่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ยโสโอหัง ชอบทำลายชื่อเสียงของคนอื่นมองไม่เห็นความดีของคนอื่น เห็นคนอื่นได้ดีแล้วทนไม่ได้คอยเหยียบ
ย่ำซ้ำเติมและยังชอบจับผิดหรือขุดคุ้ยหาข้อด้อยข้อบกพร่องของคนอื่น เพื่อทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ อย่างนี้
ล้วนเป็นความผิดบาปที่ยิ่งใหญ่ เบื้องบนจะบันทึกบาปเหล่านี้ไว้
         
         การลงโทษ

       ในมือของทุกคนจะถือค้อนอันใหญ่และก็จะมีตะปูให้ถืออีกคนละหนึ่งด้วย พอมีความคิดใด ๆเกิดขึ้นปุ๊ป
ตะปูก็จะตอกตรึงเขาเอาไว้กับพื้น เมื่อตอกไปแล้วหนึ่งตัว ก็ยังมีตัวที่สองอีกแต่ว่าค้อนเหล็กอันนั้น จะแบ่งตาม
ความผิดบาปของแต่ละคน มีทั้งที่เบาและมีทั้งที่หนัก และมีพื้นที่แข็งหรือพื้นที่นุ่ม เหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับความ
ผิดบาปของแต่ละคนเองถ้าความผิดบาปหนักหนาพื้นก็จะยิ่งแข็ง ค้อนก็จะยิ่งหนัก นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปลักษณ์ แต่เป็น
เพราะการกระทำที่ผิดบาปของตัวเอง จึงทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น
        แต่ถ้าจิตใจนิ่งสงบไม่มีความคิดอื่นใดเกิดขึ้น สำนึกขอขมาต่อเบื้องบน เปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองเป็นคนใหม่
ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณของตัวเองใสสงบผ่องแผ้ว แล้วนั่งได้อย่างเรียบร้อยอย่างนี้ก็จะไม่มีความรู้สึกแปลก ๆ
หรือมายาภาพไม่ต้องได้รับความทุกข์เข้าใจหรือไม่ ? ผู้ได้รับโทษเคี่ยวกรำอยู่ในคุกนี้ล้วนแต่เป็นเพราะตัวเองมี
สายตาที่สั้นและตื้นเขินเหมือนนั่งอยู่ในบ่อแล้วแหงนมองดูท้องฟ้าเป็นเหมือนกบในกะลาอย่างไรก็อย่างนั้น
        บางคนจำกัดที่ของตัวเอง บางคนปิดกั้นตัวเอง ถ้าเขาเข้าใจกาลเวลาของฟ้า เห็นคนอื่นเดินก้าวไปข้างหน้า
เขาก็จะเดินก้าวไปข้างหน้าตาม แต่ผู้ที่ถูกลงโทษเคี่ยวกรำในคุกนี้ ก็จะไม่เหมือนกัน เขาเห็นคนอื่นเดินก้าวไป
ข้างหน้าแต่ตัวเองเต็มใจที่จะย่ำอยู่กับที่ ไม่ก้าวเดินไปข้างหน้ากับคนอื่น แม้จะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกาล
เวลาฟ้า แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะเดินตามกาลเวลาของฟ้า ไม่เต็มใจที่จะทำตามคำชี้แนะชี้นำของเบื้องบน
        ปัจจุบันนี้ มีนักธรรมอาวุโส เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือ และญาติธรรมอาวุโสจำนวนมาก ได้ใส่ร้ายทำลาย
เรื่องของการปกโปรดสามโลก เพราะเขาไม่ได้เข้ามาร่วมด้วย ได้ยินคนอื่นเขาพูดมาอย่างนี้ ก็พูดตามไปอย่างนั้น
น่ากลัวไหมล่ะ ? คนอื่นเขาพูดอะไรกันมา ไม่ควรที่จะเชื่อเพราะอาจจะไม่จริงก็ได้
        ในขณะที่พระอาจารย์ชายพระอาจารย์หญิงยังมีชีวิตอยู่สามารถปรกโปรดสามโลกได้ แล้วทำไมหลังจาก
ที่พระอาจารย์ชายพระอาจารย์หญิงได้ละกายสังขารไปแล้ว ศิษย์ทั้งหลายจึงไม่สืบทอดต่อพระปณิธานของ
พระองค์ทั้งสองโดยกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติสืบต่อไปอีก ? นี่ก็เหมือนกับว่าในวันนี้มีอาจารย์คนหนึ่ง
ถ่ายทอดเคล็ดลับของการรักษาโรคให้กับลูกศิษย์ไป พออาจารย์ได้ตายจากไปแล้ว ลูกศิษย์คนนั้นก็ไม่ได้
ถ่ายทอดเคล็ดลับที่ว่านี้ไปให้คนอื่น ๆ ต่อ ได้แต่พูดอย่างง่าย ๆ เป็นเพียงตำรับยาอย่างง่าย ๆ อย่างนี้จะเป็น
วิธีการที่ตรงเป้าหรือไม่ตรงเป้า
         การปรกโปรดสามโลกนั้นเป็นมหาปณิธานของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง พวกเจ้าเองก็เป็น
ถึงศิษย์ของพระอาจารย์ชายกงฉังและพระอาจาริณีจื่อซี่ ล้วนแต่เป็นลูกที่ดีของเบื้องบน ก็ควรที่จะกล้าแบกรับ
ขึ้นมา จะต้องเข้าใจของกาลเวลาฟ้า อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอน้ำใจเพราะไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างชัดเจน
แล้วก่อให้เกิดการใส่ร้ายทำลาย ดั่งกับนั่งมองฟ้าอยู่ในบ่อ ขีดเส้นตีกรอบขังตัวเองไม่เต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า
เดินไม่ทันก้าวย่างของนักธรรมอาวุโส
       
         ผู้ที่ได้รับการลงโทษเคี่ยวกรำ

      ก็เป็นเพราะพวกเขาเกิดมายาภาพหลอน เช่นคิดว่าตัวเองอยู่ในบ่อน้ำ เป็นเพราะข้างล่างมีสุนัขทองแดง
สัตว์ดุร้ายที่ตัวเป็นไฟ และยังมียักษ์ที่รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดอัปลักษณ์ ที่มาคอยหลอกหลอนและลงโทษ
ประหัตประหารพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นมีเชือกเส้นหนึ่งหย่อนลงมาจากด้านบน ต่างก็พยายามที่จะปีน
ป่ายเชือกเส้นนั้นให้ได้ แต่เชือกก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ความคิดของแต่ละคน บางเส้นมีหนามแหลม ขึ้นเต็ม
ไปหมด บางเส้นมีหนอนพิษ บางเส้นมีเดือยแหลม บางเส้นเล็กละเอียดเหมือนเส้นไหม เส้นหยาบใหญ่เหมือน
ถังน้ำ เพราะความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความผิดบาปก็ไม่เหมือนกัน ข้อผิดพลาดก็แตกต่างกัน
     การลงโทษจึงแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน แต่ทุก ๆ คนก็จะต้องหนีตายขึ้นไปข้างบนให้ได้แต่พวกเขา
จะมีความรู้สึกแปลก ๆ ตรงที่ว่าไม่ว่าพวกเขาจะปืนขึ้นไปได้สูงขนาดใหนแล้วก็ตาม แต่สัตว์ร้ายสุนัขทองแดง
รวมทั้งยักษ์ร้ายเหล่านั้นก็ยังอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาไม่ได้หลีกห่างกันไปใหนเลย ก็ยังตามคุกคามตอแยอยู่นั่น

         ผู้บำเพ็ญธรรมเกิดมีจิตใจที่หวั่นกลัวได้หรือไม่ ?

       หากจิตใจเกิดความหวั่นกลัวก็จะตกไปสู่อสูรกายภูมิได้ง่าย ๆ ก็จะตกไปสู่แดนมารแล้วเกิดมีภาพมายา
เพ้อฝัน หากพวกเจ้าหวาดหวั่นกลัวเมื่อใด ก็จะเหงื่อกาฬแตก ใจฝ่อหวาดผวา หวั่นกลัว และสั่นเทื้มสั่นเทา
ด้วยความไม่รู้ ใช่หรือไม่ใช่ นี่ก็เป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง
       บางครั้งให้พวกเจ้าได้รู้ถึงกาลเวลาของฟ้า ให้ได้รู้ถึงเจตนาของเบื้องบน แต่พวกเจ้ากลับไม่กระตือรือร้น
ไม่ก้าวไปข้างหน้าได้แต่ยึดติดกรอบของตัวเองตายตัว คิดแต่ว่าฉุดช่วยผู้อื่นได้จำนวนหนึ่งแล้วก็จะได้กลับคืน
เบื้องบน นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างมหันต์ เพราะมีคำพูดที่พูดกันเสมือนว่า""ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด""
แต่ถ้ารู้ทั้งรู้แล้วก็ยังกระทำผิด ผิดบาปก็ย่อมหนักกว่าปกติ ถึงแม้จะเป็นผู้ไม่รู้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิดเลย
จริง ๆ แต่ผู้ที่รู้ว่าผิดและก็ยังตั้งใจกระทำผิด ก็จะต้องถูกลงโทษเพิ่มทบทวีเป็นสองเท่าตัว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
     
         คุกแสงพิฆาต

      ตามความหมาย คือ ภายในถ้ำจะมีแสงพิฆาตที่เจิดจ้า แสงที่เปล่งออกมานั้นมีพลังแห่งการฆ่าและทำให้
บาดเจ็บ ได้เอาไว้ลงโทษผู้ที่ตอนมีชีวิตอยู่ ชอบดูหนังสือที่ไม่ดีงามสายตาไม่ดีงามถูกต้อง สายตาชอบดูสิ่งของ
ที่สวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ชอบสิ่งอัปลักษณ์ และยังมีอีกประเภทหนึ่งคือ ชอบใช้สายตาเหยียดหยามคนอื่น เป็นเพราะ
เขาคิดว่าตัวเองฉลาดปราดเปรื่อง คิดว่าตัวเองเกิดมารูปร่างหน้าตาดี...จึงได้ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นชีวิตอื่น
      ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนี้ตามเสาไฟฟ้าจะติดภาพวับ ๆ แวม ๆ ติดภาพที่นุ่งห่มน้อยชิ้น เป็นจำนวนมาก หากว่า
พวกเจ้าเดินผ่านแล้วก็ยังตั้งใจไปมอง นี่เรียก่า""ไม่ถูกต้องต่อจริยธรรมความดีงามแล้วยังไปมอง""สายตาจึงไม่
ถูกต้องเที่ยงตรง ฝ่ายหญิงไม่ค่อยเป็นกันเท่าไหร่ แต่ฝ่ายชายจะต้องระมัดระวังกันสักหน่อย ดังนั้นจะต้องตั้งอก
ตั้งใจในการบำเพ็ญขัดเกลา จะต้องบ่มเพาะการมองสิ่งที่ดีงามของตัวเอง ดวงตาจะต้องมองแต่สิ่งที่ถูกที่ควร
อย่าได้มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง สิ่งใดที่ผิดต่อจริยธรรมความดีงามก็อย่าได้ไปดูไปแล
      อีกประเภทหนึ่งที่ต้องถูกกักขังในคุกนี้ คือผู้ที่ชอบเข้าฌานนั่งสมธิ เป็นเพราะคิดอยากจะเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
เมื่อนั่งสมาธิก็อยากจะเห็นทิวทัศน์ความเป็นไปของสวรรค์ คนที่เป็นแบบนี้นั้น จิตใจไม่เที่ยงตรง ใจมารก็จะเข้า
แทรกได้ ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะได้สร้างบุญสร้างกุศล แต่ก็ยังมีความเอนเอียงของความคิดอย่างนี้ก็ต้องถูกลงโทษ
บำเพ็ญขัดเกลาอยู่ที่ข้างในนี้ ก็ต้องลำบากลำบนสักหน่อย เพราะเมื่อแสงเจิดจ้าได้สาดส่องมาแล้ว ดวงตาก็จะกลัว
แสงจนน้ำตาไหล ดวงตาก็จะแสบและอ่อนกำลัง
      นี่ก็เป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง ดังนั้นในสมองก็จะผุดเกิดความชั่วในอดีตออกมา การลงโทษที่นี่ไม่มี
เยื่อใยสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

         คุกเติมดอกไม้บนผ้าดิ้น

      ความหมายก็คือ ผู้ที่ชื่นชอบให้เปลือกนอกนั้นดูดี (ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพลง ) ชื่นชอบความหรูหรา
โอ่อ่าแต่เพียงเปลือกนอก ได้แต่ประดับประดาให้ภายนอกดูดี ชอบประจบสอพลอกับผู้มีอำนาจ มีคำหนึ่งที่ว่า
""แตงโมอร่อยเลือกชิ้นใหญ่""
      ดังนั้นพวกเราบำเพ็ญธรรม จิตใจต้องราบเรียบต้องมีความยุติธรรม เห็นคนอื่นยังไม่สมบูรณ์ก็ต้องช่วยเหลือ
เกื้อกูลเขา อย่าได้มองว่าใครกำลังประสบความราบรื่นในชีวิตหรือได้ดีมีวาสนา ก็เลยไปประจบประแจงอาศัย
อิทธิพลของเขา
     อีกประเภทชอบอาศัยความสัมพันธ์ของคนมาบำเพ็ญประจบสอพลอผู้มีอิทธิพล เหมือนกับผ้าดิ้นที่สวยงาม
อยู่แล้วก็ยังปักดอกไม้ลงไปอีก
     อีกประเภท ตลอดชีวิตเป็นคนพูดจาปากหวาน แต่ไม่จริงใจ ก็จะกลายเป็นคำพูดสอพลอ ถ้าเป็นคนประเภทนี้
คำพูดที่เขาพูดออกไปจะถูกบันทึกไว้ที่""คลังเก็บคำพูดสอพลอ"" เพราะเขาพูดสอพลอเรื่องไม่จริงเอาไว้มากมาย
บนฟ้าก็จะมีดอกไม้โปรยปรายลงมามากมาย กลิ่นของดอกไม้เหล่านั้น เมื่อได้ดมแล้วก็จะทิ่มแทงจมูก และเมื่อ
สัมผัสกับผิวหนังก็จะทำให้คันด้วย จาม คันหู ทั้งตัวก็จะคันไปหมดเหมือนเป็นโรคภูมิแพ้อย่างนี้น่ากลัวไหม ?
     นี่เป็นเรื่องน่ากลัวมากอีกอย่างหนึ่งแต่ว่าผู้ที่ถูกเคี่ยวกรำอยู่ที่นี่ต้องทำจิตใจให้สงบและอารมณ์ต้องเยือกเย็น
ต้องเก็บจิตใจให้สงบ ต้องสำนึกขอขมา
     สำหรับพวกที่รุนแรงหน่อย หูของเขาก็จะได้ยินเสียงหัวเราะของเทวบุตรมารด้วย เป็นเพราะผู้บำเพ็ญจะต้อง
บำเพ็ญปฏิบัติอย่างจริงจัง หากไม่มีจิตใจอย่างพุทธะ ก็จะมีจิตใจอย่างมาร
     ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ถ้าต้องการให้จิตใจของเราเที่ยงตรงดีงามได้ ก็จะต้องย้อนมองส่องตนทุก ๆ ขณะจิต
จะต้องพิจารณาตนตลอดเวลา

ออฟไลน์ tik

  • Admin
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 1,533
คุกล้างใจแปลงโฉม

     ก็คือต้องชะล้างใจ และแปลงโฉมหน้าตอนยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะมีใจบำเ็พ็ญธรรม แต่อดทนต่อคำพูดของคนอื่นไม่ได้ ซ้ำยังไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้จักบำเพ็ญจริงขัดเกลาแท้ คิดแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้องทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ได้ไปให้ร้ายทำลายใคร ก็ยังได้ชื่อมีบุญปัจจัยภายนอก แต่ว่ากุศลจิตภายในมีไม่เพียงพอไม่ได้ชะล้างใจและแปลงโฉมหน้าอย่างแท้จริง ไม่ได้แก้ไขความผิดพลาดในอดีตอย่างแท้จริง เวลาอยู้ต่อหน้าคนอื่น ได้แต่แสดงความจอมปลอมออกมา ชอบให้คนอื่นยกยอปอปั้น และไม่ชอบฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น
     ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า""ร่วมมือช่วยกันแสวงความเจริญก้าวหน้า"" ดังนั้นบำเพ็ญธรรมจึงต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ศึกษาอย่างจริงจังขันแข็ง แก้ไขสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก ไม่พาลโกรธ ไม่ทำผิดซ้ำสอง ถ้าหากกระทำความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเจ้าก็คงขัดเกลาได้หมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่พุทธาลัย
     แต่ถ้าอยู่ที่พุทธาลัยแล้ว ก็ยังไม่สามารถขัดเกลาได้หมดสิ้น ก็จะต้องเชิญพวกเจ้ามาเป็นแขกที่คุกสวรรค์แห่งนี้ดังนั้นจึงกล่าวว่าแม้จะเป็นเพียงความผิดพลาดผิดบาปเล็กน้อย ก็ต้องรู้จักตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ต้องรู้จักล้อมคอกเสียก่อนที่วัวจะหาย คือต้องรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อนที่ผลเสียจะเกิดขึ้น
    
การลงโทษ
     ขณะที่ถูกลงโทษนั้นก็คือ ต้องล้างกายชำระคุณธรรม ใครก็ตามที่ยิ่งรักหน้ารักตาของตัวเอง ผิวหน้าของเขาก็จะยิ่งบางลงมีคนพูดว่าคนหน้าหนาไม่กลัวปล่อยไก่ บำเพ็ญธรรมจึงต้องหน้าหนาเอาไว้
     หากจะพูดว่ามายังคุกนี้เพื่ออาบน้ำแล้วละก็แต่ยิ่งอาบก็ยิ่งเจ็บปวด เมื่อน้ำราดลงมาครั้งหนึ่งนั้น ก็จะมีความรู้สึกคันเขยอไปทั้งตัวและยังเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงด้วย เปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ หากเป็นผู้ที่จิตใจไม่ค่อยดี เขาจะมีความรู้สึกชาทั้งตัวแช่อยู่ในบ่อน้ำสีดำ สีของน้ำในบ่อจะไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ความผิดบาปของแต่ละคน และยังแบ่งเป็นใสกับขุ่นอีกด้วย เป็นเพราะผิดพลาดผิดบาปไม่เหมือนกัน บ่อน้ำจึงลึกจึงตื้นไม่เหมือนกันด้วย และยังแบ่งได้เป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น
     น้ำร้อนมีไว้สำหรับผู้ที่อารมณ์ร้อน ส่วนน้ำเย็นมีไว้สำหรับผู้เย็นชาไร้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แล้งน้ำใจต่อผู้อื่น ดังนั้นจะเร่าร้อนเกินไปหรือจะเย็นชาเกินไปก็ไม่ดีด้วยกันทั้งสองอย่าง

Credit : K.jariya1204
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/08/2553, 10:40 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        คุกฆ้องสวรรค์

     ความหมายของชื่อคุกนี้ก็คือหูได้ยินเสียงฆ้อง แต่ว่ากลับไม่ใช่เสียงฆ้อง แต่มันเป็นเสียงของฟ้าร้อง ในขณะ
ที่เขาถูกเคี่ยวกรำอยู่นั้นจะมีความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในภาชนะที่มิดชิดเหมือนกับอยู่ในที่ที่ปราศจากอากาศ แต่
ก็ยังมีเสียงของฟ้าร้องและเสียงฆ้องเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนสูงมาก เสียงที่สะท้อนกลับมาจึงดังมาก ทุก ๆ ครั้ง
ที่มีเสียงดังวิญญาณก็จะสั่นกระเพื่อมไปตามคลื่นเสียงนั้น ๆ แล้วก็มีอาการมึนหัวและสมองขยายตัว อยากจะอาเจียน
ถ้าอาการรุนแรงหน่อยก็จะมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด อวัยวะภายในทั้งห้ารวมทั้งตับทั้งม้ามก็จะแตกและยังมี
ปัณหาเกิดขึ้นที่หูด้วย ชอบฟังอย่างนั้น ชอบฟังอย่างนี้ ชอบฟังเรื่องถูกผิดสั้นยาวของชาวบ้านชาวช่อง เขาชอบฟัง
เรื่องไม่ดี ๆ ของใครต่อใคร พอตัวเองได้ฟังเรื่องเหล่านี้มาแล้วก็นำไปพูดบอกเล่าให้คนอื่น ๆ ได้ฟังด้วย
     ดังนั้นผู้บำเพ็ญธรรม กรรมทั้งสามจาก กาย วาจา ใจนั้นจะต้องสงบผ่องแผ้ว วันนี้หากเจ้าบำเพ็ญธรรม แต่ยัง
ชอบฟังเรื่องถูกผิดนินทาว่าร้ายและนำเรื่องนี้ไปถ่ายทอดต่อกระจายข่าวลือ พูดคำที่ไม่สมควรพูด พูดเรื่องที่ไม่จริง
แล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบถึงผู้อื่นเช่นว่าวันนี้เจ้ากับเพื่อนบ้านซ้ายมือพูดเรื่องไม่ดีของเพื่อน
บ้านขวามือ พอถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อนบ้านซ้ายมือกับเพื่อนบ้านขวามือก็ไม่แยแสกัน ไม่มองหน้ากันอีกแล้ว ดังนั้นคำพูด
เป็นสิ่งร้ายกาจมาก จะพูดจะจาอะไรจึงต้องกริ่งเกรงระมัดระวังจะต้องรอบคอบให้มาก ๆ
     ในคุกฆ้องสวรรค์นั้น มีผู้ที่แฝงไว้ด้วยความคิดที่จะก่อกรรมทำเข็ญ ผู้ที่เล่นเล่ตีสองหน้า ผู้ที่ต่อหน้าอย่างลับหลัง
อย่างหนึ่งและผู้ที่ยุแยงตะแคงรั่ว นั่นก็คือเมื่อเห็นคนอื่นเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ไปยุแหย่ให้เขาแตกคอกัน
เหมือนเห็นคนอื่นได้ดีมีแต่ความก้าวหน้า ก็หาเรื่องทำลายทำร้ายเขา...เป็นเพราะว่านี่คือมารในใจและมารภายนอก
ที่ถูกชักนำมาจากโจรหูนั่นเอง จึงปิดกั้นขัดขวางตัวเอง ตาก็มีรากของตา หูก็มีรากของหู (ซึ่งก็คือ จักขุนทรีย์ และ--
โสตินทรีย์นั่นเอง)
      ดังนั้นในพระพุทธศาสนาจึงมีคำกล่าวที่ว่า""ผู้บำเพ็ญปฏิบัติจะต้องทำให้อินทรีย์ทั้งหกวิสุทธิ์สะอาด"" จึงอย่า
ได้กระทำผิดในเรื่องของกาย วาจา ใจ รวมทั้งอกุศลกรรมบถสิบและมิจฉัตตะแปดด้วย
      พูดมาตั้งมากมาย ฟังเข้าหูกันหรือเปล่า ? ดังคำกล่าวที่ว่า""ยาดีย่อมขมปาก คำพูดที่ดีย่อมขัดหู"""ยิ่งเป็น
คำพูดที่ขัดหูยิ่งต้องฟังอย่างละเอียด และต้องยอมรับด้วย หากว่าวันนี้เจ้าไม่สามารถยอมรับมันได้ วันหน้าจะเป็น
อย่างไร ? ก็คงต้องไปหาถ้ำนั่งอยู่ ภายในอย่าได้เป็นคนที่ไม่มีความมุ่งมั่นเลย บำเพ็ญธรรมต้องมีความกระตือรือร้น
ไม่ใช่พูดว่าได้รับแล้วก็ไม่ต้องบำเพ็ญมันไม่ง่ายอย่างนี้หรอก เจ้าอย่าได้เป็นว่ารับธรรมะไปแล้วแต่ก็ยังสูบบุหรี่ดื่มเหล้า
แทงม้า เล่นการพนัน ฯลฯ แล้วก็ทำเรื่องชั่วช้าอีกมากมาย ถ้าเป็นอย่างนี้ย่อมไม่อาจบรรลุธรรมได้แน่
      หลักธรรมเหล่านั้นก็ต้องการให้พวกเจ้าได้เข้าใจ อย่าได้พูดว่าฉันเป็นญาติธรรมเก่าแล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้ว แต่ว่า
บุญกุศลอยู่เสียที่ใหนกันละ ? เจ้าพูดว่าเจ้าตั้งปณิธานกินเจแล้ว แต่ว่าใจบริสุทธิ์ด้วยหรือไม่ละ ?อย่างนี้เข้าใจกันหรือไม่?
      เบื้องบนให้ฉันได้มาที่นี่เพื่อบอกเล่าถึงคุกสวรรค์ ก็เพื่อให้พวกเจ้าได้เข้าใจ บำเพ็ญธรรมจะลวกหยาบไม่ได้
บำเพ็ญธรรมจะสุกเอาเผากินไม่ได้ หากว่าเจ้ามีความเห็นแก่ตัวอยู่มาก แบ่งพรรคแบ่งพวกเก่งเบื้องบนก็จะแยกออก
จากเจ้า แต่ถ้าหากเจ้ามีใจเพื่อนส่วนรวม เบื้องบนก็จะไม่แยกออกจากเจ้า
     เอาละ ? หวังว่าพวกเจ้าจะบำเพ็ญกันให้ดี ๆ อย่าได้ผิดต่อความลำบากใจของเบื้องบนแล้วจะเป็นอย่างไร ? วันนี้
ก็จะต้องมีถ้ำสักถ้ำหนึ่งเตรียมเอาไว้ให้เจ้า ได้ไปบำเพ็ญเคี่ยวกรำอย่างไรละ ?
     หวังว่าพวกเจ้าจะมาหาฉันเพื่อดื่มชากัน แต่ไม่ใช่มาหาฉันเพื่อรายงานตัวเข้ารับโทษล่ะ

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”