การให้ทรัพย์เป็นทาน
การให้ทาน คำ ๆ นี้ฟังดูเหมือนง่ายดาย แต่หากจะให้เข้าใจอย่างถ่องแท้นั้น ความหมายกลับลึกซึ้งยิ่งนัก ในคัมภีร์กล่าวไว้ดังนี้ว่า พระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาจะบำเพ็ญให้สมบูรณืพร้อม พึงต้องเพียรบำเพ็ญในบารมีหก (ปารมิตาหก) คือ การบำเพ็ญในทานบารมี ขันติบารมี วิริยะบารมี ฌานบารมี และปัญญาบารมี เพื่อให้บรรลุถึงอิสรเสรีที่สมบูรณ์ ทุกท่านมีความอิสรเสรีหรือไม่ หากไม่รู้สึกเป็นอิสระแสดงว่าภายในใจของเรายังมีความกลัดกลุ้มใจ อึดอัดคับข้องใจ จนถึงขั้นโกรธเกรี้ยวโมโห แสดงว่าในความคิดของเรายังมีความวุ่นวาย พระโพธิสัตว์เมตตาบอกให้เรารู้จักบำเพ็ญบารมีหก จึงจะสามารถข้ามไปสู่ฟากฝั่งแห่งปัญญาได้ บารมีหก ข้อแรกคือ ทานบารมี ส่วนศีลบารมี ขันติบารมี วิริยะบารมี ฌานบารมี ปัญญาบารมี ล้วนใช้สำหรับบำเพ็ญตนเอง มีเพียงทานบารมีที่สร้างคุณประโยชน์เพื่อผู้อื่น พระโพธิสัตว์เมตตาตรัสสอนให้เรารู้ว่า ควรจะเริ่มต้นที่ทานบารมีก่อน การให้ทานก็คือ การนำสิ่งของที่เรามี หรือสิ่งที่เราสามารถทำได้ อุทิศให้กับผู้ที่ต้องการ การให้ทาน การทำความดีต่าง ๆ ควรกระทำอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่บังคับฝืนใจที่จะทำ การให้ทานแบ่งออกเป็น การให้ทรัพย์เป็นทาน การให้ธรรมะเป็นทาน และอภัยทาน (แรงกายเป็นทาน) การให้ทรัพย์เป็นทาน ก็คือการนำทรัพย์สินเงินทอง หรืิอสิ่งของที่มีรูปลักษณ์มอบให้กับผู้อื่น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เช่น ในปัจจุบันที่องค์กรการกุศลทำกิจกรรมเปลี่ยนเพชรเป็นก้อนอิฐ โดยการนำเพชร อัญมณี วัตถุโบราณของเก่า ภาพวาด มาประมูลขายเพื่อนำเงินที่ได้มาสร้างวัด สร้า่งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นต้น เช่นนี้ก็เรียกว่าการให้ทรัพย์เป็นทาน แต่พระแม่องค์ธรรมบอกกับพวกเราว่า "มิได้ใฝ่เงินทองของลูก ขอเพียงลูกมีจิตใจดีงาม" ดังนั้นวันนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่มีหรือไม่มีเงิน แต่ดูที่ว่าเรามีใจคิดที่จะให้ทานหรือไม่เท่านั้น ภายในจิตใจเรามีความคิดอยากที่จะช่วยเหลือผู้อื่นหรือไม่ ในวันนี้การที่เรารู้จักนำเงินออกมาบริจาค ก็เปรียบเหมือนกับการนำเงินทองที่มีอยู่บนโลกมาซื้อมรรคผลแห่งธรรมในแดนสุขาวดี เช่น ทุกวันนี้สถานธรรมจัดชั้นก็ต้องใช้เงินซื้อผลไม้ พิมพ์หนังสือธรรมะก็จำเป็นต้องใช้เงิน สิ่งเหล่านี้ยังจำเป็นต้องอาศัยการบริจาคจากบุคคลต่างๆ พระอาจารย์เมตตาดังนี้ "ศิษย์ต้องรู้จักเป็นคนหูตากว้างไกล" เช่นวันนี้จัดชั้นประชุมมีคนซื้อผลไม้มาแล้ว เราก็ไปช่วยล้างผลไม้ จัดพานผลไม้ เช่นนี้เป็นวิธีหนึ่งในการให้ทานที่ไร้รูปลักษณ์ การให้ทาน สามารถขจัดความยากจน ชาตินี้เกิดมายากจน เหตุเพราะอดีตชาติไม่ได้บำเพ็ญบุญวาสนา ไม่ได้บำเพ็ญทาน ไม่เคยทำความดีสั่งสมบุญวาสนา ทำให้ชาตินี้เกิดมายากจน ดังนั้น หากเราอยากที่จะขจัดความยากจนก็ต้องรู้จักบริจาคให้ทาน
ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานในการรถไฟ รายได้ไม่มากนัก เขาจึงทำงานเพิ่มหารายได้พิเศษ แต่ว่าน่าแปลกใจมาก เพราระทั้งที่ทำงานเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เหลือเงินเก็บ เพราะคนในครอบครัวป่วยและด้วยเหตุผลอื่น ๆ อีกมากทำให้ต้องใช้เงินจนหมด เคยมีคนบอกกับเขาว่า คุณต้องรู้จักหมั่นทำบุญให้ทาน นำเงินส่วนที่หาได้มาบริจาคให้ทาน เขาก็ลองไปทำดู น่าแปลกมากที่สมาชิกในครอบครัวของเราไม่มีเจ็บป่วยอีกเลย เงินทองก็ค่อย ๆ สามารถเก็บสะสมได้มากขึ้น ดังนั้น วิธีที่จะขจัดความยากจน มีเพียงวิธีเดียวก็คือ การรู้จักหมั่นทำบุญให้ทาน คุณประโยชน์ข้อแรกของการให้ทานก็คืองานต่าง ๆ ที่ทำก็จะราบรื่น การให้ทานที่แท้จริงไม่ต้องลังเลกลัวว่าจะเป็นพระปลอม ในทุกวันนี้ที่เราบริจาคทานก็เพื่อฝึกฝนบ่มเพาะจิตใจที่เมตตากรุณา มีญาติธรรมท่านหนึ่งเวลาทำบุญให้ทานจะไม่ใส่ใจว่าผู้รับทานจะเดือดร้อนจริงหรือปลอม จะให้ทานด้วยใจที่ศรัทธาแท้จริง ทำให้ครั้งหนึ่งเขารอดพ้นจากเคราะห์ภัยมาได้ ดังนั้นคุณประโยชน์ของการให้ทาน ยังสามารถช่วยแปรเปลี่ยนเรื่องร้ายที่ตามองไม่เห็นให้หมดไปได้ ช่วยให้อาชีพการงานของเราราบรื่นหรือได้รับทรัพย์ การให้ทรัพย์เป็นทานส่งผลประโยชน์กลับมาโดยที่ตาเรามองไม่เห็น
ครั้งหนึ่งในชั้นประชุมที่ประเทศสิงคโปร์ พระอาจารย์เสด็จประทับทิบญาณ และมีคนถามว่า "เพราระเหตุใดคุณจางหรงฟา เจ้าของธุรกิจเครือ Evergreen (รวมทั้งสายการบินอีว่า Eva Air) ถึงมีเงินทองมากมาย เหตุเพราะในอดีตชาติได้เคยบริจาคทานเป็นจำนวนมาก ในสมัยราชวงศ์ซ่ง พระอาจารย์จี้กงมีนามอีกนามหนึ่งว่า หลี่ซิวเอวี๋ยน มีครั้งหนึ่งเกิดไฟไหม้ที่วัดบวกกับกลุ่มพระส่วนหนึ่งในวัดต้องการให้ร้ายพระอาจารย์จี้กง จึงกำหนดเงื่อนไขว่าต้องออกไปขอบิณฑบาตไม้ทั้งหมด ที่จะเอามาสร้างบูรณะวัดให้ได้ภายในสามวัน พระอาจารย์จี้กงหายไปสามวัน จนกระทั่งพลบค่ำของวันที่สาม ปรากฏว่ามีไม้ซุงโผล่ขึ้นมาทีละต้น ๆ จากบ่อน้ำที่อยู่ภายในวัด ที่แท้พระอาจารย์จี้กงไปขอบิณฑบาตไม้จากเจ้าของกิจการค้าไม้คนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นกำลังจัดงานเลี้ยงรับแขกอยู่ พระอาจารย์เข้าไปขอบิณฑบาตไม้ไปสร้างวัด เจ้าของไม้ถามว่า "ท่านต้องการจำนวนเท่าไหร่" พระอาจารย์บอก "ต้องการเพียงแค่จีวรคลุมได้เท่านั้น" เจ้าของไม้มองแล้วคิดในใจ จีวรขาด ๆ เก่า ๆ อย่างมากก็คลุมได้เพียงไม้ซุงต้นเดียว จึงเอ่ยปากไปว่า "ตกลง" จากนั้น พระอาจารย์จี้กงถอดจีวรออกแล้วโยนขึ้นไปกลางอากาศ ปรากฏว่าสามารถครอบคลุมไม้บนภูเขาได้ทั้งหมด เศรษฐีเจ้าของไม้เห็นปาฏิหาริย์เช่นนี้ รู้ได้ทันทีว่าพระที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้ารูปนี้เป็นพระพุทธะเดินดิิน จึงยินดีบริจาคไม้ทั้งหมดบนภูเขาให้พระอาจารย์จี้กง นี้ก็เป็นเพราะว่าคุ๕จางหรงฟา เจ้าของธุรกิจเครือEvergreen ในอดีตชาติคือ เจ้าของไม้ที่บริจาคให้กับพระอาจารย์จี้กง เพราะว่าเคยได้บริจาคทานจำนวนมาก ปัจจุบันจึงเกิดมามีเงินทองมากมาย ดังนั้น คนที่เกิดมาร่ำรวยล้วนมีเหตุที่มาทั้งสิ้น