ตามรอยอริยา
8 พระบรรพจารย์ฮุ่ยเอวี่ยน
ท่านเถาเอวียนหมิงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายอำเภอทันที ท่านเขียนกวีบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ให้ชื่อว่า "กุยชวี่ไหลฉือ กลับไปมาลา" ในปีที่ธรรมชันษาของพระบรรพจารย์ได้แปดสิบสาม (ค.ศ. 416) เป็นวันพระหนึ่งค่ำ (ซูอี) เดือนแปดสุดท้ายในโลกสำหรับท่าน ท่านอาพาทหมดแรงกระทันหันสานุศิษย์ห้อมล้อมอยู่เต็ม ศิษย์หลายคนเป็นบุคคลสำคัญในสมัยนั้น รวมถึงแพทย์ผู้มีชื่อเสียง เมื่อแพทย์ปรุงยาให้ท่านฉัน ท่านพิจารณาดมดูก่อนเห็นว่ามีเหล้าเจือปนอยู่ด้วย ก็ปฏิเสธ ศิษย์ทุกคนพร้อมใจกราบวิงวอน ขอให้ท่านฉันเพื่อรักษาอาการอาพาธเถิด ท่านกล่าวว่า "อาตมาจะละเมิดศีลโดยเห็นแก่กายสังขารได้อย่างไร " แพทย์ไม่ละความพยายาม กราบเรียนถามท่านว่า จะเปลี่ยนเป็นเหล้าข้าวหมัก ท่านส่ายหน้าปฏิเสธ แพทย์กราบเรียนถามท่านใหม่ จะเปลี่ยนเป็นน้ำผึ้งผสมน้ำ ศิษย์ทุกคนก้มกราบอ้อนวอน จนสุดท้าย ท่านจึงกล่าวว่า "เอาละ ลองไปตรวจดูในพระวินัยปิฏกว่ามีบัญญัติอนุญาตหรือไม่" ศิษย์ทุกคนดีใจรีบไปตรวจค้นกันเป็นการใหญ่ แต่ยังไม่ทันค้นพบ พระอาจารย์ก้หลับตาละสังขารไปจากสานุศิษย์ ท่ามกลางบรรยายกาสอันระทึกใจนั้น คำโบราณกล่าวไว้ว่า "เดินย่ำผ่านคมมีดนั้นง่าย ยอมตายด้วยมโนธรรมนั้นยาก เต้าไป๋เหยิ่นอี้ ชงหยงจิ้วอี้หนัน " พระบรรพจารย์ได้ทำสิ่งยากให้สำเร็จ ได้จนถึงวินาทีสุดท้าย คติธรรมของท่านเริ่มจาก
"... ท่านไม่เพียงเป็นนักคิด แต่เป็นนักปฏิบัติด้วย..." ท่านได้สำแดงคุณแห่งพุทธศาสนา ไว้ด้วยความคิดและการปฏิบัติให้เห็นอย่างแท้จริง..."
ท่านได้สำแดงคุณแห่งความเป็นพุทธะไว้ทุกขณะทุกสถานการณ์ในชีวิต ท่นปฏิเสธลาภยศสรรเสริญ จากอ๋องฮ่องเต้โดยไม่หวั่นเกราอาญาบ้านเมือง...ท่านปฏิบัติบำเพ็ญเพียรอยู่บนหลูซันอย่างสมถะ แม้แต่ลำธารหู๋ซีสายเล็กๆ สุดแนวเขตหลูซัน ท่านก็ให้เห็นเป็นกำแพงขวางกั้น
ท่านปฏิบัติบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหลูซันอย่างสมถะ ศีลวัตรที่ดูอย่างไม่สลักสำคัญอะไรนัก สำหรับท่านแล้ว ทุกอย่างเป็นพลังสร้างสมความมุ่งมั่น ยั่งยืน ในการเจริญธรรม บรรลุธรรมทั้งสิ้น สมควรที่เราศิษย์แห่งธรรมกาลยุคขาวจะเจริญรอยตาม
"ผิดวินัย แม้อยู่ได้ก็ต้องตาย
ถูกวินัย แม้ต้องตาย ก็ยืนยง
รอยเท้าที่ก้าวตาม งดงามทุกคืบวา
ประณตจรดบาทา อริยาผู้ไปดี
จบเล่ม