collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: พระวจนท่านผู้เฒ่าหวังเฟิ่งอี๋  (อ่าน 29682 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
       อารมณ์ระเริงสะเทือน เป็นอาการป่วยในโลกของจิตญาณ คิดคำนึงถึงความไม่ถูกต้องของใคร ๆ เป็นอาการในโลกของใจ
คำนวนการเพื่อกายตน เอารัดเอาเปรียบเพื่อตนเป็นอาการป่วยในโลกของกาย ถ้ากลับกันเสียได้ป่วยก็จะหาย
       โลกของจิตญาณหากใสจะไม่เกิดอารมณ์ (โมหะ โทสะ ) โลกของใจหากใสจะไม่เกิดความมักได้เห็นแก่ตัว  โลกของกายหากใสจะไม่มีอบาย ญาณไม่ใสจะไม่มีวาสนา กายไม่ใสจะไม่มีอายุวัฒนะ ฉะนั้นพึงทำความใสให้แก่สามโลกของตน
       ฉันได้ยินท่านว่าบรรยายกาศคลุกเคล้าที่ปกคลุมโลกในบุรพกาลเบื้องต้นแปรเป็นสามใส ในความเข้าใจของฉัน ""คน""คือตัวบรรยายกาศที่คลุกเคล้าปกคลุม ในจิตญาณหากปราศจากวิสัยโมหะ โทสะคือญาณใส ใจปราศจากมักได้เห็นแก่ตัวคือใจใส กายปราศจากอบายคือกายใส เมื่อใสได้ทั้งสามโลก (จิตญาณ ใจ กาย )จึงจะนับว่าบรรยายกาศคลุกเคล้าแปรเป็นสามใส ป่วยในสามโลกนั้นฉันรักษาให้หายได้หมด ก่อนอื่นจะต้องแยกสามโลกออกจากกัน ชำระให้ใสจัดระเบียบเสียใหม่  กายปราศจากอบายโลกของกายจะไม่ป่วย  ใจปราศจากมักได้เห็นแก่ตัวโลกของใจก็จะไม่ป่วย  จิตญาณปราศจากวิสัยโมหะโทสะโลกของจิตญาณก็จะไม่ป่วย โรคภัยของจิตใจจะต้องรักษาด้วยธรรมะ มิฉะนั้นจะไม่หาย กินยาไม่เิกิดผล เสียดายที่ใคร ๆ ไม่รู้
      จิตญาณเป็นดวงดาวสุขวาสนา  ใจเป็นดวงดาวลาภสักการะ  กายเป็นดวงดาวอายุวัฒนะ  กินมากเกินควรบั่นทอนวาสนา พูดจาทำร้ายเขาถูกตัดทอนลาภสักการะ  ตกแต่งสวมใส่เกินควรเสียหายต่ออายุวัฒนะ คนจึงพึงสำรวจตรวจตนทุกเวลาอย่าละเลย หนทางชีวิตที่สำคัญของคนก็คือโลภ แก่งแย่ง ขุดคุ้ยปั่นป่วน  โลภจะผิดต่อหลักธรรมฟ้าเป็นหนี้ฟ้าเบื้องบน  แก่งแย่งผิดต่อหลักเหตุผลเป็นหนี้ทางโลก  ขุดคุ้ยปั่วป่วนผิดทำนองคลองธรรมเป็นหนี้นรกภูมิ หากละเมิดผิดทั้งสามตัวหนี้เป็นหนี้ทั้งสามโลก สุดท้ายยังจะดีได้อย่างไร
      โลภคือผิด  แก่งแย่งคือโทษ  ปั่นป่วนขุดคุ้ยคือเวร  ชอบคับแค้นโทษโพยคือทำร้ายจิตใจตนไม่คับแค้นจะรักษาพลังรักษาชีวิตตนไว้ให้ดี ชอบย้อนเสียดายที่เสียไปทำร้ายจิตญาณตน ไม่ย้อนเสียดายรักษาจิตญาณ รักษาวาสนาไว้ได้ ชอบคับแค้นขัดเคืองเขาทำร้ายร่างกายตน ไม่ขัดเคืองโทษโพยใครรักษากายรักษาอายุวัฒนะ
      คนหากไม่คับแค้นไม่ย้อนเสียดายไม่ขัดเคืองไม่โทษโพยใคร สามโลกของตนก็จะไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ คนมีไตรรัตน์ก็คือจิตญาณ ใจ กาย จิตญาณเป็นธาตุน้ำ ใจเป็นธาตุไฟ กายเป็นธาตุดิน น้ำเป็นกายธาตุหล่อเลี้ยงชีวิตตัวตน ดินเป็นพลังธาตุดำรงอุ้มชูกายสังขาร ไฟเป็นวิญญาณธาตุที่รับรู้ของคน กายธาตุสมบูรณ์จะเพิ่มพูนปัญญา  พลังธาตุสมบูรณ์จะเพิ่มพูนการเจริญเติบโตวิญญาณธาตุสมบูรณ์จะเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ คมไวจิตใจแจ่มชัด
      ทั้งนี้อุปมาเช่นการเผาอิฐเริ่มจากปั้นก้อนดิน เผาด้วยไฟสุดท้ายรดน้ำอิฐจะแข็งแกร่งทนทาน ทุกคนเข้าหาจิตญาณ ใจ กายให้มากเท่ากับเติมฟืนไฟเผาดินดิบให้เป็นอิฐสุก เข้าถึงจิตญาณใจกายในตนจะเหนือกว่าคนรวยทรัพย์นับไม่ถ้วนทีเดียว สำรวจตนสามของฉันคือ หนึ่ง สำรวจรู้ว่าไม่มีโทสะโมหะเวลาที่ถูกเขาจัดการปฏิกิริยาของจิตญาณเป็นอย่างไร  สอง สำรวจว่าใจรู้พอเพียงไหมเอนเอียงเห็นแก่ตัวหรือไม่เวลาเสียเปรียบใจรู้สึกอย่างไร  สาม สำรวจว่าทำตัวเที่ยงตรงถูกต้องไหมทำได้จริงจังอย่างไร นี่คือสำรวจตนสามของฉัน
      สามแนะนำ( ซันกังหลิ่ง )ของฉันคือจิตญาณดำรงหลักธรรมของฟ้า  ใจดำรงหลักเหตุผล  กายเพียบพร้อมทำนองคลองธรรม  แปดข้อธรรม (ปาเถี่ยวมู่) ของฉันคือไม่โลภ ไม่แก่งแย่ง ไม่หดหู่ ไม่ย้อนเสียดาย ไม่ขัดเคือง ไม่ร้อนรน ไม่พลุ่งพล่าน ไม่โกรธ ทำได้ดังนี้ไม่สิ้นเปลืองเงิน ไม่สิ้นเปลืองแรง ไม่เพียงบรรลุธรรมยังอาจบรรลุพุทธะ
      อดทนได้จิตญาณบรรลุ  รู้พอเพียงใจบรรลุ  ขยันหมั่นเพียรกายบรรลุ อย่างนี้จะดีเชียวจบสิ้นปัญหาไม่ได้ ก็จะไม่ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                จิตวิสัยมีสามภาวะคือ จิตวิสัยฟ้า  จิตวิสัยสัญญาความจำ  จิตวิสัยเคยชิน 
      จิตวิสัยฟ้า   สูงส่งจากฟ้าบริสุทธิ์หมดจดเช่นที่  ปราชญ์เมิ่งจื่อ ว่า"จิตวิสัยดีงาม"ก็คือจิตวิสัยฟ้า 
      จิตวิสัยสัญญาความจำ  ได้จากความเป็นคน จะร้ายเช่นที่  ปราชญ์สวินจื่อ ว่า"คนมีจิตวิสัยร้ายมาแต่กำเนิด"
      จิตวิสัยเคยชิน  เรียนรู้ในภายหลัง ดีได้ ร้ายได้ ดังคำที่ว่า "ใกล้ชาดจะแดง ใกล้หมึกจะดำ" ที่ปราชญ์เก้าจื่อ ว่า"ไปซ้ายไปขวาไม่คงที่" จิตวิสัยฟ้าไม่ใสจะไม่สว่างจะให้ใสต้องละยึดหมายไม่โลภอยาก  จิตวิสัยสัญญาความจำ ไม่ชำระปรับแปรจะไม่เที่ยงตรงชำระปรับแปรด้วยการลดทิฐิ  จิตวิสัยเคยชิน ไม่ขจัดจะไม่มั่นคงต้องละอบาย คนหากใช้จิตวิสัยฟ้าจะอยู่ท่ามกลางโลกโลกีย์ได้โดยไม่แปดเปื้อน อีกทั้งสว่าง สมาน
      ภาวะใจของคนต่างกันเปลี่ยนไปทุกขณะ พี่น้องท้องเดียวกันเก้าคนนิสัยต่างกัน มันติดมากับกรรมพันธุ์เขาเรียกว่า"เชื้อไม่ทิ้งแถว" รู้ตัวว่ากรรมพันธุ์ไม่ดี เมล็ดพันธุ์ไม่ดี จะต้องปรับเปลี่ยนจากตัวเราเองทันที ให้บรรพบุรุษเก้าชั้นล่วงพ้น ให้ลูกหลานเจ็ดชั้นร่มเย็น อย่าถ่ายทอดสืบต่อเมล็ดพันธุ์ที่มีปัณหา จิตวิสัยตนเป็นไปด้วยตน ดีร้ายได้จากตนเป็นคนทำ ผู้ใช้จิตวิสัยฟ้าจะค้นหาความดีในตัวใคร ๆ  ผู้ใช้จิตวิสัยสัญญาความจำมีรากหยั่งฝังลึก จิตวิสัยเคยชินในอดีตชาติจะกลายเป็นจิตวิสัยสัญญาความจำในชาตินี้
      ปรับแปรจิตวิสัยสัญญาความจำ (ละโลภ โกรธ หลง กลัดกลุ้ม คุมแค้น...)เสียได้จิตวิสัยฟ้าจะสมบูรณ์ ปรับแปรไม่ได้จะเหมือนมีผีสิงสู่อยู่ในเรือนตน ความชั่วร้ายนั้นทำให้เจ็บป่วย ถึงตาย ฝังราก ยากจะถอนเอาชนะมันไม่ได้ก็เป็นคนดีไม่ได้พุทธพจน์ว่า"เวรกรรมตามติด อวิชชาจะก่อกวน" ยากจะบรรลุพุทธะ
       จิตวิสัยเคยชินเป็นไปตามสรรพสิ่งแวดล้อม  จิตวิสัยสัญญาความจำ มีกิเลสอยู่ในท่ามกลางหมู่ชน หากเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ มาสู่สถานบำเพ็ญสร้างกุศลประโยชน์ให้มาก ปรับพฤติกรรม ปรับกายให้พ้นไปได้ ใจจะพ้นตาม จิตวิสัยสัญญาความจำจะสลายตัวไม่เช่นนั้น จะพ้นจากสามโลกได้อย่างไร  ขจัดจิตวิสัยเคยชิน สลายจิตวิสัยสัญญา กลับคืนจิตวิสัยฟ้าสมบูรณ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     คนมีชีวิตสามภาวะคือชีวิตจากฟ้า (สูงส่ง) ชีวิจภาวะอดีตกรรม (นำหนุน) ชีวิตภาวะอิน (มืดมัว) จิตวิสัยจากฟ้าสมานกับชีวิตจากฟ้าอันสูงส่งเรียกว่า""เทียนมิ่ง""คือชีวิตที่ใสสว่างจากพระโองการฟ้า ใจกับแรงอดีตกรรมนำหนุนสมานกับความรู้ความสามารถทรัพย์สินสิ่งเสริมส่งในชาตินี้เรียกว่า""ชีวิตภาวะอดีตกรรม(ซู่มิ่ง)กายสมานกับญาณวิสัยอดีตกรรมมืดมัว มีกิเลส โลภ โกรธ หลงเรียกว่าชีวิตภาวะอิน(อินมิ่ง) ศึกษาเข้าใจในสามชีวิต ใคร่ทำชีวิตให้ดีก็จะทำได้ชีวิตจะดีอยู่ที่ตนกระทำ ไม่ต้องหาหมอดู
     ปานชญ์เมิ่งจื่อว่าบำเพ็ญสถานภาพฟ้า สถานภาพทางโลกจะศุงส่งดีงามตามไป แต่คนพอได้รับสถานภาพทางโลกก็จะละเลยสถานภาพทางฟ้า บำเพ็ญชีวิตภาวะจากฟ้าก็คือสูงส่งด้วยจิตวิสัยคุณธรรม ร่ำเรียนศิลปะวิชาสร้างฐานะ สะสมทรัพย์สินล้วนเป็นการเพิ่มพูนชีวิตภาวะอดีตกรรมที่นำหนุนมา
     โลภอยากแย่งชิงทำความมืดมัวให้ชีวิตภาวะอินยิ่งขึ้นรู้จักใช้ส่วนดีของชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนเสริมสร้างความดีชีวิตภาวะอินก็จะสว่างขึ้น หากบำเพ็ญชีวิตภาวะจากฟ้าก็จะปรับแปรชีวิตภาวะอดีตกรรมและชีวิตภาวะอินได้ทั้งหมด เมื่อไม่รู้ชีวิตภาวะจากฟ้าจะเข้าถึงภาวะการบรรลุธรรมได้อย่างไร
     อริยพจน์ว่า"ไม่รู้ชีวิตมิอาจเป็นกัลยาณชน ไม่รู้คนไม่อาจถึฟากฝั่ง รู้คนคือรู้ชีวิตภาวะจากฟ้า รู้คุณของความเป็นคนคือรู้ชิวิตภาวะอดีตกรรม รู้ชีวิตภาวะอดีตกรรมจะรู้ชีวิตภาวะอิน รู้ชีวิตกำหนดชีวิตจึงจะเป็นกัลยาณชน""
     คะนองกับชีวิตภาวะอดีตกรรมที่นำหนุนตามอารมณ์ ชีวิตภาวะจากฟ้าจะถูกบั่นทอนตกต่ำมืดมัวลง ชอบโกรธเคืองจะบั่นทอนชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนชอบเอาเปรียบใคร ๆ ชีวิตภาวะอินจะยิ่งตกต่ำมืดมัว หากชีวิตภาวะจากฟ้าด้อยไปให้เพิ่มพูนด้วยคุณธรรม ชีวิตภาวะจากอดีตกรรมด้อยไปให้เพิ่มพูนด้วยบุญกุศล ชีวิตภาวะอินหนักหนาจะต้องเข้าหาคุณความดี ชีวิตด้อยให้เพิ่มพูน ชีวิตดีให้อุ้มชู สิทธิดีในที่มือตน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/08/2010, 19:02 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     มีคนมาพบฉันเมื่อถามเขาว่าทำอะไรเท่านั้น ฉันก็จะรู้ชีวิตภาวะจากฟ้าของเขาว่าระดับไหน เมื่อถามถึงฐานะสภาพการณ์ทางบ้านก็จะรู้ภาวะอดีตกรรมนำหนุนของเขาว่ามีเท่าไรเมื่อสัมผัสรู้ชีวิตภาวะอดีตกรรมของเขาแล้ว ก็จะรู้ไปถึงชีวิตภาวะอินของเขาด้วย
    สามชีวิตภาวะคือสามโลกของคน รุ้สามโลกปรุโปร่งได้ยังจะมีอะไรหรือที่ไม่รู้ได้ คนที่เป็นครูจะต้องพิจารณา ชีวิตภาวะจากฟ้าชีวิตภาวะอดีตกรรม ชีวิตภาวะอินของลูกศิษย์ให้ละเอียดสอนให้เขาดูแลชีวิตได้ จึงจะถึงที่สุดในความเป็นครู พ่อแม่ได้แต่เลี้ยงดูตัวลูก แต่ครูกับสอนศิษย์ดูแลจิตวิสัย ใจ กาย (สามโลก)ของตนเองได้ ครูจึงสำคัญเหนือพ่อแม่ในข้อนี้
     ฉันเองใช้ชีวิตภาวะจากฟ้า ขับไล่ชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุน (ละจากลาภสักการะ)กับชีวิตภาวะอินออกไปจึงได้ดี แต่คนสมัยนี้ถ้าไม่ใช่ใช้ชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนก็ใช้ชีวิตภาวะอิน อย่างนี้ัยังจะอยากให้ชิีวิตดี ช่างไม่รู้ชะตาตนเองเสียเลย
     คนล้วนไม่มีหัวใจเพื่อผู้อื่น รู้แต่เพื่อตัวเองจึงแย่ ที่ฉันได้ชื่อว่า""นักบุญ"" เพราะฉันอัปเปหิตนเองออกไป เค้นคอชีวิตภาวะอดีตกรรม (ลาภยศสรรเสริญ )ให้ตาย ถ้ามันยังอยู่ มันจะไม่จบไม่สิ้น ถ้าอยู่เพื่อมันยังจะมีหัวติดบ่าอยู่หรือ
     ผู้ใช้ชีวิตภาวะจากฟ้าจะดี ใช้ชีวิตภาวะอดีตกรรมจะเสียหาย (ลืมตัว) ใช้ชีวิตภาวะอินจะถูกทำลาย ลูกชายฉันเรียนอยู่ที่เฟิ่งเทียน เสิ่นหยังสอบได้ที่สาม ฉันจึงไปอรรถาธรรมที่เก้ามณฑลแถบอิสาน ลูกชายเรียนดีมีชื่อเสียงเป็นชีวิตอดีตกรรมนำหนุน ฉันจึงต้องใช้ชีวิตภาวะจากฟ้าไปดอบล้อมชีวิตภาวะอดีตกรรมของลูกไว้ (ไม่ให้ระเริงลืมตัว)จะใช้ชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนใหญ่กว่าชีิวิตภาวะจากฟ้าไม่ได้ เอาชีวิตจากภาวะอดีตกรรมทำกุศลประโยชน์ เพิ่มความพูนพร้อมของชีวิตภาวะจากฟ้าได้
     แต่หากเอาชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนเสพสุขเพือตนชีวิตอินจะยิ่งมืดมัว ผู้ที่ชีวิตภาวะจากฟ้าใหญ่ ชีวิตภาวะอดีตกรรมนำหนุนก็ไม่เล็ก เมื่อชีวิตภาวะอดีตกรรมใหญ่ ชีวิตอินอับเฉาจะเล็กไปไม่ได้ จึงต้องหยุดยั้งชีวิตภาวะอดีตกรรม ไม่ระเริงหลงจบสิ้นชีวิตภาวะอิน เพิ่มพูนชีวิตภาวะจากฟ้า
     ผู้ที่ชีวิตภาวะจากฟ้าใหญ่ทำให้คนปลาบปลื้มเคารพ ผู้ที่ชีวิตภาวะอดีตกรรมใหญ่ทำให้คนนบนอบเยินยอ ส่วนคนที่ชีวิตภาวะอินใหญ่ จะทำให้คนหวั่นกลัว ชีวิตภาวะจากฟ้าใหญ่สมานกับคน ชีวิตภาวะอดีตกรรมใหญ่กดขี่คน ชีวิตภาวะอินใหญ่จะคุกคามคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23/08/2010, 19:48 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
     ทุกศาสดาก่อเกิดศาสนา แม้เชื้อชาติประเพณีจะต่างกันแต่จุดประสงค์ก็เพื่อดำเนินธรรมแทนฟ้า ฉุดช่วยคนให้แปรบาปเป็นบุญล้วนเป็นการชุบชูชีวิตเวไนย์ฯ ชีวิตจิตญาณเป็นต้นรากของคน ฉันได้ความเป็นต้นรากของคนก็นับว่าได้ต้นรากของธรรมะด้วย ต้นรากธรรมะเป็นญาณชีวิตของคน ต้นรากของคนคือชีวิตของคน หากต้นรากจิตญาณดี ต้นรากชีวิตก็จะดี
    จะเห็นได้ว่าคนที่ชีวิตไม่ดีล้วนถูกจิตวิสัยไม่ดีถ่วงเอา เมื่อฉันสอนให้เขาปรับจิตวิสัย ปรับได้ก็นับได้ว่าได้ธรรมะ จิตญาณเป็นต้นรากของชีวิต ผู้มีคุณธรรมจิตญาณย่อมสมบูรณ์ จิตญาณสมบูรณ์ชีวิตย่อมสมบูรณ์ ชีวิตคนล้วนดี เพราะจิตวิสัยไม่ดีทำให้ชีวิตเสียหาย ธรรมะเป็นเช่นช่างไม้ใช้เต้าเชือกตีเส้นตรง ใครจะร้ายจะดีตีเส้นตรงกึ่งกลางให้เขาก่อน จากนั้นตัดทอนส่วนไม่ดี เก็บส่วนดีของเขาไว้ ไม่ว่ากันก็จะเป็นธรรมะ
    ธรรมะคือชีวิต คุณธรรมคือจิตญาณ จิตญาณคุณธรรมคุ้มชีวิต ชีวิตมีอับมีเฟื่อง ต้องรักษาชีวิตไว้ให้ดี ในชมรมคุณธรรมฉันพิจารณาเห็นว่าใครที่ใช้จิตวิสัยฟ้าเป็นหลัก ไม่ใช้จิตวิสัยสัญญาความจำความเคยชินเป็นที่ตั้ง ชีวิตดีขึ้นทั้งนั้น
   คนที่ใช้จิตวิสัยฟ้าเป็นหลัก ใช้จิตวิสัยสัญญาความจำความเคยชินเป็นที่ตั้งชีวิตของเขาแย่ลง ชีวิตใหญ่สูงส่งกลายเป็นเล็กลงตกต่ำก็จะถึงกาลดับสูญ น่ากลัวแท้ จิตญาณเป็นต้นราก ชีวิตเป็นผล หยั่งรากจึงจะตกผล
   คนหากจิตญาณไม่สงบก็คือไม่ได้หยั่งราก หากไม่ยอมรับชีวิตก็ยากที่จะตกผลเหมือนดอกไม้บานผ่านตา ผู้ศึกษาธรรม หนึ่งจะต้องปรับแปรจิตวิสัย (อารมณ์ นึกคิด นิสัย ) สองจะต้องยอมรับชีวิต ปรับแปรจิตวิสัยได้ก็จะไม่โกรธ ไม่โกรธจึงจะยอมรับยอมเสียเปรียบ แท้จริงเสียเปรียบคือได้เปรียบ ยอมรับชีวิตก็จะไม่ขัดเคืองโทษโพยใครจึงจะอดทนต่อความลำบากได้ จึงจะรับสุขวาสนาได้ เสียดายชาวโลกต่างไม่รู้ดูเบาชีวิตจิตญาณตน เห็นความสำคัญของลาภสักการะเสียนี่
    จิตวิสัยกับชีวิตของคนเชื่อมโยงกัน จิตวิสัยสุขุมคงที่ชีวิตจึงจะสุขุมคงที่ ผู้เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ จิตวิสัยจะต้องสุขุมคงที่อยู่ในความเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกในตน ชีวิตอย่างไรก็สุขุมคงที่ในจิตวิสัยของชีวิตนั้น ถ้าชีวิตดีแต่จิตวิสัยไม่ดีเรียกว่าจิตวิสัยไม่ครองชีวิตไม่สุขุมคงที่ชีวิตก็เสียหาย จะเห็นได้ว่าคน ถ้าใช้จิตวิสัยสัญญาความจำก็ควรจะต้องถามตนเองเสียก่อนทันทีว่า"ชีวิตของฉันมันไฉน" จิตวิสัยก็ไม่กล้าสั่งการตามอำเภอใจ เช่นนี้เรียกว่าจิตญาณที่รู้แท้ครองชีวิต คนที่จิตญาณรู้แท้ครองชีวิตนิสัยสันดานความเคยชินที่ไม่ดี จะปรับแปรได้แน่อน ชีวิตจากฟ้าธาตุแท้ธรรมญาณจะสมบูรณ์เป็นผู้ได้รับความสำเร็จในชีวิตแน่แท้
     ชีวิตดีเปรียบเช่นตะเกียง คุณธรรมเปรียบเช่นครอบตะเกียง ตะเกียงจะต้องมีแก้วครอบจึงจะส่องประกายฉายแสงสว่าง คนบำเพ็ญชีวิตจะต้องกล่อมเกลาจิตวิสัย จิตญาณ จึงจะคมไวศักดิ์สิทธิ์เหมือนตะเกียงที่มีแก้วครอบ ธรรมะเปรียบเช่นไส้ตะเกียงคุณธรรมเป็นครอบแก้ว คุณธรรมไม่สมบูรณ์จะต้านลมร้ายภายนอกไม่อยู่ ไม่มีธรรมะ(ไส้ตะเกียง)จะไม่อาจส่องแสงสว่างจึงกล่าวว่า""มีธรรมะแต่ขาดคุณธรรม จะเป็นมารท่ามกลางชาวธรรม มีคุณธรรมแต่ขาดธรรมะจะเป็นวัดร้างว่างเปล่า""
      คนโบราณกล่าวไว้ว่า บำเพ็ญชีวิตไม่บำเพ็ญจิตวิสัยเป็นอาการของผู้ป่วย บำเพ็ญจิตวิสัยไม่บำเพ็ญชีวิตแสงญาณน้อยนิดไร้ประโยชน์ นี่แสดงให้เห็นความสำคัญของการบำเพ็ญชีวิตกับจิตวิสัยร่วมกันไป

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
       ชาวโลกต่างปรารถนาจะเสพสุข แต่เหตุใดผู้เสพสุขจึงมีน้อย ผู้รับทุกข์จึงมีมากเพราะคนไม่รู้เพียงพอไม่ยอมรับชีวิต คนหากกระจ่างทางธรรม เมื่อมีสุขวาสนามาจะรับเป็น ไม่มีสุขวาสนามา ก็รู้ที่จะไปใส่ใจพิจารณา ชีวิตเป็นสถานภาพของคนรักษาสถานภาพความเป็นคนอย่างถูกต้องไว้ได้ ก็คือรักษาชีวิตจากฟ้าไว้ได้ เมื่อความเป็นชีวิตจากฟ้าใหญ่เต็ม ชื่อเสียงย่อมใหญ่กว้างตามไป ทำหน้าที่ของคนกี่คนได้ ก็จะต้องทำความเป็นธรรมะของคนกี่คนนั้นให้ได้ด้วย หากไม่เต็มที่ต่อหน้าที่ ไม่เต็มที่ต่อการลงแรง ชอบฉาบฉวยฟุ้งเฟ้อ หลอกงาน เอาแต่ชื่อ จะกำหนดชีวิตได้ไม่มั่นคง
        ผู้หญิง หากชื่นชมอิจฉาเขาน้อยเนื้อต่ำใจในตน แค้นใจไม่มีอิสระอย่างผู้ชาย หากไม่น้อยใจขัดเคืองกดดันก็จะเสียใจคับแค้นนั่นคือ ไม่รักตนอยู่ในสถานภาพอันควร น้อยเนื้อต่ำใจในตนเรียกว่า รังแกตน ไม่รู้จักเพียงพอ (พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ เป็นอยู่ )คนประเภทนี้ทุกข์แน่นอน ผู้รู้จักเพียงพอชีวิตจากฟ้าย่อมยืนยาว ทำนองคลองธรรมสมบูรณ์แบบ หลักเหตุผลเจริญการ เมื่อหลักเหตุผลเจริญการ หลักสัจธรรมฟ้าเต็มการ สมบูรณ์พร้อมแล้วก้จะไม่ต้องเหนื่อยเปล่าอีก
        หากขณะทำสิ่งนี้คิดถึงสิ่งโน้น เรียกว่าพลังรั่วไหลเหมือนลูกโปร่งลมรั่ว ลูกโปร่งแฟบ เหมือนนึ่งซาละเปา ไอร้อนรั่วไหลแป้งซาละเปาจะดิบไม่ฟองฟู ฉะนั้น กัลยาณชนทำการใดไม่ติว่างานเล็ก ๆ มีกำลังสิบส่วนใช้ไปเจ็ดส่วน จะเบาสบายได้ความสุขเหมือนเซียน แต่พอเกิดความโลภ ก็ตกทะเลทุกข์ จะร่ำรวยสูงศักดิ์แค่ใหนก็หาความรื่นรมย์ไม่ได้
        ฟ้ากำหนดให้ผู้มีหน้าที่หุงหาอาหาร เรียกว่า "พ่อครัว แม่ครัว "หน้าที่วิชาการเรียกว่า"ครู อาจารย์ " แต่คนมักจะทำหน้าที่ไม่ตรงต่อฟ้ากำหนดให้ เท่ากับทิ้งชีวิตจากฟ้า ก็คือไม่รู้ชีวิต ดำเนินธรรมไม่ให้พ้นหากจากสถานภาพของตน พ้นหากไปไม่เพียงเหนื่อยเปล่าไม่ได้คุณแต่กลับให้โทษ อย่างนี้เรียกว่าสถานภาพตน นั่นคือสิ่งที่ตนพึงทำและทำด้วยความสัตย์ซื่อ เช่นนี้ก็บรรลุธรรมได้ คนจะต้องดำเนินธรรมตามสถานภาพตนด้วยความสัตย์ซื่อ
        พูดจาตามสถานภาพตน ความคิดไม่ออกห่างจากสถานภาพตน จึงจะเหมาะสมเป็นจริง เป็นหญิงหากชื่นชมอิจฉาผู้ ชายเป็นคนยากจนคิดใคร่ได้สูงส่งร่ำรวยทำอยู่ตรงนี้คิดไปถึงตรงโน้นออกหากสถานภาพตน จะบรรลุธรรมได้อย่างไร สาลี่ออกผลอยู่บนต้นสาลี่ ไม่ได้ออกอยู่ที่ต้นพลับ ถ้าหากชื่นชมอิจฉา ต่อตาต่อกิ่งกันได้ นักศึกษาจะเจริญรอยตามปราชญ์ก่อนเก่าเล่าเรียนทำตามท่าน ก็จะเท่ากับต่อตาต่อกิ่งกับปราชญ์ก่อนเก่า
        มะเขือตกผลบนต้นมะเขือ แตงตกผลบนร้านแตง แต่จะย้ายมะเขือไปอยู่บนร้านแตงได้อย่างไร คนจึงต้องดำเนินตรงต่อสถานภาพตน จึงจะสำเร็จจริง ผู้ว่าการมณฑล มีประชาชนในมณฑลเป็นชีวิตของตน นายอำเภอ มีราษฏรในอำเภอเป็นชีวิตของตน ครู อาจารย์ มีลูกศิษย์เป็นชีวิตของตน ฝ่ายปศุสัตว์ก็มีสัตว์คอกที่ต้องบำรุงเลี้ยงดูแลเป็นชีวิจของตน แต่หากมีปัณหา ลำบากงานมากเกิดความขัดเคือง ขึ้งโกรธ โทษโพย หรือใช้อำนาจหน้าที่กดขี่รังแก อย่างนี้เท่ากับไม่เอาชีวิตของตนเสียแล้ว ไม่มีหมู ไม่มีสัตว์คอก ใครจะจ้างงานปศุสัตว์ ไม่มีลูกศิษย์ ใครเขาจะเชิญครูไปสอนอะไร ไม่มีราษฏรประชาชนผู้ปกครองดูแลบ้านเมืองก็ไม่ต้องมีจึงเห็นได้ว่ารักษางานในสถานภาพของตน เป็นหน้าที่ของคนที่เทิดทูนชีวิตจากฟ้าของตน
        คนมีทั้งจิตญาณครองชีวิตและชีวิตครองจิตญาณ ชีวิตคือชื่อเสียง (รักษาชื่อเสียงเท่าชีวิต ) ไม่เอาแต่ใจตนรับผิดชอบสัตย์ซื่ออยู่ในสถานภาพเสมอต้นเสมอปลาย เรียกว่า"จิตญาณครองชีวิต" ไม่คำนึงถึงชื่อเสียงสถานภาพทำตามอำเภอใจ อารมณ์แปรปรวน ไม่มั่นคงยั่งยืน เรียกว่า"ชีวิตครองจิตญาณ" (กายเป็นนาย ใจเป็นบ่าว)
        อริยกษัตริย์ซุ่น ในช่วงแรกของชีวิต ถูกแม่เลี้ยงใจร้ายให้โทษจะปลิดชีวิต จิตญาณท่านมิได้แปรไปจากกตัญญู เช่นนี้คือ"จิตญาณครองชีวิต" ในใจดำรงหลักเหตุผลจึงจะรู้ชีวิต คนที่รู้ชีวิตจึงจะรู้สถานภาพตน จิตญาณรู้หลักธรรมฟ้าเท่ากับรู้จิตญาณตน รู้จิตญาณตนจึงจะรู้วิถีธรรมฟ้า (อนุตตรธรรม) คนที่มีจิตญาณครองชีวิตและมีที่ชีวิตครองจิตญาณ จิตญาณครองชีวิตจากฟ้าจึงจะเป็นชีวิตจริง จิตญาณครองชีวิตอดีตกรรมจะจอมปลอมจิตญาณครองชีวิตอิน มืดมัวอับเฉาจะเสียหาย
        จิตญาณกับชีวิตร่วมอยู่ด้วยกัน เมื่อสำแดงคุณออกไปจะเป็นศักดานุภาพภายนอก เมื่อสำรวมเข้าไว้จะเป็นอริยภายในผู้ใหญ่ไม่ขึ้นกับฐานะสูงต่ำ ความสามารถมากน้อย เพียงรักษาสถานภาพตน ทำเต็มกำลังต่อหน้าที่รับผิดชอบ ก็เรียกได้ว่า""ผู้ใหญ่""     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
       คนตกอยู่ในทะเลทุุกข์ ถ้าไม่มีคนที่ว่ายน้ำเป็นไปฉุดช่วยก็ยากจะรอดพ้น ฉันจึงตั้งความมุ่งมั่นจะฉุดช่วยจิตวิสัยคน ช่วยชีวิตร่างกาย ช่วยได้เพียงชั่วขณะเพราะยังไม่พ้นกฏแห่งกรรม ฉุดช่วยจิตวิสัยพ้นการเวียนว่ายช่วยได้ยาวนานช่วยชีวิตร่างกายเห็นเป็นรูปธรรม ช่วยชีวิตจิตวิสัยไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่พ้นจากทะเลทุกข์ไม่ตกต่ำตลอดไป
       รู้จิตวิสัยของคนได้ จึงจะเรียกว่ารู้จักคน รู้ธาตุแท้ของสรรพสิ่ง จึงอาจใช้คุณสมบัติของสรรพสิ่งได้ นี่คือสมานกับฟ้า ฟ้าให้กำเนิดสรรพสิ่ง คนอย่างไรก็แฝงไว้ด้วยใจอย่างนั้น พูดอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ถ้าดูเขาผิดไปเท่ากับไม่รู้จิตวิสัยของเขา ก็เท่ากับไม่รู้ความเป็นธรรมะของเขา จะต้องหัวเสียเพราะเขาเหมือนพฤติกรรมแปลก ๆ ของสัตว์ของแมลง ที่เราดูแล้วไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับความโลภการเอาเปรียบแก่งแย่งของคน ถ้าดูออกว่าเขาเป็นคนประเภทใด ก็จะพูดให้เข้าถึงภาวะปัณหาของเขาได้
      คนถูกสรรพสิ่งมอมเมา เห็นเท็จเป็นจริงเรียกว่ามองไม่ทะลุปรุโปร่ง จึงกล่าวหาว่าใคร ๆ ผิดเกิดโทสะใส่เขาแท้จริงคือเราเองมองไม่ทะลุ หากมองดูเรื่องราวต่าง ๆ ได้ปรุโปร่งจะต้องขบขันเป็นแน่ มีหรือที่จะโมโหชกต่อยกัน ชีวิตตอนต้น ฉันเห็นคนในโลกไม่มีดีเลยสักคนเดียว ฉันจึงโมโห โมโหจนเลือดลมอุดตัน เกิดฝีหนองลูกใหญ่บนหน้าท้องเรื้อรังอยู่นานถึงสิบสองปี โมโหจนเกือบจะต้องตาย จนกระทั่งปีนั้น ฉันอายุสามสิบห้า เดือนอ้าย ได้ฟังแจกแจงหนังสือธรรมะได้รู้ว่าโมโหโทโสนั้นไม่ถูก จึงแหงนหน้าตำหนิตนต่อฟ้า ชั่วข้ามคืน ฝีหนองลูกใหญ่บนตัวฉันยุบหายไป พ้นจากนรกในทันที
      ฉันถูกโจมตีกระแทกกระทั้นหลายอย่าง มุ่งมั่นว่าจะไม่โกรธ ไม่บันดาลโทสะ ถูกเขาเยาะหยันจะไม่หวั่นไหว ไฟโทสะเป็นผีนรกสยบมันลงได้ โทสะจะกลายเป็นกุมารีหยก ชีวิตจิตใจไม่ถูกกดครอบบั่นทอน ขณะนั้นเราจะเป็นพุทธะ ปีนั้นฉันอยู่อำเภออันต๋าโรงงานสุราสกุลตู้ ได้พบคนสองคน (จางหมิงไจ - หลี่อวิ้นชิง )เขาเยาะหยันถากถางฉันตลอดสามวันที่นั่น ฉันฟังอยู่เงียบ ๆ ตั้งแต่เช้าจนค่ำ เสร็จงาน ตอนค่ำหลังอาหารแล้ว ฉันกับคุณเมิ่งฮั่นเฉิน ออกไปเดินเล่นที่ชายป่าโล่งแจ้ง ฉันแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังก้องฟ้า ขับพลังอินแรงกดดันภายในออกไป ไม่ให้พลังร้ายของสองคนนั่น กดครอบบั่นทอนฉันได้
       ในบทนำพระคัมภีร์สุริยะไท่หยางจิง จารึกว่า ""มีโทสะไม่บันดาล จะสลายมารภัย""มีความคับข้องปรักปรำไม่ตอบโต้คือได้บำเพ็ญ ถูกต้องแน่แท้ สิ่งฝืนทวนมาให้คุณธรรม เท่ากับเปิดโอกาสให้เรากำหนดรู้คุณธรรมภายในใจตน คนจะต้องรู้จักเสียเปรียบเสียเปรียบอย่าพูดไป คงเป็นหนี้เขาไว้ มีคนรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเราเจ็บร้อนแทน เราจะได้ยืดอายุ ถ้าถูกตีโดยไม่มีสาเหตุ ก็คือเรามีโทษบาปใช้หนี้เขาไป ยังจะต้องขอบคุณที่เขาช่วยปลดหนี้ หากไม่ถูกเขาด่าตีจะหมดหนี้ได้อย่างไร
       ฉันว่า จัณฑชนคนทรามก็มีความดี เขาอัดคนให้สำแดงความดี ช่วยคนทางอ้อม เช่นท่านจอมทัพงักฮุย เกียรติคุณสูงส่งเพราะทรราชฉินไควให้ร้าย ท่านกวนอูถูกโจโฉให้ร้าย จึงได้สำแดงเกียรติคุณสูงส่งอย่างนี้ จะไม่ขอบคุณคนร้ายได้อย่างไร ฟ้าเบื้องบนจะโปรดประทานวาสนา จะทวนกระแสมา คนจึงสะดุ้งเมื่อได้รับ คนจะให้วาสนากันจะมาตามกระแส คนจึงรู้ได้เป็นธรรมดาฉันว่าชาวโลกล้วนมีวาสนา ขัดอยู่ที่ว่ารับไว้ไม่เป็น ให้คุณธรรมมาก็กลัวจะรับไม่ได้ ไม่อยากรับไว้หารู้ไม่ว่า ธรรมะจุบรรลุได้ภายใต้ภาวะขัดฝืน คนจะตกต่ำแลวร้ายภายใต้ภาวะราบรื่น ฉะนั้นจึงว่า ดีคือส่วนนำของทราม  ทรามคือส่วนนำของดี
        ดูซิ อาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์หอมหวลชวนกิน แต่พอเน่าเสียสุดจะเหม็น ผักกาดขาวไม่หอมหวลชวนกินแต่เน่าเสียก็ไม่เหม็น ผลไม้ดิบไม่เสียหาย พอสุกก็ใกล้จะเน่า เรื่องของคน ก็เป็นไปอย่างเดียวกัน อยากจะเป็นคนดีจะต้องยอมแบกรับความขัดเคือง ถ้าแบกรับความขัดเคืองของคนร้อยพันได้ ยิ่งจะเป็นบุญวาสนาใหญ่ คนทำความดีแต่ถูกตอบสนองด้วยสิ่งเลวร้าย คนจึงพลุ่งพล่านใจ หารู้ไม่ว่าถูกหยามถูกปรักปรำนั้น ได้ลบล้างหนี้เวรกรรมไปแล้วตั้งเท่าไร เพียงน้ำใจงามของเราไม่ทรามตามไปเป็นใช้ได้ คนโง่เขลาเมื่อถูกใครเหยียดหยามหรือตำหนิว่ากล่าว ไม่เข้าใจว่าเป็นวาสนาเพิ่มพูน กลับโกรธ ความมุ่งมั่นดัังวัชระล้มเสียแล้ว ไม่เข้าใจคน จึงชอบบันดาลโทสะใส่คนโง่ นั่นคือความมุ่งมั่นดั่งวัชระระเบิดแล้ว ไม่ล้ม ไม่ระเบิด จึงจะยืนหยัดอยู่กับความมุ่งมั่นดั่งวัชระได้ ""การหล่อหลอมตนจนเข้าถึงน้ำใจคน เป็นความรู้อย่างหนึ่ง"" หล่อหลอมในหมู่ญาติมิตร หล่อหลอมสำเร็จก็จะไม่กลัวถูกชน เหมือนอิฐ เหมือนกระเบื้อง เผาจนได้ที่แล้วก็จะแข็งแกร่งทนทาน เผาไม่ได้ที่ พอถูกน้ำก็จะยุ่ย
         ทุกอย่างที่มาถึงตรงหน้า ล้วนมากับชะตาชีวิต ฉะนั้นเรื่องขัดใจ คนขัดนัยน์ตาจะต้องอดทน ท่านขงจื่อ  พระเยซู พระผู้มีพระภาคเจ้า ผจญอย่างไรก็ไม่ขัดเคือง นั่นจึงจะเรียกว่า ยอมรับชีวิตอย่างแท้จริง จึงจะบรรลุธรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
       เมื่อก่อน จางอย่าเซวียน ฟังฉันพูดกุศลคุณ ความดีคุณธรรม หลังจากนั้นเขาสละทรัพย์สินสร้างโรงเรียนทันที เขาถูกผู้คนหยามหน้า ถูกมารรังควานอย่างไรไม่ถดถอย นั่นเรียกว่า มุ่งแรงแกร่งกล้ามั่นคง หากเผชิญอุปสรรคแล้วผิดใจ แม้รับทำตามไปก็ขาดคุณธรรม เวียนวนเริ่มต้นใหม่ก็ยิ่งไม่ถูกต้อง
       เหตุใด คุณหลี่อย่งเฉิง จึงเหนือกว่าใคร ๆ เพราะเขามีพุทธญาณ จิตสำนึกของความเป็นพุทธะ ใครใช้สอยไหว้วานจะตอบรับหมด ใครตะคอกใส่ก็รับคำ ฉันจึงว่าเขาเป็นคนของโลกพุทธะ พุทธะถือเอาขันติ อุเบกขา อดทน ยอมเสียเปรียบเป็นคุณแก่ตน ซึ่งตรงกันข้ามกับชาวโลก จิตวิสัยสัญญาความจำของคน เหมือนร่างแหใยแมงมุม จับติดทุกอย่าง แต่พอเจอไฟก็ไหม้วูบไปหมด จิตวิสัยสัญญาความจำพอเจอไฟจริง พลังจิตแก่นแท้ก็สลายอนุสัยคั่งค้างได้ ใคร่จะเข้าถึงชีวิตสว่างในตน จะต้องกล่อมเกลาจิตวิสัยจะกล่อมเกลาได้ให้เริ่มจากทำใจให้ตายจากความอยาก
       สละทรัพย์ไม่สู้สละกาย สละกายไม่สู้สละใจ สละใจไม่สู้สละจิตวิสัย คนหากสละสลัดจิตวิสัยสัญญาความจำที่คั่งค้างได้ ก็นับว่าได้รับความเป็นธรรมะแล้ว ฉะนั้น ฉันสอนคนให้ปรับแปรจิตวิสัย คือ การช่วยมนุษยชาติให้จิตวิสัยศักดิ์สิทธิ์ยั่งยืน นี่เป็นคุณธรรมเมื่อครูเหอสุภาพสตรีงดสูบบุหรี่ได้ ฉันพูดธรรมะให้เธอฟังทุกวัน เธอก็ปรับแปรจิตวิสัยได้เลย ครูเหอเป็นครูในโรงเรียนสงเคราะห์สตรีคนแรก และปรับแปรจิตวิสัยตนเป็นคนแรก
        ทุกคนต่างมีจิตวิสัยสัญญาความจำคั่งค้างมา จำเป็นต้องปรับแปร เมื่อครั้งวัยรุ่น ฉันรักความเที่ยงธรรมอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ฝีหนองลูกใหญ่จึงปะทะขึ้นบนหน้าท้อง เพื่อนบ้าน แซ่ฉวี่ ป่วยฉันพูดแก้ป่วยให้หายเขาขอบคุณเอาใบชามากำนัลฉันพูดเสียงลั่นว่า"เอาไปน้อมใจแก่พี่ชายเธอ เอามาให้ฉันทำไม" เขาไม่พอใจ ฉันจึงรู้ว่าไฟจริง (พลังจิตเบิกบาน) ของฉันยังไม่ถึงขั้น ( ยังไม่สุขุมปราณีตพอ ) ภายหลังเมื่อฉันจะพูดกับใคร ฉันจะออกตัวเสียก่อนว่า""ขออภัย ฉันเป็นคนใจร้อน พูดตรง""ออกตัวรู้ตัวอย่างนี้ไม่ถึงเดือน ความใจร้อนเถระตรงก็ปรับแปรได้ นี่เป็นประสบการณ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ชาวโลกเรียนรู้ธรรมไม่สำเร็จ เพราะใฝ่สูงไม่ชอบก้มต่ำ หารู้ไม่ว่า""ที่สูงอันตราย ที่ต่ำสบาย"" ขุดบ่อยิ่งขุดต่ำยิ่งได้น้ำประตูรั่วที่กัน (ต่ำ) งาน (ต่ำ) ที่ใครไม่ทำฉันเก็บทำเขาชิงชังงานต่ำ เธออย่ารังเกียจเหมือนน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ อยู่ต่ำจึงหนุนข้างบนให้สูงได้ หนุนไว้ไม่อวดดี ไม่กลัวใครไม่เห็นนั่นเป็นธรรมะ
        จิตใจของคนมักทะยานอยาก หารู้ความเสียหายจากที่สูงที่ว่าดีนั้นไม่ นัยน์ตาปัญญาไม่เปิดจึงเห็นธรรมะผิดไป แหงนคอตั้งบ่าคว้าไขว่ แต่ไม่ก้มลงช้อนชูกอบกู้ผู้ที่อยู่ต่ำ ธรรมะจะไกลไปจากเธอ
        เรียนรู้ธรรมะ จะต้องเริ่มจากที่ต่ำ อย่ายึดหมายในนามรูป ฉันกับสหายธรรมหลิวเจิ้นหมิง เริ่มเรียนรู้ธรรมะจากการไปเดินขอทานสามเดือน เดินไปสองพันลี้ เมื่อคุณหลิวเจิ้นหมิง เข้าถึงสภาวะธรรมแล้วมีผู้ใคร่เรียนรู้ธรรมตามมา เขาผู้นั้นเกาะติดคุณหลิวเจิ้นหมิงตลอดเวลา ทำตามทุกอริยาบถ มีคนชื่นชมว่าเขาคงเข้าถึงสภาวะธรรมได้เช่นกัน แต่ฉันบอกว่าเอาเยี่ยงอย่างยึดหมายในอาการนั่ง นอน ยืน เดิน จะยิ่งห่างธรรม
       สูงมีน้อย ต่ำมีมากพูดธรรมใช้คำสูงกี่คนจะเข้าใจ จะต้องสูงได้ต่ำได้จึงจะเป็นธรรมะ สูงถ้าไม่ทะลุยอดจะไม่สำเร็จ ต่ำถ้าไม่เป็นฐานก็ไม่สำเร็จ ฉันเรียนรู้ธรรมะจากความจนและความเสียหาย คนอื่นเรียนรู้ธรรมจากทฤษฏีสูง ๆเขาจึงตามฉันไม่ทัน
       รู้เพียงพอจึงจะก้มตนต่ำลงได้ จึงจะได้รับความเป็นธรรมะ นี่เป็นหลักสำคัญ ใฝ่สูงคือโลภ กลัวความเลวร้ายคือหนืด ชอบแต่สิ่งที่ดีคือฝืน รังเกียจสื่งไม่ดีคือขาดคุณธรรม ไม่ทำหน้าที่เต็มกำลังคือละทิ้งชีวิตจากฟ้า
       คำว่า""ดี""คำเดียวนี้ได้ฝังชายชาตรีไปแล้วเท่าไร เรียนรู้ธรรมะ พึงเข้าถึงทุกระดับสถานะ ทุกสภาพ ทุกสิ่งอย่าง มิใช่เรียนรู้เฉพาะที่เขาชมว่าดีหรือคิดว่าดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        ฉันพูดเสมอว่าไม่ว่าทำการใด ๆจะศึกษาหรือเรียนรู้ธรรมะ ประการแรกจะต้องศรัทธา จริงใจ มุ่งมั่นตั้งใจ เหมือนคนหิวกระหายใคร่จะได้ดื่มกิน เอาใจใส่ หาทางจึงจะสำเร็จ ฉันก่อตั้งโรงเรียนสงเคราะสตรี ถูกโจมตีครั้งที่หนึ่ง ฉันยืนหยัดเปลี่ยนวิธีการใหม่สุดท้ายฉันพูดธรรมะของหญิงให้เขาเข้าใจ จึงได้เปิดฉากสีดำที่ครอบงำหญิงออกมาได้
        จะรู้ตื่นใจธรรมะจะต้องตั้งความมุ่งมั่น มุ่งหมายในทางใดทางหนึ่งทุกเวลา นานไป ธรรมะจะตามเข้ามาให้เข้าใจไม่จบสิ้น เหมือนคันโยกน้ำในบ่อ ยิ่งโยกน้ำยิ่งโกรก ท่อน้ำของคันโยกเล็กนิดเดียว แต่น้ำภายนอกท่อจะไหลเข้าท่อตามแรงดูดของคันโยกมากมาย ข้อธรรมะที่ตามกันเข้ามาให้เข้าใจก็เป็นเช่นนี้
        ธรรมะที่ฉันได้รับ ไม่ใช่ได้ทั้งหมดทันทีแต่เป็นทีละน้อยจากการพิจารณาเข้าถึงสรรพสิ่ง ฉันรับจ้างทำงานบ้านอาเขย หลานชายของอาเขยหยามน้ำหน้าเรียกฉันว่า" ไอ้คนงาน"ไม่เรียกน้าชายตามศักดิ์ ฉันพิจารณาหนึ่งร้อยวันจึงเข้าใจ ฉัน ยังคงพิจารณาเรื่องราวสรรพสิ่งจนเข้าถึงแก่นแท้ไปทีละอย่าง จึงตื่นใจว่าต้นกำเนิดของโลกมนุษย์ก็คือหญิงสาว ต้นกำเนิดโลกีย์วิสัยคือ อนุภรรยากลไกใหญ่ของโลกคือการเงิน เข้าไม่ถึงสามทางนี้จะปกครองโลกได้อย่างไร
        คนใคร่เข้าใจธรรมะ พึงตื่นใจในธรรมะแห่งตนเป็นเบื้องต้น จึงค่อยกระจ่างต่อความเป็นธรรมะของผู้อื่นจากนั้นไป จึงเข้าถึงธรรมะแห่งมวลชน สุดท้ายให้พิจารณาธรรมะในสรรพสิ่ง ถ้าไม่เข้าใจให้ถามเองตอบเองจะค่อย ๆ เข้าใจได้ ถามอย่างนี้เรียกว่า "ถามฟ้า" ช่วงชีวิตที่รับจ้างทำงานฉันถามตัวเองว่า"ทำไมต้องทำงาน" ตอบ "เพื่อดำรงชีวิต" "ทำไมต้องดำรงชีวิต" ตอบ "เพื่อเลี้ยงดูผู้คน" เลี้ยงดูไปทำไม" ตอบ "เพื่อเจริญธรรม" คนคือธรรมะ ฉันค่อยคิดพิจารณา ฉันได้ดำรงธรรมที่ใหนกันเป็นคนยังเป็นไม่ถูกต้องเลย พิจารณาต่อไปฉันจึงตื่นได้ในธรรมะของหญิงสาว ของภรรยา ของพ่อกับลูก สามีกับภรรยา อย่างนี้เรียกว่ารู้ตื่นใจธรรม ธรรมะเป็นภาวะจากฟ้าทุกคนล้วนมี อีกทั้งไม่เคยไปพ้นจากคน แต่วันนี้ทำไมเราจึงไม่ได้รับไว้...
        เมล็ดถั่วเมื่อเป็นต้นอ่อน จะต้องงอกเงยขึ้นไปจนกว่าจะสำเร็จเป็นเมล็ดถั่วใหม่ จึงจะนับได้ ฉันรู้ตื่นใจในธรรมข้อนี้เมื่อขณะรับจ้าง คนทำการหนึ่ง ดำเนินข้อธรรมหนึ่ง ล้วนเนื่องเกี่ยวกับความเป็นไปของฟ้าดิน กับกาลเวลาเสียดายที่คนทั่วไปผ่านเลยแล้ว ก็ไม่นึกสนุกที่จะคิดพิจารณาอีก สิ่งที่เคยทำมีเวลาให้พิจารณาใหม่ เข้าใจกระจ่างแล้วเรียกว่าสำนึกตื่น ทำผ่านแต่ไม่รู้กระจ่างเรียกว่าหลง หลงก็คือปุถุชน ผู้เรียนรู้ธรรมะจะต้องสำรวจตนเสียก่อนว่า กาย ใจ จิตญาณตน อยู่ในสภาพ อยู่ในภาวะอย่างไร มีเวลาว่างให้ย้อนคิดพิจารณา ที่ผ่านมาถูกหรือผิด บัดนี้เป็นอย่างไร ภายหน้าจะทำอย่างไร
        คนมีขอบข่ายรู้ได้ จัดการได้เพียงไร เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ จึงได้แต่โกรธใคร ๆ จนป่วย ภายหลังย้อนคิดพิจารณา เข้าใจแล้ว จึงหายป่วย

Tags: