มาทางไหน - ไปทางนั้น : คนเคยเข้าวัดฟังธรรม อาจจะเคยได้ยินพระท่านเทศน์อุทาหรณ์เรื่องนี้มา จึงขอเล่าพอเป็นสังเขปเพื่อย้ำความจำว่า หญิงนางหนึ่ง คิดขึ้นมาได้ว่า ตนเองอายุมากขึ้นทุกที ไม่มี
ทายาท ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ตายไปใครจะทำศพให้จึงไปขอเช่าแม่วัวตัวหนึ่งมา รีดนมวัวไปขายทุกวัน และค่อย ๆ สะสมเงินไว้เพื่อใช้ซื้อโลงศพให้แก่ตนเอง หลายวันต่อมา นางรู้สึกว่ากว่าจะเก็บเงินได้ มันช่างช้านักหนา เพราระนมวัวที่รีดได้ในแต่ละวัน มันมีเพียงสองขวด จึงแอบเติมน้ำลงไปเพิ่มปริมาณสักหน่อย หลายวันผ่านไปไม่มีใครจับได้ นางจึงเติมน้ำเพิ่มขึ้นอีกหน่อย จากปริมาณวันละสองขวดเป็นสี่ขวด ความรักสวยรักงามเป็นสัญชาติญาณของผู้หญิงเมื่อเห็นหญิงที่มีฐานะสวมใส่เครื่องประดับ ทำให้หญิงนางนี้ลืมโลงศพเพื่อตนเองเสียสิ้น เงินที่สะสมไว้กลับกลายไปซื้อต่างหูตุ้งติ้งประดับอัญมณีมาสวมใส ตั้งแต่ใส่ต่างหูตุ้งติ้งแล้ว นางรู้สึกอย่างกับตนเองสวยหยดย้อยนัก อีกทั้งประหลาดแท้ ที่หูมักจะเกิดอาการคันต่อหน้าธารกำนัลจะต้องเกาเสียหน่อยทุกที จนกว่าจะมีใครชมว่าต่างหูสวย จึงจะหายคัน ภายหลังนาน ๆ เข้า อาการคันจะเป็นอยู่เสมอไม่ว่าจะต่อหน้าใครหรือตามลำพัง นางจึงติดอาการเกาหูอยู่เกือบทุกเวลา วันหนึ่งขณะทีึ่ข้ามลำธาร นางก้มลงมองดูโฉมหน้าตนเองในน้ำ ชื่นชมโสมนัสยิ่งต่อต่างหูคู่นี้ และแล้วทันที หูก็เกิดคันขึ้นมาอีก นางจึงต้องเกาไปตามความเคยชิน ปรากฏว่าเกาแรงไป ต่างหูตกลงไปในน้ำ นางรีบคว้ารีบตะกุยจนน้ำขุ่น ยิ่งขุ้ยก้นลำธารก็ยิ่งควานหาไม่พบ นางเกรงว่าต่างหูข้างขวาจะหลวมหลุดตามไป จึงยกมือขึ้นประกบไว้ แต่ไม่รู้พลาดทำอย่างไร กลับไปทำให้มันหลุดร่วงลงไปในลำธารเสียนี่ นางแทบจะคลุ้มคลั่ง ร้องไห้โฮ คุ้ยหาใต้ท้องลำธารอย่างไม่มีจุดหมาย ขณะนั้นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาถึงตรงนั้น ทรงทราบความเป็นจริงแล้ว จึงโปรดแก่นางว่า "มาทางไหน - ไปทางนั้น... ต่างหูคู่นี้มิใช่มาจากน้ำนมโคดอกหรือ น้ำนมโคมิใช่เจือน้ำลำธารลงไปดอกหรือ เท่ากับต่างหูคู่นี้ได้มาจากน้ำในลำธาร มาทางไหนจึงต้องไปทางนั้น" หญิงนางนั้นจึงรู้แจ้งพลัน ว่าสรรพสิ่งในฟ้าดินนี้ ล้วนมีเหตุต้นผลตาม ชีวิตมาแต่ใด กลับคืนไปสู่ที่ใด เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าคิดพิจารณายิ่งกว่าต่างหูนัก ข้าพเจ้าเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนที่กำลังป่วยหนักฟัง ให้เขายอมรับว่า ท่ามกลางฟ้าดินนี้มีกฏเกณฑ์ของเหตุและผลอยู่ รับผลให้สำนึกขอขมาต่อเหตุที่ทำมา ก่อนที่จะสายเกินการ หากยังขัดเคือง ด่าฟ้าดิน ด่าชะตากรรม ไม่รู้ความาผิดตน ก็ไม่พ้นหนี้เวรกรรมตามสนอง เพื่อนอัมพาตผู้นี้ มีร้านขายเครื่องไฟฟ้าที่ใหญ่มากในต่างจังหวัด เงินทองสะพัดเกือบล้านในแต่ละวัน แต่สุดท้าย ที่สร้างสมมาหลายปีก็มีอันหมดสิ้นไปในเวลาปีเดียว ด้วยเหตุที่พนักงานเก็บบัญชีหอบเงินก้อนใหญ่หนีไป เงินฝากนทรัสต์เป็นโฒฆะ แชร์ที่เล่นไว้หลายวงล้มหมด เสียหายติด ๆ กันหลายเรื่องหลายราย จนในที่สุดจนหนี้ล้นท้นตัว เพื่อนคนนี้มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ประสาทสมองไม่อาจรับสภาพ กดดันในภาวะวิกฤตขนาดนี้ได้หลายครั้งหลายหนติดต่อกัน จึงเส้นโลหิตในสมองแตก ต้องนอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง ที่ข้าพเจ้าเล่าเรื่อง "มาทางไหน - ไปทางนั้น" ให้เพื่อนฟังเพราะข้าพเจ้ารู้ดีว่า เขาโกงเงินจากน้าสาว หรืออักนัยหนึ่งคือแม่ยายมาตั้งตัว เพื่อนของข้าพเจ้าคนนี้แซ่ฮ้อ เขาจบเภสัชฯ แล้วไปช่วยคุมร้ายขายยาของน้าสาวที่อิสาน ไม่นานเกิดรักใคร่กับลูกสาวของน้าสาวจึงแต่งงานกัน นายฮ้อจึงได้เป็นลูกเขยผู้ดูแลกิจการร้านขายยาสามห้องใหญ่อย่างเต็มตัว น้าสาวน้าเขยหรืออีกนัยหนึ่งคือพ่อตาแม่ยาย เป็นคนซื่อตรง สร้างกิจการร้านขายยา พร้อมกับเป็นตัวแทนยาบางอย่างมาด้วยความขยันอดออม พ่อแม่ลูกช่วยกัน ไม่จ้างคนนอก เมื่อเขยศรีมาช่วย จึงได้ให้ลูกชายสองคนไปเรียนต่อ สองตายายไว้วางใจลูกเขยมาก ไม่ว่าบัญชีหรือเงินสด เงินทุกบาททุกสตางค์อยู่ในมือของลูกเขย แรกทีเดียว นายฮ้อยักยอกแต่ดอกเบี้ย ต่อมาไม่จุใจ ยักย้ายถ่ายเทบัญชีเงินฝาก จากนั้นก็แอบไปซื้อที่ ซื้อตึกแถวหลายห้องที่จังหวัดภาคใต้ภูมิลำเนาของตน ส่วนกิจการขายยาของน้าสาวกลับกลายเป็นเงินหมุนเวียนติดขัด เพราะทางธนาคารไม่ให้เครดิตอีก จากที่เคยมีเงินฝาก กลับกลายเป็นต้องกู้เงิน ยาที่มาส่งต่างเรียกร้องเงินสด ไม่ให้เครดิตค้่างชำระอีก เรื่องจึงถูกเปิดเผยว่าลูกเขยเล่นไม่ซื่อ นายฮ้อทิ้งผลงานคดโกงไว้ที่อิสาน กลับมาเป็นเถ้าแก่ร้านขายเครื่องไฟฟ้าที่บ้านทางใต้ เวลาผ่านไปสามปี กรรมที่ทำไว้ตกผลแล้ว วันนี้นายฮ้อต้องนอนเป็นท่อนไม้อยู่คนเดียว ไม่มีใครใยดี หนึ่งชีวิต กับเงินทองที่คดโกงมา ยังจะเหลือค่าอเะไรให้ภาคภูมิใจได้อีก