collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: "ตุ๊กตุ๊กไฮบริด" วิ่งได้ไม่ง้อน้ำมันทีเด็ดจากม.มหานคร  (อ่าน 2026 ครั้ง)

ออฟไลน์ CSC บริการมิตรธรรม

  • มิตรนักธรรม
"ตุ๊กตุ๊กไฮบริด" วิ่งได้ไม่ง้อน้ำมันทีเด็ดจากม.มหานคร
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กันยายน 2551 15:46 น.

 

 
 
  ม.เทคโนโลยีมหานคร แปลงโฉมรถตุ๊กตุ๊กกลายเป็น “รถตุ๊กตุ๊กไฮบริด” รูปแบบใหม่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานระบบร่วม ป้องกันมลพิษทางเสียงและอากาศ อีกทั้งช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมรถตุ๊กตุ๊กของคนไทย
      
       ปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศถือว่าเป็นปัญหาหลักตาเมืองใหญ่ๆ ที่มีการจราจรคับคั่ง ซึ่งสาเหตุมาจากไอเสียของรถยนต์ที่มีส่วนผสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ
      
       ทั้งนี้ อาจารย์รัชต มั่งมีชัย และนักศึกษา ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ได้คิดค้นพัฒนารถยนต์สำหรับศตวรรษใหม่ โดยการแปลงโฉม “รถตุ๊กตุ๊ก” จากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2 จังหวะ และมักก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ “โครงการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าระบบพลังงานร่วม” หรือเรียกสั้นว่า “รถตุ๊กตุ๊กไฮบริด” ซึ่งมีรูปแบบของรถยนต์มลพิษต่ำ และเหมาะที่จะนำมาวิ่งในเขตที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น
      
       อาจารย์รัชต กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกรถตุ๊กตุ๊กมาเป็นต้นแบบของรถยนต์ประหยัดพลังงานในครั้งนี้ “รถตุ๊กตุ๊กสามารถผลิตได้ครบวงจรในประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง โดยภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าได้ดัดแปลงตุ๊กตุ๊กให้เป็นระบบไฮบริด (Hybrid) ที่สามารถทำงานได้ 2 รูปแบบ คือ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หรือใช้ได้ทั้งแบตเตอรี่และน้ำมัน โดยความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้เชื้อเพลิงระบบพลังงานร่วมกับแบตเตอรี่และน้ำมันจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว”
      
       สำหรับระบบการทำงานของเครื่องยนต์รถตุ๊กตุ๊กไฮบริด จะใช้พลังงานระบบร่วม โดยแบ่งออกเป็น 3 ระบบสำคัญ ได้แก่ การใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ซึ่งใช้หลักการประจุไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ วิธีนี้จะถูกกว่าการใช้เครื่องขับเจเนอเรเตอร์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเพื่อมาประจุเข้ากับแบตเตอรี่ เนื่องจากจะมีค่าสูญเสียมาก ซึ่งการประจุไฟฟ้าจะใช้ไฟ 220 โวลต์ ผ่านเครื่องประจุไฟฟ้า
      
       “การประจุไฟฟ้าแบบช้าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการประจุไฟฟ้าแบบเร็ว เนื่องจากใช้เวลามากกว่าในการประจุไฟฟ้า โดยมีวงจรปรับแรงดันเป็นตัวปรับในการประจุไฟฟ้า และที่สำคัญการวิ่งด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว
      
       เหมาะสำหรับใช้ในกรณีที่ต้องการวิ่งในสถานที่ที่ไม่ต้องการความเร็วสูง คือ ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทางใกล้ไม่เกิน 35 กิโลเมตร ระดับถนนในแนวระนาบจึงเหมาะกับเมืองใหญ่ที่มีการจราจรติดขัด เพราะต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำ จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของมลพิษทางเสียงและทางอากาศ โดยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวมาขับเพลาเพื่อขับเคลื่อนล้อและมีเกียร์เป็นตัวทดรอบ”
      
       ส่วนการวิ่งด้วยพลังงานจากน้ำมัน จะใช้วิ่งในกรณีที่มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงใช้กำลังไฟฟ้าไม่เกิน 2000 วัตต์ เนื่องจากเจเนอเรเตอร์ สามารถจ่ายเอาท์พุตได้ที่ 2000 วัตต์ “ในกระบวนการนี้รถสามารถวิ่งได้ที่ความเร็วต่ำว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสตรงจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เจเนอเรเตอร์จ่ายไฟฟ้าผ่านเครื่องประจุมาขับเคลื่อนล้อ ซึ่งพลังงานที่เหลือจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงสามารถเก็บประจุเข้าในแบตเตอรี่ได้”
      
       การวิ่งด้วยพลังงานจากน้ำมันและพลังงานจากแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับวิ่งที่ระยะทางไกลที่ความเร็วสูงกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป และต้องการพลังงานในการขับเคลื่อนมาก “ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบบเตอรี่และจากน้ำมัน ซึ่งใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเดินเครื่องยนต์เพื่อขับเจเนอเรเดอร์จ่ายไฟฟ้าผ่านเครื่องประจุมาขับเพลารถเพื่อขับเคลื่อนล้อ ซึ่งเจเนอเรเดอร์จะจ่ายการวิ่งและน้ำหนักในการบรรทุกของรถ”
      
       ด้านต้นทุนการผลิตรถตุ๊กตุ๊กไฮบริดต้นแบบ อาจาย์รัชต กล่าวว่า อยู่ที่ 500,000 บาท หากต่อไปมีการผลิตเพื่อขายก็จะมีราคาประมาณ 300,000 บาท เช่นเดียวกับรถไฮบริดทั่วไป
       "รถตุ๊กตุ๊กทั่วไปมีราคาประมาณคันละ 75,000 บาท แต่เป็นเครื่องยนต์มือสองแบบสองจังหวะที่ไม่นิยมใช้กันแล้ว เพราะสร้างมลพิษมาก ซึ่งแตกต่างจากข้อดีของรถตุ๊กตุ๊กไฮบริดคือ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศน้อย สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ตลอดเวลาจึงประหยัดพลังงาน ลดการนำเข้าน้ำมัน และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรมรถตุ๊กตุ๊กของคนไทย"
 
 
 
 
 
 
 

Tags: