collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อเตือนใจ คุกสวรรค์  (อ่าน 44021 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
ถ้ำอัสนีสายฝน

       วิญญาณบาปทุกดวงที่ถูกลงโทษทัณฑ์ จะต้องนั่งอยู่ในถ้ำ และภายในถ้ำก็จะมีเสียงอัสนีสายฟ้าฟาดดังสนั่นถ้ำที่ว่านี้ไว้รองรับคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวบำเพ็ญมากว่ายี่สิบปี ก็ยังมีอารมณ์ร้าย สามสิบปีก็ยังไม่บรรเทา ไม่มีความเมตตากรุณากับนักธรรมผู้น้อย ไม่มีความเคารพยำเกรงต่อเบื้องบน ไม่ว่าคนอื่นจะตักเตือนทัดทานอย่างไร ก็ทำเป็นหูทวนลม คนประเภทนี้จะไม่กระจ่างแจ้งในหลักธรรม ไม่มีสติปัญญาจะถูกนำมาที่ถ้ำอัสนีสายฝนนี้เพื่อลงโทษทัณฑ์
       เสียงสายฟ้าฟาดกระหึ่มกึกก้องกังวานจนแก้วหูแตกมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดทว่าเขาไม่มีกายสังขารแล้วจะรู้สึกเจ็บได้อย่างไรเล่า ? นั่นเป็นร่างญาณที่เจ็บ เพราะโลกที่ไร้รูปลักษณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นมีรูปลักษณ์ได้ แต่นั่นเป็นแค่รูปลักษณ์จอมปลอม เช่นเดียวกับหลอดไฟฟ้าที่มีแสงไฟออกมา แต่เจ้าก็ไม่สามารถจับต้องมันได้ใช่หรือเปล่าได้แต่สัมผัสถึงความสว่างเมื่อแสงเหล่านั้นสาดส่องมาถึงเท่านั้นเอง
       พวกเจ้าทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ได้ทำผิดในเรื่องนิสัยอารมณ์อย่างนี้หรือไม่ ?เมื่อสักครู่นี้ที่ได้พูดไปสองอย่างพวกเจ้าได้ทำผิดกันหรือไม่ ? ถ้าหากทำผิดอย่างนั้นอยู่ ก็จะโดนพันธณาการและพาตัวไปกักขังจองจำ เอาละ ! จะให้พวกเจ้าได้มีโอกาสอยู่บ้าง เป็นเพราะพวกเจ้ายังมีกายสังขารอยู่ ยังคงมีชีวิตกันอยู่ ยังไม่ได้ตายถ้าหากตายไปแล้วก็จบกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 5/08/2553, 17:19 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        ถ้ำอมฤตธรรม

       ถ้ำอมฤตธรรม ดูตามรูปศัพท์ก็พอคาดเดาได้ว่า หมายถึงตอนที่มีชีวิตอยู่ชอบยึดติดกับพุทธธรรมหรือคัมภีร์
ทั้งหลายยึดแน่นในวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติตน โดยคิดว่าวิถีการบำเพ็ญปฏิบัติของคนอื่นไม่ดี ตัวอย่างเช่นการบำเพ็ญ
ทุกรกิริยาที่ไม่กินไม่สวมใส่เครื่องนุ่งห่ม ไม่หลับไม่นอน ใช้ไฟเผาลนตัวเอง ฯลฯ ซึ่งการบำเพ็ญทุกรกิริยา เป็น
เพียงการเคี่ยวกรำกายสังขารเท่านั่นเองแต่หากไม่บำเพ็ญเคี่ยวกรำจิตภายใน  ไม่ตัดโลภ โกรธ หลง ทิ้งไปกลับ
คิดว่าตัวเองบำเพ็ญปฏิบัติถูกแนวทาง ถึงคำพูดของคนอื่นจะมีเหตุมีผลแต่ก็ไม่ยอมฟังคนประเภทนี้ต้องลำบากแน่ ๆ
เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกเคี่ยวกรำ คนเหล่านี้จะมารวมนั่งฟังธรรมะจากพระพุทธะแต่ทว่ากลิ่นเสียงกับแหลมทิ่มแทง
แก้วหู ! รู้สึกคัน ๆ รู้สึกแปลก ๆ ไม่สบายไปทั้งตัว นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ทิพย์โปรยปรายลงมาจากเบื้องบนซึ่งเมื่อ
มาติดตามตัวแล้วก็จะรู้สึกคันมาก ๆ แต่ก็ต้องนั่งฟังธรรมะต่อไปไม่เช่นนั้นจะยื่งทุกข์ทรมานกว่าเดิมและจะไม่ฟัง
ต่อก็ยิ่งไม่ได้ เพราะว่าเมื่อฟังคำคำหนึ่ง หูก็จะรู้สึกคันเป็นอย่างมาก คนประเภทนี้ก็เหมือนกับคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง
การบรรยายธรรม และก็ยังนั่งกันตามสบาย หรือไม่ก็นั่งไขว่ห้างนึกคิดเรื่องส่วนตัวอยู่
        ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งคือ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เขาก็จะไม่ชอบ ซ้ำยังหาว่าผู้อื่นพูดเกินเลยโอ้อวดหรือ
พูดส่งเดช เรื่อยเปื่อย จิตใจฟุ้งซ่าน เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับทรงแสดงธรรมก็ยังไม่ชอบฟัง และไม่ยอมฟังด้วย
คิดไปเองว่าหลักธรรมที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พูดนั้น เป็นคำง่าย ๆ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย ผู้ที่เย่อหยิ่ง อวดดื้อถือดี หรือมัก
ใหญ่ใฝ่สูง ผู้ที่ไม่ตั้งใจฟังคำพูดนักธรรมอาวุโส หรือผู้ที่นั่งหลับเสมอ ๆ เวลาที่ฟังธรรมะอยู่ เมื่อเป็นอย่างนี้นาน
วันเข้าก็จะยื่งแปดเปื้อนมากขึ้น ๆ คนบำเพ็ญอย่างนี้จะต้องถูกจับตัวให้ไปบำเพ็ญกันต่อ อย่างนี้แล้วพวกเจ้ากลัว
หรือไม่กลัวกันล่ะ ? ในวันนี้ก็มีคนนั่งหลับตั้งหลายคน แต่ก็แค่จดบันทึกเอาไว้เท่านั้น ยังไม่ได้จับตัวไปกักขังใน
ทันที เหมือนกับเวลาที่เจ้าขับรถผิดกฏจราจร ถ้าหากผิดบ่อยครั้งสะสมกันมากๆเข้าแล้วจึงจะโดนจับไปลงโทษนั่นเอง


ถ้ำอมฤตคุณ

        ถ้ำอมฤตคุณ  พุทธบุตรที่อยู่ในถ้ำนี้ เป้นผู้ที่มีอำนาจและฐานะแต่ว่ากลับไม่ตั้งใจบำเพ็ญธรรม ไม่มีความ
เมตตากรุณาต่อนักธรรมผุ้น้อยแต่กลับใจไม้ใส้ระกำ ตัวเองคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ จิตใจไม่เที่ยงตรง แม้จะ
บำเพ็ญมานานเมื่อดูภายนอกแล้วเหมือนกับผู้มีจิตเมตตา พอลับหลังกลับนินทากล่าวหาว่าร้ายผู้อื่นซึ่งที่จริงแล้ว
ไม่ได้มีคุณธรรมอย่างที่คิด
         หลายคนถูกลักษณะภายนอกของเขาเหล่านั้นหลอกเอา เมื่อผ่านไปนานวันเข้า จึงได้เห็นโฉมหน้าที่
แท้จริงของเขาก็ถูกทดสอบจนตกหล่นไป คนประเภทนี้ที่แปลก ๆ ไม่มีคุณธรรมนิสัยอารมณ์ก็ไม่ดีใจคอโหด
ร้ายต่อผู้อื่นเห็นแก่ต้ว ก็ต้องมาถูกกักขังที่นี่เวลาถูกลงโทษทัณฑ์จะมีน้ำที่เย็นเฉียบเทลงมา หากจิตสงบอารมณ์
เยือกเย็นอุณหภูมิของน้ำก็จะอุ่นขึ้นแต่หากจิตยังขุ่นเคืองไม่พอใจ อุณหภูมิ ของน้ำก็จะเย็นยะเยือก อุณหภูมิ
ของน้ำก็จะขึ้นอยู่กับภาวะของจิตนั่นเอง เมื่อบาปกรรมมลายไปการเคี่ยวกรำจึงจะหยุด
         นอกจากที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้วยังมี "ถ้ำอมฤตธาตุทอง"   "ถ้ำอมฤตธาตุไม้"   "ถ้ำอมฤตธาตุน้ำ "
"ถ้ำอมฤตธาตุไฟ"   "ถ้ำอมฤตธาตุดิน"  นั่นก็เป็นเรื่องของธาตุทั้งห้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พระแม่องค์ธรรม
ได้มีพระบัญชาว่า "ความลับของคุกสวรรค์ในแต่ละชั้นจะต้องปิดไว้บ้างบางส่วน " เพราะอะไรจึงไม่สามารถเปิด
เผยทั้งหมด ?เพราะเมื่อพูดให้พวกเจ้าได้ฟังกัน กลับจะไม่รู้จักคุณค่า กลับจะไม่สนใจใยดีกัน    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19/08/2553, 14:08 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คุกเก็บเมล็ดถั่ว

          นั่นก็คล้ายกับเรื่องที่ซินเดอเรลล่า (หรือ ฮุยกูเหนียง)ต้องเก็บเมล็ดถั่ว แต่ก็ไม่เหมือนกับซินเดอเรลล่า
ซะทีเดียว ญาติธรรมทั่วไป เตี่ยนฉวนซือ เจี่ยงซือ รวมทั้งทุกคนที่นี่ล้วนเคยกระทำผิด คือเวลาฉุดช่วยคนได้แต่
นับหัวกันโลภในปริมาณ แต่ไม่เน้นที่คุณภาพ ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นมีความประพฤติที่ดี หรือไม่ดีถึงจะณุ้จักกันแค่ผิวเผิน
ตามท้องถนนก็ฉุดช่วยเขามาคิดแต่ว่าถ้าฉุดช่วยคนได้หนึ่งร้อยหรือสองร้อยคนก็จะมีบุญกุศลใหญ่ แต่กลับไม่ไป
ส่งเสริมสนับสนุนเขาเหล่านั้น หลังจากที่ได้ฉุดช่วยไปแล้ว เที่ยวฉุดช่วยคนทั่วไป เที่ยวผูกบุญสัมพันธ์กับใครต่อ
ใครไปทั่ว แต่ไม่ไปส่งเสริมเขาเหล่านั้น คนประเภทนี้ก็ต้องกลับไปยังคุกสวรรค์เพื่อให้ "เก็บเมล็ดถั่ว"
           แต่เมล็ดถั่วของคุกสวรรค์นั้นไม่ใช่จะเก็บง่าย ๆ อย่างที่คิดด้วยเหตุที่คนบนโลกได้กินเจและรู้จักที่จะ
สร้างบุญกุศลแล้ว ดังนั้นเบื้องบนจึงให้รับโทษทัณฑ์ที่เบากว่า ไม่ต้องถูกตัดลิ้นผ่าท้อง ควักไส้ควักพุง คุกสวรรค์
ไม่เหมือนกับนรก และทุกๆ โทษทัณฑ์ที่จัดเตรียมไว้ก็ล้วนแต่แฝงเล้นไปด้วยหลักธรรม
       สำหรับผู้ที่มีความผิดบาปหนักหน่อย จะมีเม็ดทรายปะปนกับเมล็ดถั่วเป็นกอง ๆ ดูซิว่าเจ้าจะเก็บจนถึงเมื่อไหร่?
หากว่าจิตใจของเจ้าไม่สงบเกิดอวิชชาความมืดบอดขึ้นมาคิดว่าตัวเองมีบุญกุศลมากมาย ฉุดช่วยคนเอาไว้ไม่น้อย
เมื่อกลับคืนไปต้องถูกกักขังจองจำอยู่ที่นี่เพื่อให้คอยเก็บเมล็ดถั่วแต่ที่แย่กว่านั้นก็คือกองเมล็ดถั่วจะมีสีเหมือนกับ
เม็ดทรายขึ้นมาทันที แล้วจะเก็บกันอย่างไรเล่า ? ฉะนั้นพวกเจ้าจึงต้องมีความระมัดระวัง อย่าได้ฉุดช่วยคนอย่าง
ขอไปที หรือฉุดช่วยมาแล้วก็ไม่ส่งเสริมสนับสนุน ทำให้เขาให้ร้ายทำลายธรรมะ ไม่เข้าใจหลักธรรมอย่างกระจ่างชัด
ปัณหาและการทดสอบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรธรรมปัจจุบัน ก็เพราะหลายคนละโมบในบุญกุศล ฉุดช่วยคนแบบ
นับหัว เพื่อให้เตี่ยนฉวนซือดีใจ อย่างนี้ไม่ถูกต้องหลายคนไม่เข้าใจจึงได้กระทำผิด ฟังเข้าใจหรือไม่ ? หากเจ้า
ทั้งหลายมีจิตใจที่เที่ยงตรงเป็นสัมมา เมล็ดถั่วก็จะใหญ่ขึ้น ตรงกันข้าม หากเจ้ามีจิตใจที่เอนเอียงเป็นมิจฉา เมล็ดถั่ว
ก็จะยิ่งเล็กลง หนำซ้ำยังเปลี่ยนสีอีกซึ่งยากแก่การแยกแยะได้ แตที่แน่ ๆ ก็คือเจ้าต้องเก็บถั่วทุกเมล็ดให้หมด
บาปกรรมจึงจะมลายไป ดังคำกล่าวที่ว่า "หมื่นธรรมวิถีเกิดจากใจ  จากใจเกิดหมื่นธรรมวิถี"

คุกไต่บันได
        
        หนึ่งคนต่อหนึ่งบันได ต้องมีความตั้งใจปีนไต่ จากข้างล่างค่อยเป็นค่อย ๆ ไต่ แต่ไม่ว่าจะปีนจะไต่อย่างไร
ก็ยังอยู่ที่เดิม เหมือนกับขึ้นบันไดจะเลื่อนลงไปข้างล่างเรื่อย ๆ ในใจจึงหวาดหวั่นคนประเภทนี้เป็นคนที่ "
"สามวันหาปลาสองวันตากแห" สามปีห้าปีจึงจะบำเพ็ญสักครั้งหนึ่ง มีความกระตือรือร้นต่อธรรมะประเดี๋ยวประด๋าว
และเดี๋ยวก็เฉีื่อยชาเฉื่ยยเนือย ครู่หนึ่งก็ตั้งปณิธานใหญ่ อีกครู่หนึ่งก็ถดถอยไป อีกเดี๋ยวหนึ่งก็ไม่เชื่อต่อธรรมะแล้ว
        คนประเภทนี้ ย่อมไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ว่าเขาได้บำเพ็ญธรรมอยู่ เขาคิดเห็นแต่เพียงว่า
การบำเพ็ญธรรมจะช่วยคุ้มครองให้เขาอยู่เย็นเป็นสุขได้ ดังนั้นจึงได้สร้างบุญกุศลจำนวนหนึ่งเพื่อชดเชยกับความผิด
พลาดของตนเองที่จริงแล้วเขาก็เข้าใจรู้ว่าต้องบำเพ็ญแต่ว่าเขาไม่อยากจะบำเพ็ญเองดังนั้นจึงถูกกักขังที่คุกสวรรค์นี้
เมธีทั้งหลาย !!!พวกเจ้าจะโดนจับมาขังที่นี่กันหรือเปล่า ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2553, 13:59 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คุกต้มน้ำ

        คุกต้มน้ำหนึ่งคนต่อหนึ่งเตา เอาฟืนไปเผาแต่น่าแปลกประหลาดตรงที่คนมีสภาวะจิตยังบำเพ็ญได้
ไม่ถึงพร้อม เมื่อไปถึงคุกสวรรค์นี้แล้วต่อให้จุดไฟเผาฟืนอย่างไรไฟก็จุดไม่ติด ต่อให้เผาอย่างไรก็เผาไม่
ไหม้ คนประเภทนี้ เป็นคนที่เห็นงานธรรมเหมือนเป็นการพบปะสังสรรค์ เห็นคนอื่นร่วมประกอบพิธีก็เข้าไป
ร่วมสังสสรค์ เห็นคนอื่นยื่นผ้าเช็ดมือตัวเองก็เข้าไปร่วมสนุกไม่จริงจัง ไม่เห็นงานธรรมเป็นเรื่องสำคัญ เห็น
อะไรก็อยากทำก็อยากศึกษา พอเอาเข้าจริง ๆ ไม่มีเรื่องไหนงานไหนที่ทำเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา มีความ
กระตือรือร้นแค่ห้านาทีในการงานเท่านั้น ไม่มีความคงเส้นคงวา
         เดี๋ยวก็ไปอาณาจักรธรรมโน้น เดี๋ยวก็มาสถานธรรมนี้ พักหนึ่งก็ไปศึกษากับนักธรรมอาวุโสคนโน้น
อีกสักพักหนึ่งก็หันไปศึกษากับเจี่ยงซือคนนี้  จิตใจวุ่นวายปั่นป่วน ไม่เป็นตัวของตัวเอง  ไม่ตั้งใจมุ่งมานะ
ที่จะทำงานใด ๆ คนประเภทนี้ต้องจับมายังคุกนี้ จับให้ไปต้มน้ำต้มจนน้ำเดือดพล่านและแห้งไปแล้ว
บาปกรรมจึงจะมลาย อย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ?

คุกครัวฟ้า

        คุกครัวฟ้า มีความเกี่ยวพันกับพวกเจ้า ผู้ที่อยู่ในคุกครัวฟ้านี้ก็คือ คนที่ตอนมีชีวิตกันอยู่ ได้ไปช่วยงาน
บริการผู้อื่นอยู่ตามวัดวาอารามหรือสถานธรรม มีหน้าที่หุงข้าวทำอาหาร ทำอาหารไปด้วยแล้วก็พูดคุยกันไปด้วย
ความคิดก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา เกิดความคิดไม่ตรงเป็นมิจฉา เกิดความยึดมั่นถือมั่นพูดถึงความไม่ถูกต้อง
ของคนอื่น จิตใจไม่สงบสำรวม ตัดพ้อต่อว่า ว่าคนอื่นสามารถยืนอยู่ที่แท่นบรรยายได้อย่างสง่างาม แต่ทำไม
ฉันจึงต้องมายืนเปรอะเปื้อนทำครัวอยู่ในนี้ มีกลิ่นอาหารติดตัวไม่สะอาด ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นบางคนยังคิดว่า
"พูดธรรมะได้ไม่เห็นน่าตื่นเต้นอะไรเลย เพียงแต่ฉันพูดไม่เป็นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นฉันเองก็สามารถขึ้นไปยืน
บนแท่นบรรยายได้เหมือนกัน"
        บางคนนั้นทำงานโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่จะให้ช่วยงานอย่างอื่นก็ทำไม่เป็นเช่นกัน เชิญเขาไปช่วย
งานครัวเขาก็ไม่เอา ถึงจะทำครัวหุงหาอาหารไป ก็จะบ่นโน่นบ่นนี่ไปด้วยใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นระแวงแต่คนอื่น
อิจฉาแต่คนอื่น คนประเภทนี้ต้องจับมาขังไว้ที่นี่ ที่จริงแล้วถ้าไม่เจริญปณิธานด้วยความตั้งใจทำตามหน้าที่
ของตน ถึงจะช่วยงานธรรมอยู่ในครัวก็เป็นการสร้างบุญเจริญปณิธานเช่นกัน
        คุกนี้มีการลงโทษทัณฑ์กันอย่างไร ? คือให้คนที่หั่นผักก็หั่นผักไป คนที่หุงข้าวก็หุงข้าวไป แต่เวลาหั่นผัก
ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านนิ้วของตัวเองก็จะถูกหั่นไปด้วย หั่นไปเรื่อย ๆ จนตัวเองได้สติ เมื่อรู้สึกตัวนิ้วของตัวเองก็ถูกเฉือน
ไปแล้ว เบื้องบนได้เตรียมโทษทัณฑ์ดังกล่าวไว้เพื่ออะไร ? พวกเจ้ารู้หรือไม่ ? เพราะแหล่งที่มาของการสร้างกรรม
ของเจ้าอยู่ที่ใหน ? เบื้องบนก็จะจำลองสภาพแวดล้อมอย่างนั้น ให้เจ้าได้มีโอกาสลบล้างความผิดบาป ฉะนั้นต่อไป
เมื่อช่วยงานธรรมในครัวข้างล่าง จงอย่าได้ทำอาหารไปแล้วก็บ่นโน่นบ่นนี่ไป หรือทำอาหารไปก็ครหานินทาคนอื่นไป
หรือวิพากวิจารณ์คนอื่นไป หากเป็นเช่นนี้บุญกุศลก็จะไม่กลมพร้อมสมบูรณ์ แต่ต้องถูกบั่นทอนอีกรู้หรือไม่ ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2553, 13:57 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คุกปลูกต้นไม้

         คุกปลูกต้นไม้ คนที่รับโทษทัณฑ์อยู่ในคุกนี้ ในมือของแต่ละคนต้องมีต้นกล้ากันคนละหนึ่งต้น คนที่จิตใจ
ไม่ดีงามต้นกล้านั้นก็จะเติบโตขึ้นและมีหนามงอกออกมาทิ่มตำมือของตัวเอง เวลาถูกเคี่ยวกรำทุกคนต้องใช้หลั่ว
ขุดดินแข็ง ๆ แล้วจึงปลูกต้นกล้านั้นไปในดิน ซึ่งต้องเหนื่อยยากลำบากมาก ๆ บางครั้งต้นกล้าไม่สามารถอยู่รอดได้
ก็ต้องปลูกกันใหม่ ฉะนั้นหากบาปกรรมไม่ชำระล้างให้หมดสิ้น ต้นกล้าก็จะผุดขึ้นในมือของตัวเองตลอดไปปลูกลงไป
ต้นแล้วต้นเล่าไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ามีคนขี้เกียจจะทำอย่างไร ? ก็จะมีทหารฟ้าขุขพลสวรรค์คอยขนาบอยู่เคียงข้าง ถ้าเห็นว่า
ขี้เกียรติก็จะถูกตี อย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ? คนเหล่านี้ทำผิดอะไรหรือ ? ตัวเป็นถึงนักธรรมอาวุโส แต่กลับลำเอียงเห็นแก่ตัว
ส่งเสริมนักธรรมผู้น้อยอย่างไม่ยุติธรรม มอบหมายพระโองการณ์สวรรคให้ผู้อื่นไปอย่างลวก ๆ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
มาบำเพ็ญธรรม อย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ? บางคนถึงกับหน่วงเหนี่ยวแช่แข็งบุคคลากรที่มีคุณธรรมความสามารถ อีกทั้ง
ยังทดสอบให้บุคคลากรเหล่านั้นต้องตกหล่นไป ทำให้คนเหล่านั้นคิดว่า วิถีอนุตตรธรรมเป็นการบำเพ็ญโดยอาศัย
ความสัมพันธ์ของคน และไม่ได้อาศัยหลักธรรมของฟ้า พอเห็นใครมีเงินหรือมีฐานะก็ยกระดับให้เขาคนนั้น ได้รับ
พระโองการณ์สวรรค์เป็นเตี่ยนฉวนซือ ขณะที่ยังอยู่บนโลก จะมีผิดบาปหรือไม่นั้น พวกเจ้าอาจจะมองกันไม่ออก
แต่เมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้ว ก็จะรู้กันเอง

คุกสร้างบ้าน

          คุกสร้างบ้าน ถันจู่บางคนตั้งสถานธรรมที่บ้าน แต่กลับกลัวว่าคนอื่นจะมารบกวน จึงปฏิบัติต่อญาติธรรม
อย่างขอไปที เย็นชาเมินเฉย หรือให้การต้อนรับอย่างไม่เต็มใจ กราบไหว้พระไปได้ไม่นานเท่าไร ก็คิดว่าไม่มี
อะไรแปลกใหม่ จึงหาข้ออ้างและเหตุผลต่าง ๆ นานา เช่นว่าต้องย้ายบ้าน ต้องต่อเติมบ้าน ฯลฯล แล้วก็เก็บ
สถานธรรมไม่ไหว้อีก ที่กล่าวมานี้ล้วนมีความผิกบาปทั้งสิ้น
          ผิดบาปข้อหาอะไรรู้ไหม ? เนื่องจากได้ตั้งปณิธานแล้วแต่หลอกลวงเบื้องบนพวกเจ้าได้กระทำผิด --
อย่างนี้กันหรือเปล่า ? กลัวว่าจะมีญาติธรรมไปสถานธรรมที่บ้านหรือเปล่า ? หรือกราบไหว้พระจนไม่อยากกราบ
ไหว้อีกแล้วหรือเปล่า  ตรงนี้ต้องระมัดระวังที่คุกนี้เวลาถูกลงโทษทัณฑ์จะต้องปลูกสร้างบ้านไปเรื่อย ๆ มีวุสดุ
ก่อสร้างมากมายหลากหลายรูปแบบ ปลูกสร้างไปจนกว่าบาปกรรมจะสิันสุด หากจิตใจไม่สงบ กำแพงที่สร้าง
ก็จะทลายลงมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2553, 14:01 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
คุกจอบเหล็ก

         คุกจอบเหล็ก  คนที่อยู่ในคุกนี้จะมีจอบเหล็กคนละอ้นเหมือนกับการขุดถนนขุดไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันหยุด
ใช้แรงงานไปเรื่อย ๆ เพราะคนประเภทนี้ชอบหาโอกาสเอารัดเอาเปรียบคนอื่น คนอื่นเป็นเจี่ยงซือเขาก็เป็น
เจี่ยงซือด้วย คนอื่นรับพระโองการณ์สวรรค์  เป็นเตี่ยนฉวนซือ เขาก็เป็นเตี่ยนฉวนซือเหมือนกัน แต่เวลาที่คนอื่น
ทุ่มเทปฏิบัติงานธรรมด้วยความลำบาก กลับเมินเฉยอยู่ข้าง ๆ เก่งแต่ปากคอยแต่ชี้โน่นชี้นี่ หลงคิดว่าตัวเองมีบุญ
กุศลมากมายกว่าคนอื่น ลำบากลำบนกว่าคนอื่น คนประเภทนี้มีผิดบาปเพราะแต่จะพึ่ง "ปาก" สร้างบุญ อย่างนี้มัก
กระทำผิดได้ง่าย ๆ การบำเพ็ญธรรมต้องทำออกมาให้คนอื่นเห็น ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วจะบรรลุธรรมได้ ด้วยสาเหตุ
ที่คนเหล่านี้ไม่ได้ทุ่มเทลงแรงในโลก ดังนั้นเมื่อกลับคืนไปจึงต้องให้ใช้แรงงาน เพราะที่ผ่านมาเขาได้แต่อาศัยรัศมี
บารมีของส่วนรวม อย่างนี้เข้าใจไหม ? บำเพ็ญธรรมจะทำอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด

คุกผุกมัดกาย

         คุกผูกมัดกาย ผู้ที่รับโทษทัณฑ์ในคุกนี้ ตอนอยู่บนโลกสามารถละวางเยื่อใยพันธนาการทางโลกได้ แต่กลับ
ไม่ยอมทำ ยังอาลัยอาวรณ์ ภรรยา สามี บุตร ธิดา หรือหน้าที่การงาน ฯลฯ แม้ว่าตัวเองจะเป็นเตี่ยนฉวนซือก็ตาม
แต่ยังโลภโมโทสันอยู่กับเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ไม่ยอมที่จะบำเพ็ญพรหมจรรย์ ไม่ยอมที่จะสละอุทิศทั้งหมด ที่จริง
ก็เป็นถึงนักธรรมอาวุโสที่มีตำแหน่งสูงแล้วแต่เป็นเพราะเยื่อใยสัมพันธ์ทางโลกยังไม่ได้ละวางลง คนที่เป็นแบบนี้
ก็จะต้องมายังคุกแห่งนี้
         นอกจากนี้ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งที่ได้ตั้งปณิธานกินเจแล้ว ได้ตั้งปณิธานบำเพ็ญพรหมจรรย์แล้ว แต่ความคิด
ยังไม่ถูกต้องดีงาม ความคิดจิตใจขยับหวั่นไหวตลอดเวลา คนเหล่านี้ก็จะต้องถูกผูกมัดพันธนาการอยู่ในถ้ำแห่งนี้
หากไม่มีความคิดจิตใจฟุ้งซ่านอย่างนั้นอีก และจิตใจสามารถสงบลงมาได้แล้วละก็  เชือกเส้นนั้นก็จะค่อย ๆ คลายตัว
ไม่มัดแน่นอีก ก็จะไม่ค่อยเจ็บปวดนัก แต่ในทางกลับกัน หากยังตัดพ้อต่อว่า หากยังมีความแค้นเคืองเชือกก็จะยิ่ง
ผูกมัดแน่นขึ้น อย่างนี้เข้าใจกันหรือไม่ ?
        เนื่องจากตอนอยู่บนโลก ทั้งกายทั้งใจผูกมัดพันธนาการ เมื่อกลับคืนไปแล้ว ก็ย่อมต้องผูกมัดด้วยตัวของตัวเอง
ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องวางให้ลงปลงให้ตก อย่าได้เน้นหนักทางโลก แต่กลับบางเบาทางธรรม หรือเห็นความสำคัญ
ของทางโลกมากกว่าความสำคัญของทางธรรม หากเจ้าสามารถพูดบรรยายธรรมะได้และยังฉุดช่วยนำคนอื่นไปด้วย
ก็จงอย่ารีรอชักช้าอยู่แต่ที่บ้าน อย่าได้เกียจคร้านปล่อยเวลาให้ผ่านไป อย่างนี้พวกเจ้าเข้าใจกันไหม ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 9/08/2553, 14:03 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382

คุกโซ่ตรวเหล็ก

          คุกโซ่ตรวนเหล็ก  ผู้ที่อยู่ในคุกนี้ เป็นผู้ที่มีความอิจฉาริษยาความรู้ความสามารถของคนอื่น ไม่ตั้งใจบาำเพ็ญ
อย่างจริงจัง ชอบพูดนินทาว่าร้ายคนอื่น ชอบพูดให้ร้ายคนลับหลัง ทำงานอะไรก็ไม่เสมอต้นเสมอปลาย มีต้นแต่ไร้
ปลาย ทำงานแบบลวกหยาบส่งเดชไม่มีผลงาน ทำแล้วเลิกล้มละทิ้งกลางคัน ต้องให้คนอื่นมาเก็บงานตามหลัง
ทำอะไรก็ไม่จริงใจจึงเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายทั่วอาณาจักรธรรม หรือประเภทมือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ คนอื่น
บำเพ็ญดีมีคุณธรรมแต่ตัวเองคอยให้ร้ายใส่ร้ายป้ายสี ทำให้คนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง
         คนประเภทนี้ก็ต้องถูกจับกักขังอยู่ที่คุกนี้ และถูกลงโทษโดยมีโซ่ตรวนเหล็กผูกล่าม และยังมีลูกกลมเหล็ก
ผูกติดไว้ด้วยหลังจากนั้นแต่ละคนต้องแบกกระสอบป่านของตัวเองเอาไว้ ตอนยังมีชีวิตอยู่ก่อบาปสร้างกรรมไว้ขนาด
ใหนพูดเอาไว้มากน้อยเท่าไหร่ และมีความผิดพลาดอยู่สักกี่มากน้อย ก็จะบรรจุเอาไว้ในกระสอบป่านใบนั้นทั้งสิ้น
ตัวเองจึงต้องจบสิ้นด้วยตัวเอง

คุกตามืดบอด

        คุกตามืดบอด ผู้ที่อยุ่ในคุกนี้เป็นผุ้ที่คลางแคลงสงสัยในหลักธรรมคำภีร์ของศาสนาทั้งห้า ยโสโอหัง มองข้าม
ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด คลางแคลงสงสัยในพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิพากษ์วิจารณ์พระธรรมคัมภีร์ วิพากษ์วิจารณ์
คุณธรรมบารมีของนักธรรมอาวุโส วิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมคำพูดของนักธรรมอาวุโส คนอย่างนี้จึงเย่อหยิ่งยโส
วางท่าเขื่องใหญ่โตอวดดื้อถึอดี ที่จริงแล้วตนเองไม่มีความรู้ความสามารถใด ๆ  แต่กลับสร้างแนวคิดที่แปลกใหม่
แหวกแนวออกนอกลู่นอกทาง ทีความคิดใหม่ ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรม จะเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบแปลก ๆ
แหวกแนวออกไป ทำให้ผู้อื่นลุ่มหลง ชอบอวดภูมิธรรมทฤษฏีของตนเอง คิดว่าตนเองแน่กว่าคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น
จึงดูหมิ่นถิ่นแคลนพระธรรมคัมภีร์ในศาสนาทั้งห้า สงสัยและไม่เขื่อในการดำรงอยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งกว่านั้น
คือคลางแคลงสงสัยต่อระดับจิตของอริยะปราชญ์เมธี คนประเภทนี้จึงต้องรับโทษอยู่ที่คุกตามีดบอด
        คุกนี้ใหญ่โตถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้ เมื่อผู้ที่จะต้องมารับโทษที่ได้เข้าไปข้งในแล้ว ดวงตาก็จะมองไม่เห็น
เหมือนคนตาบอดเดินอยู่บนทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ และยังมีสัตว์ที่ดุร้ายคอยขบกัด ไฟที่ร้อนแรงแผดเผา
ยังมีหน้าผา เหวลึก น้ำที่ไหลอย่างเชี่ยวกรากมีป่าดงดิบรกทึบ ทุกแห่งทุกหนมีแต่ขวากหนามแหลมคม แถมยัง
มีหนอนพิษแมลงพิษคอยกัดต่อย และมังกรพิษคอยพ่นพิษใส่ ฯลฯและอื่น ๆ ที่น่ากลัวอีกมากมาย เมื่อได้เข้ามา
อยู่ในวังวนนี้แล้ว ได้แต่ใช้มือคลำหาทาง จนกว่าบาปกรรมของตนเองจะหมดสิ้นไป ดวงตาก็จะมองเห็นได้อีก
ครั้งหนึ่ง และสามารถเดินตามแสงสว่างออกมาจากวังวนขนาดหนึ่งแสนแปดหมื่อลี้นี้ได้

คุกหว่านเพาะเมล็ด

          คุกหว่านเพาะเมล็ด  คนที่ต้องมาอยู่ในคุกนี้ เป็นผู้ได้รับธรรมะแล้วและยังกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก
มากมาย พระเยซูก็กราบไหว้ เจ้าแม่ทับทิมก็กราบไหว้ พระโพธิสัตว์กวนอิมก็กราบไหว้ พระองค์กวนอูก็
กราบไหว้ และยังกราบไหว้องค๋อื่น ๆ อีกมากมาย ลัทธินิกายอีกมากมายหลายหลาก ก็เข้าไปกราบไหว้ด้วย
เข้าไปบำเพ็ญตามด้วย เหมือนกับเหยียบเรือหลายแคม โดยไม่กลัวว่าเรือจะคว่ำแล้วต้องจมน้ำตาย แบบนี้
ก็บำเพ็ญ แบบนั้นก็บำเพ็ญ หากได้ยินใครพูดว่า ที่นั่นที่นี่ดีมีอาจารย๋เก่งก็จะรีบไปติดตามบำเพ็ญอยู่กับสำนักนั้น
อาจารย์นั้นทันที บำเพ็ญไปได้ยังไม่นานเท่าไหร่ พอหมดความอยากแล้วก็เปลี่ยนบำเพ็ญกับคนอื่น ๆ ต่อไปอีก
ถ้าเห็นใครเข้าใจและคำนวณทายทัก เรื่องเหตุต้นผลกรรมได้ ก็ไปบำเพ็ญติดตามเขา เห็นใครปฏิบัติงาน
สามโลก ก็ไปปฏิบัติกับเขาด้วย เดิน ๆ ทำ ๆ ได้อยู่สองปีก็เบื่ออีกแล้วจิตใจก็ถดถอยไม่เอาอีก
        คนเหล่านี้บำเพ็ญธรรมแต่จิตใจไม่สงบมั่นคง ไม่เข้าใจหลักธรรมอันที่เป็นจริง ไม่บำเพ็ญปฏิบัติ
ด้วยความตั้งอกตั้งใจ ไม่ศรัทธาจริงใจต่อธรรมะเท่าที่ควร ไม่ได้เคารพเทิดทูนเบื้องบนกล้วแต่ว่าบำเพ็ญ
อนุตตรธรรมอย่างเดียว แล้วจะไม่ได้กลับคืนเบื้องบน คนเหล่านี้จะถูกจับให้มายังคุกแห่งนี้
แล้วต้องนำเมล็ดพันธุ์ไปหว่านโปรยต้องไปคราดไถพรวนดินเอาเอง ต้องไปรดน้ำ้เอาเอง
จนกว่าเมล็ดเหล่านั้นจะแตกหน่อ และเติบโตขึ้นจนกระทั่งออกดอกและตกผลในที่สุด
แต่ที่ทำอย่างนี้นั้นมันลำบากมาก เพราะเมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่านโปรยไปนั้นไม่แน่นอนเสมอไปว่าจะเติบโตงอกงามได้
ก็จะต้องหว่านโปรยเมล็ดพันธุ์กันอยู่นั้นต้องไถกลบกันอยู่อย่างนี้ จนกระทั้งบาปกรรมมลายไปได้



ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
   พระโอวาทท่านผู้เฒ่าคุณฟ้า ( 3 )

หนึ่งใจนี้    ก่อเกิดซึ่ง    หนึ่งวิถี

วิถีมี         ก็ก่อเกิด      ทิฐิมั่น

เมื่อใจสูญ  วิถีนั้น          ย่อมสูญพลัน

ทิฐิมั่น       ย่อมสูญตาม  วิถีไป

    วันนี้ฉันจะได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับคุกสวรรค์อีกครั้งหนึ่งทำไมถึงต้องเปิดเผยความลับของคุกสวรรค์ด้วยหล่ะ ?
นั่นเป็นเพราะผู้บำเพ็ญมากมายในปุจจุบัน ถึงแม้ว่าจะบำเพ็ญกันมานานแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งในหลักธรรม
หรือยังไม่่เข้าใจชัดเจนต่อหนทางการบำเพ็ญมีทัศนคติความคิดที่ไม่ถุกต้องเที่ยงตรงอีกมากมายแล้จะกลับคืนสู่
เบื้องบนได้อย่างไร ? ผู้บำเพ็ญบางคนรู้แต่กินเจ รู้แต่บรรยายหลักธรรม รู้แต่ฉุดช่วยผู้คนแต่ทำไปอย่างโง่ ๆ เซ่อ ๆ
ฉุดช่วยกันไปถึงใหนกันหล่ะ ? หรือจะนำพาไปยังที่ใหนกัน ? เข้าใจเรื่องเหล่านี้กันหรือเปล่า ?ฉันเองจะค่อย ๆ
สาธยายให้ฟัง คุกสวรรค์ชั้นที่สามมีชื่อว่า ""ยอดวายุสีทอง""พวกเจ้าตั้งใจฟังกันให้ดี ๆ

ถ้ำมังกรร้าย

        เมื่อเห็นชื่อก็นึกไปถึงว่าเป็นสถานที่กักขังมังกรร้าย ทำไมจึงเรียกว่ามังกรร้าย ?แท้จริงแล้วมันไม่ใช่มังกร
การลงโทษที่คุกสวรรค์คือหนึ่งคนหนึ่งถ้ำพอดี ๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก หนึ่งคนหนึ่งถ้ำนั่งอยู่ในนั้นเพื่อรับการลงโทษ
เคี่ยวกรำ ทำไมจึงต้องมานั่งเคี่ยวอยู่ในถ้ำนั้นหล่ะ่ ? เป็นเพราะเขามีบุญกุศล แต่ขณะเดียวกันก็มีผิดบาปด้วย เคย
ได้ยินกันมาบ้างหรือไม่ ? พวกเจ้าทำอะไรไป ไม่เพียงมีบุญกุศล แต่ก็มีผิดบาปติดตัวมาด้วย ?เป็นไปได้หรือไม่ว่า
คนดีสักคนหนึ่งในชาตินี้ชีวิตนี้ไม่เคยกระทำผิดบาปเลย?  แน่นอนว่าจะต้องมีผิดบาปกันบ้างไม่มากก็น้อยถูกต้อง
หรือไม่? ผู้บำเพ็ญที่ทุ่มเทใจในการบำเพ็ญ แต่ว่าเมื่อกลับคืนเบื้องบนไปแล้วจึงจะรู้อย่างชัดเจน
       "ถ้ำมังกรร้าย" นี้กักขังผู้บำเพ็ญอย่างที่จะกล่าวให้ฟังนี้เช่น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะเป็นนักธรรมอาวุโส
หรือเป็นเตี่ยนฉวนซือหรือเจี่ยงซือ เป็นเพราะต้องการจะพูดแต่ประวัติการบำเพ็ญของตนเอง หรือไม่ก็เพื่อความ
คิดเห็นของตนเองจึงเอาไปเปรียบเทียบถกเถียงแย่งชิงกับความคิดของผู้อื่น คิดว่าความคิดของตนเองถุกต้องและ
คิดว่าความคิดของตนเองจึงเป็นหลักสัจธรรมด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดเวทีประลองฝีมือขึ้น"ก่อให้เิกิดประลองฝีมือ"
มีความหมายอย่างไรรู้หรือไม่ ? นั่นเรียกว่าต่อสู้กันด้วยฝีปากกับปากกาอย่างไรหล่ะใช่หรือไม่ใช่ ?
       ในปัจจุบันมีอาณาจักรธรรมบางแห่ง ใช่หรือไม่ว่าได้ออกหนังสือมามากมาย? มีทั้งที่วิเคราะห์ความและ
ทั้งที่มีทัศนะแต่ละอย่างแต่ที่ว่าหนังสือแต่ละเล่มนั้น ได้วิเคราะห์หยิบยกประเด็นกันถูกต้องกันหรือเปล่า ?คำพูด
ความหมายในนั้นเป็นจริงหรือเปล่า ? พวกเจ้ายังไม่จำเป็นต้องแยกแยะ หากเป็นด้วยเหตุนี้แล้วก่อให้เกิดเวทีประลอง
ฝีมือนำพานักธรรมผู้น้อยผิดพลาดคลาดเคลื่อน คนที่เป็นอย่างนี้ เมื่อกลับคืนเบื้องบนแล้วย่อมได้รับการกักขังเคี่ยวกรำ
ในถ้ำมังกรร้ายแน่ ๆ
        นั่นคือ ขณะที่แต่ละคนกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญขัดเกลาอยู่ด้วยว่าความผิดพลาดบกพร่องของเขา ความผิดบาป
นั่นแหละจะชักนำให้เขาคิดเพ้อฝันไป เป็นเพราะนั่นคือ ความยึดมั่นถือมั่นของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดเพ้ิอฝันไปเป็น
มังกรพิษ--มังกรร้าย มังกรที่ดีเหล่านี้จะมาโจมตีเขา หลังจากนั้นเป็นเพราะความเกี่ยวข้องจากการที่จิตใจของเขา
สั่นไหวทำให้วิญญาณของเขากลายเป็นมังกรตัวหนึ่ง ซึ่งจะต่อสู้ขบกัดและโจมตีเข้าใส่กันและกัน แท้จริงแล้วเมื่อเขา
กัดฝ่ายตรงข้ามหนึ่งครั้ง ก็เท่ากับกัดตนเองหนึ่งครั้งนั่นแหละ เพราะว่ามังกรฝ่ายตรงข้ามก็คือ รูปเงาของตนเองนั่นเอง
ฟังอน่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?นั่นคือเงาภาพมายาที่เกิดจากใจ เมื่อกัดอย่างรุนแรงบาดแผลของตนก็จะหนักหนาสาหัส
แท้จริงแล้วที่อยากให้ผู้อื่นตายก่อน ที่สุดนั้นกลับเป็นตนเองนั่นแหละที่จะตายก่อน ฟังอย่างนี้เข้าใจหรือไม่ ?

        แล้วจะลบล้างมลายผิดบาปของเขาได้อย่างไร ?

       เป็นเพราะว่าบาปกรรมหรือความผิดพลาดนั้นสะสมมีขึ้น แบ่งเป็น ลึกซึ้ง กับ ตื้นเขิน  ความผิดพลาดมีใหญ่
มีเล็ก มีมาก มีน้อย ดังนั้นคนทุกคนหากว่าได้ละกายสังขารไปแล้ว แต่จิตวิญาณยังไม่สามารถสงบผ่องแผ้วได้
หากความผิดพลาดของเขามีอยู่เยอะมาก เมื่อเขากำลังนั่งสมาธิรับการเคี่ยวกรำอยุ๋อย่างนั้น จำนวนครั้งที่มายาภาพ
จะกลายเป็นมังกรพิษ --- มังกรร้าย ก็จะยิ่งมีมาก และก็ได้รับผลกระทบจากความนึกคิดของเขาเอง จำนวนครั้งก็
จะถูกกำหนดเป็นไปตามนี้

          แล้วจะำทำอย่างไรจึงจะออกจากถ้ำนี้ได้ ?

          ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะกำจัดละทิ้งความยิดมั่นถือมั่น หรือความคิดฟุ้งซ่านสับสนเหล่านี้ให้หมดไป ไม่มีการ
โจมตีต่อสู้กันอีก ไม่เกิดความคิดในทางชั่วทางต่ำอีกจึงจะหยุด และออกจากถ้ำนี้ไปได้ ได้หลีกไกลไปจากคุกสวรรค์
และได้รับการประทานมรรคผลในที่สุด เข้าใจหรือไม่ ?
         
           เมื่อสักครู่ที่พูดถึง""ก่อเกิดเวทีประลองฝีมือ"" นั้นจริง ๆ แล้วพวกเจ้ายังไม่เข้าใจ คนในสมัยก่อนเรียน
วิทธยายุทธ มีการประลองกันบนเวที ที่จริงแล้วทำไมอนุตตรธรรมจึงต้องมีสิบแปดสายธรรมด้วย ? นั่นเป็นเพราะ
ในระยะแรกเริ่ม พระพุทธบรรพจารย์เทียนหยานรู้ว่า จีนแผ่นดินใหญ่จะตกอยู่ในกำมือของคอมมิวนิสต์ เมื่อพระ
อาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง รู้ถึงชะตากรรมเช่นนี้ กำหนดของฟ้าจึงได้จัดวางให้มีสิบแปดสายธรรมปฏิบัติ
กันขึ้นมา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระบรรพจารย์เทียนหยาน ผู้เป็น ""พระบรรพจารย์สมัยที่ ๑๘""นั่นเองนั่นคือสิ่งแทน
ให้ระลึกถึง ที่จริงแล้วทั้งสิบแปดสายธรรมนั่นก็เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงมีเจตนาเป็นหนึ่ง้ดียวกัน แต่ก็มีคนจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าจะเป็นนักธรรมอาวุโสในวงการธรรม แต่เป็นเพราะคนเรายังตกอยู่ในอิทธพลของธาตุทั้งห้า จึงไม่รู้ถึเจตนา
ของเบื้องบน  คนที่ตกอยู่ในอิทธิพลของธาตุทั้งห้า  ใช่หรือไม่ว่ายังคงถุกธาตุทั้งห้าพันธนาการอยู่ ? ใช่หรือไม่ว่า
ปัญญายังไม่ถึงระดับชั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ? หากว่าธาตุทั้งห้านั้นข่มเหงกัน มีสั้นมียาวใช่หรือไม่ว่าย่อมก่อให้เิกิด
ความยึดมั่นถือมั่นและความคิดสับสนฟุ้งซ่าน ?และก็ด้วยเหตุนี้ตนเองจึงผิดพลาดเอนเอียงในหลักธรรม เมื่อไม่อาจ
ผ่านการทดสอบจากฟ้าและคนได้ ก็ยึดมั่นยึดติดอยู่ว่าตนเองดีที่สุด จึงเกิดการประลองฝีมือกัน คิดเอาเองว่า
พระโองการณ์สวรรค์ที่อยู่กับตนเองนั้นจึงจะเป็นของจริง
         ที่จริงแล้วพระโองการณ์สวรรค์จะจริงหรือไม่จริงนั้น ยังคงต้องดูที่เบื้องบน ไม่ใช่ใช้ฝีปากมาถกเถียงแก่งแย่งกัน
ใช่หรือไม่ใ่ช่ ? หากว่าพระโองการณ์สวรรค์ที่มีรูปลักษณ์เป็นของจริง แล้วถ่ายทอดไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว(มิจฉา)
ธรรมะนี้ย่อมถูกทำลายย่อยยับเป็นแน่ เพราะเหตุใดหรือ ?เพราะว่าเขาผู้นั้นย่อมทำเรื่องเลวทรามต่ำช้า ปฏิบัติต่อ
หลักธรรมความดีงาม ถึงแม้จะมีพระโองการณ์สวรรค์จริงคลุมครอบอยู่บนตัวเขาผู้นั้น แต่ว่าสิ่งที่เขาผู้นั้นได้กระทำ
มันผิดต่อหลักธรรมของฟ้า ผิดต่อพระโองการณ์สวรรค์ ผิดต่อที่เบื้องบนได้มอบหมายให้ ผิดต่อเจตนาของฟ้า และ
ผิดต่อปณิธานความตั้งใจของตน เขาเหล่านี้ถึงจะบอกว่าพระโองการณ์สวรรค์จริง ก็ย่อมกลายเป็นพระโองการณ์
สวรรค์ปลอมก็ได้
         ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาทั้งพุทธทั้งมารต่างก็มีพระโองการณ์สวรรค์  พุทธมีพระโองการณ์สวรรค์ในการ""ฉุดช่วย
ชาวโลก""ส่วนมารก็มีพระโองการณ์สวรรค์ในการ ""ทดสอบธรรมะ"" ในวันนี้พวกเจ้าอาศัยของปลอมบำเพ็ญของจริง
นั้นคือ กายคน ""คนจริง ตัวจริง"" ก็คือพุทธะ  ส่วน""คนปลอมตัวปลอม"" ก็คือมาร  หากพวกเจ้าผู้ที่จะเลือกเอา
หรือละทิ้ง เมื่อคนจริงตัวจริงปรากฏ ก็จะสามารถกำจัดละทิ้งอุปสรรคจากมารได้ จึงวางได้ลงปลงได้ตกในคนปลอม
ตัวปลอมนี้ได้  สิบแปดสายธรรมนั้น ก็เปรียบเหมือนอนุตตรธรรมให้กำเนิดลูกสิบแปดคน พวกเจ้าลองคิดดูว่าเป็นพี่
น้องกันจะทะเลาะวิวาทกันได้หรือ ? หากว่าเจ้าทะเลาะเบาะแว้งกับพี่น้องแท้ ๆ ของเจ้า พ่อแม่จะเสียใจเจ็บปวดใจ
หรือไม่ ? ใช่หรือไม่ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ? วันนี้เจ้าลองพิจารณาดู ที่ไต้หวัน ที่จีนแผ่นดินใหญ่ และมองดูทั่วโลก
เจ้าพูดว่าพวกที่มีผิวสีเหลืองคือ คนจีน เมื่อพูดขยายความอีกหรือว่ามีเพียงคนไต้หวันถึงจะเป็นคนจีนใช่หรือไม่ ?
แล้วคนจีนที่อยู่ในรัฐอเมริกา พวกเขาเป็นคนสหรัฐอเมริกาหรือว่าเป็นคนจีนกันล่ะ ? ถูกต้อง!! เป็นเพราะเลือดที่
ไหลเวียน อยู่ในตัวพวกเขา ก็เป็นสายเลือดของลูกหลาน ที่สืบทอดมาจากบรรพกษัตริย์เหลืองหวงตี้ อย่างนี้เข้าใจ
หรือไม่เข้าใจ ? และก็พูดได้ว่า ทั้งสิบแปดสายธรรมนั้นล้วนแต่ร่วมสายเลือดเดียวกัน ใช่หรือไม่ว่าล้วนแต่เป็น
สายเลือดของพระอาจารย์ชายและพระอาจารย์หญิง ? ใช่หรือไม่ว่าล้วนแต่เป็นผู้สืบทอดสืบสาย
พระโองการณ์สวรรค์ ของเบื้องบน ?
ดังนั้นจึงไม่ควรเปรียบเทียบว่าใครใหญ่กว่ากัน ไม่ควรแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่ควรเปรียบเทียบแข่งขันกัน

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”